สมาชิก

ต้มยำลำซิ่ง

ตอนที่ 1

ภายในห้องประชุมบริษัทอิทธิซาวด์ อิทธิเปิดมิวสิกเพลง ฝากจิ้มแจ่วไปแอลเอ ของรุ้งระวี ที่ร้องและเต้นอย่างสุดเหวี่ยงให้ทีมงานดู

เมื่อมิวสิกจบลง เจ๊จี่หอยและมะปรางปรบมือพร้อมกัน พลันเสียงอิทธิก็ดังขึ้น

“นี่คือมิวสิกตัวแรกของรุ้ง จะออกอากาศทางทีวีวันนี้เป็นวันแรก”

“ต๊าย...น้องรุ้งยิ่งออกกล้องยิ่งสวย เต้นก็กระจายนะคะ” เจ๊จี่หอยชื่นชม

“ร้องลูกทุ่งไม่แปร่งเลย” มะปรางเสริม แต่แล้วทั้งสองก็ต้องเจื่อนเมื่อเจ๊จวง จุ๊บแจง ขวัญข้าว และอาชามองมาอย่างเหยียดหยัน

“ไม่ชอบกันรึไง” อิทธิมองทั้งสี่

“สวยตรงไหนคะ หน้าผิดส่วน ไหปลาร้าโปนเชียว” จุ๊บแจงจีบปากจีบคอ

“ข้อยว่ามันบ่แม่นเสียงจริงอีหลีดอก เสียงเทคนิคซือๆ” ขวัญข้าวออกความเห็น

“ไปเจอได้ยังไงครับ อยู่ตั้งแอลเอ ขายส้มตำอยู่รึเปล่า” อาชาหัวเราะร่วน เจ๊จวง ขวัญข้าว และจุ๊บแจงช่วยผสมโรง

“อย่าดูถูกให้มากไป นี่แหละเพชรเม็ดงามที่ฉันจะเอามาเจียระไนละ ขอยืนยันว่ารุ้งเป็นสาวลูกครึ่งที่ร้องเพลงลูกทุ่งได้จริงๆ ไม่มีเทคนิคเสริมแต่ง นี่ขนาดรุ้งยังไม่ได้มาเมืองไทย ออกอากาศแค่เสียงเพลงก็ฮิตติดตลาดขนาดนี้แล้ว ตอนนี้ไต่อันดับชาร์ตที่เท่าไหร่นะหอย” อิทธิหันมาคุยกับเจ๊จี่หอย

เจ๊สาวเทียมรีบรายงานว่า ติดอันดับห้า ท็อปเท็นของ คลื่นมิวสิกบ็อกซ์แล้ว อิทธิยิ้มพอใจคุยต่อว่า พรุ่งนี้เพลงของรุ้งระวีต้องติดอันดับหนึ่งแน่ เพราะเธอจะเดินทางจากแอลเอมาถึงเมืองไทยตอนแปดโมงเช้า

“เราจะต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ที่สุด พร้อมโปรโมตมิวสิกเพลงแรกไปด้วย...และงานนี้ นักข่าวมากันเพียบ ทุกคนต้องไปต้อนรับที่สุวรรณภูมิ” อิทธิออกคำสั่ง

“ไปรับที่สุวรรณภูมิ” ขวัญข้าว จุ๊บแจง เจ๊จวง และอาชาร้องพร้อมกัน ส่วนจี่หอยและมะปรางมองหน้ากันซ่อนเร้นความกังวลบางอย่างไว้

“ใช่...งานนี้จะต้อนรับด้วยเพลงลำซิ่งของรุ้ง แต่งตัวให้ถูกงานด้วยล่ะ แล้วก็ทำตัวเป็นคนดี ต้อนรับนักร้องคนใหม่ ไอ้ประเภทขี้อิจฉา ขี้นินทา ขี้วีน มันคือ ขี้ทั้งนั้น เลิกๆเสียบ้าง” อิทธิทิ้งท้ายก่อนลุกออกไป

กลุ่มขวัญข้าวหน้าเจื่อน ก่อนหันมาเม้าท์กันเรื่อง

รุ้งระวีต่อ เพราะมีข่าววงในแว่วมาว่า อิทธิแอบไปชอบพอกับรุ้งระวีที่เมืองนอก แต่ไม่รู้จริงเท็จแค่ไหน

“คนที่รู้ ก็ต้องแม่จี่หอยนี่แหละ เพราะตามไปถึงแอลเอ” จุ๊บแจงหันมาคาดคั้นเจ๊จี่หอย

“อันนี้ พี่จี่หอยไม่ทราบค่ะ เพราะไม่ใช่คนสาระแนเรื่องชาวบ้าน แต่ที่แอบเห็น คุณอิทเธอซื้อแหวนเพชรให้น้องรุ้งด้วยนะ กี่กะรัตก็ไม่รู้เพราะไม่ใช่คนชอบ...เสือก” เจ๊จี่หอยกระแทกเสียงในตอนท้ายแล้วหันไปชวนมะปรางไปเตรียมตัวหาชุดลำซิ่งใส่ เพื่อต้อนรับรุ้งระวีในวันพรุ่งนี้

เจ๊จวง ขวัญข้าว จุ๊บแจง และอาชามองหน้ากัน แต่จุ๊บแจงออกอาการที่สุด เพราะความหึงหวงอิทธิ เจ๊จวงได้ช่องใส่ไฟว่า เจ๊จี่หอยต้องมีเรื่องปิดบังทุกคนอยู่แน่ แต่ขวัญข้าวกลับเปลี่ยนเรื่องร้องถามเจ๊จวงว่า พรุ่งนี้จะใส่ชุดลำซิ่งแบบไหนดี เพราะน้ำหนักขึ้นมาเกือบสิบโล

“แนวพันทางไงเจ๊ ผสมระหว่างพังจำปากับมาม่าหลินฮุ่ย” อาชาแนะนำ

“ฮ่วย...นั่นมันซ่างผสมแพนด้า นังผีบ้า นังหน้าปลวก นังขี้กะปอม” ขวัญข้าวด่าเป็นชุด พลางหันไปหาเจ๊จวงกับจุ๊บแจงหวังหาตัวช่วย แต่ทั้งสองชวนกันออกไปข้างนอกแล้ว

ooooooo

จุ๊บแจงเดินบ่นมากับเจ๊จวงเรื่องอิทธิเอาเพลงดีๆ อย่าง “ผู้บ่าวข้าวจี่” กับ “หมอลำออนไลน์”ที่เธอควรได้ร้องไปประเคนให้รุ้งระวี เจ๊จวงปลอบใจว่าอย่างน้อยก็ยังเหลือเพลง “จี่หอยคอยแฟน” อยู่

“แหมพี่ มันมีท่อนเป็นแร็พน่ะ แจงจำเนื้อไม่ค่อยได้ ก็รู้อยู่เราเรียนมาน้อย สมองไม่ค่อยแล่นน่ะ”

“โง่...เอ๊ย...สมองช้าไปนิดเดียว ไม่ต้องกลัวเดี๋ยวพี่เจรจาให้” เจ๊จวงรับอาสาแล้วรีบดึงจุ๊บแจงหลบมุม เพราะเห็นอิทธิ เจ๊จี่หอยและมะปรางเดินผ่านมา

“คุณอิท แล้วพรุ่งนี้ทุกอย่างจะแนบเนียนเหรอฮะ เรื่องยายรุ้งน่ะ…สุวรรณภูมินะคุณไม่ใช่ตลาดจตุจักร” เจ๊จี่หอยเอ่ยถามอย่างเป็นกังวล

“ฉันเตรียมการไว้อย่างดีแล้ว ไป...ไปหารุ้งกันก่อน” อิทธิสรุปแล้วเดินนำทั้งสองออกไปที่รถ

“ฮิฮิ คุณอิทนี่พูดตลกนะพี่ ไปหารุ้งก่อน ทำอย่างกะมันอยู่เมืองนนท์ มันอยู่ตั้งแอลเอ จะไปหามันได้ยังไง อิอิ” จุ๊บแจงโผล่ออกมาจากที่ซ่อน

“แล้วถ้ามันอยู่เมืองนนท์จริงๆล่ะ”เจ๊จวงตาวาว รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล จึงรีบชวนจุ๊บแจงที่ยังยืนงงให้ตามพวกอิทธิไป

ไม่นานนัก รถของเจ๊จวงก็มาจอดอยู่หน้าหมู่บ้านหรูย่านชานเมือง สองสาวลงมาจากรถ มองไปในบ้านหลังหนึ่งเห็นรถของอิทธิจอดรออยู่หน้ารั้ว เจ๊จี่หอยและมะปรางลงไปไขกุญแจประตู แล้วเปิดประตูให้อิทธิขับรถเข้าไป

