สมาชิก

ต้มยำลำซิ่ง

ตอนที่ 10

ผกานั่งทานอาหารอยู่ในร้านด้วยความอึดอัด เพราะอยากจะได้เช็คไปขึ้นเงิน รุ้งระวีแอบสังเกตการณ์อยู่เงียบๆ

ในที่สุดผกาก็เอ่ยปากขอเช็คจากรุ้งระวีเพราะธนาคารเปิดแล้ว รุ้งระวีจะตามไปด้วย แต่ผกาไม่ยอม

“หนูทานต่อเถอะ แม่ไปแป๊บเดียวนะ...”

รุ้งระวีลังเลนิดหน่อยก่อนเปิดกระเป๋าหยิบเช็คส่งให้ ผการับเช็คมาด้วยอาการดีใจ แล้วลุกออกไปด้วยอาการร้อนรน จนรุ้งระวีรู้สึกผิดสังเกต

เมื่อเดินออกมาจากร้านแล้ว ผกาก็โทร.นัดแนะกับคำรณที่รออยู่ คำรณสั่งให้ผการีบเผ่นเมื่อขึ้นเงินเสร็จ แต่ผกานึกเสียดายจะขออยู่หลอกเงินจากรุ้งระวีอีก
“ไม่ต้องแล้ว มันเสี่ยงเกินไป ประวัติแกมันก็ยาวเป็นหางว่าวเสียด้วย ได้เงินแล้วรีบลงมาที่ชั้นใต้ดิน ฉันรอแกอยู่”

“ค่ะพี่” ผกากดเลิกสาย แล้วตรงไปที่ธนาคาร

คำรณที่ซุ่มดูอยู่แอบตามไปห่างๆ แต่ทันทีที่มือ ผกาจับประตูธนาคาร มือของทูนอินทร์ก็เข้ามายึดมือผกาไว้แน่น และอินทรก็เดินมาดักหน้านางไว้ คำรณเห็นท่าไม่ดีรีบถอยกลับไปที่เดิม

ทูนอินทร์สั่งให้ผกาเอาเช็คมาให้เขา ผกาเสียงกร้าวขู่ว่าจะเรียก รปภ.มาจัดการ

“ได้เลย ยิ่งดีใหญ่ ฉันจะได้ให้ รปภ.ห้างจับเธอส่งโรงพัก”

“ทำไม ฉันทำอะไรผิด”

“ในชื่อแม่แสงหล้า คงไม่มีใครสงสัย แต่ถ้าเป็นชื่อนางผกา ศรีสมร คดีเป็นแฟ้มเลย ฉันมีหลักฐานมาครบแล้ว อยากดูไหมล่ะ” ทูนอินทร์ท้า

ผกาหน้าซีด รุ้งระวีเดินเข้ามาพอดี เธอถามทูนอินทร์ว่า เกิดอะไรขึ้น ผกาฟูมฟายฟ้องว่าทูนอินทร์กล่าวหาเธอ รุ้งระวีไม่พอใจสั่งให้ทูนอินทร์ปล่อยแม่ของเธอ

คำรณแอบดูเหตุการณ์ด้วยใจระทึก เห็นผกาโผเข้ากอดรุ้งระวีพลางบีบนํ้าตาเรียกคะแนนสงสาร แต่ทูนอินทร์ไม่สน บอกความจริงกับรุ้งระวี

“แม่คุณเป็นตัวปลอม ตัวจริงชื่อนางผกา ศรีสมร เป็นอดีตนักร้องในผับของเฮียปอ ปากนํ้า มีคดีทุจริต ฉ้อโกงนับสิบคดี”

“ไม่จริงนะรุ้ง”

“อีกแล้วเหรอคุณทูน นี่คุณยังสงสัยแม่ฉันอีกเหรอ”

“ตอนนี้ไม่สงสัยแล้ว ผมแน่ใจแล้วว่าผู้หญิง

คนนี้คือแม่ปลอม”

“รุ้ง ไปเถอะ อย่าไปยุ่งกับพวกมันเลย” ผกาดึงรุ้งระวีจะแยกไป แต่ทูนอินทร์ยึดแขนรุ้งระวีไว้ ขอร้องให้ฟังเขาก่อน

“ไม่ค่ะ ไม่ฟังอะไรแล้วทั้งนั้น แม่ไปค่ะ” รุ้งระวีดึงผกาแยกไป

อินทรร้องถามพี่ชายว่า จะเอาไง ทูนอินทร์สั่งให้ตามไป

สองหนุ่มตามมาทันรุ้งระวีกับผกา อินทรรีบยื่นแฟ้มหลักฐานทั้งหมดให้รุ้งระวีดู หญิงสาวอึ้งไป เพราะภาพผกาสมัยสาวๆไม่เหมือนแม่แสงหล้าของเธอสักนิด

ผกาตกใจพยายามหาทางออก เธออ้างว่า ทูนอินทร์ ทำหลักฐานปลอมเพื่อใส่ร้ายเธอ

ทูนอินทร์ขอร้องให้รุ้งระวีเอาเช็คคืนมาจากผกาก่อน แต่รุ้งยังนิ่งงันทำอะไรไม่ถูก

“บอกความจริงมา ใครเป็นคนจ้างวานเธอ ฉันรู้นะว่ามันเป็นคนที่อยู่ในบริษัทอิทธิซาวนด์ มันเป็นใคร ใครเอาถ้วยรางวัลมาให้เธอใช่ไหม” ทูนอินทร์คาดคั้น

ผกาเริ่มตระหนกร้องเรียกให้รุ้งระวีช่วยด้วย รุ้งระวี มองทูนอินทร์และผกาด้วยความสับสน แล้วเอ่ยถามผกา

“รูปพวกนี้มันเหมือนแม่มาก แม่มีคำตอบสำหรับภาพพวกนี้ไหมคะ”

“ก็บอกแล้วว่ามันไม่ใช่รูปจริง อย่าไปดูเลย” ผกาดึงรูปมาฉีก

“คุณรุ้งครับ เอาเช็คคืนมาก่อนดีกว่า” อินทรแนะนำ

“ฉันไม่ให้” ผการีบสวน

“เพื่อความบริสุทธิ์ใจ ทำตามที่เขาบอกเถอะค่ะแม่”

“อ้อ...แกจะไม่ให้ฉันใช้หนี้แล้วใช่ไหม แกอยากให้ฉันถูกฆ่าตาย ถึงได้หลงเชื่อไอ้เวรสองตัวนี่”

“แม่คะ แม่ต้องพิสูจน์ตัวเอง ขอเช็คคืนค่ะ” ขาดคำ ผกาก็ฟาดฝ่ามือเข้าเต็มหน้ารุ้งระวี แล้ววิ่งหนีออกไป

อินทรรีบตามไป เช่นเดียวกับคำรณ

“รุ้ง เป็นยังไงบ้าง” ทูนอินทร์เข้าประคอง

“คุณทูน เธอเป็นใคร เธอไม่ใช่แม่ฉัน เธอไม่ใช่ แม่ฉัน” รุ้งระวีร้องไห้โฮ

“ไม่เป็นไรนะรุ้ง ไม่เป็นไร ทำใจดีๆไว้” ทูนอินทร์ ดึงรุ้งระวีมากอด

ด้านอินทร เขาวิ่งตามผกามาที่ลานจอดรถ เห็น รถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งโฉบเข้ามาพาผกาหนีไป จึงกลับไปบอกทูนอินทร์กับรุ้งระวี ทั้งสามชวนกันไปหาอิทธิที่บริษัทเพื่อให้อายัดเช็ค

ooooooo

เมื่อจัดการอายัดเช็คเรียบร้อยแล้ว อิทธิเข้ามาดูหลักฐานเรื่องผกาที่ทูนอินทร์ได้มา พลางเอ่ยถามว่าไปได้หลักฐานทั้งหมดมาจากไหน ทูนอินทร์ไม่อยากให้อิทธิรู้เรื่องแสงหล้าจึงคุยว่า เขามีเส้นสายเยอะ

