ตอนที่ 11
“แต่ฉันไม่อยากคุยกับแก แล้วก็ไม่อยากมองหน้าแกด้วย ฉันเกลียดแก ได้ยินไหม ฉันเกลียดแก”
“จะไม่แรงไปหน่อยเหรอจ๊ะหนู ในเมื่อคุณตั้นเขามาขอโทษแล้ว หนูก็น่าจะให้โอกาสพี่เขาบ้างนะ” สร้อยทิพย์แนะนำ
“พิมไม่ใช่คนใจอ่อนอย่างคุณป้านะคะ คุณป้าไม่เจออย่างพิม คุณป้าก็พูดได้สิคะ” พิมพ์พัสตราวีนแหลกแล้วหันไปพูดเสียงดังใส่ประตู “เรื่องที่ซวยที่สุดในชีวิตของพิมก็คือได้มาเจอกับแกนั่นแหละ ไอ้ผีบ้า ไปให้พ้น”
ศักยะยืนซึม ไม่คิดว่าผู้หญิงที่ตนรักและทุ่มเททุกอย่างเพื่อให้ได้มาจะไร้เยื่อใยกับตนได้ขนาดนี้ เขาเดินคอตกลงมาข้างล่างเจอรัชต์กับเรนยืนรออยู่
“คุณพิมไม่ยอมออกมาเจอเหรอคะ” เรนทัก
“เขาคงเกลียดผมมาก ช่างเถอะ ตอนนี้ผมไม่หวังอะไรอีกแล้ว ขอให้แม่ปลอดภัยก็พอ” ศักยะเดินซึมๆจะออกไป
“เดี๋ยวตั้น ฉันมีเรื่องสงสัยอยู่เรื่องหนึ่ง แกจะตอบฉันได้ไหม ฉันเคยทำร้ายอะไรแกเหรอ แกถึงได้โกรธแค้นฉันนัก ถึงขนาดต้องทำลายฐานะฉัน แย่งพิมไป แล้วยังกลั่นแกล้งฉันทุกอย่าง จนทุกวันนี้ ฉันเหลือศูนย์ต้องเริ่มต้นใหม่ ถามจริงๆ เถอะตั้น ฉันเคยทำอะไรผิดต่อแก ฉันไม่รู้ตัวเลย” รัชต์เอ่ย
ศักยะยิ่งคิดก็ยิ่งละอายใจ เพราะหาข้อเสียของรัชต์ ไม่ได้จริงๆ เขาตอบว่า “แกไม่เคยทำร้ายฉันหรอกรัชต์ แต่ แกมันเพอร์เฟกต์เกินไป แกมีพร้อมทุกอย่าง ใครๆก็พากันยกย่อง จนไม่มีใครเห็นหัวฉันซักคน แม้แต่เพื่อนนักเรียนด้วยกันก็มองข้ามหัวฉันตลอด แกไม่เข้าใจหรอกว่าไอ้ขี้แพ้อย่างฉัน มันเจ็บปวดขนาดไหน”
“ไม่มีใครดูถูกแกได้หรอก ถ้าแกรู้จักนับถือตัวเอง ทุกวันนี้ ฉันก็ไม่เหลืออะไร นอกจากสมองกับสองมือ แต่ฉันเชื่อมั่นว่าถ้าฉันยังนับถือตัวเองอยู่ ก็ไม่มีวันที่ใครจะมาทำให้ฉันรู้สึกต่ำต้อยน้อยหน้าลงไปได้”
“ถูกของแก ฉันน่าจะคิดได้แต่แรก จะได้ไม่ต้องทำร้ายคนอื่น ที่สุดก็กลายเป็นทำร้ายตัวเอง” ศักยะเหลือบมองหน้าเรนหมดแรงจะพูดต่อจึงเดินเลี่ยงออกไป
รัชต์และเรนมองตามภาวนาให้ศักยะกลับตัวกลับใจได้จริงๆ
