ตอนที่ 13
ณัชชาตามหาเอกภพอยู่พักหนึ่งก่อนจะแน่ใจว่าเขาถูกผีเสื้อสาวกของอาคินจับตัวไป หาใช่ผีเสื้อเทพอย่างที่เคยเจอคราวก่อน แต่เพราะณัชชามีภารกิจสำคัญที่ต้องเดินทางไปยังจุดนัดพบตามกำหนดเวลา จึงเปลี่ยนใจไม่ติดตามค้นหาเขาต่อ
เอกภพหมดอิสรภาพเพราะความดีใจจนเกินเหตุ หลงคิดว่าฝูงผีเสื้อคือเทพสาว...เขาถูกจับมาคุมขังไว้ที่รังของอาคินในสภาพหมดสติ
“นี่หรือทายาทขององครักษ์ทั้งสี่”
“ครับท่านพ่อ แต่ไม่ใช่หนึ่งในทายาทที่ถือแผนที่ไปสู่กุญแจคุกนิลกาล”
“แต่ก็เป็นกำลังสำคัญขององค์หญิงณัชชา”
“สำคัญมากทีเดียว ถ้ากำจัดออกไปได้จะเป็นผลดีต่อแผนการของเรา”
เทพอัคราเดินไปตรงหน้าเอกภพ จ้องมองอึดใจแล้วหันมาสั่งอาคินให้จัดการบางอย่างกับชายผู้นี้เพื่อให้ณัชชาสัมผัสได้และปรากฏตัวออกมาได้ผล! ณัชชาสัมผัสได้จริง เธอเป็นห่วงเอกภพมากถึงขนาดหันหลังกลับจะไม่เดินทางต่อไปยังจุดนัดพบ แต่ต้องชะงักเมื่อมีชายในชุดขาวยืนขวางทาง
“ท่านพราหมณ์มีสิ่งใดจะแนะนำ”
“ข้างหน้ามีเรื่องสำคัญรอท่านอยู่ ข้างหลังมีแต่เรื่องราวที่ยุ่งยากซับซ้อน”
“แต่ว่า...”
“ภารกิจจะสำเร็จได้ด้วยปัญญา หาใช่ความรู้สึกแต่อย่างเดียวไม่”
ร่างของพราหมณ์เลือนหายไป ณัชชานิ่งคิด ไตร่ตรอง พลันได้ยินเสียงอีการ้องดังก้องมาในระยะไกล เธอจึงตัดสินใจเดินทางต่อไปยังจุดนัดพบ...
ทางปาระนังและนาชะที่ตั้งใจพาบีมกับปิงปองไปรอทุกคนยังจุดนัดพบแต่ระหว่างทางสองทายาทอันตรธานหายไปทางไหนไม่รู้ ทำเอาทั้งคู่เคว้งคว้างเพราะไม่มีแผนที่สำหรับการเดินทาง อีกทั้งเป็นห่วงทายาทแสนซน ไม่แน่ใจว่ายังอยู่ในกาลเวลาเดียวกันกับพวกตนหรือเปล่า
“ต้องมีบางอย่างเกิดขึ้น สองคนนั่นอาจจะไปล่วงเกินอะไรเข้าโดยไม่รู้ตัว”
“เป็นไปได้เพคะ สองคนนั่นซนยังกะลิงเทพ ในป่าล้วนมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมาย อาจมีบางท่านโกรธเอาก็ได้”
นาชะกับปาระนังสีหน้ากลัดกลุ้ม แต่อีกอึดใจต่อมาปาระนังรู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหว นึกว่าเป็นสองทายาทแต่กลายเป็นพวกราเชนที่เดินทางมาเจอกันโดยบังเอิญ
ปาระนังกับราเชนโผเข้าสู่อ้อมแขนของกันและกันด้วยความดีใจ แต่เมื่อทราบเรื่องบีมกับปิงปองหายไปทั้งสามคนที่เพิ่งมาสมทบต่างก็เป็นกังวล
“ตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต้องเป็นอย่างที่น้องปาระนังคาดการณ์ มีบางอย่างพาตัวบีมกับปิงปองไป”
“โธ่เอ๊ย...มาถึงแล้วแท้ๆยังไปซนจนเกิดเรื่องจนได้” นาฬิกาบ่นอุบ
