ตอนที่ 12
ณัชชาทำลายมนตร์เก้าภูตสังหารไม่สำเร็จเพราะสองแม่มดร้ายพยายามเข้ามาชิงตัวเธอ เอกภพต่อสู้กับพวกนางและเกือบพลั้งพลาดถ้าราเชนมาช่วยไว้ไม่ทัน
หลังจากสองแม่มดเผ่นหนีไปแล้วเพราะไม่อาจต้านธนูไฟของราเชน...เอกภพบอกเล่าให้ราเชนฟังว่าตนกับองค์หญิงณัชชาจำเป็นต้องให้ไกรยุทธ์และนาฬิกาเดินทางไปก่อน อย่างน้อยก็ให้พ้นจากเทพอาคิน
“ผู้กองกับองค์หญิงตัดสินใจถูกแล้ว นังแม่มดหนีไปได้ ผมคิดว่าที่นี่ไม่ปลอดภัยสำหรับองค์หญิงซะแล้ว”
“ผมเห็นด้วย โชคดีที่องค์หญิงสะกดตัวเองให้หลับเราสามารถย้ายองค์หญิงได้ แต่ปัญหาก็คือเวลาที่จะถึงจุดนัดพบใกล้เข้ามาแล้ว ถ้าเรามัวแต่หาที่ปลอดภัยเกรงจะไม่ทันเวลา”
“นอกจากว่าเราจะอยู่ในดินแดนไร้กาลเวลา”
หลังจากนั้นไม่นาน ราเชนเดินนำหน้าเอกภพที่อุ้มณัชชาผ่านราวป่าไปอย่างเร่งรีบ เมื่อเห็นว่ามาไกลพอสมควร ราเชนจึงให้เอกภพหยุดพักเหนื่อย จู่ๆสาวันนาปรากฏตัวหลังจากนางถูกอาคินทำร้ายโทษฐานตามหาณัชชาไม่พบภายในกำหนดเวลาหนึ่งวัน
สาวันนามาส่งข่าวเอกภพให้รีบพาณัชชาหนีไปเพราะอาคินสงสัยตนและอาจตามมาได้ทุกเวลา ส่วนตนจะช่วยล่อหลอกอาคินไปทางอื่น
ทันใดนั้นอาคินปรากฏตัวด้วยสีหน้ากราดเกรี้ยว “สาวันนา...เจ้าหักหลังข้า”
“ท่านเข้าใจผิด ข้าตามมาพบองค์หญิงกำลังจะรายงานท่าน”
“โกหก!” การานะส่งเสียงเข้ามา ทำเอาสาวันนาหน้าซีดเผือด “นังสาวันนามันคอยช่วยองค์หญิง”
“โกหก...ท่านอาคิน ข้าพิสูจน์ได้”
“ยังงั้นเหรอ ได้...ข้าจะให้โอกาสเจ้าพิสูจน์”
แทนที่สาวันนาจะทำร้ายณัชชาหรือเอกภพแต่นางกลับตวัดไม้เท้าอาวุธประจำกายฟาดเข้าใส่อาคินจนกระเด็น พร้อมกันนั้นการานะก็ปล่อยพลังทำร้ายสาวันนา ราเชนจึงเข้าช่วยจนแม่มดร้ายสลายหายตัวไป แต่อาคินยังคงอยู่เพื่อเข่นฆ่าสาวันนาที่กล้าหักหลังตน
สาวันนาบาดเจ็บแต่ยังพยายามสกัดอาคินเพื่อให้ราเชนกับเอกภพพาณัชชาหนีไป แต่ไม่นานนางก็พ่ายต่อพลังของอาคิน...
