ตอนที่ 12
เรนพาสร้อยทิพย์มาเก็บของที่บ้านพักของทัดสิงห์ และอาสาจะเข้าไปเป็นเพื่อนด้วย แต่สร้อยทิพย์มั่นใจว่าทัดสิงห์ออกไปทำธุระข้างนอกแล้ว และของก็มีไม่มาก เก็บไม่ถึงสิบนาทีก็เสร็จ เรนจึงนั่งรออยู่ในรถ
เมื่อสร้อยทิพย์เดินเข้าบ้าน ทัดสิงห์ที่แอบอยู่ก็โผล่เข้ามาเล่นงานด้วยความโกรธที่ภรรยาขอเลิก สร้อยทิพย์ร้องลั่นด้วยความเจ็บและพยายามหนี แต่ทัดสิงห์ตามไปกระชากตัวเอาไว้ และซ้อมระบายความแค้น
เรนได้ยินเสียงแม่ก็วิ่งเข้ามา เห็นทัดสิงห์ซ้อมสร้อยทิพย์ก็โผเข้าทุบตีเพื่อช่วยแม่ เธอถูกทัดสิงห์หันมาเหวี่ยงกระเด็นไปกระแทกผนังล้มลงและจะตามเข้าซ้ำ สร้อยทิพย์กัดต้นขาสามีจมเขี้ยวเพื่อช่วยลูก ทัดสิงห์โกรธจัด จิกผมสร้อยทิพย์จนหน้าหงายตั้งท่าจะตบ เรนรีบพุ่งไปหยิบแจกันฟาดเข้าที่ศีรษะทัดสิงห์ ถึงกับร่วงลงไปกับกองพื้น
“หนีเร็วแม่” เรนรีบประคองสร้อยทิพย์ออกจากบ้าน
ทัดสิงห์มองตามด้วยสายตาอาฆาต
เรนพาสร้อยทิพย์กลับมาทำแผลที่บ้านพลางเอ่ยด้วยความคับแค้นใจ “เรนเห็นแม่ถูกผู้ชายอื่นทำร้ายวันนี้ ทำให้เรนเข้าใจหัวอกพี่ตั้นขึ้นเยอะเลยนะคะ ถ้าเรนมีพรายแบบพี่ตั้น อาจจะสั่งให้มันฆ่านายทัดสิงห์ไปแล้วก็ได้”
“ไม่เอาเรน แค่คิดจะฆ่าแกงคนอื่นก็เป็นบาปแล้วนะลูก” สร้อยทิพย์เตือนสติ
เรนเจ็บใจไม่หาย ตาเลิศที่นั่งอยู่ด้วยสั่งให้สร้อยทิพย์ไปแจ้งความเพื่อเอาผิดทัดสิงห์ แต่สร้อยทิพย์ไม่ยอมเพราะกลัวทัดสิงห์จะรังควานไม่เลิก
“นี่แม่ต้องหนีเขาไปตลอดชีวิตงั้นเหรอคะ” เรนเหนื่อยใจ
“แม่กลัว แม่ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเขาอีกแล้วนะเรน” สร้อยทิพย์น้ำตาคลอ
“นี่แหละ ผลของการไม่เชื่อฟังคำผู้ใหญ่ ถ้าคิดว่าหลบเขาไปตลอดชีวิต แล้วทนได้ มีความสุขก็ตามใจ ฉันไม่อยากจะยุ่งกับแกแล้ว” ตาเลิศส่ายหน้าเดินหงุดหงิดออกไป
ooooooo
ธีระมาอยู่เป็นเพื่อนพิไลแทนนิศรา เขามองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นศักยะยังนั่งเฝ้าอยู่ในรถไม่ยอมไปไหนก็สงสารเพราะอากาศร้อนมาก จึงหันมาเปรยกับพิไล ขอให้ศักยะเข้ามานั่งในบ้านแต่พิไลร้องห้าม เพราะอยากให้ลูกชายได้สำนึก
ธีระถอนใจแม้จะไม่ชอบสิ่งที่ศักยะทำ แต่ก็เห็นใจในความรักแม่ของศักยะเหมือนกัน จึงออกไปคุยกับศักยะ หวังจะเกลี้ยกล่อมให้ศักยะยอมบวชไม่สึกตามที่พิไลต้องการ แต่กลับโดนศักยะตวาดใส่เพราะยังตัดกิเลสไม่ได้
เรนเข้ามาเตรียมอาหารเย็นในครัว รัชต์ตามมาปรับความเข้าใจเรื่องพิมพ์พัสตรา ทั้งสองสบตากันหวานซึ้ง พิมพ์–พัสตราที่แอบดูอยู่ไม่พอใจ จึงหาโอกาสเข้าไปคุยกับเรนตามลำพังพร้อมตอกย้ำว่า รัชต์เห็นเรนเป็นแค่น้องสาวเท่านั้น และอีกไม่นานเธอกับรัชต์ก็จะกลับมารักกันเหมือนเดิม เพราะในใจของรัชต์มีเพียงเธอคนเดียวเท่านั้น
เรนแทบทรุดยืนสมองตื้อ ใจหวิวอย่างบอกไม่ถูก ขณะที่พิมพ์พัสตราอมยิ้มพอใจที่แผนสกัดดาวรุ่งสำเร็จ
ด้านตาเลิศ คืนนั้นเขาตัดสินใจเชิญวิญญาณของชัดมา เพราะอยากรู้ที่มาของพราย หวังหาทางปราบมันเพื่อปกป้องชีวิตคนบริสุทธิ์ไม่ให้ตกเป็นเหยื่ออีก เพียงครู่เดียวก็มีลมพัดเข้ามาทางหน้าต่าง ตาเลิศหันมองไปแล้วกำหนดจิตทำวาโยกสิณ ติดต่อกับวิญญาณของชัดทันที
ภาพในอดีตผุดขึ้นมาให้ตาเลิศเห็นอย่างแจ่มชัด เหตุการณ์ตอนนั้นคือ หลังจากอ้นตายไปได้ไม่นานแถวบ้านของชัดก็เกิดเรื่องประหลาดขึ้น เป็นต้นว่าจู่ๆก็มีคนฆ่าตัวตายติดต่อกัน คล้ายกับเหตุการณ์ทางใต้เมื่อครั้งเสด็จในกรมฯพาชัดไปปราบพราย ชัดรับรู้ได้ว่ามันเป็นพรายร้ายที่มีจิตอาฆาตแรงกล้ามากและมันก็เกือบจะเอาชีวิตภรรยาของเขาด้วย แต่โชคดีที่ชัดช่วยไว้ทัน
ชัดหนักใจมากจึงเรียกลพมาปรึกษา ลพหน้าเครียดเข้าใจว่าพรายร้ายยังไม่ยอมไปผุดไปเกิด
“แต่ฉันก็ยังยืนยันนะพ่อลพ ว่าไอ้โหงพรายนั่นไปเกิดแล้วจริงๆ” ชัดมั่นใจ
“อ้าว ถ้าไปเกิดแล้วไอ้ผีตนนี้มันเป็นอะไรกันล่ะ”