อิทธิขอเก็บหลักฐานทั้งหมดไว้ เพราะจะส่งให้ตำรวจประกาศจับผกา ทูนอินทร์ยอมให้แต่มีเงื่อนไขว่าเรื่องต้องไม่พาดพิงถึงรุ้งระวี

“รุ้ง ไม่เป็นไรนะ เรื่องเช็ค ผมจะเซ็นให้คุณใหม่” อิทธิหันมาคุยกับรุ้งระวี

รุ้งระวีพยักหน้า อิทธิมองเลยมาทางทูนอินทร์ที่เจื่อนไป แล้วส่งยิ้มหยันให้ก่อนเดินออกไปจากห้องคมกับเดชเข้ามาเก็บรวบรวมเอกสาร ทั้งสองได้ยินรุ้งระวีเอ่ยถามทูนอินทร์

“คุณทูนคะ แล้วทำไมคุณถึงรู้ว่ามีคนอยู่เบื้องหลัง”

คมและเดชหันมามองทูนอินทร์ทันที ทูนอินทร์เห็นสีหน้าทั้งคู่ก็รีบบอกปัดว่าตนเดาเอา คมเดชหันมาสบตาอย่างรู้งานแล้วเดินออกไปตามอิทธิมาแอบฟัง

ทูนอินทร์เห็นว่าคมกับเดชออกไปแล้วจึงยอมบอกเรื่องแสงหล้าให้รุ้งระวีรู้และนำเสียงแสงหล้าที่บันทึกใส่มือถือมาเปิดให้ฟัง เป็นเวลาเดียวกับที่อิทธิกับลูกน้องมาถึงพอดี และได้ยินเสียงแสงหล้าด้วยเช่นกัน

“นี่เสียงแม่เหรอคะ” รุ้งระวีน้ำตาไหลพราก

“เราจะแน่ใจได้ยังไงคะคุณทูน ว่าไม่ใช่แม่เก๊อีก” เจ๊จี่หอยยังระแวงไม่หาย

“เรื่องพวงมาลัยของรุ้งไงครับ แม่เอามาให้รุ้งวันเล่นคอนเสิร์ตที่โคราช เธอคือแม่แสงหล้าของรุ้ง”

“แล้วใครคะที่จ้างวานยายผกามาหลอกเรา เห็นว่าเป็นคนใกล้ตัวด้วย”

“เรายังไม่ทราบเลยครับ แต่น่าจะอยู่ในบริษัทนี้”

“ลมชัก ถ้าอยู่ในบริษัทนี้ก็มีผู้ต้องสงสัยเป็นสิบ เพราะมีแต่ศัตรูรุ้งทั้งนั้น” เจ๊จี่หอยถอนใจ

รุ้งระวียิ่งสลด เธอสะอื้นไห้เบาๆทูนอินทร์เห็นใจ พลางชวนกลับไปพักที่บ้านก่อน ทั้งหมดพากันตามรุ้งระวีกับทูนอินทร์ออกไป

อิทธิกับลูกน้องที่ซุ่มดูอยู่รีบผละออกไปที่ห้องทำงาน เพื่อวางแผนร้าย เพราะเดชบอกกับอิทธิว่าเสียงแสงหล้าที่ได้ยิน น่าจะเป็นเสียงที่ทูนอินทร์ทำขึ้นมาเพื่อเรียกคะแนนจากรุ้งระวี

“ฉันชอบที่แกคิด ถ้าเราต่อยอดสิ่งที่ไอ้เดชมันคิด สร้างเรื่องว่าไอ้ทูนสร้างเรื่องขึ้นมาแกว่า รุ้งจะเชื่อไหม” อิทธิส่งยิ้มร้าย

“ก็ต้องต่อยอดอย่างให้เห็นหลักฐานชัดๆ ผมว่าคุณรุ้งต้องเชื่อแน่นอนครับ”คมรีบเสริม

“งั้นเอาไปเป็นการบ้าน ไปช่วยกันคิด ว่าจะต่อยอดกันยังไงดี เรื่องแม่นี่แหละ ที่จะทำลายความรักของทั้งคู่”

สองสมุนมองหน้ากันพลางแสยะยิ้มเวลาเดียวกันนั้น คำรณพาผกามาที่บ้านเช่าโทรมๆ

แห่งหนึ่ง เขามอบเงินให้นางหนึ่งหมื่นบาทแล้วเร่งให้หนีไปชายแดน และห้ามกลับมาอีก เพราะกลัวตำรวจจับได้ และจะพลอยซวยมาถึงเขาด้วย

ผกาขอเงินเพิ่มเป็นห้าหมื่นและขู่ว่า ถ้าคำรณไม่ยอม นางจะให้ตำรวจจับและจะซัดทอดว่าคำรณเป็นคนจ้าง คำรณโกรธจัดตบผกาลงไปกอง

ผกาฉุนชักมีดออกมาจากเอวจะเข้าแทงคำรณ แต่คำรณกระโดดหลบ แล้วจับข้อมือของนางบิดอย่างแรงจนมีดตกพื้น

“คิดกำแหงกับกูเหรอนังผกา เลือกเอา ถ้ามึงไม่หนีไปชายแดน มึงก็ต้องตายอยู่ที่นี่แหละ” คำรณผลักผกาลงไปกับพื้นแล้วหยิบมีดขึ้นมาขู่

ผกากลัวตายรีบรับปากว่าจะไป คำรณปามีดไปปักที่ข้างฝาแล้วลุกเดินออกไป

“กูไปแน่ แต่กูไม่ไปตัวเปล่าหรอก มึงคอยดูกูก็แล้วกัน” ผกามองตามคำรณไปอย่างเคียดแค้น
ในตอนค่ำ อินทรกับมะปรางช่วยกันเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เมธรู้ เมธกำชับทั้งสองว่าอย่าเผลอหลุดเรื่องผกาให้จ๊ะจ๋าที่ซ้อมเพลงอยู่ห้องนั่งเล่นรู้เด็ดขาด

อินทรรีบรับปากแล้วมองไปทางจ๊ะจ๋าอย่างชื่นชม เพราะเธอขยันมาซ้อมทุกวัน มะปรางเห็นสายตาอินทรก็ไม่พอใจนัก เธอบอกกับเขาว่า จะกลับบ้านแล้ว อินทรอาสาไปส่ง

มะปรางยิ้มน้อยๆ เดินเข้าไปลาจ๊ะจ๋า จ๊ะจ๋าเห็นว่าค่ำแล้วจึงขอติดรถกลับด้วย
ooooooo

ผกาโทร.มาข่มขู่ฟ้าใสและบังคับให้เธอลงไปรับที่หน้าคอนโดฯ ฟ้าใสแสร้งทำเป็นไม่รู้จักผกาและจะวางสาย จึงโดนผกาตวาดใส่

“อย่าวางหูนะโว้ย ถ้าแกวางหู ฉันจะโทร.บอกนังรุ้งกับไอ้ทูนเดี๋ยวนี้ ว่าแกกับไอ้คำรณจ้างวานฉันมา อยากเอาชื่อเสียงนักร้องเบอร์หนึ่งของแกมาแลกก็ตามใจ”

ฟ้าใสได้ฟังก็อึ้งจำใจลงไปรับผกา แต่ระหว่างทางเธอแอบโทร.บอกคำรณให้มาจัดการกับผกา
เมื่อเข้ามาในห้องของฟ้าใสได้แล้ว ผกาก็หยิบปืนพกเล็กออกมาจ่อฟ้าใส บังคับให้เธอเปิดตู้เซฟเพื่อจะเอาเครื่องเพชรไปเป็นทุนสำหรับหนี

ฟ้าใสตกใจกลัวรีบทำตาม แต่สุดท้ายผกาก็ไปไม่รอด เพราะคำรณตามมาทัน เขาเข้าจัดการกับผกาโดยจับกดน้ำในอ่างจนขาดใจตาย ฟ้าใสยืนตะลึงเพราะเห็นเหตุการณ์โดยตลอด