เอกภพอุ้มณัชชาผ่านต้นไม้หนาทึบไปอย่างรวดเร็วโดยมีราเชนคอยระวังหลังแล้วพากันหลบซ่อนตัวมุมหนึ่งในป่า
“ตราบใดที่เราไม่ใช้พลังออกไป เทพอาคินไม่มีทางหาเราพบ”
“แต่ถ้ามันวนเวียนอยู่อย่างนี้ ไม่ดีต่อองค์หญิงแน่ๆ”
“ท่านราเชนต้องพาองค์หญิงไป ผมจะล่อมันไปอีกทางหนึ่ง”
“แต่ผู้กองจะหาพบได้ยังไง”
“ดาบพิชิตมารจะพาผมไปพบองค์หญิงเอง”
“ตกลงตามนั้น”
เอกภพส่งณัชชาให้ราเชนอุ้มและอวยพรให้เขาโชคดี ส่วนตัวเองพุ่งพรวดออกจากราวป่าไปอย่างรวดเร็ว ด้านหลังมีควันดำพุ่งตามมาติดๆ แน่นอนว่ามันคืออาคินที่มาพร้อมพลังเก้าภูตสังหารที่รวมเป็นหนึ่งเดียว แต่พอโดนกระสุนปืนของเอกภพเข้าไป กลุ่มควันก็จางหายใน พริบตา
ฝ่ายราเชนที่อุ้มณัชชาหนีไปอีกทาง ไม่คิดว่าจะได้เจอชายผมขาวที่ฝึกวิชาการต่อสู้ให้ทายาททั้งสี่ ราเชนฝากณัชชาไว้กับท่านแล้วย้อนกลับมาหาเอกภพเพราะกลัวหลงเข้าไปในดินแดนไร้กาลเวลาโดยบังเอิญแล้วดาบพิชิตมารจะไม่สามารถนำทางเขามาหาองค์หญิงได้
“ท่านราเชนหมายความว่ายังไง ผมไม่เข้าใจ”
“ดินแดนไร้กาลเวลายังหมายถึงดินแดนไร้เวทมนตร์ อีกด้วย”
“เฮ้อ...รอดตัวไป” เอกภพถอนใจโล่งอกแล้วตามราเชนไปพบชายผมขาว โดยมีร่างณัชชานอนนิ่งสนิทอยู่อย่างเดิม “เราเข้าใจว่าที่นี่คือแดนไร้กาลเวลา ไร้เวทมนตร์ไร้พลังทั้งปวง”
“ถูกต้อง” ชายผมขาวตอบเสียงเรียบ
“ถ้างั้นดาบพิชิตมารก็ไม่สามารถแสดงอานุภาพได้”
“มีแดนฝึกยุทธ์เท่านั้นที่พลังและเวทมนตร์ทั้งปวงมีผล ดินแดนที่เราใช้ฝึกพลังให้ทายาททั้งสี่”
“เราต้องรีบพาองค์หญิงไปที่นั่น”
เพียงครู่ต่อมา ทั้งหมดก็พาณัชชามายังแดนฝึกยุทธ์ แต่เอกภพยังหวั่นใจว่าถ้าอาคินเข้ามาถึงที่นี่ได้ พวกเราคงไม่มีทางต้านพลังของมัน ชายผมขาวกับราเชนจึงอาสาออกไปตั้งรับอาคินด้านนอกไม่ให้ผ่านเข้ามา
“ระวังตัวด้วย”
“ดินแดนไร้กาลเวลาใช่ว่าจะหาพบได้ง่ายๆ ท่านไม่ต้องกังวลจนเกินไป” ชายผมขาวกล่าวทิ้งท้ายแล้วนำหน้าราเชนออกไป...
ปรากฏว่าด้านนอกไม่มีวี่แววของอาคิน ชายผมขาวจึงให้ราเชนกลับเข้ามาบอกเอกภพเพื่อความสบายใจไร้กังวล
“เทพอาคินไปจากที่นี่แล้ว แต่ท่านผมขาวยังคอยเฝ้าระวังอยู่”
“ขอบคุณมากท่านราเชน”
“องค์หญิงจะพ้นจากมนตร์เก้าภูตสังหารในไม่ช้า เราคิดว่าจะรีบเดินทางออกตามหาไกรยุทธ์กับนาฬิกา”
“เป็นความคิดที่ดี ผมกับองค์หญิงณัชชาจะรีบเดินทางตามไปที่จุดนัดพบ”
“แล้วพบกันผู้กอง”
ราเชนหันหลังผละออกไปหาชายผมขาว เอ่ยปากขอบคุณเขาที่ช่วยเหลือ ส่วนชายผมขาวก็ขอบคุณราเชนเช่นกันที่ดูแลทายาทขององครักษ์ทั้งสี่
หลังจากราเชนไปแล้ว ชายผมขาวกลับเข้ามาถามเอกภพว่าอาการองค์หญิงเป็นอย่างไรบ้าง
“บอกไม่ได้...คงต้องรอให้องค์หญิงตื่นเท่านั้น”
“ข้ามั่นใจว่าเวลานี้พอจะวางใจได้”
“ต้องขอบคุณท่าน...ท่านราเชนเล่าว่าเคยหลงอยู่ในดินแดนไร้กาลเวลาของท่าน”
