สมาชิก

เงาพราย

ตอนที่ 14

พรายจงใจให้ศักยะเห็นข่าวเปิดตัวรัชต์ในฐานะ ผู้บริหารคนใหม่ของบริษัทเอสวาย ศักยะทนริษยาไม่ไหวตะคอกถามพรายว่า เอาเรื่องของรัชต์มาให้เขาดูทำไม

“ใช่เรื่องของรัชต์คนเดียวซะที่ไหน เรื่องของท่านด้วยต่างหากศักยะ ตอนนี้รัชต์กลายเป็นผู้บริหารของบริษัทท่านไปแล้ว แต่ถ้าจะพูดให้ถูก ต้องเรียกว่ารัชต์เอาบริษัทของตัวเองคืนไปได้แล้วต่างหาก” พรายเย้ยหยัน

“ถ้าแกไม่ช่วย รัชต์มันจะได้คืนไปได้ยังไง แกช่วยมันเพื่อที่จะหยามฉันใช่ไหม”

“ก็แล้วแต่ท่านจะคิด แต่ถ้าท่านรับปากข้า ข้าก็สามารถ นำมันกลับมาให้ท่านได้เหมือนเดิม แต่ถ้าท่านไม่ยอม ก็ทน เห็นรัชต์กลับมาทวงทุกอย่างไปจากท่านเถอะ ทั้งบริษัท ทรัพย์ สมบัติ รวมถึงผู้หญิงของท่านด้วย”

“หุบปาก ไปให้พ้น  ไป” ศักยะเกรี้ยวกราดพยายามสะกดความอิจฉาริษยาไว้

ศักยะไม่อยากตกเป็นเครื่องมือของพราย จึงตัดสินใจหนีอีกครั้ง แต่พรายไม่ยอมปล่อย มันทำให้ศักยะถูกตำรวจจับในที่สุด

ด้านพิมพ์พัสตราเมื่อรู้จากพ่อว่า ศักยะถูกจับก็ดีใจมาก เพราะจะได้คุยเรื่องหย่ากันเสียที แต่พ่อยังนึกเสียดายสินสมรสจึงปรามให้ลูกสาวใจเย็น

“นี่คุณพ่อยังจะหวงสมบัติอยู่อีกเหรอคะ จะไปสนทำไม เงินเราก็มี พิมไม่อยากได้เงิน แต่พิมต้องการอิสรภาพพิมอยากหย่าให้เร็วที่สุดค่ะพ่อ พิมจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่กับคนที่รักพิมจริงๆซะที” พิมพ์พัสตรายิ้มอย่างมีความสุขสายตาเต็มไปด้วยความหวัง

ศักยะถูกพาตัวกลับมาสอบปากคำที่กรุงเทพฯ เขาโทร.ตามทนายประจำบริษัทมาช่วย แต่ทนายกลับแนะนำให้ศักยะยอมสารภาพความจริงเพื่อลดหย่อนโทษ

“พูดอย่างงี้ได้ยังไง คุณเป็นทนายผมนะ แนะนำ

ผมได้แค่นี้เองเหรอะ”

“ก็แล้วคุณจะเอาไง ตอนนี้บริษัทคุณกำลังมีปัญหา ตัวคุณเองก็ถูกขุดคุ้ยว่าร่ำรวยเร็วผิดปกติ คุณถูกโยงว่าพัวพันเรื่องปั่นหุ้นและฟอกเงินจากธุรกิจผิดกฎหมาย ตอนนี้โดนยื่นขอให้อายัดทรัพย์แล้วรู้ตัวไว้ซะด้วยชื่อเสียงคุณเละเทะป่นปี้ ผมยอมมาหาคุณก็ดีเท่าไหร่แล้ว ที่ผมบอกคือทางออกที่ดีที่สุดของคุณตอนนี้แล้ว ถ้าคุณไม่สารภาพก็ตามใจคุณ” ทนายจะลุกหนี

“แกไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น ตอนฉันร่ำรวยฉันให้เงินเดือนแกตั้งเท่าไหร่ ตอนนี้ฉันเดือดร้อน แกต้องประกันตัวฉันออกไป เข้าใจไหม”

“คุณให้เงินผม ผมก็ทำงานให้คุณ เราไม่ได้มีหนี้บุญคุณติดค้างกันนะคุณศักยะ รู้เอาไว้ซะตอนนี้คุณไม่มีหลักทรัพย์อะไรเหลือพอมาประกันตัวแล้ว ความจริงน่าจะขอบใจตำรวจเขาด้วยซ้ำ ที่มีที่ให้คุณอยู่ มีข้าวให้กินดีกว่าปล่อยไปอดตายข้างถนน” ทนายยิ้มเยาะ

ศักยะแค้นสุดๆ พุ่งเข้าบีบคอทนายความจนตาเหลือก ทนายทุบประตูขอความช่วยเหลือ ตำรวจเข้ามาช่วยดึงศักยะออกไป แล้วพาไปสงบสติอารมณ์ในห้องขัง

“ไอ้พราย ฉันรู้นะว่าเป็นฝีมือของแก  แต่อย่าหวังเลยว่าฉันจะกลับไปหาแก ไม่มีวันซะหรอก” ศักยะพึมพำ ผู้ต้องหาในห้องพากันเหล่ๆ มองศักยะแล้วร้องแซวว่า ไฮโซติดคุก

“อย่ามายุ่งกับฉัน ฉันกับพวกแกมันคนละชั้นกัน ฉันไม่มีวันอยู่รวมกับพวกแกหรอก” ศักยะตวาดใส่ลุกแล้วเดินหนีไปที่มุมห้อง

ผู้ต้องหาทั้งก๊วนนึกหมั่นไส้จึงเข้าสั่งสอน ศักยะเจ็บ จุกจนน้ำตาไหล แต่ก็หมดหนทางต่อสู้

ด้านตาเลิศก็นึกห่วงกลัวศักยะจะทนแรงยั่วยุของพราย ไม่ไหวและจะตกเป็นเครื่องมือของมันอีก จึงคิดหาทางกำจัด พรายเพื่อยุติปัญหา คุณตาเข้ามานั่งในห้องพระเพื่อจะทำสมาธิ สร้อยทิพย์ตามมาขอร้อง

“หนูไม่ค่อยอยากให้คุณพ่อนั่งสมาธิเลย พักหลังมานี่นั่งสมาธิทีไร คุณพ่อไม่ค่อยสบายทุกที”

“ถ้านั่งปกติก็ไม่เป็นไรหรอก แต่พ่อต้องติดต่อกับวิญญาณของพี่ชัดด้วย ร่างกายมันก็เลยอ่อนเพลียน่ะ แต่คราวนี้ เป็นครั้งสุดท้ายแล้วล่ะเพราะถ้าพ่อติดต่อกับพี่ชัดได้ เราก็จะรู้วิธีกำราบเจ้าพรายมัน”

“หนูจะอยู่แถวๆหน้าห้อง มีอะไรก็เรียกนะคะพ่อ”

