ตอนที่ 3
ศักยะกลับมาถึงห้องพักก็ตรงเข้าล้างหน้า ภาพเหตุการณ์ตอนรัชต์กล่อมคนงานได้สำเร็จแวบเข้ามา
“ฮีโร่” ศักยะเหยียดปากพึมพำกับเงาตัวเอง แล้วเบี่ยงตัวไปหยิบผ้ามาเช็ดหน้า แต่ต้องชะงักเพราะเงาในกระจกไม่ได้ตามมาด้วย ยังกลับยิ้มกริ่มอยู่ที่เดิม ศักยะมั่นใจเป็นพรายจำแลงมาแน่
เงาพรายเข้ามายุแยงให้ศักยะริษยารัชต์มากขึ้น พร้อมอาสาจะทำให้ความปรารถนาทุกอย่างของศักยะเป็นจริง ศักยะจมดิ่งอยู่กับความริษยาต้องการเหนือรัชต์ในทุกเรื่อง เงาพรายแสยะยิ้มพอใจที่ครอบงำจิตใจศักยะให้ขุ่นมัวได้สำเร็จ
เช้าวันใหม่ ศักยะยืนคุยเรื่องงานอยู่กับเรนในออฟฟิศ รัชต์เดินออกมาตาม เพราะจะให้ศักยะไปพบลูกค้าแทนใน ตอนบ่าย แล้วหัวหน้าคนงานที่ก่อหวอดประท้วงก็เข้ามาต่อว่า รัชต์เพราะแค้นที่โดนแม่รัชต์ไล่ออก เขาชักปืนออกมาจะยิงรัชต์ ศักยะพุ่งเข้าชาร์จแย่งปืน ทั้งคู่ต่อสู้กันพัลวัน ครู่เดียวก็มีเสียงปืนดังลั่นขึ้น ศักยะผงะออกมาพร้อมกับแผลถูกยิงถากที่หัวไหล่
หัวหน้าคนงานตกใจผละออกมา เรนหยิบแจกันดอกไม้ที่อยู่ใกล้มือฟาดใส่ท้ายทอยหัวหน้าคนงานจนแจกันแตกเป็นเสี่ยง รัชต์เข้าไปแย่งปืนมาได้
“มึงตาย” ศักยะแค้นจะเข้าไปขย้ำหัวหน้าคนงาน
หัวหน้าคนงานกลัวศักยะรีบลนลานวิ่งหนีออกไปทันที ศักยะหน้าดำคล้ำตาขวางๆ วิ่งไล่ตามออกไปติดๆ
“พี่ตั้น ปล่อยเขาไปเถอะค่ะ” เรนวิ่งตามไปด้วยความเป็นห่วง ขณะที่รัชต์รีบไปกดโทรศัพท์แจ้ง 191
ศักยะวิ่งไล่กวดหัวหน้าคนงานมาด้วยความแค้นใจ หัวหน้าคนงานพยายามจะหนีแต่ศักยะตามล่าไม่เลิก ส่วนเรนก็วิ่งตามและพยายามตะโกนเรียกเตือนสติศักยะ
เมื่อมาถึงถนนใหญ่ หัวหน้าตัดสินใจจะวิ่งข้ามไปอีกฟาก แต่มือของพรายยื่นออกมาจากท่อระบายน้ำดึงขาหัวหน้าคนงานไว้ ทำให้ล้มไปข้างหน้า จังหวะนั้นเองรถแล่นมาชนตูม เสียชีวิตคาที่ ศักยะยืนช็อก เรนวิ่งมาหยุดข้างๆ ยกมือปิดปากด้วยความตกใจ ศักยะหน้าซีดเมื่อเห็นหางงูดำมะเมื่อมเลื้อยลงท่อระบายน้ำไป
ooooooo
ศักยะหลบมานั่งที่สวนหลังบ้าน เขามองไปรอบตัวพลางเอ่ยถามพรายว่า ฆ่าหัวหน้าคนงานทำไม
“เราก็ทำตามที่ท่านต้องการน่ะสิศักยะ ท่านลืมแล้วรึว่าท่านเป็นคนออกปากเองว่าต้องการให้มันตาย ทุกความปรารถนาของท่านต้องเป็นจริง” เสียงพรายตอบกลับมา
ศักยะคิดทบทวน จำได้ว่า ตนพลั้งปากไปจริงๆ ก็รีบออกตัวว่า ตอนนั้นเขากำลังโมโห พรายหัวเราะเบาๆ ขำกับความกลัวและไร้เดียงสาของศักยะ ศักยะกวาดตามองหาพรายก็เห็นเรนกำลังเดินมาหา
“คุยกับใครอยู่คะพี่ตั้น” เรนทัก
ศักยะฝืนยิ้มโกหกว่าคุยโทรศัพท์กับเพื่อนอยู่ แล้วถามเรนว่า มีธุระอะไรหรือเปล่า เรนว่า คุณตาให้ชวนศักยะไปทานข้าวเย็นด้วยกัน ศักยะรีบรับคำและอาสาโชว์ฝีมือทำกับข้าวหนึ่งจาน
“งั้นเรนโทร.บอกคุณตาเลยนะคะ” เรนเดินแยกออกไปโทรศัพท์
ศักยะกวาดตามองรอบๆตัว ถอนใจยาวอย่างไม่สบายใจนัก
รัชต์มาส่งพิมพ์พัสตราที่หน้าผับเพราะติดงานจึงลงไปเที่ยวกับเธอไม่ได้ พิมพ์พัสตราทำเป็นเข้าใจ แต่ไม่วายกระเซ้า
“ระวังนะ บ้างานมากๆ พิมจะหายตัวไปเลย ทิ้งให้อยู่กับงานคนเดียวซะให้เข็ด”