“ถูกต้อง ข้าจำเป็นต้องกักทายาทไว้เพื่อถ่ายทอดวิชา”
“ถ้างั้นเกิดเทพอาคินหลุดเข้ามาก็อาจหลงทางได้เหมือนกัน”
“นั่นย่อมเป็นสิ่งที่ดี”
“จะเป็นอันตรายต่อท่านหรือเปล่า”
“อาจจะ...แต่อย่างน้อยก็กักมันไว้ได้ระยะหนึ่งพอที่จะให้ท่านกับองค์หญิงไปถึงจุดหมายได้ก่อน”
ทันใดนั้นเสียงระเบิดดังตูมขึ้น เอกภพอุทานชื่ออาคินแล้วพุ่งพรวดเข้าด้านใน ปรากฏว่าร่างณัชชาบนแท่นหินหายไปพร้อมดาบพิชิตมาร
เงาดำวูบเข้ามาปล่อยพลังเข้าใส่เอกภพและชายผมขาว ทั้งคู่ดีดตัวหลบไปคนละทางท่ามกลางฝุ่นฟุ้งกระจายเต็มไปหมด ก่อนจะเห็นณัชชายืนถือดาบพิชิตมารตระหง่านอยู่ไม่ไกล
“องค์หญิง...ผมเอง” เอกภพตะโกนลั่น
“ปล่อยคน” ณัชชาตวาดสั่ง
“องค์หญิง...ท่านผู้นี้คือมิตรไม่ใช่ศัตรู”
ณัชชายืนจ้องเขม็งสายตาดุดัน ดาบในมือชี้มายังชายผมขาว แต่แล้วก็ทรุดล้มลง เอกภพปราดเข้าไปช้อนร่างเธอขึ้นมาพากลับไปนอนนิ่งยังแท่นหินอย่างเดิม
“ตอนนี้เราอยู่ในแดนไร้เวทมนตร์แล้ว”
“อย่างน้อยถ้าองค์หญิงรู้สึกตัวขึ้นมาตอนนี้เรายังปลอดภัย”
“เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“อาจเป็นเพราะพลังมนตร์เก้าภูตสังหารถูกสลายไป พลังดาบพิชิตมารเข้ามาแทนที่อย่างรวดเร็วอาจทำให้องค์หญิงสับสนเห็นภาพหลอนก็เป็นได้”
“แบบว่าธาตุไฟแทรกอย่างนั้นเหรอครับ”
“ท่านอย่าได้กังวล ไม่ถึงขั้นนั้นหรอก พลังเดินเป็นปกติเมื่อไหร่องค์หญิงก็จะกลับมาเป็นคนเดิม”
ทันใดเสียงณัชชาอืออาขึ้นมาเหมือนรู้สึกตัว เอกภพก้าวเข้าไปใกล้อย่างตื่นเต้น เห็นเธอค่อยๆลืมตาและขยับตัวลุกขึ้นนั่งก่อนจะโผเข้ากอดเอกภพด้วยความดีใจที่พลังของเธอกลับคืนมาดังเดิมแล้ว
ooooooo
ทางด้านปาระนังกับนาชะที่เดินทางพร้อมบีมและปิงปอง ทั้งหมดผ่านประตูกลข้ามเวลาเข้าไปในยุคสุโขทัย สองทายาทเทพพบเจอศิลาจารึกโดยบังเอิญแล้วใช้ดินสอของปิงปองสลักชื่อเอาไว้นาชะเห็นความไม่ชอบมาพากลเมื่อมีฝูงอีกา
บินว่อน เธอรีบไปตามบีมและปิงปองกลับมารวมกลุ่มเฝ้ามองอีกาสาวกของอาคินที่บินทั่วไปหมดทุกทิศทาง
“พวกมันมีมากผิดปกติ...เทพอาคินกำลังทุ่มสุดตัว มันรู้ว่าพวกเราเดินทางใกล้จุดหมายเต็มที”
ปาระนังเอ่ยอย่างมั่นใจ จากนั้นนำพาทุกคนหลบหลีกพวกมันไปตามต้นไม้ในป่าทึบ ท่ามกลางเสียงร้องของอีกาที่ยังคงดังแว่วมาในระยะไกล
“เราหยุดตรงนี้ก่อน...ต้องลองตรวจดูแผนที่ว่าเราอยู่ห่างจากจุดนัดพบแค่ไหน”
บีมกับปิงปองต่างดึงม้วนผ้าแผนที่ออกมาดูก่อนบอกอย่างมั่นใจว่าเราใกล้ถึงจุดนัดพบแล้ว อย่างช้าพรุ่งนี้ตอนบ่ายน่าจะถึง
“หวังว่าคงรอดสายตาพวกสาวกของเทพอาคินไปได้”
“ตรงจุดนัดพบจะมีเครื่องหมายอะไรให้เรารู้ไหมครับพี่ปาระนัง”
“ยาก...ต้องมีปริศนาให้คิดชัวร์” ปิงปองแทรกขึ้นมา ขณะที่ปาระนังตอบแบ่งรับแบ่งสู้ว่าถึงเวลาพี่เชื่อว่าเราจะรู้เอง...