“ความจริงปาระนังคิดว่าจะตามหาบีมกับปิงปองแต่คิดว่าน่าจะปรึกษาองค์หญิงก่อนดีกว่า องค์หญิงณัชชาต้องรู้ว่าควรจะทำยังไง”
“ปาระนังคิดถูกแล้ว จุดนัดพบจะหายไปถ้าพ้นกำหนดเวลา ไม่มีทางมาถึงได้”
“โห...เกือบไปแล้ว ถ้าท่านธิดาเชื่อนาชะตามบีมกับปิงปองไปก็แย่เลย”
“ของแบบนี้ไม่มีใครทราบหรอกครับ ถ้าผมไม่ตรวจดูแผนที่ก็ไม่มีทางรู้”
“เรารีบเดินทางต่อกันดีกว่าค่ะ”
ทุกคนเห็นด้วยกับปาระนัง พากันออกเดินทางต่อไปโดยไกรยุทธ์มีแผนที่อยู่ในมือ ในที่สุดก็ไปถึงจุดนัดพบแต่ไม่รู้ประตูอยู่ตรงไหน ราเชนคาดว่าอาจต้องรอให้ทายาททุกคนมาพร้อมกันก่อนประตูถึงจะปรากฏ
“เดี๋ยวก่อน...องค์หญิงมาแล้วเพคะ นาชะสัมผัสพลังขององค์หญิงได้ชัดแจ๋วเลย”
คำพูดของนาชะทำให้ทุกคนหันซ้ายหันขวา...ไม่ช้าองค์หญิงณัชชาก็มาถึงแต่ปราศจากผู้กองเอกภพ เมื่อทราบว่าพี่ชายหายไปเพราะหลงกลเทพอาคินที่ส่งผีเสื้อมาเป็นเหยื่อล่อ นาฬิกาถึงกับร้องว่าโธ่เอ๊ย
“ความผิดของพี่เอง มัวแต่ห่วงเรื่องจุดนัดพบเลยประมาทไม่ทันระวัง...มีข่าวร้ายอีกเรื่องหนึ่ง เทพอัคราถอดร่างมายังเมืองมนุษย์แล้ว”
“เทพอัคราท่านพ่อของเทพอาคิน!” นาชะทวนคำด้วยความตกใจ
“พลังของเทพอัครานี่เอง พวกสาวกถึงได้ออกตาม ล่าพวกเราทุกหนแห่งเหมือนกับมันรู้ว่าพวกเราอยู่ที่ไหน”
“พลังของเทพอัคราเหนือกว่าพลังของเทพอาคินหลายเท่านัก แค่ความเคลื่อนไหวของพวกเราเพียงน้อยนิด ก็อาจเปิดเผยตำแหน่งได้ เราต้องระวังตัวมากขึ้น”
“แค่เทพอาคินก็จะแย่อยู่แล้ว ตัวพ่อดันโผล่มาอีก” ไกรยุทธ์ทั้งเซ็งทั้งหนักใจ
“โชคยังดีที่เป็นร่างที่ถอดมา ถึงจะมีพลังมากมายก็ยังมีข้อจำกัดอยู่บ้าง เราพอมีความหวัง...แต่ตอนนี้เรา ต้องหาประตูให้พบ” ว่าแล้วณัชชาเดินวนไปมาอย่างใช้ความคิด ไม่กี่อึดใจก็บอกนาฬิกาให้ตรวจดูแผนที่หาปริศนา
นาฬิกาหยิบม้วนแผนที่ออกจากเป้ แต่แล้วมันลอยจากมือขึ้นมาอยู่ตรงหน้าทุกคนจนเจ้าของถึงกับร้องลั่นอย่างตื่นเต้น
“แผนที่มีภาพใหม่เพิ่มขึ้นมาค่ะ”
แล้วทุกคนก็ช่วยกันวิเคราะห์ภาพในแผนที่อย่างละเอียด
“มีรูปตัวแทนเหมือนทายาททั้งสี่ยืนอยู่ตรงหน้า ประตู แล้วมีแสงจากทายาททั้งสี่ไปที่ประตูเพคะองค์หญิง”
“ไม่มีพระจันทร์หรือพระอาทิตย์อยู่เหนือประตูอย่างที่ผ่านมา แสดงว่าไม่มีเวลาเข้ามาเกี่ยวข้อง”
“เราคงไม่เห็นประตู จนกว่าทายาทจะมาพร้อมกัน”
“เดี๋ยวก่อนครับ เลยจากประตูเข้ามาทางด้านในทำไมเหลือแต่ภาพพระจันทร์สองดวงครับ”
“มีแต่พระจันทร์สองดวง แต่อย่างอื่นหายไปหมด แสดงว่า...”