“นั่นแหละที่ฉันสงสัย ฉันก็เลยอยากจะรบกวนฝากลูกเมียฉันไว้กับพ่อลพซักคืน คืนนี้ฉันจะได้จัดการให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไปเสียที” ชัดหันไปคว้าผอบแก้วมาถือไว้สีหน้าเคร่งเครียด
กลางดึกคืนนั้น ชัดไปทำพิธีที่หน้าดงกล้วย เสียงฟ้าร้องฟ้าแลบดังครืนไปทั่วบริเวณ ภาพเหตุการณ์ช่วงที่อันตรายปรากฏเป็นนิมิตให้ชัดเห็น
อ้นวิ่งหนีกระเซอะกระเซิงอยู่ในดงกล้วยเพราะถูกพรายบังตาทำให้หาทางออกไม่เจอ เขาร้องตะโกนขอความช่วยเหลือแต่ไม่มีใครได้ยิน อ้นฝืนใจวิ่งหาทางออกอยู่ถึงสามวันสามคืน จนในที่สุดก็หมดแรงล้มคว่ำอยู่หลังโต๊ะที่วางกะโหลกผีตายโหง เขารวบรวมแรงฉีกใบกล้วยที่อยู่ใกล้ๆมากินประทังหิว แต่ใบกล้วยเหนียวเกินไปกลืนไม่ไหว เลยไอโขลก สำรอกออกมาจนหมด อ้นนอนหมดแรง เหนื่อยหอบ ลมหายใจสุดท้ายของชีวิตใกล้จะมาถึงแล้ว
“เพราะพวกมึง ไอ้ชัด ไอ้ลพ พวกมึงทำให้กูต้องเป็นแบบนี้” อ้นอาฆาต เขาค่อยๆยกมือที่สั่นเทาขึ้นมาพนม “กูขอสาบาน ไม่ว่าจะต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือภูตผีตนใด กูจะอาฆาตพยาบาทพวกมึงไปชั่วลูก ชั่วหลาน” ขาดคำ อ้นก็ชักกระตุกขึ้นมาสองสามที ก่อนจะแน่นิ่งขาดใจตาย
ทันใดนั้น ก็ได้ยินเสียงพรายกรีดร้องด้วยความดีใจ “ชีวิตสุดท้าย ตัวตายตัวแทนที่กูเฝ้ารอ ในที่สุดกูก็ได้ไปผุดไปเกิดเสียที” เงาดำวูบใหญ่ลอยพาดผ่านศพของอ้นไปพร้อมกับ เสียงหัวเราะดังกึกก้อง
ชัดลืมตาขึ้น คิดไม่ถึงว่าพรายตนนั้นจะเป็นอ้น แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไร หางงูของพรายก็ฟาดเข้าที่ตัว จนชัดกระเด็นไปกระแทกกับโต๊ะพิธี ข้าวของบนโต๊ะหกกระจายเกลื่อน ชัดจุกจนลุกไม่ขึ้น
“ไอ้ชัด เพราะมึง กูถึงต้องกลายเป็นพราย กูถูกบังตาจนหาทางออกจากดงกล้วยไม่ได้ อดอยากจนขาดใจตาย ตายแล้วก็ไม่ได้ไปเกิด ต้องเป็นพรายทดแทนที่มันอีก มึงรู้ไหมว่ากูทรมานแค่ไหน” เสียงพรายดังก้อง
ชัดหันมองไปรอบตัวกัดฟันลุกขึ้นยืน “ถ้าเอ็งฟังคำข้า ไม่อุตริไปยุ่งกับหัวกะโหลกนั่น ไอ้โหงพรายมันก็ไม่หลุดมาทำร้ายเอ็งหรอก หยุดซะเถอะอ้น เอ็งอย่าก่อกรรมมากไปกว่านี้เลย รอจนสิ้นกรรมของเอ็งเมื่อไหร่ เอ็งก็จะได้ไปเกิดเหมือนกัน ถึงจะช้า แต่ก็ดีกว่าไปเกิดโดยมีกรรมหนักติดตัวไปด้วย”
“หุบปาก มึงไม่เคยอยู่ในร่างพราย มึงไม่รู้หรอกว่ามันเจ็บปวดทรมานแค่ไหน มีทางเดียว คือเอาวิญญาณอื่นมาแบ่งเบาความเจ็บปวดของกู กูจะฆ่า ฆ่าไปเรื่อยๆโดยเฉพาะมึงกับไอ้ลพ ไม่ใช่แค่พวกมึงแต่กูจะฆ่าล้างโคตรพวกมึงทั้งสองโคตร”
ชัดเห็นว่าเจรจาดีๆไม่ได้ผล จึงพนมมือเตรียมบริกรรมคาถาสู้ พรายยื่นมือออกมาบีบคอชัดจากทางด้านหลัง ชัดต้ังสติหลับตาบริกรรมคาถา ทันใดนั้นก็เกิดแสงสว่างวูบขึ้นรอบตัว จนพรายต้องรีบชักมือกลับ ชัดคว้าดินบนพื้นขึ้นมา บริกรรมคาถาต่อ หางของพรายฟาดมาที่ชัดอีกครั้ง แต่คราวนี้ชัดใช้ดินในมือขว้างสวนไป หางของพรายโดนดินปลุกเสกเกิดไฟลุกท่วม พรายร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด
ชัดหยิบผอบแก้วออกมาจากกระเป๋าเสื้อพลางบริกรรมคาถา เงาสีดำขนาดใหญ่ของพรายถูกดูดเข้าไปขังในผอบแก้วทันที
ooooooo
ตาเลิศสะดุ้งเฮือกออกจากสมาธิ หลังจากได้รับรู้เหตุการณ์ทั้งหมด ชายชราคิดหนักกับความจริงที่ได้รู้ เวลาเดียวกันนั้น ธีระและนิศราก็กำลังกลุ้มใจกับเรื่องของศักยะและพิไล เพราะดึกมากแล้ว แต่พิไลยังใจแข็งไม่ยอมให้ศักยะเข้ามาอยู่ด้วย
ส่วนศักยะก็ยังดื้อจะอยู่เฝ้าพิไลต่อไป นิศราตัดสินใจเดินออกไปเกลี้ยกล่อมอีกครั้ง จนในที่สุดศักยะก็ยอมกลับไป
พิไลแง้มม่านออกดูศักยะเห็นยอมกลับไปก็หน้าขรึมลง เพราะจริงๆก็สงสารแต่ความเลวที่ศักยะทำมากเกินอภัย
ศักยะขับรถออกมาจากบ้านนิศราได้สักพัก ก็พบพวกเด็กแว้นแข่งมอเตอร์ไซค์กันอยู่บนถนนอย่างคึกคะนอง เขานึกโมโหบ่นว่าถ้าพรายอยู่จะให้จัดการให้หมด ขาดคำก็มีรถกระบะโผล่ออกมาจากซอยในระยะกระชั้นชิด เด็กแว้นหลบไม่พ้นชนเข้ากับรถกระบะเต็มๆจนร่างกระเด็นหมุนกลางอากาศก่อนตกพื้นมาคอหักตายคาที่ ศักยะตะลึงอดนึกถึงพรายไม่ได้ เขารีบเลี้ยวรถกลับไปหาพิไลทันที
เป็นเวลาเดียวกับที่พิไลรู้สึกหิวน้ำแต่ไม่กล้าปลุกธีระกับนิศราที่กำลังหลับสนิท จึงลงมาเพียงลำพัง แล้วศักยะก็เข้ามาเห็นพอดี เขาเข้าใจผิดคิดว่าแม่ถูกพรายสิงให้ฆ่าตัวตาย เพราะชั้นวางแก้วอยู่ใกล้ๆกับที่เก็บมีด ศักยะร้องเรียกพิไลลั่นพลางทุบหน้าต่างโครมๆ
“ไอ้ตั้น แกอยากให้ฉันหัวใจวายตายรึไง” พิไลหันมาตวาด
ศักยะชะงัก เห็นแม่ปลอดภัยก็โล่งอก
ธีระและนิศราได้ยินเสียงเอะอะก็ลงมาดู ศักยะบอกกับทั้งคู่ว่า ระหว่างทางเห็นคนตาย จึงรีบกลับมาดูพิไลเพราะกลัวพรายจะมาทำร้าย แล้วหันมาสบตากับพิไลด้วยความเป็นห่วง แต่พิไลยังใจแข็งเธอสะบัดหน้าเดินหนี ศักยะถอนใจแล้วเดินคอตกกลับออกไป
ooooooo
ในคืนนั้น พรายมาพบกับตาเลิศในฝัน ตาเลิศพยายามเจรจาให้พรายหยุดความแค้นไว้แค่นี้ แต่พรายยืนยันจะตามจองล้างจองผลาญครอบครัวของชัดกับลพให้ถึงที่สุด แถมยังหลอกให้ลพมาเป็นพรายแทนมัน แล้วจะยอมไว้ชีวิตทุกคน แต่ลพไม่หลงกล
พรายโกรธมากบันดาลให้ฟ้าผ่าและเกิดเปลวไฟล้อมรอบตัวตาเลิศ
“ถึงเอ็งไม่ยอมตกลง ข้าก็จะฆ่าเอ็งเป็นคนสุดท้ายแล้ว ให้เอ็งมาเป็นพรายแทนข้าให้ได้ ข้าอยากรู้นัก ว่าถ้าเอ็งต้องทรมานแบบข้า แล้วเอ็งยังจะเสแสร้งเป็นคนดี ไม่หาตัวตายตัวแทนได้อยู่หรือไม่” ไฟที่ล้อมรอบตัวเลิศอยู่ลุกฮือโหมขึ้น
ตาเลิศสะดุ้งตื่นเหงื่อแตกโทรมกาย แกผุดลุกขึ้นไม่คิดว่าความอาฆาตของอ้นรุนแรงถึงเพียงนี้
เช้าวันใหม่ รัชต์มาชวนเรนออกไปพบลูกค้าด้วยกัน เพราะอยากอยู่กับเธอสองต่อสองบ้าง แต่พิมพ์พัสตราเข้ามาขัดจังหวะ ขอตามรัชต์ไปพบลูกค้าด้วย
“นายมีคุณพิมไปเป็นเพื่อนแล้ว งั้นเรนอยู่บ้านดีกว่าค่ะ จะได้ช่วยตากับแม่ทำงานบ้านด้วย” เรนหน้าขรึมเดินเลี่ยงออกไป
รัชต์จะเรียกแต่ไม่ทัน เพราะพิมพ์พัสตราเข้ามาจับมือไว้แล้วลากไปที่รถ รัชต์หน้าเจื่อนมองตามเรน
ส่วนเรนก็เดินซึมๆกลับเข้ามาในบ้าน ตาเลิศและ สร้อยทิพย์นั่งทานอาหารอยู่หันมาทัก และถามหารัชต์ เรนว่ารัชต์ออกไปทำงานแล้วพลางทิ้งตัวลงนั่งเศร้า
“เราเป็นอะไรรึเปล่า พักนี้ดูซึมๆไปนะ” สร้อยทิพย์ สังเกตอาการลูกสาว
“ใช่ ตาเห็นเราซึมๆตั้งแต่หนูพิมย้ายเข้ามาอยู่ด้วยแล้วล่ะ” ตาเลิศอมยิ้ม แบบอ่านใจหลานออก
เรนจ๋อยที่ตารู้ทันทุกอย่างจริงๆ ตาเลิศรวบช้อน พลางบอกกับลูกและหลานว่าจะออกไปเดินย่อยอาหารสักหน่อย แล้วหันไปหยิบไม้เท้าจะลุกขึ้น แต่เกิดเวียนหัวหน้ามืดจนเซ
“อุ๊ย คุณพ่อ” สร้อยทิพย์ตกใจ รีบเข้าไปประคอง
“คุณตา” เรนเข้ามาช่วยอีกคน
สองแม่ลูกช่วยกันประคองพาเลิศไปนั่งพักแล้วหายาหอมมาให้ทาน เมื่อเลิศมีอาการดีขึ้นก็ไล่ให้สร้อยทิพย์ไปทำงานต่อเพราะมีเรนอยู่เป็นเพื่อนแล้ว
เรนเข้าไปกอดตาเลิศอ้อนให้ไปหาหมอ เพราะไม่เคยเห็นคุณตาเป็นแบบนี้มาก่อน
“ตาแปดสิบแล้วนะเจ้าเรน จะไม่ให้เจ็บป่วยเลยได้ยังไง แข็งแรงได้ขนาดนี้ก็เก่งแล้ว”
“หมู่นี้เรนเห็นตาไปทำสมาธิในห้องพระครั้งหนึ่งนานๆ มันเกี่ยวกับที่ตาไม่สบายรึเปล่าคะ”
ตาเลิศพยักหน้ารับช้าๆ อธิบายว่า “การกำหนดจิตเพื่อติดต่อกับพี่ชัด มันทำให้ร่างกายตาอ่อนเพลียมาก แต่ตายังเลิกไม่ได้ ตาต้องหาทางจัดการเรื่องเจ้าผีพรายนี่ให้ได้ ไม่อย่างงั้น ทุกคนโดยเฉพาะพวกเรา จะยิ่งเป็นอันตราย แล้วตาเอง ก็เหลือเวลาอีกไม่มากแล้วด้วย”
“อย่าพูดแบบนี้สิคะ เรนไม่ชอบฟังเลย ตาต้องไม่เป็นอะไร ต้องอยู่กับเรนตลอดไปนะคะ” เรนน้ำตาคลอ
“ใครมันจะอยู่ค้ำฟ้าได้เจ้าเรน” ตาเลิศลูบหัวหลานสาวสีหน้าเครียด เพราะรู้ดีว่ากำจัดพรายเป็นเรื่องยาก
ooooooo
ธีระมีงานด่วนต้องไปศาล เขาจะพาพิไลไปด้วยเพื่อความปลอดภัย แต่พิไลขอไปรอที่ห้างแทน เพราะกลัวจะทำให้ธีระเสียงาน ธีระจนใจเรียกแท็กซี่ให้มารับไปส่งที่ห้าง พร้อมรับปากว่าจะรีบไปรับเมื่อเสร็จงาน
“ขอบใจจ้ะ ธีระไม่ต้องห่วงน้านะ ในห้างคนเยอะแยะ ไม่น่ามีอะไรหรอก” พิไลยิ้มให้แล้วนั่งแท็กซี่ออกไป เธอลอบมองซ้ายขวาไม่เห็นศักยะก็แอบบ่น “ห่วงแม่อยู่ได้วันเดียว หายหัวซะแล้ว”
แท็กซี่วิ่งออกมาได้สักพัก พิไลเริ่มผิดสังเกตเพราะไม่ใช่เส้นทางไปห้าง เธอสั่งให้คนขับหยุดรถ คนขับหันมามองพิไลตาขวางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ “เอ็งคิดว่าหาคนมาอยู่ด้วยกับสวมพระแค่นี้จะรอดแล้วเหรอ ถึงกูจะจับต้องตัวมึงไม่ได้ แต่กูก็พามึงไปตายได้อยู่ดี”
พิไลผวา พยายามจะเปิดประตูรถแต่เปิดไม่ออก แม้จะกรีดร้องขอความช่วยเหลือ และทุบกระจกรถอย่างไร คนข้างนอกก็ไม่เห็น เพราะพรายบังตาไว้
“อย่าดิ้นรนไปเลย ที่ตายของเอ็งอยู่อีกไม่ไกลแล้ว ข้าจะเห็นแก่การที่เอ็งเป็นแม่ของศักยะ ข้าจะให้เอ็งตายเร็วที่สุดไม่ต้องทรมานก็แล้วกัน” พรายหัวเราะสะใจ
พิไลพยายามจะเปิดประตูทั้งผลักทั้งถีบก็ไม่สำเร็จ เธอฉุกคิดได้ถอดสร้อยพระออกจากคอ จะเอาไปสวมที่คอคนขับเพื่อขับไล่พราย สร้อยพระในมือพิไลเปล่งแสงออกมาเป็นจังหวะเดียวกับที่ศักยะขับรถสวนมาพอดีมนต์บังตาของพรายหมดฤทธิ์
“แม่” ศักยะเห็นพิไลอยู่ในรถแท็กซี่ก็รีบเลี้ยวกลับมา
พรายที่สิงร่างคนขับเหลือบเห็นสร้อยพระก็รีบหักเลี้ยวเพื่อไม่ให้พิไลสวมสร้อยพระได้ พิไลโดนแรงเหวี่ยงไปกระแทกกับประตูรถอย่างแรง สร้อยพระหลุดมือตกพื้นไป รถแท็กซี่ส่ายไปส่ายมา ขณะที่พิไลก็พยายามควานหาสร้อยพระ ทันใดนั้นเอง รถของศักยะก็ขับพุ่งแซงรถแท็กซี่ขึ้นไป แล้วหักเลี้ยวเอารถเข้าขวางรถแท็กซี่ไว้อย่างวัดใจ พรายไม่มีทางเลี่ยง จำต้องเหยียบเบรกสุดตัว
ศักยะรีบวิ่งไปเปิดประตูเพื่อช่วยพิไล แต่ก็เปิดไม่ออก ในขณะที่พิไลก็ทุบหน้าต่างเรียกให้ศักยะช่วย คนขับแท็กซี่เปิดประตูรถออกมาจ้องศักยะตาเขม็ง
“ท่านขัดขวางข้า คิดจะผิดสัญญาที่ให้ไว้กับข้าหรือศักยะ”
“ฉันไม่สนสัญญาอะไรทั้งนั้น แกปล่อยแม่ฉันออกมานะ แกจะทำอะไรฉันก็ได้ แต่อย่ายุ่งกับแม่ฉัน”
“แล้วถ้าข้าไม่ตกลงล่ะ”
“งั้นแกก็ฆ่าฉันซะเลยซิ ถ้าฉันจะต้องเห็นแม่ตาย ฉันขอตายแทนดีกว่า” ศักยะท้าทายจ้องตาคนขับรถเขม็งอย่างไม่มีใครยอมใคร สักพัก คนขับก็สะดุ้งเฮือก ตาเหลือกค้างแล้วสลบไป เงาดำของพรายลอยกระจายออกจากร่างไป
ทันใดนั้นเอง พิไลก็เปิดประตูรถออกมาได้พอดี ศักยะเข้าไปกอดแม่ด้วยความเป็นห่วงสุดๆ พิไลกอดลูกชายร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว
“แม่ไม่ต้องกลัวนะครับ มีผมอยู่ทั้งคน ไม่มีใครทำอะไรแม่ได้หรอกครับ ผมเป็นลูกแม่ก็ต้องดูแลปกป้องแม่อยู่แล้ว แม่ให้อภัยผมนะครับ”
“แม่พร้อมจะยกโทษให้แกเสมอนะตั้น ถ้าตั้นยอมกลับตัวกลับใจซะที บวชให้แม่ได้ไหมตั้น”
ศักยะกอดพิไลไว้แต่เงียบกริบไม่ตอบเพราะยังตัดกิเลสไม่ได้ พิไลได้แต่แอบถอนใจเพราะรู้คำตอบแล้ว
ooooooo
พิมพ์พัสตราชักเบื่อ ที่ต้องนั่งรอรัชต์คุยกับลูกค้าจึงเข้ามาเร่ง ลูกค้าจำพิมพ์พัสตราได้เพราะเคยเจอกันที่งานเลี้ยงเมื่อเดือนก่อน จึงเข้ามาทักทายและ ถามหาศักยะ ทำให้เธอหงุดหงิดสวนกลับแบบไม่เกรงใจ
“ไม่ทราบสิคะ เขาจะไปตายที่ไหนพิมก็ไม่สนใจหรอกค่ะ อีกไม่กี่วัน พิมกับเขาก็ไม่มีอะไรต้องเกี่ยวข้องกันอีกแล้ว จริงไหมค่ะพี่รัชต์” พิมพ์พัสตราเข้าไปควงแขนรัชต์
รัชต์หน้าเสียไม่คิดว่าพิมพ์พัสตราจะกล้าประกาศตัวต่อหน้าคนอื่น ในขณะที่ลูกค้าตาโตเพราะได้ข่าวใหม่เม้าท์สนุกปากแล้ว
รัชต์ลากพิมออกมาต่อว่า เพราะไม่อยากเป็นมือที่สามแย่งเมียเพื่อน แต่พิมพ์พัสตราไม่แคร์
“พี่รัชต์ไม่ได้แย่งพิมซักหน่อย เราเป็นแฟนกันก่อนด้วยซ้ำไป คนที่แย่งพิมไปคือพี่ตั้นตะหาก ไม่รู้ว่าใช้เวทมนตร์คาถารึเปล่า พิมถึงได้หลงใหลได้ปลื้ม เห็นดีเห็นงามไปด้วย แต่ต่อไปไม่มีอีกแล้วล่ะค่ะ”
รัชต์ถอนใจหนักๆ เพราะกลัวเรนเข้าใจผิดอีก
ด้านพิไล เมื่อธีระกับนิศรามาอยู่เป็นเพื่อนแล้ว ศักยะก็กลับมาที่บ้าน พรายปรากฏตัวขึ้นมาพร้อมกับเสนอข้อแลกเปลี่ยนให้ศักยะเอาชีวิตชายหนึ่งหญิงหนึ่งมาแลกชีวิตพิไล และต้องหาให้ได้ก่อนเที่ยงคืนวันพรุ่งนี้
“ได้ ไม่มีปัญหา ฉันจะหลอกมาให้แก แล้วแกก็จัดการได้เลย”
“ไม่ ไม่ ไม่ศักยะ คราวนี้ท่านต้องเป็นคนฆ่ามันด้วยมือของท่านเอง ข้าจะมารับแต่วิญญาณไปเท่านั้น จำไว้นะศักยะ ท่านต้องเป็นคนลงมือฆ่าด้วยมือท่านเองเท่านั้น ห้ามยืมมือใครทำเป็นอันขาด”พรายย้ำ
ศักยะหน้าเสียนึกกลัวปัญหาที่จะตามมา แต่เพื่อแม่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว
วันต่อมา ศักยะโทร.หาหญิงขายบริการเพื่อจะหลอกมาฆ่า แต่ถูกปฏิเสธ เขาจึงต้องเปลี่ยนแผนเรียกให้สาวใช้ตามมาที่มุมลับในสวนหวังจะใช้จอบทุบหัว แต่สาวใช้อีกคนเข้ามาทักทำให้ศักยะหมดโอกาส
ศักยะตัดสินใจออกไปหาเหยื่อนอกบ้าน เขาคิดจะขับรถชนชายหญิงคู่หนึ่งเพื่อสังเวยให้พราย แต่ตำรวจมาเคาะกระจกเรียก เพราะจอดรถในที่ห้ามจอดรถ ศักยะถอนใจเซ็ง
เมื่อหมดปัญญาศักยะก็นึกถึงเรนขึ้นมา จึงโทร.ไปหาและนัดไปพบที่บ้าน เพราะเรนบอกว่าเธออยู่กับแม่แค่สองคน
ในขณะที่ศักยะกำลังมาหาเรน ทัดสิงห์ก็บุกเข้ามาทุบตีสร้อยทิพย์บังคับให้กลับไปด้วยกัน เรนจะโทร.แจ้งตำรวจ ทัดสิงห์หันมาเห็นก็โกรธตรงชกที่ท้องหลายหมัดแล้วตามด้วยการตบตีซ้ำ สร้อยทิพย์พุ่งเข้ามาช่วยลูกแต่ก็โดนทัดสิงห์ตบคว่ำ
ศักยะขับรถมาจอดหน้าบ้านเรน ได้ยินเสียงสร้อยทิพย์กรีดร้องด้วยความกลัวและเจ็บปวดดังออกมาจากในบ้าน ก็รีบเข้าไปดู เขาเห็นทัดสิงห์ตบสร้อยทิพย์กลิ้งหลุนๆมากับพื้น ศักยะรีบวิ่งไปประคอง
“ช่วยเรนด้วยคุณตั้น”สร้อยทิพย์มองไปทางบันได บ้าน เห็นเรนพยายามคลานหนีทัดสิงห์ไปขึ้นบันได
“มึงหนีกูไม่พ้นหรอก”ทัดสิงห์ลากเรนลงจากบันไดอย่างไม่ปรานี
ศักยะพุ่งมาถีบทัดสิงห์กระเด็นไป แล้วจะเข้าซ้ำ แต่ทัดสิงห์ถีบสวนออกมาก่อน ทั้งสองชกต่อยกันอุตลุด ข้าวของที่อยู่ใกล้มือก็หยิบมาเป็นอาวุธแตกหักเสียหายหมด
สร้อยทิพย์รวบรวมแรงเข้าไปหาเรน เรนฝืนใจลุกขึ้นชวนแม่ไปตามคนมาช่วย สองแม่ลูกช่วยกันพยุงกันออกไป
ในบ้านเหลือเพียงศักยะกับทัดสิงห์ ทัดสิงห์เห็นว่าสู้ศักยะไม่ได้แน่ จึงชักปืนที่เหน็บไว้ด้านหลังออกมาเล็ง ศักยะเห็นจวนตัวโผเข้าแย่งปืน ทัดสิงห์ทำปืนลั่นเฉี่ยวแขนศักยะไป แล้วจะยิงซ้ำ แต่ศักยะไวกว่า เตะปืนหลุดมือ แล้วลุกขึ้นกระโจนเข้าหาทัดสิงห์จนล้มไปด้วยกัน ขณะนั้นเองศักยะก็ได้ยินเสียงพรายกระซิบดังขึ้นที่ข้างหู
“บีบคอมันศักยะ บีบคอมัน”ศักยะเหมือนคนขาดสติเอื้อมมือไปบีบคอทัดสิงห์ตามคำสั่งพรายทันที เพียงครู่เดียวทัดสิงห์ก็แน่นิ่งไป ศักยะได้สติรีบผละออกมา พรายเข้ามารับวิญญาณทัดสิงห์ไป ศักยะอึ้งมองศพทัดสิงห์ที่ตายตาเหลือกค้างด้วยความหวาดกลัว
เรนกับสร้อยทิพย์มาแจ้งความที่โรงพักและโทร.บอกเรื่องที่เกิดขึ้นให้ตาเลิศกับรัชต์รู้ ทั้งสองรีบตามมาที่โรงพักทันที รัชต์ไม่เห็นศักยะก็ถามหาด้วยความเป็นห่วง
“ตำรวจตามเข้าไปช่วยแล้วค่ะคุณรัชต์ เดี๋ยวคงพาตัวมาที่นี่ทั้งคู่ล่ะค่ะ”สร้อยทิพย์ตอบแทนพลางบ่นว่าศักยะต้องมาเจ็บตัวเพราะเธอแท้ๆ
ตาเลิศหน้าเครียดสวนว่า ตนห่วงทัดสิงห์มากกว่า เรนและรัชต์สบตากัน เข้าใจความเป็นห่วงของคุณตา
ด้านศักยะ เมื่อตั้งสติได้รีบนำศพทัดสิงห์ไปทิ้งที่หนองน้ำแห่งหนึ่ง เพื่อทำลายหลักฐาน แล้วพึมพำบอกกับพราย
“ฉันจัดการศพแรกไปแล้ว แกมาเก็บหลักฐานให้เรียบร้อยด้วย เหลือศพผู้หญิงอีกหนึ่งคนตามสัญญา แล้วแกก็อย่ามายุ่งกับแม่ฉันอีก เข้าใจไหมไอ้พราย”
ooooooo
ตำรวจกำลังช่วยกันตรวจที่เกิดเหตุ เพื่อเก็บพยานหลักฐานอยู่ในบ้าน ตาเลิศเดินเลี่ยงออกมายืนครุ่นคิด สักพักสร้อยทิพย์ก็ตามมาเพราะเพิ่งให้ปากคำเสร็จ เลิศถามลูกเรีื่องการติดต่อศักยะและทัดสิงห์
“ยังติดต่อไม่ได้เลยค่ะ มือถือก็ปิด โทร.ไปที่บ้านก็ไม่มีใครรู้เรื่องเลยค่ะ” สร้อยทิพย์ไม่สบายใจนัก
“ตั้นเขาเป็นไฮโซคนดัง นายทัดสิงห์ก็กว้างขวาง พอหายตัวไปอย่างงี้ พรุ่งนี้คงเป็นข่าวดังแน่ แม่สร้อยก็คงหลีกเลี่ยงการเสียชื่อเสียงอีกรอบไม่พ้นแล้วล่ะ” ตาเลิศถอนใจ
“หนูผิดเองที่ไม่เชื่อคุณพ่อตั้งแต่แรก นอกจากจะทำให้คุณพ่อขายขี้หน้าแล้ว ยังทำให้ลูกเดือดร้อนด้วย”
“ป่วยการจะมาคิดได้เอาตอนนี้ นี่ตำรวจเขาเก็บหลักฐานข้างบนเรียบร้อยรึยังล่ะ พ่ออยากจะเอนหลังซักหน่อย” ตาเลิศเปลี่ยนเรื่อง
“เรียบร้อยแล้วค่ะ ข้างบนปกติดีทุกอย่าง คุณพ่อขึ้นไปพักเถอะค่ะ” สร้อยทิพย์ถอยออกมา
เลิศถือไม้เท้าพยุงตัวเดินเลี่ยงขึ้นไปชั้นบน แต่เมื่อถึงหน้าบันได ก็เห็นวิญญาณจอนยืนมองด้วยสายตาเศร้าสร้อยพลางเอ่ย “ไม่ทันแล้วคุณเลิศ คุณตั้นไม่ยอมกลับตัว แผนการของมันกำลังจะสำเร็จแล้ว”
“แล้วฉันควรจะทำยังไง แกบอกฉันทีสิ”
“มีแต่คุณหลวงเท่านั้นที่จะช่วยได้ โอกาสมีครั้งเดียว” จอนชี้ไปที่ไม้เท้าของชัด แล้วร่างก็จางหายไป
“โอกาสมีครั้งเดียว” ตาเลิศมองไม้เท้าของชัดในมือสีหน้าเครียด
ในตอนค่ำ ตาเลิศเรียกเรนกับรัชต์เข้ามาคุยในห้องพระ เพราะเชื่อว่าศักยะคงถูกพรายหลอกให้ฆ่าทัดสิงห์ไปแล้ว เรนหน้าเครียดถามคุณตาว่า ไม่มีทางไหนช่วยดึงศักยะให้พ้นจากพรายได้เลยหรือ
“มีแต่จิตใจที่เข้มแข็งและสำนึกผิดชอบชั่วดีของตัวตั้นเองเท่านั้นแหละ ที่จะช่วยตั้นได้ คนอื่นไม่มีทางทำอะไรได้หรอก และที่ตาเรียกเราสองคนมา ก็เพราะอยากให้ระวังตัวให้มากขึ้นกว่าเดิม อีกไม่นาน เจ้าพรายก็คงต้องหาตัวตายตัวแทนแล้ว ซึ่งก็คงอยู่ในกลุ่มพวกเรานี่แหละ” ตาเลิศมองหน้าเรนแล้วเลื่อนไปมองหน้ารัชต์
“ตาเคยเล่าให้ฟังว่าคนที่ตายเป็นคนสุดท้ายจะต้องเป็นตัวตายตัวแทนของมัน แล้วตอนนี้ เจ้าพรายมันฆ่าคนตายไปกี่คนแล้วคะตา”
“ตาก็ไม่รู้ แล้วจำนวนคนตายกว่าจะได้ตัวแทนก็ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับกรรม บางทีอาจจะแค่คนเดียว หรือบางทีก็ต้องฆ่าคนเป็นสิบเป็นร้อยกว่าจะได้ตัวแทนมา แต่ที่ตารู้ว่าอีกไม่นานก็เพราะวิญญาณเจ้าจอนมาเตือนตา”
“ไอ้ผีตัวนี้มันร้ายกาจขนาดนี้ คุณปู่ของตั้นน่าจะทำลายมันไปให้สิ้นเรื่องสิ้นราวตั้งแต่แรก ไม่น่าจะให้ตกมาถึงมือตั้นเลยนะครับ”
“ตาก็เคยสงสัยเหมือนกับรัชต์ แต่หลังจากทำสมาธิติดต่อกับพี่ชัดแล้ว ตาถึงได้รู้ว่ามันมีเหตุผลให้ทำลายไม่ได้” ตาเลิศถอนใจอีกครั้งแล้วถ่ายทอดเหตุการณ์ในอดีตให้รัชต์กับเรนฟัง
ooooooo
หลังจากชัดรู้ว่า พรายที่ตามเล่นงานตนคืออ้น ก็นำเรื่องนี้มาบอกกับลพ เพราะอ้นโทษว่า ชัดกับลพทำให้เขาต้องตายแล้วกลายเป็นพราย จึงอาฆาตแค้นขอตามจองล้างจองผลาญครอบครัวของทั้งสองตลอดไป ลพไม่อยากให้คนอื่นเดือดร้อนไปด้วย จึงขอให้ชัดนำผอบไปถ่วงน้ำ แต่ชัดยังเสียดาย
“ฉันขังมันไว้ในผอบแก้ว แล้วยังขังไว้ในโถกระดูกผีตายทั้งกลมอีกที ไม่มีทางที่มันจะหลุดมาได้หรอก เชื่อมือฉันเถอะพ่อลพ”
ลพหนักใจไม่ค่อยเห็นด้วยนัก แล้วเลิศในวัยสิบขวบก็วิ่งถือม้าก้านกล้วยเข้ามาในโถงบ้านพลางร้องบอกชัดกับลพว่า เขาเห็นคุณตาแก่ๆ ใส่ชุดขาวอยู่ที่หลังบ้าน
“พอผมถามว่ามาหาใคร แกก็บอกว่าแกอยู่ที่นี่มาตั้งนานแล้ว แกเป็นพราหมณ์ครับ” เลิศคุยจ้อ
ชัดตกใจจ้องมองเลิศเพราะไม่คิดว่าเด็กตัวแค่นี้จะมีญาณพิเศษเห็นเจ้าที่ได้ ส่วนลพเองก็ชักห่วงรีบกระซิบถามชัดว่า จะเกิดเรื่องดีหรือร้ายกันแน่ที่น้องชายมีญาณพิเศษ
“ยังเร็วไปที่จะบอกนะพ่อลพ เอางี้สิ กลับไปลองสอนสมาธิให้น้องดู จะเป็นนั่งกรรมฐาน เดินจงกรม หรือเพ่งกสิณอะไรก็ได้ เลือกให้ถูกกับจริตก็แล้วกัน ต่อไป คงได้เป็นประโยชน์กับพ่อเลิศแน่”
“ฉันไม่ค่อยเก่งเรื่องพรรค์นี้เสียด้วยสิ”
“ไม่เป็นไร ถ้าพ่อเลิศมีพรสวรรค์ เขาจะต่อยอดวิชาความรู้ได้เอง ฉันเชื่อนะ ว่าถ้าฟ้าดินให้พรสวรรค์กับใครมาซักคน มันก็ต้องได้ใช้ประโยชน์ทางใดทางหนึ่ง ในภายภาคหน้าแน่นอน”ชัดมั่นใจ
ไม่กี่เดือนต่อมา ชัดก็ได้รับข่าวดีว่า แม่อุ่นภรรยาของเขาตั้งท้องลูกคนที่สี่ เขาดีใจมากภาวนาขอให้ลูกคนนี้เป็นผู้ชาย
“ของอย่างนี้ดิฉันกำหนดได้เสียที่ไหนล่ะคะ” แม่อุ่นส่งค้อน แล้วชะงักไป เพราะเห็นสามีหน้าซีดเอามือกุมท้อง เธอปราดเข้าประคอง ขณะที่ชัดกัดฟันแน่นปวดท้องแปลบขึ้นมาจนทนไม่ไหว แม่อุ่นเห็นท่าไม่ดีให้คนไปตามหมอ
หลังจากหมอตรวจอาการของชัดแล้วทำสีหน้าไม่ดีนัก ชัดรู้ตัวถามหมอตรงๆว่า เขาเป็นอะไรกันแน่
“กระผมก็ยังไม่ค่อยแน่ใจนะครับคุณหลวง คุณหลวงลองไปที่โรงหมอ ตรวจให้ละเอียดอีกทีดีกว่าครับ”
“ฉันเป็นโรคร้ายแรงใช่หรือไม่ มีทางรักษาได้ไหม”
หมออึ้งไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยว่า “เป็นโรคประหลาดเหลือเกินครับคุณหลวง”
ชัดช็อกสุดๆ นึกห่วงลูกเมียว่าจะอยู่กันอย่างไรถ้าไม่มีเขา
กลางดึกคืนนั้นชัดกัดฟันลุกมานั่งสมาธิ ร่ายคาถาในห้องพระ เขาเรียกพรายออกมาและบอกความประสงค์กับมัน
“ข้าป่วยเป็นโรคร้ายหมอไม่มีทางรักษา แต่ลูกข้ายังเล็กนัก ข้ายังตายตอนนี้ไม่ได้ ก็เหลือแต่ใช้อำนาจของเอ็ง ทำให้ข้าหายจากโรค และมีอายุยืนยาวปราศจากโรคภัยใดๆ จนกว่าข้าจะสิ้นอายุขัย”
“ข้าอยู่ในอำนาจเอ็ง ย่อมต้องบันดาลให้เอ็งอยู่แล้ว แต่เอ็งก็รู้ ว่าถ้าคำขอมันมากเกินไป ก็ต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยน เอางี้สิ เอ็งฆ่าคนให้ข้าซักคน แล้วข้าจะบันดาลให้เอ็งตามปรารถนา” พรายยื่นเงื่อนไข
“เอ็งไม่ต้องมาล่อหลอกข้า ถ้าข้าจะต้องเบียดเบียนชีวิตคนอื่นเพื่อให้ตัวเองอายุยืน ข้ายอมตายเสียดีกว่า แต่ถ้าข้าตาย เอ็งก็ต้องถูกถ่วงน้ำ สิ้นอำนาจอิทธิฤทธิ์ทุกอย่างรอเวลาไปชดใช้กรรมที่ก้นแม่น้ำเถอะ”
“ไอ้ชัด ก็ได้ ข้อจำต้องยอม เพราะสู้เอ็งไม่ได้หรอกนะ แต่เอ็งจำไว้ทุกสิ่งต้องมีการแลกเปลี่ยน ถึงเอ็งจะไม่ฆ่าคน แต่ก็ต้องมีสิ่งอื่นมาแลกเปลี่ยนให้ข้าอยู่ดี” ขาดคำ เงาสีดำของพรายบนผนัง ก็ไหลเหมือนของเหลวย้อนกลับลงไปในโถ ฝาโถปิดสนิทลงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ขณะที่ชัดสีหน้าเคร่งขรึม เพราะรู้ว่าต้องมีผลเสียตามมาแน่ๆ แต่ตนไม่มีทางเลือก
ห้าสิบปีต่อมา ชัดในวัยเก้าสิบนั่งเช็ดรูปลูกชาย ที่เป็นทหารเรืออนาคตไกลอย่างภาคภูมิใจ จอนถือกาใส่ชาจีนร้อนเข้ามาให้ชัดอย่างอารมณ์ดี เพราะถูกหวยอีกตามเคย ชัดหันมามองจอนเตือนให้เพลาๆเรื่องหวยลงบ้าง เพราะไม่เคยมีใครร่ำรวยได้ดีด้วยการพนัน จอนยิ้มรับแล้วหันไปดูหน้าบ้าน เพราะได้ยินเสียงรถเข้ามาจอด
ลูกชายของชัดก้าวลงมาจากรถพร้อมด้วยพิไลและศักยะหลานชายคนโปรดในวัยสิบขวบ พิไลเรียกให้จอนมาช่วยขนของฝากลงจากรถ ส่วนศักยะหลังจากไหว้ปู่แล้วก็ขอไปเล่นในสวน ลูกชายเข้ามาบอกข่าวดีกับชัดว่า ปีนี้ตนได้ขึ้นพลเรือตรีแน่นอน เพราะโผแต่งตั้งออกมาแล้ว
“เป็นบุญของพ่อจริงๆลูกทุกคนได้ดิบได้ดี ไม่เคยสร้างความหนักใจให้พ่อเลย โดยเฉพาะแก นำแต่ความภาคภูมิใจมาให้พ่อตลอด พ่อเป็นนาวาโท แต่แกได้เป็นนายพล ถือเป็นอภิชาตบุตรแท้ๆ”
“ขอบคุณมากครับพ่อ” ลูกชายก้มลงกราบ แล้วศักยะก็วิ่งมาดึงพ่อให้ไปสอยมะม่วงในสวน
“ไปเถอะ เด็กก็อย่างงี้แหละ เดี๋ยวค่อยมาคุยกันต่อ” ชัดโบกมือไล่พลางส่งยิ้มมีความสุข
สองพ่อลูกมาถึงต้นมะม่วง ศักยะชี้บอกพ่อว่าอยากได้ลูกมะม่วงลูกใหญ่สุด พ่อเดินไปหยิบไม้มาสอยให้ ทันใดนั้น ก็มีเงาดำปรากฏวูบขึ้นที่หน้าพ่อศักยะ และเมื่อเงาดำผ่านไป พ่อศักยะก็มีอาการวิงเวียนเหมือนจะเป็นลม เพียงครู่เดียวไม้สอยมะม่วงก็หลุดจากมือ พ่อศักยะก็ล้มลงขาดใจตาย
ชัดเสียใจกับเหตุการณ์เกิดขึ้น เขาเข้ามาดูหน้าลูกเป็นครั้งสุดท้าย เห็นเงาดำปรากฏขึ้นที่หน้าลูกชายแล้ววูบหายไป เขายืนตะลึงรู้ทันทีว่าเป็นฝีมือพราย จึงไปที่ดงกล้วยตวาดเรียกพรายออกมาพบ เพราะโกรธที่มันฆ่าลูกชาย แต่พรายกลับย้อนว่า ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะชัด
“เอ็งลืมแล้วหรือ ว่าเอ็งขอให้ตัวเองหายจากโรคร้าย แล้วมีอายุยืนยาวปราศจากโรคภัย ในเมื่อเอ็งไม่ยอมฆ่าใคร ค่าตอบแทนครั้งนี้ ข้าก็ต้องเอาจากลูกชายเอ็งแทน เพราะสิ่งแลกเปลี่ยนที่ข้าช่วยเอ็ง ก็คืออายุที่เหลืออยู่ของลูกชายเอ็ง แล้วก็อนาคตหน้าที่การงานทั้งหมดยังไงล่ะ แค่นี้ยังไม่เข้าใจอีกหรือไอ้ชัด”
ชัดแทบช็อกไม่คิดว่า การตายของลูกจะมีสาเหตุมาจากตน เขาแค้นสุดๆ ประกาศจะจับพรายถ่วงน้ำ
“เอาเลยไอ้ชัด ที่เอ็งอยู่มาได้ถึงทุกวันนี้ก็เพราะอำนาจของข้า ถ้าข้าเสื่อมอิทธิฤทธิ์ลง เอ็งก็ต้องตายด้วย เอ็งตายคนเดียวไม่พอ หลานเล็กๆของเอ็งอีกล่ะ มันเพิ่งเสียพ่อไป ถ้าเอ็งมาจากไปอีกแล้วมันจะอยู่อย่างไร ถ้าเอ็งมั่นใจว่าจะตายตาหลับ ได้ ก็จับข้าไปถ่วงน้ำเลยสิวะไอ้ชัด” พรายหัวเราะลั่นด้วยความสะใจ
ชัดยืนอึ้งนึกสงสารหลานจับใจ แต่ทำได้เพียงพึมพำว่า “ความผิดปู่เอง เพราะปู่ไม่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับเสด็จฯท่าน ขอในสิ่งที่เกินวาสนาของตัวเอง ถ้าปู่ยอมให้ตัวเองตายซะ พ่อของเจ้าก็คงไม่ต้องมารับเคราะห์หรอก” ชัดกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
ooooooo
“เพราะยังงี้นี่เอง คุณปู่ของตั้นถึงทำลายไอ้พรายไม่ได้ ต้องรอจนตัวเองสิ้นอายุขัย แล้วก็ให้ตั้นเป็นคนทำลายแทน แต่ตั้นกลับเอามันมาใช้เองซะนี่” รัชต์เปรยขึ้น เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด
“ทุกคนเลยต้องกลายเป็นเหยื่อของมันกันหมด แล้วพี่ตั้นรู้เรื่องนี้รึเปล่าคะคุณตา”
“คงยังไม่รู้หรอก แต่ถึงรู้ตาก็ไม่แน่ใจนะว่าตั้นจะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้แค่ไหน เพราะตั้นถลำลึกมากเกินไปแล้ว”
“ขนาดคุณปู่ชัดทำไปเพราะความจำเป็น ยังได้รับผลกระทบขนาดนี้ แล้วพี่ตั้นทำไปเพราะความโลภ ไม่รู้บั้นปลายจะเจอกับอะไรบ้างนะคะ” เรนอดสงสารศักยะไม่ได้
ด้านศักยะ เขาเดินหน้าหาเหยื่อผู้หญิงไปสังเวยให้พรายตามข้อตกลง เพราะเหลืออีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะเที่ยงคืนแล้ว เขาเข้าไปในผับเพื่อขอซื้อบริการจากหญิงคนหนึ่ง จากนั้นก็พาเธอมาที่โรงแรมม่านรูดหวังจะฆ่าให้ตาย แต่กลับโดนหญิงสาวฉีดสเปรย์พริกไทยใส่เพื่อป้องกันตัวแล้ววิ่งหนีออกไป ศักยะหมดท่ารีบวิ่งเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตา
เวลาเดียวกันนั้น พิไลและนิศราเห็นข่าวศักยะกับทัดสิงห์ในทีวี พิไลกลัวว่าลูกชายจะไปก่อเรื่องอีก จึงโทร.ไปต่อว่า ศักยะไม่รู้จะบอกแม่อย่างไร ตัดบทว่า ทำธุระเสร็จแล้วจะโทร.กลับแล้วกดตัดสาย
“เจ้าตั้น แกอย่ามาวางหูใส่แม่นะ เจ้าตั้น ไอ้ลูกคนนี้นี่ เมื่อวานทำตัวดีอยู่หยกๆ ไม่ทันไรดีแตกซะแล้ว” พิไลโมโหลูก เธอหันมามองหน้านิศราคล้ายจะขอคำปรึกษา
นิศราแนะให้พิไลลองโทร.ถามเรนดู เพราะทัดสิงห์เป็นพ่อเลี้ยงของเรน พิไลรีบกดโทรศัพท์โทร.หาเรนทันที
เรนเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเธอและสร้อยทิพย์ให้พิไลฟังพร้อมยืนยันว่า ถ้าไม่ได้ศักยะมาช่วย เธอกับแม่คงแย่แน่ และขอร้องให้พิไลช่วยเกลี้ยกล่อมให้ศักยะมอบตัว เพราะเธอกับแม่ก็จะช่วยเป็นพยานให้เอง
“ขอบใจหนูเรนมากนะจ๊ะ จะว่าไป เจ้าตั้นมันโชคดีอยู่อย่างหนึ่งนะ ที่ได้เพื่อนดีๆ ที่พร้อมจะให้อภัยมันอย่างหนู” พิไลชมน้ำใจแล้วกดวางสาย ในขณะที่เรนแอบถอนใจภาวนาให้ศักยะอย่าทำลายชีวิตใครอีกเลย
ส่วนศักยะยังนั่งซุ่มอยู่ในมุมมืด หวังหาเหยื่อไปให้พราย แต่ไม่สบโอกาสเพราะมีคนผ่านมา เขาเหลือบมองนาฬิกา เมื่อเห็นว่าใกล้เที่ยงคืนแล้ว ก็รีบกลับไปหาพิไล เพราะคาดว่า อย่างไรก็คงหาเหยื่อไม่ทันแน่
ooooooo