“พี่ทำงานหนักก็เพื่อเรานะพิม ถึงเราจะมีเงิน แต่ถ้าไม่สร้างอะไรที่เป็นของเราเอง มันก็ไม่มีความภาคภูมิใจหรอกนะ” รัชต์จับมืออ้อน
“จ้า อยากมีแฟนเจ้าอุดมการณ์ก็ต้องอดทน” พิมพ์พัสตรายิ้มหวาน เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เธอกดรับแล้วส่งเสียงทักทายโทนี่อดีตแฟนที่เพิ่งกลับมาถึงเมืองไทยอย่างใส่จริต แถมยังนัดโทนี่ให้ออกมาเที่ยวด้วยกัน รัชต์ได้ยิน ก็แอบเครียด
ooooooo
วันต่อมา พิมพ์พัสตรามารับเงินค่าที่ดิน ที่เธอมาเสนอขายให้รัชต์ รัชต์ชวนออกไปทานอาหารกลางวันด้วยกัน แต่ถูกปฏิเสธ เพราะพิมพ์พัสตรานัดกับโทนี่ไว้แล้ว รัชต์หน้าเสีย แต่ไม่อยากแสดงความหึงหวงมากเพราะให้เกียรติคนรัก ในขณะที่โทนี่ซึ่งรออยู่หน้าบ้านก็กำลังมีปากเสียงกับศักยะ เพราะไม่พอใจที่ศักยะมาบอกให้เขาเลื่อนที่จอดรถขวางหน้าประตูอยู่ พิมพ์พัสตราออกมา เธอร้องเรียกศักยะแล้วแนะนำให้สองหนุ่มรู้จักกัน
โทนี่มองศักยะด้วยสายตาดูถูกเมื่อรู้ว่าเขาเป็นพนักงานขาย ศักยะขบกรามแน่นด้วยความแค้นใจ พิมพ์พัสตราเห็นท่าทางสองคนนี่ก็รู้ว่ามีเรื่องแน่ จึงรีบตัดบทชวนโทนี่ออกไปทานกลางวัน โทนี่เดินโอบเอวพิมพ์พัสตราไปขึ้นรถแล้วหันมาเย้ยศักยะให้ถอยเศษเหล็กมือสองออกไปไกลๆ เพราะเขาจะกลับรถ
ศักยะจ้องหน้าโทนี่ด้วยความแค้นก่อนเดินไปขึ้นรถตนถอยออกไปอย่างเร็ว แล้วเปลี่ยนเป็นเกียร์เดินหน้าจงใจเหยียบรถพุ่งเข้าใส่รถโทนี่ โทนี่หันมองตกใจรีบบีบแตรสนั่นด้วยความตกใจ พิมพ์พัสตราอมยิ้มพอใจที่ถูกหนุ่มๆหึงหวงใส่กัน
ศักยะเข้ามาโวยกับรัชต์เรื่องโทนี่ รัชต์ที่มองโลกในแง่ดีเข้าใจว่า ศักยะเจ็บแค้นแทนจึงรีบอธิบาย
“ถ้าเกิดฉันไปหึงหวงใส่เค้า ฉันกลัวว่าพิมเขาจะหาว่า ฉันไม่ไว้ใจเขาน่ะสิ”
“แกก็เลยต้องแสดงตัวเป็นสุภาพบุรุษ ด้วยการไม่ทำอะไรเลยอย่างงั้นน่ะเหรอะ ท่าทางไอ้โทนี่มันไว้ใจได้ซะที่ไหน แกจะเปิดโอกาสให้มันอยู่กับคุณพิม ทำไม คอยดูเถอะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณพิมแล้วแกจะเสียใจ”
ศักยะหัวเสียออกจากห้องไป รัชต์คิดหนักแต่ไม่รู้เลยว่าที่ศักยะพูดไปทั้งหมดนั้น เพราะแอบหึงพิมพ์พัสตรามากกว่าห่วงเพื่อน
ศักยะตามเรนมารอรับตาเลิศท่ีสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง เขาคุยกับเธอเรื่องพิมพ์พัสตรากับโทนี่อย่างเจ็บแค้น ทำให้เรนประทับใจ เพราะคิดว่าศักยะรักเพื่อนมาก ศักยะนึกละอายรีบเปลี่ยนเรื่อง เมื่อเห็นตาเลิศออกมา
“ไงครับตา ได้มาเจอเพื่อนเก่าๆ สนุกไหมครับ”
“ไม่ได้เจอแค่เพื่อนเก่าเท่านั้นน่ะสิ” ตาเลิศถอนใจสีหน้าไม่ดีนัก ศักยะหันไปมองก็เห็นสร้อยทิพย์เดินตามมาด้วย เขารีบยกมือไหว้ เรนประหลาดใจถามว่าแม่มาได้อย่างไร
สร้อยทิพย์บอกว่าทราบเบอร์จากเพื่อนเก่าของคุณตาจึงตามมา จะขอร้องให้ตาเลิศกลับไปร่วมงานแต่งของเธอกับทัดสิงห์ในฐานะญาติเจ้าสาว ตาเลิศกับเรนมองหน้ากันคิดหนัก ศักยะเห็นสีหน้าทุกคนก็ชวนกลับไปคุยกันต่อที่บ้าน