“ขอบใจมาก” ตาเลิศยิ้มให้ลูก

สร้อยทิพย์ลุกออกจากห้องแล้วปิดประตู  เลิศนั่งหลับตา สงบจิตรอลมที่พัดเข้ามาทางหน้าต่าง ทำวาโยกสิณ ทันใดนั้น ก็มีลมกระโชกแรงเข้ามาทางหน้าต่าง ตาเลิศรู้ว่าชัดมาแล้วจึงเอ่ยถาม “พี่ชัดครับ จอนมันบอกผมว่าพี่เท่านั้นที่จะกำจัดพรายอ้นได้ พี่ช่วยแนะนำผมด้วยเถอะครับ จะได้ไม่มีคนต้องรับเคราะห์เพราะเรื่องนี้อีก”

ขณะนั้นเอง หัวไม้เท้าของชัด ก็ค่อยๆ หมุนออกเอง โดยไม่มีใครแตะต้อง เลิศหันไปมองตามด้วยความแปลกใจ ว่าชัดต้องการจะสื่อถึงอะไรกันแน่ หัวไม้เท้าหมุนจนหลุดออกมา เห็นแผ่นยันต์ทองแดงที่ซ่อนอยู่ข้างในและได้ยินเสียงชัดกังวานขึ้นในห้อง “เลิศไม่มีวิชา เพราะฉะนั้นจะพลาดไม่ได้ โอกาสมีครั้งเดียวเท่านั้น”

สีหน้าตาเลิศเคร่งขรึมขึ้นมา รอชัดบอกวิธีกำจัดพรายอย่างตั้งใจ

ooooooo

ตำรวจพาศักยะที่หน้าตาบวมช้ำ เข้ามาในห้อง สอบสวน  เพื่อพบกับทนายของพิมพ์พัสตราที่มาเจรจา เรื่องเซ็นใบหย่า ศักยะอึ้ง คิดไม่ถึงว่าในเวลาที่ตนตก ต่ำถึงที่สุด ผู้หญิงที่ตนรักและเป็นภรรยาจะถีบหัวส่งอย่างไม่ไยดี

“คนเราก็ต้องเอาตัวรอดกันทั้งนั้นล่ะครับ ยอมเซ็นซะเถอะครับทุกอย่างจะได้เรียบร้อย ถ้าคุณรักเธอจริงก็ไม่ควรดึงเธอให้มาเดือดร้อนกับคุณด้วย ตกลงตามนี้นะครับ  ผมจะได้เชิญเจ้าหน้าที่เขตเข้ามา” ทนายสรุปแล้วลุกเดินออกไป

ศักยะพิงตัวไปกับพนักเก้าอี้อย่างหมดอาลัยตายอยาก เพราะกำลังจะหมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างจริงๆ

ในที่สุดศักยะก็ยอมเซ็นใบหย่าให้พิมพ์พัสตรา เธอดีใจรีบนำใบหย่ามาโชว์รัชต์

“นี่พิมหย่ากับตั้นได้ยังไง ตั้นกำลังหนีตำรวจอยู่ไม่ใช่เหรอ” รัชต์แปลกใจ

“ผู้ชายคนนั้นถูกจับได้แล้วล่ะค่ะ เมื่อวานนี้เอง แต่คุณพ่อพิมโทร.ไปขอร้องท่านผู้บัญชาการมาให้เคลียร์เรื่องหย่าร้างให้ เรียบร้อยก่อนจะได้ไม่เป็นข่าว” พิมพ์พัสตราคุยโว

รัชต์พยักหน้ารับรู้ คืนใบหย่าให้ แล้วขอตัวกลับไปประชุมต่อ

“อะไรกันคะ นี่พี่รัชต์ไม่ดีใจเลยเหรอ พิมอุตส่าห์เป็นอิสระทั้งที ยังไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกรึไงคะพี่รัชต์”

“สำหรับพิมอาจจะใช่ แต่มันไม่สำคัญเลยสำหรับพี่ จะว่าไป พี่เห็นใจตั้นซะด้วยซ้ำเพราะพี่เคยรู้รสชาติของการถูกคนที่เรารักทิ้งตอนที่ เราตกต่ำ ไม่มีใครมาแล้ว พี่รู้ซึ้งดีว่ามันเจ็บปวดแค่ไหน พิมโตแล้วนะ เลิกทำตัวเป็นเด็กเจ้าอารมณ์เอาแต่ใจตัวเองซะทีเถอะ” รัชต์โพล่งออกมาแล้วเดินออกจากห้องไปทันที

พิมพ์พัสตรากรี๊ดลั่นเจ็บใจที่โดนรัชต์ตอกหน้าอย่างไม่ไยดี

เมื่อเรนรู้เรื่องศักยะถูกจับจากรัชต์ก็ชวนตาเลิศมาเยี่ยมที่โรงพัก ศักยะอ้อนวอนขอให้ตาเลิศช่วยประกันตนออกไปที เพราะถูกพรายเล่นงานจนทรัพย์สินโดนอายัดหมดแล้ว

“หลักทรัพย์ประกันตัวตั้นคงสูงมาก ตาก็ไม่แน่ใจว่าจะไหวไหมแต่เดี๋ยวตาจะลองไปคุยกับตำรวจดูก่อน” ตาเลิศ

ยอมรับปาก แล้วลุกเดินออกไป

“เรนปรึกษาพี่ธีระดูแล้วนะคะพี่ตั้น ถ้าเรนกับแม่ไปเป็นพยานให้ ว่าพี่ตั้นทำไปเพื่อช่วยเหลือพวกเราน่าจะได้รับการลดหย่อนผ่อนโทษ พี่ตั้นไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ” เรนให้กำลังใจ

“ถึงจะไม่ติดคุก แต่อนาคตผมมันก็ไม่เหลืออะไรแล้วล่ะเรน ผมน่าจะเชื่อที่คุณปู่กับตาจอนเตือน พอใจในสิ่งที่ตัวเองมี ไม่อย่างงั้นตอนนี้ ผมก็มีคาเช่าบ้านบวกกับเงินเดือนที่ได้จากรัชต์ รวมๆกันเดือนหนึ่งก็ไม่น้อย ถึงจะไม่ใช่เศรษฐี แต่อย่างน้อย ผมก็ไม่เสียเพื่อนดีๆอย่างรัชต์กับเรนไปแล้วที่สำคัญ ผมก็ไม่ต้องกลายเป็นทาสมันด้วย” ศักยะเสียใจรู้สึกผิด

“ถ้าพี่ตั้นคิดได้แบบปากพูดจริง ก็สารภาพความจริงไปสิคะ ชดใช้ความผิดทั้งหมดซะ แล้วก็เริ่มต้นชีวิตใหม่ มันยังไม่สายเกินหรอกนะพี่ตั้น”

ศักยะมองเรนหน้านิ่งๆด้วยสายตาจริงใจ “ฝากไปบอกรัชต์ด้วยนะว่าผมขอโทษ ผมไม่ควรคิดอิจฉาอยากเอาชนะรัชต์มันเลย ผมจะคืนหุ้นในบริษัทแล้วก็ทรัพย์สินทั้งหมดให้เขา ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าไม่มีอะไรสำคัญมากไปกว่า