“บ้านใครเนี่ย” เจ๊จวงกับจุ๊บแจงมองหน้ากันแต่ยังไม่ทันได้คำตอบก็เห็น รุ้งระวีวิ่งออกมาจากในบ้าน

“กลับกันมาแล้ว ดีใจจังเลย อยู่คนเดียวเบื่อจะตายอยู่แล้ว” รุ้งระวีส่งยิ้มสดใส

“นังรุ้งมันอยู่เมืองไทย” เจ๊จวงร้อง

“คิดออกแล้ว อย่างนี้นี่เอง ฮึ...นังฝรั่งหนองบัวลำภู งั้นซีร้องเพลงไทยชัดยิ่งกว่าคนอีสานแท้” จุ๊บแจงเริ่มเข้าใจ

“มันต้องเป็นพวกอีตัวไปหากินกับฝรั่งเมืองนอก แล้วคุณอิทธิก็เอามาชุบตัวว่าเป็นแหม่มแอลเอ หลอกแฟนเพลงแน่ๆ” เจ๊จวงเสริมแล้วดึงจุ๊บแจงหาที่ซ่อน เพื่อดูเหตุการณ์ต่อไป

ทั้งสองเห็นอิทธิลงมาจากรถพร้อมกับตำหนิเจ๊จี่หอยที่ปล่อยให้รุ้งระวีออกมาจากบ้านเพราะกลัวมีคนเห็น เจ๊จี่หอยนึกได้รีบพารุ้งกลับเข้าข้างใน อิทธิมองมาซ้ายขวา เห็นว่าไม่มีใครมอง ก็โล่งอก รีบตามเข้าบ้านไป

เจ๊จวงและจุ๊บแจงวิ่งมาที่รั้ว จุ๊บแจงโวยวายอ้างสิทธิความเป็นเมียหลวง แต่โดนเจ๊จวงตอกกลับว่า เธอก็แย่งอิทธิมาจากเมียหลวงเหมือนกัน

“พี่จวงอ่ะ ไม่ต้องตอกย้ำ นี่แสดงว่าแจงตกกระป๋องแล้วใช่มะ”

“ไม่มีวัน พี่ไม่มีวันให้แจงตกกระป๋อง เพราะถ้าแจงตกกระป๋อง พี่ก็ขาดค่าหัวคิวไปด้วย เอ๊ย...ไม่ใช่พี่ก็จะไม่ได้ดูแลน้องแจงอีก” เจ๊จวงฉีกยิ้มกว้าง

จุ๊บแจงค้อนให้ แล้วชวนเจ๊จวงแอบเข้าไปในเขตบ้าน เพื่อซุ่มดูเหตุการณ์ต่อไป ทั้งสองเห็นรุ้งระวีกำลังทานขนมไทยที่จี่หอยซื้อมาฝากอย่างอร่อยอยู่ในห้อง มีอิทธินั่งอยู่ตรงข้าม และกำลังต่อว่าเรื่องที่เธอกลับมาก่อนกำหนด รุ้งระวีว่า เธออยากกลับมาตามหาแม่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ตามเพราะอิทธิไม่ยอมให้เธอออกจากบ้านเลย

“ออกไปได้ยังไง ในเมื่อเราออกข่าวไปแล้วว่า รุ้งจะมาเมืองไทยพรุ่งนี้ ตอนนี้ให้ใครเห็นไม่ได้เลยนะ” อิทธิเสียงเข้ม

“ก็บอกไปตามความจริงไม่ดีกว่าเหรอคะ รุ้งไม่อยากโกหกเลย เท่าที่คุณแปลงประวัติของรุ้งตั้งแต่เด็ก...นั่นก็โกหกทั้งหมด รุ้งไม่สบายใจเลยจริงๆ”

“เห็นด้วยค่ะ” เจ๊จี่หอยสนับสนุน

“รุ้ง นี่คือจุดขายของรุ้งนะ เราต้องการสร้างนักร้องที่อยู่เมืองนอก แต่มีใจรักความเป็นไทย คนไทยรักฝรั่ง

ทุกคนที่เห็นค่าความเป็นไทย และรุ้งคือภาพนั้น เห็นไหม รุ้งยังไม่ได้มาให้แฟนเพลงเห็น เพลงรุ้งก็ขึ้นอันดับห้าแล้ว”

“ค่ะ” รุ้งระวีหน้าสลด

อิทธิดึงรุ้งระวีมากอดปลอบใจ “อย่าทำหน้าอย่างนี้ซี... เชื่อผม ผมจะทำให้รุ้งดังจนเป็นราชินีลูกทุ่งคนใหม่ของวงการให้ได้”

รุ้งระวียิ้มในอ้อมกอดของอิทธิ แต่เป็นรอยยิ้มที่เจื่อนเต็มที

จุ๊บแจงที่แอบดูอยู่กับเจ๊จวงตรงหน้าต่างแทบทนไม่ได้ พึมพำด่ารุ้งระวีว่านางหน้าด้าน เจ๊จวงรีบสนับสนุนพร้อมตอกย้ำว่า เหมือนสมัยที่จุ๊บแจงยั่วคุณอิทธิเปี๊ยบเลย

ooooooo

ตลาดน้ำดอนหวายยามบ่าย นักท่องเที่ยวสนุกสนานกับการซื้อข้าวของ และรับประทานอาหารทั้งในร้านเรียงรายและริมแม่น้ำ

ทูนอินทร์ยืนเลือกซื้อตุ่มอยู่ในบริเวณตลาด คนขายเปิดตุ่มใบแล้วใบเล่าให้ดู แต่ยังไม่ถูกใจเขาสักที จนคนขายสงสัย แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยถามก็ได้ยินเสียงอินทรน้องชายของทูนอินทร์กับบักหนานและบักคูนสองคู่หูที่นั่งทดลองแคนและกลองของใหม่ คุยกันเรื่องสาวนครปฐมที่ขาวปานหยวกกล้วย แถมหน้าอกหน้าใจก็ใหญ่ปานส้มโอนครชัยศรี บักคูนเริ่มร้องเพลงเกี้ยวสาวเป็นแนวลำซิ่ง

ทูนอินทร์หันมาส่งยิ้มให้ แล้วเดินเข้ามาสมทบ บักคูนร้องไปได้แค่ครึ่งเพลง ป้าร่างอ้วนก็เดินผ่านมายิ้มน้อย

ยิ้มใหญ่แล้วโยนเหรียญบาทลงใส่หมวกของบักหนานที่วางอยู่ที่หน้าตัก

“แหม...ร้องเพราะนะ ไม่น่ามาเป็นขอทานเล้ย”

บักหนาน บักคูน และอินทรหยุดเล่น หยุดร้องทันที ทูนอินทร์หัวเราะลั่น พลางถามทั้งสามว่า ยังจะร้องต่อไหม อินทร บักหนานและบักคูนหน้าเจื่อนเพราะหมดอารมณ์ ทูนอินทร์จึงชวนทั้งสามเข้าไปช่วยกันเลือกตุ่มในร้านต่อ

เวลาเดียวกันนั้นเจ๊จวงและจุ๊บแจง รีบหลบมุมรั้วออกมาด้านนอก เมื่อเห็นอิทธิ เจ๊จี่หอยและมะปรางกำลังจะออกมาที่รถ

รุ้งระวีตามมาส่งทั้งสามแค่ประตู เพราะไม่กล้าออกมาด้วย จี่หอยกำชับรุ้งระวีว่าอย่าทานขนมมากเดี๋ยวพรุ่งนี้หน้าบานไม่สวย รุ้งระวีรับคำเอ่ยถามว่า จะกลับมาอีกเมื่อไหร่ อิทธิตอบว่า คงเป็นตอนค่ำ และย้ำว่าห้ามเธอออกไปไหนเด็ดขาด

“รีบกลับนะคะ รุ้งไม่อยากอยู่คนเดียว แล้วอย่าลืมส้มตำนะ” รุ้งระวีอ้อน

“ไม่ลืมค่ะ” มะปรางตอบแล้วเดินตามอิทธิกับเจ๊จี่หอยไปขึ้นรถ

รถของอิทธิแล่นออกไป เจ๊จวงและจุ๊บแจงมองตามไป เห็นรุ้งระวียังอ้อยอิ่งอยู่ที่หน้าบ้าน พลางบ่นกับตัวเองที่ต้องอยู่คนเดียวมาสามสี่วันแล้ว นอกจากจะออกไปไหนไม่ได้ ยังไปไม่ถูกอีกด้วย

เจ๊จวงได้ยินจึงเกิดไอเดีย เธอหันมาสั่งจุ๊บแจงให้เอากุญแจรถมาให้ จุ๊บแจงส่งกุญแจรถให้อย่างมึนๆ เพราะไม่เข้าใจว่าพี่เลี้ยงตัวดีจะทำอะไรอีก