“เรามีเวลาสองวันก่อนที่ประตูจะหายไปเพคะ”
“งั้นแปลว่าเรามีเวลาสองวันที่จะตามหาทุกคนกลับมา” ณัชชาฟันธง คนอื่นๆได้แต่มองหน้ากันอย่างกังวล เพราะเวลาสองวันถือว่าน้อยมากสำหรับการติดตามทั้งบีม ปิงปอง และผู้กองเอกภพ
ณัชชากำหนดให้คนอื่นๆรีบตามหาสองทายาทโดยเร็ว ส่วนตนจะไปพาผู้กองกลับมา แล้วอีกสองวันให้ทุกคนมาพบกันที่นี่
ooooooo
ณ บ้านทรงไทยหลังหนึ่ง...บีมกับปิงปองลืมตาขึ้นมาเห็นผู้หญิงในชุดแปลกตากำลังจ้องมองตนอยู่ เมื่อทั้งคู่ซักถามก็ได้คำตอบว่าที่นี่คือบ้านท่านหลวงสิงห์อยู่ในสมัยสุโขทัย
ทั้งคู่นิ่งอึ้งไปอย่างคาดไม่ถึง ระหว่างนี้เองสาวใช้สองคนยกสำรับกับข้าวเข้ามา
“เจ้าสองคนกินข้าวกินปลาซะ ท่านหลวงสิงห์กลับมาเมื่อไหร่ เจ้าสองคนต้องไปพบกับท่าน”
“แล้วผมมาที่บ้านนี้ได้ยังไงครับ”
“มีบ่าวที่นี่ไปพบพวกเจ้าตรงปราสาทเก่า เจ้าสองคนนอนหลับอยู่ที่นั่น เสื้อผ้าของเจ้าสองคนผิดประหลาดข้าจะลองหาเสื้อผ้ามาให้เจ้า”
“ไม่ต้องหรอกครับพี่สาว”
“ตามใจก็แล้วกัน...เจ้าสองคนพักที่นี่ก่อน ข้าไปธุระประเดี๋ยวจะกลับมา”
ทั้งสามคนผละไปหมดแล้ว...บีมกับปิงปองมองหน้ากันเลิ่กลั่ก นึกไม่ออกว่าพวกตนมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง
ooooooo
ณัชชาแยกจากกลุ่มของราเชนกลับมาสู่กรุงเทพฯแล้วมุ่งหน้าไปพบเจนศักดิ์ที่สถานีตำรวจเพื่อขอความร่วมมือให้ช่วยเอกภพที่เธอมั่นใจว่าถูกขังอยู่ในรังของอาคิน
เจนศักดิ์ยินดีช่วยเต็มที่แต่ต้องวางแผนให้รอบคอบเพราะเชื่อว่าฝ่ายโน้นต้องรอการไปเยือนของณัชชาอยู่แล้วเหมือนกัน...
ทางด้านกลุ่มของราเชนที่พยายามค้นหาเบาะแสของบีมและปิงปอง ทุกคนวกกลับมาเริ่มต้นยังจุดที่สองทายาทนอนหลับพักผ่อนก่อนจะพบว่าหายตัวไปในเช้าวันถัดมา
“ครั้งสุดท้ายสองคนนอนอยู่ที่นี่ พอรุ่งเช้าก็หายไป ปาระนังตรวจทุกตารางนิ้วไม่พบร่องรอยอะไรเลย”
“ถ้าเช่นนั้น...ตรงนี้ต้องไม่ใช่สาเหตุ เราต้องย้อนเส้นทางกลับไปดู”
ปาระนังนำทุกคนเดินย้อนเส้นทางมาจนถึงจุดหยุดพักกินอาหาร
“เอาละ ทีนี้เราลองแยกกันตรวจหาร่องรอยที่นี่ดู เผื่อว่าจะพบสาเหตุนอกเหนือร่องรอยของบีมกับปิงปอง แล้วสังเกตหาสิ่งที่สองคนนั่นอาจจะไปล่วงเกินโดยบังเอิญ”
“แบบว่าเป็นอะไรบ้างคะพี่ราเชน” นาฬิกาถามขึ้น
“ก็จอมปลวก ตอไม้ หรือต้นไม้อายุมากๆที่อาจจะมีเทพหรือวิญญาณอาศัยอยู่”
คำตอบของราเชนทำเอาคนตั้งคำถามหน้าเสีย นึกกลัวภูตผี รีบขยับเข้ามาเกาะไกรยุทธ์...จากนั้นทั้งหมดช่วยกันสำรวจในบริเวณใกล้เคียงแต่ไม่พบร่องรอยอะไรเลย
“นึกออกแล้วว่าจะทำยังไง” ปาระนังโพล่งขึ้นมาจนคนอื่นๆหันมองเธอเป็นตาเดียว
ปาระนังใช้พลังของตัวเองบันดาลให้เห็นเหตุการณ์เมื่อวันก่อนที่บีมกับปิงปองพบเจอศิลาจารึกแล้วใช้ดินสอมนตร์สลักชื่อตัวเองลงไป ราเชนจึงฟันธงได้ว่าทายาททั้งสองหลุดเข้าไปอยู่ในยุคสุโขทัยเสียแล้ว
จริงแท้แน่นอน...สองทายาทกำลังเผชิญหน้ากับหลวงสิงห์เจ้าของบ้านหลังงามผู้มากด้วยน้ำใจ เมื่อหลวงสิงห์ถามว่ามาจากไหน ปิงปองอึกอักเล็กน้อยก่อนตอบว่าตนกับพี่ชายมาจากบ้านนอก
“เจ้ามาทำอะไรที่นี่รึ”
“แค่มาเที่ยวเจ้าค่ะ เดินทางเหนื่อยเลยพักที่ปราสาทเก่าแล้วเผลอหลับไปเจ้าค่ะ”
“อืม...เจ้าพักที่นี่ได้ตามสบาย”
“ไหนๆ เด็กเสื้อผ้าประหลาดอยู่ไหน” เสียงศรีจันทร์คู่หมั้นของหลวงสิงห์ดังมาก่อนตัว สองทายาทหันไปมองถึงกับตะลึงในความงาม โดยเฉพาะบีมตาค้างราวกับต้องมนตร์จนปิงปองต้องเอาศอกกระทุ้งสีข้างถึงรู้สึกตัว
“เสื้อผ้าของเจ้าช่างประหลาดแท้...ท่านพี่คะ พรุ่งนี้ ขออนุญาตพาเด็กสองคนนี้ไปเที่ยวตลาดได้ไหมคะ จะได้เลือกซื้อเสื้อผ้าให้ถูกใจ”
หลวงสิงห์ไม่ขัดข้องแถมยังส่งยิ้มอย่างมีเมตตาให้เด็กทั้งสองด้วย
ooooooo
ที่กรุงเทพฯ ณัชชากับพวกเจนศักดิ์พร้อมแล้วที่จะบุกเข้ามาช่วยเอกภพที่ถูกคุมขังในรังของอาคิน การจู่โจมย่อมเกิดการปะทะเพราะอาคินกับอัคราเตรียมตั้งรับอยู่แล้ว แต่กระนั้นสองพ่อลูกก็ไม่อาจต้านพวกณัชชาได้อยู่ดี
เมื่อณัชชาพาเอกภพหนีไปได้ สองเทพจึงเล่นงานอำนาจไม่ไว้หน้า หาว่าเขาไร้ฝีมือปล่อยให้พวกณัชชาบุกเข้ามา
“เรายอมรับว่าพลาด แต่เราคาดไม่ถึงว่าพวกท่านจะพลาดพลั้งเสียทีเช่นกัน”
“บังอาจ!!” เทพอัคราซัดพลังฝ่ามือเข้ากระแทกร่างอำนาจและมือปืนหลายคนจนกระอักเลือดตาย
“ท่านพ่อ...ลำพังเราต้านกับพวกทางการมนุษย์ย่อมยุ่งยากล้นมือ”
“ให้พวกมันรับใช้เราตอนตายจะมีประโยชน์มากกว่าตอนอยู่” ว่าแล้วเทพอัคราปลุกพวกอำนาจขึ้นมาในสภาพผีดิบ ยืนตัวแข็งทื่อรอรับคำบัญชา
ooooooo
ทางด้านกลุ่มของราเชน...หลังจากมั่นใจแล้วว่าบีมกับปิงปองหลุดเข้าไปในสมัยสุโขทัย ราเชนจึงใช้ธนูไฟสลักชื่อของตนกับปาระนังลงในศิลาจารึกเพื่อไปตามสองทายาทกลับมา
ส่วนไกรยุทธ์กับนาฬิกาต้องเฝ้าศิลาจารึกเอาไว้ไม่ให้ถูกพวกอาคินทำลาย หากถูกทำลายนั่นหมายความว่าพวกราเชนอาจหมดสิทธิ์กลับออกมาก็เป็นได้
เมื่อเข้าไปสู่ยุคสุโขทัย ราเชนกับปาระนังมีเหตุให้ต้องช่วยแม่ค้ารายหนึ่งที่จะโดนนายคำรณทำร้ายร่างกายเพียงแค่เธอทำขนมหกใส่เขาโดยไม่ตั้งใจ เสร็จจากเรื่องแม่ค้าทั้งคู่ก็ต้องไปช่วยหลวงสิงห์ปราบศัตรูอีก นี่เองทำให้ได้เจอบีมกับปิงปองก่อนจะพากันกลับมาหาไกรยุทธ์และนาฬิกาที่ยังเฝ้าศิลาจารึกอยู่ แต่แล้วทุกคนก็แตกตื่นตกใจเมื่ออาคินและสมุนผีดิบโผล่มาเล่นงาน
พวกราเชนต่อสู้กับผีดิบด้วยอาวุธนานาชนิด ไกรยุทธ์และนาฬิกาที่มีขวานคู่จึงนำออกมาใช้งาน พร้อมกันนั้นนาชะก็ไปตามณัชชากับเอกภพที่จับทิศทางได้ว่าอยู่ไม่ไกลมาช่วยเหลือ
ในที่สุดพวกอาคินก็พ่ายแพ้ พวกณัชชาจึงพากันเดินทางต่อไปยังจุดนัดพบก่อนที่เส้นทางในแผนที่จะจางจนมองไม่เห็น
ใช้เวลาไม่นานก็ถึงจุดหมายเพราะก่อนหน้านี้พวกราเชนเคยมาถึงแล้วครั้งหนึ่ง ทั้งหมดเห็นกำแพงมีแสงเจิดจ้าจึงเข้าไปสำรวจใกล้ๆบริเวณกำแพงมีสัญลักษณ์เหมือนดวงตา และรอบดวงตามีพระจันทร์อยู่สี่ดวง ณัชชาครุ่นคิดพิจารณาแล้วบอกทุกคนว่า
“พระจันทร์สี่ดวง ทายาทสี่คน...ลองช่วยกันคิดสิพวกเรา”
“กุญแจ...ทุกคนมีกุญแจอยู่” เอกภพโพล่งขึ้นมา ทายาททั้งสี่ต่างดึงกุญแจออกจากกระเป๋ามาถือไว้
“แต่ไม่มีที่ให้ไขนี่ครับ” บีมเอ่ยเสียงอ่อย
ทันใดนั้นกุญแจทั้งสี่ดอกเริ่มเรืองแสง ณัชชาให้ทายาทชูกุญแจขึ้นมา เพียงเท่านี้ประตูก็เปิดรอ ทุกคนก้าวเข้าไปแต่ทันใดเทพอาคินและเทพอัคราปรากฏตัวหน้าประตู
“สกัดไว้อย่าให้พวกมันเข้ามาได้” ณัชชาตะโกน
เอกภพดีดตัวออกไปพร้อมราเชนและปาระนัง ช่วยกันขวางทางเข้าไว้โดยทั้งสามมีอาวุธครบมือ
“ส่งตัวทายาทออกมาเดี๋ยวนี้” เทพอัคราสั่งเฉียบ
“ได้เลย รับทายาทลูกปืนไปก่อนก็แล้วกัน”
เอกภพยิงกราดแต่กระสุนไม่อาจทำอะไรสองเทพได้ และแค่เทพอัคราสะบัดมือใส่ ร่างเอกภพเหมือนถูกกระแสไฟฟ้าช็อตเกร็งสั่นไปทั้งตัว ทุกคนที่อยู่ในประตูเห็นแล้วตกอกตกใจ ขณะที่ราเชนกับปาระนังยังช่วยกันรับมือเทพอาคิน
ณัชชาเห็นท่าไม่ดีสั่งนาชะให้รีบพาทายาททั้งสี่หลบไปก่อน...นาฬิกาเป็นห่วงพี่ชายทำท่าจะคัดค้าน
“แต่ว่า...”
