ตอนที่ 15
ทั้งโสภีและพฤกษ์ถูกซ้อมสะบักสะบอมหน้าตายับเยิน เขายังพอมีสติ แต่เธอคอพับสลบเหมือดไปเรียบร้อยเขาค่อยๆพาร่างบอบช้ำของโสภีกลับไปยังกระต๊อบซอมซ่อ หาผ้าสะอาดเท่าที่จะหาได้มาเช็ดคราบเลือดออกจากหน้าตาเนื้อตัว แผลของเธออักเสบจนจับไข้ตัวสั่น พฤกษ์ร้อนใจมากพยายามค้นหายาหรืออุปกรณ์สำหรับทำแผลแต่ไม่เจอสักอย่าง ทรุดลงนั่งข้างๆจับมือเธอไว้
“ฉันจะทำยังไงดี...ฉันจะช่วยเธอยังไงดี...โสภี”
แต่แล้วเขานึกถึงวงเดือนขึ้นมาได้ จ้ำพรวดๆออกไปทันที...
ชอุ่มรอจังหวะที่วงเดือนนั่งจัดดอกไม้อยู่เพียงลำพัง รีบเข้าไปสัมภาษณ์ด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่าไปตัดชุดแต่งงานเป็นอย่างไรบ้าง ตัดเสร็จเมื่อไหร่เธอขอดูด้วย ถึงแม้ชาตินี้เธอจะไม่มีบุญได้ใส่ แค่ขอแตะๆสักนิดก็ยังดี วงเดือนนั่งนิ่งไม่อยากพูดถึง ชอุ่มมองอย่างรู้ทัน ออกปากว่าถ้าเป็นกังวลเรื่องโฉมไฉไลจะมากลั่นแกล้ง ก็ไม่ต้องกลัว เธอจะไม่ยอมให้แม่นั่นมาทำอะไรวงเดือนของเธอแน่ๆ หญิงสาวซึ้งใจมาก
“น้าชอุ่ม...ขอบคุณน้ามากนะ ที่รักและเมตตาเดือนมาตลอด ตั้งแต่เดือนเข้ามาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เด็ก เดือนก็มีน้าชอุ่มคนเดียวที่คอยดูแลและเป็นที่พึ่งของเดือน จนถึงวันนี้มีอะไรผ่านเข้ามาในชีวิตเดือนมากมายนับไม่ถ้วน ต่อไป ชีวิตเดือน จะเป็นยังไงก็ไม่รู้” เธอน้ำตาซึม ชอุ่มลูบหลังเธอเบาๆให้กำลังใจ
“เดือน...คนดีน่ะตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ เดือนเป็นคนดี เทวดาย่อมคุ้มครอง ชีวิตของเดือนจะต้องได้ดี มีแต่ความสุขความเจริญ เชื่อน้าสิ...แต่ตอนนี้ ชีวิตน้าอาจจะรันทดได้ ถ้ายังไม่รีบเอาดอกไม้ไปเปลี่ยนที่ห้องพระของคุณผู้หญิง...น้าไปก่อนล่ะนะเดือน...อ้อ...อย่าลืมนะ ชุดเจ้าสาวเสร็จเมื่อไหร่ อย่าลืมให้น้าแตะๆ” เธอยิ้มแฉ่งแล้วคว้าถาดใส่ดอกไม้ก้าวฉับๆออกไป วงเดือนมองตามยิ้มๆ แต่ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงใครบางคนร้องเรียก
เธอหันมองตามเสียง เห็นพฤกษ์ค่อยๆโผล่หน้าออกจากที่ซ่อน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา เธอจึงขอให้เขาเข้าไปคุยกันในบ้าน เขาไม่ยอมเข้า อ้างว่าตัวซวยอย่างเขาคงไม่มีใครอยาก ให้เหยียบเข้าไปในบ้านนี้อีก แต่ที่เขามาที่นี่เพราะมีเรื่องสำคัญจะขอร้องให้เธอช่วย เธอมองเขาสีหน้าเต็มไปด้วยคำถาม...
ขณะที่อนงค์เดินมาตามทางจะเข้าบ้านแสนสมุทร ต้องหยุดกึกเมื่อเห็นพฤกษ์กับวงเดือนเดินลับๆล่อๆกำลังจะออกจากบ้าน ในมือชายหนุ่มมีผ้าห่อใหญ่ซึ่งความจริงแล้วเป็นอุปกรณ์ในการทำแผล เธอรีบหาที่ซ่อนตัวรอจนทั้งคู่ผ่านหน้าไป จึงค่อยๆออกจากที่ซ่อน
“นังวงเดือน ที่แท้...แกก็แอบเป็นชู้กับผัวลูกสาวฉัน...ฮึ่ม...ร้ายกาจที่สุด ต้องตามไปจับให้ได้คาหนังคาเขาว่ามันแอบไปกกกันที่ไหน” เธอว่าแล้วจะเดินตาม แต่ดันเหยียบขี้หมาเสียก่อน ด้วยความขยะแขยงรีบเอารองเท้าถู กับหญ้าแถวนั้น พอเงยหน้าขึ้นมองอีกทีต้องเจ็บใจที่ทั้งคู่หายไปแล้ว รีบนำเรื่องนี้ไปฟ้องลูกสาว
“อะไรนะหม่าม้า...พฤกษ์กับนังวงเดือนมันเล่นชู้กันหรือ?” โฉมไฉไลโวยลั่น
“ล้านเปอร์เซ็นต์ ฉันเห็นเต็มๆสองลูกตากับอีกหนึ่งเท้า เหม็นมาก...” อนงค์ยังพูดไม่ทันจบ
โฉมไฉไลชิงพูดตัดหน้าเสียก่อน “เอาล่ะ...พอๆๆ ขี้เกียจฟังเสียเวลา...เพราะตอนนี้โฉมมีเรื่องสำคัญที่ต้องใช้เวลาและ...ใช้สมองคิดมากกว่าแยะ” เธอตาวาวโรจน์อย่างมีแผน
ooooooo
อีกมุมหนึ่งของบ้านแสนสมุทร อนุต ศรีดารา และเมฆากำลังคุยกันถึงเรื่องที่เมฆาพาวงเดือนไปตัดชุดแต่งงานด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส อนุตอดถามถึงภูผาไม่ได้ว่าก่อเรื่องวุ่นวายอะไรอีกหรือเปล่า
“อ๋อ...ไม่มีครับ คุณพ่อไม่ต้องเป็นห่วง ของพี่ผาเรียบร้อยดีมาก...ทุกอย่าง” เมฆายิ้มมีเลศนัย ระหว่างนั้นภูผากับหนูนาเดินผ่านมาพอดี ศรีดาราเรียกให้ทั้งคู่มา ร่วมวงสนทนา เมฆาสบช่องทันที
“เมื่อครู่ คุณพ่อเป็นห่วง ถามเรื่องชุดแต่งงานของพี่ผากับหนูนา ผมก็เรียนไปว่าเรียบร้อยดีมาก...ทุกอย่างจริง ไหมครับพี่” เขาว่าแล้วยิ้มกวน ภูผาได้แต่นั่งนิ่งไม่อยากยุ่งด้วย โฉมไฉไลซึ่งแอบฟังอยู่ พอได้ยินศรีดาราชวนหนูนาขึ้นไปเลือกเครื่องประดับสำหรับใส่งานแต่งงาน รีบเข้าไปเสนอหน้า
“คุยอะไรกันอยู่คะ น่าสนุกจัง...ขอโฉมคุยด้วยคนสิคะ...คุณแม่...เอ๊ะ...ว่าที่เจ้าสาวหายไปไหนคนหนึ่งล่ะคะเมฆา...ว้า แย่จัง มัวแต่ปล่อยให้คุณพ่อคุณแม่ เมฆา แล้วไหนยังจะคุณภูผาต้องเตรียมงานแต่งงานกันจ้าละหวั่น แต่ตัวเองกลับแอบหายไปทำอะไรอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ อย่างนี้มันใช้ไม่ได้เลย จริงไหมคะคุณแม่”
ศรีดาราถึงกับอึ้ง ขณะที่เมฆาอดสงสัยไม่ได้ว่าโฉมไฉไลคิดจะทำอะไรกันแน่...
ครู่ต่อมา โฉมไฉไลออกมาเดินเล่นที่สนามหญ้าอย่างอารมณ์ดี หลังจากเปิดประเด็นเรื่องวงเดือนให้ค้างคาใจใครต่อใคร เมฆามาจากไหนไม่รู้ ฉกตัวเธอไปยังมุมลับตาคน ก่อนจะตะคอกถามว่ามีอะไรอีก
“อะไร?...ยังไง?...มีอะไรหรือคะ...ผัวขา เมียไม่รู้เรื่อง” เธอตีหน้าตาย เขาโมโหขยํ้าคอเธอไว้
“หยุดลีลาซะที เมื่อครู่ที่พูดเรื่องวงเดือน...มีอะไรบอกมา” เขาเค้นคอหนักมือขึ้นอีก เธอปัดมือเขาออก โวยลั่นว่าบีบคอแบบนี้แล้วจะให้พูดอะไรได้ เขาเตือนว่าอย่ามาทำสำออย มีอะไรก็ว่ามา เธอกลับบอกว่าไม่มีอะไร แค่ถามไปตามที่เห็น เขาฉุนขาด ดันเธอติดกำแพงบ้าน สั่งให้พูดมาให้หมด คนอย่างเธอต้องมีอะไรมากกว่านั้นแน่
“เอ๊ะ...บอกว่าไม่มีอะไรก็ไม่มีอะไรสิ...นี่คุณระแวงอะไรนังวงเดือนอยู่หรือไง ไหนว่ารักกันนักรักกันหนาคุณระแวงว่าที่เจ้าสาวคนดีของคุณอยู่ใช่ไหมล่ะ” เธอหัวเราะยั่ว เขายิ่งโกรธ
“หุบปาก...ฉันไม่มีวันระแวงเดือน ฉันกับเดือนรักกัน ...เรารักกัน ส่วนเธอก็เลิกอิจฉาเดือนแล้วก็ไปตามหาสามีพากลับบ้านมาปรับปรุงตัวให้เป็นผู้เป็นคนกับเขาสักที หัดทำหน้าที่เมียที่ดีให้ได้สักครั้งในชาตินี้จะได้ไหม โฉมไฉไล” เขาพูดจบผลักเธอพ้นทาง ก่อนจะเดินจากไป
“ตามแน่...ฉันจะไปตามผัวฉันกลับมาแน่ ว่าแต่คุณเถอะ เตรียมทำใจล่วงหน้าด้วยละกันเมฆา เพราะฉันอาจจะลากคอผัวฉันกลับมาพร้อมกับว่าที่เมียของคุณนั่นแหละ” เธอหัวเราะร่วน สะใจ
ooooooo
หลังจากวงเดือนช่วยทำแผล และเช็ดเนื้อเช็ดตัวเพื่อลดไข้ให้โสภีแล้ว หันไปถามพฤกษ์ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา ทำไมถึงตกอยู่ในสภาพแบบนี้ เขาตัดสินใจเล่าทุกอย่างให้เธอฟัง หญิงสาวถึงกับอึ้ง พูดอะไรไม่ออก
“ชีวิตฉันมันบัดซบมากใช่ไหมเดือน...นึกไม่ถึงใช่ไหมว่ามันจะเลวร้ายได้ถึงขนาดนี้”
เธอปลอบว่าชีวิตก็เหมือนทะเล มีบางวันที่คลื่นลมสงบ และบางวันก็มีลมพายุซัดกระหน่ำทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง แต่หลังจากพายุผ่านไป ความสวยงามความสงบก็จะกลับคืนมาเสมอ เขาน่าจะทราบดีเพราะต้องออกเรือเผชิญทั้งพายุและความงดงามของท้องทะเลนับครั้งไม่ถ้วน เรื่องแค่นี้อย่าเพิ่งท้อแท้
“เดือน...ก็เพราะอย่างนี้ใครๆถึงได้รุมรักเธอกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะอรุณ ภูผา เมฆา รวมทั้งฉัน...เธอเป็นคนจิตใจดี ที่สำคัญคือเข้มแข็ง...ฉันเองซะอีกเป็นผู้ชายแท้ๆแต่กลับอ่อนแอ สู้เธอก็ไม่ได้”
เธอแตะมือเขาเบาๆเพื่อเป็นกำลังใจ ก่อนจะขอร้องให้เขากลับไปเล่าทุกอย่างให้พ่อกับแม่ของเขาฟังเหมือนที่เล่าให้เธอฟัง เธอเชื่อว่าท่านทั้งสองต้องให้อภัยเขา
“เรื่องนั้น ฉันไม่หวังหรอกเดือน...ฉันเป็นห่วงโสภี” เขาว่าแล้วหันมองโสภีที่นอนซมเพราะพิษไข้...ไม่นานนักพฤกษ์พาวงเดือนมาส่งบ้าน เธอชวนเขาเข้าไปข้างในก่อน แต่เขาส่ายหน้า ก่อนจะนึกขึ้นได้
“เดือน...อาการโสภีจะเป็นยังไงบ้าง ฉันกลัวว่าจะเป็นอะไรขึ้นมา อีกอย่าง ก็ไม่มีปัญญาพาไปหาหมอด้วย”
“ไม่ต้องห่วงค่ะคุณพฤกษ์ เดือนจะไปช่วยดูอาการให้ทุกวัน”
“ขอบใจมากเลยนะเดือน...งั้นฉันกลับก่อน เดี๋ยวใครจะมาเห็นเข้า” เขายิ้มให้ ก่อนจะวิ่งปรู๊ดออกไป...
อีกด้านหนึ่งไม่ห่างจากจุดที่วงเดือนยืนอยู่ หนูนาพยายามออดอ้อนให้ภูผากลับไปแต่งงานที่ไร่ของเราเขาลูบหัวเธอด้วยความสงสาร วงเดือนเดินมาเห็นภาพบาดตา ถึงกับชะงัก
“หนูนา...ยังไงฉันก็ต้องพาเธอกลับบ้าน เราจะอยู่ที่นี่กันอีกไม่นานหรอก ไม่ต้องห่วงนะ”
เธอจับมือเขาขึ้นมาแนบแก้ม วงเดือนทนดูต่อไปไม่ไหว หันหลังจะเดินหนี อารามรีบร้อนห่อผ้าใส่อุปกรณ์ทำแผลปัดไปโดนของแถวนั้นหล่นพื้นเสียงดัง ทั้งสองคนหันขวับมาเห็น เธออายมากที่ทำเหมือนแอบดูคู่รักจู๋จี๋กันรีบขอโทษแล้วก้มหน้างุดๆจะเดินหนี ภูผาฉุดมือหนูนาตัวปลิวตามไปดักหน้าไว้ เห็นห่อผ้าในมือเธอ ถามกวนประสาทว่านั่นอะไร เธอปฏิเสธว่าไม่มีอะไร
“เธอหายไปไหน ไปทำอะไรกับใครมา” เขาเผลอตัวซักเป็นการใหญ่
“ทำไมเดือนต้องตอบ...เดือนจะไปไหนมาไหน ไปทำอะไรกับใคร แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณ...ขอถามหน่อยคุณมีสิทธิ์อะไรมาถามเดือนไม่ทราบคุณภูผา...ถ้าตอบไม่ได้ว่าคุณมีสิทธิ์อะไร ก็ไม่ต้องมาถาม” เธอต่อว่าจบ เดินสะบัดออกไป ภูผามองตามทั้งน้อยใจทั้งเสียใจปนกัน หนูนาเจ็บจี๊ดเข้าไปถึงหัวใจที่เห็นเขายังตัดใจจากเธอไม่ได้...
ด้านวงเดือนทำปากเก่งต่อหน้าภูผา แต่พออยู่เพียงลำพังในห้องตัวเอง ความเสียใจท่วมท้น ร้องไห้โฮ...
ภูผาเองก็รู้สึกไม่ต่างจากวงเดือน ยิ่งหวนคิดถึงภาพความหลังเมื่อครั้งความรักระหว่างเขากับเธอยังหวานชื่น ยิ่งปวดร้าวใจ พาลปัดข้าวของใกล้มือกระเด็นตกลงไปตรงเท้าหนูนาซึ่งเพิ่งเดินเข้ามา เธอก้มเก็บของชิ้นนั้นไปวางไว้ที่เดิม แล้วขยับจะออกจากห้อง เขาร้องเรียกเธอไว้
“หนูนา...ไม่ต้องห่วงนะยังไงฉันก็จะแต่งงานกับเธอ”
เธอยิ้มขมขื่น ก่อนจะทิ้งให้เขาสับสนในอารมณ์อยู่ในห้องคนเดียว
ooooooo
หลังเหน็ดเหนื่อยจากทำงานในไร่เหนือฟ้ามาตั้งแต่เช้า ดอยกับนายสว่างพักกินข้าวกลางวันใต้ร่มไม้ใหญ่ เด็กน้อยบ่นอุบทำไมลูกพี่กับเจ้านายถึงยังไม่กลับสักที แถมติดต่อก็ไม่ได้ แล้วถ้าทั้งคู่กลับมาเห็นโรงเก็บชาโดนเผาเราสองคนจะทำอย่างไร นายสว่างรำคาญ เอาข้าวเหนียวยัดปากเธอทันที สั่งให้หยุดบ่นได้แล้ว คนยิ่งกลุ้มใจอยู่ ดอยสงสัยว่ากลุ้มใจเรื่องอะไร
“จะเรื่องอะไร ก็เรื่องที่ไร่โดนเผาน่ะสิวะ ข้าอยากรู้ จริงๆว่ามันเป็นฝีมือของใครและไอ้คนที่ทำต้องการอะไร”
ดอยพลอยกลุ้มไปด้วย ทั้งคู่มัวแต่จมอยู่ในความคิดของตัวเอง ไม่ทันสังเกตเห็นมีใครบางคนซุ่มดูอยู่...
ขณะเดียวกัน ภายในป่าลึกห่างไกลสายตาผู้คน เหนือฟ้าหรือที่มะขิ่นมักจะเรียกว่าอ้ายเหนือเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นเริ่มจะหงุดหงิดที่ต้องคอยหลบๆซ่อนๆเมื่อไหร่วันชัยจะโผล่หัวออกมาสักทีจะได้จัดการให้สิ้นเรื่องสิ้นราว
มะขิ่น ขอร้องให้ใจเย็นๆ ความแค้นที่ต้องชำระ ต่อให้รออีกยี่สิบปีก็ไม่มีคำว่าสาย เขาคงรอนานขนาดนั้นไม่ไหว อยากจะตามไปฆ่าวันชัยให้ตายวันนี้พรุ่งนี้เลย จังหวะนั้น มะยอกลับเขามาพอดี มะขิ่นรีบกระซิบ
“ไว้คุยกันนะครับเจ้านาย เดี๋ยวอีนังมะยอมันได้ยิน” เขาพูดจบหันไปโวยลูกสาวว่าหายหัวไปไหนมา สั่งให้สอนนายยิงธนู กลับอู้งาน เธอไปฝั่งโน้นมา เพราะได้ยินชาวบ้านบอกว่ามีคนเผาโรงเก็บชา เหนือฟ้าเอะใจ ซักเป็นการใหญ่ว่าโรงเก็บชาที่ว่าเป็นของไร่อะไร มะยอท่ามาก ไม่ยอมบอก เขาร้อนใจเข้าไปบีบไหล่เธอ จะเค้นให้บอกชื่อไร่ หญิงสาวตกใจ จับข้อมือเขาพลิกแล้วบิดอย่างแรงจนร้องลั่น มะขิ่นสั่งให้เธอปล่อยเขาเดี๋ยวนี้
เธอปล่อยมืออย่างไม่ค่อยพอใจนัก ก่อนจะบอกว่าไร่ชาที่ว่าคือไร่เหนือฟ้า พ่อเลี้ยงหนุ่มขบกรามแน่นด้วยความแค้น พึมพำกับตัวเองเบาๆว่านี่ต้องเป็นฝีมือวันชัยแน่ๆ ในที่สุดไอ้ชั่วนั่นก็โผล่หัวออกมาจนได้
ooooooo
ขณะวงเดือนพร้อมกับห่อใส่อุปกรณ์ทำแผลในมือเปิดประตูจะออกจากห้องต้องชะงักเมื่อเจอเมฆายืนรออยู่ เขามองห่อผ้าในมือ ก่อนถามว่าจะไปไหน เธอโกหกว่ากำลังจะเอาผ้าไปซัก แล้วถามกลบเกลื่อนว่าเขามีอะไรจะใช้เธอหรือเปล่า เมฆากระเซ้าว่าอย่างเขาจะกล้าใช้ให้เธอทำอะไร เธอต่างหากอยากให้เขาทำอะไรให้ เขายินดีทำให้ทุกอย่าง แล้วยื่นมือจะคว้าห่อผ้าไปซักให้ เธอเบี่ยงตัวหลบ
“อย่าค่ะ...ไม่ได้...เอ่อ...คือเดือนหมายถึง ไม่ได้หรอกค่ะ คุณจะมาซักผ้าให้เดือนได้ยังไงกัน”
“มากกว่านี้...ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ ผมทำเพื่อเดือนได้ทั้งนั้น ขอให้เดือนสั่งมา” เขามองสบตาเธอลึกซึ้งก่อนจะเปลี่ยนเรื่องพูด “บอกกี่ครั้งแล้วให้เลิกทำงานพวกนั้น ผ้าน่ะ...ให้ชอุ่มซักให้ก็ได้”
เธอสบโอกาสรีบเอาห่อผ้าวางไว้ในห้อง ก่อนจะปิดประตูตามหลังแล้วถามเขาอีกครั้งว่าตกลงมีธุระอะไรกับเธอ เขาอยากรู้ว่าเมื่อวานตอนเย็นหายไปไหนมา วงเดือนไม่รู้จะหาข้อแก้ตัวอย่างไร โชคดีที่ชอุ่มมาตามให้ไปพบศรีดาราเสียก่อน เธอรีบคว้ามือชอุ่มจ้ำพรวดๆออกไปทันที ปล่อยให้เมฆามองตามสงสัยว่าเธอหายไปไหนมา...
เมื่อมากันพร้อมหน้าพร้อมตา ศรีดารานำกล่องใส่เครื่องเพชรมาวางตรงหน้าวงเดือนกับหนูนาเพื่อให้ทั้งคู่เลือกเครื่องเพชรชิ้นที่ตัวเองถูกใจ โฉมไฉไลเส้นริษยาแตก ร้องลั่นว่าไม่ได้ ศรีดาราหันขวับ เธอรู้สึกตัวรีบเฉไฉ
“โฉมหมายถึงไม่ดีมั้งคะ...ประเดี๋ยวใครเลือกเพชรเม็ดใหญ่กว่าก็ไม่ยุติธรรมน่ะสิ จริงไหมคะ”
“เรื่องนั้นคงไม่ต้องกังวลหรอก เพราะจะไม่มีงานแต่งงานระหว่างผมกับหนูนาที่นี่ ผมกับหนูนาอยากกลับไปแต่งงานที่ไร่ของเราครับคุณแม่...ผมขอโทษคุณพ่อกับคุณแม่ด้วย แต่มันเป็นความตั้งใจของผมกับหนูนาตั้งแต่แรกแล้ว เราตั้งใจจะจัดกันแบบเรียบๆง่ายๆ เพราะฉะนั้น เครื่องเพชรของคุณแม่ ก็คงจะไม่จำเป็นหรอกครับ”
อนุตไม่พอใจ หาว่าเขาชอบอวดดี ศรีดาราต้องขอร้องให้เขาเคารพในการตัดสินใจของลูก แต่ถึงอย่างไรก็ตามเธอต้องการจะรับขวัญว่าที่ลูกสะใภ้อยู่ดี เรียกหนูนามาเลือกเครื่องเพชรไปหนึ่งชิ้น โฉมไฉไลสาระแนทันที
“คุณแม่คะ คนอยู่ป่าอยู่ดอยจะใส่เพชรใส่พลอยมันก็ดูจะไม่เหมาะนะคะ คุณแม่”
“มันเรื่องอะไรของคุณด้วย...หนูนาขัดใจผู้ใหญ่ไม่น่ารักนะ เข้าไปหาคุณแม่สิ รับของขวัญแต่งงานจากท่านซะ” เมฆาต้องการให้หนูนารับของนั้นไว้เพื่อเป็นการยืนยันว่าทั้งคู่จะแต่งงานกันแน่ๆ ภูผารู้ทันจ้องน้องชายเขม็ง เขาจ้องตอบอย่างไม่เกรงกลัวเช่นกัน
“เราสองคนไม่ต้องการอะไรจากแสนสมุทร เราตั้งใจ จะสร้างทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตัวเราเอง เชิญแกกับเจ้าสาวของแกรับของขวัญแต่งงานจากคุณแม่ไปก็แล้วกัน” ภูผาว่าแล้ว จูงมือหนูนาลุกออกไปทันที เมฆามองตามสะใจ...
จากนั้น ภูผาพาหนูนามานั่งที่โต๊ะสนามริมสวน ถามว่าไม่โกรธใช่ไหมที่ไม่ให้เธอรับเครื่องเพชรจากแม่ของเขา เธอไม่โกรธสักนิด เพราะเธอมีของดีมีค่ากว่าเครื่องเพชร นั่นตั้งมากมาย เขางง
“มีค่ากว่าเครื่องเพชร...ไร่ของเธอน่ะหรือ?...เครื่องเพชร ชิ้นเดียวนั่นน่ะ แทบจะซื้อภูเขาได้ทั้งลูกเลยนะ”
“ไม่ใช่ไร่ของฉัน...แต่เป็นคุณ...คุณเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตฉัน”
เขามองเธอยิ้มกว้างให้อย่างซาบซึ้งใจ ก่อนจะค่อยๆ ดึงเธอมาซบที่อก เธอกอดเขาตอบอย่างสุขใจ
ooooooo
เย็นมากแล้ว แต่วงเดือนยังไม่มาทำแผลให้โสภีตามที่สัญญา พฤกษ์ชะเง้อคอมองอย่างร้อนใจ โสภีรู้สึกตัวพยายามจะลุกขึ้น แต่ลุกไม่ไหว เขารีบประคองให้ลงนอนอย่างเก่า เตือนว่าลุกไม่ไหว
ก็อย่าฝืน เธอสงสัย ทำไมเขาถึงไม่ทิ้งเธอไป เธอเป็นแค่ผู้หญิงหากิน และที่สำคัญตอนนี้เธอไม่สวยอีกแล้ว ทำให้ใครๆมีความสุขไม่ได้ เขาไม่สน ต่อให้หน้าตาเธอจะน่าเกลียดขนาดไหน เขาจะอยู่ดูแลเธอตลอดไป เธอส่ายหน้าอย่างเจียมตัว
“ถึงเธอไม่ให้อยู่ ฉันก็จะอยู่...เราจะอยู่ดูแลกันไป ตกลงไหม”
โสภีซึ้งใจมาก โผกอดเขาร้องไห้โฮ วงเดือนยืนมองอยู่ด้วยความซาบซึ้งใจ...หลังจากทำความสะอาดแผลให้โสภีเสร็จ วงเดือนยื่นซองยาแก้อักเสบให้พฤกษ์ กำชับว่าต้องให้โสภีกินให้หมด ไม่น่าเกิดเจ็ดวัน อาการอักเสบ ต่างๆคงทุเลา ส่วนรอยแผลฟกช้ำบนใบหน้าและลำตัว อีกสักระยะก็จะกลับมาสวยเหมือนเดิม
“คุณพฤกษ์คะ อีกไม่นาน เดือนก็จะแต่งงานแล้ว เดือนอยากให้คุณพฤกษ์อยู่ในงานแต่งงานของเดือนกับคุณเมฆาด้วย เพราะคุณพฤกษ์เปรียบเสมือนพี่ชายของ เดือน ถ้าเป็นไปได้เดือนอยากให้คุณพฤกษ์ไปร่วมงาน แต่งงานของเดือนนะคะ” เธอมองเขาอย่างรอคำตอบ แต่เขากลับนิ่งเฉย...
ด้านโฉมไฉไลชักเคืองที่แม่บ่นไม่หยุดเรื่องที่ เธอปล่อยให้แม่ผัวแบ่งสมบัติให้นังวงเดือนหน้าจืดกับนังเด็กดอยโดยไม่ทำอะไรสักอย่าง เธอตัดรำคาญจะไปหาผัวใหม่บ้านอื่นให้รู้แล้วรู้รอด อนงค์ตกใจรีบตะปบปากลูกสาว
“นังบ้า...พูดอะไรของแกยัยโฉม เดี๋ยวใครมาได้ยินล่ะยุ่งเลย...ไม่ได้เด็ดขาด จำไว้ บ้านแสนสมุทรนี่ละ เด็ดสุดแล้ว รวยที่สุด...นังย่ามันก็ตายไปแล้ว พ่อมันก็เจ็บออดๆแอดๆ แม่มันก็ไม่มีพิษสง ที่เหลือก็เป็นลูกชายล้วนๆ ซึ่งแม่มั่นใจว่าแกรับได้หมด เพราะฉะนั้น เราต้องอดทนกันอีกสักนิด ไม่ช้า มรดกของแสนสมุทรก็ต้องตกอยู่ในมือเรา”
โฉมไฉไลถอนใจเหนื่อยใจ อนงค์นึกขึ้นได้ถามลูกสาวว่าตามหาผัวเจอหรือยัง เธอย้อนถามว่าผัวคนไหน
“ยัยโฉม...จะคนไหน...ก็ตาพฤกษ์น่ะสิ” อนงค์เอ็ดตะโรลั่น
“เฮ้อ...ป่านนี้ฉลามเอาไปกินแล้วมั้ง”
อนงค์ยอมไม่ได้ ต่อให้ฉลามคาบไป ลูกก็ต้องไปตามเอาตัวคืนมาให้ได้ ก่อนที่เมฆากับภูผาจะโกยคะแนนจากอนุตกับศรีดาราไปมากกว่านี้ โฉมไฉไลยังไม่รู้เลยว่าจะไปตามหาพฤกษ์ที่ไหน อนงค์รับปากจะช่วยจัดการให้...
ค่ำวันเดียวกัน ขณะภูผากำลังนั่งหลบมุมอยู่คนเดียวในสวน เห็นวงเดือนเดินลับๆล่อๆท่าทางมีพิรุธเข้ามาในบ้าน เขาโดดไปขวางหน้าไว้ ถามว่าดึกป่านนี้ไปไหนมา แล้วทำไมต้องแอบย่องเข้าบ้านราวกับเป็นขโมย
“แล้วคุณล่ะ มาแอบดูเดือนทำไม คุณก็ไม่ต่างอะไรกับผู้ร้าย” เธอโต้ไม่ยอมแพ้
เขากระชากไหล่เธอเข้ามาใกล้ ต่อว่าว่าทำไมเดี๋ยวนี้ถึงปากดีนัก เธอสวนทันทีว่าเขาเองก็พูดจาฟังไม่ได้เหมือนกัน โฉมไฉไลมาเห็นเข้า คิดแผนชั่วขึ้นมาได้ รีบวิ่งไปตามเมฆา ทีแรกเขาไม่สนใจ แต่พอเธอบอกว่าจะพาไปดูว่าที่เจ้าสาวของเขากำลังพลอดรักกับภูผา เขาวิ่งปรู๊ดไปทางที่เธอเพิ่งวิ่งมาทันที...
ด้านวงเดือนพยายามขอร้องให้ภูผาปล่อย แต่เขาไม่ยอมปล่อย แดกดันว่าเมื่อก่อนไม่เห็นเคยปฏิเสธเขาสักครั้ง เธอเถียงน้ำตาคลอว่าที่ไม่เคยปฏิเสธเพราะเธอรักเขา แต่ตอนนี้ไม่ได้เป็นอย่างนั้นอีกแล้ว เธอไม่ได้รักคนใจร้ายอย่างเขาอีกต่อไปแล้ว และเขาก็ไม่ใช่คุณภูผา คนเดิมที่เธอเคยรัก เมฆาวิ่งมาถึงพอดี หลบมุมแอบฟัง
“แล้วตอนนี้เธอรักใคร...เธอรักไอ้เมฆางั้นหรือ”
“ใช่...ฉันรักคุณเมฆา...ได้ยินไหม...ฉันรักคุณเมฆา” เธอประชดประชัน
“โกหก” เขาต่อว่าจบดึงเธอมาจูบ เมฆาทนดูไม่ได้ พุ่งเข้าไปกระชากพี่ชายออกจากหญิงคนรัก ก่อนจะรัวกำปั้นใส่ไม่ยั้ง วงเดือนพยายามเข้าไปห้ามแต่ไม่ไร้ผล ร้องเรียกให้โฉมไฉไลช่วย เธอกลับยืนดูเฉยๆ ภูผาตั้งหลักได้ต่อยเมฆากระเด็นแล้วจะตามเข้าไปซ้ำ วงเดือนปรี่เข้าไปกอดเมฆาไว้เพื่อกันไม่ให้ทะเลาะกันอีก
ภูผาหยุดกึก เข้าใจผิดคิดว่าเธอเป็นห่วงเมฆา ยืนมองด้วยความช้ำใจ ก่อนจะผละจากไป วงเดือนใจกระตุกวูบจะตาม แต่เมฆาร้องเรียกไว้ ขณะที่โฉมไฉไลยิ้มอย่างสะใจ...
ครู่ต่อมา วงเดือนพาเมฆามาทำแผลใส่ยาให้ เขาจับมือเธอไว้ขอบคุณมากที่รักเขา ไม่เคยคิดมาก่อนว่าชีวิตนี้จะได้ยินคำพูดนี้จากปากเธอ วงเดือนไม่กล้าสบตาด้วย รู้สึกผิดเพราะความจริงแล้วไม่ได้รักเขาสักนิดที่พูดไปแค่ต้องการจะประชดภูผาเท่านั้น เขาย่ามใจดึงเธอมานั่งตักแล้วโอบเอวไว้ เธอขยับจะลุก แต่เขากอดไว้แน่น
“ผมจะไม่มีวันปล่อยคุณ จะไม่มีวันปล่อยให้ใครมารังแกคุณ ไม่ให้ใครมาพรากคุณไปจากผมโดยเฉพาะพี่ผา ขอแค่ให้คุณรักผมอย่างนี้ตลอดไปต่อให้ต้องตาย ผมก็ยอมตายเพื่อคุณได้ เราจะรีบแต่งงานกันให้เร็วที่สุดนะเดือน” เขาค่อยๆซบหน้าลงตรงหัวใจเธออย่างมีความสุข ตรงข้ามกับความรู้สึกของหญิงสาว
ooooooo
ที่กระต๊อบของโสภี พฤกษ์คอยดูแลป้อนข้าวป้อนยาให้โสภีด้วยความรักและห่วงใย เธอซาบซึ้งใจมาก เขาเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตที่เคยเจอมา เขาสัญญาว่าจะพยายามหางานทำ จะได้เอาเงินมาให้เธอแม้จะไม่มากมายอย่างที่เขาเคยมี แต่รับรองว่าจะไม่ทำให้เธอต้องลำบากอีก ทั้งสองคนโผกอดกันกลม แต่แล้วความสุขของทั้งคู่ต้องสะดุดหยุดลงเมื่อสองแม่ลูกตัวแสบตามมาอาละวาด ด่าสาดเสียเทเสียที่เขามาขลุกอยู่กับผู้หญิงขายตัว
“หยุดนะโฉม...อย่าเรียกโสภีอย่างนั้นเด็ดขาด” พฤกษ์เสียงเข้ม
โฉมไฉไลไม่กลัว ร่วมมือกับแม่กระชากโสภีออกจากอ้อมกอดเขา แล้วช่วยกันตบตีอุตลุด โสภียังบาดเจ็บ จึงไม่มีแรงสู้ พฤกษ์เข้าไปจับสองแม่ลูกตัวแสบเหวี่ยงกระแทกข้างฝา แล้วไล่ให้กลับไป โฉมไฉไลโกรธ
“นี่แกเอาอะไรให้ผัวฉันกิน นังโสเภณี แกทำเสน่ห์ ยาแฝดใส่ผัวฉันใช่ไหม...พฤกษ์ถึงรักถึงหลงแกขนาดนี้”
“หยุดนะโฉม...โสภีไม่ได้ทำอะไรผมทั้งนั้น แต่ผมรักเธอหลงเธอเพราะเธอเป็นคนดี ไม่เหมือนคุณที่นึกว่าตัวเองมีเสน่ห์นักหนา แต่ว่าคุณมันก็ดีแต่เปลือก ข้างนอกสดใสแต่ข้างในน่ารังเกียจที่สุด”
โฉมไฉไลแค้นใจตรงเข้าทุบตีเขา แล้วพาลตบตีโสภีไปด้วย เขาผลักเธอกระเด็น เธอยิ่งอาละวาดหนักข้อขึ้น และยังขู่ว่าเรื่องนี้ต้องถึงหูอนุตแน่นอน...
สองแม่ลูกตัวแสบทำตามที่ขู่ นำเรื่องที่พฤกษ์อยู่กับผู้หญิงขายตัวไปฟ้องอนุต ศรีดาราถึงกับปล่อยโฮ วงเดือนตกใจที่ความลับของพฤกษ์แตก รีบเข้าไปปลอบเธอ ขณะที่โฉมไฉไลสวมบทเมียใจสลายนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นที่โดนผัวทิ้ง อนุตทรุดตัวลงนั่งบ่นอย่างท้อใจว่า แสนสมุทรที่เขาภูมิใจนักหนา ชื่อเสียงต้องป่นปี้ก็คราวนี้เอง เมฆาอาสาจะไปตามพี่ชายกลับมาให้
“ไม่ต้อง...จะไปตามมันกลับมาทำไม ไอ้ลูกไม่รักดี ใครที่ย่ำยีศักดิ์ศรีของแสนสมุทร ไม่ว่าจะเป็นใคร ฉันก็ไม่เอาไว้ทั้งนั้น...ช่างมัน...ช่างหัวมัน” อนุตประกาศ กร้าว โฉมไฉไลกับอนงค์หน้าเครียด ถ้าเขาตัดหางปล่อยวัดพฤกษ์จริง พวกตนจะทำอย่างไรกันดี ทางด้านภูผา พอรู้เรื่องพฤกษ์จากชอุ่ม รีบออกจากบ้านทันที...
ขณะที่โฉมไฉไลเป็นห่วงความอยู่รอดของตัวเอง พฤกษ์กำลังนั่งกินข้าวอยู่กับโสภี กับข้าวมีเพียงไข่ต้มฟองเดียว เขาตักมันใส่จานให้เธอ อ้างว่าจะช่วยบำรุงร่างกายให้หายเร็วๆ เธอกลับแบ่งครึ่งไข่ต้ม ตักคืนให้เขาชิ้นหนึ่ง
“บำรุงแต่ร่างกายฉันจะมีประโยชน์อะไร หัวใจของฉันอยู่ที่คุณ...คุณพฤกษ์ ขืนคุณกินแต่ข้าวเปล่าคลุก น้ำปลา ถ้าคุณเป็นอะไรไป แล้วฉันจะอยู่ได้ยังไง”
เขาสัญญาว่าจะหาทางทำให้เธอได้อยู่ดีกินดีกว่านี้ เธอไม่อยากให้เขาต้องลำบาก เพราะอีกวันสองวันเธอคงกลับไปทำงานได้แล้ว พฤกษ์ไม่ยอมให้เธอกลับไปทำงานที่บ่อนเฮียเส็ง เธอเกือบตายเพราะเฮียชั่วนั่นจะกลับไปทำไมอีก เธอต้องทำงานใช้หนี้เฮียเส็งที่ซื้อตัวเธอมาจากซ่อง เขาสงสารเธอจับใจ รับปากจะปลดหนี้ให้ โสภีหัวเราะขมขื่น จะปลดหนี้ให้เธอได้อย่างไร ในเมื่อวันนี้เราสองคนยังต้องกินข้าวกับไข่ต้มคนละครึ่งฟองอยู่เลย
“อย่าเพิ่งตัดสินฉันสิ...ให้โอกาสฉันก่อน คนเราวันนี้แพ้ แต่ไม่ได้แปลว่าพรุ่งนี้จะแพ้ ใช่ไหมโสภี”
เธอพยักหน้า ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องพูด “ฉันหยุดงานมาตั้งหลายวัน ป่านนี้เฮียเส็งคงอยากฆ่าฉันเต็มทีแล้วมั้งเนี่ย” ขาดคำ มีเสียงทุบประตูกระต๊อบดังขึ้น ทั้งคู่มองหน้ากันเลิ่กลั่ก...
ระหว่างที่พฤกษ์มีแขกที่ไม่ได้คาดหมายมาเยี่ยม วงเดือนกำลังหยิบยาจากตู้ยาบนเรือนใหญ่จะเอาไปให้โสภี เมฆาเข้ามาทักจากด้านหลัง เธอตกใจสะดุ้งโหยงทำยาร่วงลงพื้น เขาหยิบมันขึ้นมาดู เห็นเป็นยาแก้อักเสบ ถามว่าจะเอาไปให้ใคร เธอโกหกว่าจะเตรียมไว้ใช้ในบ้าน โชคดีที่เขาไม่ติดใจสงสัยอะไร
ooooooo
คนที่เคาะประตูกระต๊อบไม่ใช่ใครที่ไหน คือภูผานั่นเอง พฤกษ์แนะนำให้น้องชายรู้จักกับโสภีคนรักของตน ภูผามองพี่ชายงงๆ เขาถึงกับถอนใจเฮือก เหนื่อยใจ
“ตกลง...ก็ไม่รู้ว่าฟ้าลิขิตหรือว่าตัวเราลิขิตชีวิตเราเองนะ รู้แต่ว่า วันนี้ ชีวิตพี่มันช่างพลิกผันสิ้นดี”
“ไม่ใช่แค่พี่หรอก ผมเองก็เหมือนกัน”
พฤกษ์ได้ข่าวมาว่า วงเดือนกำลังจะแต่งงานกับเมฆา ไม่น่าเชื่อว่าสุดท้ายแล้วจะเป็นเมฆาที่สมหวัง เขาไม่เข้าใจอยู่อย่างเดียว ในเมื่อภูผารักเธอ แล้วทำไมถึงปล่อยให้เธอต้องทุกข์ใจไปตลอดชีวิต เพราะต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก ภูผาเถียงว่าเธอรักเมฆา เขาไม่เชื่อ วงเดือนไม่ได้รักเมฆา ไม่ได้รักเขาและก็ไม่ได้รักอรุณ เธอรักภูผาคนเดียวเท่านั้น ผู้อ่อนวัยกว่าบอกด้วยน้ำเสียงขื่นขมว่าเวลาเปลี่ยน ใจคนก็เปลี่ยน โดยเฉพาะผู้หญิงอย่างวงเดือน
“ไม่จริง นี่เกิดอะไรขึ้น ทำไมแกถึงเข้าใจเดือนผิดขนาดนี้”
“เลิกพูดเรื่องนี้เถอะพี่พฤกษ์ ว่าแต่พี่พฤกษ์เถอะ คิดจะทำยังไงต่อไป”
เขาจะหางานทำ จะไม่กลับไปแสนสมุทรอีก ภูผาเองก็จะกลับไปทำไร่อีกไม่นานนี้ ชวนเขาไปอยู่ด้วยกันพฤกษ์ส่ายหน้า ทะเลเป็นชีวิตของเขา ในเมื่อเกิดที่นี่ก็ขอตายที่นี่ ภูผามองเขาอย่างเข้าใจ ลุกขึ้นจะกลับ แล้วนึกขึ้นได้ เอาเงินยัดใส่มือพี่ชายเผื่อไว้ใช้เวลาจำเป็น อย่างน้อยไว้เป็นค่ายาให้โสภี
“คงไม่ต้องหรอกค่ะ คุณวงเดือนจัดการให้ทุกอย่าง...พูดถึงก็มาพอดีเลย”
ภูผามองตามสายตาโสภี เห็นวงเดือนเดินเข้ามา ต่างฝ่ายต่างชะงัก เธอหันไปบอกพฤกษ์ว่ายาแก้อักเสบของโสภีใกล้จะหมด เลยเอามาให้ไว้ก่อน เพราะต้องกินต่อเนื่องไม่เช่นนั้นจะไม่ได้ผล ยื่นซองใส่ยาให้ ก่อนจะขอตัวกลับ แล้วเดินออกไปเลย ภูผาบอกพี่ชายว่าต้องกลับเช่นกัน ยัดเงินใส่มือเขาแล้วรีบเร่งฝีเท้าตาม
ไม่นานนัก ภูผาตามวงเดือนจนทัน แทนที่จะได้ปรับความเข้าใจกัน ทั้งสองกลับมีปากเสียงกันอีก เขาทนต่อไปไม่ไหว ตัดสินใจจะเล่าความจริงให้เธอฟัง แต่แล้วกลับเปลี่ยนใจ ทำให้ต้องแยกทางกันไปอย่างปวดร้าวใจ...
วงเดือนเดินน้ำตาซึมกลับห้องพัก ชะงักเมื่อเห็นเมฆานั่งรอเธอจนหลับคอพับอยู่หน้าห้อง จะปลุกก็ไม่กล้า เพราะเห็นหลับสนิท ทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ขณะพยายามทำใจเรื่องภูผา เมฆาคอพับมาซบไหล่เธอแล้วสะดุ้งตื่น
“เดือน...ดึกแล้วเดือนหายไปไหนมา ผมเป็นห่วงมากเลยรู้ไหม” เขาว่าแล้วดึงเธอมากอดทั้งรักทั้งห่วง เธอถึงกับพูดไม่ออก คนที่ไม่ได้รักกลับดีกับเธอมากมาย ส่วนคนที่รักหมดใจกลับร้ายกาจกับเธอ ภูผาแอบมองเหตุการณ์โดยตลอด ช้ำใจมาก เดินคอตกกลับห้องตัวเอง
ooooooo
บรรยากาศยามเช้าอันสดใสภายในไร่เหนือฟ้า ดอยถือช่อดอกไม้มาตามทางมุ่งสู่ที่ฝังอัฐิของอดีตเจ้าของไร่ เดินไปบ่นไปไม่หยุดปากว่า ทำไมลูกพี่ถึงยังไม่กลับสักที ป่านนี้เที่ยวกับเจ้านายเพลินไปเลย
“ตั้งแต่มีแฟนก็ลืมไอ้ดอยเลยน้า...ว่าแต่ถ้าจะลืมกันทั้งทีก็ไม่น่ามาสั่งให้ดอยต้องเอาดอกไม้มาเปลี่ยนที่ฝังอัฐิพ่อเลี้ยงเหนือฟ้าทุกวันเลย...ไกลก็ไกล กลัวก็กลัว” ดอยทำหน้าสยองๆ อีกมุมหนึ่งในพงหญ้าไม่ห่างกันนักเหนือฟ้า มะขิ่น และมะยอแอบซุ่มดู ดอยยังบ่นต่อไม่เลิกไม่แล้ว
“ลุงหว่างขานี่ก็อีกคน ทำเป็นอ้างว่าแก่แล้วเดินไม่ไหว เฮอะ...ขี้เกียจล่ะไม่ว่า ใจดำปล่อยให้ดอยมาคนเดียวแบบนี้ นี่ถ้าผีพ่อเลี้ยงเหนือฟ้าโผล่มาเดินเล่นแถวนี้ขึ้นมา จะทำไงวะเนี่ย...ไอ้ดอย” เธอเหลียวมองไปรอบๆ ด้วยสีหน้าหวาดหวั่น เหนือฟ้าเห็นเธอมองมา รีบหลบวูบ ดอยถึงกับขนลุกที่เห็นอะไรไหวๆ ทำใจกล้าตะโกนถาม
“ใคร...ถามว่าใคร?...ตอบมาให้ไวสิเว้ย...ใครวะ?... ไม่ได้ คนอย่างไอ้ดอยต้องไม่ปอด” ว่าแล้วค่อยๆเดินไปที่พงหญ้า กลั้นใจแหวกดู มะขิ่นโผล่พรวดแลบลิ้นปลิ้นตาหลอก เด็กน้อยตกใจร้องลั่น เอามือข้างที่ถือดอกไม้ฟาดใส่ไม่ยั้ง ก่อนจะวิ่งหนีป่าราบ เหนือฟ้าขำกลิ้ง ขณะที่มะยอตีหน้าขรึมไม่รู้สึกรู้สม ถามว่าขำอะไรนักหนา
“อย่างนี้ยังไม่ขำอีกหรือ...จะหน้ายักษ์ไปถึงไหน...ยัยมะยอหน้ายักษ์” เหนือฟ้ายิ้มกวน
มะยอไม่ยอมแพ้ ด่ากลับว่าไอ้ยักษ์เผือก มะขิ่นต้องห้ามศึกถึงสงบลงได้ เธออดสงสัยไม่ได้ว่าพวกเรามาที่นี่ทำไม มะขิ่นมองสบตาเหนือฟ้า ก่อนจะหันไปโวยลูกสาว
“อย่าถามมาก เดี๋ยวข้าจะไปดูอะไรหน่อย เอ็งรออยู่แถวนี้กับอ้ายเหนือแล้วกัน” เขาพูดจบผละจากไป...
ทางฝ่ายดอยวิ่งหน้าตาตื่น ปากซีดปากสั่นกลับไปเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้นายสว่างซึ่งกำลังคุมคนงานอยู่ในไร่เหนือฟ้าฟัง นอกจากไม่เชื่อแล้วเขายังเขกหัวเธอหนึ่งโป๊ก หาว่าเพี้ยน มีอย่างที่ไหนผีจะมาหลอกตอนกลางวันแสกๆ
“จริงๆนะลุงหว่างขา ดอยไม่ได้เพี้ยน ผีมันโผล่ขึ้นมาหลอกดอยจริงๆ” ดอยตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว
“อะ...ไหนว่ามาสิ...ไอ้ผีที่เอ็งว่าน่ะรูปร่างหน้าตามันเป็นยังไง”
“อ๋อ...ไอ้ผีที่ดอยเห็นอ่ะนะ หน้ามันขาวๆ...” เธอเหลือบไปเห็นมะขิ่นยืนคุยอยู่กับพวกคนงานในไร่ ตกใจตาเหลือก โดดเข้าสะเอวนายสว่างทันที “หน้าขาวเหมือนคนนั้นเลย ใช่แล้ว...ผีนั่นไง...ไอ้ผีหน้าขาว”
นายสว่างมองตามมือหลานสาวแล้วหัวเราะขำ โยนเธอลงพื้น “โธ่...ผีบ้านแกสิไอ้ดอย นั่นมันพวกบนเขาฝั่งโน้น...มันคงลงมาหาเพื่อนมันที่ไร่นี่...แหม ข้าอยากให้มันเป็นผีมาหักคอเอ็งเสียจริงๆ...เชอะ ผีหน้าขาว” เขาว่าแล้วผละจากไปอย่างเซ็งจัด ดอยยังคงจ้องไปที่ผีหน้าขาวของตัวเองไม่วางตา...
จากนั้นไม่นาน มะขิ่นกลับไปรายงานให้เหนือฟ้าซึ่งรออยู่ในพงหญ้าที่เดิมฟังว่า โรงเก็บชาเสียหายเกือบทั้งหลัง แต่ยังจับมือใครดมไม่ได้ เขาฝากให้เพื่อนที่เป็นคนงานคอยส่งข่าวให้แล้วถ้ามีอะไรคืบหน้า เหนือฟ้ากระซิบถามว่าแล้วนายหญิงของไร่อยู่ไหม มะยอที่ยืนห่างออกไปไม่มากนักแอบฟังอย่างสนใจ
“เห็นว่าไม่อยู่นะ ไปส่งใบชาทางใต้ยังไม่กลับ” มะขิ่นกระซิบตอบ เหนือฟ้าหน้าสลด คิดถึงหนูนาเหลือเกิน
ooooooo
ในเวลาไล่เลี่ยกัน ขณะโฉมไฉไลเดินพ้นมุมบ้าน เกือบชนหนูนาที่หอบตะกร้าใส่ผ้าจะเอาไปซัก เธอตกใจ ด่าลั่นว่าซุ่มซ่ามเดินไม่ดูตาม้าตาเรือ หนูนาสวนทันทีว่าไม่เห็นเรือไม่เห็นม้าเห็นแต่แรด เธอโกรธเงื้อมือจะตบ หนูนาทิ้งตะกร้า ยืนเท้าเอวท้าให้เข้ามาได้เลยถ้ายังไม่เข็ด ยัยตัวแสบปากแดงชะงัก ยังขยาดคราวที่แล้วไม่หาย
“จะไปเรียกหม่าม้ามาอีกคนก่อนไหม” หนูนา กระทืบเท้าขู่
โฉมไฉไลเห็นท่าไม่ดี เผ่นแน่บ เธอยิ้มสะใจ ก่อนจะก้มลงเก็บผ้าที่หล่นเกลื่อนพื้น วงเดือนเข้ามาช่วยเก็บทั้งยังช่วยถือตะกร้าไปที่ลานซักผ้า และอาสาจะช่วยซักผ้าให้ด้วย เด็กสาวเกรงใจ อ้างว่าทำเองได้
“ไม่เป็นไร...ที่จริงเธอยังท้องอ่อนๆไม่น่าทำงานหนักนักนะ” วงเดือนว่าแล้วหยิบผ้าออกจากตะกร้าจะเอาลงแช่ในกะละมัง แต่พอเห็นเป็นเสื้อของภูผา รีบวางทันที หนูนารู้ทัน ถามว่ายังรักภูผาอยู่ใช่ไหม เธอถึงกับใบ้กิน
“ฉันดูออกนะว่าคุณยังรักคุณภูผาอยู่ ทำไมไอ้เจ้าความรักถึงทำให้อะไรๆวุ่นวายได้มากมายขนาดนี้ก็ไม่รู้นะ”
“ใช่...ที่เขาเรียกว่าอานุภาพแห่งความรักไงล่ะ” เธอใจลอยไปถึงภูผา พอรู้สึกตัวว่าหนูนามองอยู่ รีบลุกขึ้น “เอ่อ...พอดีเดือนมีธุระ...ขอโทษนะที่ช่วยเธอซักผ้าไม่ได้จริงๆ...เดือนไปก่อนนะ”
หนูนารู้อยู่เต็มอกว่าเธอไม่ช่วยเพราะอะไร ก้มมองเสื้อของภูผาที่วงเดือนวางไว้ ก่อนจะถอนใจ หนักใจ...
อีกมุมหนึ่งของบ้าน ระหว่างที่โฉมไฉไลกำลังฟ้องอนงค์เรื่องที่โดนหนูนาท้าทาย ศรีดาราเข้ามาขอร้องให้ลูกสะใภ้ตัวเองช่วยไปตามพฤกษ์กลับมาหาเธอด้วย โฉมไฉไลถึงกับพูดไม่ออก รอจนแม่ผัวกลับเรือนใหญ่ หันมาโวยกับแม่ตัวเองว่าถ้าคิดจะให้เธอไปตามพฤกษ์กลับมา คงต้องฝันเอาเอง อนงค์ไม่เห็นด้วย ถ้าเธอทำให้ฝันของแม่ผัวเป็นจริงด้วยการตามพฤกษ์กลับมาได้ ก็จะมีโอกาสทำคะแนนแซงหน้าว่าที่สะใภ้สองคนนั่น
“แต่ต้องให้คนอย่างโฉมลดตัวไปยุ่งกับนังผู้หญิงหากินนั่นน่ะนะหม่าม้า”
“แกไปยุ่งกับมันซะที่ไหนล่ะ แกก็แค่ไปเอาผัวแกคืนมาก็เท่านั้นเอง ยัยโฉม...ไปเอาผัวแกกลับมา อย่างน้อยก็อาจจะได้รางวัลจากแม่ผัวติดปลายนวมนิดๆหน่อยๆ แต่ที่มากไปกว่านั้น มีตาพฤกษ์เป็นหลักประกันไว้ในมือก็ยังดีกว่าให้มันลอยไปอยู่ในมือผู้หญิงอื่น ส่วนแกก็ลอยเท้งเต้งอยู่คนเดียวแบบนี้ แล้วแกแน่ใจหรือว่าพ่อผัวแม่ผัวจะเลี้ยงดูแกไปตลอด...ถ้าไม่มีตาพฤกษ์” ลูกยุของอนงค์ ได้ผล โฉมไฉไลตั้งใจจะไปตามเอาพฤกษ์คืนมาให้ได้
ooooooo
เย็นวันเดียวกัน เมฆาเพิ่งกลับจากทำงานจะเข้าบ้าน ภูผาเดินมาเจอ ไม่อยากยุ่งด้วยจะเลี่ยงไปอีกทางหนึ่ง น้องชายตัวดีร้องถามทันทีว่าทำไมต้องหลบหน้ากันด้วย เขาชะงัก หันขวับมาเผชิญหน้า
“ฉันไม่ได้หลบหน้าแก แต่ฉันไม่อยากเจอ”
“อะไรกัน นี่ผมน้องพี่ผาทั้งคนนะ” เมฆายิ้มยั่ว ภูผาตอกกลับ ถ้าเขาคิดว่าเราสองคนเป็นพี่น้องกันจริงๆอย่างที่พูด ทุกอย่างคงไม่กลายมาเป็นแบบนี้ เมฆาทำไขสือไม่รู้ว่าพี่ชายพูดเรื่องอะไร
“แกรู้อยู่เต็มอก แกเอาชีวิตคนมาเป็นเครื่องมือต่อรอง ชีวิตอรุณเพื่อให้เดือนกลับแสนสมุทร ชีวิตเดือนเพื่อให้ฉันยอมปล่อยเธอให้แก” ภูผาต่อว่าเป็นชุด วงเดือนมาจากอีกด้านหนึ่งเห็นสองพี่น้องโต้เถียงกัน หยุดฟัง
“พี่พลาดเองต่างหากที่ทำหนูนาท้อง...ว่าแต่คนอื่นเลว ทำยังกับพี่ไม่เลวนี่ นอกใจเดือนไปทำหนูนาท้องเพราะฉะนั้น ที่ทุกอย่างมันต้องกลายมาเป็นแบบนี้ มันก็เพราะพี่นั่นแหละ...ไม่เกี่ยวกับผม” เมฆายอกย้อนเจ็บแสบ
ภูผาอยากจะเล่าความจริงทั้งหมด แต่ทำไม่ได้ เพราะไม่อยากให้หนูนาต้องอับอาย วงเดือนยิ่งฟังยิ่งปวดร้าวใจ ทนต่อไม่ไหวต้องเดินหนี ภูผาอวยพรขอให้น้องชายมีความสุขกับวงเดือนให้มากๆ ถ้าความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น จะทำให้เขาภูมิใจก็เชิญทำต่อไป แล้วผละจากไป
“อิจฉาล่ะสิ...อิจฉาที่เดือนรักฉัน...ไม่ได้รักแกแล้ว ไอ้พี่ผา” เมฆาขบกรามแน่นด้วยความเจ็บใจ...
เมฆายังคอยกวนประสาทภูผาไม่เลิก รู้ทั้งรู้ว่าเขาไม่อยากอยู่แสนสมุทร แกล้งอาสาจะหาโรงพยาบาลที่นี่ให้หนูนาฝากท้อง ภูผาปฏิเสธทันควันว่าไม่ต้องมายุ่ง อนุตยังช่วยซ้ำเติมให้เจ็บช้ำใจอีกว่าเขาชอบทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ แล้วถามว่าเรื่องงานแต่งงานตกลงจะเอาอย่างไร จะแต่งพร้อมน้องหรือเปล่า
“ไม่แต่งครับ ผมจะกลับไปแต่งที่ไร่” ภูผาว่าแล้วคว้ามือหนูนาลุกออกไปเลย เมฆามองตามสะใจ แล้วหันไปถามแม่ว่าหาฤกษ์แต่งงานให้เขากับวงเดือนได้หรือยัง
“จ้ะ หลวงพ่อให้ฤกษ์มาแล้ว แต่ว่า...แม่อยากให้ลูกแม่อยู่กันพร้อมหน้า ขาดอรุณไปคนหนึ่งแล้ว แม่ไม่อยากให้ต้องขาดใครอีกแล้ว...คุณคะ ขอให้พฤกษ์ได้มาร่วมงานแต่งงานน้องด้วยเถอะนะคะคุณ” ศรีดาราอ้อนวอน...
ด้านวงเดือนเห็นอนุตเพิกเฉยต่อคำอ้อนวอนของศรีดารา ระหว่างเมฆาเดินมาส่งเธอที่ห้องจึงขอให้เขาช่วยพูดกับท่านอีกแรง อ้างว่าตอนนี้มีแต่เขาเท่านั้นที่จะคุยกับท่านได้ เขากระเซ้าว่าเดี๋ยวนี้เก่งกล้าขึ้น รู้จักออดอ้อน
“ไม่ได้อ้อนนะคะ แต่เดือนอยากให้คุณพฤกษ์มาจริงๆ คุณพฤกษ์เป็นพี่คนโตของแสนสมุทร แต่ยิ่งไปกว่านั้นคุณแม่ท่านคงจะดีใจมาก”
“ได้...ผมจะลองช่วยพูดกับคุณพ่อให้...ไม่ใช่เพื่อใคร แต่เพื่อเดือน” เขาลูบผมเธออย่างรักใคร่ แล้วบอกให้เธอไปพักผ่อนได้แล้ว และอย่าออกไปไหนคนเดียวค่ำๆ มืดๆอีก เพราะเขาเป็นห่วง เธอรับคำ แล้วเดินเข้าห้อง...
ฝ่ายสองแม่ลูกตัวแสบไม่ยอมให้เสียเวลา ดึกวันเดียวกันชวนกันไปตามพฤกษ์ที่กระต๊อบของโสภี เขาไม่อยู่เจอแต่โสภี ทั้งคู่ถือโอกาสหาเรื่องตบตีเพราะครั้งที่แล้วยังไม่หนำใจ คราวนี้เธอฮึดสู้ แต่ต้านพวกนั้นได้พักเดียวก็เพลี่ยงพล้ำ ถูกอนงค์จับล็อกแขนสองข้างไว้ โฉมไฉไลคว้ามีดปอกผลไม้หมายจะกรีดหน้าคนไม่รู้จักเจียมตัว เป็นแค่ผู้หญิงชั้นต่ำ บังอาจจะมาตีเสมอตน โสภีด่ากลับว่าโฉมไฉไลดีกว่าเธอตรงไหน มองหัวจดเท้าแล้วยิ้มหยัน
“ผู้ชายแทบจะทุกคนที่มานอนกับฉันคุยให้ฟังว่าเคยนอนกับแกมาแล้วทั้งนั้น...แทบจะทั้งเมือง นอนกับฉันเสร็จ พวกมันยังต้องจ่ายค่าตัวให้ฉัน แต่นอนกับแก...พวกมันบอกว่าฟันฟรีๆ แล้วอย่างนี้ใครมันจะมีราคากว่ากัน...คุณโฉมไฉไล” โสภีว่าแล้วหัวเราะสะใจ โฉมไฉไลโกรธที่โดนแฉ เงื้อมีดจะแทง
พฤกษ์พุ่งเข้ามาแย่งมีดได้ทัน ตะคอกใส่ทั้งคู่ว่าจะตามราวีกันไปถึงไหน โฉมไฉไลรู้ดีว่าถ้าใช้ไม้แข็ง คงไม่มีทางเอาตัวพฤกษ์กลับแสนสมุทรได้ จึงพยายามออด อ้อนเต็มที่ อ้างว่าแม่ของเขาคิดถึงเขามากและอยากให้กลับไปร่วมงานแต่งงานของเมฆากับวงเดือน อะไรที่แล้ว ก็ให้มันแล้วไป พฤกษ์ไม่ตอบ ได้แต่ยืนนิ่งสีหน้าครุ่นคิด...
ในเวลาไล่เลี่ยกัน พอภูผารู้ว่ากล่องกระดาษในมือชอุ่มซึ่งคนของร้านตัดเสื้อเพิ่งเอามาส่งให้เมื่อครู่นี้เองเป็นของวงเดือน เขาคว้ามันไปจากมือเธอ แล้ว ตรงรี่ไปยังห้องพักของวงเดือนโดยไม่รู้ว่าในนั้นเป็นชุดแต่งงาน...
ขณะวงเดือนเตรียมตัวจะเข้านอน มีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น รีบลุกขึ้นไปเปิดรับ เห็นภูผายืนอยู่จะผลักประตูปิดแต่เขาเอามือดันไว้ เธอพยายามต้านสุดฤทธิ์ แต่สู้แรงไม่ไหว ในที่สุด เขาแทรกตัวเข้ามาจนได้
“รังเกียจฉันมากเลยหรือ...เดี๋ยวนี้ฉันเข้าห้องเธอไม่ได้แล้วใช่ไหม”
วงเดือนขอร้องให้เขากลับไป อย่ามาหาเรื่องอะไรกันอีกเลย ดึกแล้วเธอจะนอนแล้วและที่สำคัญถ้าใครมาเห็นเข้าจะไม่งาม เขาโวยลั่นทีเมื่อก่อนทำไมถึงเข้าได้ เธอยืนยันเสียงแข็งว่าเมื่อก่อนกับตอนนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เขาทั้งน้อยใจ เสียใจ ต่อว่าเธอว่าใจร้าย เธอก็รู้สึกไม่ต่างจากเขาเช่นกัน ตัดพ้อกลับว่าเขาเองก็ใจดำ เขาถึงกับของขึ้นโยนกล่องกระดาษในมือลงบนเตียง ทั้งฝากล่องทั้งชุดแต่งงานกระเด็นตกพื้น ภูผามองอย่างปวดใจ
“ฉันหวังว่าเธอจะมีความสุข...กับเมฆา” ว่าแล้วเขาเดินออกจากห้อง เธอมองตามก่อนจะหยิบชุดที่กองอยู่กับพื้นขึ้นมาดู พอเห็นว่าเป็นชุดแต่งงาน ถึงกับปล่อยโฮ...
ทางฝ่ายโฉมไฉไลต้องกลับแสนสมุทรมือเปล่า พฤกษ์ไม่ยอมกลับมาด้วย เธอแค้นใจมากอยากจะร้องกรี๊ดให้บ้านแตก อนงค์ถอนใจหนักใจ ลากคอพฤกษ์กลับมาให้แม่ผัวของลูกไม่สำเร็จแบบนี้ มีหวังคะแนนวูบแน่ๆ
“ไม่มีทาง ตราบใดที่ยังมีลมหายใจ คนอย่างโฉมสู้ไม่ถอยอยู่แล้ว หม่าม้า...คอยดูนะ...ถ้าโฉมไม่ได้ก็อย่าหวังว่าอีนังหน้าไหนจะได้...ไม่ว่าผู้ชายหรือมรดก” เธอเสียงกร้าว
ooooooo
เช้าวันต่อมา เมฆาถึงกับตะลึงตาค้างเมื่อเห็นวง-เดือนลองสวมชุดแต่งงาน โดยมีศรีดาราคอยช่วยอยู่ไม่ห่าง
“อะไรกันจ๊ะเมฆา นี่ขนาดยังไม่ได้แต่งหน้า ทำผม แล้วไหนจะเครื่องเพชรอีก แม่แค่ให้เดือนลองชุดดูว่าพอดีไหมเท่านั้นเองจ้ะ” ศรีดารากระเซ้า
“แต่แค่นี้...ก็สวยมากแล้วครับ” เมฆายิ้มปลื้ม จังหวะนั้น หนูนาเดินเข้ามากับภูผา ชะงักเมื่อเห็นความสวยสง่าของว่าที่เจ้าสาว อดออกปากชื่นชมไม่ได้ ส่วนภูผาทนดูไม่ไหว เดินเลี่ยงไปทางอื่น เธอจะตาม แต่ศรีดาราเรียกให้เข้าไปช่วยแต่งตัวให้วงเดือนเสียก่อน เมฆาแอบยิ้มเย้ยพี่ชาย ก่อนจะเดินเข้าไปจับมือว่าที่เจ้าสาวของตนเอง
“เดือน...ผมแทบจะรอให้ถึงวันแต่งงานของเราไม่ไหวแล้ว” เขามองเธอด้วยสายตาเปี่ยมรัก...
ด้านภูผาแอบมานั่งเศร้าอยู่คนเดียว พลันภาพในอดีตเมื่อครั้งความรักระหว่างตนเองกับวงเดือนยังหวานชื่นผุดขึ้นมาในความคิด สร้างความขมขื่นใจให้ จนแทบจะกลั้นน้ำตาลูกผู้ชายไว้ไม่ไหว
ooooooo
งานแต่งงานระหว่างวงเดือนกับเมฆาถูกจัดขึ้นภายในโรงแรมหรูที่สุดของจังหวัด วงเดือนในชุดเจ้าสาวสวยสง่ายืนรอต้อนรับแขกอยู่กับเมฆาเจ้าบ่าวสุดเท่ตรงหน้าประตูทางเข้างาน แขกผู้มีเกียรติมาร่วมแสดงความยินดีกันอย่างคับคั่ง พฤกษ์ก็เป็นหนึ่งในนั้น วงเดือนดีใจมากที่เขามาร่วมงานจนได้ ศรีดาราเห็นอนุตหน้าหงิก รีบเรียกลูกๆมาถ่ายรูปด้วยกัน เผื่อจะทำให้บรรยากาศคลายความตึงเครียดลงได้บ้าง
“คิดถึงอรุณนะครับ...แล้วก็ภูผาอีกคน” พฤกษ์บ่นเสียงเศร้า บรรยากาศที่ผ่อนคลายกลับตึงเครียดขึ้นมาอีก
“นั่นสินะ...ป่านนี้ทำไมพี่ผาถึงยังไม่มา...มัวแต่แพ้ท้องแทนเมียอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้” คำพูดของเมฆาทำให้พฤกษ์ต้องหันมองวงเดือนที่ทำหน้าเฉยไม่รู้สึกรู้สม แต่ในใจเธอกลับเจ็บแปลบ น้ำตาตกใน...
คนที่เมฆาถามถึงนั่งคอตกอยู่ริมฟุตปาทไม่ห่างจากสถานที่จัดงานนัก หนูนาแนะว่าถ้าทนไม่ไหวก็กลับกันดีกว่า ไม่ต้องห่วงว่าวงเดือนจะโกรธ เพราะเธอเข้าใจเขาดี เหมือนอย่างที่เขาเคยบอกเสมอว่า เธอเป็นคนที่รู้ใจและเข้าใจเขาที่สุด ไม่แน่เธออาจจะขอบใจเขาด้วยซ้ำที่ไม่ไปทำให้เธอลำบากใจ ภูผาตาวาวขึ้นมาทันที...
ที่หน้างานแต่งงาน โฉมไฉไลกับอนงค์แต่งตัวมางานแบบจัดเต็ม หวังจะมาบดบังรัศมีเจ้าสาว แต่ไม่สำเร็จทำได้แค่จิกกัด และที่สำคัญวงเดือนไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดพวกนั้น ผิดจากเมฆาที่เริ่มจะยืนไม่ติด แต่แล้วเหมือนมีระฆังมาช่วยเอาไว้ พนักงานโรงแรมมาเชิญคู่บ่าวสาวเข้าไปด้านในได้แล้ว ท่านประธานในพิธีพร้อมแล้ว
“เดี๋ยวค่ะ...ภูผายังไม่มาเลย” ศรีดาราทักท้วง
“ไม่มาก็ไม่มา จะให้ท่านประธานรอมันคนเดียวได้ยังไง...ทุกคนเข้างาน” อนุตสั่งเสียงเขียว จังหวะนั้น ภูผาเดินจูงมือหนูนาเข้ามา อนุตไม่สนใจ เดินเข้างานไปเลย ศรีดาราจำต้องเดินตาม เมฆาไม่วายเหน็บพี่ชายตัวเอง
“นึกว่าพี่ผาจะไม่กล้ามาซะแล้ว”
“ทำไมฉันจะไม่กล้า ทีแกยังกล้า เจ้าสาวแกยังกล้า แล้วทำไมฉันจะไม่กล้า” ภูผาว่าแล้วจ้องตาน้องชายที่จ้องตอบอย่างไม่เกรงกลัว สองแม่ลูกตัวแสบแอบสะใจที่จะได้ดูอะไรสนุกๆ หนูนาหวั่นใจว่าจะมีเรื่องกันชวนภูผากลับ เขาไม่กลับ จะขออยู่แสดงความยินดีกับน้องชายและน้องสะใภ้ก่อน
“ดีมากพี่ผา...งั้นก็ต้องอยู่จนงานเลิก อยู่จนส่งตัว... ห้ามเบี้ยว” เมฆายิ้มอย่างผู้ชนะ...
บรรยากาศภายในงานฉลองพิธีสมรสเป็นไปอย่างราบรื่น ประธานในพิธีกล่าวอวยพรคู่บ่าวสาวบนเวที แล้วชวนแขกผู้มีเกียรติร่วมดื่มฉลอง ภูผาเจ็บปวดใจมากกับภาพบาดตาบาดใจ ต้องดื่มเหล้าเพื่อให้ลืมความทุกข์ใจจนแทบครองสติไม่อยู่ พฤกษ์เองก็รู้สึกไม่ต่างจากน้องชาย เพียงแต่ครั้งนี้เขาแกร่งพอไม่ต้องพึ่งเหล้าอีกแล้ว...
ภูผากลับถึงบ้านสภาพเมาแอ๋ หนูนาต้องประคองเข้าห้องอย่าทุลักทุเล โชคดีที่เขาไม่เห็นภาพอนุตกับศรีดาราเดินมาส่งคู่บ่าวสาวที่หน้าห้องหอฝั่งตรงข้ามให้ช้ำใจมากขึ้นไปอีก จากนั้นท่านทั้งสองอวยพรให้คู่ข้าวใหม่ ปลามันมีความแต่ความสุขความเจริญ แล้วจึงพากันออกไป เมฆาชวนวงเดือนเข้าห้องหอ แต่เธอรีรอไม่กล้า
“ไม่ต้องกลัวหรอกน่า...สัญญาก็เป็นสัญญา ผมไม่ลืมที่เคยพูดกับคุณไว้หรอกว่าเราจะแต่งงานกันแต่ในนามเท่านั้น...ผมรอคุณตลอดมาและก็จะรอตลอดไป....รอจนกว่าคุณจะรักผมอย่างเต็มหัวใจ ผมรอคุณได้เสมอเดือน...ไม่ว่ามันจะอีกนานแค่ไหน” เขาจ้องตาเธออย่างลึกซึ้ง ก่อนจะเปิดประตูห้องผายมือเชิญเธอเข้าไป วงเดือนก้าวมาหยุดอยู่กลางห้องไม่รู้จะทำตัวอย่างไรดี เมฆาบอกให้เธอนอนบนเตียง ส่วนเขาจะไปนอนที่โซฟา
“ไม่ได้หรอกค่ะ คุณจะนอนอย่างนั้นได้ยังไง ให้เดือนกลับไปนอนที่ห้องดีกว่า”
“จะดีกว่าได้ยังไงล่ะเดือน เราแต่งงานกันแล้ว สามีนอนห้องหนึ่ง ภรรยานอนอีกห้องหนึ่งจะได้ยังไง คุณพ่อคุณแม่ท่านจะไม่สงสัยแย่เลยหรือ...ไปอาบน้ำเถอะไป จะได้นอนพักผ่อน นะคนดีของผม”
หญิงสาวหมดหนทางจำต้องพยักหน้ารับคำ เขามองตามเธอเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ จึงเดินมานอนเอนหลังบนโซฟาอย่างมีความสุข ก่อนจะหลับไปทั้งชุดนั้น...
ฝ่ายภูผาเมาไม่ได้สติ พร่ำเพ้อว่ารักวงเดือนอยู่ตลอดเวลา หนูนาซึ่งคอยเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ถึงกับหมดเรี่ยวแรง ลงจากเตียงไปนั่งกอดเข่าที่ฟูกบนพื้นซึ่งเขาใช้นอนตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่ อย่างยอมรับชะตากรรม
ooooooo
ที่ป่าลึกห่างไกลผู้คน หลังจากสองพ่อลูกชาวเขา ฝึกซ้อมวิชาการต่อสู้ให้เหนือฟ้าเสร็จ มะขิ่นสั่งให้ลูกสาวออกไปล่าสัตว์เพื่อเตรียมมื้อกลางวัน ขณะมะยอ กำลังมองหาเหยื่ออยู่อีกด้านหนึ่งของป่า วันชัยค่อยๆ ย่องเข้ามาทางด้านหลัง หญิงสาวรู้สึกตัวจะหันไปเล่นงาน แต่เขาไวกว่าเงื้อมีดฟันไหล่เธออย่างจังจนล้ม แล้วตามขึ้นคร่อม เธอกัดฟันถามเขาว่าเป็นใคร วันชัยแกะผ้าคาดหน้าออกเผยให้เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยแผลเป็นจากการตกเขา
“จำหน้าฉันไว้ แล้วไปบอกไอ้เหนือฟ้าด้วยว่า... ฉัน...วันชัย จะไม่ยอมให้มันโชคดีอีกเป็นครั้งที่สอง” เขาขบกรามแน่นด้วยความแค้น ขณะที่เธอทั้งเจ็บทั้งงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น...
ครู่ต่อมา มะยอพาร่างโชกเลือดกลับไปหาพ่อ หลังจากมะขิ่นนำสมุนไพรมาปิดแผลให้แล้วตามด้วยยาหม้อสูตรบรรพบุรุษอีกหนึ่งถ้วยใหญ่ จึงได้เริ่มซักถามลูกสาวว่าถูกใครลอบทำร้ายมา มะยอมองเหนือฟ้าก่อนจะถามว่า
“อ้ายเหนือ...เอ็งชื่อเหนือฟ้าหรือเปล่า...มันฝากข้ามาบอกคนชื่อเหนือฟ้าว่า มันจะไม่ยอมปล่อยให้เหนือฟ้า โชคดีอีกเป็นครั้งที่สอง” เธอยังคงจ้องชายหนุ่มตาไม่กะพริบ มะขิ่นร้อนใจถามลูกว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใครชื่ออะไร
“มันชื่อ...วันชัย”
เหนือฟ้าตกใจคาดไม่ถึง จากนั้นสีหน้าของเขาค่อยๆเปลี่ยนเป็นเหี้ยมเกรียม “มะขิ่น...ถึงเวลาแล้ว”