อิสระภาพหรอกนะเรน” ศักยะฝืนยิ้มบางๆอย่างคนหมดกำลังใจ

เรนยิ้มทั้งน้ำตา ยื่นมือเข้าไปบีบแขนศักยะให้กำลังใจ

ooooooo

เรนกลับมาถ่ายทอดทุกคำพูดของศักยะให้รัชต์ฟัง รัชต์ถอนใจเปรยว่า “มันก็ทำใจให้เชื่อยากนะเรน ตั้นอาจจะพูดไปเพราะตอนนี้ เขาไม่เหลืออะไรแล้วก็ได้ แต่ถ้าเจ้าพรายมันหยิบยื่นโอกาสให้อีก ตั้นอาจจะคว้าโอกาสนั้นอีกครั้งก็ได้อย่าลืมสิเรน ว่าที่เจ้าพรายมันทำร้ายทุกคนได้ขนาดนี้ ต้นเหตุมันก็มาจากความโลภแล้วก็ความเห็นแก่ตัวของตั้นเองทั้งนั้น”

เรนหน้าขรึมลง ยอมรับว่ารัชต์พูดมีเหตุผลจนตนก็อดกลัวไม่ได้

เวลาเดียวกันนั้น พรายร้ายดลให้มีคนไปพบศพของ

ทัดสิงห์ลอยขึ้นมา เพราะต้องการสร้างหลักฐานมัดตัวศักยะ

เพื่อบีบให้ยอมกลับมาร่วมมือกับมันอีกครั้ง แต่ศักยะยังใจแข็ง เขาสารภาพกับตำรวจและขอติดคุกเพื่อชดใช้ความผิด

พรายร้ายจึงทำให้ศักยะเห็นภาพหลอนว่า ในกล่องข้าวที่ตำรวจนำมาให้มีแต่หนอนยั้วเยี้ยเต็มไปหมด เขารีบปาข้าวทิ้งพร้อมโวยวายลั่น ตำรวจชักรำคาญเข้ามาหยิบกล่องข้าวออกไป ศักยะหน้าเสียรู้ว่าเป็นฝีมือพรายแน่ แต่พรายยังไม่หยุดแค่นั้น มันทำให้ศักยะต้องนอนฝันร้าย จนละเมอออกมาด้วยความหวาดกลัว

ผู้ต้องหาคนหนึ่งได้ยินศักยะละเมอก็ลุกมาเขย่าตัวเรียก ศักยะลืมตาขึ้น เห็นผู้ต้องหาที่มาเรียกหน้าตาเน่าเฟะ
น่าเกลียดน่ากลัวก็ร้องลั่น จนผู้ต้องหาและตำรวจที่เฝ้าอยู่ตื่นกันหมด

ตำรวจเข้ามาหาศักยะจะพาไปหาหมอเพราะเข้าใจว่าเขาเครียดเกินไป แต่ศักยะกลับเห็นตำรวจไม่มีหัว จึงถีบตำรวจจนล้มคว่ำแล้วขึ้นคร่อมบีบคอกะเอาให้ตายเพราะเข้าใจว่าเป็นพรายจำแลงมา พวกผู้ต้องหาต้องเข้าไปช่วยตำรวจกันยกใหญ่ แต่ศักยะกำลังคลุ้มคลั่ง อาละวาดแหลก ตำรวจอีกสองนายรีบเข้ามาในห้องขังช่วยกันจับศักยะไปขังเดี่ยว

ศักยะนอนตัวสั่นฝันเห็นตัวเองในชุดสูททักซิโด้หล่อเหลา เดินควงแขนหญิงสาวสวยสองคน เข้ามาในงานเลี้ยงหรูหรา แขกเหรื่อในงานทักทายศักยะราวกับเป็นคนสำคัญของงาน

“ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณศักยะ” เสียงพรายดังขึ้น ศักยะหันไปมอง ตกใจผงะไปเมื่อเห็นตัวเองในสภาพดูไม่ได้ เสื้อผ้าขาดวิ่น เนื้อตัวสกปรกมอมแมม ผมเผ้ากระเซิง ผิวหน้าขาวซีดเผือดเหมือนผีดิบ

“ไอ้พราย นี่แกจงใจนิมิตภาพพวกนี้มายั่วกิเลสฉันอีกใช่ไหม”

“ข้าแค่อยากจะบอกท่าน ว่าที่ท่านเห็นมันคืออนาคตของท่าน เพียงแค่ท่านรับปากข้า ข้าจะให้ท่านได้ใช้ชีวิตหรูหราเช่นนี้ในต่างประเทศ โดยที่กฎหมายไม่สามารถตามไปลงโทษท่านได้เลย”

“พอซะที เมื่อไหร่แกจะเลิกยุ่งกับฉัน ฉันบอกแล้วไง ว่าฉันจะไม่มีวันกลับไปหาแกอีก”

“แล้วท่านจะทนอยู่ในสภาพตกต่ำยิ่งกว่าหมาขี้เรื้อนอย่างนี้ไปเพื่ออะไร เพื่อชดใช้ความผิดที่ทำให้แม่ท่านตายอย่างงั้นหรือ ไร้เดียงสาน่าศักยะ ท่านก็เห็นแล้ว ว่าโลกที่ไม่มีเงินมันโหดร้ายแค่ไหน ท่านจะทนไปอีกทำไม ในเมื่อข้ามีทางเลือกที่ดีรอท่านอยู่แล้ว” พรายผายมือออก

ศักยะดูไปรอบๆ ห้อง เห็นความหรูหราของงานเลี้ยง แขกในงานยิ้มให้ศักยะ บางคนก็โค้งหัวเป็นเชิงทักทาย ศักยะรีบดึงสติกลับมาบอกกับพราย “ใช่ ฉันยอมรับว่าฉันลำบากมาก แล้วฉันก็ไม่อยากติดคุก แต่ฉันก็ไม่เหลืออะไรจะแลกเปลี่ยนกับแกแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดก็คือแม่ฉัน แกก็เอาไปแล้วนี่ หรือว่าแกจะมาเอาวิญญาณฉันไปอีกล่ะ”

“ข้าไม่ต้องการวิญญาณของท่านหรอกศักยะ สิ่งที่ข้าต้องการมันง่ายดายกว่านั้น แล้วท่านจะได้ทุกอย่างโดยที่ข้าจะไม่มายุ่งเกี่ยวกับท่านอีกเลย”

สิ้นเสียงพราย  ศักยะก็สะดุ้งตื่น  เขากวาดตามองรอบๆ พลางขบกรามแน่น แววตาแข็งกร้าวเอ่ยกับพราย “ก็ได้
ถ้าครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย แล้วฉันจะได้ทุกอย่างกลับมา ฉันรับปากแกพราย”

ooooooo

พิมพ์พัสตราตัดสินใจจะไปอยู่เมืองนอกเพื่อหนีข่าวอื้อฉาวตามคำแนะนำของแม่ เธอนัดให้รัชต์มาพบที่ร้านอาหารหวังจะชวนเขาไปด้วยกัน แต่รัชต์กลับพาเรนมาด้วย พิมพ์พัสตราไม่พอใจนักไล่ให้เรนไปรอข้างนอกเพราะต้องการคุยกับรัชต์ตามลำพัง เรนถึงกับอึ้ง

“ถ้าเรนอยู่ฟังด้วยไม่ได้ พี่ก็ไม่อยู่เหมือนกัน” รัชต์จะพาเรนออกไป

พิมพ์พัสตราชักสีหน้าใส่ เรนรีบตัดบท บอกว่าไม่เป็นไรแล้วเดินเลี่ยงออกไป พิมพ์พัสตราแอบค้อนแล้วเอ่ยกับรัชต์ เรื่องเธอจะหลบไปอยู่เมืองนอก รัชต์สวนทันทีว่าคงไปด้วยไม่ได้

“พิมเข้าใจค่ะ แล้วก็ไม่ได้จะบังคับพี่รัชต์ด้วย แต่พิมต้องการความแน่ใจ ว่าพี่รัชต์ให้อภัยพิมแล้วจริงๆ พิมเสียใจมากนะคะพี่รัชต์ มันไม่น่าจะเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นเลย พิมคงจะถูกอำนาจอะไรสักอย่างของพี่ตั้น บังคับให้พิมแต่งงานกับเขา ทั้งๆ ที่พิมไม่ได้รักเขา พิมรักพี่รัชต์นะคะ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ พิมก็อยากอยู่กับพี่รัชต์คนเดียว” พิมพ์พัสตราจับมือรัชต์เรียกคะแนนสงสาร

“เรื่องของเรามันจบไปแล้วนะพิม จะมีตั้นหรือไม่ก็ตาม พิมก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่ควรลำบากกับผู้ชายที่หมดเนื้อหมดตัวอย่างพี่ พิมเหมาะกับคนที่ประสบความสำเร็จเรื่องธุรกิจมากกว่า” รัชต์ดึงมือออก

“พี่รัชต์ ให้อภัยพิมไม่ได้จริงๆหรือคะ” พิมพ์พัส-ตราเสียงเครือแน่ใจแล้วว่ากำลังจะเสียรัชต์ไป

“พี่เข้าใจพิมและให้อภัยมานานแล้ว ตอนนี้พิมต้องยอมรับความจริงซะทีว่าเราสองคนไปกันไม่ได้จริงๆ”

“แล้วใครล่ะคะที่เหมาะกับพี่รัชต์ อย่าบอกนะคะว่า เรน”

“ใช่ พี่รักเรน พี่รู้สึกว่าตัวเองโชคดีด้วยซ้ำไปที่ต้องหมดตัว ไม่งั้นพี่คงไม่มีโอกาสได้มองเห็นค่าของผู้หญิงอย่างเรน”

พิมพ์พัสตราน้ำตาร่วง พูดอะไรไม่ออก เธอลุกเดินออกมา จึงพบเรนนั่งรอรัชต์อยู่หน้าร้าน พิมพ์พัสตราเหล่มองเรนด้วยสายตาเย็นชา

“เธอชนะแล้ว แต่ไม่ใช่เพราะเธอดีกว่าฉันหรอกนะ แต่เพราะพี่รัชต์ตาไม่ถึงตะหาก” พูดจบพิมพ์พัสตราก็เดินฉับๆไปขึ้นรถของตน  แล้วขับออกไป

“นายพูดอะไรกับคุณพิมเหรอคะ” เรนหันมาถามรัชต์ที่เดินอารมณ์ดีออกมาจากร้าน

รัชต์ถอนใจยาวเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้เรนฟัง  เรนตำหนิรัชต์ว่าพูดตรงเกินไป รัชต์อมยิ้มถามว่ามีพูดตรงกว่านี้อีก อยากฟังไหม

เรนมองรัชต์ด้วยไม่เข้าใจว่ามาอารมณ์ไหนกันแน่ รัชต์ถามต่อว่า เมื่อไหร่จะเลิกเรียกเขาว่านายสักที

“ก็มันติดปากแล้วนี่คะ หรือว่านายอยากให้เรนเรียกว่าคุณรัชต์แทน”

“เรียกคุณรัชต์ก็พอทนนะ แต่ถ้าจะให้ดีต้องเรียกพี่ เจ้าสาวเรียกเจ้าบ่าวว่านาย พิลึกตาย” รัชต์เปรย

เรนตกใจเพราะตั้งตัวไม่ทัน รัชต์รีบยืนยัน “เรนได้ยินไม่ผิดหรอก ผมอยากเป็นเจ้าบ่าวของเรน  แต่เรนอยากเป็นเจ้าสาวของผมรึเปล่า อันนี้ผมยังไม่รู้”

“เรนมองตัวเองเป็นเจ้าสาวไม่ออกหรอกค่ะ เพราะเรนเป็นคนไม่เชื่อเรื่องพิธีแต่งงาน ไม่ชอบแต่งชุดเจ้าสาว ไม่ชอบตัดเค้ก ไม่ชอบโยนดอกไม้  ถ้านาย เอ๊ย คุณรัชต์รอ ก็ เสียเวลาเปล่า” เรนพึมพำ

รัชต์จ๋อยสนิทเข้าใจว่าเรนปฏิเสธ  เรนหันมามอง อย่างแคร์ความรู้สึก

“เรนไม่ได้ปฏิเสธนะคะ เรนแค่บอกว่าเรนไม่ชอบพิธี”

“ไม่ปฏิเสธ แสดงว่าเรนยอมเป็นเจ้าสาวให้ผมแล้วสิ งั้นเราจัดแค่ทำบุญเลี้ยงพระ แขกก็มีแค่คุณตากับคุณแม่ของเราสองคน พิธีแค่นี้เรนพอรับได้ไหม รับรองไม่ต้องแต่งชุดเจ้าสาว ไม่ต้องตัดเค้ก ไม่ต้องโยนดอกไม้ด้วย” รัชต์รีบสรุป

เรนเขินจัดเดินหนีไป รัชต์ตะโกนไล่หลังบอกว่าจะให้คุณตาช่วยหาฤกษ์ให้

ooooooo

ด้วยอำนาจของพรายทำให้ศักยะได้รับการประกันตัว และเขาก็เลือกที่จะพักในโรงแรมสุดหรู แทนที่จะกลับบ้าน เงาพรายปรากฏในกระจกห้องพักเพื่อทวงสัญญา ศักยะถามว่า ต้องการอะไรเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน

“มันก็เป็นสิ่งที่ท่านเคยทำมาแล้ว แต่ไม่สำเร็จ”

“ไม้เท้าคุณตาเลิศเรอะ” ศักยะเดาได้

“ไม่มีใครที่จะรู้ใจข้าเท่าท่านอีกแล้ว เห็นไหมล่ะว่าข้าไม่ได้ให้ท่านทำงานที่ยากเย็นอะไรเลย”

