ตอนที่ 17
ณัชชา ราเชน ปาระนัง...สืบเสาะเกาะติดร่องรอยของพวกทายาทจนมาถึงหุบเหวและพบรอยเท้าจำนวน มาก คาดว่าผู้กองเอกภพคงพาทายาทมาหยุดที่นี่และน่าจะข้ามเหวไปได้อย่างปลอดภัย ที่สำคัญอาจถึงจุดหมายปลายทางแล้วด้วย...
จริงอย่างที่ทั้งสามวิเคราะห์ แต่ไม่ใช่ทั้งหมดเพราะเวลานี้กลุ่มของเอกภพกำลังยืนอยู่ตรงหน้ารูปปั้นยักษ์ คู่ แต่ยังไปไม่ถึงจุดหมายปลายทางที่ต้องการ
“ที่แท้ขุนเขาสองลูกในแผนที่เป็นรูปปั้นยักษ์นี่เอง”
“ดีแล้วครับ...ถ้าเป็นเขาสองลูกจริงๆต้องปีนกันตับแตกแน่เลย”
“แผนที่บอกว่าผ่านขุนเขาแล้วจะถึงจุดหมาย”
“แน่ใจนะครับว่ามันจะไม่ขยับตัวตอนเราเดินผ่าน”
“ไม่ลองไม่รู้”
หลัง จากวิเคราะห์กันอยู่ไปมา นาฬิกาก็นำหน้าเดินตรงเข้าไประหว่างรูปปั้นยักษ์สองตน คนอื่นๆก้าวตามด้วยความตื่นเต้นระทึกใจเกรงจะเกิดเหตุไม่คาดฝัน... ในที่สุดก็ผ่านไปได้ด้วยดี แต่เดินมาระยะหนึ่งทุกคนต้องหยุดกึก เพราะตรงหน้าเป็นหน้าผาเวิ้งว้างไม่มีเส้นทางไปต่อได้
นาฬิกาหันรีหัน ขวางหมดความอดทนโวยวายขึ้นมาอย่างหัวเสีย “นาฬิกาคิดว่าองครักษ์ทั้งสี่ต้องบ้าแน่ๆ หลอกให้เราเดินทางมาพบกับความว่างเปล่า”
“พี่นาฬิกาครับ...องครักษ์ทั้งสี่คือบรรดาพ่อๆ พวกเราเองนะครับ”
“นั่น แหละบ้าชัดๆ บ้าๆๆๆ” นาฬิกาตะโกนระรัว น้ำตาซึมอย่างอัดอั้น ไกรยุทธ์เข้าใจความรู้สึกเธอเดินเข้ามาโอบไหล่ปลุกปลอบให้ใจเย็น อาจจะมีปริศนาอย่างอื่นที่เรามองข้ามไป แล้วให้ทุกคนเอาของประจำตัวออกมา
ทุก คนเอาของประจำตัวออกมาแต่ไม่มีปริศนาใดบอกเลย แต่พอบีมยกถุงยกมือขึ้นเหนือแผนที่ เกิดแสงสว่างเห็นเป็นรูปน้ำตกสูงตระหง่านอยู่ในแผนที่ แต่คนอื่นๆไม่เห็น กระทั่งนาฬิกาต้องเอาแว่นออกมาใส่แล้วเพ่งมอง
“เห็นแล้ว...น้ำตกจริงๆด้วย...บีมถุงมือ ขอแสง หน่อย”
บีมยกถุงมือขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ทุกคนเห็นภาพน้ำตกปรากฏชัดขึ้นตรงหน้า สูงตระหง่านและปกคลุมด้วยหมอกควัน
“สูงแบบนี้เราจะขึ้นไปได้ยังไงครับ แบบนี้ต้องบอลลูนหรือไม่ก็เครื่องบินเท่านั้น” บีมบ่นเสียงอ่อย
ทุกคนจ้องความสูงของน้ำตกอย่างหมดหวัง เอกภพถามว่ามีใครยังไม่ได้ใช้ของตัวเองบ้าง
“มีแต่ของปิงปองค่ะ” ว่าแล้วปิงปองหยิบสมุดกับดินสอขึ้นมา
ทันใดนั้นดินสอพามือปิงปองวาดอย่างรวดเร็ว ทุกคนลุ้นระทึกว่าจะเป็นอะไร...กลายเป็นเรือจ้างทำเอาทุกคนตาโตคาดไม่ถึง
“เห็นทีจะต้องพึ่งเชือกของไกรยุทธ์อีกแล้ว”
“โอ๊ย...เมื่อยอีกแล้ว”
ทุกคนห่อเหี่ยวไปตามกัน แต่ทันใดมีลมพัดแรงจนกระดาษของปิงปองปลิวตกหน้าผาหายลับตาไป แล้วอึดใจผ่านไปก็มีอะไรบางอย่างลอยขึ้นมา
“เรือจ้าง!!” นาฬิกาอุทานเสียงสูงปี๊ด
ทุก คนตะลึงพรึงเพริด มองเรือลอยขึ้นมาเทียบด้วยความตื่นเต้นดีใจ นาฬิกาก้าวลงเรือก่อนใครและปิดท้ายด้วยพี่ชายสุดหล่อของเธอ จากนั้นเรือค่อยๆลอยสูงขึ้น...สูงจนลับหมอกหนาทึบไปหยุดบนยอดน้ำตก ทุกคนก้าวลงจากเรืออย่างรวดเร็ว
เอกภพนำทางทายาททั้งสี่มาจนถึงลานกว้าง มีแต่ความว่างเปล่า แล้วให้นาฬิกาใส่แว่นตาสำรวจดู ปรากฏว่าเจอประตูสี่เหลี่ยมสีดำทะมึนตั้งอยู่ตรงหน้า แต่คนอื่นๆมองไม่เห็น บีมจึงใช้ถุงมือช่วยส่องแสงสว่าง ทำให้ประตูนั้นปรากฏชัดเจนขึ้น
“ใน ที่สุดเราก็มาถึงจุดหมายจนได้” นาฬิกาลิงโลด แต่บีมออกอาการเซ็ง บ่นขึ้นว่าเหมือนกับประตูคุก ปิงปองเลยสวนเข้าให้ว่า “ก็เรามาเอากุญแจประตูคุกนี่”
“ตามแผนที่บอกว่าผ่านประตูเข้าไปก็จะพบที่ เก็บกุญแจ”
“ใช่แล้ว เราต้องเปิดประตู”
นาฬิกา กระตือรือร้นนำกุญแจออกมาก่อนใคร ทายาทอีกสามคนทำตามแล้วจากนั้นเตรียมไขกุญแจให้ครบทั้งสี่ดอกเพื่อเปิดประตู แต่ทันใดฝูงค้างคาวบินฮือเข้ามาจู่โจม เอกภพชักปืนยิงไม่นับ แต่กลับโดนพวกมันชนจนกระเด็นกลิ้งไปกับพื้น ก่อนจะลุกเด้งขึ้นมายืน ดวงตาเป็นประกายสีดำ ทายาททุกคนคาดไม่ถึง ไกรยุทธ์กับนาฬิกาถือขวานในมือเตรียมพร้อม
“แกไม่ใช่พี่เอก” นาฬิกาพูดโพล่งอย่างมั่นใจ
คนอื่นพากันตกใจ เอกภพจ้องทุกคนเขม็งควันสีดำฟุ้งออกมาจากใบหน้าของเขาแล้วค่อยๆจางหายไป
“ภูตสังหาร!!”
ขาดคำของไกรยุทธ์...เทพอาคินกับเทพอัคราปรากฏตัวพร้อมภูตสังหารทั้งแปด
“เราไม่ต้องการทำร้ายทายาท เพียงแต่มอบกุญแจให้เรา”
“อย่าหวัง” นาฬิกาสวนทันควัน
“ถ้าพวกเจ้าไม่ยอม ภูตสังหารที่อยู่ในร่างของผู้กองจะสังหารผู้กองตามคำสั่งเรา”
ไกร ยุทธ์ลอบสบตานาฬิกาที่บัดนี้หน้าซีดไม่กล้าตัดสินใจ จนกระทั่งไกรยุทธ์พยักหน้าส่งสัญญาณ เธอจึงสะบัดขวานเข้าหา คมขวานสัมผัสกันเกิดเป็นแสงสว่างและเสียงดังเปรี้ยงปร้างสนั่นหวั่นไหว ร่างณัชชากับราเชนและปาระนังปรากฏขึ้นทันใด
“องค์หญิงณัชชา...ที่แท้องค์หญิงใช้มนตร์ผนวกศาสตรามาได้ทันเวลา”
“แต่เสียใจด้วยนะองค์หญิงณัชชา ผู้กองขององค์หญิงคือภูตสังหารของเรา”
“ภูตสังหารของท่านปรากฏตัวไม่ครบเพราะเหตุนี้เอง”
สองพ่อลูกยิ้มอย่างเหนือกว่า แล้วเริ่มต่อรอง “ท่านให้ทายาทนำกุญแจมาให้เรา เราก็จะคืนผู้กองให้พวกท่าน”
“ต้องยอมรับว่าแผนของท่านแนบเนียนมาก วางแผนให้ผู้กองเดินทางกับทายาท พอได้โอกาสก็ชิงกุญแจ เราเองคาดไม่ถึงจริงๆ”
“องค์หญิงชมเกินไปแล้ว” อัคราพูดอย่างลำพอง
“โชคยังดีที่คนหรือภูตชั่วร้ายไม่สามารถผ่านประตูเข้าไปได้แผนของท่านถึงล้มเหลว”
“แต่เราก็ยังมีผู้กอง นับว่ายังเป็นต่ออยู่” อาคินยิ้มเย้ย
“เทพอัครา...ท่านรับปากแล้วคืนคำพลังของท่าน จะหมดไป”
“เชิญองค์หญิง เราจะรออยู่ที่นี่”
ณัชชาสีหน้าเคร่งเครียด มองเอกภพที่ยืนนิ่งเหมือนไม่รู้สึกตัว แล้วเธอหันไปทางราเชนกับปาระนัง
“รบกวนท่านราเชนและท่านธิดาอยู่คอยระวังผู้กองด้วย เราไม่สามารถไว้ใจเทพอาคินและเทพอัคราได้”
“องค์หญิงอย่าได้กังวล” ปาระนังรับปาก
ณัช ชาเดินนำทายาททั้งสี่เข้าไปในประตูที่มีลำแสงส่องสว่าง โดยด้านหลังมีราเชนกับปาระนังยืนเผชิญหน้ากับสองเทพพ่อลูกและภูตสังหารทั้ง แปด... หากพวกมันตุกติกผิดคำพูด อย่าหวังจะฝ่าด่านของทั้งคู่ไปง่ายๆ
ooooooo
ณัชชานำทายาททั้งสี่ผ่านประตูคุกเข้าไปโผล่บนขบวนรถไฟเก่า ก่อนจะทะลุต่อไปยังเมืองโบราณแห่งหนึ่ง แล้วพบว่ากลางลานกว้างมีพานใส่แท่งแก้วขนาดหนึ่งคืบส่งประกายวับวาว บีมถึงกับร้องขึ้นว่านี่หรือกุญแจ ไม่เห็นเหมือนลูกกุญแจเลย
“ทายาทควรเป็นคนหยิบกุญแจออกมา”
ขาดคำของณัชชา...ไกรยุทธ์ขยับเดินเข้าไปแต่ไม่ทันถึงพานร่างก็กระเด็นตูมออกมา พร้อมกันนั้นท้องฟ้าที่สว่างจ้ากลายเป็นมืดครึ้ม นาฬิกาเข้าประคองไกรยุทธ์พลางถามณัชชาว่าเกิดอะไรขึ้น
“พี่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน”
“ลองดูแผนที่ดูไหมคะ เผื่อจะมีปริศนาบอก” ปิงปองกางแผนที่ ทุกคนมองอย่างตื่นเต้น...เห็นรูปแท่งกุญแจอยู่ในดอกบัวที่มีก้านโผล่ออกมาจากก้อนเมฆสีขาว จึงตีความกันไปต่างๆนานา
“มีกุญแจอยู่ในพานแทนที่จะเป็นดอกบัวสีขาว”
“ดอกบัวบานในก้อนเมฆสีขาว”
“หรือว่าเราต้องเข้าไปพร้อมกันสี่คนครับ”
“ไม่มีเครื่องหมายที่แสดงถึงทายาททั้งสี่ในเวลาเดียวกัน”
“ดอกบัวหมายถึงผู้หญิง หรือว่าต้องเป็นผู้หญิงถึงจะเข้าได้”
“งั้นให้นาฬิกาลองดูนะคะ”
นาฬิกาก้าวเข้าไปแต่ร่างของเธอก็กระเด็นออกมาเหมือนไกรยุทธ์อยู่ดี ณัชชาสีหน้าเคร่งเครียด บอกทุกคนว่ายังไงตนต้องหาทางเอากุญแจมาให้ได้ด้วยการใช้พลังผ่านเข้าไป แต่พยายามแล้วไม่สำเร็จเพราะโดนพลังบางอย่างต้านจนในที่สุดต้องถอยออกมา
“เราตีความหมายผิด ถ้าดอกบัวหมายถึงผู้หญิงนาฬิกาก็ต้องผ่านเข้าไปได้แล้ว”
“เดี๋ยวก่อน...ก้อนเมฆ เราไม่ได้ตีความหมายของก้อนเมฆ” นาฬิกาพูดโพล่ง ปิงปองเห็นด้วยอย่างแรง และคาดว่าณัชชาน่าจะรู้ความหมายของก้อนเมฆ
“เมฆหมายถึงสูงส่ง บริสุทธิ์ สะอาด อะไรประมาณนี้แหละ”
“ดอกบัวหมายถึงผู้หญิง ก้อนเมฆหมายถึงสะอาดบริสุทธิ์ ผู้หญิงสะอาดบริสุทธิ์”
คำพูดของนาฬิกาทำให้หลายคนงุนงง แต่สำหรับณัชชาตีความได้ว่าผู้หญิงสะอาดบริสุทธิ์คือผู้หญิงที่ไม่เคยทำบาป ไม่คร่าชีวิตใคร และในที่นี้ก็มีแค่ปิงปองคนเดียวเท่านั้น
“เพราะแบบนี้เอง อาจารย์ถึงไม่ยอมสอนวิชาให้ปิงปองกับบีมสังหารใคร”
ในที่สุดปิงปองก็หยิบกุญแจนั้นมาได้ พลันท้องฟ้าที่มืดครึ้มกลับกลายเป็นสว่างเหมือนเดิม ณัชชานำพาทุกคนกลับออกมาจากประตูบานใหญ่และบอกเทพอัคราว่าเธอได้กุญแจมาแล้ว
ณัชชาชูแท่งแก้วที่เปล่งประกายวูบวาบขึ้นตรงหน้า เทพอัครากับเทพอาคินจ้องมองอย่างตื่นเต้น
“เรียกภูตสังหารออกจากร่างของผู้กองได้แล้ว”
“ได้...องค์หญิงอย่าลืมว่าถ้าองค์หญิงโกหกพลังเทพก็จะสูญสิ้นเช่นกัน”
“เราคือเทพธิดาไม่ใช่เทพชั่ว เราพูดแล้วไม่เคยคืนคำ ทันทีที่ผู้กองรู้ตัวเราจะส่งกุญแจไปให้ท่าน นอกจากว่าท่านจะไม่สามารถรับได้เอง”
“ท่านพ่อ...ข้าเกรงว่าองค์หญิงจะมีอุบาย” อาคินรีบท้วง
“ถ้าองค์หญิงคืนคำก็จะสูญสิ้นพลังเทพ เมื่อนั้นเราก็ชิงกุญแจมาได้อย่างง่ายดาย”
“แล้วถ้าองค์หญิงคิดชิงกุญแจ”
“ทันทีที่กุญแจหลุดออกจากมือองค์หญิง ยากที่จะมีใครเร็วพอที่จะแย่งชิงไปได้”
ฟังคำของบิดาแล้วอาคินยิ้มย่ามใจ ยกมือสองข้างเข้าหาร่างเอกภพ อึดใจก็เห็นควันสีดำออกจากร่างของเอกภพมารวมตัวกันกลายเป็นภูตสังหารปรากฏขึ้นอีกตัวหนึ่ง แต่ณัชชายังไม่ไว้ใจ ใช้ดาบพิชิตมารทดสอบจนแน่ใจก่อนจะยินยอม
“กุญแจออกจากมือเราไปสู่ท่านถือว่าเราทำตามคำพูด ถ้าท่านรับไม่ได้ถือว่าเป็นเรื่องของท่านเราไม่รับผิดชอบ”
“ท่านอย่าได้ห่วงเรื่องนั้น แม้ว่าพวกท่านทั้งหมดจะพยายามแย่งคืนก็อย่าหวังว่าจะทำได้”
“ผู้กอง ทันทีที่กุญแจออกจากมือเรา ขอให้ท่านระวังตัวด้วย”
“องค์หญิงอย่าได้กังวล”
ณัชชาปล่อยกุญแจคุกนิลกาลลอยไปให้อาคิน ทันใดนั้นกามเทพนาชะบินโฉบมาแย่งกุญแจไว้ได้อย่างหวุดหวิด ทายาทไชโยโห่ร้องด้วยความดีใจ เทพอัคราโกรธมากปล่อยพลังใส่นาชะ แต่ช้ากว่าราเชนที่สะบัดมือปล่อยลูกธนูไฟสกัดไว้ได้
“องค์หญิงคิดกลับคำให้กามเทพนาชะแย่งชิงกุญแจ” เทพอัคราคำรามลั่น
“เราแย่งชิงกุญแจเพราะภูตสังหารของท่านลอบทำร้ายเรา เป็นเรื่องแค้นระหว่างเรากับท่าน หาได้เกี่ยวข้องกับองค์หญิงไม่” นาชะตอบโต้
“กฎสวรรค์วางไว้ห้ามทั้งสามโลกทำร้ายกามเทพ เทพอาคินขาดจรรยาบรรณสมควรรับโทษ”
“หยุดพูดได้แล้วองค์หญิง...โลกทั้งสี่จะถูกเราย่ำให้ราบเป็นหน้ากลองอยู่แล้วทำไมต้องสนใจกฎสวรรค์ไร้สาระทั้งหลาย”
“ความหวังที่ท่านจะย่ำโลกทั้งสี่จบที่นี่ เวลานี้ เดี๋ยวนี้...ท่านราเชนทำลายกุญแจ”
ณัชชารับกุญแจมาจากนาชะแล้วยื่นให้ราเชนทำลายด้วยเปลวไฟแต่ไม่สำเร็จเพราะอาคินปล่อยพลังเข้าใส่จนร่างราเชนกระเด็นกลิ้งไป ส่วนกุญแจตกอยู่ในมืออาคินอย่างที่ใครก็คาดไม่ถึง
“ในที่สุดกุญแจก็อยู่ในมือของข้า”
อาคินชูแท่งกุญแจในมือขึ้นเย้ยเยาะพวกณัชชา แต่ทันใดนั้นแท่งกุญแจติดไฟลุกพรึบขึ้นมาท่วมมือของมัน ณัชชาและทุกคนจ้องมองอย่างตื่นเต้น อาคินจ้องมองมือตนที่ไฟลุกท่วมเหมือนคนขาดสติ ไม่ยอมปล่อยกุญแจคุกนิลกาล
ทันใดนั้นเกิดระเบิดตูม!! แขนของอาคินหายไปหนึ่งข้าง แท่งกุญแจพุ่งมาปักตรึงอยู่เบื้องหน้าณัชชาและทุกคน เพียงองค์หญิงณัชชาสะบัดมือออกไป กุญแจก็ปลิวเข้ามาอยู่ในมือของเธออย่างรวดเร็ว
“เทพชั่วอย่างท่านไม่มีทางได้กุญแจไว้ครอบครอง”
อาคินจ้องเขม็งด้วยความแค้น ใช้ฤทธิ์เดชบันดาลให้แขนของตัวเองที่ขาดกลับมาสมานได้ดังเดิม ขณะที่ เทพอัคราก็เตรียมพร้อมเอาชีวิตทุกคนให้หมดสิ้น
“ทำไมพี่ณัชชาไม่เอากุญแจหนีไปก่อนล่ะพี่นาชะ” ปิงปองกระซิบกระซาบ
“องค์หญิงหนีไปได้ แต่ทายาทคงหนีไม่พ้น มีทางเดียวคือต้องแตกหักกันวันนี้”
“แตกหักกันวันนี้?” บีมอุทานหน้าตื่น
“ใช่...ไม่เทพอาคินกับเทพอัคราก็เป็นองค์หญิงกับพวกเราทุกคน เทพอาคินกับเทพอัคราไม่ปล่อยให้ใครรอดไปได้อย่างเด็ดขาด”
เทพอัครายืนตระหง่าน ประกาศกร้าวอย่างมั่นใจ “ยังไงกุญแจก็ต้องเป็นของเรา พวกท่านไม่มีทางต้านเราได้”
ณัชชาชูกุญแจขึ้น พลันแท่งกุญแจค่อยๆละลายหายไปในมือของเธออย่างไม่น่าเชื่อ
“ตอนนี้กุญแจอยู่ในตัวเรา อยากได้ก็เข้ามา”
“ชิงกุญแจ”
สิ้นเสียงของเทพอัครา ร่างเก้าภูตสังหารปรากฏพร้อมเพรียงและโอบล้อมทุกคนไว้ เอกภพรีบสั่งให้บีมกับปิงปองใช้วิชาพรางตัวหลบไป ณัชชากำชับนาชะคอยดูแลทายาททั้งสองด้วย และให้ไกรยุทธ์กับนาฬิการะวังตัวให้ดี
“องค์หญิง...ดาบพิชิตมาร”
เอกภพส่งดาบพิชิตมารให้ณัชชาต่อสู้กับเก้าภูตสังหาร ส่วนตัวเองใช้ปืนเป็นอาวุธ ขณะที่ราเชนกับปาระนังก็ใช้อาวุธประจำกายบุกตะลุยศัตรูอย่างดุเดือด ผลัดกันรุกผลัดกันรับอย่างไม่มีใครยอมใคร
บีมกับปิงปองใช้วิชาพรางตัวแต่ยังปักหลักสังเกตการณ์ด้วยอาการลุ้นตัวโก่ง โดยมีนาชะคอยระแวดระวังภัยอย่างใกล้ชิด
“พวกภูตสังหารมีโล่บังหัวใจ ไม่มีวันตาย”
“พี่ณัชชากับทุกคนไม่มีทางต้านได้เลย”
บีมกับปิงปองบ่นด้วยสีหน้าเป็นกังวล...นาชะเริ่มใจไม่ดีแต่จำเป็นต้องบอกทั้งคู่ว่าใจเย็นๆไว้ ความดีต้องชนะความชั่ว
ooooooo
เมื่อสถานการณ์คับขันพวกณัชชาเสียเปรียบฝ่ายอาคิน นาชะกับบีมและปิงปองจึงเข้าช่วยเหลือ แต่ทุกคนก็เกือบเอาชีวิตไม่รอดถ้านาชะไม่บังเอิญล่วงรู้วิธีจัดการกับพวกเหล่าร้าย...
นาชะใช้ละอองแห่งความรักครอบคลุมอาวุธของทุกคนก่อนเข้าห้ำหั่นกับเก้าภูตสังหารจนร่างของพวกมันแตกสลายหายไป แต่ไม่สามารถทำให้เทพอาคินล้มตายเพราะความจริงแล้วเขาไม่ได้ฝากหัวใจไว้กับภูตสังหาร
พวกณัชชาตะลึงคาดไม่ถึง เมื่อเห็นว่าอาคินยังคงอยู่ในสภาพปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“หัวใจของท่าน...”
“ไม่ได้อยู่ที่ภูตสังหาร...เสียใจด้วยองค์หญิง”
อาคินสะบัดดาบพุ่งเข้าใส่ณัชชาอย่างรวดเร็ว เกินกว่าใครจะคาดคิด มีเพียงเอกภพที่พุ่งตัวออกมาขวางจึงโดนดาบปักอกด้านขวาอย่างจังจนปลายดาบโผล่ออกทางด้านหลัง ร่างทรุดลงตรงหน้าณัชชา
“เทพอาคิน...เราจะแลกชีวิตกับท่าน”
ณัชชาคำรามด้วยความโกรธแค้น มาดหมายแก้แค้นให้เอกภพ แต่ทันใดนั้นร่างอาคินกลับสะท้านโดยที่เธอไม่ทันลงมือ
ที่แท้เทพอาคินฝากหัวใจไว้ที่เอกภพในช่วงเวลาที่เขาโดนภูตสังหารตนหนึ่งครอบงำ...
อาคินเจ็บปวดทรมาน สองมือกุมอกข้างซ้ายของตนร้องครวญครางเรียกท่านพ่ออยู่ครู่หนึ่งก่อนที่ร่างจะสลายกลายเป็นฝุ่นหายไปในพริบตา!
“ที่แท้เทพอาคินซ่อนหัวใจไว้ในร่างของผู้กอง”
สิ้นเสียงของนาชะ เทพอัครากราดสายตามองทุกคนด้วยความแค้นแล้วหายตัวไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกันนั้นดาบของอาคินที่ปักอกเอกภพก็สลายหายไปด้วย ณัชชาเข้ามาประคองเอกภพที่ถูกแทงด้วยความเป็นห่วง
“ผู้กอง...”
“องค์...หญิง...ปลอดภัย”
“ฉันไม่เป็นไร ผู้กองช่วยฉันไว้”
“เทพ...อาคิน...”
“เทพอาคินดับสิ้นไปแล้ว พวกเราชนะ”
เอกภพรับรู้แล้วหมดสติไปในอ้อมแขนของณัชชา โดยมีคนอื่นๆปราดเข้ามารุมล้อมด้วยความเป็นห่วง
ooooooo
หลังเหตุการณ์ระทึกใจผ่านพ้นและเอกภพฟื้นคืนสติอย่างปลอดภัย...ในที่สุดก็ถึงเวลาที่ปาระนังกับราเชนต้องเอ่ยคำลาจากทุกคนกลับสู่เมืองของตน ปาระนังกลับสู่มหาสมุทร ส่วนราเชนกลับไปยมโลก แต่ทั้งคู่ยังมีใจรักต่อกันไม่เปลี่ยนแปลง
เมื่อภารกิจทำลายกุญแจคุกนิลกาลสำเร็จลุล่วงเพื่อไม่ให้เทพอัคราที่ถูกจองจำได้รับการปลดปล่อย นาชะกับณัชชาก็ต้องกลับสวรรค์เหมือนกัน เอกภพเลยเศร้าราวคนอกหัก ยืนตาละห้อยมองณัชชาบอกลาทายาททั้งสี่
“พี่ภูมิใจในตัวพวกเราทุกคนที่เสียสละเสี่ยงชีวิตเพื่อรักษาความสงบของโลกทั้งสี่ ไกรยุทธ์...เธอปกป้องทุกคนได้อย่างกล้าหาญ”
“ขอบคุณครับ”
“เราจะได้พบกันอีกหรือเปล่าคะ” นาฬิกาเสียงอ่อย
“เราพบกันได้เสมอในความฝัน”
“บีมจะฝันถึงพี่ณัชชาทุกคืนเลย”
“ปิงปองด้วยค่ะ”
ณัชชายิ้มรับแล้วขยับตัวมายืนตรงหน้าเอกภพ “คุณล่ะ...จะฝันถึงฉันมั้ย”
เอกภพฝืนยิ้มและโอบกอดณัชชาไว้ในอ้อมแขน ทันใดนั้นแสงสว่างสาดลงมาจากท้องฟ้า ทุกคนจ้องมองอย่างตื่นเต้น ณัชชาผละออกจากอ้อมแขนของเอกภพในลักษณะเตรียมพร้อมหากมีเหตุร้าย
“อย่าบอกนะว่าเทพอัครากลับมาอีก” บีมพูดโพล่งอย่างหวาดหวั่น
ผิดคาด! เพราะเบื้องหน้าทุกคนปรากฏร่างของชายในชุดขาวสะอาดสี่คน พวกเขาคือองครักษ์ทั้งสี่นั่นเอง
คนอื่นๆมองด้วยความสงสัย ยกเว้นณัชชาที่ ทักทายพวกเขาด้วยรอยยิ้ม
“ยินดีที่ได้พบท่านองครักษ์ทั้งสี่”
เท่านั้นเอง กลุ่มทายาทต่างมองหน้ากันไปมาด้วยความตื่นเต้น ก่อนจะเดินเข้าหาบิดาของตนเองแล้วได้รับคำชมกับภารกิจสำคัญกันถ้วนหน้า
หลังจากแสดงความรักและชื่นชมกันแล้ว ร่าง องครักษ์ทั้งสี่ค่อยๆจางหายไป ทายาทต่างกล่าวขานเป็นเสียงเดียวกันว่าพ่อของเราเจ๋งที่สุด
ณัชชากับเอกภพยิ้มอย่างมีความสุข กลับเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของกันและกันอีกครั้ง โดยมีทายาททั้งสี่จับคู่ยืนมองด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ
ธิดาพญายมกับผู้กองหนุ่มสบตากันหวานซึ้ง เธอเป็นฝ่ายดึงหน้าเขาเข้ามาหอมแก้มแล้วฝากถ้อยคำข่มขู่
“ถ้าคุณไม่ฝันถึงฉันทุกคืนละก็เจอดีแน่”
เอกภพพยักหน้าน้อยๆ แต่สบตาเธอลึกซึ้ง อึดใจร่างของณัชชาก็มีแสงปรากฏ แล้วค่อยๆสลายหายไปจากอ้อมอกของเอกภพ ทายาททั้งสี่มองพี่ใหญ่ด้วยความเห็นใจ เห็นเขาแหงนหน้ามองท้องฟ้าสายตาเหม่อลอย ทุกคนยิ่งเศร้าสะเทือนใจ...
ooooooo
หลังฝ่าฟันผจญภัยหลายรูปแบบจนสามารถทำลายกุญแจคุกนิลกาลเพื่อไม่ให้เทพอัคราได้รับการปลดปล่อยและน่าจะเข็ดหลาบจนไม่กล้าถอดร่างลงมาเมืองมนุษย์อีก ในที่สุดก็ถึงเวลาพักผ่อนอย่างจริงจังของทายาททั้งสี่
พวกเขารวมตัวกันไปพักผ่อนที่ชายทะเล แต่ยังคงพูดคุยกันเรื่องความร้ายกาจของเทพชั่วที่หวังเป็นใหญ่เพื่อทำลายล้างโลกทั้งสี่ จนที่สุดก็ต้องพบกับจุดจบด้วยดาบของตัวเอง
“นึกไม่ถึงว่าเทพอาคินมีแผนซับซ้อนเอาหัวใจตัวเองซ่อนไว้ที่ตัวพี่เอก”
“ใช่...หลอกให้ทุกคนคิดว่าอยู่ที่ภูตสังหาร... ร้ายกาจมาก”
“อยู่ที่พี่เอกปลอดภัยไม่มีใครรู้ ฆ่ายังไงก็ไม่ตาย”
“ที่ไหนได้...ใช้ดาบตัวเองแทงหัวใจตัวเอง”
“กรรมตามสนองทันตา”
นาฬิกาสรุปอย่างปลงๆ คนอื่นๆพยักหน้าเห็นด้วย แต่แล้วบีมถอนหายใจเฮือกออกมา บ่นคิดถึงองค์หญิงณัชชา ปาระนังและราเชน
“คงไม่ได้เจอกันอีกแล้ว” ปิงปองครวญเสียงอ่อย
บีมหน้าสลด แต่ให้กำลังใจตัวเองว่าอย่างน้อยก็ยังได้เจอกันในความฝัน
“น่าสงสารพี่เอก กฎสวรรค์ห้ามนางฟ้ารักกับมนุษย์ อกหักไปเลย” นาฬิกาพูดถึงพี่ชายอย่างหมองหม่น คนอื่นฟังแล้วพลอยซึมเศร้า รู้สึกสงสารและเห็นใจเอกภพสุดจะบรรยาย
ครู่หนึ่งไกรยุทธ์เหมือนนึกอะไรได้ โพล่งขึ้นว่า “ถ้าพูดกันจริงๆแล้วพวกเราก็มีเชื้อเทพ”
ปิงปองขานรับทันใด “ใช่...สวรรค์น่าจะเห็นใจพี่เอกบ้าง”
ทันใดนั้นละอองสีชมพูโปรยลงมายังคนทั้งสี่ ร่างนาชะค่อยๆปรากฏขึ้นจนเด่นชัด
“สวรรค์น่ะเห็นใจอยู่แล้วจ้ะ”
“พี่นาชะ!!” บีมกับปิงปองประสานเสียงด้วยความตื่นเต้นดีใจ
ooooooo
เวลาเดียวกันนั้น เอกภพกำลังปฏิบัติหน้าที่นำกำลังเข้าจับกุมพ่อค้ายาเสพติดและเกิดปะทะกันบริเวณตึกร้าง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจกระจายกำลังกันโอบล้อมคนร้ายที่อยู่ในตัวตึก
เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหวมาจากบนตึก เอกภพกราดยิงตอบโต้พร้อมกับตะโกนให้คนร้ายมอบตัว แต่พวกมันดันตอบกลับด้วยกระสุนปืนอีกชุดใหญ่จนผู้กองหนุ่มต้องพุ่งตัวหลบข้างรถ แล้วซัดเปรี้ยงออกไปราวจับวาง ถูกร่างคนร้ายร่วงลงมานอนแน่นิ่งจมกองเลือด
“ฝีมือยังใช้ได้”
น้ำเสียงแสนคุ้นนั้นทำให้ผู้กองเอกภพหันขวับไปมอง...ณัชชายืนส่งยิ้มหวานมาให้ เอกภพถึงกับแตกตื่นลืมตาย พุ่งพรวดเข้าไปหาเธอโดยไม่สนใจกระสุนปืนที่ระดมยิงมาไม่หยุด
เขาและเธอยืนประจันหน้ากันท่ามกลางเสียงปืนดังกึกก้อง
“องค์หญิงมาได้ยังไงครับ”
“ก็คุณปราบคนร้ายไม่หมดซะที ฉันถึงต้องมานี่ไง”
“องค์หญิงหมายความว่า...”
“ท่านแม่บอกว่าคุณยอมสละชีวิตช่วยฉัน ท่านพ่อเลยอนุญาตให้ฉันมาดูแลหัวใจคุณ”
เอกภพสวมกอดณัชชาด้วยความดีใจสุดขีด จากนั้นทั้งคู่ช่วยกันกำราบคนร้ายจนมันยอมจำนนในที่สุด
ooooooo
–อวสาน–