ศักยะนึกเห็นใจเรนแต่ไม่รู้จะช่วยอย่างไร เพราะเป็นเรื่องในครอบครัวจึงเดินเลี่ยงออกมาเพื่อให้ทั้งสามคุยกันได้อย่างสะดวกใจ สร้อยทิพย์บีบน้ำตาขอร้องให้ตาเลิศเห็นใจเพราะ เธออยากใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับทัดสิงห์จริงๆ ตาเลิศเห็นน้ำตาลูกสาวก็ใจอ่อน เรนไม่อยากให้คุณตาต้องอึดอัดใจจึงตัดบท
“คุณตาคะ ถ้าคุณตาใจอ่อนก็กลับไปคนเดียวเลยนะคะ”
สร้อยทิพย์แอบค้อนใส่ลูกสาว ขณะที่ตาเลิศมองหน้าลูกที หลานที ไม่รู้จะทำยังไง
ศักยะเดินออกมาเชิญทัดสิงห์ที่รออยู่ข้างรถให้เข้าไปนั่งข้างในก่อน แต่ทัดสิงห์กลับใช้ให้ไปตามสร้อยทิพย์ออกมา อ้างว่ามีธุระต้องไปอีกหลายที่
“คุณสร้อยคุยธุระเสร็จก็คงออกมาเองล่ะครับ” ศักยะเริ่มไม่พอใจ
“ไม่รู้จะอะไรหนักหนา พ่อเขาไม่อยากไปงานก็ไปบังคับเขาอยู่ได้ แก่ปูนนี้แล้ว ไปก็เป็นภาระเปล่าๆ ไม่เห็นจะมีประโยชน์อะไรเลย” ทัดสิงห์เปิดประตูรถเข้าไปนั่ง แล้วบีบแตรเร่งอย่างไม่ไว้หน้าใคร
ศักยะหงุดหงิด บ่นกับตัวเองว่าทำไมวันนี้เจอแต่คนเฮงซวย พลางนึกเห็นใจเรนที่มีพ่อเลี้ยงแบบนี้
ooooooo
ศักยะออกมานั่งคลายเครียดที่ผับและพบพิมพ์-พัสตรากำลังนั่งคุยเฮฮาปาร์ตี้อยู่กับโทนี่ที่มุมหนึ่ง เขาไม่พอใจที่เห็นโทนี่ถึงเนื้อถึงตัวพิมพ์พัสตราแบบเนียนๆ โดยที่พิมพ์พัสตราก็ไม่ได้ถือสาอะไร ศักยะโทร.ไปฟ้องเรน แต่เรนว่าคงไม่มีอะไรเพราะพิมพ์พัสตรารักรัชต์มาก ศักยะจึงใส่ไฟต่อจนเรนนึกกลัวขอให้ศักยะคอยดูเชิงไว้ก่อน และถ้าเห็นท่าไม่ดีก็โทร.
มาเพราะเธอจะรีบไป แล้วกดวางสาย
“ยังไม่นอนอีกเหรอเรน” ตาเลิศเข้ามาทักทาย
“ยังหรอกค่ะ งานรออีกเป็นกอง ตาจะใช้อะไรเรนรึเปล่าคะ” เรนหันมาคุยด้วย
ตาเลิศหน้าขรึมลง เอ่ยถามว่าโกรธหรือเปล่าที่ตนรับปากจะไปงานแต่งของสร้อยทิพย์
“เรนจะโกรธตาได้ยังไงล่ะคะ ยังไงแม่เขาก็เป็นลูกของตา เขาร้องไห้ซะขนาดนั้น ตายังใจแข็งอยู่ได้ก็แปลกแล้วล่ะค่ะ”
“ขอบใจนะที่เราเข้าใจตา ได้ยินอย่างนี้ตาก็ค่อยสบายใจขึ้นหน่อย ก็อย่างที่เราว่านั่นแหละ ยังไงแม่เขาก็เป็นลูก จะดีจะเลว ตาก็ตัดเขาไม่ขาดหรอก เราก็เหมือนกันนะ แม่เขาจะถูกจะผิดยังไงเขาก็เป็นแม่ ต้องยกให้เขาคนหนึ่งล่ะ อย่าไปโกรธ
ไปเกลียดแม่เขา ชีวิตเรนจะเจริญนะลูกนะ”
“ค่ะคุณตา” เรนยิ้ม
ทันใดนั้นเอง ตาเลิศก็รู้สึกร้อนระอุปนอึดอัดขึ้นมาอย่างประหลาด จนมองหาที่มาของไอร้อนนั่น
“มีอะไรค่ะ”
ตาเลิศรู้ด้วยสัมผัสที่หกว่า มีสิ่งชั่วร้ายอยู่ใกล้ๆ แต่ห่วงว่าเรนจะกลัวจึงเปลี่ยนเรื่อง พลางขอตัวไปนั่งทำสมาธิในห้อง เรนมองตามนึกห่วงคุณตา เกรงว่าจะไม่สบาย
ooooooo
ศักยะนั่งซุ่มจับตาดูโทนี่และพิมพ์พัสตรากระเซ้าเย้าแหย่กัน แล้วก็ทนอยู่ต่อไม่ไหว ลุกเดินออกไป ส่วนโทนี่เมื่อเห็นว่าพิมพ์พัสตราไม่ปัดป้องเมื่อรุกถึงตัวมากขึ้น ก็เริ่มได้ใจชวนไปต่อกันที่คอนโดฯ แต่พิมพ์พัสตราปฏิเสธว่าเธอมีแฟนแล้ว โทนี่ใจกล้าขอเป็นกิ๊ก พิมพ์พัส-ตราไม่พอใจลุกเดินหนี
โทนี่เจ็บใจที่โดนปฏิเสธอย่างไม่แคร์จึงรีบตามไปต่อว่า “เธอมันก็ไม่ได้ดีกว่าฉันเท่าไหร่นักหรอก ตอนแรกก็อ่อยฉันอยู่ดีๆ พอเห็นไอ้รัชต์มันรวยกว่าก็ถีบหัวส่งฉันไปเกาะมัน ไปด้วยกันเลย รับรองเธอจะติดใจ” โทนี่กระชากแขนพิมพ์พัสตราจะพาไปที่รถของเขา