“ถ้าฉันเอาไม้เท้ามาแล้ว แกจะทำอะไรคุณตา แกจะฆ่าคุณตาเรอะ”

“ข้าจะทำอะไรก็ไม่เกี่ยวกับท่าน ท่านเอาเวลาไปคิดถึงอิสระอันหอมหวนในดินแดนอันห่างไกล และเงินมากมายที่มีให้ท่านใช้ไม่ขาดมือจะดีกว่า” พรายยั่วยุ

ศักยะสายตาเหี้ยมเกรียมขึ้นมาทันที “แกพูดถูกไหนๆฉันก็ย้อนเวลากลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ฉันควรจะคิดถึงอนาคตข้างหน้ามากกว่า”

เรนมาเยี่ยมศักยะที่โรงพัก แต่ตำรวจบอกว่า เขาได้ประกันตัวออกไปแล้ว เธอชักสังหรณ์ใจกลัวว่าจะเป็นฝีมือพราย จึงขอให้ตำรวจช่วยตามหาศักยะด้วย เพราะเขาไม่ได้กลับบ้านแน่นอน

“เดี๋ยวผมจะลองตรวจสอบให้นะครับ เผื่อเค้าคิดจะหลบหนี จะได้ตามจับได้ทัน”

เรนเครียดกับการหายตัวไปของศักยะ ขณะที่ศักยะมาที่บ้านนิศราเพื่อไหว้อัฐิของพิไล นิศราเห็นใจจึงยอมให้ศักยะเข้าบ้าน แต่ออกมานั่งรอข้างนอกแล้วโทร.บอกเรน

ศักยะเข้าไปกราบอัฐิของพิไลในห้องพระ เขาน้ำตาคลอเสียใจกับการตายของแม่ “แม่ครับ ผมขอโทษ ต่อให้ผมตกนรกหมกไหม้ ผมก็ชดใช้ความผิดที่มีส่วนทำให้แม่ตายไม่ได้ ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วล่ะครับแม่ ผมสัญญา จะไม่มีใครต้องเดือดร้อนเพราะผมอีก” ศักยะแววตามุ่งมั่นจริงจัง

ooooooo

เรนเมื่อรู้ข่าวศักยะก็เข้ามาปรึกษากับตาเลิศ รัชต์ และสร้อยทิพย์ เพราะไม่รู้ว่าตอนนี้ศักยะคิดอะไรอยู่กันแน่ สร้อยทิพย์มองโลกในแง่ดีบอกว่า ศักยะอาจจะคิดได้และเลิกยุ่งกับพรายแล้วก็เป็นได้

“แต่พ่อว่าก็ไม่แน่นะ ตั้นอาจจะรู้สึกผิดจริง แต่ถ้าเขาเป็นอิสระได้เพราะอำนาจของเจ้าพราย เขาต้องทำอะไรซักอย่างเป็นการแลกเปลี่ยน แล้วมันก็คงไม่ใช่เรื่องดีหรอก” ตาเลิศค้าน

“ผมเห็นด้วยกับคุณตานะครับ เพราะเท่าที่คุยกับตำรวจมา หลังจากตั้นออกไปได้ เขาก็ไปเปิดโรงแรมพักแล้วพอออกจากโรงแรมก็หายไปเลย ถ้าเขาไม่คิดจะทำอะไร ก็น่าจะกลับไปที่บ้านสิครับ ไม่ใช่ทำตัวลับๆล่อๆแบบนี้” รัชต์เสริม

“ไม่น่าเชื่อเลยนะคะ เมื่อก่อน พี่ตั้นยังเป็นคนร่าเริงสดใสมีแต่คนรัก แต่ตอนนี้กลับมีแต่คนหวาดกลัว ระแวงว่าเขาจะคิดทำเรื่องไม่ดีอยู่ตลอดเวลา”

“ความโลภ ความเห็นแก่ตัว มันเปลี่ยนคนดีให้กลายเป็นคนร้ายได้ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ เราทุกคนก็มีความอยากได้อยากมีในตัวกันทั้งนั้น แต่ถ้าเรารู้จักควบคุมให้อยู่ มันก็ทำร้ายอะไรเราไม่ได้ เหมือนอย่างที่พี่ชัดเลี้ยงเจ้าพรายไว้ แต่ก็ไม่โดนมันทำร้าย ผิดกับตั้นที่ไม่รู้จักควบคุมใจตัวเอง เลยโดนเจ้าพรายทำลายชีวิตจนย่อยยับไม่มีชิ้นดี” ตาเลิศส่ายหน้า

ด้านศักยะ หลังจากไหว้อัฐิแม่แล้วก็ขับรถออกมาดูวิวทิวทัศน์ริมแม่น้ำยามค่ำคืน เพื่อเก็บภาพทุกอย่างเอาไว้ในความทรงจำ พรายปรากฏตัวขึ้นในร่างของอ้น มันเร่งให้ศักยะไปเอาไม้เท้าของตาเลิศมาให้มัน

“ฉันไม่ลืมหรอก แต่ของอย่างงี้ต้องรอจังหวะหน่อยสิ คนอยู่เต็มบ้าน จะให้ฉันบุกเข้าไปรึไง ทีแก ถ้าไม่จำเป็น ยังไม่ทำร้ายคนที่ไม่ได้อยู่คนเดียวเลยไม่ใช่เรอะ” ศักยะสวน

“ตั้งแต่ออกมาจากกรงขังได้ ปากเก่งขึ้นมากนะศักยะ ก็ได้ ข้าไม่กลัวท่านจะตระบัดสัตย์หรอก  เพราะถ้าท่านไม่ทำตามสัญญา ตัวท่านนั่นแหละ ที่จะโดนหนักกว่าใคร” พรายอ้นหัวเราะเยาะ

ศักยะขบกรามแน่นด้วยความเจ็บใจที่ต้องตกเป็นทาสของพรายอีกครั้ง

ในขณะที่ศักยะนั่งรอเวลาอยู่ริมน้ำ นักเลงกลุ่มหนึ่งก็ตรงเข้าจับตัวสร้อยทิพย์ที่ออกมาซื้อของกับเรน พวกมันพาสร้อยทิพย์ขึ้นรถตู้ไปหายไป เรนจำทะเบียนรถได้จึงไปแจ้งตำรวจและโทร.ตามรัชต์ เพราะสงสัยว่าเป็นฝีมือของภรรยาทัดสิงห์ ที่เคยพูดข่มขู่เธอกับแม่อยู่หลายครั้ง

ตำรวจลงบันทึกประจำวันไว้พร้อมรับปากจะตามตัวภรรยาทัดสิงห์มาสอบปากคำ

“ขอบคุณค่ะ” เรนยกมือไหว้ แล้วหันมาชวนรัชต์กลับบ้าน เพราะห่วงคุณตาที่อยู่คนเดียว ทั้งสองเดินออกมาที่หน้าโรงพัก ทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์มือถือเรนก็ดังขึ้น เรนแปลกใจเพราะไม่รู้จักเบอร์นี้แต่ก็กดรับ เธอได้ยินเสียงสร้อยทิพย์บอกให้ไปรับที่ตลาดแถวชานเมือง เพราะคนร้ายพามาปล่อยไว้และไม่ได้ทำร้ายเธอเลย