“แก แกฆ่ามันทำไม เอาเงินปิดปากมันซะ มันก็ไม่พูดแล้ว” ฟ้าใสปากคอสั่น

“มันจำเป็น ไม่งั้นมันก็จะแฉเราทั้งคู่ เพราะเงินเท่าไหร่ก็อุดปากมันไม่ได้หรอก เดี๋ยวมันก็มารีดไถจากคุณอีก ฆ่ามันนี่แหละ ทางออกที่ดีที่สุดแล้ว”

“แต่แกฆ่ามันในห้องฉัน ฉันจะทำยังไง”

“อย่าเพิ่งกลัวเกินเหตุซีครับคุณฟ้า แค่ช่วยกันกำจัดศพ ทุกอย่างก็เรียบร้อย แต่ถ้าคุณไม่ช่วยผมก็จะปล่อยศพไว้ในห้องนี้”

“จะบ้าเหรอ”

“เราลงเรือลำเดียวกันแล้ว คุณต้องช่วยผม เอา กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ๆมา แล้วคุณจะต้องขับรถไปนอกเมือง เราจะจัดการทำลายนังผกาไม่ให้เหลือแม้แต่กระดูก” คำรณสั่งการ

ฟ้าใสยืนสะท้านพูดไม่ออกจำต้องร่วมมือกับคำรณ
เวลาเดียวกันนั้น ทูนอินทร์เดินเข้ามาปลอบใจรุ้งระวีที่ยังคงนั่งซึมอยู่บนเตียง

“อย่าเพิ่งคิดอะไรเลยครับ นอนพักเถอะ”

“ขอโทษที่ฉันไม่เชื่อคุณ คงเพราะฉันกลัวจะเสียแม่ไป กลัวว่าจะต้องจากแม่อีกครั้ง ฉันถึงเชื่อผู้หญิงคนนั้นทุกอย่าง ฉันมันโง่สิ้นดี” รุ้งระวีน้ำตาคลอ

“ไม่หรอกครับ ความรักที่มีให้แม่ไม่ใช่เรื่องโง่...

รุ้งมองทุกอย่างในแง่ดีซีครับ ตอนนี้เรารู้แล้วว่าแม่แสงหล้ายังอยู่ แล้วเฝ้าดูรุ้งอยู่ด้วย เราจะต้องตามหาตัวท่านให้เจอ ท่านคงอยู่ไม่ไกลจากเรานี่แหละ”

“จริงซี แม่เฝ้ามองฉันอยู่ แม่อยู่กับฉันตลอด”

รุ้งระวียิ้มออกมาได้

“รู้สึกดีขึ้นแล้วใช่ไหม”

“ค่ะ แต่...ทูนคะ ฉันจะทำยังไงเรื่องสัญญากับนายอิทธิ” รุ้งระวีนึกกังวลขึ้นมาอีก

ทูนอินทร์หน้าเสียลุกเดินออกมาที่ระเบียง รุ้งระวีตามมาแล้วกอดหลังทูนอินทร์ไว้

“โกรธฉันใช่ไหม ที่ฉันเซ็นสัญญากับนายอิทธิ”

“ไม่ได้โกรธที่คุณตัดสินใจอย่างนั้น ผมเข้าใจว่าคุณทำเพื่อแม่ แต่เสียใจที่คุณไม่ปรึกษาผมก่อน”

ฉันกลัวว่าคุณจะห้ามฉัน แล้วฉันก็จะช่วยแม่ไม่ได้ เพราะเงินเป็นล้าน”

“รุ้ง...นึกเหรอกว่าเงินแค่ล้านเดียว ผมจะช่วยคุณไม่ได้ สิบล้านหรือร้อยล้านผมให้คุณได้ทั้งนั้น”

“รู้ค่ะ รู้ว่าคุณช่วยฉันได้และยินดีช่วย ยิ่งคุณเต็มใจช่วยมากเท่าไหร่ ฉันก็รู้สึกผิดมากเท่านั้นที่จะต้องรบกวนคุณ”

“พูดเหมือนเราไม่ใช่คนรักกัน ทุกอย่างที่เป็นของผม มันคือของคุณ”

“ฉันขอโทษ” รุ้งระวีสะอื้น

“ไม่ร้องนะ ไม่ร้อง เรื่องนายอิทธิไม่ต้องห่วง เราจะเข้าไปเจรจากับเขาเอง ยังไงถือว่าเงินล้านเขาก็ยังไม่ได้จ่ายรุ้ง เราจะเลิกสัญญาให้หมด” ทูนอินทร์ดึงรุ้งระวีมากอด

“ช่วยฉันนะคะ รวมทั้งเรื่องแม่ด้วย เราจะตามท่านให้เจอนะคะ”

“ครับ...ผมจะตามท่านให้เจอให้ได้ ผมสัญญา ไปนอนเถอะ” ทูนอินทร์ประคองรุ้งระวีกลับไปนอนที่เตียงแล้วดึงผ้ามาห่มให้ ทั้งสองสบสายตากันนิ่งนาน ทูนอินทร์จูบเบาๆที่หน้าผากของรุ้งระวีแล้วจะลุกออกไป แต่รุ้งระวีเรียกไว้ เธอดึงให้ทูนอินทร์นอนลงพลางซบหน้ากับอกของชายหนุ่ม

ooooooo

จ๊ะจ๋านึกได้ว่า ต้องมารับชุดของฟ้าใสไปส่งซักแห้ง จึงขอให้อินทรไปส่งเธอที่คอนโดฯของฟ้าใสก่อน มะปรางที่นั่งมาในรถด้วยมองจ๊ะจ๋าอย่างไม่ชอบใจนัก ขณะที่อินทรกลับรถตรงไปที่คอนโดฯของฟ้าใส

ด้านฟ้าใสและคำรณ เร่งช่วยกันลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ออกมาจากห้องแล้วตรงมาที่ลิฟต์ ครู่ต่อมาทั้งสองก็มาถึงลานจอดรถและช่วยกันแบกกระเป๋าที่มีศพของผกาอยู่ข้างในเข้าในรถ แต่ซิปเลื่อนออกมาทำให้มือของผกาที่เริ่มแข็งทื่อพรวดออกมาตรงหน้าฟ้าใสพอดี

ฟ้าใสตกใจร้องกรี๊ดลั่นทำกระเป๋าร่วงลงพื้น คำรณ

ตะครุบปากฟ้าใส เพราะกลัวคนในคอนโดฯได้ยินแล้วรีบยัดมือของผกากลับลงไปในกระเป๋าและพยายามรูดซิปปิด แต่ไม่สำเร็จเพราะติดนิ้วมือที่โผล่ออกมา คำรณเรียกให้ฟ้าใสไปช่วย

“เดี๋ยว ฉันจะอ้วก” ฟ้าใสสูดลมหายใจ พยายามควบคุมสติ แล้วช่วยนายคำยกกระเป๋าอีกครั้ง คราวนี้แบกมาวางบนรถได้สำเร็จ แล้วเสียงจ๊ะจ๋าก็ดังขึ้น

“พี่ฟ้า ทำอะไรคะ”

“ว้าย” ฟ้าใสหันขวับมา เห็นจ๊ะจ๋ายืนยิ้มอยู่ แต่คำรณไม่ยอมหันมา เขารีบดึงหมวกปิดหน้าทันที อินทรกับมะปรางที่นั่งรออยู่ในรถมองมาอย่างสงสัย เพราะผู้ชายที่ยืนอยู่กับฟ้าใสดูคล้ายคนขับรถของเจ๊จวงมาก

ส่วนฟ้าใสเมื่อตั้งสติได้ก็รีบถามจ๊ะจ๋าว่ามาทำไม จ๊ะจ๋าว่า จะมารับชุดไปส่งซักแห้ง

“วันนี้ไม่ต้อง เดี๋ยวฉันไม่อยู่แล้ว ค่อยมาเอาวันอื่น ไป กลับไปได้แล้ว”

“ค่ะ ค่ะ” จ๊ะจ๋าเป็นงง แล้วหันไปมองคำรณอย่างสงสัย แต่เมื่อเห็นสายตาฟ้าใสที่มองมา ก็ต้องตัดใจถอยกลับไปหาอินทรกับมะปรางที่รออยู่

ฟ้าใสมองตามแล้วกระซิบบอกคำรณว่า อย่าหันมาเพราะสงสัยว่าอินทรจะอยู่ในรถที่มาส่งจ๊ะจ๋า
“ขึ้นรถดีกว่าครับ ผมขับให้” คำรณสั่งแล้วเดินแยกไปนั่งที่คนขับ

รถของฟ้าใสแล่นออกไป จุดหมายคือป่าช้าร้าง

ที่คำรณนำศพมาฝังไว้หลายศพแล้ว และผกาก็จะเป็นศพต่อไป

ด้านอินทรกับมะปรางที่รออยู่เอ่ยถามจ๊ะจ๋าว่า ผู้ชายที่อยู่กับฟ้าใสเป็นใคร เพราะท่าทางคล้ายกับคนขับรถเจ๊จวง แต่จ๊ะจ๋าว่าเธอไม่รู้จักและคงไม่ใช่คนขับรถของเจ๊จวงด้วย อินทรกับมะปรางมองหน้ากันแล้วลงความเห็นว่าคงมองคนผิดไป

วันรุ่งขึ้น ทูนอินทร์พารุ้งระวีไปพบอิทธิที่บริษัท เพื่อขอยกเลิกสัญญาแต่อิทธิไม่ยอม ทูนอินทร์ขู่จะเอาคลิปฉาวมาแฉให้สื่อดู แต่อิทธิโต้กลับอย่างไม่กลัว

“คิดแล้วว่าต้องใช้ไม้นี้มาขู่กัน เปิดเผยไปเลย ผมยินดีเพราะผมไม่ได้เสี่ยงคนเดียว ยังมีชื่อเสียงของรุ้งที่ต้องเสี่ยงไปพร้อมๆกับผมด้วย เพราะถ้าแฉเรื่องคลิปฉาว ผมก็จะเอาข้อมูลเรื่องยายผกาแม่ปลอม

ออกมาแฉกับสื่อเหมือนกัน แล้วลองคิดดูว่า ถ้าข่าวถูกบิดเบือนไปทำนองว่า ยายผกาคือแม่ตัวจริงที่ปัจจุบันเป็นสิบแปดมงกุฎล่ะ ยังไม่นับที่ขายตัวสมัยสาวๆ

ด้วยนะ ที่กลับมาหารุ้งเพื่อปอกลอกเงินนับล้านๆแล้วก็ทำสำเร็จเสียด้วย”

“คุณออกข่าวอย่างนั้นไม่ได้นะคุณอิทธิ คุณกำลังทำลายแม่ฉัน” รุ้งระวีหน้าเจื่อน

“ช่วยไม่ได้ ทางคุณขู่ผมก่อน ผมจำเป็นต้องทำ เอาเลย กล้าแฉก็ทำเลย ต่างคนต่างแฉ รับรองงานนี้สนุกกันทั้งสองฝ่าย”

“ไอ้ทุเรศ” ทูนอินทร์เข้าไปกระชากคอเสื้อของอิทธิแล้วชกโครม

“ไอ้คม ไอ้เดช สั่งสอนมัน” อิทธิเรียกหาลูกน้อง

คมกับเดชเปิดประตูเข้ามาแล้วรุมเล่นงานทูนอินทร์

“อย่านะ หยุด อย่าทำอะไรเขา” รุ้งระวีจะเข้าไปช่วย แต่อิทธิดึงไว้แล้วผลักไปอยู่มุมห้องก่อนเดินเข้ามาตะคอกใส่หน้าทูนอินทร์ที่เลือดกบปาก

“จำไว้ แกจะมาข่มขู่ฉันอย่างแต่ก่อนไม่ได้ จากนี้ไปอีกหนึ่งปี รุ้งเป็นของฉัน แกไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวรุ้ง ไม่มีสิทธิ์แม้แต่เหยียบเข้ามาในบริษัทนี้ ลากมันออกไป”

คมและเดชลากทูนอินทร์ที่หมดสภาพออกไปจากห้อง

“ได้ ฉันจะอยู่รับใช้คุณอีกหนึ่งปี แต่อย่าหวังนะว่าฉันจะยอมทำทุกอย่างให้คุณ ตัวฉันอยู่ที่นี่ก็จริง แต่ใจฉัน อยู่ที่ค่ายเพลงของคุณทูน” รุ้งระวีมองอิทธิอย่างแค้นใจ

ooooooo

รุ้งระวีเดินหนีออกมาจากห้อง อิทธิตามรั้งตัวไว้แล้วพูดใส่ไฟ

“รู้ตัวหรือเปล่า ว่าคุณกำลังโดนมันหลอก มันให้คุณเข้าสังกัดมัน เพราะคุณเป็นตัวขายอยู่ตอนนี้ เพราะคุณจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้ค่ายเพลงกระจอกของมันขึ้นมาเป็นเท่าตัว”

“ดีซี ฉันก็ยินดีให้เขาหลอก”

“ไม่เท่านั้นหรอก มันกำลังใช้เรื่องแม่ทางโทรศัพท์มาหลอกคุณด้วย”

“แล้วเขาจะหลอกอะไรฉันไม่ทราบ”

“คิดให้ลึกหน่อยซีครับ ยิ่งสร้างความหวังว่าแม่คุณยังอยู่มากเท่าไหร่ คุณก็หลงเชื่อมันและยอมทำงานให้มันมากขึ้นเท่านั้น”

“อ้อ...งั้นก็คงเป็นวิธีการเดียวกับที่คุณหลอกใช้ฉันทำงานน่ะซี แหม...มีแต่คนลวงทั้งนั้นวงการนี้ แต่เอาเป็นว่า ฉันยอมเชื่อคุณทูนมากกว่าคุณ แล้วจะบอกไว้ล่วงหน้าจะได้ทำใจได้ ฉันจะไปร่วมงานเปิดค่ายเพลงของคุณทูนที่สระบุรี ในฐานะศิลปินประจำค่าย อย่าห้ามฉันนะคะเพราะคุณไม่มีสิทธิ์” รุ้งระวีสะบัดตัวเดินออกไป สวนกับคมและเดชที่เดินเข้ามา เธอตบหน้าทั้งคู่เป็นการสั่งสอน

สองสมุนยืนอึ้ง แล้วหันมาฟ้องอิทธิว่ารุ้งระวีเล่นแรง อิทธิยืนแค้นถามถึงทูนอินทร์

“โยนมันออกไปนอกออฟฟิศแล้วครับ” เดชตอบ

“นายครับ เรื่องแม่คุณรุ้งที่ให้ผมออกตามหา ได้มาแล้วคนหนึ่งใกล้เคียงกับยายแสงหล้ามาก ตกแต่งหน้าอีกนิดเดียวก็น่าเชื่อครับว่าเป็นคนเดียวกัน” คมรายงาน

“ดี ได้รูปเมื่อไหร่”

“กำลังเอามาส่งนี่ละครับ”

“เฮ้ย...เข้าไปคุยกันในห้อง” อิทธิเดินนำลูกน้องกลับเข้าห้องทำงาน แล้วมอบหมายงานใหม่ให้ทำนั่นคือหามือปืนแม่นๆมายิงสั่งสอนทูนอินทร์

“นายสั่งมาเลย ที่ไหน เมื่อไหร่ จัดให้ครับ” คมกับเดชพยักหน้ารับ

เสียงเคาะประตูดังขึ้น เดชออกไปเปิด รปภ.ส่งเอกสารใส่ซองผนึกอย่างดีให้แล้วเดินออกไป

“มาแล้วครับนาย” เดชเปิดซองออกส่งรูปข้างในให้อิทธิดู

“นี่น่ะเหรอ ยายแสงหล้า แม่รุ้ง ใกล้เคียงมาก ยายแสงหล้าแก่ตัว หน้าก็คงเป็นแบบนี้แหละ ไปหามาจากไหนวะ”

“แทบพลิกแผ่นดินเหมือนกันครับนาย อีกอย่างประวัตินั่นก็ของแท้ ถ้าคุณรุ้งจะสืบประวัติก็ไม่มีทางจับผิดเราได้ นายอ่านประวัติดูซีครับ ตอนท้ายน่ะ” คมนำเสนอ

อิทธิไล่สายตาลงไปที่ข้อความท้าย แล้วหัวเราะออกมามั่นใจว่า แผนนี้ต้องสำเร็จแน่

รุ้งระวีพาทูนอินทร์ที่หน้าตาบวมช้ำกลับมาที่บ้าน เธอเดินไปหยิบน้ำมาให้ชายหนุ่มดื่มหวังจะให้หายเครียด แต่ทูนอินทร์กลับเอ่ยถาม

“รุ้ง...คุณจะยอมนายอิทธิเหรอครับ”

“เราไม่มีทางเลือกนี่คะ”

“มีซีครับ ถ้ามันใส่ความเรื่องแม่คุณ เราก็บอกความจริงกับสื่อไปเลยว่านายอิทธิสร้างเรื่องขึ้น แล้วเอาคลิปของมันออกสื่อ งานนี้มันแพ้เราอยู่แล้ว”

“ฉันไม่อยากทำแบบนั้น เราแก้ข่าวไม่ได้หรอกค่ะว่ายายผกาเป็นแม่ปลอม ตราบใดที่เรายังจับตัวยายผกามาสารภาพไม่ได้ อีกอย่างแม่แสงของรุ้งจะรู้สึกยังไงถ้ารู้ข่าวร้ายๆแบบนั้น ท่านคงเสียใจมาก”

“งานนี้เราแพ้เหรอครับ”

“ไม่หรอกค่ะ แค่ปีเดียวเท่านั้นเองนะคะคุณทูน แค่ปีเดียว รุ้งก็เป็นอิสระแล้ว” รุ้งระวีจับมือทูนอินทร์มาจุมพิต

ทูนอินทร์ดึงมือกลับลุกเดินออกมา “หนึ่งปี หรือแค่ครึ่งปี มันยาวนานเหลือเกินสำหรับผม นานเหลือเกินที่รอคอยให้รุ้งมาร้องเพลงให้ผม ร้องเพลงร่วมกับผม”

“ทูนคะ มันไม่นานเกินไปหรอก” รุ้งระวีเข้ามากอดหลังทูนอินทร์

“ผมไม่แน่ใจแล้ว” ทูนอินทร์น้ำตารื้น

“ไม่แน่ใจอะไร”

“คุณคือทุกอย่างในชีวิตผม แต่ผม...ใช่ทุกอย่าง

ในชีวิตคุณรึเปล่า”

“ทำไมพูดอย่างนั้น คุณคือทุกอย่างในชีวิตฉัน”

“เหรอครับ...แต่เมื่อมีปัญหา คุณกลับเลือกไปขอความช่วยเหลือนายอิทธิ แทนที่จะเป็นผม ในเมื่อเรารักกันต้องเกรงใจอะไรกันอีก”

“แต่ยิ่งรักก็ยิ่งต้องเกรงใจ”

“นั่นแสดงว่า เรารักกันแต่ยังไม่รู้จักกันมากพอ”

“ไม่จริง ไม่ใช่อย่างนั้น”

“จริงซี เหมือนที่คุณสงสัยว่าผมไม่บอกคุณทุกอย่าง โดยเฉพาะเรื่องฟ้าใส คุณคิดว่าผมโกหกคุณ รู้ไหมครับ มันคือการกล่าวหาที่เจ็บปวดที่สุด เพราะมันออกมาจากปากคนที่ผมรักและเชื่อใจที่สุด”

“รุ้งเสียใจ รุ้งขอโทษ” รุ้งระวีปล่อยโฮแล้วกอดทูนอินทร์ไว้แน่น

“ขอเวลาผมสักพักเถอะนะรุ้ง เราห่างกันสักพัก

ให้ผมทบทวนทุกอย่างอีกครั้ง ถ้าเรายืนห่างกันสักหน่อย เราอาจเห็นตัวตนที่แท้จริงของกันและกันมากขึ้นก็ได้” ทูนอินทร์ผละออกมา

“ไม่...อย่าทำแบบนี้” รุ้งระวีนํ้าตาร่วง

ทูนอินทร์ยิ้มทั้งนํ้าตา เอื้อมมือมาเช็ดนํ้าตาให้รุ้งระวี พลางเอ่ยลา  “บางครั้งระยะห่างและเวลาอาจจะเยียวยาความรักของเราก็ได้นะรุ้ง” ทูนอินทร์เดินจากไป

รุ้งระวีวิ่งเข้ามากอดหลังทูนอินทร์อีกครั้ง ทูนอินทร์สะอื้นปลดแขนของรุ้งออกโดยไม่หันมา แล้วรีบผละไปทั้งนํ้าตา ทิ้งให้รุ้งระวียืนร้องไห้อยู่เพียงลำพัง

ooooooo

คมกับเดชนำเรื่องอิทธิวานให้หามือปืนไปยิงสั่งสอนทูนอินทร์มาปรึกษากับคำรณ คำรณตาวาวอาสาจัดการให้เอง เพราะอยากล้างแค้นมานานแล้ว คมกับเดชมอบหมายให้คำรณไปจัดการ
บ่ายวันเดียวกันนั้นอินทรเข้ามาปรึกษาจ๊ะจ๋าที่กำลังซ้อมร้องเพลงเรื่องมะปราง เพราะแอบรักเธออยู่และอยากรู้ว่าเธอคิดยังไงกับเขา

“คุณทรจีบยายปรางเหรอ” จ๊ะจ๋าหน้าสลดไปนิด

“ครับ ผมจีบอยู่ แต่เขาไม่สนใจผมเลยผมควรจะทำยังไงดี อยากรู้ว่าเขาคิดยังไงกับผม จ๊ะจ๋าช่วยถามเขาหน่อยได้ไหม” อินทรขอร้อง

จ๊ะจ๋านิ่งคิดแล้วชวนอินทรเล่นเกมลองใจมะปราง ด้วยการแกล้งทำทีเป็นจีบเธอ เพราะถ้ามะปรางมีใจให้อินทร เธอต้องหึงสุดชีวิต

อินทรเห็นดีด้วยยอมทำตามแผนของจ๊ะจ๋า จ๊ะจ๋าคลายยิ้มบอกตัวเองว่า อกหักอีกแล้ว

วันต่อมา ทูนอินทร์กับอินทรมาประชุมกับเมธ บักหนาน และบักคูนถึงเรื่องงานเปิดตัวค่ายเพลงรุ้งกิน–น้ำ เมธว่า จะให้พี่แดงกับอาต้อยร่วมหุ้นด้วย เพื่อเปิดทางธุรกิจ ทูนอินทร์ที่นั่งใจลอย
บอกว่า แล้วแต่เมธ

บักหนานกับบักคูนเห็นเจ้านายดูเศร้าสร้อยจึงชวนคุยเรื่องเพลงเปิดตัว เพราะจะให้ทูนอินทร์กับรุ้ง–ระวีขึ้นไปร้องเพลงต้มยำลำซิ่งด้วยกัน แล้วสองคู่ก็ช่วยกันร้องและเต้นเพลงต้มยำลำซิ่งเพื่อเรียกเสียงฮา

แต่ทูนอินทร์กลับปวดใจที่ได้ฟัง เขารีบลุกออกไป บักหนานบักคูนมองตาค้าง ถามอินทรว่าเจ้านายเป็นอะไร

“พี่...ไม่รู้หรอกเหรอ ว่างานนี้พี่ทูนกับรุ้งเขาไม่ร้องด้วยกันแล้ว และยังไม่รู้เลยว่ารุ้งเขาจะมาร่วมงานด้วยรึเปล่า”

“มีอะไรกันเหรอ” บักหนานกับบักคูนยังงง

“เอาเป็นว่าจะไม่มีเพลง ต้มยำลำซิ่ง โชว์ในงานแล้วก็จะไม่มีทุกเพลงที่พี่ทูนแต่งไว้สำหรับพี่รุ้งในอัลบั้มใหม่ด้วย” เมธสรุปสั้นๆ

บักหนานและบักคูนฟังแล้วยิ่งงงหนัก

ส่วนทูนอินทร์ออกมานั่งสงบสติอารมณ์อยู่หน้าร้าน

ต้มแซบ ส้มป่อยถือของว่างเป็นไส้กรอกอีสานฝีมือ

แสงหล้ามายื่นให้ พลางคะยั้นคะยอให้ลองชิมเพราะกลัวคนทำเสียใจ

“ใครทำเหรอ” ทูนอินทร์มองหา

ส้มป่อยหันไปกวักมือเรียก แสงหล้าค่อยๆโผล่ออกมา

“อ้าว ป้าน่ะเอง ตกลงป้าอยู่ที่นี่เลยใช่ไหม” ทูนอินทร์ทัก

“ค่ะ คุณเมธรักษาป้าจนหายดีแล้ว ป้าเลยขออยู่ที่นี่ ตอนนี้ป้าช่วยทำกับข้าวในครัวค่ะ”

“ฝีมือป้า แซบเว่อร์ทุกอย่างเลยค่ะ ไส้กรอกนี่ป้าเขาก็ทำเองนะ ลองชิมดูซีคะ” ส้มป่อยชวนทูนอินทร์ลองทานดูแล้วเอ่ยปากชมเพราะแซบจริงๆ

“ของอีสาน ป้าทำแซบทุกอย่างเลยค่ะนาย นายเมธเลยจ้างอยู่ประจำร้านเลยค่ะ”

“ดีครับ อยู่ด้วยกันเหมือนญาตินะครับป้า”ทูนอินทร์ยิ้มให้

“ขอบคุณค่ะ” แสงหล้าตอบแล้วหันไปพยักพเยิดกับส้มป่อย

“คืองี้ค่ะ ป้าเขาเป็นแฟนเพลงของพี่รุ้งระวีค่ะ เห็นว่าเป็นคนรู้ใจของนายทูน ป้าเขาเลยอยากตามกระแสข่าว ก็อซซิปสตาร์ทาเล้นท์” ส้มป่อยเข้าเรื่อง

“รุ้ง...ก็ดีครับ แล้วเจอผมจะขอลายเซ็นมาให้” ทูนอินทร์เศร้า

“ขอบคุณค่ะ เออ แล้วเรื่องแม่เขาล่ะคะ เขาได้พบแม่เขาแล้วเป็นยังไงบ้าง” แสงหล้าซักอย่างเกรงๆ

“ที่จริง เรื่องแม่เป็นเรื่องเข้าใจผิดนะครับ ตอนนี้แม่คนนั้นเขาก็จากไปแล้ว ไม่มายุ่งกับรุ้งอีกแล้ว”

“เหรอคะ ค่ะ ป้าขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ”

แสงหล้าจะกลับไป

ทูนอินทร์มองตามแล้วเปรยว่า เสียงของนางฟังคุ้นเหมือนเคยได้ยินที่ไหน แสงหล้าตกใจกลัวทูนอินทร์จำได้รีบขอตัว

ooooooo

ขณะที่ทูนอินทร์ขอเวลาคิดทบทวนเรื่องรุ้งระวีอยู่นั้น ฟ้าใสก็เดินหน้าแผนการทำให้ทูนอินทร์กับรุ้งระวีต้องผิดใจกันมากขึ้น

เธอเข้าไปอ้อนขอเสี่ยดำรงไปร่วมงานเปิดตัวค่ายเพลงของทูนอินทร์ในวันพรุ่งนี้ โดยอ้างว่าจะช่วยดึงเมธกับทูนอินทร์มาเข้าสังกัดของเสี่ยให้ได้

เสี่ยดำรงยอมอนุญาตแต่มีเงื่อนไขว่า ฟ้าใสจะ ไม่ก่อเรื่องอย่างที่ผ่านมาอีก ฟ้าใสรีบให้สัญญาแล้วแอบ ยิ้มเยาะ

เช้าวันใหม่ ฟ้าใสมาหาทูนอินทร์ที่บ้านและถือวิสาสะเข้าไปในห้องทำงานของเขา ทูนอินทร์ที่กำลังฟังเพลงแบ็กกิ้งแทร็กของต้มยำลำซิ่ง หันมาเห็นก็ตกใจรีบเปิดเพลงแล้วหันมาต่อว่า
“เข้ามาได้ยังไง บ้านผมไม่ใช่ที่สาธารณะที่คุณจะเข้ามาเดินเล่นนะ”

“วันนี้วันเปิดตัวค่ายเพลงรุ้งกินน้ำของคุณ ฟ้าก็อยากมาแสดงความยินดีกับคุณทูนนี่คะ แสดงความยินดีอย่างใกล้ชิด” พลางโผเข้ากอด

“คุณกลับไปเดี๋ยวนี้เลย บอกแล้วไงผมไม่ต้อนรับ” ทูนอินทร์เบี่ยงตัวหนี

“เฮ้อ...ต้อนรับอยู่คนเดียว แม่รุ้งระวี โถ ฟ้าไม่อยากจะบอกหรอกนะคะว่าแม่นี่เอาเข้าจริงก็ไม่ได้จริงใจกับคุณสักเท่าไหร่หรอก เพราะถ้าดีจริงทำไมเธอก็ยอมทิ้งค่ายเพลงของคุณไปเซ็นกับนายอิทธิอีกตั้งหนึ่งปีล่ะคะ”

“เธอรู้เรื่องนี้ได้ยังไง นายอิทธิโทร.ไปบอกเหรอ”

“อย่าถามเลยค่ะ ฟ้ารู้ก็แล้วกัน เอาละ ไม่ต้อนรับฟ้ากลับก็ได้” ฟ้าใสจะออกไป แต่ทูนอินทร์เรียกไว้

“เดี๋ยว...ฉันอยากให้เธอมาดูอะไรบางอย่าง บางทีเธออาจจะตัดสินใจได้”

ทูนอินทร์เดินนำฟ้าใสไปที่ห้องนอนแล้วหยิบซองรูปถ่ายที่จะใช้เป็นหลักฐานฟ้องหย่าออกมาให้ดู เพราะหวังจะให้ฟ้าใสยอมเซ็นใบหย่าโดยดี

ฟ้าใสไม่ยอม เธอพยายามเล่นละครเพื่อถ่วงเวลาและบังเอิญว่ารุ้งระวีแวะมาที่บ้านพอดี เพราะจะมาปรับความเข้าใจกับทูนอินทร์

ฟ้าใสมองเห็นรุ้งระวีสะท้อนในกระจกเงาพอดี เธอคิดแผนได้รีบเดินมาออดอ้อนทูนอินทร์

“ฟ้าขอโทษเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมด เราควรจะจากกันด้วยดีใช่ไหมคะ งั้นกอดฟ้าหน่อยเถอะค่ะ ถือว่าเป็นการกอดลาครั้งสุดท้าย” ฟ้าใสโผเข้ากอดทูนแนบแน่นแล้วซบหน้ากับไหล่ของชายหนุ่ม
รุ้งระวีตะลึงงันกับภาพที่เห็นแต่ไม่รู้ว่าทั้งคู่คุยอะไรกันเพราะอยู่ไกล

“กอดลาฟ้าซีคะ เราจะต้องจากกันแล้ว” ฟ้าใส วิงวอน

ทูนอินทร์หลงกลยอมยกแขนขึ้นโอบร่างของฟ้าใสไว้

รุ้งระวีแทบหัวใจสลายที่เห็นทูนอินทร์โอบร่างฟ้าใสอย่างคนรัก เธอค่อยๆถอยออกไปเงียบๆ ส่วนฟ้าใสส่งยิ้มพอใจกับแผนร้าย

“เธอกลับไปได้แล้ว แล้วเรานัดกันอีกที เรื่องเซ็นใบหย่า” ทูนอินทร์ดันฟ้าใสออกไป

“ค่ะ” ฟ้าใสยิ้มรับ แล้วรีบออกจากห้องไป

ooooooo

ฟ้าใสเดินมาถึงหน้าบ้านเห็นรถของรุ้งระวีแล่นทะยานอกไป เธอสะใจมากรีบวิ่งขึ้นรถแล้วขับตามไปเย้ยรุ่งระวี ที่จอดรถลงมาอาเจียนอยู่ข้างทาง

“เครียดถึงขั้นอาเจียนเลยเหรอจ๊ะ”

“ตามฉันมาทำไม”

“มาดูอาการของเธอน่ะซี ว่าพอได้พบความจริงแล้วเธอจะรู้สึกยังไง”

“ความจริงอะไร มันแค่ละครหน้าฉากที่เธอเล่นตบตาฉันเท่านั้น”

“เหรอจ๊ะ แหม ถ้าเป็นละครตบตาแล้วทำไมคุณทูนเขาร่วมเล่นกับฉันด้วยล่ะ ก็เห็นกะตานี่ว่าเขากอดฉันเสียแน่นเชียว เอาละนี่คือความจริงที่เธอต้องยอมรับให้หายโง่เสียที ฉันกับคุณทูนถึงจะเลิกรากันไปแล้ว แต่เขาไม่เคยลืมฉัน ทุกครั้งที่ฉันกลับมาหาเขา เราจะรื้อฟื้นความหลังกันตลอดและมักจะจบกันบนเตียงได้ทุกครั้ง”

“หยุด ไม่ต้องเล่า ฉันไม่อยากฟัง แล้วฉันก็ไม่เชื่อเธอด้วย คุณทูนเขาเกลียดเธอยิ่งกว่ากิ้งกือไส้เดือน”

“หึหึ เขาบอกเธออย่างนั้นเหรอ มันก็เป็นข้อแก้ตัวเพื่อให้เธอตายใจไง”

รุ้งระวีไม่อยากฟังจะเดินจะกลับไปที่รถ แต่ฟ้าใสกระชากมือไว้

“จะไปไหนล่ะ มีความจริงอีกหลายเรื่องที่เธอ

ควรรู้ ลองนึกดูดีๆว่าทำไมเขาต้องมาจีบหล่อน เห็นว่าเข้ามาช่วยเหลือตั้งแต่แรก ทั้งๆที่ยังไม่ได้รู้จักกันเลยด้วยซ้ำ”

“เพราะเขารักฉัน เขารักเสียงร้องของฉัน นี่คือคำตอบ”

“แล้วทำไมมันเหมือนเรื่องของฉันจังเลยล่ะรุ้งระวี เพราะเขารักเสียงร้องของฉันเหมือนกัน แล้วเขาก็พยายามจะให้ฉันร้องเพลงที่เขาแต่งให้ได้ เขาขอแต่งงานกับฉัน เพื่อให้ฉันเป็นนักร้องในสังกัดของเขาหรือพูดอีกที เป็นนักร้องร่วมชีวิตกับเขา เหมือนเธออีกไหม นั่นหมายความว่า ฉันคือตัวต้นแบบเธอน่ะมันแค่ตัวสำเนา”

“ไม่เข้าใจ”

“เขาไม่เคยลืมความรักที่มีกับฉันไงล่ะ เขาได้ยินเสียงร้องของเธอ ซึ่งละม้ายฉันเหลือเกิน เขาจึงมาหาเธอ กำหนดให้เธอเลียนแบบฉันทุกอย่าง เป็นตัวสำเนาเพื่อแทนตัวฉันที่เขาไม่เคยลืม เขาสารภาพกับฉันแล้ว เขาไม่ได้รักเธอแม้แต่นิด เขารักฉันต่างหาก ส่วนเธอเป็นเพียงแค่ภาพเงาลางๆที่เขาพยายามก๊อบปี้ให้เหมือนฉันเท่านั้นเอง นี่ฉันเตือนเธอด้วยความหวังดีน่ะ”
“เก็บความหวังดีของเธอไว้เถอะ เพราะความหวังดีของเธอ มันเป็นยาพิษล้วนๆ” รุ้งระวีทำแกร่งเดินหนีกลับไปที่รถ

“รุ้งระวีลองนึกภาพเอาก็แล้วกันนะ รุ้งน่ะมันเกิดตอนฟ้าหลังฝน ชั่วประเดี๋ยวเดียวมันก็เลือนหายไป แต่สิ่งที่อยู่คู่โลกมันคือฟ้าใสกระจ่างไม่ใช่เหรอจ๊ะ” ฟ้าใสตามมาเย้ยหยัน

รุ้งระวีมองฟ้าใสอย่างเจ็บปวด ก่อนจะสตาร์ตรถแล่นจากไป แต่ถ้อยคำเย้ยหยันของฟ้าใสยังคงดังก้องอยู่ในหัว

“ไม่จริง ไม่จริง” รุ้งระวีสะอื้นคิดถึงภาพอดีตวันที่ถูกทูนอินทร์ตัดพ้อ เธอไม่อาจขับรถต่อได้ จึงจอดรถร้องไห้อยู่ข้างทาง

เวลาเดียวกันนั้นฟ้าใสก็โทร.ตามอิทธิให้มาที่สระบุรี เพื่อช่วยทำลายความรักของรุ้งระวีกับทูนอินทร์

“เล่ามาก่อนว่าจะทำลายยังไง ถ้าเข้าทาง ผมจะบึ่งรถไปเดี๋ยวนี้”

“รีบบึ่งมาเลยค่ะ แผนนี้ควรจะจัดการก่อนที่งาน เลี้ยงเปิดค่าย รุ้งกินนํ้า จะเริ่มในคืนนี้” ฟ้าใสเริ่มอธิบาย แผนการ

อิทธิฟังแล้วยิ้มได้รีบทำตามแผนทันที

ส่วนทูนอินทร์ที่ยังไม่รู้เรื่องราวอะไรเลย เขามาที่ร้านต้มแซบและถามหารุ้งระวีกับเจ๊จี่หอยที่คุยอยู่กับ

บักหนานและบักคูณ

เจ๊จี่หอยว่า รุ้งระวีเลยไปหาทูนอินทร์ที่บ้านแต่ทำไมไม่เจอกัน

“ชักแปลกๆ” ทูนอินทร์กดมือถือหารุ้งระวี แต่เหมือนปิดเครื่อง

“พี่ทูนครับ พี่เมธให้ไปฟังเพลงเปิดงานหน่อยครับ” อินทรเข้ามาตาม

“พี่หอยช่วยตามรุ้งหน่อยนะครับ ผมทำธุระก่อน” ทูนอินทร์บอกกับเจ๊แล้วเดินแยกไป

ooooooo

คํ่าแล้ว สนามหน้าร้านต้มแซบถูกแต่งด้วย ดอกไม้และป้ายรุ้งกินนํ้าทำเป็นสายรุ้งสีสวยงาม แขกทยอยมาร่วมงาน แสงหล้าใส่แว่นแอบมาชะเง้อมองหารุ้งระวีแต่ไม่เจอ  เพราะรุ้งระวีหลบไปนั่งทำใจอยู่หน้า ล็อบบี้ในโรงแรมแห่งหนึ่ง

“ทำไมมานั่งอยู่คนเดียวแบบนี้ละครับ” อิทธิเข้ามาทัก

“คุณอิทธิ คุณมาสระบุรีทำไม” รุ้งระวีแปลกใจ

“เป็นห่วงคุณน่ะสิ เจ๊หอยบอกว่าคุณไม่ได้ไปที่ร้านต้มแซบ มือถือก็ติดต่อไม่ได้”

“แล้วรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่นี่”

“โรงแรมในคอนเน็กชั่นของบริษัทนี่ครับ มีปัญหาอะไรรึเปล่า”

“ไม่มีค่ะ โทษนะคะคุณอิท ฉันอยากอยู่คนเดียว”

“ตอนนี้อย่าเพิ่งอยู่คนเดียวเลยครับ เพราะผมมีเรื่องสำคัญอยากจะบอกคุณ”

“ว่ามาเลยค่ะ ขอสั้นๆ เพราะฉันจะไปแล้ว” รุ้งระวีลุกขึ้น

“เรื่องแม่คุณ” อิทธิเสียงเข้ม

รุ้งระวีชะงักกึกแล้วทรุดตัวลงนั่งอย่างช้าๆ อิทธิลอบยิ้มก่อนเข้าแผน

ส่วนที่ร้านต้มแซบ แขกในงานช่วยกันนับถอยหลังเพื่อให้ทูนอินทร์เปิดขวดแชมเปญ

“ห้า สี่ สาม สอง หนึ่ง” ทูนอินทร์ปล่อยจุกคอร์ค แชมเปญระเบิด น้ำจากขวดกระจายฟูฟ่อง ทุกคนปรบมือ

“เอาละครับ ได้ฤกษ์เปิดงานแล้ว วันนี้ผม ทูน พี่แดง อาต้อย มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เราได้สร้างฝันของเราให้เป็นจริงเสียที เรามีค่ายเพลงของเราแล้วครับ ค่ายเพลงชื่อเพราะเหลือเกินรุ้งกินน้ำครับ” เมธผายมือไปที่ป้าย ทุกคนเฮรับ

“พี่แดง อาต้อย เชิญให้โอวาทหน่อยครับ” เมธเชิญ

พี่แดงกับอาต้อยขึ้นไปร่วมพูดคุย เล่าเรื่องความฝันของพี่เมธที่อยากสร้างค่ายเพลงเพื่อศิลปินที่ไร้โอกาสทั้งหลาย ทูนอินทร์เดินแยกออกมาถามหารุ้งระวีกับเจ๊จี่หอย เจ๊ว่ายังติดต่อไม่ได้เลย

“เอ...ยังไง ประสบอุบัติเหตุอะไรรึเปล่า” ทูนอินทร์นึกห่วง

ด้านรุ้งระวี เธอยังนั่งคุยเรื่องแม่อยู่กับอิทธิที่ล็อบบี้โรงแรม อิทธิส่งภาพของสาวใหญ่หน้าตาทรุดโทรมดูคล้ายแสงหล้าให้รุ้งระวีดู และมีฉากเบื้องหลังเป็นวัดเก่าๆ

“นี่รูปแม่ฉันเหรอ” รุ้งระวีเพ่งมอง

“ผมไม่แน่ใจ แต่นักสืบที่สืบเรื่องอยู่ บอกว่าน่าจะใช่ รูปที่ถ่ายนี่เมื่อสามสี่ปีที่แล้ว”

“วัดที่ไหนคะ”

“วัดคำสิงห์ อยู่ที่แพร่ แต่เท่าที่รู้เธอสุขภาพไม่ดีนักอยู่ในอุปการะของวัด”

“สุขภาพไม่ดี แล้วเดินทางมาดูคอนเสิร์ตฉันได้ยังไง แถมยังโทร.มาเตือนฉันเรื่องยายผกาอีก”

“ทั้งหมดนั่น นายทูนเป็นคนพูดเองนี่ครับ หลักฐานไม่มีเลยสักอย่าง ผมว่านายทูนสร้างเรื่องหลอกคุณแน่ๆ”

“ยังไงนี่ก็แค่รูป ฉันต้องไปเจอผู้หญิงคนนี้ตัวจริงก่อน ถึงจะตัดสินใจได้” รุ้งระวีแอบหวั่นไหว

“ผมพาคุณไปแน่ แต่วันนี้คุณมีภารกิจที่คุณต้องทำ คือไปร่วมงานของนายทูนไม่ใช่เหรอ”

“ฉันไม่อยากไป”

“ไม่ดีนะ เดี๋ยวเขาจะเสียกำลังใจ เจ๊หอยบอกว่าเขาเป็นห่วงคุณมาก กังวลเสียจนไม่มีสติอยู่กับงาน โทร.หาคุณอยู่นั่นแล้ว” อิทธิทำเสแสร้ง

รุ้งระวีนึกได้เปิดมือถือดูเห็นมิสคอลของทูนขึ้นมาหลายมิสคอล พร้อมข้อความ

“เป็นห่วงมาก รุ้งอยู่ที่ไหน”

รุ้งระวีถอนใจบอกกับอิทธิว่าจะไปหาทูนอินทร์ อิทธิแอบยิ้มทุกอย่างเข้าทาง

ooooooo

นักข่าวเข้ามารุมสัมภาษณ์ทูนอินทร์ถึงเรื่องรุ้งระวีจะย้ายค่ายมาอยู่ด้วย ทูนอินทร์ว่า รุ้งระวียังต้องทำงานให้อิทธิซาวนด์อีกหนึ่งปี แต่วันนี้รุ้งระวีมาร่วมงานด้วยแน่ๆ

“แล้วจะได้ฟังรุ้งร้องเพลง สะพานรุ้งกับคุณทูน อย่างวันเพลงอินดี้อีกไหมคะ” นักข่าวถามต่อ

“แน่นอนครับ” ทูนอินทร์ตอบอย่างมั่นใจพลางกวาดตามองหาคนรัก

ขณะที่บนเวที เมธประกาศเชิญให้อินทรกับจ๊ะจ๋า ขึ้นไปร้องเพลงคู่กัน ทั้งสองส่งยิ้มหวานทำสวีตใส่กันเพื่อลองใจมะปราง ส่วนที่หน้าร้าน ฟ้าใสในชุดสวยพร้อมช่อดอกไม้ก้าวลงมาจากรถ แขกในงานหันไปมอง เธอส่งยิ้มพรายแล้วชะงักไป เพราะเห็นจ๊ะจ๋าร้องเพลงอยู่กับอินทรบนเวที

“มันกล้าดียังไงมาร้องเพลงที่นี่ ใครอนุญาตมัน” ฟ้าใสตาวาว

ถนอมคนขับรถที่เดินตามมาจะช่วยโทร.ถามเสี่ยดำรงให้ แต่ฟ้าใสว่า ไม่ต้องเพราะเธอจะจัดการเอง แล้วรีบฉีกยิ้มให้นักข่าวที่เข้ามาขอถ่ายรูป

“ตายแล้ว นังฟ้าต่ำมาค่ะ” เจ๊จี่หอยรีบรายงานทูนอินทร์กับเมธ

เมธยืนอึ้งพึมพำว่า ใครเชิญ ทูนอินทร์อาสาจัดการเรื่องนี้เองแล้วเดินออกไปหาฟ้าใส

เป็นเวลาเดียวกับที่อิทธิพารุ้งระวีมาถึงพอดี เขาแสร้งทำเป็นแปลกใจที่เห็นฟ้าใสมาร่วมงานด้วย ด้านฟ้าใสเมื่อเห็นทูนอินทร์ออกมาก็รีบถลาเข้าไปกอด

“คุณทูนคะ ฟ้าขอแสดงความยินดีด้วย สำหรับค่ายเพลงใหม่ของคุณ” ฟ้าใสมอบช่อดอกไม้ให้

ช่างภาพถ่ายรูปกันวูบวาบ ทูนอินทร์ไม่พอใจมาก

อิทธิเห็นรุ้งระวียืนตะลึงก็รีบใส่ไฟ

“เอ...ใกล้ชิดกันอย่างนี้ สงสัยนายทูนคงเป็นคนเชิญยายฟ้ามาแน่ๆ”

รุ้งระวีพูดไม่ออก เพราะภาพทูนอินทร์กับฟ้าใสกอดกันในห้องนอนยังติดตาไม่หาย ขณะที่ทูนอินทร์ก็กระซิบไล่ฟ้าใสกลับไป

“อะไร ให้กลับตอนนี้ก็เป็นข่าวซีคะ เหมือนคุณขับไล่ไสส่งฟ้า นักข่าวจ้องทำข่าวเราอยู่นะคะ สวีตกันไว้ดีกว่า อีกอย่างต้องแสดงความยินดีกับพี่ๆในงานก่อน” ฟ้ากระซิบตอบ แล้วดึงทูนอินทร์ไปทักทายแขก ประหนึ่งเป็นดาวตัวจริงของงาน

ooooooo

ต้มยำลำซิ่ง

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด