ตอนที่ 16
เช้าวันใหม่ คณะของราเชนออกเดินทางกันต่อไปแต่ไม่ทันไรก็เผชิญหน้าสองพ่อมดยามินและกาตงที่หลงเข้าใจผิดว่าพวกเขาฆ่าแม่มดสาวันนา
นอกจากสองพ่อมดแล้วจู่ๆก็มีเหล่าผีดิบสาวกของอาคินโผล่มาสมทบอีก ราเชนจึงให้นาชะพาบีมกับปิงปองพรางตัวออกไปก่อน และเตือนไกรยุทธ์กับนาฬิกาต้องระวังตัวให้มากเพราะตนต้องรีบไปช่วยปาระนังที่กำลังปะทะกับสองพ่อมดอยู่อีกทาง
ไกรยุทธ์กับนาฬิกาไม่มีวิชาพรางตัวเหมือนบีมกับปิงปองแต่ก็มีขวานคู่เป็นอาวุธชั้นเยี่ยมคุ้มครองตัวเองได้ ในที่สุดสาวกของอาคินทุกรายก็แพ้พ่ายปล่อยพวกทายาทหนีไปได้อย่างลอยนวล สองพ่อมดถึงกับเป็นกังวลเพราะเชื่อว่าเทพอาคินต้องไม่พอใจแน่ๆ
ด้านณัชชากับเอกภพที่หนีพวกอาคินมาได้เมื่อคืน ทั้งคู่หลบมาซ่อนตัวในถ้ำและดูเหมือนว่าเอกภพจะได้รับบาดเจ็บเพราะกระอักเลือดออกมาก่อนจะนิ่งไป ณัชชาเอามือวนที่หน้าอกของเขาแล้วอุทานออกมาด้วยความตกใจ
“แย่แล้ว...มีมนตร์ภูตสังหารแทรกซึม” แล้วลองวนตรวจดูอีกครั้ง สีหน้ายิ่งแปลกใจ “แปลก...กลับกลายเป็นมนตร์ภูตสังหารทำให้อาการบาดเจ็บน้อยลง หรือว่ามนตร์ภูตสังหารต้านมนตร์ภูตสังหารกันเอง”
“พูดคนเดียวเขาว่าบ้านะครับ”
เอกภพลืมตาจ้องเธอยิ้มๆ ณัชชาดีใจแต่ทำเฉไฉหาว่าเขาฟื้นขึ้นมาก็พูดมาก เอกภพยันตัวลุกขึ้นนั่งแต่กลับไอและกระอักเลือดออกมาอีก
“สมน้ำหน้า...คุณยังไม่หายดี”
ผู้กองหนุ่มสำออยจับมือเธอมาทาบอกตัวเองแล้วบอกว่าอาการดีขึ้นแล้ว แต่ต้องนอนหนุนตักถึงจะหายเร็วๆ พูดจบก็ล้มตัวลงนอนศีรษะพาดบนตักเธอหน้าตาเฉย
“เชื่อเขาเลย” ณัชชาพึมพำด้วยรอยยิ้ม
ooooooo
ในป่า...นาชะกระพือปีกร่อนลงมาตามด้วยไกรยุทธ์ นาฬิกา ราเชน และปาระนัง ส่วนบีมกับปิงปองโผล่มาหลังสุดเพราะใช้วิธีพรางตัวที่ร่ำเรียนมาจากชายผมขาว
“ขอบคุณกามเทพนาชะที่แก้ไขสถานการณ์ได้ทัน”
“เป็นหน้าที่ของนาชะอยู่แล้วท่านธิดา แต่ว่าตอนนี้เราต้องรีบไปจากที่นี่ก่อนที่เทพอาคินจะมา”
“เร็วเข้า...เก็บพลังให้เงียบที่สุด”
ทั้งหมดทำตามที่ปาระนังบอก พากันเร่งฝีเท้าเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวัง สักพักราเชนก้าวนำออกจากราวป่าพลางกราดสายตารอบทิศก่อนโบกมือให้ทุกคนตามออกมาโดยมีไกรยุทธ์คอยระวังด้านหลัง
“ผมว่าเราพักที่นี่ได้”
“พี่นาชะ” ปิงปองอุทานขึ้นมาจนทุกคนตกใจพากันหันมองนาชะที่ร่างเลือนรางเกือบมองไม่เห็น แต่อึดใจก็ชัดเจนขึ้นมาใหม่
“กามเทพนาชะยังไม่หายดี ใช้พลังมากเกินไป”
“เราต้องหาที่ลับตาใช้พลังรักษาโดยเร็ว”
ปาระนังกับราเชนรีบหาสถานที่ปลอดภัยใช้พลังรักษานาชะ โดยมีทายาททั้งสี่รวมกลุ่มอยู่ห่างๆด้วยความเป็นห่วง ผ่านไปไม่นานราเชนผละออกมาบอกทุกคนว่านาชะไม่เป็นอะไรมาก แค่ร่างกายอ่อนแอไม่มีอาการบาดเจ็บ
“เสียดายที่อาจารย์ไม่ยอมสอนพลังต่อสู้ให้บีมกับปิงปอง มีแต่คอยพรางตัวคอยหลบช่วยอะไรไม่ได้เลย”
“บีมอย่าคิดแบบนั้น อาจารย์ต้องมีเหตุผล พี่ว่าดีแล้วที่บีมกับปิงปองไม่ต้องใช้วิชาทำร้ายใคร”
แม้ไกรยุทธ์จะปลอบแต่บีมก็ยังเซ็งอยู่ดี ปิงปองเลยเอื้อมมือมาตบไหล่ให้กำลังใจคู่ซี้ของตนอีกแรง
ooooooo
ภายในถ้ำ เอกภพลืมตาไม่เห็นณัชชา เขากราดสายตาไปทั่วพร้อมกับขยับตัวลุกขึ้นดึงปืนออกจากเอวเดินสำรวจ...
ณัชชาอยู่หน้าถ้ำได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวข้างใน เธอกลับเข้ามาไม่พบผู้กอง หันมองรอบทิศก็เห็นร่างของภูตสังหารพุ่งเข้าใส่ เธอม้วนตัวหลบและชักดาบพิชิตมารฟาดฟันพร้อมกันนั้นก็เรียกผู้กองดังลั่น
ครู่หนึ่งภูตสังหารกลายเป็นควันดำและสลายไป ณัชชาได้ยินเสียงกุกกักด้านใน ดีดตัวเข้ามาก็พบผู้กองพังพาบอยู่กับพื้นจึงช่วยพยุงเขาขึ้นยืน
“เทพอาคินคงให้ภูตสังหารแยกย้ายกันตามหาพวกเรา คุณเจอเข้าพอดี”
“ผมไม่เป็นไรแล้วครับ ขอบคุณ”
“เรารีบเดินทางกันดีกว่า ก่อนที่พวกภูตสังหารจะโผล่มา คราวนี้มันคงไม่มาตัวเดียวแน่”
ณัชชากับเอกภพออกจากถ้ำได้ไม่นานก็เห็นฝูงอีกาบินว่อนบนท้องฟ้า
“เทพอัคราทุ่มสาวกของมันเต็มที่”
“หวังว่าแผนของเราที่ล่อพวกมันมาทางเราคงได้ผล”
“เดินทางแบบนี้ช้าหรือเร็วทายาทไม่มีทางพ้นมือเทพอัครา”
“ทำไมล่ะครับ”
“ฉัน...ท่านราเชน ท่านธิดาสมุทรปาระนัง ล้วนเป็นเข็มทิศบอกตำแหน่งให้เทพอัคราทั้งนั้น”
“องค์หญิงคิดว่าควรจะทำยังไงครับ”
ณัชชาไม่ตอบแต่สีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด
ooooooo
ในป่าอีกด้านหนึ่ง ทายาททั้งสี่โล่งใจเมื่อปาระนังบอกว่าพลังของกามเทพนาชะกลับคืนมาเกือบสมบูรณ์แล้ว
“นึกไม่ถึงว่าปล่อยละอองความรักจะทำให้พี่นาชะเสียพลังมากแบบนี้”
“ปล่อยละอองเพื่อความรักน่ะไม่เสียหรอกจ้ะปิงปอง แต่ปล่อยละอองเพื่อต่อต้านความชั่วนี่สิเสียพลังมาก”
“อ้าว ทำไมล่ะครับพี่นาชะ” บีมสงสัย
“เพื่อบังคับไม่ให้กามเทพใช้ละอองความรักไปทำอย่างอื่นนอกจากเพื่อความรักเท่านั้น”
“อืม...ก็จริงนะ ไม่อย่างงั้นก็ใช้ผิดใช้ถูกเละกันไปหมด”
“อาจก่อให้เกิดการคอร์รัปชันได้ คิดดูซิ ใครอยากชอบใครหรือให้ใครชอบก็เอาเงินมาแจกกามเทพ”
“เฮ้อ..เสียดายไม่ได้อยู่โลกมนุษย์ ไม่อย่างงั้นพี่รวยแน่”
คำพูดติดตลกของนาชะทำเอาคนอื่นๆอารมณ์ดีหัวเราะกันครื้นเครง ครั้นออกเดินทางกันต่อไปอีกสักพัก ไม่คาดคิดว่าจะมาบรรจบกับเอกภพและณัชชา
หลังจากแสดงความดีใจที่ได้เจอกัน ทุกคนก็รวมตัวหารือกันเรื่องการเดินทาง
“เทพอัครามีพลังลึกล้ำยากที่จะหลบพ้น ทางเดียวที่ทายาทจะถึงจุดหมายได้คือต้องกลับไปแผนเดิมคือทายาทเดินทางตามลำพัง”
“พวกเราทำได้ค่ะพี่ณัชชา” นาฬิกาพูดแข็งขัน เช่นเดียวกับทายาทอีกสามคนก็พร้อมสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กัน
“เป็นแผนที่เสี่ยงมาก แต่ก็เป็นทางเลือกสุดท้ายจริงๆ เพราะอย่างที่รู้เราอยู่ที่ไหนเทพอัคราพบเราได้ที่นั่น”
“แต่ไม่ใช่ผม” เอกภพสวนขึ้นมาจนราเชนชะงัก “ผมเป็นแค่ทายาทที่ไม่มีความหมายต่อเทพอัครา พลังก็ไม่ถึงขั้น เทพอัครากับเทพอาคินจับตำแหน่งผมได้ยาก”
“นาชะว่าผู้กองพูดมีเหตุผล”
“ถ้างั้นผู้กองเดินทางกับทายาท ส่วนเรา...ท่านราเชนและท่านธิดาจะแยกกันเดินทางเพื่อล่อเทพอัคราและเทพอาคินให้สับสนเช่นเดิม”
“ได้ครับองค์หญิง ผมจะนำทายาทไปให้ถึงจุดหมาย” เอกภพรับปากแข็งขัน
ก่อนแยกย้าย ณัชชาอวยพรราเชนกับปาระนังให้เดินทางปลอดภัยและใช้พลังให้เต็มที่ แต่พยายามหลีกเลี่ยงเทพอาคินให้มากที่สุด
“องค์หญิง...ปาระนังต้องการจะตามล่าพ่อมดสองตนที่อาจจะเป็นอันตรายต่อทายาทก่อน”
“ถ้าอย่างงั้นขอให้ท่านธิดารักษาตัวด้วย”
“องค์หญิงก็เช่นกัน”
ปาระนังกับราเชนไปแล้ว ณัชชาหันกลับมาที่กลุ่มของทายาท ปิงปองเข้ามากอดณัชชาและพูดจาออดอ้อน
“ปิงปองคงไม่เจอพี่ณัชชาจนกว่าจะถึงจุดหมายใช่ไหมคะ”
“ใช่จ้ะ พี่เป็นตัวอันตราย...ไกรยุทธ์ นาฬิกา บีม ทุกคนระวังตัว”
“เราไม่กลัวค่ะพี่ณัชชา” นาฬิกาสีหน้าท่าทีมั่นใจมาก
“ไปพวกเรา ไปได้แล้ว แล้วพบกันครับพี่ณัชชา”
ณัชชายิ้มให้ไกรยุทธ์และหวังว่าในฐานะพี่ใหญ่เขาคงดูแลน้องๆได้ จากนั้นเธอเบนสายตามาที่นาชะ
“นาชะ เจ้าเองก็ต้องระวังตัว เจ้าเป็นเสมือนสหายของข้า”
“เพคะองค์หญิง”
ไกรยุทธ์เดินนำออกไปและตั้งใจให้เอกภพปิดท้าย แต่รายนั้นยังอ้อยอิ่งอยู่ตรงหน้าณัชชาอย่างอาวรณ์
“แล้วพบกันที่จุดหมาย”
“อย่าบอกนะครับว่าองค์หญิงเริ่มคิดถึงผม”
“ถ้าทายาทเป็นอะไรไปคุณโดนแน่”
“แล้วถ้าถึงโดยปลอดภัยมีรางวัลหรือเปล่าครับ”
“มีแต่ไม่บอก คิดถึงแต่รางวัลเดี๋ยวจะเสียงาน”
“ไม่คิดถึงรางวัลสิครับถึงจะเสียงาน”
รวดเร็วจนไม่ทันตั้งตัว...ณัชชาเข้ามาหอมแก้มเอกภพหนึ่งฟอด บอกว่ามัดจำไว้ก่อนที่เหลือค่อยว่ากัน เอกภพเลยหน้าบานเดินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่รั้งท้ายกลุ่มทายาทและนาชะไป
ooooooo
เมื่อไม่มีทายาทร่วมทาง...ราเชนกับปาระนังจึงใช้พลังในการเดินทางได้โดยไม่ต้องระวังว่าพวกอาคินจะตามเจอ แต่กระนั้นทั้งคู่ก็ยังต้องป้องกันภัยที่อาจเกิดกับพวกทายาทได้โดยเฉพาะต้องเร่งจัดการกับสองพ่อมดยามินและกาตง
ราเชนกับปาระนังวางแผนแยบยลก่อนจะเผชิญหน้ากับสองพ่อมดด้วยการที่ราเชนเสกลูกธนูสี่ดอกของตนกลายเป็นร่างทายาททั้งสี่เพื่อจูงใจพวกมันไม่ให้ไปตอแยทายาทตัวจริง ปรากฏว่าสองพ่อมดหลงกลแต่ยังไม่ทันพลาดท่าเสียที เทพอาคินก็โผล่มาเสียก่อน
สองฝ่ายต่อสู้กันพักหนึ่งก่อนที่ราเชนกับปาระนังจะหายตัวหนีไป แม้กำจัดสองพ่อมดไม่ได้แต่อย่างน้อยเขาก็ถ่วงเวลาให้พวกทายาทเดินทางด้วยความปลอดภัยระยะหนึ่ง แต่สำหรับสองพ่อมดนั้นแน่นอนว่าโดนเทพอาคินตำหนิอย่างรุนแรงที่โง่เขลาโดนตุ๋นจนเปื่อยแล้วยังไม่รู้ตัว
แผนของราเชนกับปาระนังทำให้คณะของทายาทที่นำโดยเอกภพและนาชะเดินทางอย่างปลอดภัยตลอดวันโดยไม่มีวี่แววสาวกของอาคิน ครั้นตกเย็นจึงหาที่พักค้างแรมแล้วพรุ่งนี้ค่อยไปต่อ
“เราพักกันแถวนี้แหละ แต่เดี๋ยวนาชะขอไปตรวจดูรอบๆให้แน่ใจไว้ก่อน”
กามเทพนาชะหายตัวไปอย่างรวดเร็ว ไกรยุทธ์กับนาฬิกาอาสาไปหาฟืนมาก่อกองไฟ ส่วนบีมกับปิงปองช่วยกันจัดเตรียมที่นอนโดยมีเอกภพคอยช่วยเหลือ ค่ำลงทุกคนมารวมตัวกันรอบกองไฟ บีมบ่นเป็นห่วงนาชะที่หายไปนานจนป่านนี้ยังไม่กลับมา แต่ปิงปองเชื่อว่านาชะเก่งเอาตัวรอดได้ อีกไม่นานก็กลับมาเอง
“เอาละไม่ต้องเถียงกัน สองคนนี่ไปพักผ่อนได้แล้ว อย่าซนหนีออกไปไหนล่ะ”
“โห...ยังกะแถวนี้มีที่เที่ยวแน่ะพี่เอก” คำพูดของบีมทำให้ทุกคนมีรอยยิ้ม...
หลังจากบีมกับปิงปองแยกไปยังที่นอนซึ่งจัดเตรียมไว้ใต้ต้นไม้ เอกภพตั้งใจอยู่ยามในช่วงแรกจึงบอกให้ไกรยุทธ์กับนาฬิกาไปพักก่อน แต่ไกรยุทธ์ไม่ยินยอม
“ผมกับนาฬิกาจะอยู่ระวังเองครับ พี่เอกไปพักก่อน”
“ดีเหมือนกัน พวกเธอจะได้หัดไว้ แล้วอย่ามัวแต่กุ๊กกิ๊กจนเพลินล่ะ”
เอกภพกระเซ้ายิ้มๆ แล้วเดินไปเอนหลังใต้ต้นไม้ใกล้ๆบีมกับปิงปอง ส่วนไกรยุทธ์กับนาฬิกาปักหลักแถวกองไฟคอยระแวดระวังภัยและพูดคุยหยอกล้อกันไปอย่างมีความสุข
ขณะเอกภพหลับสนิทโคนต้นไม้ เขาไม่รู้ว่ามีควันดำวนเวียนอยู่รอบตัว ผ่านไปครู่หนึ่งเขาลืมตาโพลงหันมองไปทางไกรยุทธ์และนาฬิกาซึ่งยืนยามอยู่คนละด้าน ก่อนจะวกกลับมามองบีมและปิงปองที่หลับปุ๋ยอยู่ใกล้ๆ แล้วยื่นฝ่ามือออกมาตรงหน้าสองทายาทด้วยจุดประสงค์ใดสุดจะคาดเดา
“ผู้กองทำอะไรเอ่ย”
น้ำเสียงใสๆของนาชะทำให้เอกภพหยุดชะงัก ค่อยๆหันมาจ้องเธอด้วยประกายตาสีดำอย่างน่ากลัว นาชะถึงกับขนหัวลุก รอยยิ้มเหือดหายและทำท่าจะถอยหนีแต่ไม่ทันเสียแล้ว โดนเอกภพสะบัดพลังฝ่ามือใส่จนร่างทรุดลงนิ่งสนิทในพริบตา!
ooooooo
ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเอกภพและ
นาชะ...แม้แต่เอกภพเองก็ไม่รู้ตัวว่าทำอะไรลงไป เขา
พาทายาททั้งสี่ออกเดินทางในเช้าวันใหม่โดยปราศจากนาชะ ในขณะที่พวกทายาทยังคงคิดว่านาชะหายไปตั้งแต่เมื่อวานจนป่านนี้ยังไม่กลับมา
ณัชชาเดินทางมาพบนาชะในสภาพบาดเจ็บและซักถามเรื่องราวจนทราบว่าผู้กองเอกภพถูกภูตสังหารครอบงำตอนนี้คุมตัวทายาทไปแล้ว
“เป็นความผิดของเราเอง แผนของเทพอัคราล้ำลึก เราควรจะเฉลียวใจรู้ทัน...นาชะ เจ้าถูกพลังบาดเจ็บมากต้องกลับไปรักษาตัว หายเมื่อไหร่ค่อยตามเราไป”
นาชะเป็นห่วงองค์หญิงณัชชาแต่ต้องยอมจำนนด้วยเหตุผล ปล่อยให้เธอเดินทางติดตามพวกทายาทไปเพียงลำพัง ทั้งที่รู้แน่แก่ใจว่าใกล้ถึงจุดหมายมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งอันตรายมากขึ้นเท่านั้น
เอกภพพากลุ่มทายาทผ่านป่ารกทึบไปเจอหุบเหวขวางทาง ขณะเดียวกันสาวกของอาคินก็เริ่มออกอาละวาด ทุกคนจึงต้องเร่งข้ามไปอีกฝั่งให้จงได้ แต่จะด้วยวิธีไหนยังต้องคิดอ่านและลองผิดลองถูกกันว่าอาวุธหรือสิ่งของประจำตัวของใครคนไหนในจำนวนทายาททั้งสี่จะเหมาะสมและสำเร็จลุล่วง
ในขณะที่ทุกคนร่วมแรงร่วมใจใช้ความพยายามกันอยู่นั้น ณัชชาก็เร่งเดินทางเช่นกัน แล้วสัมผัสพลังเทพได้ในจุดหนึ่ง เมื่อเธอมุ่งหน้าไปก็พบว่าเทพอัคราและสองพ่อมดกำลังห้ำหั่นกับราเชนและปาระนังอยู่ เธอใช้ดาบพิชิตมารต่อสู้กับเหล่าร้ายจนสามารถช่วยราเชนกับปาระนังรอดเงื้อมมือพวกมันมาได้
เมื่อราเชนกับปาระนังทราบจากณัชชาว่าผู้กองเอกภพถูกมนตร์เก้าภูตสังหารก็ตกใจ นึกไม่ถึงว่าแผนของสองเทพจะแยบยลลึกล้ำถึงเพียงนี้
“ยามใดที่เทพอาคินปล่อยมนตร์ควบคุมผู้กองก็จะกลายเป็นหนึ่งในภูตสังหารโดยไม่รู้ตัว”
“ถ้าอย่างงั้นทายาทก็ตกอยู่ในอันตราย”
“ยังหรอก จนกว่าทายาทจะได้กุญแจอยู่ในมือ...นาชะจับพิรุธได้จึงถูกทำร้าย”
“กามเทพนาชะถูกทำร้าย?”
“อาการสาหัส เราส่งกลับไปรักษาตัวแล้ว”
“ที่แท้การหาตำแหน่งเรา การจู่โจมเรา เป็นแผนลวงให้องค์หญิงกับพวกเราแยกตัวจากทายาทนี่เอง”
ราเชนวิเคราะห์อย่างแค้นใจ ณัชชาได้ฟังยิ่งรู้สึกผิด กล่าวโทษตัวเองพลาดอย่างไม่น่าให้อภัยที่ส่งให้ทายาทไปกับผู้กองตามลำพัง
ooooooo
บนท้องฟ้าฝูงอีกาและค้างคาวสาวกของอาคินยังคงบินวนอยู่ไปมา เอกภพกับทายาทต้องคอยหลบพวกมันพร้อมกันนั้นก็ช่วยกันคิดหาหนทางจะข้ามหุบเหวไปอีกฝั่งให้ได้
หากจะรอให้พวกมันบินไปที่อื่นก็กลัวจะค่ำมืดเสียก่อนยิ่งเดินทางลำบาก หรือไม่เส้นทางในแผนที่อาจจะเปลี่ยนไป
“เสียดายนาชะไม่อยู่พาเราข้ามไปได้โดยที่เทพอัคราไม่สามารถจับพลังได้” เอกภพพูดโดยไม่รู้ว่าตัวเองนั่นแหละที่ทำให้นาชะหายไปจากกลุ่ม
“ใช่แล้ว...พลังแห่งความรักพวกมันสัมผัสไม่ได้”
“ปิงปอง...ลองเอาสมุดของมาดูซิ เผื่อจะวาดสะพานให้เราข้ามก็ได้”
ปิงปองทำตามที่บีมแนะนำ เอาสมุดกับดินสอออกมาจากเป้แต่ดินสอกลับอยู่นิ่งไม่มีการวาดอะไรขึ้นมา ไกรยุทธ์ เลยพูดโพล่งว่าเห็นทีจะต้องใช้เชือกของตนเสียแล้ว
“หา!! ไต่เชือกข้ามไปเนี่ยนะ” บีมร้องลั่น แต่ผ่านไปครู่เดียวหนุ่มบีมก็ตะลึงลานแทบไม่เชื่อสายตาเมื่อไกรยุทธ์นำเชือกขดเล็กๆของตนออกมาแล้วมันพุ่งยาวออกไปยังเหวฝั่งตรงข้าม ลอยอยู่กลางอากาศโดยที่ไม่ได้ยึดกับอะไรทั้งสิ้น
“ว้าว...ไม่น่าเชื่อ”
“ทุกคนเตรียมตัวให้ดี ไกรยุทธ์จะไปก่อนเพื่อคอยระวังพวกสาวกของอาคิน”
“ได้ครับพี่เอก”
“ตามด้วยนาฬิกา จะได้คอยช่วยรับบีมกับปิงปอง ส่วนพี่จะคอยสกัดพวกมันอยู่ทางนี้จนกว่าทุกคนจะปลอดภัยพี่ถึงจะข้ามไป”
“พวกเราใช้พลังสกัดพวกมันได้ไหมคะ”
“พี่ว่าอย่าดีกว่า เทพอัคราอาจจะจับพลังได้”
ทุกคนพยักหน้าเข้าใจและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดจนสามารถห้อยโหนเชือกข้ามผ่านไปอีกฝั่งอย่างทุลักทุเลและหวาดเสียวตลอดเวลาเพราะมีอีกาและค้างคาวสาวกของอาคินก่อกวน
เอกภพข้ามไปเป็นคนสุดท้ายและเร่งทุกคนจ้ำไปหลบในถ้ำเบื้องหน้าก่อนที่ฝูงอีกาและค้างคาวจะตามทัน จากนั้นลองเมียงมองออกมา ปรากฏว่าพวกมันบินตามมาแต่น่าแปลกไม่ตามเข้ามาข้างใน และดูเหมือนมันจะไม่ยอมไปไหน
“ท่าทางเราต้องหาทางออกทางอื่นซะแล้ว”
ขาดคำของนาฬิกา พลันมีแสงสาดกระจายภายในถ้ำจนสว่างจ้า...
ที่แท้เป็นถุงมือของบีมนั่นเอง บีมวางถุงมือไว้บนโขดหินให้แสงสว่างแล้วทั้งหมดนั่งล้อมวงสนทนากัน แต่ผ่านไปไม่กี่อึดใจเกิดเสียงครืนๆ จนทุกคนเอียงไปมาเสียหลัก หินร่วงกราวลงมาจากเพดานอย่างน่ากลัว
“เร็วเข้า...เราต้องรีบออกไปจากที่นี่” เอกภพเร่งทุกคน ปิงปองลุกขึ้นพร้อมเสียงโอยโอดว่ายังไม่ทันหายเหนื่อยเลย
“ผมเห็นแสงแวบๆมาจากด้านใน”
ทุกคนหันไปเพ่งมองตามที่ไกรยุทธ์บอกแล้วพากันแปลกใจเมื่อเห็นแสงวูบวาบไปมาเป็นจังหวะ แถมพื้นดินเริ่มสะเทือน เอกภพเร่งให้บีมใช้ถุงมือนำทางไปที่แสงจึงเห็นว่าปากถ้ำกำลังจะปิด และเหมือนมีตัวอะไรสักอย่างเลื้อยวูบผ่านไป เอกภพชักปืนยิงไม่ยั้ง พลันเกิดแผ่นดินไหวพื้นเอียงไปมาจนทุกคนเสียหลักแต่ก็ตั้งตัวได้แล้วพากันพุ่งออกจากถ้ำได้อย่างฉิวเฉียด
ทั้งหมดกลิ้งระเนระนาดออกมาจากถ้ำ แล้วต้องตกใจเพราะตรงปากถ้ำมีงูยักษ์ส่ายหัวไปมา ด้วยความตกใจกลัวทุกคนตะเกียกตะกายลุกขึ้นวิ่งออกจากตรงนั้นอย่างไม่คิดชีวิต แล้วไปนั่งหอบแฮ่กบ่นกันว่านึกไม่ถึง ที่แท้เราวิ่งอยู่บนหลังงูที่นอนจำศีลปิดปากถ้ำอยู่ พอมันขยับตัวก็เลยมีช่องให้เราลอดผ่านออกมาได้
“แต่อย่างน้อยเราก็หนีพวกอีกากับค้างคาวได้ระยะหนึ่ง พอให้หายใจหายคอได้ทัน”
“แปลกจัง...พี่นาชะหายไปเลย” เสียงบ่นของบีมทำให้ทุกคนเริ่มเป็นกังวลและเป็นห่วงนาชะขึ้นมา
ooooooo