“แม่ปลอดภัยแล้วค่ะแต่แปลกมากนะคะพวกมันจับแม่ไปแล้วก็เปลี่ยนใจปล่อยตัวง่ายๆ” เรนหันมาบอกกับรัชต์รู้สึกแปลกไปกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

“อาจจะจับผิดตัว งั้นผมไปบอกคุณตำรวจก่อน” รัชต์วิ่งกลับขึ้นโรงพักไป

ooooooo

เรนกับรัชต์มารับสร้อยทิพย์ที่ตลาดชานเมือง พวกเขาอดสงสัยไม่ได้ว่า คนร้ายต้องการอะไรกันแน่  แต่เมื่อตาเลิศโทร.เข้ามาถามข่าวสร้อยทิพย์ รัชต์ก็ฉุกคิดได้รีบชวนเรนกับสร้อยทิพย์กลับบ้าน เพราะเชื่อว่าทั้งหมดเป็นแผนล่อให้ทุกคนออกมา เพื่อให้เหลือคุณตาอยู่บ้านคนเดียว

เรนเริ่มเข้าใจรีบโทร.เตือนตาเลิศ แต่ติดต่อไม่ได้ เธอหน้าเสียหันมาบอกกับรัชต์

“ฝีมือไอ้ผีพรายแน่ๆ ทุกครั้งที่มันจะเล่นงานใคร ก็เป็นอย่างงี้ทุกที” รัชต์เร่งความเร็วรถ

“คุณพระคุณเจ้าช่วยคุ้มครองคุณพ่อด้วยเถอะ” สร้อยทิพย์ยกมือท่วมหัว

“เรนโทร.แจ้งคุณตำรวจให้ช่วยไปที่บ้านก่อนดีกว่า” เรนนึกได้รีบกดโทรศัพท์มือถือแจ้งตำรวจ แต่ตำรวจก็ช่วยอะไรไม่ได้เพราะพรายใช้มนต์บังตา ตำรวจจึงหาบ้านตาเลิศไม่พบ

เมื่อถึงเวลาศักยะก็เดินเข้ามาในบ้าน แสงไฟภายในห้องโถงสว่างขึ้น ศักยะหันไปมอง เห็นเลิศถือไม้เท้าของชัดมองมาที่ตนนิ่งก็นึกละอายใจ

“ตานึกอยู่แล้วว่าตั้นต้องมา แล้วพี่อ้นล่ะ” ตาเลิศทัก

ศักยะแปลกใจถามว่าพี่อ้นไหน ทันใดนั้น ก็เกิดลมพัดแรงขึ้นในห้อง เงาของศักยะที่ทอทาบกับผนัง เริ่มขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนถึงเพดาน เป็นเงาครึ่งคนครึ่งงูดูน่ากลัว ก่อนที่ลมในห้องจะสงบลง เสียงพรายก็ดังขึ้น

“เลิศ ข้ามารับเอ็งแล้ว เอ็งเป็นคนสุดท้าย ยอมตายเสียเถอะ ข้าจะได้ไปตามทางของข้า”

“นั่นไงล่ะพี่อ้น ตาเคยเจอกับเขาเมื่อตอนเด็ก หลังจากที่เขาตายก็กลายเป็นพรายที่มีความอาฆาตแค้นต่อพี่ชัดกับพี่ลพพี่ชายของตา เขาเลยทำทุกอย่างเพื่อแก้แค้นครอบครัวของพวกเรา” ตาเลิศบอกความจริง

ศักยะอึ้ง มองไปที่เงาพรายบนผนังเห็นมันม้วนเกลียวลงมารวมกันกลายเป็นพรายอ้น ในชุดวันตาย ศักยะผงะด้วยความตกใจเอ่ยถามว่า ทุกอย่างเป็นแผนการของพรายใช่ไหม

“แต่ถ้าขาดความละโมบโลภมากของท่าน ข้าจะทำอะไรได้ล่ะ ความริษยากับความไม่รู้จักพอของท่านต่างหาก คือสิ่งที่ทำให้ข้าบรรลุความต้องการ ข้าต้องขอบใจท่านด้วยซ้ำศักยะ” พรายหัวเราะกังวาน

ศักยะขบกรามแน่นด้วยความแค้น เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นจากตนจริงๆ ตาเลิศขอร้องให้พรายหยุดความแค้นอย่าทำบาปไปมากกว่านี้ พรายไม่ยอมแถมยังจะให้ตาเลิศมาเป็นตัวแทนของมัน แต่ตาเลิศไม่ยอมเพราะไม่อยากสร้างบาป พรายอ้นโกรธมากกลายร่างเป็นเงาดำของปิศาจครึ่งคนครึ่งงู ผมยาวกระเซอะกระเซิงทาบเต็มผนังห้องถึงเพดาน

ตาเลิศตั้งสติระงับความกลัว กระชับไม้เท้าไว้กับมือแน่น พรายเห็นไม้เท้าก็ไม่กล้าเข้าใกล้ มันหันไปสั่งศักยะให้ไปเอาไม้เท้ามา ศักยะสะดุ้งมองตาเลิศขณะตัดสินใจ

“เร็วสิศักยะ ไปเอาไม้เท้ามา แล้วท่านจะได้ทุกอย่างคืนมา อยากจะกลับไปติดคุกติดตะราง หมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง อีกรึไง” พรายจี้จุดอ่อน

ศักยะขบกรามแน่น พยายามระงับอารมณ์ แล้วย่าง สามขุมเข้าไปหาตาเลิศ แต่ทันใดนั้นก็เห็นวิญญาณจอนปรากฏขึ้นที่นอกหน้าต่างตวาดห้ามไม่ให้ศักยะทำร้ายตาเลิศ ศักยะกลัวจอนจึงถอยออกมา พรายหันไปจัดการกับจอน จอนไม่สามารถสู้อำนาจพรายได้ร่างเลือนหายไป ศักยะระงับความกลัวได้ หันไปจ้องตาเลิศด้วยสายตาแข็งกร้าว

เวลานั้นรัชต์ เรน และสร้อยทิพย์มาถึง แต่ทั้งสามหา บ้านไม่เจอ จอนปรากฏตัวขึ้นในเงามืด สร้อยทิพย์หันไปเห็นก็ร้องกรี๊ดด้วยความตกใจกลัว รัชต์กับเรนรู้ว่าจอนมาช่วยจึงให้สร้อยทิพย์เข้าไปนั่งรอในรถแล้วพากันเดินตามจอนไป

ooooooo

ศักยะกำลังพยายามแย่งไม้เท้าจากตาเลิศ

ขณะที่ตาเลิศพูดเตือนสติ ไม่ให้ศักยะตกเป็นเครื่องมือของพราย ศักยะไม่ฟังเขาแย่งไม้เท้ามาได้ในที่สุด