“ไม่มีแต่ เราสี่คนไม่มีทางกำจัดเทพอัคราได้ แค่ต้านได้ระยะหนึ่งเท่านั้น”
“ทุกคนตามพี่มาเดี๋ยวนี้” นาชะวิ่งนำไป นาฬิกาลังเลแต่ที่สุดก็ถูกไกรยุทธ์ดึงให้วิ่งตาม
ณัชชามองตามพวกทายาทด้วยความเป็นห่วง ทันใดนั้นร่างเอกภพปลิวเข้ามาหมดสติตรงหน้าเธอ ณัชชาแค้นใจจนทนไม่ไหว พุ่งตัวออกไปเผชิญหน้าเทพอัครา
“ทายาทพ้นจากมือท่านไปแล้ว”
แทนที่เทพอัคราจะเป็นเดือดเป็นแค้น กลับหันไปปล่อยพลังทำร้ายปาระนังและราเชนจนกลิ้งไปกับพื้น
“ลอบกัด!” ณัชชาสบถด้วยความแค้นแล้วพุ่งดาบเข้าใส่เทพอัครา ขณะที่ราเชนกับปาระนังก็พยายามสกัดเทพอาคิน
ในที่สุด สองพ่อลูกก็ฝ่าพวกณัชชาผ่านเข้าประตูแต่ไม่สามารถติดตามทายาททั้งสี่ได้ เทพอัคราถึงกับตวาดใส่ลูกชายอย่างหัวเสีย
“เจ้าไม่พบทายาท?”
“ขออภัยท่านพ่อ ข้าสัมผัสอะไรไม่ได้เลย”
เทพอัคราไม่พอใจ กราดสายตาไปมาหาทางสัมผัสพวกทายาทแต่ไม่เป็นผล
“เสียเวลาอย่างที่สุด เจ้าใช้ไม่ได้จริงๆ”
เทพอัคราตำหนิลูกชายแล้วหายแวบไปทันที อาคินหน้าเจื่อนแต่ก็หายตัวตามบิดา...ไม่กี่อึดใจต่อมาบริเวณนั้นมีละอองสีชมพูปรากฏ ทายาททั้งสี่และนาชะอยู่ภายใต้การครอบคลุมของละอองสีชมพู
“โชคดีที่เทพเลวพวกนี้ไม่สามารถสัมผัสละอองของความรักได้”
ทายาททั้งสี่ยิ้มออก โล่งอกโล่งใจไปที...
ooooooo
เอกภพฟื้นขึ้นมาด้วยการรักษาของณัชชาแล้วปรึกษาหารือกับราเชนและปาระนังอย่างเคร่งเครียด
“เทพอัคราพลังยิ่งใหญ่ ทางเดียวที่จะพอต้านได้ก็คือต้องจู่โจมพร้อมกัน”
“ผมใจร้อนไปหน่อย เป็นความผิดผมเอง” เอกภพหน้าสลด
“เราต้องรีบหาทายาทให้พบเร็วที่สุด ไม่มีพวกเราป้องกันทายาทไม่มีวันพ้นมือพวกมันแน่”
“แต่ฉันคิดว่าเราอยู่ห่างทายาทไว้เป็นดี”
“แปลว่าอะไรครับองค์หญิง”
“แปลว่า...เทพอัคราจับความเคลื่อนไหวของเราได้แม้ว่าเราจะไม่เคลื่อนไหวเลยน่ะสิ”
“ที่แท้พวกเราคือตัวบอกตำแหน่งของทายาท”
นั่นคือเหตุผลที่ทุกคนต้องประเมินระยะห่างในการเดินทางจากกลุ่มทายาทเป็นอย่างดี และจำเป็นต้องแยกกันเพื่อคอยระวังภัยให้ทายาท แต่ไม่ควรเข้าใกล้พวกเขามากเกินไป
ก่อนออกเดินทาง ณัชชาสำรวจแผนที่ก่อนส่งให้ราเชนเก็บไว้
“อย่างที่คาด...แผนที่ปรากฏเส้นทางใหม่และจุดนัดพบใหม่ นอกจากระหว่างทางจะมีอุปสรรคมากกว่าเดิม ก่อนถึงจุดนัดพบยังต้องผ่านขุนเขาใหญ่สองลูก...แผนที่ฉบับนี้เป็นฉบับที่ลอกมาจากแผนที่ของทายาท ถ้าถึงมือ เทพอาคินเท่ากับว่า...”
“ผมจะรักษาไว้เป็นอย่างดี” ราเชนรับปากแข็งขัน
“เราจะแยกกันเดินทาง ท่านราเชนกับท่านธิดาเดินทางด้วยกันไป”
“ถ้าเช่นนั้นเราสองคนขอตัวก่อน”
ราเชนกับปาระนังแยกตัวออกไป ส่วนเอกภพกับณัชชามุ่งหน้าไปอีกทาง
ooooooo