ooooooo
หลังจากพลังของณัชชากลับคืนมาดังเดิม เธอรับฟังเอกภพเล่าเรื่องสาวันนาแล้วอดสงสารนางไม่ได้
“แล้วท่านราเชนล่ะ”
“ท่านราเชนรีบเดินทางไปตามหาไกรยุทธ์กับนาฬิกา”
ณัชชาพยักหน้ารับรู้และขอบคุณเอกภพที่อยู่เคียงข้างคอยปกป้องเธอ จากนั้นหันไปขออภัยชายผมขาวที่เกือบทำร้ายเพราะความเข้าใจผิด ชายผมขาวไม่ว่ากระไร นอกจากอวยพรให้ทั้งคู่เดินทางโดยปลอดภัย
แต่ไม่ทันทั้งคู่จะออกเดินทาง เสียงหัวเราะของอาคินดังก้องขึ้นพร้อมควันดำพุ่งเร็วเข้ามา ร่างอาคินปรากฏตรงหน้าในมือถือนาฬิกามนตร์
“ต้องขอบใจนาฬิกามนตร์ของนังแม่มดสาวันนาสหายขององค์หญิง”
ทั้งหมดจ้องมองอาคินอย่างคาดไม่ถึง อาคินเพ่งเล็งชายผมขาวเป็นคนแรก...เมื่อการต่อสู้เริ่มต้นขึ้น อาคินซัดชายผมขาวจนกระอักเลือดแล้วไล่กวดทุกคนมาอย่างย่ามใจ ผ่านกำแพงดินแดนไร้กาลเวลาเข้ามาโดยไม่รู้ตัว
เอกภพประคองณัชชาโดยมีชายผมขาวยืนประกบอีกข้างหนึ่ง ส่วนอาคินยืนยิ้มเยาะห่างออกมา
“ดูท่าองค์หญิงยังไม่แข็งแรงพอที่จะหนีกระมัง”
“ท่านคิดผิดแล้ว เรารอที่จะกำจัดท่านต่างหาก”
“นายหลงกลเราแล้ว เทพอาคิน”
อาคินไม่สนใจคำพูดของณัชชาและเอกภพ มันหัวเราะก้องฟ้า ยกมือสองข้างขึ้นรวบรวมพลังพร้อมเปล่งเสียงเรียกเก้าภูตสังหารแต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ท่านคงไม่รู้กระมังว่าท่านอยู่ในดินแดนไร้กาลเวลาไร้เวทมนตร์”
ขาดคำของชายผมขาว ณัชชาจับดาบพิชิตมารเตรียมพร้อม ขณะที่เอกภพดึงปืนสองกระบอกออกจากเอว อาคินสีหน้าโกรธเกรี้ยว ขยับมือสองข้างพยายามเรียกพลังแต่ไม่บังเกิดผลใดๆ ที่สุดต้องถอยหลังออกไปสองก้าวเพราะไม่สามารถเรียกดาบของตนออกมาได้
“พวกท่านคิดเอาเปรียบ”
“ท่านใช้เก้าภูตสังหารเอาเปรียบเรา พอเจอเข้าบ้างร้องครวญครางดุจไม่ใช่คน”
อาคินแค้นสุดฤทธิ์สายตากราดไปมาหาทางหนี
ชายผมขาวรู้ทันประกาศชัดว่า ออกไปจากที่นี่ไม่ใช่เรื่องง่าย
“มอบตัวหรือมอบศีรษะมา” ณัชชาถือดาบเดินเข้าหา แต่อาคินหันหลังพุ่งตัวหนีไปได้ เอกภพกราดยิงอีกชุดใหญ่ก็ไม่โดน ทั้งสามจึงหยุดการติดตาม
“เทพอาคินถึงขาดพลังแต่มีฝีมือสูง ได้โปรดอย่าปะทะกับเทพอาคิน” ณัชชาเตือนชายผมขาว
“หลังจากท่านไปแล้วเทพอาคินก็จะไม่ได้เห็นเราอีก กว่าเทพอาคินจะหาทางออกได้เองคงไม่ต่ำกว่าสามวัน”
“ลาก่อน”
สิ้นเสียงบอกลาของณัชชา ชายผมขาวก็ดีดตัวเหินหายไป...
เวลานั้นเอง เทพอาคินพุ่งพรวดออกมาจากดงไม้ กราดสายตาระแวดระวังอยู่อึดใจก็เปลี่ยนทิศทางไปอีกด้านหนึ่ง ฝ่าราวป่าไปอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งทะลุออกมาอีกด้าน กราดสายตามองท้องฟ้าและรอบตัวก่อนเปล่งเสียงคำรามอย่างคับแค้นใจ
“ดินแดนไร้กาลเวลา...เราหลงกลจริงๆ”
ooooooo
อาคินติดอยู่ในดินแดนไร้กาลเวลาไม่นานก็พังทลายประตูกลับออกมาได้ โดยที่ชายผมขาวไม่ขัดขวางและหายตัวไปเสมือนหมดภาระหน้าที่ต่อพวกณัชชาแล้ว
เมื่ออาคินกลับถึงที่พักต้องประหลาดใจอย่างหนักที่เห็นบิดากำลังอาละวาดพวกนายอำนาจ...ที่แท้เทพอัคราถอดร่างลงมาเมืองมนุษย์เพื่อช่วยบุตรชายตาม หากุญแจคุกนิลกาลด้วยการวางแผนให้สมุนของอาคินเข้าโจมตีมนุษย์เพื่อล่อหลอกให้พวกณัชชาปรากฏตัวออกมา
เหตุการณ์สมุนของอาคินที่มีทั้งคนและผีทำร้ายผู้คนบาดเจ็บล้มตายเกิดบ่อยมากทำให้ณัชชารู้สึกได้ถึงความผิดปกติ อีกทั้งสัมผัสได้ว่ามีพลังอันยิ่งใหญ่และน่ากลัวในเมืองมนุษย์ จนกระทั่งเธอกับผู้กองเอกภพหลงเข้ามาในหมู่บ้านแห่งหนึ่งและประสบเหตุผู้หญิงจะถูกฆ่าจึงเข้าช่วยเหลือไล่ตามกันไปในป่าแล้วพบอาคินปรากฏตัวพร้อมเทพอัครา
ที่แท้หญิงสาวถูกผีดิบสาวกของอาคินทำร้าย แต่ที่ณัชชาแปลกใจก็คือทำไมเทพอัคราซึ่งถูกจองจำในคุกนิลกาลถึงมาปรากฏตัวในเมืองมนุษย์
“เราพบกันจนได้องค์หญิงณัชชา”
“ที่แท้ท่านอัคราสามารถถอดร่างได้...ลูกชายมัวแต่หลงระเริง ท่านพ่อเลยต้องลงมาเอากุญแจคุกนิลกาลด้วยตัวเอง”
“องค์หญิงพูดมากเกินไปแล้ว” อาคินคำราม
ณัชชาไม่ยี่หระ คิดอ่านวางแผนต่อต้านด้วยการเริ่มท่องคาถาเรียกดาบพิชิตมาร พลางกราดสายตาไปมาเพื่อจับทิศทางของเอกภพที่ยังอยู่ในหมู่บ้าน
“อาคิน...องค์หญิงแค่ถ่วงเวลาเท่านั้น เจ้ายังไม่รีบจัดการ”
“ท่านอัครา...มนุษย์ผู้นี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง”
เทพอัคราจ้องณัชชาอึดใจก็สะบัดมือ พลันร่างของหญิงสาวที่นอนอยู่ตรงหน้าหายวับไป
“หวังว่าองค์หญิงคงพอใจ”
ณัชชาขยับตัวเตรียมพร้อมทั้งที่ไม่แน่ใจว่าตนเองจะสู้รบกับสองพ่อลูกได้ แต่แล้วทันใดนั้นดาบพิชิตมารพุ่งเข้ามาปักเทพอัคราจนมิดร่าง ก่อนที่เขาจะหมุนตัวหายไปแต่ดาบยังคงอยู่บนพื้นดิน ส่วนอาคินเจ็บใจมากทำท่าจะเล่นงานณัชชาแต่ไม่สำเร็จเพราะเอกภพปรากฏตัวและพาณัชชาหายแวบไปพร้อมดาบพิชิตมาร
ทั้งคู่ไปโผล่ในป่าอีกด้านหนึ่งอย่างปลอดภัย แต่ถึงกระนั้นณัชชาก็อดบ่นไม่ได้ว่าเกือบไปแล้ว
“แล้วนี่คุณมาได้ยังไง”
“ผมอยู่ที่ลานหมู่บ้าน ไม่มีตัวอะไรโผล่มา อยู่ๆ มีดสั้นขององค์หญิงก็ส่งแสง ผมยกขึ้นก็แวบมาถึงนี่ ยังไม่ทันทำอะไรมีดก็พุ่งจากมือไปแล้ว”
“ฉันเรียกดาบพิชิตมารมาเอง”
“เทพอาคินรู้ว่าเราอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
“ลำพังเทพอาคินไม่มีปัญญาหรอก เป็นเพราะเทพอัครา”
“ใครคือเทพอัคราครับ”
ขณะที่เอกภพสงสัยว่าเทพอัคราคือใคร...เจ้าตัวกำลังนั่งเจ็บแค้นใจอยู่ในรังของอาคิน แต่ร่างกายไม่มีบาดเจ็บแม้โดนแทงด้วยดาบพิชิตมาร
“ท่านพ่อ...ข้านึกว่าดาบพิชิตมารจะ...”
“ดาบพิชิตมารทำลายได้แต่ร่างจริงเท่านั้น ร่างของข้าเป็นเพียงร่างที่ถอดมาดุจเหมือนภาพหลอน ไม่มีเลือดเนื้อ จึงไม่เป็นอันตรายนอกจากทำให้พลังหมดไปเท่านั้น”
“องค์หญิงณัชชาหนีไปได้”
“เพียงแต่องค์หญิงหรือทายาทใช้พลังเพียงน้อยนิดข้าก็จะรู้ตำแหน่งทันที”
“ถ้าเช่นนั้นเชิญท่านพ่อพักก่อน” อาคินหันกลับออกไป...
เวลาเดียวกันนั้น ณัชชากับเอกภพยังอยู่ในป่า พูดคุยกันเรื่องเทพอัคราที่ฝ่ายชายสงสัยว่าเขาเป็นใคร?
“เทพอัครามีพลังยิ่งใหญ่ เพียงแค่เราเคลื่อนไหวใช้พลังนิดเดียวเทพอัคราจะรู้ทันทีว่าเราอยู่ที่ใด มีคำร่ำลือว่าเทพอัครารู้แม้กระทั่งว่าเราคิดอะไร”
“งั้นพวกเราก็จบ”
“ร่างที่เห็นเป็นเพียงร่างถอดวิญญาณ พลังย่อมน้อยลงกว่าเดิม เรายังพอมีหวัง...อย่างน้อยการช่วยลูกสาวชาวบ้านทำให้เส้นทางบนแผนที่ปรากฏ”
“อีกไกลไหมครับ...จุดนัดพบ”
“เราต้องเดินทางจนกว่าจะพบประตูกลสองประตู”
“อะไรกัน...เจอปริศนาอีกแล้วว่าจะเข้าประตูไหน หนึ่งหรือสอง”
“ใจเย็นน่า...ถึงเวลาก็รู้เอง”
“ไปไหนก็ต้องเจอแต่ปริศนา ผมว่าองครักษ์ทั้งสี่ดูเกมโชว์มากไปหน่อย” เอกภพบ่นกระปอดกระแปดแล้วถอนใจจนณัชชาอดยิ้มขำไม่ได้...
ooooooo
ด้านไกรยุทธ์กับนาฬิกาเร่งเดินทางเพื่อไปยังจุดนัดพบ ระหว่างทางไกรยุทธ์ได้ขวานโดยไม่รู้ที่มาที่ไป แล้วพอออกเดินทางต่อก็มาเจอหมู่บ้านที่มีชายฉกรรจ์นับสิบฝึกซ้อมการต่อสู้เหมือนอย่างในภาพผนังโบสถ์ไม่ผิดเพี้ยน แถมครูผู้ฝึกก็เป็นคนเดียวกับที่เห็นหน้าลานวัด
ครูฝึกแปลกใจเมื่อเห็นขวานในมือไกรยุทธ์ ถามว่าไปเอามาจากไหน ชายหนุ่มอึกอักเล็กน้อยก่อนบอกว่าท่านนั่นแหละเป็นคนให้
“พวกเจ้าคือทายาทขององครักษ์ทั้งสี่”
ไกรยุทธ์กับนาฬิกายิ้มรับแล้วเดินตามครูฝึกไปที่บ้าน ไม่นานก็มีชายคนหนึ่งถือห่อผ้ามาส่งให้ครูฝึกก่อนจะถูกส่งต่อมาตรงหน้าสองทายาทเทพ
เมื่อเปิดห่อผ้าออกเผยให้เห็นขวานที่เหมือนของไกรยุทธ์ไม่ผิดเพี้ยน สองทายาทจ้องมองขวานด้วยความประหลาดใจ โดยเฉพาะไกรยุทธ์ที่รีบเอ่ยปากเมื่อเห็นครูฝึกยื่นขวานมา
“แต่ท่านให้ผมมาแล้ว”
“ไม่ใช่ของเจ้า เป็นของแม่นางผู้นี้”
“แต่หนูใช้ขวานไม่เป็น”
“ขอให้เพียงแต่เจ้ามีขวานอยู่ในมือก็พอเพียง แล้ว”
“มิน่าถึงเหมาะมือแม่นยำเป็นอย่างยิ่ง” ไกรยุทธ์พูดไปขยับขวานในมือไปอย่างคล่องแคล่ว
“ยามใดที่ขวานทั้งคู่ใช้ร่วมกันจะมีอานุภาพร้ายแรง”
“พอที่จะจัดการกับเทพอาคินได้ไหมคะ”
“ไม่มีอาวุธใดที่จะจัดการกับเทพอาคินได้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับโชคชะตา”
ทันใดนั้นเสียงเอะอะมาจากด้านนอก ชายคนหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามารายงานว่าสาวกผีดิบของเทพอาคินบุกเข้ามาแล้ว
“พวกเจ้าต้องรีบไปยังจุดนัดพบ” ครูฝึกเร่ง แต่ไกรยุทธ์ทักท้วงทันทีว่า
“ผมเกรงว่าถ้าไม่ได้ร่วมมือปราบสาวกผีดิบของเทพอาคินก็จะไม่พบเส้นทางไปสู่จุดนัดพบ”
“ถ้าเช่นนั้น แล้วแต่พวกเจ้าสองคนจะตัดสินใจ”
แน่นอนว่าทั้งคู่เลือกที่จะลุยกับสาวกของอาคินด้วยขวานที่มีอานุภาพร้ายแรงสามารถจัดการกับสาวกของเทพอาคินได้ราบคาบและรวดเร็ว
เสร็จภารกิจนี้แล้วทั้งคู่เตรียมตัวเดินทางต่อเพื่อไปให้ถึงจุดนัดพบซึ่งเหลือเวลาน้อยเต็มทีแล้ว แต่ขณะที่กำลังล่ำลาครูฝึก ไม่นึกว่าจะได้เจอราเชน
สองฝ่ายทักทายกันด้วยความดีใจ ราเชนชม ทายาททั้งสองว่าเก่งมาก จากนั้นพากันออกจากหมู่บ้านและพูดคุยกันเรื่อยมา
“พี่ราเชนเดินทางตามพวกเรามาโดยตลอด เหรอครับ”
“ถูกต้อง”
“แล้วสาวกอาคิน...เมฆปิศาจ?”
“จริงๆแล้วพี่พบครูฝึกก่อนพวกเธอสองคนซะอีก”
ไกรยุทธ์กับนาฬิกามองหน้ากันอย่างคาดไม่ถึง ราเชนจึงลำดับเหตุการณ์ให้ฟังอย่างละเอียดว่าตนออกจากราวป่ามาเจอหมู่บ้าน เห็นครูฝึกกำลังควบคุมฝึกฝนชายฉกรรจ์นับสิบจึงเข้าไปพูดคุยกันครู่หนึ่ง
“เราตามหาชายหญิงคู่หนึ่ง พวกท่านพอพบเห็นหรือไม่”
“ท่านตามหาทายาทขององครักษ์สองคน?”
“ถูกต้อง”
“คำถามคือท่านเป็นใคร”
ราเชนไม่ตอบแต่สะบัดมือขึ้นมา พลันมีเปลวไฟบนฝ่ามือ เท่านี้ครูฝึกก็เข้าใจอย่างถ่องแท้
“ที่แท้ท่านราเชนทหารเอกขององค์มัจจุราชนั่นเอง”
“ขอความร่วมมือจากพวกท่านแจ้งทิศทางของทายาททั้งสองด้วย”
“เราก็ต้องขอความร่วมมือจากท่านด้วยเช่นกัน”
ฟังมาถึงตรงนี้ ไกรยุทธ์กับนาฬิกาต่างพยักหน้าโดยพร้อมเพรียง
“พี่จำเป็นต้องปล่อยให้พวกเธอเผชิญกับสาวกของเทพอาคินและเมฆปิศาจด้วยตัวเอง ตามที่องครักษ์ทั้งสี่วางไว้”
“โชคดีที่เราสองคนรอดมาได้”
“พวกเธอสองคนทำได้ดีมาก”
สองทายาทยิ้มแต้รับคำชมจากราเชนด้วยความภูมิใจในตัวเอง
ooooooo
ณัชชาและเอกภพเร่งเดินทางอยู่เช่นกัน ผ่านทิวไม้มาพักใหญ่ก็เพิ่งจะเห็นฝูงอีกาบินว่อนบนท้องฟ้า ส่งเสียงร้องไม่หยุด ทั้งคู่พากันหลบหลังพุ่มไม้เพราะไม่แน่ใจว่าใช่สาวกของอาคินหรือเปล่า รอสักครู่เห็นมันบินผ่านไปค่อยเบาใจ
“อย่างน้อยพวกมันก็ไม่ส่งฝูงค้างคาวมาเล่นงานเราเหมือนแต่ก่อน”
“ก็เพราะว่ามันส่งฝูงผีดิบมาแทนน่ะสิ” ณัชชาพูดจบก็ออกเดินทางต่อ เอกภพก้าวตามมาตีคู่ แล้วหันซ้ายหันขวาเมื่อได้ยินเธอบอกว่าประตูกลไม่น่าจะอยู่ไกลจากที่นี่
“แถวนี้น่าจะมีเทพผีเสื้อหรือแมลงอะไรสักอย่าง เผื่อจะได้ช่วยบอกทางพวกเรา”
“คุณนี่บ่นเก่งจัง” เธอกระเซ้ายิ้มๆ
“ผมห่วงว่าองค์หญิงจะเหนื่อยต่างหาก”
“ห่วงฉันหรือว่าอยากดูเทพสาวผีเสื้อสวยๆกันแน่”
“โห...รู้ได้ยังไง ผมล้อเล่นนะครับ ห้ามโกรธ”
“ใครบอกว่าฉันโกรธ...ดูโน่น”
เอกภพมองตามสายตาณัชชาแล้วตื่นเต้นยกใหญ่เมื่อเห็นผีเสื้อจำนวนมากบินอยู่เบื้องหน้า เขาวิ่งเข้าหาด้วยความดีใจและถูกพวกมันล้อมรอบตัวในพริบตา
“ดีใจที่ได้พบกันอีก”
“นี่คุณ...ไม่ต้องดีใจถึงขนาดนั้น” ณัชชาร้องเตือนแล้วต้องตกใจเมื่อเห็นฝูงผีเสื้อล้อมเอกภพจนมองไม่เห็น
ด้วยสัญชาตญาณ เธอสะบัดมือถือดาบพิชิตมารเตรียมพร้อมและชี้ไปที่ฝูงผีเสื้อ บังเกิดแสงเหมือนสายฟ้าพุ่งเข้าใส่ทำให้พวกมันกระจายตัวออกไป แต่ตรงนั้นไม่มีเอกภพอยู่เสียแล้ว!
ooooooo