ตาเลิศผิดหวังกับการกระทำของศักยะ พรายได้โอกาสเลื้อยปราดจะเข้ารัดตัวตาเลิศ แต่วิญญาณของจอนเข้าขวาง ทำให้พรายรัดตาเลิศไม่ถนัด แล้วรัชต์กับเรนก็เปิดประตูเข้ามา ทั้งคู่เห็นภาพเงาดำของพรายกำลังรัดตาเลิศอยู่ เรนจะเข้าไปช่วยแต่โดนพรายสะบัดหางงูเข้าใส่ ร่างของเธอกระเด็นไปกระแทกบันไดชั้นบนแล้วกลิ้งหลุนๆ ตกลงมากองกับพื้น

รัชต์เห็นเรนโดนฟาดกระเด็นก็ตกใจ รีบหลับตารวบรวมสมาธิแผ่เมตตาเพื่อสู้กับพรายเหมือนคราวก่อน พรายหันมาตวาดว่า มันไม่ต้องการแล้วสะบัดหางฟาดใส่รัชต์อีกคน รัชต์กระเด็นลอยไปกระแทกผนังแล้วร่วงลงมากอง เขาเหลือบไปเห็นศักยะยืนถือไม้เท้าอยู่ก็ตะโกนสั่งให้ส่งไม้เท้ามาเพื่อจะได้ช่วยตาเลิศที่กำลังแย่

ศักยะมองทุกคนเห็นโดนพรายเล่นงานย่ำแย่ไปตามๆกัน ก็ตัดสินใจฟาดไม้เท้าเข้าไปที่ตัวพรายท่ามกลางความตกใจของรัชต์และเรน พรายกรีดร้องโหยหวน ก่อนจะคลายตัวปล่อยตาเลิศออก

เลิศเป็นอิสระแต่ก็อ่อนแรงมาก เช่นเดียวกับวิญญาณจอนที่มีสีหน้าเจ็บปวดทรมาน ก่อนจะเลือนหาย

“ไอ้คนทรยศ” พรายคำรามก้องด้วยความโมโหสุดขีด

ศักยะตกใจกลัวเผลอทำไม้เท้าหล่น พรายพุ่งปราดเข้ารัดตัวศักยะด้วยความคลั่งแค้น

ตาเลิศเจ็บปวดจนลุกไม่ไหวร้องสั่งให้รัชต์ไปหยิบไม้เท้ามาเปิดหัวออก รัชต์กระเสือกกระสนเข้ามาหยิบไม้เท้าแล้วพยายามเปิดออก ในขณะที่ศักยะโดนพรายเล่นงานจนสาหัส เลือดออกปาก ออกจมูก มันอ้าปากเผยให้เห็นเขี้ยวงู แล้วกัดเข้าไปที่ลำคอศักยะเต็มๆ ศักยะร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดถึงขีดสุด จังหวะนั้นเอง รัชต์ก็หมุนดึงหัวไม้เท้าออกมาจนได้ มีแสงสว่างออกจากรูภายในไม้เท้า ส่องตรงไปที่พราย

พรายกรีดร้องก่อนที่จะถูกดูดเข้าไปรูไม้เท้าตามลำแสงที่ส่องออกมา เมื่อพรายถูกดูดเข้าไปหมด รัชต์ก็รีบสวมหัวไม้เท้ากลับเข้าที่เดิมเพื่อขังพรายเอาไว้ในไม้เท้าได้สำเร็จ

ศักยะนอนตาค้างอยู่บนพื้น แผลที่ถูกพรายกัดเลือนหายไป เขามีอาการชักกระตุกขึ้นมา และเห็นมือหญิงชายจำนวนมากยื่นออกมาดึงตัวศักยะไว้ เหมือนจะพยายามฉีกกระชากร่างของเขาออกเป็นชิ้น ศักยะทั้งเจ็บปวด ทั้งหวาดกลัวสุดๆแต่ทำอะไรไม่ได้ เขาส่งผ่านความรู้สึกมาทางสายตา

“พี่ตั้น เป็นยังไงบ้างพี่ตั้น” เราเข้ามาจับมือศักยะ อาการหวาดกลัวชักกระตุกของศักยะหายไป เขามองหน้าเรน รู้ตัวว่าตนใกล้ตายแล้ว จึงรวบรวมแรงครั้งสุดท้ายขอโทษเธอ เรนน้ำตาคลอบอกว่าเธออโหสิให้

ศักยะหันไปมองรัชต์ที่เดินตามมาพยายามจะพูดบอกรัตช์ แต่ไม่มีแรงแม้แต่จะขยับจึงได้แต่ส่งสายตาเสียใจ รู้สึกผิดออกไปแทน

“ฉันก็อโหสิให้แกตั้น อย่าเป็นเวรเป็นกรรมต่อกันอีกเลยนะ ไม่ว่าจะชาตินี้หรือชาติไหน ขอให้สิ้นสุดแต่เพียงเท่านี้เถอะ” รัชต์น้ำตาคลอ

ศักยะยิ้มบางๆอย่างหมดห่วง แล้วขาดใจตายไปทันที เรนร้องโฮหันไปสวมกอดรัชต์

ooooooo

สามเดือนต่อมา นักข่าวเข้ามารุมสัมภาษณ์รัชต์ในฐานะนักธุรกิจไฟแรงที่กลับมาประสบความสำเร็จต่างส่งสัยว่า นี่เป็นการทวงสมบัติของตระกูลคืนมารึเปล่า

“ก็ไม่เชิงหรอกครับ จริงๆแล้วผมคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นบทเรียนมากกว่า เหตุการณ์คราวนี้ สอนอะไรผมหลายอย่าง มันทำให้ผมรู้สึกว่ามีสิ่งที่เข้าใจยาก และมีพลังน่ากลัวที่สุด ก็คือจิตใจของมนุษย์”

ขณะที่เรนก็พาตาเลิศมาทำสังฆทานที่วัดเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ศักยะ เธอเอ่ยถามคุณตาว่า รู้ได้อย่างไรว่าต้องเปิดหัวไม้เท้าออก ถึงจะจัดการพรายได้

“วิญญาณพี่ชัดบอกตาเอาไว้ แต่ตาไม่มีคาถาอาคม ถึงจะรู้วิธี แต่เจ้าพรายมันหนีซะก่อน ตาก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะฉะนั้น โอกาสก็มีแค่ครั้งเดียว คือตอนที่มันจะทำร้ายตานั่นแหละ”

“นี่ตาอย่าบอกเรนนะ ว่าตาคิดจะเอาตัวเองเป็นเหยื่อล่อเจ้าผีนั่นตั้งแต่แรกแล้ว”

“ตาขอโทษ มันไม่มีวิธีอื่นแล้วจริงๆ ตั้งแต่ตอนที่ตั้นได้ประกันตัว ตาก็รู้อยู่แล้วว่าเป้าหมายของเจ้าพรายต้องเป็นตาแน่ เพียงแต่ไม่คิด ว่าตั้นจะช่วยเจ้าพรายแย่งไม้เท้าจากตา”