ศักยะมาที่ต้นมะขามเพื่อเจรจากับพราย แต่พรายไม่ยอมออกมาพบ เพราะยิ่งศักยะทรมานกระวนกระวายเท่าไหร่มันก็ยิ่งพอใจ เป็นเวลาเดียวกับที่เรนและรัชต์เข้ามาคุยกับตาเลิศในห้องพระ เพราะรัชต์สงสัยว่า พรายสามารถทำร้ายคนได้อยู่แล้ว ทำไมต้องมาทำงานให้ศักยะ เพื่อเอาชีวิตคนเป็นสิ่งตอบแทน
“ใช่ ตาเองก็สงสัยข้อนี้อยู่เหมือนกัน ตาว่า ไอ้ผีพรายมันยอมรับใช้ตั้นด้วยเหตุผลอื่นมากกว่า แล้วถ้าดูกันจริงๆ เหมือนตั้นตกเป็นทาสของมันด้วยซ้ำ” ตาเลิศครุ่นคิด
“งั้นมันทำไปทำไมล่ะคะตา ถึงได้พี่ตั้นเป็นทาสก็ไม่เห็นว่าจะได้ประโยชน์ตรงไหนเลย มีแต่วุ่นวายยิ่งขึ้นต้องมาคอยทำตามความต้องการของพี่ตั้นอีก” เรนแปลกใจ
“ตาก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ตอนนี้ที่ตาคิดได้ก็คือมันต้องมีความแค้นอะไรซักอย่างกับตั้น หรือไม่ก็กับครอบครัวเราทั้งสองตระกูล เพราะมันเองก็พยายามทำร้ายตากับเรนเหมือนกัน”
“ความแค้นเหรอครับ ขอโทษนะครับคุณตา ครอบครัวคุณตาเคยมีศัตรูที่ไหนไหมครับ”
“ตัวตาเองก็ไม่เคยมีศัตรูที่ไหนนะ แต่เท่าที่ฟังพี่ลพเล่าเกี่ยวกับเจ้าผีพรายตนนี้ ก็ไม่เห็นทางไหนที่จะเชื่อมโยงมาถึงความอาฆาตแค้นกับพวกเราได้เลย เพราะเดิมทีมันเคย อาละวาดทำร้ายคนอยู่ที่เกาะทางใต้ จนกระทั่งเสด็จในกรมฯท่านไปราชการที่นั่น” ตาเลิศนึกถึงเรื่องราวในอดีตที่ตนเคยได้ยินได้ฟังมา
ooooooo
เมื่อเก้าสิบกว่าปีก่อน เสด็จในกรมทำพิธีปราบและขังโหงพรายไว้ในผอบแก้ว จากนั้นก็ประทานให้ชัดเพื่อเอาไว้คุ้มกันภัย ลพที่อยู่ในเหตุการณ์ทักท้วงด้วยกลัวชัดจะโดนพรายเล่นงาน แต่เสด็จฯยืนยันว่า วิชาชัดแก่กล้าเข้าขั้น พอจะคุมได้ไม่เป็นภัย แล้วหันมารับสั่งกับชัด
“แต่เอ็งต้องสัญญากับข้ามาข้อหนึ่งก่อนว่า เอ็งต้องไม่ขอสิ่งใดจากมันเกินกว่าวาสนาที่เอ็งมี จำไว้นะ อย่าโลภให้เกินบุญวาสนา มิฉะนั้น มันจะย้อนกลับมาทำลายเอ็ง” สิ้นเสียงกำชับ ก็มีเสียงฟ้าฝนร้องครืนๆตามมา
จากนั้นชัดก็มีพรายช่วยคุ้มกันภัย แต่เขากลับไม่รู้สึกดีเลย เพราะกลัวว่าสักวันจะควบคุมมันไม่อยู่
วันหนึ่งลพมาหาชัดที่บ้าน และได้ยินเสียงชัดตะโกนสั่งมาจากในดงกล้วยให้รออยู่ข้างนอกก่อนอย่าเพิ่งเข้ามา ลพแปลกใจเพราะจู่ๆลมก็พัดแรงขึ้นเรื่อยๆ ท้องฟ้ามืดครึ้มฉับพลัน แต่เพียงไม่นานท้องฟ้าก็สว่าง ลมสงบเหมือนไม่เคยเกิดอะไรขึ้นมาก่อน
“เข้ามาได้แล้วพ่อลพ” ชัดตะโกนเรียก
ลพเดินเข้าไปในดงกล้วยด้วยท่าทางหวาดกลัว เห็นชัดกำลังตั้งโต๊ะทำพิธี มีพานบายศรี กะโหลกผีตายโหง ผอบแก้ว และดอกไม้ธูปเทียนวางอยู่บนโต๊ะจึงเอ่ยถาม “นี่พ่อชัดทำอะไรน่ะ”
“ฉันทำพิธีสะกดไอ้โหงพรายมัน ไอ้โหงพรายมันก็เหมือนมีด ยิ่งใช้มันมากเท่าใด ก็เหมือนยิ่งลับให้มันคมมากขึ้นเท่านั้น ฉันเกรงว่าผอบแก้วจะขังมันไว้ไม่อยู่แล้ว ต้องใช้กะโหลกผีตายโหงสะกดมันซ้ำอีกที”
“แล้วจะสะกดมันอยู่แน่หรือพ่อชัด ถ้าวุ่นวายขนาดนั้น ก็เอามันไปถ่วงน้ำไม่ดีรึพ่อชัด จะได้สิ้นเรื่องสิ้นราวกันไป”
“เสียดาย” ชัดถอนใจ ก่อนจะไหว้จบหัว แล้วหยิบกะโหลกผีตายโหงขึ้นวางทับผอบแก้วอีกที
“ยังไงพ่อชัดก็อย่าลืมรับสั่งของเสด็จก็แล้วกัน”
“ไม่ลืมดอกพ่อลพ ฉันจะไม่ขออะไรจากไอ้โหงพรายเกินกว่าวาสนาของฉัน หรือไม่ฉันก็จะไม่ขออะไรจากมันอีกเลย มันจะได้ไม่หลุดออกมาทำร้ายใครได้อีก” ชัดก้มมองกะโหลกผีตายโหงที่วางทับผอบแก้วเอาไว้
สายวันต่อมา ลพพาเลิศน้องชายในวัยสิบขวบมาหาชัดที่บ้านอีกครั้ง สองพี่น้องเห็นชัดกำลังดูโถลายครามที่เพิ่งได้มาด้วยสีหน้าพึงพอใจ เพราะเป็นโถใส่กระดูกผีตายท้องกลมที่จะนำมาทำพิธีสะกดไอ้โหงพราย ชัดหันมาคุยกับลพ อย่างมั่นใจ “ทีนี้ก็เหลือแต่รออาถรรพณ์ฤกษ์ ฉันจะได้ทำพิธีปลุกเสก คราวนี้ อย่าว่าแต่ไอ้โหงพรายตัวเดียวเลย ต่อให้มีสิบตัวฉันก็สะกดมันอยู่”
“เอ่อ แล้วนี่เมียกับลูกพ่อชัดอยู่หรือเปล่าล่ะ” ลพมองหา
“ไปทำบุญที่วัด มีอะไรหรือ”
“ฉันมีเรื่องกลุ้มใจ อยากจะชวนพ่อชัดไปด้วยกันสักหน่อย” ลพสีหน้าหนักใจ พลางบอกเล่าเรื่องราวของอ้นนักเลงหัวไม้ ลูกชายคหบดีใหญ่ที่เจ้านายของลพเกรงใจ เพราะอ้นบอกว่าอยากเป็นทหารเรือ เจ้านายจึงบังคับให้ลพรับอ้นมาเป็นลูกน้อง ทำให้ลพอึดอัดใจเป็นที่สุดด้วยกลัวว่า ถ้าอ้นมียศมีอำนาจขึ้นมาชาวบ้านตาดำๆจะเดือดร้อนไปมากกว่านี้
“ฉันเลยอยากให้พ่อชัดช่วยหาทางออกให้ฉันหน่อย ทำอย่างไรถึงจะปฏิเสธนายอ้นได้โดยไม่ต้องหมางใจกัน” ลพขอความช่วยเหลือ
ชัดนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ส่งยิ้มแบบมีแผน เอ่ยว่า “ฉันพอมีทางแล้วล่ะพ่อลพ”
ooooooo
กลางดึกคืนนั้นชัดนัดให้ลพพาอ้นกับลูกน้องที่อยากเป็นทหารเรือมาพบตนที่ดงกล้วยหลังบ้าน เพื่อทดสอบความกล้าหาญ เขาบอกกับอ้นและลูกน้องว่า
“ทหารเรือต้องทำศึกสงครามกับข้าศึก ยิ่งตอนออกเรือ คืบก็ทะเลศอกก็ทะเล เพราะฉะนั้น ต้องมีความกล้าเป็นเลิศ คนขี้ขลาดไม่มีวันจะเป็นทหารเรือได้หรอก ในดงกล้วย มีโต๊ะอยู่ตัวหนึ่ง บนโต๊ะมีกะโหลกผีตายโหงวางอยู่ พร้อมกับกระดาษดินสอ ถ้าใครคิดว่าตัวเองกล้าหาญจริงก็ขอให้เดินเข้าไปในดงกล้วยเพียงคนเดียว แล้วเขียนชื่อตัวเองลงบนกระดาษ ถ้าทำได้ก็ถือว่าสอบผ่าน”
อ้นกับลูกน้องหน้าซีดเพราะถึงจะเป็นอันธพาลแต่ก็กลัวผี
“ถ้าเรื่องเพียงนี้ยังกลัว ก็เป็นทหารเรือไม่ได้หรอกนะ เกิดศึกสงครามขึ้นมาจริงๆมีหวังกลัวหดอยู่ในกระดอง” ลพสบประมาท
อ้นเจ็บใจตะคอกสั่งลูกน้องที่ชื่อแก่นให้เข้าไปก่อน แต่แก่นก้าวขาไม่ออก เพราะเสียงหมาหอนดังแว่วมา อ้นกลัวเสียฟอร์มจึงกัดฟันเดินเข้าดงกล้วยไปทั้งๆที่กลัวแทบขาดใจ เสียงหมาหอนโหยหวนดังขึ้นอีก อ้นกลัวจับใจ แต่ความกลัวเสียฟอร์มมีมากกว่า จึงหลับหูหลับตาวิ่งฝ่าดงกล้วยเข้าไป จนสะดุดล้มลง พอลุกขึ้นก็เห็นกะโหลกผีตายโหงบนโต๊ะเข้าเต็มๆ ห่างเพียงแค่ฝ่ามือกั้นเท่านั้น อ้นตกใจสุดๆร้องลั่น แล้วถีบตัวถอยห่าง เขานั่งช็อกอยู่ครู่หนึ่ง และเมื่อตั้งสติได้ก็รีบเดินไปที่โต๊ะแล้วหยิบดินสอขึ้นมาเขียนชื่อตัวเองบนกระดาษอย่างรวดเร็ว
เมื่อเขียนชื่อเสร็จอ้นก็มองไปรอบๆเห็นทุกอย่างสงบเงียบไม่มีอะไรจึงย่ามใจคิดว่า ชัดกับลพต้องการขู่จึงจะเอาคืน “คิดจะหลอกให้กูกลัวล่ะสิ อย่างนี้มันต้องหักหน้ากันเสียหน่อยแล้ว” อ้นหยิบกะโหลกผีตายโหงขึ้นมาแล้วถือเดินออกจากดงกล้วยด้วยสีหน้ากระหยิ่มยิ้มย่อง พรายที่อยู่ในผอบแก้วบนโต๊ะกรีดร้องโหยหวนด้วยความดีใจที่หลุดพ้นเป็นอิสระ
ชัดกับลพที่รออยู่เห็นอ้นหายไปนาน ก็เข้าใจว่าคงเปลี่ยนใจไม่อยากเป็นทหารเรือแล้ว แต่เพียงครู่เดียวอ้นก็เดินออกมาพร้อมกับชูหัวกะโหลกขึ้นอวดลูกน้อง ชัดตกใจสุดขีดรีบดึงหัวกะโหลกมาพลางตวาดลั่น
“ไปเอาออกมาทำไม ฉันบอกให้แค่เขียนชื่อ ทำไมถึงทำเกินคำสั่ง”
“เรื่องแค่นี้อย่าตีโพยตีพายนักเลยน่าพี่ชัด พี่เป็นต้นคิดเรื่องนี้ พอฉันทำได้ก็ไม่พอใจ กลัวเสียหน้าล่ะสิ” อ้นพาลพร้อมกับดึงหัวกะโหลกกลับไป
“ไม่ใช่เช่นนั้นหรอกพ่ออ้น พ่อชัดเขาเป็นคนมีระเบียบ ไม่ชอบให้ใครทำขาดทำเกินคำสั่งเท่านั้นเอง” ลพรีบไกล่เกลี่ย
อ้นตาขวางมองหน้าชัด ก่อนจะหันไปชวนลูกน้องไปดื่มฉลอง ชัดหน้าเครียดมองตาม แล้วหันกลับไปมองที่ดงกล้วยภาวนาว่าจะไม่มีอะไรร้ายแรงมากไปกว่านี้ เขารีบชวนลพไปที่ห้องพระเพื่อนั่งสมาธิดูว่าพรายหลุดออกไปหรือยัง
ooooooo
ลพที่นั่งรออยู่เห็นชัดลืมตาออกจากสมาธิก็รีบถามเรื่องพราย ชัดพยักหน้ารับสีหน้าหนักใจ เพราะพรายหลุดออกไปแล้ว ลพนึกโทษตัวเองที่หาเรื่องมาให้ชัด ชัดส่ายหน้าบอกว่าเป็นความผิดของเขาเองที่ประมาทอ้นเกินไปแล้วสั่งให้ลพไปรั้งพวกอ้นให้ค้างคืนที่บ้านก่อน เพราะกลัวโหงพรายจะตามไปเล่นงาน
“ได้พ่อชัด เดี๋ยวฉันจัดการให้” ลพรับปาก
“ฉันจะร่ายอาคมขังมันไว้ในเขตบ้านก่อนแล้วค่อยหาทางจับมันอีกที”
“แล้วโหงพราย มันจะไม่เปลี่ยนมาทำร้ายคนในบ้านพ่อชัดแทนรึ”
“เมียฉันพาลูกไปค้างบ้านแม่หลายวันแล้ว ช่วงนี้คงเบาใจไปได้ ส่วนพวกนั้นพ่อลพต้องให้อยู่รวมกันไว้ อย่าให้อยู่คนเดียว รุ่งสางเมื่อไหร่ค่อยให้กลับออกไป แค่นี้ก็น่าจะปลอดภัยแล้ว”
“ทำไมต้องอยู่รวมกันล่ะพ่อชัด”
“ไอ้โหงพรายมันกลัวอำนาจจิตของคน ถ้าอยู่กันหลายคน พลังของมันจะลดลง จากที่ฆ่าคนได้ ก็อาจจะทำได้แค่ผลักให้ล้มหรือไม่ก็เข้าสิงเท่านั้นเอง”
“งั้นฉันรีบไปรั้งพวกนายอ้นไว้ก่อนนะพ่อชัด” ลพรีบออกจากห้องไป
ชัดหันไปมองพระพุทธรูปในห้อง ก่อนจะขัดสมาธิ หลับตาสำรวมจิตต่อ
ลพออกไปตามอ้นกับลูกน้องให้มากินเหล้าต่อที่บ้านชัดและหลอกมอมเหล้าทุกคนเพื่อไม่ให้ออกไปไหนอีก ไม่นานนักอ้นกับลูกน้องก็พากันเมากลิ้งนอนหลับสนิท ลพโล่งใจขอขึ้นไปงีบเอาแรงบ้าง แต่เมื่อลพเดินลับตาไป อ้นก็ลืมตาโพลงตื่นขึ้นทันทีเพราะถูกพรายสิง เขาลุกขึ้นยืนในมือมีกะโหลกผีตายโหงติดมาด้วย
“จะไปไหนน่ะพี่ กลับบ้านหรือ” ลูกน้องสะลืมสะลือเอ่ยถาม
“ใช่ กลับบ้าน” อ้นตอบเสียงแข็งเดินถือหัวกะโหลกออกไปจากบ้านหน้าตาเฉย
นับจากวันนั้นก็ไม่มีใครได้เห็นอ้นอีกเลย ลพร้อนใจมากเพราะไม่รู้จะไปตามอ้นที่ไหน เขาต้องรอจนกระทั่งชัดกลับจากราชการจึงมาปรึกษาเรื่องอ้น เพราะกลัวจะถูกโหงพรายเล่นงาน แต่ชัดว่าโหงพรายไปเกิดแล้ว ไม่น่าจะทำร้ายใครได้อีก
“ฉันเองก็มืดแปดด้านไปหมด แต่ถ้าพ่อชัดยืนยันว่าไอ้โหงพรายมันไปผุดไปเกิดแล้ว ก็คงเกิดเรื่องอย่างอื่นขึ้นกับนายอ้นแล้วล่ะ” สีหน้าลพดูค้างคาใจ
ชัดเป็นกังวลเพราะสัญชาตญาณบอกว่าได้มีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นแล้ว เขารีบชวนลพกลับไปที่บ้านเพื่อทำพิธี ไม่นานนักชัดกับลพก็ได้กลิ่นเหม็นลอยออกมาจากดงกล้วย ชัดชวนลพเข้าไปดู เห็นโต๊ะที่ตั้งพิธีสะกดพรายมีกะโหลกผีตายโหงวางทับผอบแก้วอยู่เหมือนเดิมไม่ผิดเพี้ยน
“นี่มันกะโหลกผีตายโหงนี่ ฉันจำได้ว่านายอ้นเอาออกมาด้วย แล้วมันกลับมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” ลพแปลกใจ
“ฝีมือไอ้โหงพรายแน่ มันตั้งใจจะเย้ยฉันก่อนที่มันจะไปเกิด พ่อลพ เดินไปดูที่หลังโต๊ะที ถ้าฉันคิดไม่ผิด อ้นคงจะอยู่ที่หลังโต๊ะนั่นแหละ” ชัดพนมมือ หลับตา สำรวมจิต ท่องคาถา
ลพเดินไปที่หลังโต๊ะ เห็นศพอ้นนอนคว่ำหน้าส่งกลิ่นเน่าเหม็นกระจายคลุ้งทั่วไปหมด
ooooooo
“เรื่องที่ตารู้ก็มีเท่านี้แหละ ตาถึงบอกไงว่าจนแล้วจนรอดตาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้าพรายนั่นถึงได้ตามจองล้างจองผลาญพวกเรานัก” ตาเลิศมองหน้ารัชต์กับเรน
“มันก็แปลกจริงๆนะคะ พรายมันไปผุดไปเกิดแล้วนี่นา” เรนหันมาคุยกับรัชต์
“หรือว่าคุณปู่ชัดเข้าใจผิด จริงๆแล้วเจ้าพรายนั่นมันยังอยู่ ไม่ได้ไปผุดไปเกิด”
“เป็นไปไม่ได้หรอก พี่ชัดมีตบะเหนือกว่าตามาก แล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ ไม่มีทางที่คนละเอียดถี่ถ้วนอย่างพี่ชัดจะพลาดเด็ดขาด ตาว่ามันต้องมีอะไรซักอย่างที่ต่อจากเหตุการณ์ที่ตารู้ แล้วเรื่องตรงนั้นนั่นแหละคือปริศนาทั้งหมดที่เกี่ยวกับเจ้าพราย” ตาเลิศถอนใจ
ปัญหาเรื่องพรายยังไม่ได้คำตอบ เรนก็มีปัญหาใหม่ให้ต้องคิดหนัก เพราะบังเอิญเห็นพิมพ์พัสตราเข้ามาออดอ้อนขอเริ่มต้นใหม่กับรัชต์ เธอแอบน้อยใจและเริ่มไม่มั่นใจในตัวรัชต์ขึ้นมา เป็นเวลาเดียวกับที่ศักยะเดินเมาเละกลับเข้าห้องนอน และได้พบกับพราย เขาขอร้องให้พรายปล่อยพิไลไปและยินดีแลกทุกอย่างกับมัน
“ก็ได้ แต่ต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียมกัน เราต้องการทรัพย์สมบัติทุกชิ้นที่ท่านมี ถ้าท่านให้เราได้ เราก็จะไว้ชีวิตแม่ของท่าน” พรายหัวเราะเยาะ
ศักยะตกใจหน้าซีดเผือดพูดกับเงาสะท้อนตัวเองในกระจก “ถ้าทำอย่างงั้น ก็เท่ากับแกฆ่าฉันทั้งเป็น แกแลกเปลี่ยนอย่างอื่นไม่ได้เหรอ ชีวิตใครก็ได้ จะกี่คนฉันก็พร้อมจะเอามาให้แกทั้งนั้น”
เงาศักยะในกระจกหัวเราะด้วยความสะใจที่เห็นความเห็นแก่ตัวของศักยะ
“แกหัวเราะทำไม หยุดเดี๋ยวนี้นะ ฉันบอกให้หยุดไงล่ะ หยุดซิ” ศักยะโมโห
เสียงพรายยังคงหัวเราะด้วยความสะใจ ศักยะเหลืออด คว้าของใกล้มือเขวี้ยงใส่กระจกตู้แตกกระจาย แต่ไม่คาดคิด ทุกเศษกระจกที่แตกกลับมา เงาศักยะปรากฏขึ้น แล้วระเบิดหัวเราะใส่อย่างสาแกใจ คล้ายเล่นสงครามประสาท ศักยะแหกปากร้องลั่นห้องเหมือนคนเสียสติ
เช้าวันใหม่นิศราเดินออกมาจากทาวน์เฮาส์เตรียมจะไปทำงานที่บริษัท แต่ต้องชะงัก เมื่อเห็นศักยะยืนรออยู่ เขาเอ่ยถามถึงพิไลด้วยความเป็นห่วง พิไลที่เดินตามออกมาประชดว่าเธอยังไม่ตาย แล้วต่อว่าลูกชายอีกชุดใหญ่แถมไล่ให้กลับไป
“ผมไม่ไปไหนทั้งนั้นล่ะ แม่ยังไม่รู้ว่าไอ้พรายนั่นมันร้ายกาจแค่ไหน ให้ผมอยู่ใกล้ๆแม่ดีกว่านะครับ เกิดอะไรขึ้นจะได้ช่วยเหลือทัน” ศักยะขอร้อง
“ช่วยฆ่าฉันสิไม่ว่า นิศโทร.ตาม รปภ.หมู่บ้านมาลากตัวมันออกไปเลย” พิไลโมโห
นิศราเห็นใจศักยะอยู่เหมือนกันแต่ไม่รู้จะช่วยอย่างไรจึงได้แต่ขอร้องให้ศักยะกลับไปก่อน เพราะอีกเดี๋ยวธีระก็จะมาอยู่เป็นเพื่อนพิไลแทนเธอ แต่ศักยะไม่ยอมเพราะกลัวพรายจะมาเอาชีวิตพิไลที่อยู่คนเดียว เขาโทร.ตามเรน
ในขณะที่เรนก็กำลังต่อว่าสร้อยทิพย์ เพราะเข้าใจผิดว่าแม่โทร.ไปขอคืนดีกับทัดสิงห์
“หยุดด่าว่าแม่ได้แล้วนะเรน แม่ไม่ได้โทร.ไปง้อขอคืนดีกับเขา แต่แม่โทร.ไปขอเลิกกับเขา เข้าใจให้ถูกซะด้วย” สร้อยทิพย์สะบัดหน้าเดินกลับเข้าบ้าน
เรนอึ้งไปรู้สึกผิดที่ก้าวร้าวแม่โดยไม่ฟังเหตุผล รีบตามไปกราบขอโทษ สร้อยทิพย์น้ำตาร่วง
“แม่คะ เรนสัญญาว่าต่อไปจะไม่ก้าวร้าวกับแม่แบบนี้อีก แม่จะให้เรนไถ่โทษยังไงก็ได้ แต่อย่าโกรธเรนเลยนะคะ”เรนก้มไหว้ตักแม่อีกที
สร้อยทิพย์เหลือบตามองลูกสาว อดใจอ่อนไม่ได้ ขณะนั้นเองศักยะโทร.มาขอร้องให้เรนไปอยู่เป็นเพื่อนพิไล เพราะธีระยังมาไม่ถึง และอยากให้เรนช่วยขอร้องพิไลให้ยอมยกโทษให้เขาสักครั้ง เพื่อจะได้เข้าไปอยู่ดูแลแม่ เรนสงสารจึงยอมเข้าไปคุยกับพิไล แต่พิไลใจแข็งกว่าที่คิดเพราะต้องการให้บทเรียนกับลูกชาย
ศักยะเห็นเรนเดินออกมาก็รีบเข้าไปถามว่าพิไลยอมให้เขาไปอยู่เป็นเพื่อนไหม เรนส่ายหน้าแทนคำตอบ
“แม่คงเกลียดผมมาก ขนาดผมอยากเข้าไปคุ้มกันเขาแท้ๆ ยังไม่ยอมเลย” ศักยะน้อยใจ
“ไม่มีแม่คนไหนเกลียดลูกตัวเองได้หรอกค่ะพี่ตั้น แต่ถ้าโกรธ ผิดหวัง ก็คงจะใช่ พี่ตั้นทำเรื่องไม่ดีมาเยอะ จะด้วยคิดเองหรือถูกพรายครอบงำความคิดก็เถอะ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคราวนี้คงทำให้พี่ตั้นได้คิด และกลับตัวเลิกยุ่งเกี่ยวกับพรายซะที อย่าให้มีใครต้องสูญเสียชีวิตเพราะความไม่รู้จักพอของพี่อีกเลยนะคะ” เรนขอร้อง
ศักยะหน้าเครียดพึมพำว่าไม่รู้จะสายเกินไปหรือยัง เพราะพรายไม่ยอมฟังคำสั่งของเขา
“งั้นพี่ตั้นก็ต้องอยู่ที่นี่ก่อน ข้างนอกมีพี่คอยดู ส่วนข้างในบ้านมีพี่ธีระกับพี่นิศอยู่ ก็คงพอจะเบาใจได้”
“แล้วต้องถึงเมื่อไหร่ล่ะเรน อีกกี่เดือนกี่ปี แม่ถึงจะปลอดภัยซะที”
“พี่ตั้นน่าจะตอบคำถามนี้ได้ดีกว่าใครไม่ใช่เหรอคะ” เรนจ้องหน้าศักยะสายตาดูโกรธเคืองอยู่มาก ก่อนจะสะบัดหน้าเดินหนี
ศักยะมองตามนึกเสียใจที่ทำให้แม่และทุกคนต้องตกอยู่ในอันตรายแบบนี้
เรนกลับมาถึงบ้านก็เห็นพิมพ์พัสตรากำลังจัดโต๊ะอาหารที่มีเมนูหรูระดับโรงแรมวางอยู่เต็มโต๊ะ เพราะต้องการเอาใจรัชต์ และจะขอตามชายหนุ่มไปพบลูกค้าด้วยหลังทานอาหารเสร็จ รัชต์ยืนอึ้งหันมาขอความช่วยเหลือจากเรน เรนออกตัวว่าเธอคงไปพบลูกค้ากับรัชต์ไม่ได้เพราะต้องพาสร้อยทิพย์ไปทำธุระแล้วเดินเลี่ยงไป รัชต์มองตามเรนอย่างแคร์ความรู้สึก และเริ่มอึดอัดใจที่พิมพ์พัสตราเข้ามาจุ้นจ้านมากเกินไป
ooooooo