“ไอ้ทุเรศ” พิมพ์พัสตราใช้กระเป๋าถือตีโทนี่
โทนี่จับมือพิมไว้ทั้งสองข้าง ทั้งคู่ยื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่ ศักยะที่กำลังจะกลับเห็นเหตุการณ์จึงเข้าไปชกโทนี่ล้มคว่ำไป พิมพ์พัสตราวิ่งเข้ามาหลบหลังศักยะ ขอร้องให้ช่วยเธอด้วย โทนี่เห็นศักยะเอาจริงก็เดินกลับเข้าผับไปอย่างหัวเสีย ส่วนพิมพ์พัสตรายิ้มเยาะโทนี่ แล้วใส่จริตอ้อนให้ศักยะไปส่งบ้าน
ตาเลิศนั่งสมาธิแผ่เมตตาอยู่บนเตียง มีไม้เท้าของชัดวางอยู่ตรงหน้า ในขณะที่เรนยังคงนั่งทำงานอยู่ในห้อง พรายปรากฏตัวขึ้น มันจะจัดการกับเรน แต่ทำไม่ได้ เพราะจู่ๆเกิดแสงสว่างรอบตัวเรน มันผงะออกพร้อมกับส่งเสียงกรีดร้องโหยหวน
“ไอ้เลิศ มึงขัดขวางกู มึงกับกูต้องเห็นดีกัน” เสียงพรายคำรามก้องด้วยความโกรธแค้น
ooooooo
ศักยะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้รัชต์ฟัง พร้อมกับต่อว่าที่รัชต์ไว้ใจคนอย่างโทนี่ รัชต์รู้สึกผิดมากแต่ก็รีบขอบใจศักยะที่ตามไปช่วยพิมพ์พัสตราได้ทัน
“แทนที่แกจะขอบใจฉัน ฉันว่าแกเอาเวลาไปใส่ใจคุณพิมมากขึ้นจะดีกว่า ฉันไม่ได้ตามไปช่วยเขาได้ทุกครั้งนะโว้ย”
“ฉันรู้แล้วน่า ที่ผ่านมาฉันให้เวลาพิมน้อยเกินไป จริงๆ
คุณแม่ก็เตือนอยู่เหมือนกันขอบใจแกอีกครั้งนะตั้น แกนี่เป็นเพื่อนที่ดีของฉันจริงๆ” รัชต์ซึ้งใจ
ศักยะหน้าเจื่อน ชักละอายใจ เพราะที่พูดไปเป็นเพราะแอบชอบพิมพ์พัสตราอยู่
ครู่ต่อมา ศักยะก็ตามเรนออกมาซื้อของ ในระหว่างท่ี
่
เรนเลือกของในร้าน เขาเดินออกมารับลมข้างนอก โทนี่ที่นั่งดื่มกาแฟอยู่ในร้านหรูกับเพื่อนๆหันมาเห็นก็นึกแค้น ชวนเพื่อนๆไปรุมซ้อม เรนถือถุงใส่ของเดินตามมาเห็นเข้า เธอร้องขอความช่วยเหลือ โทนี่และเพื่อนๆกลัวเรนจำหน้าได้รีบวิ่งหนีไป
“พี่ตั้นเป็นยังไงบ้างคะ” เรนวิ่งเข้ามาประคอง
ศักยะโดนซ้อม ปากแตก ใบหน้าช้ำบวม จุกจนพูดอะไรไม่ออก แต่แววตาอาฆาตแค้นอย่างที่สุด ในเย็นวันนั้น ศักยะออกมายืนอยู่หน้าบึงน้ำ เขามองไปรอบๆพลางเรียกหาพราย
“เราอยู่รอบๆตัวท่านเสมอ ศักยะ” น้ำในบึงก็กระเพื่อมเป็นระลอก
“แกจะทำทุกอย่าง ทุกความปรารถนาของฉันให้เป็นจริงได้ใช่ไหม ไอ้โทนี่มันลอบกัดฉัน ทวงความเป็นธรรมให้ฉัน เอาคืนมัน ยิ่งกว่าที่มันทำกับฉันเป็นร้อยเป็นพันเท่า” ศักยะโกรธแค้น
พรายหัวเราะด้วยความสะใจ มันปรากฏกายเป็นงูใหญ่ดำผุดดำว่ายในบึงด้วยความเบิกบานที่ได้ฆ่าคนตามคำสั่งของศักยะ ขณะที่ศักยะยิ้มที่มุมปากด้วยความสาแก่ใจ
ooooooo
กลางดึกคืนนั้นพรายจำแลงเป็นสาวสวยล่อโทนี่ออกมาจากผับด้วยกัน จากนั้นก็เผยร่างที่แท้จริงให้เห็นโทนี่ตกใจกลัวขับรถหนี พรายตามมาหลอกหลอนทำให้โทนี่ขับรถพุ่งชนต้นมะขามใหญ่ต้นเดียวกับที่จอนผูกคอตาย วิญญาณจอนยืนมองอยู่ใต้ต้นไม้ด้วยสีหน้าแววตา สงสาร เสียงพรายหัวเราะดังลั่น ด้วยความสะใจกับอีกหนึ่งชีวิตที่สนองความโหด
เหี้ยมของมัน
เลิศเข้ามาทักเรนที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อย่างตั้งอกตั้งใจ
“ข่าวกรรมตามสนองน่ะค่ะตา นายโทนี่ที่รุมทำร้ายพี่ตั้นรถคว่ำตายแล้วนะคะ” เรนพับหนังสือพิมพ์จะส่งให้ตาอ่านบ้าง แต่ทันใดนั้น สายตาก็เหลือบไปเห็นภาพข่าวการตายของโทนี่เข้า
“เอ๊ะ นี่มันลุงจอนนี่นา” เรนตกใจเมื่อเห็นภาพจอน
“ตาจอน คนเก่าคนแก่ของพี่ชัดน่ะเหรอ ไหนขอตาดู หน่อยซิ ไม่ได้เจอหน้าตั้งหลายสิบปีแล้ว” ตาเลิศหยิบหนังสือ– พิมพ์มาเพ่งดู เห็นภาพข่าว จอนยืนปะปนอยู่ในหมู่ชาวบ้านที่มามุงดูรถของโทนี่ที่อัดเข้ากับต้นมะขามใหญ่ ใต้ภาพเขียนหัวข้อข่าวว่า ไฮโซหนุ่มนักเรียนนอก ซิ่งเก๋งดับคาโค้ง 100 ศพ
“เออ เจ้าจอนจริงๆด้วย ไม่เจอกันตั้งนาน หน้าไม่เปลี่ยนเลย ไปเป็นไทยมุงกับเขาซะแล้ว” ตาเลิศขำ
เรนหน้าซีดเผือดบอกกับคุณตาว่า จอนตายไปแล้ว คุณตาเพ่งมองรูปภาพข่าวอีกครั้งที่เห็นจอนอยู่ในภาพชัดเจนเหมือนเป็นพวกไทยมุงคนหนึ่ง
ตาเลิศมั่นใจว่าจอนคงต้องการบอกอะไรแน่ จึงมาที่ต้นมะขามที่จอนผูกคอตาย ซึ่งบัดนี้กลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว
“จอน นี่ฉันเลิศ น้องชายพี่ลพเองนะ แกยังจำฉันได้ไหม ฉันเพิ่งรู้ว่าแกตาย ขอโทษนะที่ไม่ได้ไปงานศพ” ตาเลิศยื่นมือไปจับต้นมะขาม ต้นมะขามแผ่กิ่งก้านสาขารกครึ้ม มีลมพัดใบไม้ไหวเบาๆราวกับจอนตอบสนองต่อคำพูดของตาเลิศ
“จอน ที่ฉันเห็นในข่าวเป็นแกจริงๆ ใช่ไหม แกยังไม่ไปผุดไปเกิด เพราะมีอะไรบางอย่างที่ทำให้แกไปไม่ได้ มันเป็นความชั่วร้ายอย่างเดียวกับที่ฉันกำลังรู้สึกอยู่ตอนนี้ใช่ไหม” ขาดคำ ฟ้าที่กำลังสว่างอยู่ก็เริ่มมืดลง เลิศหันมองไปรอบๆ เห็นฝักมะขามที่ตกลงมาเคลื่อนที่เอง พยายามเขียนข้อความบางอย่างที่พื้นดินทราย
ตาเลิศเพ่งมอง แต่ยังไม่ทันรู้ว่าจอนเขียนอะไร ลมก็พัดแรงจนฝุ่นทรายตลบลบตัวอักษรหมดพร้อมๆกับมือของศักยะเลื่อนมาจับต้นแขนตาเลิศ
“อ้าว ตั้นเองเหรอ” ตาเลิศยิ้มรับนึกแปลกใจที่ศักยะโผล่มา การติดต่อกับจอนก็ขาดหายไปทันที
คุณตาชวนศักยะไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้จอนด้วยกันเพราะเพิ่งรู้ว่าจอนตายแล้ว ศักยะรู้สึกผิดรีบตามตาเลิศไป แต่เมื่อมาถึงหน้าโบสถ์ศักยะก็มีอาการเวียนหัว ใจสั่น แน่นหน้าอกจะเป็นลมขึ้นมาทันที เขารีบวางสังฆทาน แล้วเกาะกำแพงโบสถ์ไว้เพื่อพยุงตัวไม่ให้ล้มลงไป
“ตั้น เป็นอะไรไป” ตาเลิศจับมือศักยะ ปรากฏว่ามือเย็นจัดจนน่าเป็นห่วง
“ผมเวียนหัวมากเลยครับคุณตา ขอผมกลับไปนั่งพักที่รถก่อนนะครับ” ศักยะเดินเซๆ เลี่ยงออกไปอย่างเร็ว พอไกลพ้นตัวโบสถ์ อาการก็หายเป็นปลิดทิ้ง เขานึกสงสัยว่า ตัวเองเป็นอะไรกันแน่ แล้วคำพูดที่เลิศล้อว่าเขาเล่นของเพราะเป็นลมตอนเข้าโบสถ์ก็ผุดขึ้นมา ศักยะหน้าซีดเผือดกังวลใจเรื่องพราย ขณะที่เลิศก็มองตามศักยะด้วยความสงสัยเช่นกัน
ooooooo
พิมพ์พัสตรามานั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่กับรัชต์ที่บ้าน เพราะเสียใจที่โดนเม้าท์ว่า เป็นต้นเหตุทำให้โทนี่ตาย เธอบอกกับรัชต์ว่าจะหลบไปอยู่ที่อื่นซักพักและชวนรัชต์ไปเป็นเพื่อน
รัชต์หน้าเจื่อนเป็นห่วงงาน แต่อีกใจก็รู้สึกผิดที่ไม่ให้เวลาพิมพ์พัสตราจนเรื่องกลายเป็นแบบนี้ เขาจึงต่อรองกับเธอ “พิมรอพี่อีกซักสองสามวันได้ไหมจ๊ะ พี่จะเร่งเคลียร์งานให้เสร็จ แล้วเราไปพักผ่อนที่แคนาดากัน รอเรื่องซาๆ แล้วค่อยกลับมา”
“ก็ได้ค่ะ งั้นช่วงนี้พิมจะหลบอยู่ที่บ้านก่อนไม่ออกไปไหนก็แล้วกัน” พิมพ์พัสตรายิ้มได้
“ดีจ้ะ” รัชต์เบาใจหันไปเรียกไวที่เดินผ่านมาสั่งให้ไปจัดห้องนอนชั้นบนที่บริษัท เพราะจะไปค้างเพื่อสะสางให้เสร็จ ไวตกใจหน้าเสีย นึกห่วงเจ้านาย
หลังจากพิมพ์พัสตรากลับไปแล้ว รัชต์ก็จะออกไปทำงานที่ออฟฟิศ ไวตามมาห้ามไม่ให้รัชต์ไปพักที่นั้น
“ทำไมล่ะ นี่แกอย่าบอกนะว่ายังกลัวเรื่องที่คุณปู่ของตั้นตายที่บ้านอยู่อีก ถ้าตั้นรู้เข้า เดี๋ยวก็เป็นเรื่องอีกหรอก” รัชต์ดักคอ
“มันไม่ใช่แค่เรื่องนั้นหรอกครับ แต่ผมก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน แต่ผมว่าที่บ้านนั้นต้องมีอะไรซักอย่างแน่ๆผมพูดจริงๆนะครับ ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่รู้สึกแบบนี้ ทุกคนที่บริษัทก็กลัวกันทั้งนั้น เวลาอยู่คนเดียว มันเหมือนมีใครจ้องเราอยู่ตลอดเวลาก็ไม่รู้นะครับ แค่พูดยังขนลุกเลยครับ”
“ฉันก็ไม่ได้ปฏิเสธเรื่องพวกนี้หรอกนะไว แต่ฉันเชื่อว่าถ้าเราคิดดีทำดีมันก็ไม่มีใครหรืออะไรจะมาทำร้ายเราได้หรอก” รัชต์มั่นใจ
“แต่เราก็ไม่ควรเสี่ยงนี่ครับคุณรัชต์ ถ้าอยากเร่งงานจริงๆ ก็ขนงานกลับมาทำที่บ้านดีกว่านะครับ”
“อยู่บ้านมีสมาธิที่ไหนล่ะ เดี๋ยวพิมก็มาชวนคุย ชวนดูดีวีดี ไหนจะแม่อีก ยังไงงานก็ไม่เสร็จ”
“งั้นผมขอไปค้างด้วยคนละกัน เผื่อเกิดอะไรขึ้น ก็ยังพอช่วยเหลือกันได้ คุณรัชต์รอผมเก็บเสื้อผ้าเดี๋ยวเดียวนะครับ” ไวรีบไปเก็บของที่ห้องพักของตน
รัชต์ห้ามไม่ทันได้แต่มองตาม พลางยิ้มดีใจในความซื่อสัตย์ของไว
ooooooo
พนักงานหญิงคนหนึ่งนั่งทำงานอยู่หน้าเครื่องคอมพิวเตอร์คนเดียว พรายได้โอกาสจะเข้ามาเอาชีวิตแต่ศักยะเข้ามาพอดี พนักงานจึงรอดไปได้อย่างหวุดหวิด
“เรนกลับไปรึยัง ฉันมีเรื่องจะคุยกับเขาหน่อย” ศักยะถามหา
“เห็นถ่ายเอกสารอยู่น่ะค่ะ ป้อมกลับก่อนนะคะ พี่ตั้น” หญิงสาวลนลานออกไปเพราะนึกกลัวขึ้นมา
“ประสาท” ศักยะบ่นแล้วเดินไปหาเรนที่มุมถ่ายเอกสาร เห็นเธอกำลังซ่อมเครื่องถ่ายเอกสารอยู่ หมึกพิมพ์เลอะเต็มมือจนดำไปหมด
“เครื่องถ่ายเอกสารมันเสีย เรนก็เลยลองซ่อมดูน่ะค่ะ เรียบร้อยแล้ว” เรนประกอบเครื่องเสร็จก็ลองกดสวิตช์เดินเครื่องดูปรากฏว่าใช้ได้ เธอยิ้มดีใจ
ศักยะขำล้อว่าเรนทำได้ทุกอย่าง สมกับเป็นยักษ์ในตะเกียงของรัชต์จริงๆ
“เรื่องเล็กน้อยแค่เนี้ย ถ้าตามช่าง โดนฟันเละ” เรนเอามือปาดเหงื่อที่หน้าผาก หมึกดำเลยติดหน้าไปด้วย
ศักยะหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดให้ ทั้งสองสบตากันนิ่งรู้สึกวูบวาบในใจ แล้วรัชต์กับไวก็เข้ามาขัดจังหวะ รัชต์ว่าจะมาค้างที่นี่เพราะต้องเร่งเคลียร์งาน เพื่อไปเที่ยวแคนาดากับพิมพ์พัสตรา แล้วหันไปสั่งไวให้เอาของขึ้นไปเก็บและจัดห้องรอไว้เลย ไวรับคำพลางยกกระเป๋าขึ้นไปชั้นบน เรนตามไปช่วยไวด้วย
“เฮ้ย ไปทำงานก่อน” รัชต์เดินเข้าห้องทำงาน
ศักยะมองตามแล้วแทบช็อก เมื่อเห็นรอยน้ำรูปงูเลื้อยเป็นทางยาวบนพื้น เลื้อยตามหลังรัชต์ไปติดๆ เขารู้ได้ทันทีว่าพรายกำลังจ้องจะเล่นงานรัชต์แน่นอน
หลังจัดห้องให้รัชต์เรียบร้อยแล้ว ศักยะก็เดินออกมาส่งเรน สาวเจ้าแอบปลื้ม แต่ต้องเตือนตัวเองว่าศักยะไม่มีทางมองผู้หญิงอย่างเธอแน่ ด้านศักยะเมื่อเห็นเรนปลอดภัยแน่ก็รำพึงกับตัวเอง
“หมดห่วงไปหนึ่ง เหลืออีกหนึ่ง” ศักยะถอนใจรีบเดินกลับเข้าบ้านไปดูแลรัชต์ และนอนค้างเป็นเพื่อน
รัชต์เข้ามาในห้องนอน เห็นไวกำลังปูเสื่อเตรียมนอนกับพื้น ก็ไล่ให้ไวไปนอนห้องตัวเอง เพราะเขาไม่ใช่เด็กที่ต้องมีคนนอนเป็นเพื่อน ไวจำใจเก็บเครื่องนอนแต่ก็อดห่วงไม่ได้
“จะไปนั่งเฝ้าฉันอาบน้ำไหมล่ะ” รัชต์ล้อ
“ไม่เอาครับ กลัวเปลี่ยนใจ ไม่แต่งงานกับเข็มมัน” ไวเก็บของออกจากห้องไป
รัชต์ขำเดินไปคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไป ขณะที่ไวยืนมองอยู่หน้าประตูห้องพลางยกมือไหว้ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยคุ้มครองรัชต์ด้วย ไวตัดใจเดินลงไปชั้นล่าง แต่เงาของไวที่ผนังไม่เดินตามไปด้วย มันกลายร่างเป็นพรายแล้วเคลื่อนเข้าห้องนอนรัชต์ไป
ไวกดแป้นมือถือส่งข้อความลงมาที่ห้องรับแขก เจอกับศักยะที่นั่งอ่านหนังสือพอดี ไวยังคงคาใจถามศักยะว่า นึกอย่างไรถึงนอนค้างที่นี้ หรือว่าห่วงเพราะบ้านนี้มีอะไรแปลกๆ
“อะไรแปลกๆของนาย หมายความว่าไง นี่ตกลงยังไม่จบ จะหาเรื่องกันให้ได้ใช่ไหม” ศักยะเสียงเข้ม
“ผมก็แค่ถามดูเฉยๆ ถ้าพี่ตั้นไม่พอใจ ผมไม่คุยแล้วก็ได้ครับ” ไวเดินเลี่ยงไป
ศักยะมองตามไม่พอใจเพราะกลัวความลับเรื่องพรายจะแตกเหมือนกัน เขาเหลือบตามองไปทางชั้นบนด้วยความรู้สึกเป็นห่วงเพื่อน
รัชต์อาบน้ำเสร็จก็แอบงีบบนเตียง แต่ยังไม่ทันหลับก็เห็นเหมือนมีคนคนหนึ่งยืนอยู่ที่มุมห้องอันมืดสนิทและกำลังจ้องมาที่ตน รัชต์ตกใจจะลุกร้องเรียกให้คนช่วย แต่ไม่มีเสียง แขนขาก็อ่อนแรงขยับไม่ได้เหมือนถูกผีอำ
คนที่ยืนอยู่มุมห้อง ยื่นมือยาวเหยียดมีขนรุงรังเหมือนลิงมาบีบคอ รัชต์ตั้งสติได้ รีบสวดแผ่เมตตาในใจ พลันเกิดแสงสว่างวูบขึ้น จนมือร้ายต้องรีบชักกลับ มันคำรามด้วยความโกรธแค้น ก่อนจะเปลี่ยนร่างเป็นเงาครึ่งคนครึ่งงู ทาบทับอยู่บนผนังห้อง แล้วตรงเข้าเล่นงานรัชต์ทันที
ศักยะเผลอหลับไปบนโซฟาต้องสะดุ้งตื่น เพราะเหมือนมีคนมาเขย่าเรียกให้เขาไปช่วยเพื่อน ศักยะตกใจรู้ทันทีว่าเกิดเรื่องกับรัชต์แล้ว จึงรีบวิ่งขึ้นชั้นบน เป็นเวลาเดียวกับที่เงาของพรายอ้าปากกว้างเหมือนกำลังจะกลืนกินรัชต์ ศักยะก็เปิดประตูเข้ามาทันเวลาพอดี
“อย่านะ” ศักยะวิ่งเข้ามา
เงาพรายสีดำหันไปมองศักยะด้วยความโกรธแค้นที่เข้ามาขัดขวาง มันขู่คำรามก่อนจะเปลี่ยนร่างจากเงาครึ่งคนครึ่งงู แผ่พังพานขนาดใหญ่ ดวงตาแดงฉานเหมือนเลือด ศักยะยืนช็อกทำอะไรไม่ถูก แต่เงาพรายก็ไม่เข้ามาทำร้าย มันชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหายไป
เมื่อศักยะตั้งสติได้ ก็รีบเข้าไปหารัชต์ที่เหงื่อออกเต็มตัว หายใจแรง
ศักยะพารัชต์ลงมานั่งพักข้างล่าง แล้วเดินเลี่ยงออกไป ไวรีบเข้ามาดูแลเจ้านายพลางสอบถามเรื่องราวเพราะไม่เชื่อว่ารัชต์จะเป็นโรคหัวใจอย่างที่ศักยะบอก เขานึกสงสัยในท่าทางของศักยะ จึงแอบตามออกไป
ศักยะเดินออกมาที่สวนหลังบ้าน เขากุมท้องด้วยความเจ็บปวด เพราะถูกพรายลงโทษที่ผิดสัญญาเข้าขัดขวางไม่ให้มันเอาชีวิตรัชต์
“ฉันขอโทษ แต่รัชต์เขาเป็นนายฉัน แล้วก็เป็นเพื่อนฉันด้วย ถ้าเขาตาย ฉันก็เสียหายหลายอย่าง ทุกอย่างกำลังไปได้ดี ฉันไม่อยากเสียมันไป”
“ถ้าเว้นชีวิตนายของท่าน ท่านก็ต้องเอาคนอื่นมาแทน” พรายสั่งน้ำเสียงเกรี้ยวกราด
ศักยะตกใจมองพรายที่ปรากฏตรงหน้าอย่างหวาดกลัว แล้วเปิดฉากโต้เถียงกัน ไวเดินมาได้ยิน เขาเข้ามาถามศักยะว่าคุยกับใคร เมื่อศักยะไม่บอก ไวจึงขู่ว่าจะนำเรื่องที่ได้ยินไปบอกรัชต์ แล้วหันหลังกลับ
“ท่านต้องเลือกแล้วศักยะ รักษาทุกอย่างไว้ หรือกลับไปเริ่มต้นใหม่” พรายกระซิบที่หู
ศักยะอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะขบกรามแน่น แล้วพยักหน้าช้าๆ เป็นเชิงอนุญาต พลันเงาของพรายก็พุ่งปราดเข้าไปรัดตัวไวไว้ เหมือนงูรัดเหยื่อ ไวยืนแข็งทื่อกระดิกกระเดี้ยไม่ได้ ตกใจสุดขีด เงาพรายอ้าปากกว้างขึ้น แล้วกลืนร่างของไวไปอย่างรวดเร็ว เหมือนงูกินเหยื่อ ศักยะยืนหน้าซีดเผือด ตกตะลึง รีบวิ่งหนีกลับเข้าบ้านไปด้วยความหวาดกลัว
ooooooo
เช้าวันใหม่ รัชต์เดินคนกาแฟมาที่หน้าบ้าน เห็นไวเดินผ่านไปท่าทางเหมือนกำลังจะเดินออกนอกบ้าน ก็ตะโกนถามว่าจะไปไหน แต่ไวไม่ตอบเดินตาแข็งค้างตรงไปเปิดประตูรั้วก้าวออกไป รัชต์นึกห่วงรีบตามไป เขาเห็นไวเดินไปที่สะพานข้ามคลองเล็กๆ จุดเดียวกับหญิงสาวฆ่าตัวตาย ไวปีนราวสะพานเพื่อจะกระโดดลงไปในคลอง
“เฮ้ย ไวลงมา” รัชต์รีบวิ่งเข้าไปจับแขนไวไว้ไม่ให้กระโดด ไวก็หันมาจ้องหน้ารัชต์ด้วยสายตาแข็งกร้าว ก่อนจะสะบัดแขนอย่างแรงจนตัวรัชต์กระเด็นล้มไป แล้วรีบปีนราวสะพานทิ้งร่างลงสู่คลองทันที
รัชต์รีบปีนไปที่ราวสะพานเพื่อจะกระโจนลงคลองไปช่วย แต่ศักยะมาดึงไว้ไม่ให้รัชต์โดดตามลงไปช่วย ทุกคนช็อกกับการจากไปของไว และหาคำตอบไม่ได้ว่าทำไมไวถึงฆ่าตัวตาย เรน รัชต์ และศักยะมารับศพไวที่โรงพยาบาล แล้วศักยะก็เห็นวิญญาณของไว น้ำเปียกโชกยืนมองตนด้วยสายตาอาฆาต เขาร้องลั่นด้วยความกลัวและตกใจรีบเดินหนีออกมา เรนตามมาดูแล
“ไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้นนะไว หลับให้สบายนะน้องรัก” รัชต์บอกกับร่างที่ไร้วิญญาณของไว
ศักยะกลับเข้ามาในห้องพักอย่างอ่อนเพลีย วิญญาณไวที่รออยู่ตรงเข้าเล่นงาน เพราะโกรธแค้นที่ศักยะให้พรายฆ่าตน แต่พรายมาช่วยไว้ทัน
“ท่านไม่ต้องกลัวศักยะ ท่านเป็นนายของเรา เราต้องปกป้องท่าน” พรายหันไปจัดการกับวิญญาณไว
“เอ็งมันก็แค่ทาสของข้า อย่ามาเหิมเกริม ไปให้พ้นเดี๋ยวนี้” วิญญาณของไวมีท่าทางหวาดกลัวพรายรีบหายไป
ศักยะโล่งอกที่วิญญาณไวหายไป แต่เริ่มกังวลถึงอนาคต
“แกอย่าทิ้งฉันนะพราย แกต้องช่วยฉันให้ถึงฝั่ง เข้าใจไหม”
“เราไม่มีวันทิ้งท่านหรอกศักยะ ท่านกับเราจะอยู่ร่วมกันไปอีกนาน” พรายหัวเราะเบาๆ
ศักยะค่อยยิ้มออก เริ่มเผลอตัวคิดว่าพรายเป็นพวกและช่วยตนได้ทุกอย่างจริงๆ
ooooooo