“ก็ยังดีที่สุดท้าย พี่ตั้นกลับใจช่วยพวกเรานะคะ”

“แล้วก็เป็นโชคดีของเราที่เจ้าพรายมันโกรธจนทำร้ายคนที่ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว ทำให้มันเสียพลังไปมากจนหนีไม่ทัน ไม่อย่างงั้น ตาคงไม่รอดหรอก”

“ถึงพี่ตั้นจะสำนึกตัวได้ แต่มันก็สายเกินไปแล้วนะคะตา”

“คนที่ก่อบาปก่อกรรมเอาไว้ยังไงก็หนีผลกรรมไม่พ้นหรอกเจ้าเรน ดูเอาไว้เป็นตัวอย่าง จะทำอะไรเบียดเบียนคนอื่นก็คิดให้มันเยอะๆ”ตาเลิศตบหลังหลานสาวแล้วพากันเดินไป

หลังเสร็จงาน รัชต์ก็มารับเรนไปที่บ้านเก่าของเขา และบอกกับเธอว่า ศักยะคืนบ้านหลังนี้พร้อมกับหุ้นของบริษัทให้เขาหมดแล้ว “ตั้นเขียนจดหมายฝากงานทนายเอาไว้ ก่อนหน้าที่จะตายแค่วันเดียวเอง พอทรัพย์สินถูกเพิกถอนการอายัด ทนายเค้าก็จัดการโอนกลับมาให้ผมตามความต้องการของตั้น”

“เรนดีใจที่พี่ตั้นรักษาคำพูด เคยบอกว่าจะคืนทุกอย่างให้ ก็ทำตามคำพูดจริงๆ” เรนยิ้มสบายใจ

รัชต์ยิ้มรับแล้วเข้าเรื่องชวนเรนมาอยู่ด้วยกันในบ้าน แต่เรนไม่ยอมอ้างว่า บ้านใหญ่โตเกินไป

“งั้นผมจะขายทิ้งก็แล้วกัน จะได้กลับไปอาศัยบ้านเรนอยู่ต่อ เพราะบ้านที่ไม่มีเรนอยู่ด้วย สำหรับผมมันก็ไม่ใช่บ้านหรอก ผมรักเรนนะ ผมรู้ว่าเรนอยากได้ยินจากปากผม แล้วเรนจะไม่บอกผมมั่งเหรอ” รัชต์กุมมือเรนไว้

เรนเขินพูดไม่ออก รัชต์ตามคาดคั้นจนในที่สุดเธอก็ต้องเปิดปาก “เรนรักคุณรัชต์ค่ะ”

“ค่อยฟังรื่นหูหน่อย แต่งงานแล้วย้ายมาอยู่กับผมที่บ้านนี้นะเรน” รัชต์ดึงเรนมากอด

“ค่ะคุณรัชต์” เรนยิ้มปลื้ม ทั้งสองสวมกอดกันแน่น

ooooooo

เมื่อจัดการกับเรื่องของหัวใจเรียบร้อยแล้ว รัชต์กับเรนก็ตามตาเลิศมาขึ้นเรือ เพราะจะเอากระดูกและไม้เท้าไปลอยแม่น้ำ เพื่อให้วิญญาณทุกดวงไปสู่สุคติ

“ตรงนี้คงใช้ได้แล้วล่ะ หยุดตรงนี้เลย” ตาเลิศบอกคนขับเรือ


คนขับเรือดับเครื่อง  เรนเปิดฝาโถกระดูกของพิไลออก แล้วเอาลอยน้ำพลางอธิษฐานให้พิไลไปสู่สุคติ จากนั้นก็หยิบโกศกระดูกศักยะมา แต่กลับเปิดฝาไม่ออก รัชต์เข้ามาช่วยแต่ก็เปิดไม่ออกเหมือนกัน

ตาเลิศนึกได้บอกกับทั้งคู่ว่า พี่ชัดคงไม่ต้องการให้ศักยะหลุดออกมาทำร้ายคน เพราะศักยะคือตัวตายตัวแทนของพราย

“หมายความว่าพี่ตั้นเป็นพรายต่อจากมันเหรอคะ แล้วพี่ตั้นจะถูกขังอยู่ในนี้อีกนานแค่ไหนคะตา”

“ตาก็ไม่รู้ ตั้นจะต้องถูกกักขัง ทนทุกข์ทรมานจนชดใช้หนี้เวรกรรมของเขาให้หมด ที่ปลอดภัยที่สุดคือใต้พื้นน้ำ เพราะจะหลุดออกมาทำร้ายใครอีกไม่ได้” ตาเลิศมองไม้เท้าในมืออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะโยนทิ้งลงไปในแม่น้ำ

ไม้เท้าดิ่งลงสู่ใต้น้ำอย่างรวดเร็ว ราวกับถ่วงด้วยก้อนหินหนักอึ้ง เพียงครู่เดียว ก็มีควันสีเทากลุ่มใหญ่ลอยพุ่งขึ้นมาจากในน้ำ รัชต์และเรนกุมมือกันแน่นด้วยความตกใจ เมื่อเห็นอาถรรพ์ครั้งนี้กับตา เมื่อควันสีเทาจางหาย ก็มีควันสีขาวกลุ่มเล็กๆหลายสิบกลุ่มลอยขึ้นมาแทน พร้อมกับเสียงหัวเราะยินดีของชายหญิง

“กลุ่มควันสีขาวคือวิญญาณของคนที่ตายเพราะพรายกับพี่ตั้นใช่ไหมคะตา ตอนนี้พวกเขาเป็นอิสระแล้วใช่ไหมคะ”

“พวกเขาก็ไปตามทางของพวกเขาแล้ว จะสุคติหรือทุคติ ก็แล้วแต่บุญกรรม แต่ไม่ถูกจองจำอยู่ในอำนาจของเจ้าพรายอีก ลาก่อนจอน” ตาเลิศยิ้มออกมาอย่างสบายใจ

รัชต์มองดูโกศทองเหลืองของศักยะอีกครั้ง ด้วยสีหน้าปลงๆ “ถึงจะทะเยอทะยานอยากได้อยากมีไปแค่ไหน สุดท้ายก็เหลือเท่ากันแค่นี้เองนะครับ”รัชต์ลอยโกศลงน้ำ

ตาเลิศถอนใจ หันไปบอกคนขับเรือให้กลับ เรือแล่นโต้คลื่นกลับสู่ฝั่ง โดยมีเลิศนั่งขรึมอยู่ที่หัวเรือ รัชต์โอบเอวเรนเข้ามาตระกองกอด พลางมองผืนน้ำทะเลอย่างสบายใจ ทิ้งให้โกศใส่เถ้ากระดูกศักยะค่อยๆจมลงไปนอนนิ่งอยู่ใต้ท้องน้ำ

วิญญาณศักยะถูกจองจำไว้ในนั้น เพื่อชดใช้กรรมที่ก่อ เนื่องจากเผลอให้อวิชชาเข้าครอบงำ

ooooooo

–อวสาน–

เงาพราย

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด