ตอนที่ 14
ชอุ่มได้ยินพวกเด็กรับใช้ในครัวแอบนินทาเรื่องที่โฉมไฉไลไปอาละวาดใส่องค์อร รีบเอาเรื่องนี้มาขยายต่อให้วงเดือนฟัง เธอไม่ได้สนใจนัก นั่งพับผ้าต่อ
“เออ...เดือน...เดือนว่าคุณเมฆาจะยอมแต่งงานกับคุณหนูองค์อรไหม...น้าว่าไม่นะ เพราะดูลูกกะตาคุณเมฆายังไงก็ไม่ปิ๊งคุณหนูองค์อรสักนิด...ไม่เห็นจะเหมือนเวลามองเดือนเลย”
วงเดือนสะดุ้งโหยงที่ถูกพาดพิง ชอุ่มรู้สึกตัวว่าพูดมากไป เฉไฉคว้าตะกร้าผ้าที่วงเดือนพับเสร็จแล้วขึ้นมา
“น้าเอาผ้าพวกนี้ไปให้คุณผู้หญิงก่อนเผื่อจะรีบใช้...เออ เดือน จะว่าไปก็น่าสงสารคุณผู้ชายกะคุณผู้หญิงนะ มีลูกชายสี่คน...ทำไม...ถึงอาภัพรักทั้งสี่คนเลย...อ้า...น้าไปล่ะ”
วงเดือนมองตามชอุ่ม สีหน้าครุ่นคิด
ooooooo
มีการเปลี่ยนแผนการมาใต้ให้เร็วขึ้น เนื่องจากคุณโสภณลูกค้าเก่าของเหนือฟ้าต้องการตรวจสอบใบชาที่เพิ่งปลูกใหม่ ว่ารสชาติจะเพี้ยนไปจากเดิมหรือเปล่า ภูผาจึงต้องนำตัวอย่างใบชามาส่งที่ทางใต้ด้วยตัวเอง โดยไม่ลืมพาหนูนามาด้วยในฐานะเป็นผู้สืบทอดกิจการคนใหม่ของไร่เหนือฟ้า เธอลืมว่าตัวเองกำลังท้อง พยายามจะช่วยภูผายกกล่องใส่ใบชา ลงจากรถไฟ เขาไม่อยากให้เธอยกของหนัก วางของในมือตัวเองแล้วเข้าไปช่วย
“ก็บอกแล้วว่าเดี๋ยวฉันจะยกลงมาเอง คนท้องเขาไม่ให้ยกของหนักๆหรอกรู้ไหม...ไปนั่งรอตรงโน้นเลยไป...อย่ามายืนเกะกะ” เขาดันเธอไปที่ม้านั่ง แล้วยกข้าวของตามมาวางข้างๆ “เดี๋ยวเราหารถรับจ้างไปพบลูกค้า เอาตัวอย่างชาไปให้เขาดู”
“แอบตื่นเต้นเหมือนกันนะเนี่ย” หนูนาสีหน้าหวั่นๆ
“อย่าปอด...นายหญิงไร่เหนือฟ้า อย่าปอด” ภูผาแหย่ขำๆ เธอผลักเขาแก้เขินที่ถูกเรียกว่านายหญิง...
ระหว่างที่นั่งรถสามล้อไปตามถนนในเมือง หนูนา ตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศรอบๆ เพราะเคยอยู่แต่บนดอย ไม่เคยไปเปิดหูเปิดตาที่ไหน ไม่นานนัก ทั้งคู่มาถึงบริษัทของคุณโสภณ หลังจากคุณโสภณชม ดม และชิมใบชาแล้ว รู้สึกพอใจที่ใบชาจากไร่เหนือฟ้ายังคงคุณภาพเดิมไว้ได้ จึงตกลงเซ็นสัญญาเป็นตัวแทนจำหน่ายชาเหนือฟ้าอย่างเป็นทางการ ทั้งภูผาและหนูนาดีใจมาก ชวนกันไปกินข้าวที่ตลาดฉลองความสำเร็จ
จากนั้น ทั้งคู่พากันเดินชมตลาด หนูนาไม่เคยเห็นร้านตัดเสื้อมาก่อน หยุดชะเง้อคอมองเข้าไปด้านในด้วยความสนใจ ภูผายิ้มให้อย่างเอ็นดู อธิบายว่านี่คือร้านตัดเสื้อที่ดังที่สุดของที่นี่ ใครๆ ก็อยากมาตัดเสื้อที่ร้านนี้
“แล้วคุณวงเดือนล่ะ” เธอเห็นเขาอึ้ง รู้ตัวว่าพลาด “ขอโทษ...ฉันเห็นเสื้อผ้าคุณวงเดือนสวยทุกชุดน่ะก็เลย...”
“อยากตัดมั่งไหม” เขาไม่รอคำตอบ จูงมือเธอเข้าไปในร้านทันที เจ้าของร้านเห็นลูกชายตระกูลแสนสมุทร รีบกุลีกุจอมาต้อนรับ สายตาสอดส่ายอยากรู้อยากเห็นไปหมด ภูผาขอให้เธอวัดตัวหนูนาเพื่อตัดชุด เธอรีบเอาสายวัดมาวัดที่รอบอก หญิงสาวเขินที่เขายืนมองอยู่รีบเอี้ยวตัวหลบ
“อะไรน่ะ...หนูนา ยืนเฉยๆสิ ยังงี้เมื่อไหร่จะเสร็จ” ภูผาเอ็ด หนูนาจับหน้าเขาหันไปทางอื่น เขาถึงบางอ้อทันทีว่าเธออาย ขยับออกมาเล็กน้อย...
อีกมุมหนึ่งของตลาด วงเดือนเร่งฝีเท้าจะไปร้านตัดเสื้อ เพื่อเอาเสื้อของศรีดารามาแก้โดยมีเมฆาคอยตามประกบแจ ทั้งๆที่เธอไม่ได้ขอร้องให้มาด้วย พอถึงหน้าร้านขายข้าวแกงซึ่งอยู่เยื้องๆ กับร้านตัดเสื้อ เขาคว้าข้อมือเธอไว้ ชวนกินข้าวมื้อกลางวันด้วยกัน คุยว่าร้านนี้ทำอาหารอร่อย เธอยังไม่หิวอยากทำธุระให้เสร็จก่อน
“แต่ฉันหิวจัง” เมฆาอ้อน
วงเดือนหนีไม่ออกจำต้องเข้าไปนั่งร้านขายข้าวแกงเป็นเพื่อนโดยนั่งหันหลังออกไปนอกร้าน...
ในเวลาเดียวกัน ขณะที่เจ้าของร้านตัดเสื้อกำลังวัดสัดส่วนช่วงเอว หนูนาเตือนว่าอย่าวัดแน่นมาก เผื่อหลวมๆไว้ด้วย เธอไม่เห็นด้วย ถ้าใส่หลวมๆทรงเสื้อ
จะไม่สวย ภูผารีบตัดบท อ้างว่าชอบให้ใส่ชุดหลวมๆ
“แหม...คุณภูผาหายไปตั้งนาน ที่แท้แอบไปมีแฟนนี่เอง...เลือกเก่งนะคะ หน้าตาน่ารัก ว่าแต่...ตกลงจะตัดชุดอะไรคะ...มีแบบในใจหรือยัง มีวาระพิเศษอะไรหรือเปล่า” เจ้าของร้านจ้อไม่หยุดราวกับโดนผีเจาะปาก
หนูนาไม่รู้จะตอบอย่างไร วาระพิเศษที่อยากจะให้มีก็ยังไม่มีวี่แวว เปลี่ยนใจไม่ตัดเสื้อชวนภูผากลับ เขาสงสารเธอจับใจ หันไปบอกเจ้าของร้านว่าจะตัดชุดแต่งงาน หนูนาอาย รีบดันเขาออกจากร้าน เขาขืนตัวไว้
“ทำไมล่ะ...เฮ้ย...ก็ตัดชุดแต่งงานเตรียมไว้”
เธอยืนยันว่าไม่อยากตัด แล้วดันตัวเขาออกไป เมฆาที่นั่งอยู่ในร้านข้าวแกงถึงกับชะงัก เมื่อเห็นหนูนาผลักภูผาออกมาหน้าร้านตัดเสื้อ เหลือบมองวงเดือนที่นั่งไม่รู้เรื่องสลับกับมองไปที่คู่ของพี่ชาย แผนชั่วผุดขึ้นมาในสมองของเขาทันที คว้ามือวงเดือนจะพาออกจากร้าน อารามรีบร้อนมือปัดแก้วน้ำหกเลอะเสื้อเธอ
“ขอโทษ...ขอโทษทีเดือน” เขาหันไปคว้ากระดาษเช็ดปากแถวนั้นมาเช็ดเสื้อให้ พอหันไปทางร้านตัดเสื้ออีกที ภูผากับหนูนาก็หายไปแล้ว เขารีบจูงมือวงเดือนไปที่ร้านตัดเสื้อ
ooooooo
ทันทีที่เจ้าของร้านตัดเสื้อเห็นหน้าเมฆา คุยว่าวันนี้ร้านเธอดวงดี มีแต่คนของแสนสมุทรมาอุดหนุนภูผาเพิ่งจะกลับไปเมื่อครู่นี้เอง วงเดือนประหลาดใจมาก ขณะที่เมฆาตาวาวด้วยความพอใจ ทำเนียนว่าไม่รู้มาก่อน
“อ้าว...เหรอครับ พี่ผามาได้ยังไง แล้วมาคนเดียวหรือครับ”
“ไม่ได้มาคนเดียวค่ะมากับแฟน จะแค่แฟนหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจนะคะ เพราะเห็นว่าอยากจะตัดชุดแต่งงาน”
เมฆาแทบจะกระโดดตัวลอยด้วยความดีใจแต่ต้องเก็บอาการไว้ แสร้งถามว่าพวกนั้นจะตัดชุดแต่งงานจริงหรือ เธอตำหนิว่าเป็นพี่น้องกันแท้ๆ ทำไมถึงไม่รู้ เขาแก้ตัวว่าเคยได้ยินพี่ชายพูดมาบ้าง แต่ไม่คิดว่าจะเร็วแบบนี้
“ว้าย...ไม่เร็วไม่ได้หรอกค่ะ เดี๋ยวจะป่องไปมากกว่านี้” เจ้าของร้านนินทาอย่างสนุกปาก
“ว่าไงนะคะ?” วงเดือนร้องเสียงหลง
“เอ้า...ก็คุณภูผานะสิคะ ท่าทางจะน้ำยาแรง เมื่อกี้สั่งชุดเจ้าสาวหลวมๆ ท้องชัวร์ค่ะ ขอแสดงความยินดีล่วงหน้าด้วยนะคะ คุณเมฆาจะได้อุ้มหลานแล้ว” เจ้าของร้านนินทาสนุกปาก เมฆาแทบจะกลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่ จังหวะนั้น หนูนาพรวดพราดเข้ามาในร้าน ชี้ไปที่กระเป๋าสะพายที่ลืมไว้ที่เก้าอี้
“นั่นไง...ลืมไว้ที่นี่จริงๆ ด้วย” เธอเพิ่งสังเกตเห็นวงเดือนอยู่ในร้าน แต่ยังไม่ทันจะพูดอะไร ภูผาตามเข้ามาเสียก่อน ถึงกับหยุดกึกเมื่อเห็นหญิงคนรักยืนอยู่กับน้องชาย ปรี่เข้าไปหา เมฆารีบโอบเอววงเดือนไว้แสดงตัว
เป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ก่อนจะร้องทักทายพี่ชาย เจ้าของร้านสาระแนขึ้นทันที
“ตกลงกันได้รึยังคะคุณภูผา ว่าอยากได้ชุดแต่งงานแบบไหน”
วงเดือนถึงกับน้ำตาคลอเบ้า ภูผายังไม่ทันจะอธิบายอะไร เมฆาชิงแสดงความยินดีกับเขาเสียก่อน และหวังว่าจะได้อุ้มหลานในเร็ววันนี้ วงเดือนทนฟังต่อไปไม่ไหว รีบยื่นถุงใส่เสื้อของศรีดาราให้เจ้าของร้าน
“ช่วยแก้ชุดของคุณศรีดาราให้พอดีด้วยนะคะ...
คุณเมฆาไปกันเถอะค่ะ” วงเดือนว่าแล้วขยับจะไป เมฆายิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะคว้าข้อมือเธอไว้ อ้างว่าตัวเองยังไม่ได้ตัดชุดเจ้าบ่าวเลย ภูผาตะลึงหันมองหญิงคนรัก
“ไหนๆมาแล้ว...เดือนจะวัดตัวตัดชุดเจ้าสาวซะเลยไหม” เมฆาหวังจะขยี้ให้ใจสลายกันไปเลยทั้งวงเดือนและภูผา วงเดือนรับแรงกดดันต่อไปไม่ไหว ผลุนผลันออกไป ภูผาจะตามแต่น้องชายตัวดีคว้าแขนไว้
“ผมดีใจมากที่พี่รักษาสัญญาและก็ขอแสดงความยินดีกับพี่อีกครั้ง ถ้าเป็นไปได้ ผมจะขอร้องคุณพ่อ ขอให้ท่านยอมให้พี่มาร่วมงานแต่งงานของผม...กับเดือน” เมฆาพูดจบหันไปบอกเจ้าของร้านว่าวันหลังจะมาใหม่ แล้วเร่งฝีเท้าออกไป ภูผามองตามหัวใจแทบสลาย หนูนาเข้าใจความรู้สึกของเขาดี ตบบ่าเบาๆ เพื่อให้กำลังใจ...
ด้านวงเดือนวิ่งหนีไปทั้งน้ำตา ยิ่งคิดถึงอดีตรักหวานชื่นระหว่างตัวเองกับภูผาและคำสัญญาที่เขาบอกว่ารักเธอคนเดียวถึงกับปล่อยโฮหมดแรงจะวิ่งต่อไป ทรุดลง
กับพื้น เมฆาเข้ามาประคองไว้ เธอโผซบเขาน้ำตาไหลพรากหัวใจแหลกไม่มีชิ้นดี เมฆายิ้มย่องที่แผนสร้างความร้าวฉานสำเร็จด้วยดี...
ค่ำวันเดียวกัน พฤกษ์เอานาฬิกากับสร้อยทอง
ของเก่าที่ขโมยมาจากบ้าน วางกระแทกลงตรงหน้าเฮียเส็ง
เพื่อจะปลดหนี้ เฮียเจ้าเล่ห์ตีราคาของแต่ละชิ้นแค่
ห้าร้อยบาท เท่ากับเหลือหนี้ที่พฤกษ์ต้องจ่ายให้เขาอีก สองแสนเก้าหมื่นเก้าพันบาท บวกดอกเบี้ยอีกหนึ่งแสนบาท รวมทั้งหมดเป็นเงินสามแสนเก้าหมื่นเก้าพันบาท
พฤกษ์โกรธจัด นี่เท่ากับโกงกันชัดๆ ด่าเฮียเส็งไม่ยั้งแถมถ่มน้ำลายใส่ เขาไม่พอใจมากสั่งสมุนสั่งสอนให้เข็ดหลาบ พฤกษ์ถูกซ้อมสะบักสะบอม และยังถูกขู่ว่าถ้าคิดจะเบี้ยวไม่ใช้หน้ี แสนสมุทรจะเหลือแต่ซาก แล้วเตะเขาส่งท้ายก่อนจาก สักพัก มีผู้หญิงคนหนึ่งก้าวมาหยุดยืนตรงหน้าพฤกษ์ จากนั้นทุกอย่างก็ดับวูบ...
ขณะเดียวกัน ภายในห้องพักของโรงแรมเล็กๆ แห่งหนึ่งซึ่งมีเตียงนอนเตียงเดียว หนูนาอาสาจะนอนที่พื้นเอง ภูผาเอ็ดตะโรลั่น เธอกำลังท้องกำลังไส้ควรจะได้นอนสบายๆไม่ต้องทำเป็นอวดเก่ง
“คุณนั่นแหละ อย่าอวดเก่งนักเลย ทำเป็นเสียสละเพื่อฉัน...แล้วไงล่ะ”
เขาไม่ได้ทำเพื่อเธอเท่านั้น แต่ทำเพื่ออรุณ เพื่อพ่อกับแม่และแสนสมุทรด้วย หนูนาอยากรู้จริงๆ วงเดือนมีดีอะไรนักหนา ใครต่อใครถึงได้พากันรุมรักรุมแย่ง
“เดือนเป็นคนดี อ่อนโยนแต่ก็เข้มแข็ง มีน้ำใจ เข้าใจทุกคน ที่สำคัญก็คือรู้ใจฉันทุกเรื่อง”
“ฉันคงจะแพ้ยับอีตรงข้อสุดท้ายนี่แหละ”
“ฉันก็แพ้...แพ้ยับ” ภูผาหน้าเศร้า หนูนาเห็นใจเขามากยุให้สู้ต่อ ล้มเลิกงานแต่งงานระหว่างเรา แล้วไปชิงวงเดือนคืนมา เขาส่ายหน้า ตอนนี้มันสายเกินไปแล้ว ทั้งๆที่สงสาร แต่หนูนาอดดีใจไม่ได้ที่เขาถอดใจ...
วงเดือนเศร้าใจไม่แพ้ภูผาเช่นกัน หยิบสร้อย
หนังถักที่เขาให้ไว้แทนใจขึ้นมามองด้วยน้ำตานองหน้า ตัดพ้อว่าคำสัญญาที่เขาให้ไว้ว่าจะรักเธอคนเดียวเป็นแค่คำโกหก แม้จะเจ็บปวดใจเพียงใด เธอพยายามกล้ำกลืนไว้
ooooooo
เช้าวันรุ่งขึ้น เมฆาตัดสินใจบอกพ่อกับแม่ว่า จะแต่งงานกับวงเดือน อนุตทักท้วงว่าเธอไม่ได้รักเขา
“แต่ผมก็ไม่ได้รักน้ององค์อร...คุณพ่อครับ... เห็นใจผมด้วยเถอะครับ ผมยินดีจะแต่งงานมีหลานให้พ่อกับแม่ แต่ผู้หญิงที่ผมจะแต่งงานด้วย ผมขอให้เป็นวงเดือนเถอะครับ” เมฆามองพ่อลุ้นๆโฉมไฉไลเดินผ่านมาพอดี รีบหลบมุมแอบฟัง อนุตมองไม่เห็นทางว่าจะบังคับใจวงเดือนให้แต่งงานกับเมฆาได้อย่างไร
“เดือนต้องไม่ปฏิเสธแน่ ถ้าเป็นความต้องการของคุณพ่อ”
ยัยตัวแสบทนพิษรักแรงหึงไม่ไหว ปรี่เข้ามาห้ามไม่ให้ทั้งคู่แต่งงานกัน เมฆาไม่พอใจ มีสิทธิ์อะไรมาห้ามในเมื่อเธอเป็นแค่พี่สะใภ้ โฉมไฉไลเห็นท่าทางเอาเรื่องของเขา จำต้องหุบปากไม่กล้าประกาศว่าตนเองเป็นเมียของเขาไม่ใช่เป็นแค่พี่สะใภ้ ศรีดาราขอร้องให้ลดเสียงลงหน่อย เกรงใจพ่อบ้าง เมฆาไม่สนใจ โวยลั่น
“แทนที่จะมายุ่งเรื่องคนอื่น ไปตามหาสามีตัวเองก่อนดีไหม ป่านนี้ไปเมาอยู่ที่ไหนแล้วก็ไม่รู้”
“นั่นสิ...พฤกษ์หายไปไหนทั้งคืน หนูโฉมรู้บ้างหรือเปล่า” ศรีดารามองเธออย่างรอคำตอบ เธอถึงกับเซ็ง...
คนที่ศรีดาราถามหาเพิ่งรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในกระต๊อบเก่าๆของโสภี ผู้หญิงซึ่งช่วยเขาไว้ เธอมีน้ำใจจัดข้าวกับปลาทูทอดมาให้เขากินทั้งๆ ที่ไม่ค่อยจะมีเงิน พฤกษ์อดสงสัยไม่ได้ มาช่วยเขาทำไม
“ฉันก็เคยโดนกระทืบหวิดตายอย่างคุณเหมือนกัน”
“เธอทำงานอะไร”
พอเธอบอกว่าเป็นผู้หญิงขายตัว พฤกษ์ถึงกับสำลัก เธอชินชาแล้วกับการถูกดูถูกดูแคลน จึงไม่สนใจอะไร เขารู้ตัวรีบขอโทษ อ้างว่าไม่ได้ตั้งใจ เธอเห็นเขาไม่แตะต้องอาหาร เอื้อมมือไปแกะปลาทูในจานให้ เสื้อคอกระเช้าของเธอคอกว้างมากเห็นไปถึงไหนต่อไหน พอเธอแกะปลาเสร็จเรียกให้เขากิน พฤกษ์มัวแต่มองเพลินถึงกับสะดุ้งโหยง รีบตักข้าวเข้าปาก เผลอกระแทกแผลที่โดนซ้อมถึงกับร้องลั่น โสภียื่นหน้าเข้ามาดูแผลให้ ใบหน้าของทั้งคู่เกือบจะชนกัน ตาต่อตาประสานกันอย่างจัง จุดไฟปรารถนาในตัวทั้งคู่ให้ลุกโซน...
โฉมไฉไลแค้นใจไม่หาย ตามไปหาเรื่องวงเดือนถึงที่ห้องพักของเธอ จิกหัวเธอมาตบโทษฐานมายุ่งกับเมฆาของตน แล้วด่าเธอว่าเป็นแม่มด ผู้ชายคนไหนยุ่งด้วยต้องมีอันเป็นไปทุกคน ไม่จากเป็นก็ต้องจากตาย
“ใจคอแกจะทำให้ผู้ชายแสนสมุทรฉิบหายให้หมดทุกคนใช่ไหม...แต่สำหรับเมฆาของฉัน...ฉันไม่ยอม” เธอว่าแล้วปรี่เข้าไปจะตบซ้ำ เมฆาเข้ามาขวางเสียก่อน ขู่ว่าจะออกไปดีๆเอง หรือจะให้เขาโยนออกไป
“เมฆาจะแต่งงานกับนังนี่ไม่ได้...ในเมื่อโฉมเป็น...” เธอพูดยังไม่ทันจบ เขาลากเธอออกจากห้องขู่ซ้ำ
“ถ้ายังไม่หยุด ฉันเอาเธอตายแน่...ฉันไม่ได้ล้อเล่น ถ้าฉันพัง...เธอตาย...เราต่างคนต่างอยู่ได้แล้ว” เขาผลักเธอกระเด็นไปกองกับพื้น แล้วเดินจากไป
“จำไว้เลย...เมฆา...ถ้าฉันตาย...คุณก็ตาย” โฉมไฉไลมองตามแค้นใจ
ooooooo
ครู่ต่อมา เมฆากลับมาหาวงเดือนด้วยความเป็นห่วง เธอขอร้องเขาให้เลิกยุ่งกับเธอได้แล้ว เธอเป็นตัวกาลกิณีของบ้านแสนสมุทร เขาไม่เข้าใจว่าเธอไปเอาเรื่องงมงายที่ไหนมาพูด เธออ้างว่าคุณย่าศรีเรือนเคยพูดมาตลอดตั้งแต่เธอเป็นเด็ก ที่ผ่านมาเธอรู้สึกผิดมากพอแล้ว อย่าให้เธอต้องรู้สึกแย่มากไปกว่านี้
“พิสูจน์สิเดือน ฉันพร้อมจะเอาชีวิตทั้งชีวิตของฉันพิสูจน์คำพูดของคุณย่าว่ามันจริงหรือเปล่า”
วงเดือนยังไม่ทันจะพูดอะไร ชอุ่มวิ่งหน้าตื่นเข้ามารายงานว่าเกิดเรื่องใหญ่แล้ว ให้เมฆารีบไปดู...
อึดใจเดียว เมฆากับวงเดือนวิ่งตามชอุ่มมาถึงลานหน้าบ้าน เห็นศรีดาราสีหน้าหวาดหวั่นยืนตัวสั่นกอดแขนอนุตมองดูไก่ถูกเชือดเลือดนองตรงหน้า หมอหนุ่มเดินไปหยิบกระดาษที่มีข้อความเขียนด้วยเลือดไก่ขึ้นมาอ่าน
“จ่ายหนี้ซะ...ถ้าไม่อยากโดนเชือด”
โฉมไฉไลมองภาพนั้นด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบไปรายงานเรื่องนี้ให้อนงค์ซึ่งอยู่อีกด้านหนึ่งของบ้าน ฟังเธอตกใจไม่แพ้ลูกสาว มั่นใจว่านี่ต้องเป็นฝีมือของเฮียเส็งที่ส่งซากไก่มาขู่ลูกเขยของเธอ โฉมไฉไลไม่เข้าใจ ทำไมต้องขู่พฤกษ์ด้วย อนงค์เชื่อว่าเขาคงติดหนี้เฮียเส็งแล้วไม่มีจ่าย
“หา!...เพราะหม่าม้าคนเดียวเห็นไหม แทนที่พฤกษ์มันจะเอาเงินมาให้โฉม มันกลับต้องเอาไปให้ไอ้เฮียเส็ง เพราะหม่าม้าคนเดียว” เธอโวยลั่น แทนที่อนงค์จะสำนึกกลับอ้างว่าที่ทำไปเพราะต้องการให้เงินของพฤกษ์งอกเงย เธอตำหนิแม่ว่าทำให้บ้านเราหมดตัวไม่พอ จะยังพาบ้านแสนสมุทรหมดตัวไปด้วย แล้วทีนี้เราจะไปเกาะใครกิน
“อย่าโง่ไปหน่อยเลยยัยโฉม ไอ้พฤกษ์มันหมดตัวก็เรื่องของมัน บ้านแสนสมุทรยังมีทรัพย์สมบัติ มีมรดกตั้งเยอะแยะ พ่อผัวแกเขาอยากอุ้มหลานใจจะขาดไม่ใช่หรือ...งั้นแกก็รีบๆ ท้องกับพฤกษ์ให้ไวเบ่งหลานออกมาให้พ่อผัวแกอุ้มซะ แค่นี้แกก็ไม่ต้องไปเกาะใครให้เหนื่อย เกาะลูกตัวเองกินสบายไปตลอดชาติ...เข้าใจไหม”
โฉมไฉไลเบ้ปากไม่อยากมีลูกกับผู้ชายไม่เอาไหนพรรค์นั้น แล้วเดินสะบัดออกไป อนงค์มองตามขัดใจ...
หลังจากชอุ่มเก็บกวาดทำความสะอาดซากไก่เรียบร้อย เมฆาหันไปปลอบพ่อกับแม่ว่าน่าจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันมากกว่า ศรีดาราเห็นด้วย เพราะบ้านเราไม่เคยบาดหมางกับใคร อีกทั้งคุณณรงค์ก็ไม่ใช่นักเลงหัวไม้ที่จะใช้วิธีทวงนี้พฤกษ์แบบนี้ อนุตไม่วางใจ สั่งให้เมฆาจัดการใช้หนี้ให้คุณณรงค์ไปให้หมด
“แต่พี่พฤกษ์จะต้องเป็นคนใช้หนี้นะครับ”
“ทำตามที่พ่อบอก...พ่ออยากจัดการอะไรๆ ให้มันจบๆไป อยากให้แสนสมุทรกลับมางดงามเหมือนเดิม ไม่อยากให้มีอะไรมาทำให้แปดเปื้อนเสื่อมเสีย” เขานิ่งคิดครู่หนึ่ง แล้วหันไปขอร้องวงเดือนให้แต่งงานกับเมฆา เพื่อช่วยกู้หน้ากู้ศักดิ์ศรีให้แสนสมุทร “แต่งงานแล้วก็รีบมีลูกซะ...มรดกของแสนสมุทรจะได้มีคนสืบทอดต่อไป”
วงเดือนถึงกับใบ้กิน ขณะที่เมฆายิ้มแก้มแทบปริ โฉมไฉไลกับอนงค์มาทันได้ยินพอดี รีบหลบข้างเสาแอบฟัง วงเดือนตั้งสติได้ อ้าปากจะทักท้วง เมฆารู้ทันชิงพูดเป็นทำนองทวงบุญคุณ
“เพื่อคุณพ่อ...เพื่อแสนสมุทรนะเดือน” เขามองเธออย่างรอคำตอบ เธออึ้งไปพักใหญ่ ก่อนจะพยักหน้า
“ค่ะ...เดือนจะแต่งงานกับคุณเมฆา เพื่อคุณพ่อ คุณแม่ และเพื่อแสนสมุทร”
เมฆาสะดุดเล็กน้อยที่ไม่มีชื่อตัวเอง ศรีดาราดีใจมากดึงวงเดือนมากอด โฉมไฉไลแทบคลั่งจะเข้าไปอาละวาด แต่อนงค์ดึงไว้ เตือนว่าเข้าไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าจะทำสงครามให้ชนะต้องรู้เขาแต่อย่าให้เขามารู้เรา โฉมไฉไลไม่เข้าใจที่แม่พูด
“ก็หมายความว่าตอนนี้เรารู้แล้วว่าพวกมันคิดอะไร จะทำอะไร แต่พวกมันไม่มีวันรู้ว่าเรากำลังคิดอะไรและกำลังจะทำอะไร” คำอธิบายของแม่ไม่ได้ทำให้โฉมไฉไลเย็นลง ฮึดฮัดจะเข้าไปตบวงเดือนให้ได้ เธอต้องรั้งไว้
“ใช้แต่กำลังไม่ใช้สมอง...อย่างที่ฉันบอกแกว่าแกกับพฤกษ์ต้องรีบมีลูก มีทายาทให้แสนสมุทรตัดหน้านังวงเดือนกับเมฆา เกมนี้ใครมีลูกเร็วกว่ากันก็ได้เปรียบ เข้าใจไหม”
โฉมไฉไลจะไปมีลูกแข่งกับคู่นั้นได้อย่างไรในเมื่อทุกวันนี้แม้แต่หน้าเธอ พฤกษ์ยังไม่ยอมมอง และที่สำคัญเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาหายหัวไปไหน
“ไม่รู้ก็ไปหาสิยะ จะรอให้มรดกแสนสมุทรหลุดลอยไปต่อหน้าต่อตาหรือไง...นังลูกโง่” อนงค์แหวลั่น...
คนที่อนงค์ไล่ให้โฉมไฉไลไปตามหา เพิ่งรู้สึกตัวตื่นขึ้นเมื่อโสภีขยับตัวจะลุกไปทำงาน พฤกษ์มองเธออย่างรู้สึกผิดที่มีอะไรกับเธอ ยังไม่ทันจะอ้าปากขอโทษ เธอชิงพูดขึ้นก่อน
“นี่...ฉันไม่ใช่นางเอกนะ ฉันมันนางโลม ไม่ต้องมาทำเป็นรู้สึกผิด...จะนอนต่อก็ได้นะ แต่ฉันต้องไปรับแขก” เธอว่าแล้วลุกขึ้นจะออกไป พฤกษ์เรียกเธอไว้ ทำท่าจะควักเงินให้ เธอไม่ต้องการเงินของเขา
ooooooo
เหนือฟ้ามาเยี่ยมที่ฝังอัฐิของตัวเอง เห็นดอกไม้ที่หนูนาเอามาวางไว้ให้ หยิบขึ้นมาดู ขณะใจลอยคิดถึงคนเอาดอกไม้มาให้ ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงคนคุยกันแว่วมาแต่ไกล เขารีบหาที่ซ่อนตัว สักพัก เห็นดอยถือดอกไม้เดินเข้ามากับนายสว่าง
“โอย...ต้องถ่อมาตั้งไกลเอาดอกไม้มาวางให้พ่อเลี้ยงเนี่ยนะ...ลูกพี่นะลูกพี่ สั่งให้เปลี่ยนดอกไม้ทำไมทุกวัน สัก 7 วันเปลี่ยนทีก็ยังได้” ดอยพูดไปหายใจหอบเหนื่อยไปด้วย เหนือฟ้ายิ้มดีใจที่หนูนายังคิดถึงตนเอง นายสว่างเห็นเธอบ่นไม่หยุด ขู่ว่าถ้าหนูนากลับมาเมื่อไหร่จะฟ้องว่าเธอขี้เกียจเอาดอกไม้มาให้เหนือฟ้า
“อย่านะลุง เดี๋ยวลูกพี่เอาฉันตาย ว่าแต่เมื่อไหร่ลูกพี่จะกลับสักที ป่านนี้จู๋จี๋ดู๋ดี๋กับนายภูผาเพลินไปแล้ว”
นายสว่างเขกหัวดอยหนึ่งที “นี่แน่ะ...จู๋จี๋ดู๋ดี๋...ทำปากดีไปเถอะ เดี๋ยวพ่อเลี้ยงเขาโกรธขึ้นมา ลุกมาหักคอเอ็งข้าไม่ช่วยนะเว้ย” คำขู่ของนายสว่างเล่นเอาดอยสะดุ้งเฮือก รีบวางดอกไม้ไว้ตรงที่ฝังอัฐิของเหนือฟ้าก่อนจะวิ่งจู๊ดกลับไร่วงเดือน นายสว่างมองซ้ายมองขวาอย่างหวาดๆ แล้ววิ่งตามหลานสาว...
ได้เวลาต้องกลับไร่วงเดือน หนูนากับภูผามาถึงสถานีรถไฟก่อนเวลา ระหว่างที่หนูนานั่งรอภูผาไปซื้อตั๋วรถไฟ บังเอิญได้ยินสมุนของเฮียเส็งคุยกันว่าจะตามไปเก็บคนบ้านแสนสมุทรให้เรียบ เธอกลัวตัวสั่น ค่อยๆเหลือบมองตามสมุนทั้งสองคนที่เดินออกไป ทันทีที่ภูผากลับจากซื้อตั๋ว เธอรีบบอกให้กลับไปแสนสมุทร...
ในเวลาไล่เลี่ยกัน ศรีดาราเห็นว่าวงเดือนจะไปงานเลี้ยงศิษย์เก่าพยาบาลจึงมอบสร้อยเพชรเส้นเล็กน้ำงามให้เธอใส่ เพื่อให้สมฐานะว่าที่สะใภ้แสนสมุทร อนุตมองวงเดือนกับเมฆาที่แต่งตัวทั้งสวยทั้งหล่อสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก ถึงกับออกปากชมว่าทั้งคู่เหมาะสมกันมาก เมฆาถึงกับยิ้มไปหุบ
ทันใดนั้น มีเสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลือดังขึ้น ทุกคนตกใจหันมองตามเสียง เห็นชอุ่มวิ่งหน้าตื่นเข้ามาเกาะแขนเมฆา ร้องว่าแย่แล้วๆพร้อมกับชี้ไปที่ประตูบ้าน เป็นจังหวะเดียวกับสมุนเฮียเส็งสองคนย่างสามขุมเข้ามาถามหาพฤกษ์ อนุตย้อนถามเสียงเครียดว่าลูกชายของเขาไปทำอะไรให้
“ก็ไม่ได้ทำอะไรพวกข้า แต่ไอ้พฤกษ์มันติดหนี้บ่อนเจ้านายข้าสี่แสน...ไปเรียกมันมาใช้หนี้เดี๋ยวนี้”
เมฆาพยายามอธิบายว่าพฤกษ์ไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่พวกนั้นไม่ฟังหาว่าโกหก วงเดือนช่วยยืนยันอีกแรงว่าเขาไม่ได้อยู่ที่นี่จริงๆ สมุนหันมามองเห็นสร้อยเพชรที่คล้องคอเธออยู่ กระชากตัวเธอเข้ามาหา
“งั้นก็เอานังนี่กับสร้อยเพชรไปใช้หนี้เฮียเส็งแทนแล้วกัน”
เมฆายอมไม่ได้ ปราดเข้าไปชิงตัวเธอทันที เกิดการต่อสู้กันขึ้น เมฆาเสียเปรียบถูกสมุนรุมอัดลงไปกองกับพื้น แล้วจะตามเข้าไปเอามีดฟันซ้ำ ภูผามาทันเวลาพอดี โดดถีบทั้งคนทั้งมีดกระเด็น หนูนารีบคว้าแขนวงเดือนไปรวมกลุ่มกับศรีดาราและอนุต พอตั้งสติได้วงเดือนรีบโทร.แจ้งตำรวจ
สองพี่น้องหันหลังชนกันต่อสู้กับพวกสมุนของเฮียเส็ง ต่างผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ จังหวะหนึ่งภูผา
พลาดท่าถูกหนึ่งในสมุนใช้มีดแทงท้อง ทรุดฮวบ วงเดือนจะเข้าไปช่วยแต่หนูนาไวกว่าถึงตัวเขาก่อนแล้วใช้ตัวเองบังร่างเขาไว้ ขณะที่สมุนเงื้อมีดจะฟันซ้ำ พฤกษ์มา จากไหนไม่รู้ถีบสมุนคนนั้นเซถลา วงเดือนรีบเข้าไปดูอาการชายคนรัก
ระหว่างนั้น กำลังตำรวจกรูกันเข้ามา พวกสมุนเห็นท่าไม่ดีรีบเผ่นแน่บ เป็นจังหวะเดียวกับภูผาหมดสติไปในอ้อมแขนของวงเดือน...
ในเวลาต่อมา ภูผาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล เมฆาลงมือผ่าตัดช่วยชีวิตพี่ชายด้วยตัวเองโดยมีวงเดือนคอยเป็นผู้ช่วย ทั้งศรีดารา หนูนา อนุต และชอุ่มต่างยืนรออยู่หน้าห้องผ่าตัดอย่างกระวนกระวายใจ ขณะที่พฤกษ์แอบมองอยู่อีกมุมหนึ่ง ไม่กล้าแสดงตัวเพราะกลัวความผิด ชอุ่มเห็นหนูนาเดินพล่านอยู่นาน ชวนให้มานั่งด้วยกัน
“ใครจะนั่งลงป้า...คุณภูผาโดนแทงซะขนาดนี้...
เป็นอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้” หนูนาว่าแล้วน้ำตาไหลพรากศรีดาราเข้ามาปลอบว่าภูผาต้องไม่เป็นอะไร จังหวะนั้น เมฆาออกมาแจ้งว่า ภูผาปลอดภัยแล้ว ทุกคนโผกอดกันด้วยความดีใจ
“ขอบใจมากนะ...เมฆาเก่งมากลูก” ศรีดาราดึงลูกชายมากอด พฤกษ์ซึ่งแอบมองอยู่ถึงกับถอนใจโล่งอก...
ขณะเดียวกัน ภายในห้องผ่าตัด วงเดือนเก็บเครื่องมือผ่าตัดเรียบร้อยแต่ยังไม่ยอมออกจากห้อง เดินไปหาชายคนรักที่ยังนอนนิ่ง ก่อนจะก้มลงจูบหน้าผากเขาอย่างอ่อนโยน แล้วกระซิบข้างหู
“เดือนรักคุณ และจะรักคุณคนเดียวตลอดไป”
นิ้วของเขากระดิกเล็กน้อยเหมือนจะรับรู้ เมฆาเห็นวงเดือนหายไปนานไม่ออกจากห้องผ่าตัดสักที จึงตามมาดู เธอรีบผละจากภูผา ทำทีหันไปจัดเครื่องมือ เมฆามองอย่างรู้ทัน ถามเสียงเขียวว่า
“ทำอะไรอยู่?...เดี๋ยวให้พยาบาลเวรมาดูแลต่อได้แล้ว”
วงเดือนรับคำ ก่อนจะเดินเลี่ยงออกไป เขามองตามจนเธอพ้นสายตา แล้วหันมามองพี่ชายหน้าเครียด
“ผมให้ชีวิตพี่ ก็หวังว่าพี่จะไม่กระชากหัวใจของผมไปนะ...พ่ีผา”
ooooooo
วงเดือนออกมาหน้าห้องผ่าตัด เห็นหนูนาหลับฟุบอยู่กับเก้าอี้แขนห้อยตกลงมา ค่อยๆจับแขนเธอขึ้น เธอสะดุ้งตื่น ลุกพรวดจะเข้าไปเยี่ยมภูผาให้ได้ วงเดือนยังให้เยี่ยมตอนนี้ไม่ได้ เพราะอาจทำให้แผลติดเชื้อ และจะเป็นอันตรายต่อเขาได้ หมออนุญาตให้เยี่ยมได้เมื่อไหร่ จะบอกเธอทันที หนูนาพยักหน้ารับรู้ ลงนั่งอย่างเพลียๆ
“เธอเองก็ควรจะพักผ่อนให้มากๆนะ...ลูกในท้องจะได้แข็งแรง” วงเดือนว่าแล้วนั่งลงข้างๆ หนูนาหลบสายตาไม่กล้าสบตาด้วยเพราะมีชนักติดหลังทำให้คู่รักต้องพรากจากกัน
“เธอเป็นผู้หญิงที่โชคดีมากรู้ไหม หนูนา...โชคดีที่สุดที่คุณภูผารักเธอ”
หนูนาสะเทือนใจ รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่ได้รัก คนที่เขารักคือวงเดือนคนเดียวเท่านั้น เมฆาได้ยินสองสาวคุยกัน รีบหลบมุมแอบฟัง วงเดือนยังคงพูดถึงภูผาในแง่ดี
“คนที่ไม่รู้จัก...อาจจะนึกว่าคุณภูผาไม่น่ารัก เกเร อารมณ์ร้ายเอาแต่ใจ...แต่ถ้าได้รู้จักเขาจริงๆ ก็จะรู้ว่าเขาเป็นคนดี...ดีที่สุด...หนูนา...ฉันยินดีกับเธอด้วยนะจ๊ะ...ยินดีจากใจจริง” วงเดือนน้ำตาซึม
หนูนาเห็นเธอร้องไห้ รู้สึกผิดมากอ้าปากจะสารภาพ เมฆารู้ทัน รีบเข้ามาขัดจังหวะ ชวนวงเดือนกลับไปดูแลอนุต เธอขัดไม่ได้ จำต้องลุกขึ้น ปล่อยให้เขาจูงมือออกไป แต่แล้วเมฆานึกอะไรขึ้นมาได้หันกลับมาหาหนูนา
“อ้อ...หนูนา พี่ผาต้องมาเจ็บอย่างนี้ งานแต่งงานของเธอก็คงต้องเลื่อนออกไปสินะ...ไม่ต้องกังวลนะ ถึงยังไงพี่ผาก็ต้องแต่งงานกับเธอแน่นอน ถ้ามีอะไรให้ฉันกับวงเดือนช่วยก็บอกได้เลย ไม่ต้องเกรงใจเพราะถ้าเสร็จงานแต่งของเราสองคนแล้ว เราคงจะพอมีประสบการณ์แนะนำเธอกับพี่ผาได้บ้าง”
คำพูดตอกย้ำของเมฆา ทำให้วงเดือนน้ำตาร่วงอย่างกลั้นไม่อยู่ หนูนามองคู่แข่งหัวใจอย่างเข้าใจ เห็นใจและรู้สึกผิดต่อเธอมากยิ่งขึ้น
ooooooo
ขณะที่แผนการทุกอย่างของเมฆาดำเนินไปตามเป้าหมาย เหนือฟ้าหัดเรียนยิงธนูจากมะยออย่างตั้งอกตั้งใจ แต่ทำได้ไม่ดีลูกธนูพลาดเป้า ถูกอาจารย์มะยอด่าว่าอ่อนหัด
“นี่ แม่มะยอคนเก่ง ฉันเพิ่งจะหัดเป็นครั้งแรกจะให้เก่งเหมือนเธอได้ยังไง...หา”
“ชิ...ไม่รู้พ่อจะให้ฉันสอนพ่อเลี้ยงไปทำไม...
เหนื่อยฟรี” เธอว่าแล้วเดินสะบัดออกไป แต่สะบัดแรงไปหน่อย สะดุดกิ่งไม้จะล้ม เหนือฟ้าคว้าตัวเธอไว้ทัน ทั้งคู่มองสบตากันตะลึง เสียงร้องเรียกของมะขิ่น ปลุกมะยอให้ตื่นจากภวังค์รีบผลักเขากระเด็นลงไปกองกับพื้น มะขิ่นมองเขางงๆ
“อ้าว...พ่อเลี้ยง นั่นมันยิงธนูท่าไหน ทำไมนั่งยิงไม่ยืนยิง”
เหนือฟ้าโทษว่ามะยอสอนท่านี้ให้ มะขิ่นต่อว่าลูกยกใหญ่ เธอไม่พอใจที่โดนด่าโดยที่ไม่ได้ทำอะไรผิด เดินกระแทกส้นเท้าออกไป มะขิ่นรอจนลูกสาวลับสายตารีบรายงานเหนือฟ้าทันที
“คนฝั่งโน้นมันพูดกันว่า มีคนแปลกหน้าโผล่ไปป้วนเปี้ยนอยู่ ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็น...วันชัยหรือเปล่า”
“ขอให้ใช่...ฉันจะได้ส่งแกลงนรกซะที...ไอ้วันชัย” สีหน้าเหนือฟ้าเต็มไปด้วยความแค้น...
ระหว่างที่มะยอเดินอย่างหัวเสียไปตามทางในป่า รู้สึกเหมือนมีความเคลื่อนไหวอยู่อีกด้านหนึ่ง เธอค่อยๆย่องไปยังจุดนั้น กลับพบเพียงกระต่ายป่าซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้ ถอนใจโล่งอกก่อนจะหันหลังกลับ เจอใครบางคนยืนอยู่ ด้วยสัญชาตญาณการเอาตัวรอด เธอเงื้อมีดจะฟัน แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นว่าเป็นเหนือฟ้า แล้วโวยลั่นว่าอยากตายใช่ไหมถึงได้โผล่มาเงียบๆแบบนี้ เขายอกย้อนว่าเธอเป็นคนสอนเขาเองว่าถ้าอยากอยู่รอดในป่าก็ต้องเงียบ
“เธอนี่มันขี้ระแวงจริงๆ เคยไว้ใจใครบ้างไหมเนี่ย”
“ฉันไม่เคยไว้ใจใครทั้งนั้น...นอกจากพ่อ ไว้ใจคนอื่นแล้วได้อะไร...แน่ใจหรือว่าคนอื่นน่ะไว้ใจได้”
เหนือฟ้าถึงกับอึ้ง เพราะตัวเองหลงไว้ใจวันชัยจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด...
พฤกษ์คิดจะหลบหน้าพ่อกับแม่เอาตัวรอดจากความผิด แต่อนุตเห็นเสียก่อน สั่งให้กลับไปชำระความที่บ้าน ทันทีที่ถึงบ้านแสนสมุทร เขาตรงเข้าตบหน้าลูกชายคนโตฉาดใหญ่ อุตส่าห์ไว้ใจให้ดูแลกิจการ กลับทำตัวเหลวแหลก แล้วตบตีพฤกษ์ด้วยความแค้น เมฆาเป็นห่วงพ่อรีบเข้าไปกันไว้ เตือนว่าอย่าเครียดเกินไป เดี๋ยวความดันจะกำเริบขึ้นมาอีก
“ดี...ให้ฉันตายๆไปซะเลยยังจะดีกว่าต้องทนเห็นความอัปยศอดสูของแสนสมุทร...แกรู้ไหมไอ้พฤกษ์ แกเกือบจะทำให้ทุกคนต้องตายเพราะแก...เพราะแกคนเดียว”
อนงค์ร้อนตัวรีบกระทุ้งสีข้างให้โฉมไฉไลแสดงละคร ยัยตัวแสบปากแดงรู้งาน แสร้งตบอกร้องเอะอะ “คุณพระช่วย...พฤกษ์ทำอะไรหรือคะ คุณพ่อ”
“นั่นสิจ๊ะ...พฤกษ์ไปทำอะไรไม่ดีไว้หรือลูก?” อนงค์ทำเนียนไม่รู้เรื่อง
“พี่พฤกษ์ริอ่านไปเล่นการพนันตั้งแต่เมื่อไหร่...คิดยังไงถึงได้ไปยุ่งกับเรื่องแย่ๆแบบนั้น” เมฆาช่วยซ้ำ
“ขี้เมาหยำเป...ผัวไปทางเมียไปทาง ตกนรกคนเดียวไม่พอ ยังจะลากพ่อแม่พี่น้องไปตายด้วย...แกมันลูกทรพี... ไอ้พฤกษ์... ไอ้ตัวซวย” อนุตพูดจบไล่ทุบตีลูกชายคนโตไม่ยั้ง
ศรีดาราสงสารพฤกษ์มาก ขอร้องเมฆาช่วยห้ามพ่อให้ที เขากลับนิ่งเฉย พอใจพี่ชายถูกพ่อสั่งสอน วงเดือนต้องช่วยขอร้องอีกแรง เขาไม่อยากดูเป็นคนใจดำในสายตาของหญิงคนรัก ขยับจะเข้าไปแยกพ่อออก แต่ท่านเกิดเจ็บหน้าอก ทรุดฮวบลงกับพื้นเสียก่อน เมฆาเห็นอาการของพ่อไม่น่าไว้ใจ ช่วยกันกับแม่และวงเดือนพาไปส่งโรงพยาบาล โดยมีสองแม่ลูกตัวแสบตามไปด้วยเพราะไม่อยากให้วงเดือนได้หน้าได้สมบัติไปคนเดียว
ooooooo
หลังจากได้รับยาฉีดเข้าเส้นไม่นานนัก อาการของอนุตกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง เมฆาขอร้องให้พ่อปล่อยวางบ้าง จะได้ไม่ต้องเครียด อะไรตัดได้ก็ให้ตัดทิ้ง อุตส่าห์พูดเป็นนัยๆให้ตัดหางปล่อยวัดพฤกษ์ แต่ท่านกลับบอกให้เขาขายเรือของแสนสมุทรหนึ่งลำ เอาเงินไปใช้หนี้ของพฤกษ์ให้หมด เพื่อความสงบสุขของทุกคน และเป็นการกู้หน้ากู้ศักดิ์ศรีของตระกูลคืนมา เมฆาไม่พอใจ แต่ไม่กล้าแสดงออกจำต้องรับคำ
“เมฆา...ฉันจะได้เห็นหลานก่อนตายไหม” อนุตจ้องหน้าเขาอย่างรอคำตอบ เมฆาหันมองวงเดือนเหมือนจะถามว่าจะเอาอย่างไร เธอกลับหลบสายตา เขายิ้มได้ใจ
“พ่ออย่าพูดอย่างนั้นอีกนะครับ...ผมสัญญาว่าจะรีบมีหลานให้พ่ออุ้ม พ่อจะได้อารมณ์ดี สุขภาพแข็งแรง จริงไหม...เดือน” เขาว่าแล้วตวัดสายตามองวงเดือนอีกครั้ง เธอคิดหาคำตอบไม่ทัน จำต้องตอบส่งๆไปว่าจริง เมฆายิ้มแก้มแทบปริ อนงค์เห็นไม่เข้าทีกระซิบกับโฉมไฉไลให้รีบไปตามพฤกษ์มาทำหลานให้พ่อผัวของเธออุ้มให้ได้ ต้องตัดหน้าวงเดือนให้เร็วที่สุด โฉมไฉไลถึงกับเครียด ไม่รู้จะแก้ปัญหานี้อย่างไร...
ทางด้านพฤกษ์เคว้งคว้างไม่รู้จะหันหน้าไปหาใคร นึกถึงโสภีขึ้นมาได้จึงแวะไปที่กระต๊อบซอมซ่อของเธอ หญิงสาวผู้เจนโลกแดกดันว่าติดใจของฟรีหรือถึงได้กลับ มาหาเธออีกครั้ง เขาส่ายหน้า ปฏิเสธว่าไม่ใช่อย่างนั้น เขาแค่ไม่รู้จะไปไหน รู้แต่ว่าอยู่กับเธอแล้วสบายใจ เธอ ยิ้มหยันให้กับตัวเอง
“ผู้ชายมาหาฉันก็สบายใจสบายตัวกันทุกคน”
“เปล่านะ...ฉันไม่ได้หมายถึง...เอ่อ...ไม่หมายถึงเรื่องนั้น ฉันเองก็ยังแปลกใจว่าทำไมฉันถึงรู้สึกสบายใจที่ได้...เอ่อ...อยู่กับเธอเมื่อวันก่อน...ไม่เหมือนอยู่ที่บ้าน...
ฉันมันก็เป็นแค่ไอ้ตัวซวย เธอคิดว่าเธอน่ารังเกียจ...ฉันต่างหาก...ไอ้ตัวน่ารังเกียจ...ไอ้ตัวซวยของแสนสมุทร” เขาตัดพ้ออย่างเจ็บปวดใจ น้ำตาลูกผู้ชายคลอเบ้า
โสภีมองด้วยความเห็นใจ เอื้อมมือลูบผมเขาเบาๆเพื่อปลอบ ก่อนจะโน้มคอเข้ามาหา...
ขณะที่พฤกษ์กำลังขลุกอยู่กับโสภีเพื่อให้ลืมความเจ็บช้ำใจ โฉมไฉไลออกตามหาสามีไปทั่วทุกที่ที่คิดว่าเขาจะไปจนท้อใจ ไม่รู้จะไปตามหาที่ไหน อนงค์โวยลั่น
“ไม่รู้ไม่ได้นะยัยโฉม...แกต้องหาผัวแกให้เจอให้ได้ ขืนปล่อยให้มันหายหัวไปอย่างนี้มีหวังมรดกแกก็ต้องหายไปด้วย...เฮ้อ...ซวยจริงๆ ฉันไม่น่าช่วยแกจับไอ้พฤกษ์เลย นี่ถ้าหาทางจับคุณหมอเมฆาให้อยู่หมัดซะตั้งแต่แรก ป่านนี้เราคงนอนนับสมบัติแสนสมุทรสบายปรื๋อไปแล้ว” พูดจบเธอถอนใจเฮือก
“แต่มันก็ยังไม่สายเกินไปนะหม่าม้า...ถ้าเราเปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นเมฆาแทนพฤกษ์เสียเลยล่ะ”
“แกจะบ้าหรือ...ขืนพ่อผัวแม่ผัวแกรู้เข้า ว่าแกจะทำตัวเป็นนางวันทองสองใจ แถมยังเป็นนางอิจฉาไปแย่งเมฆาจากนังวงเดือนนั่นอีกล่ะก็...นอกจากจะอดมรดกแล้ว แกยังจะโดนเขาเฉดหัวออกจากแสนสมุทรอีกต่างหากนะนังลูกโง่...ไม่ได้ๆ ฉันขอสั่งให้แกทำตัวเป็นนางเอกต่อไป และรีบออกตามล่าหาผัวแกให้เจอให้ได้...ยัยโฉม”
โฉมไฉไลขี้เกียจต่อปากต่อคำกับแม่ เก็บแผนการชั่วร้ายไว้ในใจคนเดียว
ooooooo
เช้าวันรุ่งขึ้น วงเดือนทำซุปใส่ในกระติกจะเอาไปเยี่ยมอนุตที่โรงพยาบาล โดยมีเมฆาคอยตามประกบแจ เพราะเกรงเธอจะแวะไปเยี่ยมภูผา จังหวะที่ทั้งคู่มาถึงหน้าห้องพักฟื้นของภูผา เจอหนูนาถือถุงโจ๊กมาจากอีกด้านหนึ่งพอดี วงเดือนอ้าปากจะถามอาการชายคนรัก แต่พอเห็นสายตาของเมฆาที่จ้องจับผิด จำต้องเก็บปากเก็บคำ หนูนาเหมือนอ่านความคิดของเธอออกรีบบอกว่าภูผารู้สึกตัวแล้ว อยากจะกินโจ๊กเธอจึงไปซื้อมาให้
“ยังให้กินไม่ได้นะจ๊ะ กินได้แต่ของเหลวๆก่อน...” วงเดือนพูดยังไม่ทันจบ เมฆากระแอมขึ้นเป็นทำนองให้หยุดพูด ก่อนจะเร่งให้เธอไปหาอนุต อ้างว่าท่านรอกินซุปอยู่ แล้วดึงแขนเธอไปทันที หนูนาตะโกนไล่หลังว่าไม่เข้าไปเยี่ยมภูผาหน่อยหรือ เธอหยุดกึกมองเมฆาที่ส่งสายตากร้าวมาให้อย่างอ้อนวอน
“คุณเมฆาคะ เดือนขอแบ่งซุปนี่ให้คุณภูผากินหน่อยได้ไหมคะ...นะคะ...ฝากหนูนาไปให้เท่านั้น”
“ไปแบ่งที่ห้องคุณพ่อ...เดี๋ยวจะฝากพยาบาลให้เอามาให้...อ้อ...โจ๊กนั่นน่ะ หนูนาก็ควรจะเก็บไว้กินเองนะคนท้องก็ต้องบำรุงลูกในท้องด้วย...อย่าลืม” เขาคอยตอกย้ำให้วงเดือนจำใส่ใจว่าหนูนากับภูผากำลังจะมีลูกด้วยกัน แล้วดึงแขนเธอไปยังห้องพักฟื้นของอนุต หนูนามองตามทั้งคู่จนลับสายตา ก่อนจะผลักประตูห้องพักฟื้นของภูผาเข้าไป คนป่วยต่อว่าทันทีว่าทำไมหายไปนานนัก
เธอไม่ตอบ ได้แต่ยิ้มๆเอาถุงโจ๊กวางไว้บนโต๊ะ แล้วเดินไปนั่งข้างๆ เขาทวงถามว่าทำไมไม่เอาโจ๊กให้กิน เธออ้างว่าพยาบาลห้ามไม่ให้กิน เขาโวยลั่น คนอยากกินจะมาห้ามทำไม ไม่รู้จักเห็นใจกันบ้างเลย แล้วอาละวาดจะกินโจ๊กให้ได้ หนูนายืนกรานให้กินไม่ได้ เป็นคำสั่งของพยาบาล
“เขาห้ามก็ช่างเขา พยาบาลอะไร...ใจดำ” ภูผา เอะอะเสียงลั่น
จังหวะนั้น พยาบาลหน้าตาดุ อายุรุ่นราวคราวเดียวกับคุณป้าเปิดประตูผลัวะเข้ามา พร้อมกับยื่นถ้วยใส่ซุปให้หนูนา มองเหล่ภูผาก่อนจะเดินออกไป ตลอดเวลานั้น ชายหนุ่มปิดปากเงียบไม่กล้าว่าอะไรสักคำ...
ในเวลาเดียวกัน ภายในห้องพักฟื้นของอนุต ศรีดาราเห็นวงเดือนทำซุปมาให้อนุตกิน นึกเป็นห่วงภูผาขึ้นมาบ่นลอยๆว่าจะมีใครหาอะไรให้ลูกกินบำรุงร่างกายหรือเปล่า สุดท้ายเธอทนไม่ไหว หันไปบอกสามี
“คุณคะ...ขอฉันไปเยี่ยมลูกเถอะนะคะ ลูกต้องเจ็บขนาดนั้นก็เพราะปกป้องน้อง ปกป้องเดือน ปกป้องพวกเราทุกคน ฉันเป็นห่วงลูกใจจะขาดอยู่แล้ว” ศรีดาราขอร้องทั้งน้ำตา เขาได้แต่นั่งนิ่ง สีหน้าครุ่นคิด...
จากนั้นไม่นาน ขณะหนูนากำลังป้อนซุปคำสุดท้ายให้ภูผากิน ศรีดารากับวงเดือนเปิดประตูห้องพักฟื้นเข้ามาพอดี วงเดือนชะงักเมื่อเห็นภาพหวานของทั้งคู่ ส่วนศรีดาราปรี่เข้าไปลูบหัวลูบหูลูกชายด้วยความเป็นห่วง
“ภูผาลูกแม่ ไม่เป็นไรแล้วนะลูกนะ...โถ...เจ็บมากไหมลูก โชคดีนะที่เมฆาเค้าเก่ง...วงเดือนก็ด้วย เขาสองคนช่วยชีวิตลูกไว้นะจ๊ะ...อ้าว...เดือนเข้ามาสิลูก”
วงเดือนจำต้องเดินเข้ามายืนข้างๆ ศรีดาราหันไปเห็นหนูนา จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นหน้าตอนที่นำตัวภูผามาส่งห้องฉุกเฉินแต่ตอนนั้นมัวแต่วุ่นๆ ไม่ได้ถามไถ่ว่าเป็นใคร มาคราวนี้จึงได้โอกาสซักถาม พอรู้ว่าเธอเป็นภรรยาของภูผา และกำลังจะแต่งงานกัน เธอถึงกับอึ้ง ตัดพ้อว่าทำไมไม่เห็นลูกบอกกล่าวอะไรกันบ้าง
“ผมไม่มีโอกาสที่จะได้บอกแม่...ผมขอโทษนะครับ”
“ไม่...ไม่เป็นไรจ้ะ อะไรที่เป็นความสุขของลูก
แม่ก็ยินดี...หนูนาต้องดูแลภูผาให้ดีที่สุดนะจ๊ะ ภูผาเป็นคนดี...คนดีมาก...รับปากกับฉันสิจ๊ะหนู”
หนูนารับปากอย่างเขินๆ คาดไม่ถึงว่าภูผาจะกล้าเปิดตัวเธอให้แม่ของเขารับรู้ วงเดือนทนฟังต่อไปไม่ไหวขอตัวกลับไปดูอนุต ยังไม่ทันจะเปิดประตูห้อง เมฆาเข็นรถเข็นพาอนุตเข้ามาเสียก่อน แล้วสั่งให้วงเดือนอยู่ด้วยกันก่อน เธอจำใจอยู่อย่างกล้ำกลืนฝืนทน อนุตถามภูผาด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า
“เป็นยังไงบ้าง”
“ค่อยยังชั่วแล้วครับ” ภูผาปลื้มใจมากที่พ่อมาเยี่ยม แต่ยังหวั่นๆไม่รู้ว่าท่านจะมาแบบไหน
“ถ้าค่อยยังชั่วแล้ว...ก็กลับบ้าน...บ้านแสนสมุทร”
ภูผาไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง ศรีดาราโผกอดลูกชายคนรองด้วยความดีใจ ขณะที่เมฆาแทบกระอักเลือดอุตส่าห์วางแผนสร้างความร้าวฉานและกีดกันให้คู่รักคู่นี้อยู่ห่างกันแทบตาย จะมาพังเพราะพ่อก็คราวนี้...
เมฆาพาความคับแค้นใจกลับบ้านไปด้วย ขังตัวเองอยู่ในห้อง ใช้เหล้าเป็นเครื่องดับอารมณ์ ดื่มจนเมามายไม่ได้สติ เปิดโอกาสให้โฉมไฉไลย่องเข้าหา ความเมาทำให้เขาเห็นเธอเป็นวงเดือนตะเกียกตะกายเข้าไปกอด
“เดือน...คุณจะอยู่กับผมคนเดียวใช่ไหม คุณลืมพี่ผาแล้ว คุณไม่รักพี่ผาอีกต่อไปแล้วใช่ไหม...คุณต้องเป็นของผม...ของผมคนเดียว ผมไม่ให้คุณไปรักใคร ไม่ให้คุณไปรักพี่ผา...ผมไม่ยอมๆ” เขากอดรัดฟัดเหวี่ยงโฉมไฉไลจนล้มลงบนเตียงด้วย
“แน่นอนที่สุดค่ะ...เมฆา” เธอยิ้มสะใจ
ooooooo
เมฆาตื่นขึ้นในตอนเช้าตกใจแทบช็อกเมื่อเห็นโฉมไฉไลนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวส่งยิ้มหวานมาให้ นึกอยากเขกหัวตัวเองนักที่พลาดท่าให้ยัยตัวแสบอีกครั้ง กระชากเธอเข้ามาใกล้ คาดคั้นให้บอกมาว่าทำแบบนี้มีแผนอะไรกันแน่ โฉมไฉไลเอานิ้วแตะริมฝีปากเขา ก่อนจะยิ้มยั่ว
“แผนอะไรคะ...โฉมก็แค่ติดใจ คิดถึงรสสวาทของคุณก็แค่นั้นเอง”
“ไปให้พ้นเลย...แล้วก็หุบปากให้สนิท” เขาผลักเธอกระเด็น เธอแว้ดกลับ
“ทำไม...กลัวนังวงเดือนมันจะรู้หรือ...มันก็รู้มาตั้งนานแล้วว่าโฉมกับคุณมีอะไรกัน มันนั่นแหละหน้าด้าน ยังทำไม่รู้ไม่ชี้จะสะเออะมาแต่งงานกับคุณอีก”
“หยุดพูดถึงเดือนเดี๋ยวนี้ แล้วก็จำไว้ด้วย ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ไม่ว่าเธอจะมานอนกับฉันอีกกี่ครั้ง เจ้าสาวของฉันก็จะต้องชื่อวงเดือน วงเดือนคนเดียวเท่านั้น” เขาว่าแล้วผลุนผลันออกจากห้อง
“แน่ใจนักหรือเมฆา แน่จริงก็รอดูต่อไปละกันว่าเกมนี้...ใครจะแพ้ ใครจะชนะ” เธอยิ้มร้ายกาจ...
หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า รวบรวมสติเรียบร้อย เมฆาลงไปตามหาวงเดือนจนทั่วบ้านเพราะเกรงยัยตัวแสบจะปูดเรื่องเมื่อคืนแล้วจะทำให้เขาต้องสูญเสียเธอไป พอเจอเธอเดินมาจากสวนหลังบ้านพร้อมดอกไม้กำใหญ่ที่เพิ่งตัดมา เขาโผกอดเธอไว้แน่น ราวกับกลัวจะหลุดมือไป ละล่ำละลักว่า
“ผมรักคุณคนเดียวเชื่อผมนะ ผมรักคุณคนเดียว”
“อะไรกันคะเนี่ย” เธอพยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมแขน แต่เขากอดไว้แน่น
“ตอบผมก่อนว่าคุณเชื่อผม...คุณเชื่อผมใช่ไหม...ตอบสิเดือน” ถูกเขาคาดคั้นมากเข้า วงเดือนจำต้องตอบว่าเชื่อ เมฆายิ้มดีใจมาก “ดี...ดีมาก เราจะแต่งงานกันให้เร็วที่สุดเลยนะเดือน...ไป ไปกับผม” เขาพูดจบลากวงเดือนออกไป โฉมไฉไลแอบฟังอยู่อีกมุมหนึ่งมองตามตาวาวโรจน์
“ฝันไปเถอะ...เมฆา”...
ครู่ต่อมา เมฆาพาวงเดือนมาที่ร้านตัดเสื้อ ซื้อเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่แขวนอยู่ในร้านเกือบหมดราว แล้วพาเธอไปที่ร้านขายเครื่องประดับซึ่งอยู่ติดกัน เลือกต่างหูคู่สวยให้ จากนั้น เขาพาเธอไปเดินเล่น วงเดือนอดถามไม่ได้ว่านี่มันเรื่องอะไรกัน เขามองยิ้มๆ
“ก็ไม่เห็นจะอะไร ผมก็แค่อยากเห็นว่าที่เจ้าสาวของผม สวยสมกับเป็นสะใภ้แสนสมุทรเท่านั้นเอง”
“ของพวกนั้นมันไม่จำเป็นหรอกค่ะ”
“แต่อันนี้มันจำเป็นใช่ไหม” เมฆาว่าแล้วหยิบกล่องใส่แหวนขึ้นมาเปิดออก เผยให้เห็นแหวนเพชรเม็ดงาม “อันนี้คงจะปฏิเสธไม่ได้แล้วล่ะ เพราะมันเป็นแหวนที่ผมขอคุณแม่มาเพื่อสวมให้คุณโดยเฉพาะ”
“แต่เดือนยัง...” เธอยังพูดไม่จบว่ายังไม่อยากจะแต่งงาน เขาชิงพูดขึ้นก่อน
“มัวแต่ช้า เดีี๋ยวเราจะตามพี่ผากับหนูนาไม่ทันนะ” คำพูดแทงใจดำของเมฆาทำให้วงเดือนถึงกับเจ็บจี๊ด เขาตั้งใจตอกย้ำให้เธอตระหนักว่า ไม่ว่าจะอย่างไรเธอกับภูผาไม่มีทางกลับไปรักกันได้อีกแล้วในชาตินี้ วงเดือนหน้าสลดอย่างเห็นได้ชัด เขาแอบสะใจที่เห็นเธอเจ็บช้ำใจ ค่อยๆคว้ามือเธอมาสวมแหวนให้ ก่อนจะยกขึ้นมาจูบ
“จะไม่มีอะไรมาพรากเราสองคนไปได้แล้ว” เขายิ้มโล่งใจ ขณะที่เธอยอมจำนนต่อชะตาชีวิตที่ลิขิตเองไม่ได้
ooooooo
ขณะที่แผนการครอบครองวงเดือนของเมฆาสำเร็จไปอีกขั้นหนึ่ง คุณป้าพยาบาลสอนให้หนูนาทำความสะอาดแผลและเปลี่ยนผ้าพันแผลใหม่ให้ภูผา ด้วยความที่ไม่เคยทำมาก่อน เธอไม่รู้น้ำหนักมือกดพลาสเตอร์ปิดแผลแรงไปหน่อย เขาร้องลั่นว่าใช่อะไรทำแผลให้ ใช้มือหรือเปล่า
“โห...ก็คนมันไม่เคยอ่ะ” หนูนาตัดพ้อ
“ทำได้แค่นี้ก็เก่งแล้วหนู...คุณก็อดทนหน่อย...ตัวเบ้อเร่ออย่าทำใจเสาะ...อย่าลืมทำแผลทุกวันนะหนู แล้วก็อย่าให้แผลโดนน้ำจะหายช้า” คุณป้าพยาบาลแนะนำเสร็จ ขอตัวไปทำงานต่อ ภูผาหยิบเสื้อขึ้นมาจะสวมแต่ทำไม่ถนัดเพราะยังเจ็บแผล หนูนาต้องเข้ามาช่วย จากนั้น เขาลงจากเตียง ชวนเธอกลับบ้านไร่ เธอดีใจมากโดดตัวลอยโผกอดเขา โดนแผลที่ท้องเต็มๆถึงกับทรุดลงนั่งบนเตียงอย่างเดิม
“เฮ้ย...ขอโทษๆ คนมันดีใจน่ะ ก็ฉันนึกว่าคุณจะกลับไปอยู่แสนสมุทร...โห...เครียดจะแย่ เรากลับบ้านไร่ของเรากันเถอะนะ” เธอช่วยพยุงเขาลุกขึ้น ยังไม่ทันจะก้าวขา ชอุ่มเดินยิ้มแฉ่งเข้ามาเสียก่อน
“คุณภูผาคะ คุณผู้ชายสั่งให้ชอุ่มมารับคุณกลับบ้านแสนสมุทรค่ะ”
ภูผากับหนูนามองหน้ากันหวั่นๆ ครู่ต่อมา ชอุ่มพาทั้งคู่มาถึงบ้านแสนสมุทร ศรีดาราโผกอดลูกด้วยความดีใจ ขอร้องให้กลับมาอยู่บ้านเรา อย่าหนีเธอไปไหนอีก
“แล้วก็อย่าเกเรก่อเรื่องอะไรอีก” อนุตตีหน้าเข้ม ทั้งที่ดีใจสุดๆที่ลูกจะกลับมาอยู่บ้าน
“คุณพ่อหายโกรธแล้ว แม่เล่าเรื่องภูผากับหนูนาให้คุณพ่อฟังแล้ว...อ้าว...แล้วหนูนาอยู่ไหนล่ะลูก”
ชอุ่มชะโงกไปดูนอกประตู เห็นเธอยืนหลบมุมอยู่ ร้องเรียกให้เข้ามา เธอยืนนิ่งไม่อยากเข้า อยากกลับบ้านไร่มากกว่า ภูผาตามมา ขอร้องให้เธอเข้าไปกราบพ่อกับแม่ของเขาก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง หนูนาจำต้องทำตามที่เขาขอร้อง อนุตมองเด็กสาวที่ก้มกราบด้วยสายตาเอ็นดู
“ก็อยู่ด้วยกันที่นี่นะ...หนู”
“ผมคงอยู่ที่นี่ไม่ได้ พ่อกับแม่อย่าโกรธผมนะครับ แต่ผมต้องรับผิดชอบดูแลไร่ชาที่คุณย่ามอบไว้ให้ ชีวิตนี้ผมคงจะทิ้งมันไปไม่ได้จริงๆ” ความจริงแล้ว ภูผาไม่ได้อยากไปจากที่นี่ แต่ทนเห็นเมฆากับวงเดือนไม่ได้ หนูนารู้เท่าทันความคิดของเขา มองด้วยความเห็นใจ จังหวะนั้น เมฆาจูงมือวงเดือนเข้ามา
“แต่พี่ผาก็น่าจะอยู่แสนสมุทรอีกสักระยะหนึ่งนะครับ” เขาว่าแล้วจับมือซ้ายของวงเดือนที่สวมแหวนหมั้นขึ้นมาอวด “อย่างน้อย อยู่ให้ถึงวันแต่งงานของผมกับเดือนได้ เราสองคนก็จะดีใจมาก”
ภูผาเจ็บปวดใจ ทนไม่ไหวลุกพรวด ยืนยันจะกลับรถไฟเที่ยวค่ำนี้ ด้วยความที่ลุกขึ้นแรงเกินไป ทำให้แผลปริมีเลือดไหลซึมออกมาเลอะเสื้อ หนูนาตกใจปราดเข้าไปประคองเป็นจังหวะเดียวกับวงเดือนถึงตัวเขาเช่นกัน
“คุณภูผานอนลงก่อนนะคะ...ชอุ่ม...ขอกล่องปฐมพยาบาลเร็ว” วงเดือนสั่งเสร็จ รีบเปิดเสื้อเขาดู ไม่สนใจท่าทีที่ไม่พอใจของเมฆา...
หลังจากทำแผลเรียบร้อย หนูนากับชอุ่มช่วยกันพยุงภูผาไปที่ห้องเก่าของเขา ศรีดาราขอร้องลูกว่าอย่าดื้ออีกเลย อย่างน้อยอยู่ที่นี่ให้หายดีก่อน จะเอาอย่างไรค่อยว่ากันอีกที แล้วหันมองหนูนาด้วยสายตาอ้อนวอน หนูนามองภูผาเป็นทำนองว่าจะเอาอย่างไรดีเห็นเขานิ่งเงียบ เธอจึงตัดสินใจทำตามที่ศรีดาราขอร้อง
ooooooo
ด้านเมฆาหึงหวงที่วงเดือนช่วยดูแลทำแผลให้ภูผา รอจนเธออยู่เพียงลำพัง เข้าไปต่อความด้วยความโกรธเกรี้ยวที่เธอยังรักและลืมพี่ชายของเขาไม่ลง เธอเหนื่อยใจที่ต้องคอยตอบคำถามพวกนี้ จะเดินหนี เขาคว้าไหล่เธอให้หันกลับมา คาดคั้นให้บอกว่าไม่ได้รักภูผาอีกแล้ว เธอจ้องหน้าเขานิ่งไม่พูดอะไร
“มันมีเมียแล้ว เขาสองคนกำลังจะมีลูกด้วยกัน” เมฆาตวาดลั่น วงเดือนชักเคืองเสียงแข็งกลับไปบ้าง
“คุณเมฆา”
ในเมื่อใช้ความรุนแรงไม่ได้ผล เขาทรุดลงคุกเข่าอ้อนวอนขอให้เธอเลิกรักภูผา วงเดือนกำลังเคืองๆอยู่ เจอไม้นี้เข้าไปถึงกับอึ้ง เขาก้มหน้าคอตก ทำท่าน่าสงสาร แต่แววตาของเขากลับฉายแววร้ายกาจต่างจากน้ำเสียงลิบลับ เธอหลงเล่ห์กลของเขา จับไหล่เขาให้ลุกขึ้น
“ลุกขึ้นเถอะค่ะ คุณเมฆา”
“อย่าโกรธผมนะ เมื่อกี้ผมพูดไปเพราะผมรักคุณมาก” เขาทำตาละห้อยสำนึกผิด เธอพยักหน้ารับรู้
“แต่เดือนขอร้อง...ต่อไปนี้ อย่าพูดกับเดือนแบบเมื่อกี้อีก”
“ได้...ผมจะไม่พูดอย่างนั้นอีก....ผมสัญญา” เขาแอบยิ้มสะใจ
ooooooo
อนงค์ถึงกับกุมขมับอยากจะตายเสียให้ได้ เมื่อมาถึงแสนสมุทรแล้วรู้จากโฉมไฉไลว่า ภูผาพาเมียท้องป่องกลับมาอยู่ที่นี่ แต่แล้วคิดได้ว่ายังตายไม่ได้ต้องอยู่ช่วยลูกสาวฮุบสมบัติของแสนสมุทรให้ได้ก่อน เดินงุ่นง่านคิดไม่ตกจะทำอย่างไรต่อไปดี โฉมไฉไลชักจะเวียนหัว แขวะแม่ตัวเองทันที
“หม่าม้า...นั่งลงนะดีที่สุด”
“ดียังไงยะ...นาทีนี้ยังจะให้ฉันนั่งซื่อบื้ออย่างแกน่ะหรือยัยโฉม ฉันนั่งไม่ได้หรอกย่ะ ใจเย็นเหลือเกินนะแกเนี่ย ขืนปล่อยให้ลูกไอ้ภูผามันร้องอุ๊แว้ๆออกมาเมื่อไหร่ มีหวังมันคงกวาดมรดกแสนสมุทรไปเรียบ”
โฉมไฉไลแทบจะไม่ได้ฟังแม่พูดเพราะมัวแต่คิดถึงแผนการของตัวเอง อนงค์ยังคงพล่ามต่อไป
“แต่ก็ไม่แน่นะยัยโฉม ถึงยังไงตาพฤกษ์ผัวแกมันก็ได้ชื่อว่าเป็นพี่ชายคนโตของแสนสมุทร ถ้าเรียงตามลำดับแล้ว ผัวแกก็ควรได้มรดกเยอะสุด...เพราะฉะนั้นแกควรรีบท้อง แกต้องไล่ตามอีนังเด็กดอยนั่นให้ทัน เข้าใจไหม”
“คิดได้แค่นี้หรือหม่าม้า...โฉมมีแผนการที่เด็ดกว่านั้นเยอะ” เธอกระหยิ่มยิ้มย่อง...
อีกมุมหนึ่งของบ้านแสนสมุทร หนูนาหอบตะกร้าใส่เสื้อผ้าที่จะซักเดินสวนกับชอุ่มพอดี แม่บ้านใหญ่เหลือบเห็นตะกร้าในมือเธอ อาสาจะจัดการผ้าพวกนี้ให้ แล้วเอื้อมมือจะคว้าตะกร้า เธอเอี้ยวตัวหลบไม่ยอมให้
“ไม่ต้องหรอกจ้ะ มีเสื้อคุณภูผาเปรอะเลือดด้วย ฉันซักเองดีกว่า”
ขณะที่ไฟสร้างความเสียหายให้โรงเก็บใบชาของไร่เหนือฟ้าไปเกือบครึ่งหนึ่ง โสภีกำลังเต้นยั่วยวนเรียกแขกอยู่ที่มุมหนึ่งภายในบ่อนของเฮียเส็ง มีผู้ชายมากหน้าหลายตารุมล้อมส่งเสียงเชียร์กันสนุกสนาน พอเธอเต้นเสร็จ มีลูกค้าขี้เมาคนหนึ่งปรี่เข้ามาคว้าข้อมือเธอ ชวนไปขึ้นสวรรค์ด้วยกัน คุยอวดว่าจะจ่ายทิปให้ไม่อั้น
“ทิปก่อน...นอนทีหลัง” โสภีเกี่ยง ชายขี้เมาไม่พอใจส่งเสียงเอะอะลั่น พูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร หาว่าจะเบี้ยวเงินแค่นี้หรือ ไม่รู้หรือว่าเขาเป็นลูกใคร เธอไม่สน ลูกใครก็ไม่กลัวทั้งนั้น กลัวถูกเบี้ยวเงินมากกว่า ชายขี้เมาโมโหเงื้อมือจะตบ พฤกษ์พรวดเข้ามาคว้ามือเขาไว้ ก่อนจะสั่งให้โสภีหลบไปก่อน
ชายขี้เมาอาศัยจังหวะนั้นชกพฤกษ์หน้าหงาย พอตั้งหลักได้เขาลุยใส่ชายขี้เมาไม่ยั้ง โสภีต้องเข้ามาห้าม แต่ชายขี้เมาทรุดลงไปกองกับพื้นเรียบร้อย
“จะบ้าหรือ...อยากตายหรือไง” เธอตวาดลั่น
เขามึนตึบ อุตส่าห์ช่วยเธอไว้แท้ๆทำไมต้องเกรี้ยวกราดใส่ตนเองแบบนั้น เฮียเส็งได้ยินเสียงเอะอะ รีบเข้ามาดู พอเห็นหน้าชายขี้เมาที่นอนหมดสภาพ ถึงกับควันออกหูสั่งให้สมุนลากพฤกษ์ออกไปซ้อม โสภีเห็นสภาพบอบช้ำของเขาแล้วทนไม่ได้ ขอร้องให้หยุดซ้อมเขาได้แล้ว เฮียเส็งกระชากคอพฤกษ์ขึ้นมาตะคอกใส่
“ลื้อหนีหนี้ให้อั๊วตามล่าซะเหนื่อยกว่าพ่อลื้อจะใช้หนี้ให้อั๊ว แล้วนี่ลื้อยังมากระทืบลูกค้าวีไอพี ของอั๊วอีก ลื้ออยากตายใช่ไหม”
“ก็มันลวนลามโสภี”
“แล้วมันไปหนักกบาลลื้อตรงไหน...โสภีเป็นเด็กในบ่อนอั๊ว ลื้อเกี่ยวอะไรด้วย...อาโสภี...ลื้อไปเกี่ยวอะไรกับมัน” เฮียเส็งมองเธอเขม็ง เธอปฏิเสธว่าไม่รู้จัก เขาไม่เชื่อ ถ้าไม่รู้จักกันแล้วเรียกชื่อเธอถูกได้อย่างไร ย่างสามขุมเข้าหา ตบเธอล้มคว่ำไปกองกับพื้นโทษฐานริอ่านโกหก พฤกษ์จะเข้าไปช่วย สมุนล็อกตัวไว้ เฮียเส็งฉุนขาด
“สั่งสอนมันทั้งคู่...เอาให้มันจำแม่นๆใส่สมองว่าต่อไปอย่าบังอาจทำให้เฮียเส็งโกรธ”
ooooooo
เช้าวันรุ่งขึ้น ศรีดาราชวนอนุต เมฆากับวงเดือน และภูผากับหนูนามาร่วมกันทำบุญตักบาตรหน้าบ้าน
หลังจากพระรูปสุดท้ายสวดให้พรเสร็จ ศรีดาราถึงกับ น้ำตาซึม อดคิดถึงคุณแม่กับอรุณไม่ได้ อนุตต้องปลอบใจ
“เขาไปสบายแล้ว เหลือแต่พวกเรานั่นแหละ”
“คุณแม่ครับ...ผมรับรองว่าจากนี้ไป แสนสมุทรจะมีแต่ความสุข คุณพ่อคุณแม่จะมีแต่ความสุขตลอดไปจริงไหมเดือน” เมฆาว่าแล้วโอบเอววงเดือนไว้ เธอรับคำอย่างไม่เต็มปากนัก
“จริงสิ...แม่ให้ที่ร้านตัดเสื้อเขาเลือกผ้าสวยๆ ไว้ให้เดือนตัดชุดแต่งงานหลายชิ้นเลยนะจ๊ะ...เมฆาพาเดือนไปดูสิลูก รีบไปดูแต่เนิ่นๆ ใกล้วันงานจะได้ไม่ฉุกละหุก ...ภูผาก็น่าจะพาหนูนาไปดูพร้อมกันจะได้สั่งตัดไปซะด้วยกันเลย ดีไหมลูก” ศรีดาราคะยั้นคะยอ หนูนายังไม่ทันจะอ้าปากปฏิเสธ เมฆาชิงพูดขึ้นก่อน
“ดีครับแม่...ไปพร้อมกันเลยนะพี่ผา เดือนจะได้ช่วยดูชุดแต่งงานให้หนูนาด้วย...ดีใจไหมหนูนา”
หนูนาถึงกับอึ้ง ไม่รู้จะตอบอย่างไร ได้แต่มองภูผาซึ่งมองน้องชายอย่างรู้ทันว่าจะมาไม้ไหน ไม่นานนัก เมฆา วงเดือน ภูผา และหนูนามาถึงร้านตัดเสื้อ เจ้าของร้านกุลีกุจอมาต้อนรับ
“ตกลง...ชุดแต่งงานใช่ไหมเอ่ย”
“ใช่ครับ ตัดไว้พร้อมกันเลยทั้งสองคู่...ผมกับ
วงเดือน ส่วนพี่ผากับหนูนา...ตัดพร้อมกัน แต่ไม่น่าจะแต่งพร้อมกัน เพราะผมคงแต่งก่อน...แต่งตัดหน้ากันแบบนี้ พี่ผาคงไม่ถือสาใช่ไหมครับ เพราะผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ” เมฆายิ้มกวน ภูผาเหลืออด ขยับหมัดจะเข้าไปหา แต่เจ้าของร้านส่งเสียงขึ้นเสียก่อน
“ถ้างั้นอย่าช้า เรามาวัดตัวกันเลยดีกว่าค่ะ...
เด็กๆจ๋ามาวัดตัวคุณๆ ด่วนจ้า”
ช่างตัดเสื้อกรูกันเข้ามาพาวงเดือนกับหนูนาไปยังอีกมุมหนึ่งของร้าน เจ้าของร้านบอกให้สองหนุ่มรออยู่ตรงนี้ครู่หนึ่งก่อน ขอไปวัดตัวคุณผู้หญิงทั้งคู่ก่อน พอได้อยู่กันตามลำพัง เมฆาเริ่มยั่วประสาทพี่ชาย
“ไม่น่าเชื่อว่าจะมีวันนี้...จริงไหมพี่ผา...คิดดูสิพี่ ใครจะไปนึกว่าสุดท้ายแล้ว ผมจะได้แต่งงานกับเดือน จากคนที่ไม่มีใครสนใจ พ่อรักพี่พฤกษ์ แม่รักอรุณ คุณย่ารักพี่ผา แต่ในที่สุด ผมกลับกลายเป็นความหวังเดียวของแสนสมุทร และยิ่งไปกว่านั้น ผมยังกลายเป็นคนเดียวที่ได้ครอบครองหัวใจเดือนอีกด้วย” เขายืดอกภูมิใจ
“แกแน่ใจหรือเมฆาว่าแกได้ครอบครองหัวใจ ของเดือน...ไม่ใช่แค่ร่างกาย”
จังหวะนั้น เจ้าของร้านตัดเสื้อพาหนูนากับวงเดือนกลับมา เมฆาจ้องพี่ชายอย่างโกรธเกรี้ยว
“แน่ใจสิพี่ผา...ไม่เชื่อก็คอยดู” เขาพูดจบเดินตรงไปหอมแก้มวงเดือน ภูผาถึงกับตะลึง ขณะที่วงเดือนตกใจที่ถูกจู่โจม เมฆาอ้างว่าจูบนี้สำหรับเจ้าสาวของเขา แล้วถามเธอว่ารักเขาไหม
“อะไรกันคะ...คุณเมฆา” วงเดือนยังงงไม่หาย
“ตอบมาก่อน ตอบดังๆ ว่าคุณรักผม...ว่าไง”
วงเดือนเหลือบมองภูผาซึ่งทำเมินไม่มองรู้สึกน้อยใจมากต้องการจะประชด จึงตอบเมฆาไปว่ารักเขา เมฆายิ้มเย้ยพี่ชายเป็นทำนองว่าได้ยินชัดไหม ภูผาทั้งแค้นใจ ทั้งเจ็บแปลบหัวใจแทบทนไม่ไหว แต่จำต้องกล้ำกลืนไว้ ขณะที่หนูนามองเขาอย่างเห็นใจ