เจ๊จวงรับกุญแจจากจุ๊บแจง แล้วเดินออกจากที่ซ่อน เธอทำทีเป็นเดินผ่านบ้านรุ้งระวี แล้วแกล้งเป็นขอดอกไม้ที่หน้าบ้านไปไหว้พระที่วัด รุ้งระวีสนใจร้องถามว่าวัดอยู่ไกลไหม

“ออกพุทธมณฑลนิดเดียวละค่ะ แล้วจะแวะไปตลาดดอนหวายด้วย” เจ๊จวงเข้าแผน

รุ้งระวีหลงกล ขอติดรถไปเที่ยวตลาดด้วย เธอขอให้เจ๊จวงรอสักครู่ แล้ววิ่งเข้าไปหยิบกระเป๋าสตางค์ในบ้าน

“ทำอะไรพี่จวง” จุ๊บแจงวิ่งมาหา

“พามันไปตลาดไง แล้วเราแอบถ่ายคลิปไว้” เจ๊จวงบอกแผนการ แต่จุ๊บแจงยังโง่เข้าใจว่า เจ๊จวงจะจับรุ้งระวีแก้ผ้ากลางตลาด แล้วถ่ายคลิป

“โถ...โง่...เอ้ย...โถ...หนูซื่อ ถ่ายมันตอนเดินตลาดไงจ๊ะ จะได้เป็นหลักฐานว่ามันไม่ได้มาจากแอลเอตามที่มันโกหก ไว้แฉกลางงานพรุ่งนี้ไง”

“พี่จวงเนี่ย นางร้ายเรียกแม่เลยนะ เอ๊ะ เอารถแจงไปแล้วแจงจะตามไปไง”

“แท็กซี่ไงคะ ไม่งั้นก็วินมอเตอร์ไซค์ หรือไม่ก็...เดิน” เจ๊จวงสรุปหน้าตาเฉย

ooooooo

ทูนอินทร์ อินทร บักหนาน และบักคูนกำลังยืนดูตุ่มใบใหม่ที่คนขายนำมาให้ดู แต่ยังไม่ถูกใจ

ทูนอินทร์อยู่ดี เขาบอกกับคนขายว่า ต้องการใบใหญ่ๆ ขนาดเท่าตัวเขา

“งั้น...นี่เลยครับ” คนขายพาทั้งหมดไปดูตุ่มใบใหญ่

“ขอดูก่อนนะ” ทูนอินทร์ชะโงกลงไปในตุ่ม แล้วตัดสินใจปีนลงไป

คนขายตกใจร้องถามว่า จะทำอะไร

“ฮ่าๆ ท่าจักน้อยก็ฮู่เอง ให้อ้ายเพิ่นลองเฮ็ดงานเบิ่งก่อน” บักหนาน บักคูน และอินทรหัวเราะเมื่อได้ยินเสียงทูนอินทร์ร้องเพลงแว่วออกมาจากตุ่ม

ด้านเจ๊จวงพารุ้งระวีมาส่งที่ตลาดพอดี รุ้งระวีขอบคุณเจ๊จวงแล้วหยิบแว่นดำมาสวมเพื่ออำพรางใบหน้า แล้วเดินเข้าตลาดไป

“ขอให้สนุกนะยะ นังแหม่มกะปิ” เจ๊จวงรีบหยิบมือถือออกมา แล้วแอบตามรุ้งระวีไป

รุ้งระวีรีบตรงไปยังท่าน้ำ ทักทายกับแม่ค้าอย่างเพลินใจ เจ๊จวงหยิบมือถือมาถ่ายไว้แต่ทุกรูปรุ้งระวีใส่แว่นตลอด เจ๊จวงไม่พอใจ คิดหาวิธีให้รุ้งระวีถอดแว่น เพื่อจะได้เห็นหน้าชัดๆ

ส่วนทูนอินทร์เมื่อได้ทดสอบเสียงจนพอใจแล้วก็ลุกขึ้นบอกกับคนขายว่า เขาตกลงจะซื้อตุ่มใบนี้ คนขายที่ยังงงไม่หาย เรียกคนงานมาขนตุ่มไปส่งที่รถ

“พี่ต้องลงไปร้องในตุ่มทำไมนะ ห้องอัดเสียงของเราก็มี” อินทรเอ่ย

“ร้องในห้องอัดมันก็อยู่แต่ในห้องทึบสี่เหลี่ยม ร้องในตุ่มมันได้ร้องกลางแจ้งโว้ย ฟีลมันผิดกัน”

“เจ้านาย เว้ามาซื่อๆโลด ย่านบ่กล้าร้องฮื่อซาวบ้านฟังแม่นบ่ล่ะ จึงมาฮ้องในตุ่มหยังซี้” บักหนานรู้ทัน

“ขี้อายว่าซั่นเถาะ” บักคูนช่วยเสริม แล้วสองคู่หูก็พากันหัวเราะ

ทูนอินทร์หน้าแดงด้วยความเขิน พลางปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง

“เอาจังซี้เจ้านาย ฮ้องซื่อผู้เดียว มันบ่ได้อารมณ์ มันต้องมีเสียงแคนเสียงโทนนำ จึงสิเกิดอารมณ์ฮ่วม เจ้านายลงไปฮ้องในตุ่มอีกจั๊กเทื่อ เดี๋ยวให้เพิ่นซุกตุ่มไปเทิงรถ พวกข้อยสิเล่นเพลงนำเจ้า” บักหนานนึกสนุก แล้วหันมาสบตากับบักคูนและอินทรอย่างรู้กัน

“ให้ฉันร้องตอนเข็นตุ่มเลยเหรอ เข้าท่าแฮะ งั้น...ลงตุ่มอีกที” ทูนอินทร์หลงกลกลับเข้าไปในตุ่ม

“พี่...เข็นตุ่มเลย” อินทรบอกคนงาน แล้วให้สัญญาณกับบักหนานและบักคูน ดนตรีเริ่มบรรเลง ทูนอินทร์ที่อยู่ในตุ่มเริ่มครวญเพลง “รักน้องตุ่ม” เพราะเข้าใจว่าตุ่มถูกเคลื่อนไปที่รถ แต่แท้จริงแล้ว อินทร บักหนาน และบักคูน กลับให้คนงานเข็นไปกลางตลาด

บรรดาพ่อค้าแม่ค้าและคนที่มาซื้อของรวมทั้งรุ้งระวีหันมาสนใจเป็นตาเดียว เสียงเพลงท่อนแรกจบลง คนที่มุงดูก็ปรบมือกราว ทูนอินทร์ที่อยู่ในตุ่ม สะดุ้งเฮือก และได้ยินแม่ค้าคนหนึ่งถามหาคนร้อง บักคูนว่าอยู่ในตุ่ม บรรดาไทยมุงร้องเรียกให้ทูนอินทร์ออกมาเพราะอยากเห็นหน้า แม้ทูนอินทร์จะไม่ยอม แต่สุดท้ายก็ถูกอินทรดึงตัวออกมาจนได้

ทูนอินทร์หลบหน้างุดๆด้วยความเขิน บรรดาคนมุงปรบมือกราวติดใจในความหล่อ ทูนอินทร์ยกมือไหว้รอบทิศหน้าแดง รุ้งระวีแทรกคนเข้ามาดูด้วย เจ๊จวงตามมาห่างๆ

แม่ค้าขอให้ทูนอินทร์ร้องเพลงอีก ทูนอินทร์ปฏิเสธเพราะอาย บรรดาแม่ค้าเอาเงินเข้าล่อ แต่ไม่เป็นผล รุ้งระวีนึกสนุกเสนอเงินห้าร้อยบาทเพื่อให้ทูนอินทร์ร้องเพลงอีก

ทูนอินทร์หันมามองรุ้งระวีที่ยังคงใส่แว่นดำอำพรางใบหน้าด้วยความตะลึง ก่อนต่อรอง

“ถ้าผมร้อง แหม่มจะเต้นเป็นหางเครื่องให้ผมได้ไหม ถ้าได้ ผมจะร้องเดี๋ยวนี้ละ”

“ได้ค่ะ ขึ้นเพลงมาซีคะ เดี๋ยวจะเต้นให้ดู”

อินทร บักหนาน และบักคูนขึ้นเพลง ทูนรีบหยิบแว่นดำมาสวม แล้วเกิดลูกฮึดร้องตามจังหวะ รุ้งระวีขยับเข้ามาเต้น บรรดาคนมุงปรบมือตาม พ่อค้าดึงแม่ค้าออกมาทั้งเต้น ทั้งรำ สาวน้อยสาวใหญ่จับทีมสามสี่คนเป็นหางเครื่องแล้วเต้นพร้อมกัน

เจ๊จวงตะลึงมองเหตุการณ์ข้างหน้าคิดไม่ถึงว่า รุ้งระวีจะกล้าขนาดนี้ เธอรีบเก็บภาพไว้ แต่ก็ยังไม่โดนใจเพราะรุ้งระวียังคงใส่แว่นตาดำอยู่

ooooooo

ทูนอินทร์และรุ้งระวีมานั่งจิบเครื่องดื่มกันลำพัง ในร้านอาหารริมแม่น้ำ ทั้งสองยังคงใส่แว่นดำปิดบังใบหน้า

ทูนอินทร์บอกกับรุ้งระวีว่า เงินห้าร้อยบาทที่เธอให้เขา ขอนำเลี้ยงเธอเป็นการตอบแทน แล้วหลอกถามชื่อที่แท้จริงของเธอ แต่รุ้งระวีขอให้ทูนอินทร์เรียกเธอว่า แหม่มพลางถามสาเหตุที่ต้องเข้าไปร้องเพลงในตุ่ม เพราะได้ข้อมูลมาจากสองคู่หูว่า เขาเป็นคนขี้อาย

“เปล่า ไม่ได้อายเสียหน่อย”

“แต่ฉันว่าอายนะ เพราะตอนร้องเพลงคุณยังเอาแว่นดำมาใส่เลย อย่างตอนนี้ก็ยังใส่อยู่”

ทูนอินทร์ถอดแว่นออก รุ้งระวียิ้มกับความหล่อเหลาของเขา

“ไม่ใส่แว่น ผมร้องไม่ค่อยออกหรอก เพราะไม่อยากสบตากับใครเวลาร้องเพลง ปกติผมไม่ร้องเพลงกลางที่สาธารณะแบบนี้หรอกนะ”

“แล้วทำไมร้องละคะ อย่าบอกนะว่า เพราะเห็นแก่เงินห้าร้อยของฉัน”

“ห้าร้อยไม่เกี่ยวหรอกครับ มันเกี่ยวที่คุณแหม่มน่ะ เพราะใครจะไปกล้าปฏิเสธแหม่มสาวสวยแถมยังเต้นเก่งแบบนี้ได้ลงคอ” ทูนอินทร์ส่งยิ้มกรุ้มกริ่ม แล้วขอร้องให้รุ้งระวีถอดแว่นบ้าง แต่เธอปฏิเสธ

อีกมุมหนึ่งของร้าน เจ๊จวงที่กำลังจับตาดูรุ้งระวีอยู่ต้องสะดุ้ง เมื่อจุ๊บแจงวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหาเพราะแท็กซี่พาหลง เจ๊จวงกลัวว่า คนจะจำจุ๊บแจงได้ จึงสั่งให้เธอใส่แว่นตาพรางใบหน้าไว้ แล้วบ่นต่อเรื่องจะทำอย่างไรให้รุ้งระวียอมถอดแว่นตาดำ พลันความคิดชั่วร้ายก็ผุดขึ้นมา เมื่อเห็นแม่ค้านำจานส้มตำมาวางให้ทูนอินทร์และรุ้งระวี เธอรีบยกระซิบข้างหูจุ๊บแจง

“ไหว้เลยค่ะ เรื่องเลวๆเนี่ย พี่จวงฉลาดจริงๆ”

ขณะที่เจ๊จวงและจุ๊บแจงเริ่มแผนการอยู่นั้น เจ๊จี่หอยและมะปรางก็กลับมาถึงบ้านพร้อมของกินมากมาย แต่ไม่พบรุ้งระวีอยู่ในบ้าน เจ๊จี่หอยรีบโทร.ตาม
รุ้งระวีส่งเสียงใสมาตามสายว่า เธออยู่ที่ตลาดดอนหวาย เจ๊จี่หอยแทบเป็นลม สั่งให้รุ้งระวีรออยู่ที่นั่นจะรีบไปรับและกำชับให้ทำตัวเป็นแหม่มจ๋า อย่าเผลอพูดไทยให้ใครได้ยิน รุ้งระวีรับปากแล้วกดวางสาย เธอหันมามองทูนอินทร์ที่ส่งยิ้มให้

“ยิ้มอะไรคะ ฉันมีอะไรติดฟันเหรอ”

“รู้ชื่อคุณแล้ว ชื่อรุ้ง เพราะจัง”

“ขอบคุณค่ะคุณนักร้อง ฉันไปละค่ะ” รุ้งระวีลุกขึ้น

“เดี๋ยวซีครับ ไม่อยากรู้ชื่อผมบ้างเหรอไง”

“รู้ว่าคุณชอบลงตุ่มก็พอแล้วค่ะ” รุ้งระวีแยกจะออกจากร้าน แต่แม่ค้าส้มตำขวางไว้แล้วแอบสบตากับเจ๊จวงและจุ๊บแจงผู้ว่าจ้างที่หลบอยู่มุมหนึ่ง

“นี่หนู...ทำไมเหมือนเคยเห็น เป็นนักร้องใช่ไหม” แม่ค้าพูดตามบท

“ไม่ใช่ค่ะป้า” รุ้งระวีรีบหลบตา

“นักร้องแน่ๆ ที่ชื่อ รุ้งระวี ศรีแอลเอ ใช่ไหมล่ะ” แม่ค้าส้มตำเข้าเรื่อง

รุ้งระวีปฏิเสธเสียงสั่น แต่แม่ค้าไม่เชื่อ เรียกพวกที่เตี๊ยมกันไว้ให้เข้ามามุงและบังคับให้รุ้งระวีถอดแว่น เพื่อให้เจ๊จวงถ่ายภาพ ทูนอินทร์ลุกมาช่วยพารุ้งระวีวิ่งหนีออกไป แม่ค้ากับพวกรีบตามติด

เจ๊จวงตะโกนบอกคนในตลาด ให้ช่วยกันจับตัวรุ้งระวีไว้ และใครถอดแว่นเธอออกได้จะให้คนละพัน บรรดาพ่อค้าแม่ค้าในตลาดวิ่งกรูออกไปทันที

ทูนอินทร์พารุ้งระวีวิ่งลัดเลาะไปตามตรอกเพื่อหนี กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าวิ่งไล่ตามฝูงใหญ่ จนมาถึงลานจอดรถ จึงตัดสินใจพาเธอหลบเข้าไปซ่อนในตุ่ม แล้วสั่งให้อินทร บักหนาน และบักคูนที่รออยู่เอาผ้ามาคลุมไว้ ทั้งสองแนบชิดกันอยู่ในตุ่ม

กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าที่วิ่งตามมาไม่เห็นรุ้งระวีก็พากันวิ่งออกไปอีกทาง อินทร บักหนาน และบักคูนเห็นว่าปลอดภัยแล้วจึงเรียกทูนอินทร์กับรุ้งระวีออกมา รุ้งระวีเรียกให้อินทรช่วย เพราะออกไม่ได้ ทูนอินทร์หวังดีช่วยดันก้นของรุ้งระวีให้ออกมา แต่กลับโดนตบหน้าเพราะเธอเข้าใจว่า เขาฉวยโอกาสจับก้นเธอ

“ผมช่วยดันคุณขึ้น ก็ต้องดันก้น จะไปดันตรงอื่นได้ไงล่ะ ไม่น่าช่วยเลย ปล่อยให้แม่ค้ารุมโทรมก็ดีแล้ว ทำคุณบูชาโทษแท้ๆ” ทูนอินทร์บ่น

“ฉันไปละ” รุ้งระวีจะเดินหนี

บักคูนร้องเตือนว่ายังอันตรายอยู่ แต่รุ้งระวีไม่สนจะเดินต่อ พลันเสียงของบรรดาพ่อค้าแม่ค้าดังแว่วกลับมา รุ้งระวีหันซ้ายแลขวาหาที่หลบแต่ไม่มี เธอเข้ามาขอความช่วยเหลือจากทูนอินทร์

ชายหนุ่มทำไม่สนอ้างว่าไม่อยากโดนตบอีก รุ้งระวียอมขอโทษ ทูนอินทร์ใจอ่อนยอมให้รุ้งระวีนั่งรถออกไปด้วย บรรดาพ่อค้า แม่ค้าวิ่งกลับมาเห็นพอดี จึงรีบตามรถของทูนอินทร์ไปแต่ไม่ทัน เจ๊จวงและจุ๊บแจงวิ่งมาสมทบ และจุ๊บแจงก็ลืมใส่แว่นตาดำเสียด้วย จึงถูกพ่อค้าเข้ามารุมขอลายเซ็น เจ๊จวงส่ายหน้าระอาใจ ที่แผนการผิดพลาด
ooooooo

รุ้งระวีนั่งเบียดกับทูนอินทร์มาในรถ ทูนอินทร์ยิ้มกริ่มโอบหลังของรุ้งระวีอย่างตั้งใจ จนกระทั่งมาถึงร้านกาแฟปากทาง

รุ้งระวีสั่งให้อินทรจอดรถ แล้วรีบลงมา เธอขอบคุณทุกคนที่ช่วยเหลือ แล้ววิ่งเข้าไปหลบในร้านกาแฟ ทูนอินทร์กับอินทรลงมามองตาม บักคูนและบักหนานที่นั่งอยู่ท้ายรถแซวทูนอินทร์ว่า คงหลงเสน่ห์แหม่มเข้าแล้ว แต่ทูนอินทร์ไม่ตอบโต้ เขาสองคู่หูว่า เคยได้ยินนักร้องชื่อ รุ้งระวี ศรีแอลเอ บ้างไหม

“ได้ยินยู้อ้าย นี่ล่ะ...เพลงเพิ่นกำลังดัง” บักคูนและหนานร้อง “ฝากจิ้มแจ่วไปแอลเอ” พร้อมเคาะกลองไปด้วย

ทูนอินทร์เริ่มสงสัยอะไรบางอย่างรีบซักต่อว่า หน้าตาเธอเป็นอย่างไร บักหนานว่ายังไม่เคยเห็นชัดๆ สักที แต่รู้ว่า เป็นลูกครึ่ง

“มีอะไรเหรอครับพี่ทูน” อินทรมองหน้าพี่ชาย แต่ทูนอินทร์ไม่ตอบอะไร ตามรุ้งระวีเข้าไปในร้านกาแฟหน้าตาเฉย

ทูนอินทร์เข้ามานั่งในร้านกาแฟกับรุ้งระวี และได้ยินเธอนัดให้เจ๊จี่หอยมารับที่หน้าร้าน ครั้นรุ้งระวีกดวางสายแล้ว ทูนอินทร์ก็สอบถามเธอเรื่อง รุ้งระวี ศรีแอลเอ เพราะได้ยินพวกแม่ค้าเรียกเธอแบบนั้น แต่รุ้งระวีปฏิเสธแถมทำอารมณ์เสียใส่

ทูนอินทร์ตื๊อไม่เลิก ขอฟังเสียงรุ้งระวี เป็นจังหวะเดียวกับที่เจ๊จี่หอยโทร.เข้ามาอีกครั้ง รุ้งระวีเร่งให้เจ๊มารับเธอไวๆ แล้วพลันสะดุ้ง เมื่อได้ยินเสียงเพลงของตัวเองในจอทีวี

รุ้งระวีกลัวว่าทูนอินทร์จะจำเธอได้ จึงรีบลุกหนีทำให้ทูนอินทร์ยิ่งสงสัย เขาเรียกพนักงานมาเก็บเงินค่ากาแฟ แล้วสอบถามเรื่องเพลงฝากจิ้มแจ่วไปแอลเอ จนมั่นใจว่า ผู้หญิงที่คุยด้วยคือ รุ้งระวี ศรีแอลเอ จริงๆ เขาจึงรีบตามเธอไป

รุ้งระวียังคงใส่แว่นดำยังยืนกดมือถือหาเจ๊จี่หอยอยู่ที่ถนนหน้าร้าน ทูนอินทร์เข้าประชิดตัวขอร้องให้เธอถอดแว่นให้ดูหน่อย รุ้งระวีถอยหนี แต่ทูนอินทร์คว้าแขนไว้ แล้วดึงแว่นออกจากหน้าของเธอ

“นี่...จะทำอะไรของนาย” รุ้งระวีโวยวาย

“ใช่เลยละเนี่ย คุณคือ รุ้งระวี ศรีแอลเอ จริงๆ” ทูนอินทร์ร้อง

“แล้วทำไม ถ้าฉันเป็นนักร้อง แล้วจะทำไม” รุ้งระวี ยอมจำนน

“จะบอกว่า ผมดีใจมากที่ได้เจอตัวจริง คุณสวยมาก และเสียงคุณเพราะมากครับ” ทูนอินทร์ชม“ขอบคุณ นี่...ฉันขอร้องนะ อย่าไปบอกใครนะว่าเจอฉัน” รุ้งระวีขอร้อง

“โธ่...แม่ค้าทั้งตลาด เห็นคุณหมดแล้ว จะปิดไปทำไม” ทูนอินทร์ถามสาเหตุ แต่ไม่ทันได้คำอธิบายรถของเจ๊จี่หอยก็แล่นมาจอดอย่างเร็ว เจ๊กับมะปรางปราดลงมาจากรถ พอถึงตัวรุ้งระวีก็รีบเอาผ้าคลุมปิดหน้าเธอไว้ แล้วพาตัวขึ้นรถออกไป

ทูนอินทร์ได้แต่มองตาม อินทร บักหนาน และบักคูน เข้ามาสมทบพลางเอ่ยถาม

“พี่ครับ มีอะไรกัน ท่าทางดูหลบๆ ซ่อนๆ พิกล”

“พวกนายจะเชื่อไหมว่า แหม่มนั่นน่ะ คือรุ้งระวี ศรีแอลเอ” ทูนอินทร์บอกความจริง แล้วออกคำสั่ง “ไปซื้อซีดีมาให้ฉันฟังเดี๋ยวนี้เลย ทั้งประวัติ ทั้งเพลงที่เธอร้อง เสียงอย่างนี้ มันถูกเปกจริงๆ ฉันหามานานแล้ว อ้อไม่ซื้อแผ่นผีนะ เอาของแท้”

ooooooo

เมื่อกลับมาถึงบ้าน รุ้งระวีเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในตลาดให้เจ๊จี่หอยกับมะปรางฟัง

เจ๊จี่หอยแทบเป็นลม เพราะกลัวความลับถูกเปิดเผย มะปรางตั้งข้อสังเกตว่า ต้องมีคนคิดกลั่นแกล้งรุ้งระวีแน่ เพราะเพลงของเธอเพิ่งจะออกอากาศเป็นวันแรก ไม่น่าจะมีคนจำได้มากขนาดนี้
“ใครจะมาแกล้ง ไม่มีใครรู้จักรุ้งนี่นา” รุ้งระวีไม่ปักใจ

“ฉันไม่รู้แล้ว ข่าวพรุ่งนี้จะออกทั่วประเทศว่าเธอเพิ่งมาถึงเมืองไทย ถ้าคนทั้งตลาดออกมาให้ข่าวโต้ว่าเธอโกหก เราจะแก้ปัญหายังไง” เจ๊จี่หอยโวยวาย

“ก็บอกไปว่าไม่ใช่รุ้งซีคะ รุ้งใส่แว่นดำตลอด ไม่มีใครยืนยันได้หรอก ยกเว้น นายนักร้องลงตุ่มคนนั้น เพราะเขาถอดแว่นเห็นหน้ารุ้งแล้ว”

“โฮ...อยากตาย” เจ๊จี่หอยฟูมฟายแล้วสั่งห้ามสองสาวบอกเรื่องนี้กับอิทธิเพราะยังไม่อยากตกงาน

ค่ำวันเดียวกันนั้น ที่ไร่อินสรวง ทูนอินทร์นั่งดูรายการเพลงอยู่กับอินทรในบ้าน ได้เห็นมิวสิกเพลงของ รุ้งระวี ศรีแอลเอ แล้วสองพิธีกรชายหญิงก็ออกมาประกาศว่า รุ้งระวีจะเดินทางมาถึงเมืองไทยในวันพรุ่งนี้ตอนแปดโมงตรง

“เฮ้ย...หมายความว่าไงวะ” ทูนอินทร์และอินทร

มองหน้ากันอย่างประหลาดใจ

เสียงพิธีกรชายอธิบายว่า “เธอร้องเพลงอัดเสียงที่แอลเอ แล้วครั้งนี้แหละที่เธอจะเดินทางกลับมาเมืองไทยเป็นครั้งแรก หลังจากที่จากไปเมื่อตอนห้าขวบ”

ทูนอินทร์หัวเราะ พลางเอ่ย “นี่ไง...ได้เรื่องแล้วที่เธอไม่ยอมให้เราไปบอกใครไงว่า เราเจอเธอ คนไทยอยู่เมืองไทยนี่แหละ แต่หลอกแฟนเพลงว่าเป็นสาวนอก”

“งั้นอย่าไปสนเลยพี่ พวกหลอกลวงประชาชน”

“แต่ฉันยังสนอยู่ว่ะ ทรพรุ่งนี้เราไปรับยายนักร้องที่สนามบินด้วยกัน ฉันอยากรู้ว่า ยายนี่หลอกอะไรคนไทยอีก ที่ร้องเพลงน่ะ เสียงจริงหรือว่าเสียงเทคนิคล้วน ๆ” ทูนอินทร์ยิ้มกริ่ม

ด้านอิทธิเดินยิ้มร้ายตรงมาที่ห้องนอนของรุ้งระวีเพื่อทวงสัญญา ส่วนรุ้งระวีที่ยังไม่รู้ชะตากรรม ยังนั่งคุยกับรูปถ่ายของแม่สมัยยังสาวสวย ในภาพนั้นมีแสงหล้าแต่งตัวเป็นนักร้องในบาร์ รุ้งระวีวัยเด็กใส่ผมสีทองบลอนด์ แต่งหน้าทาปากแต่งตัวเหมือนกำลังออกโชว์ ยิ้มแป้นอยู่ในอ้อมกอด

“แม่คะ รุ้งกลับมาหาแม่แล้ว อยากไปตามหาแม่ที่โคราช แต่ก็ไปไม่ได้ เพราะคุณอิทธิไม่ยอมให้รุ้งออกไปไหนเลย กลัวคนเห็นแต่ไม่เป็นไร พรุ่งนี้จะแถลงข่าวแล้ว รุ้งคงเป็นอิสระเสียที” รุ้งระวีถอนใจ

เสียงเคาะประตูดังขึ้น รุ้งระวีลุกออกมาเปิด เพราะเข้าใจว่าเป็นเจ๊จี่หอย แต่คนที่เดินเข้ามากลับเป็นอิทธิ หญิงสาวหน้าตื่น รีบหยิบหมอนมาปิดหน้าอกตัวเอง

“รุ้ง พรุ่งนี้จะเปิดตัวรุ้งแล้ว ผมว่ารุ้งจะต้องดังระดับ ตัวแม่ของวงการแน่ๆ ถ้ารุ้งดังแล้ว ต้องตกลงตามสัญญานะ เราจะแต่งงานกัน” อิทธิส่งยิ้มเตรียมขย้ำ

“แต่รุ้งบอกคุณอิทแล้วนี่คะ ว่าขอเวลารุ้งให้รู้จักคุณอิท มากกว่านี้ แล้วรุ้งถึงจะให้คำตอบ”

“ผมไม่ชอบรอน่ะรุ้ง คืนนี้ผมค้างที่นี่นะ” อิทธิดึงรุ้งมากอดไว้แล้วจูบไซ้ที่ซอกคอก่อนผลักเธอลงไปที่เตียง แล้วปลดกระดุมเสื้อตัวเอง “คืนนี้เป็นของผมเถอะนะรุ้ง ผมคลั่งรุ้งจะแย่แล้ว” อิทธิโถมร่างทาบทับร่างรุ้งระวีพยายามจะปลดเสื้อนอนของเธอ

รุ้งระวีกลั้นใจ มองไปที่หัวเตียงแล้วคิดอุบายขึ้นได้ เธอร้องไห้โฮอ้างว่า แม่กำลังมองอยู่และกำลังต่อว่าที่เธอไม่รักนวลสงวนตัว

“โธ่ รุ้งคิดไปเอง นั่นแค่รูป แม่รุ้งตอนนี้ไม่รู้อยู่ที่ไหนแล้ว เขาทิ้งรุ้งนะอย่าลืม ตอนนี้คนที่ดูแลรุ้งมีผมคนเดียวนะ เป็นของผมเถอะนะ” อิทธิเอื้อมมือไปคว่ำรูปลง แล้วหันมาจู่โจมอีกครั้ง

รุ้งระวีตัวเกร็ง แล้วตัดสินใจยกเข่าขึ้นกระแทกกลางลำตัวอิทธิทันที

“อ๊าก...” อิทธิร้องลั่นลงไปนอนแผ่หรา

“คุณอิท รุ้งขอโทษค่ะ ไม่ได้ตั้งใจ” รุ้งระวีตีหน้าซื่อ

“โอย...ระวังหน่อยซีรุ้ง นี่มันจุดอ่อนผู้ชายนะ” อิทธิจุกจนพูดไม่ออก

รุ้งระวีลอบยิ้ม แล้วร้องเรียกให้เจ๊จี่หอยเข้ามาช่วยดูอาการอิทธิ เจ๊จี่หอยรีบวิ่งเข้ามาแล้วไล่ให้รุ้งวะวีออกไปรอข้างนอกกับมะปรางอย่างรู้กัน

ooooooo

วันรุ่งขึ้น ที่สนามบินสุวรรณภูมิ

กลุ่มนักข่าวหลายสิบชีวิตกำลังรอทำข่าวรุ้งระวี ศรีแอลเอ ที่กำลังจะเดินทางมาถึง พร้อมกับกลุ่มแฟนคลับที่รวมตัวกันอย่างคับคั่ง ทูนอินทร์กับอินทรในชุดเสื้อคลุมยับๆ แหวกคนมุงเข้ามา ทั้งสองติดหนวดใส่แว่น ท่าทางเหมือนนักดนตรีแนวเพื่อชีวิต

อินทรนึกสงสัยเอ่ยถามพี่ชายว่า ทำไมต้องลงทุนขนาดนี้ด้วย ทูนอินทร์ว่า เขาไม่อยากให้รุ้งระวีจำได้ เพราะ จะเข้าไปถามว่าเธอบินมาจากแอลเอ หรือร้อยเอ็ดกันแน่

“แล้วถ้าโกหกจริง”

“ก็เป็นแต้มต่อของเรา ถ้าเราขู่ว่าจะเปิดโปง เธออาจจะรับฟังข้อเสนอของพี่ก็ได้”

“ข้อเสนออะไรครับ”

“เอาน่า เดี๋ยวรู้เอง” ทูนอินทร์ยิ้มร้าย แล้วพลันสะดุ้ง เมื่อได้ยินเสียงกรี๊ดของเหล่าแฟนคลับ เพราะอาชาในชุดผ้าสีสดแบบอีสานลูกทุ่ง ผมหวีเรียบกริบ เดินควงมากับขวัญข้าวในชุดซิ่นสั้นอีสานตามมาด้วยอิทธิและจุ๊บแจงที่ใส่ชุดลำซิ่งควงมาด้วยกัน โดยมีเจ๊จวงรั้งท้ายคอยกันนักข่าว
กลุ่มนักข่าว ช่างภาพถ่ายรูปกันวุ่นวาย อาชา ขวัญข้าว และจุ๊บแจง หมุนตัวให้ถ่ายรูปอย่างเฉิดฉาย นักข่าวรุมสัมภาษณ์นักร้องทั้งสาม

ส่วนรุ้งระวีเธอถูกเก็บตัวอยู่ในห้องวีไอพี มีเจ๊จี่หอยและมะปรางช่วยเป็นพี่เลี้ยงคอยแต่งหน้าแต่งตัวและให้คำแนะนำเรื่องสำเนียงการพูดที่ดูเป็นฝรั่งหน่อยๆ เพื่อให้ทุกคนเชื่อว่า เป็นแหม่มของจริง

“แล้วเราจะได้ฤกษ์ออกไปตอนไหนล่ะคะพี่หอย” มะปรางเริ่มเบื่อ

“คุณอิทจะนัดเวลามาเอง” เจ๊จี่หอยชะเง้อมองไปที่ประตู

ooooooo

บริเวณอาคารผู้โดยสารสนามบินสุวรรณภูมิ

อิทธิ อาชา และขวัญข้าวกำลังให้สัมภาษณ์นักข่าวถึงเรื่องรุ้งระวีน้องใหม่ในสังกัด ทุกคนพยายามสร้างภาพกันสุดฤทธิ์ เจ๊จวงสบโอกาสเข้าไปลากจุ๊บแจงออกมาถามหาเจ๊จี่หอย เพราะมั่นใจว่าต้องไปอยู่กับรุ้งระวี

“เดี๋ยวพี่ไปสืบก่อนว่ามันอยู่ตรงไหน แล้วทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนของเรา” เจ๊จวงเดินออกไป
จุ๊บแจงมองตามอย่างงงๆ และไม่ทันเห็นว่า ทูนอินทร์กับอินทรเข้ามาได้ยินพอดี

ทูนอินทร์นึกสงสัยจึงแอบตามเจ๊จวงไป

เวลาเดียวกันนั้น อิทธิแยกตัวออกมาจากกลุ่มนักข่าวเพื่อจะเข้าไปดูแลรุ้งระวีในห้อง เจ๊จวงเห็นเข้าจึงรีบตามไป ทูนอินทร์และอินทรไม่รอช้ารีบตามเจ๊จวงไปเช่นกัน

อิทธิเข้ามาในห้องวีไอพี เขาดูรุ้งระวีอย่างปลาบปลื้มพลางเอ่ยชมว่า เธอสวยจนไม่มีที่ติ รุ้งระวีขอบคุณชายหนุ่ม แล้วเอ่ยถามว่าจะออกไปได้เมื่อไหร่

“เครื่องแลนดิ้งแล้ว กว่าจะผ่าน ตม. ก็อีกครึ่งชั่วโมง” อิทธิบอก

เจ๊จวงมองผ่านกระจกห้อง เห็นอิทธิคลอเคลียกับรุ้งระวี และเบื้องหลังของเธอ มีทูนอินทร์กับน้องชายแอบอยู่

“นังรุ้งเป็นเรื่องแน่” เจ๊จวงหยิบมือถือขึ้นกดโทร.สั่งให้จุ๊บแจงรีบพานักข่าวมาที่ห้องวีไอพีเพื่อเปิดโปงความจริง แล้วรีบหลบออกไป เพราะอิทธิเปิดประตูออกมาพอดี

ทูนอินทร์กับอินทรได้ยินทั้งหมด อินทรถามพี่ชายว่าจะเอาไงต่อ เพราะไม่ได้มีแค่ทูนอินทร์ที่จะเปิดโปงเรื่องแหม่มกำมะลอเสียแล้ว

“ไม่ได้ว่ะ...งานนี้ต้องมีเราเจ้าเดียวเท่านั้น” ทูนอินทร์เหลือบไปเห็นห้องเก็บของด้านหลัง มีชุดพนักงานของสนามบิน และอุปกรณ์ทำความสะอาดวางอยู่ก็เกิดไอเดีย ชวนน้องชายปลอมตัวเป็นพนักงานของสนามบินเข้าไปทำความสะอาดในห้องวีไอพีที่รุ้งระวีเก็บตัวอยู่ และช่วยพาเธอออกมาจาก กองทัพนักข่าวได้อย่างหวุดหวิด

ooooooo

ทูนอินทร์กับอินทรพารุ้งระวี มะปราง และจี่หอย มาหลบที่มุมเก็บของ โดยมีจุ๊บแจงและเจ๊จวงวิ่งนำออกมา ตามมาด้วยทัพนักข่าว

“เมื่อกี้น้องแจงบอกว่า จะให้เจอรุ้งระวี รุ้งระวีที่กำลังเดินทางมาน่ะเหรอคะ นี่หมายความว่ารุ้งมาถึงแล้วเหรอ” นักข่าวเปิดประเด็น

“ไม่ได้มาถึงค่ะ ไม่ได้มาจากไหนทั้งนั้น อยู่เมืองไทยนี่แหละค่ะ แจงเห็นกับตา ที่ตลาดดอนหวายค่ะ คนทั้งตลาด ก็เห็น” จุ๊บแจงจีบปากจีบคอ

เจ๊จวงเห็นท่าไม่ดีรีบกระซิบเตือน “พอแล้วแจงอย่าพูดมาก เดี๋ยวจะเข้าตัว”

นักข่าวฮือพร้อมกันเตรียมเต้าข่าวต่อ รุ้งระวีที่แอบอยู่มองเขม้นไปที่เจ๊จวงแล้วจำได้ทันที เธอบอกกับเจ๊จี่หอยว่า เจ๊จวงมาเจอเธอที่บ้านและเป็นคนให้เธอติดรถไปลงที่ตลาดดอนหวาย

“แสดงว่าเจ๊จวงกับพี่จุ๊บแจงตามเราไปจนถึงบ้านแน่ๆ” มะปรางมั่นใจ

“อยากตาย” เจ๊จี่หอยสะอื้น แล้วหันไปซบไหล่อินทร

“อย่าเพิ่งตายพี่หอย สองคนนี่เป็นใครมาจากไหน เรายังไม่รู้จักเลย” รุ้งระวีนึกได้

“เออ นั่นซี นายสองคนเป็นใคร เข้ามาทำความสะอาด หรือเข้ามาช่วยเรา แล้วอยู่ดีๆมากอดฉันทำไม เห็นฉันสวยเหรอ” เจ๊จี่หอยโวยวาย

ทูนอินทร์และอินทรมองหน้ากัน แล้วทูนอินทร์ก็อธิบายที่มาของตนเองกับน้องชาย เป็นภาษาอีสาน พร้อมดัดเสียงให้รุ้งระวีจำไม่ได้

“ผมบังเอิญได้ยินเจ๊คนนั้นเขาคิดจะแกล้งคุณรุ้งน่ะครับ ผมก็เลยมาช่วย คือผมเป็นแฟนเพลงคุณรุ้งนะครับ” ทูนอินทร์ทำเอียงอาย

“ฉันออกเพลงมาแค่เพลงเดียวนะ”

“นั่นละครับ ฝากจิ้มแจ่วไปแอ้ลเอ๋ แอ้ลเอ๋ แหม...เสียงเพราะยังกะหยวกกล้วย”

“ว้าย...นั่นมันผิวในร่มผ้าน้องรุ้ง ไม่ใช่เสียง คิดลามกรึเปล่า”

“เปล่าครับ ติดใจเสียงจริงๆ ยิ่งเห็นในมิวสิก อู๊ย...สวยคั่กๆ หลายเด้อ มาเจอตัวจริงเข้า ยิ่งสวยแซ่บอีหลีอีหลอเล้ย”

รุ้งระวีแอบยิ้ม มะปรางนึกขึ้นได้จึงร้องถามเจ๊

“พี่หอย แสดงว่าพวกนี้รู้ความลับเรื่องพี่รุ้งไม่ได้มาจากแอลเอแล้วน่ะซี ทำไงล่ะ”

เจ๊จี่หอยสั่งให้ทุกคนรูดซิป ทูนอินทร์ และอินทรมองซิปกางเกงตัวเอง แล้วทำท่ารูดพร้อมกัน เจ๊จี่หอยส่ายหน้าบอกว่า เธอหมายถึง รูดซิปปากคือห้ามพูดเด็ดขาด

“ได้ครับ เราจะไม่พูดเพื่อให้คุณรุ้งลวงโลกต่อไปครับ” ทูนอินทร์แอบกัด แล้วส่งสายตาให้รุ้งระวี

“ขอบใจพี่หอย  ได้เวลาไปลวงโลกกันแล้วล่ะ” รุ้งระวีชวน

“ไป...ไปลวงโลกกัน ต๊ายอย่าพูดอย่างนี้ซีคะ ติดปากเลย นี่ยังไงก็ขอบใจนะที่ช่วย แล้วพวกนายชื่ออะไรล่ะ”

“ผม เคน พี่นายธีรเดชคนนี้”

“ส่วนผม ธีรเดช น้องพี่เคน คนนี้ครับ” สองพี่น้องแนะนำตัว

“แหม...งั้นฉันชื่อแอนทอง น้องพี่แอนเทย คนไหนก็ไม่รู้ละไปละนะ” เจ๊จี่หอย รุ้งระวี และมะปรางจะเดินออกไป แต่ทูนอินทร์เอ่ยขึ้น

“คุณรุ้งครับ ผมว่าคุณรุ้งอย่าใส่ชุดนี้เลย นักข่าวพวกนั้น เห็นชุดคุณรุ้งแล้วทั้งตัว ถึงจะเห็นแค่ด้านหลังก็เถอะ ผมว่าจะลวงโลก เอ๊ยหลอกคนให้แนบเนียน คุณรุ้งเปลี่ยนชุดใหม่จะเหมาะกว่า”
“จริงด้วยค่ะพี่” มะปรางเห็นด้วย

รุ้งระวีมองท่าทีหยัน ๆ ของทูนอินทร์อย่างหมั่นไส้ แต่ก็ยอมทำตามคำแนะนำ

ด้านเจ๊จวงกับจุ๊บแจง ทั้งสองพานักข่าวลงมาที่โถงล่างของสนามบิน เพื่อตามล่ารุ้งระวี แต่ไม่พบ พวกเธอสีหน้าไม่ดีนัก เพราะไม่มีหลักฐาน นักข่าวคนหนึ่งเสนอว่า จะไปถามความจริงจากอิทธิ เจ๊จวงร้องห้าม แล้วออกตัวว่า เธอกับจุ๊บแจงอาจเข้าใจผิดไปเอง

“เอาเป็นว่า...ใจเย็นๆ ก่อนนะคะ ถ้าเราเข้าใจผิดจริงๆ พวกน้องๆ ก็ถือเสียว่ายกโทษให้พี่นะคะ แล้วก็อย่าเอาข่าวที่พวกเราเข้าใจผิดไปออกสื่อนะค้า ขอร้องละนะค้า ไหว้ละ” เจ๊จวงยกมือไหว้แล้วตีแขนจุ๊บแจงให้ไหว้ตาม

ooooooo

แล้วเวลาที่รอคอยมาถึง เสียงฮือฮาดังขึ้น ทุกคนหันไปที่ประตูผู้โดยสารขาเข้า จี่หอยและมะปรางช่วยเข็นรถใส่กระเป๋าเดินทางของรุ้งระวีนำเข้ามา พร้อมกับร่างของรุ้งระวีที่อยู่ในชุดอีสานประยุกต์สวยสง่ากว่าเดิมหลายเท่า แฟนเพลงและนักข่าวกรูกันไปที่รั้วกั้น เสียงปรบมือดังกึกก้องเกรียวกราว รุ้งระวีเดินมากลางทางเดิน แล้วไหว้แฟนเพลงด้วยท่วงท่างดงาม

เจ๊จวงกับจุ๊บแจงตะลึง ขวัญข้าวกับอาชามองอย่างเหยียดๆ มีเพียงอิทธิมองอย่างปลื้ม รุ้งระวียิ้มให้แฟนเพลง วงดนตรีที่รออยู่ขึ้นเพลง “ฝากจิ้มแจ่วไปแอลเอ”

รุ้งระวีผ่านรั้วกั้นออกมา นักข่าวเข้ามารุมถ่ายรูปอิทธิที่รออยู่ ส่งไมค์ให้รุ้งระวีทักทายแฟนเพลงด้วยน้ำเสียงแปร่งแบบฝรั่ง

“สวัสดีค่ะ พ่อแม่พี่น้อง แฟนเพลงของรุ้งทุกคน รุ้งดีใจเหลือเกินที่ได้กลับมาเมืองไทย ก่อนอื่นรุ้งขอกราบแผ่นดินเกิดของรุ้งก่อนนะคะ” รุ้งระวีก้มลงกราบที่พื้นด้วยท่วงท่าอ่อนช้อย ทั้งโถงเงียบกริบ

ทูนอินทร์สีหน้าชื่นชมในความฉลาดของรุ้งระวี เขาเห็นเธอค่อยๆเงยหน้าที่น้ำตานองหน้าขึ้นมา คนดูปรบมือเกรียวกราว จี่หอย มะปราง และอิทธิยิ้มปลื้ม อิทธิช่วยประคองรุ้งระวีลุกขึ้น

“รุ้งได้กลับมาเมืองไทยแล้ว รุ้งอยากบอกอะไรกับคนไทยบ้างครับ” อิทธิเอ่ยถาม

“รุ้งรักเมืองไทยค่ะ และเพลงนี้ขอมอบให้มิตรรักแฟนเพลงทุกคน” รุ้งระวีเดินออกมาด้านหน้าเพื่อร้องเพลง “ฝากจิ้มแจ่วไปแอลเอ” และเต้นไปพร้อมกับเหล่าหางเครื่องสาวๆ

เจ๊จวงกับจุ๊บแจงยืนมองอย่างขยะแขยง แต่ต้องตะลึงเมื่อเห็นขวัญข้าวและอาชาเข้ามาร่วมเต้นกับหางเครื่องด้วย

“น้องแจงคะ สับสนรึเปล่า ที่ว่ารุ้งระวีมาถึงเมืองไทยนานแล้วน่ะ มีเรื่องเกาเหลาอะไรกันรึเปล่าคะ พี่แจ็คกี้จะได้ไปเต้าข่าวต่อ” นักข่าวเข้ามาถาม

“ไม่มีอะไรทั้งนั้นละค่ะ เข้าใจผิดเฉย ๆ ต้องขอโทษด้วยนะคะ” เจ๊จวงฉีกยิ้ม

นักข่าวผิดหวังกลับไป จุ๊บแจงข้องใจถามว่า ทำไมต้องขอโทษนักข่าวด้วย เพราะมีหลักฐานอยู่ในมือ เจ๊จวงส่ายหน้าระอาใจก่อนชี้แจง

“สมองมีไว้ให้ฉลาดนะ รูปที่เราถ่ายไว้มันไม่ได้ถอดแว่น เอามาประจานก็ไม่มีใครเชื่อ”

เพลงจบลง ทุกคนปรบมือกราว ทูนอินทร์หันมาบอกกับน้องชาย

“เก่ง เก่งมาก คนนี้ละใช่แน่”

“ตกลงบอกได้รึยังครับ ว่าพี่มีข้อเสนออะไร”

“คนนี้ละจะมาร้องเพลงของฉัน” ทูนอินทร์มั่นใจ แต่อินทรส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย ทั้งสองมองไปที่รุ้งระวี เห็นแฟนเพลงเข้ามาคล้องมาลัยจนเต็มคอ

การแสดงเปิดตัวจบลง อิทธิพารุ้งระวีเข้าไปให้สัมภาษณ์ในห้องแถลงข่าวของสนามบินต่อ รุ้งระวีบอกประวัติของตัวเองกับนักข่าวตามข้อมูลของอิทธิเพื่อเรียกคะแนน ทุกคนปรบมือชื่นชม ยกเว้นเจ๊จวงกับจุ๊บแจงที่ยังแค้นใจไม่หาย

เจ๊จี่หอยไม่รอช้า รีบเข้าไปต่อว่าเจ๊จวงเรื่องพานักข่าวบุกไปที่ห้องวีไอพี และขู่ว่าจะฟ้องอิทธิ เจ๊จวงหน้าเสีย แต่ยังทำปากดีสวนกลับ

“ถ้าคนอย่างนังจวงตกงาน คนอย่างแกก็ไม่มีแผ่นดินจะอยู่ เอาซี้ คุณอิทธิไม่มีวันไล่ฉันออกหรอก ถ้าฉันออก นักร้องดังอย่างจุ๊บแจงอย่างขวัญข้าวก็ต้องออกตามฉันด้วย คุณอิทธิยอมไหมล่ะ” เจ๊จวงเดินหนี

“อีเลวระดับชาติ” เจ๊จี่หอยด่าตามหลัง

“พี่หอย คนนี้น่ะเหรอที่หลอกรุ้งไปที่ตลาด” ทูนอินทร์เข้ามาถาม

“นังงูพิษนี่แหละคุณ นี่รุ้งยังไม่ได้เข้าบริษัทยังโดนแกล้งขนาดนี้ ถ้าเข้าไปอยู่ร่วมกับพวกมันต้องไม่เหลือดีแน่ๆ เลย หอยคนเดียวคงดูแลรุ้งไม่ได้เต็มที่หรอก คงต้องหาใครสักคนที่จะมาช่วยหอยได้” จี่หอยหันไปซบไหล่อินทรที่ตามพี่ชายเข้ามา

ทูนอินทร์มองไปที่รุ้งระวีที่กำลังให้สัมภาษณ์อย่างเป็นห่วง

ooooooo

งานแถลงข่าวผ่านพ้นไป อินทรเดินมาตามพี่ชายกลับบ้าน แต่ทูนอินทร์จะรอพบรุ้งระวีก่อนเพราะอยากให้เธอดูเพลงที่เขาแต่ง

“พี่เลิกฝันเถอะครับ เขาอยู่บริษัทใหญ่อย่างนี้ เขาไม่สนเพลงอินดี้ของพี่หรอก” อินทรพูดแทงใจ ทูนอินทร์หน้าสลดจะเดินตามน้องชาย แต่ต้องเบรกกันทั้งคู่ เพราะรุ้งระวีกับมะปรางเดินมาขวางหน้าไว้ แล้วสองสาวก็ช่วยกันดึงหนวดปลอมออกจากใบหน้าของสองหนุ่ม

“โอ๊ย เจ็บ เบาๆครับ กาวมันเหนียว” ทูนอินทร์กับอินทรร้อง

“นี่ไง นายนักร้องลงตุ่มนั่นเอง นายไม่ใช่แฟนเพลงฉันสักหน่อย มาหลอกกันทำไม”รุ้งระวีต่อว่า และนึกระแวงขึ้นมาจึงรีบถามต่อ “นายเป็นนักสืบเหรอ”

“เปล่าครับ เป็นแค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ที่หลงรักคุณเข้าแล้ว แต่อย่าเข้าใจผิด ผมแค่หลงรักเสียงร้องคุณต่างหาก” ทูนอินทร์ส่งยิ้ม

“กวนที่สุดเลยนายเนี่ย ฉันไปละ แต่นายห้ามพูดเรื่องฉันเด็ดขาด” รุ้งระวีขอร้อง

“ได้ครับ แต่ยังสงสัยอยู่เรื่องในเมื่อคุณสวยเสียขนาดนี้ ร้องเพลงก็เก่งขนาดนี้ ทำไมต้องหลอกคนฟังละครับ”

“ฉันไม่ได้อยากทำหรอกนะ แต่มันจำเป็น” รุ้งระวีหน้าสลด รีบชวนมะปรางเดินหนี

“แสดงว่าโดนบังคับมาแน่ ๆ” ทูนอินทร์มองตามอย่างเห็นใจ

“เขาพูดแค่นี้ก็เชื่อเขาแล้ว กลับพี่ กลับ เลิกเพ้อเสียที” อินทรดึงพี่ชายกลับเดินออกไปอีกทาง

ooooooo

ต้มยำลำซิ่ง

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด