ตอนที่ 10
ศักยะอยากเอาชนะรัชต์จึงมาทวงสัญญากับ
เรน ในขณะที่เรนฝันเห็นแม้นฤกษ์มาเตือน
“ไอ้ตั้น มันใจคออำมหิตผิดมนุษย์ พ่อเสียใจเหลือเกินที่ไม่ฟังคำเตือนของลูก ไปซะเรน ไปให้พ้นจากมัน” ร่างแม้นฤกษ์จางหายไป
“พ่อคะ พ่อ” เรนสะดุ้งตื่น เธอทบทวนความฝันและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็พอจะเดาได้ว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด ดังนั้น เมื่อศักยะมาทวงสัญญา เรนจึงพาไปที่ห้องพระพร้อมยื่นเงื่อนไขว่าถ้าศักยะกล้าสาบานต่อหน้าพระและโกศกระดูกของแม้นฤกษ์ว่าเขาไม่เกี่ยวข้องกับการตายของแม้นฤกษ์ เธอจะยอมไปทำงานด้วย
ศักยะขบกรามแน่นด้วยความเจ็บใจ แต่จำต้องทำตามเพื่อให้เรนเชื่อใจ เขานั่งคุกเข่าพนมมือ รู้สึกเหมือนพระกำลังจับจ้องมองอยู่ ครั้นมองไปที่โกศกระดูกแม้นฤกษ์ก็
ชักกลัว
“ผมขอสาบาน” ศักยะกัดฟันพูดพลางเหลือบตามองไปทางเรน แต่กลับเห็นวิญญาณแม้นฤกษ์นั่งซ้อนอยู่ด้านข้าง และจ้องมองศักยะด้วย
สายตาอาฆาตแค้น
ศักยะตกใจร้องลั่นบอกกับเรนว่าถ้าไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำแล้วลุกหนีไปทันที เรนมองตามสีหน้าโกรธจัดมั่นใจว่าศักยะเป็นคนทำให้พ่อตนต้องตาย
ศักยะหนีออกมาหาพรายที่ต้นมะขามใหญ่เพราะเจ็บใจที่โดนวิญญาณแม้นฤกษ์เล่นงาน
“ความรักที่มันมีต่อลูกสาวมีพลังแรงนัก แม้แต่ข้าก็ไม่สามารถสะกดวิญญาณของมันได้ตลอด ท่านตัดใจจากผู้หญิงคนนั้นซะเถอะศักยะ” เสียงพรายดังขึ้น
“ไม่มีทาง ถ้าฉันยอมก็เท่ากับแพ้ไอ้รัชต์มันน่ะสิ ฉันไม่มีวันยอมแพ้มันเด็ดขาด ฉันต้องการแย่งตัวเรนมาจากไอ้รัชต์ให้ได้ แกได้ยินไหม ฉันต้องการเรนกลับมาเป็นของฉัน” ศักยะสีหน้าแววตาดุดัน อยากเอาชนะ
พรายทำตามความประสงค์ของศักยะ มันจำแลงเป็นวัชรีเจ้าของสปอร์ตคลับที่เรนรับงานตกแต่งไว้ แล้วโทร.มาต่อว่าเรนเรืื่องงานที่ไม่เป็นไปตามข้อตกลง เรนกลัวเสียชื่อบริษัทจึงรีบออกไปพบ สักพักรัชต์ก็กลับมา เขาถามหาเรนกับตาเลิศ แต่พอได้ยินคุณตาว่าเรนออกไปพบลูกค้าชื่อวัชรีก็ตกใจ รีบบอกตาเลิศว่าเขาเพิ่งเจอกับวัชรีเมื่อตอนบ่าย เธอชอบงานของเรนมาก และตอนนี้วัชรีก็ขึ้นเครื่องไปอเมริกาแล้ว
“ไม่เข้าท่าแล้วคุณรัชต์ รีบไปตามเจ้าเรนกันดีกว่า ตาไปด้วย” ตาเลิศเป็นห่วงหลาน
รัชต์ขับรถออกมาตามหาเรนด้วยความร้อนใจ ส่วนตาเลิศซึ่งนั่งมาด้วยก็พยายามกดโทรศัพท์มือถือเพื่อติดต่อเรน แต่ติดต่อไม่ได้ คุณตาหันมาปรึกษารัชต์ว่าจะลองโทร.ไปที่ สปอร์ตคลับดีไหม รัชต์ส่ายหน้าเพราะสปอร์ตคลับยังไม่เปิดให้บริการ และป่านนี้พนักงานที่ดูแลก็คงกลับหมดแล้ว ตาเลิศหนักใจ
เวลาเดียวกันนั้น เรนมาถึงหน้าสปอร์ตคลับ เธอก้าวลงมาจากรถ แล้วฝนก็เทลงมาอย่างหนัก เรนเปียกปอนรีบวิ่งเข้าไปด้านใน แม่บ้านที่โดนพรายสิงออกมาต้อนรับแล้วพาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อจะหลอกให้เธอถอดสร้อยพระออก ในขณะที่เรนเช็ดตัวอยู่นั้น วิญญาณแม้นฤกษ์ก็ปรากฏให้เห็น เขาเตือนลูกให้หนีไป เรนชักเอะใจ รีบเอื้อมมือไปหยิบสร้อยพระเพื่อป้องกันตัว แต่สายเกินไป พรายเข้าสะกดไม่ให้เรนขยับตัวได้ พร้อมตวาดไล่วิญญาณแม้นฤกษ์ให้ออกไป
แม้นฤกษ์มีท่าทางหวาดกลัว แต่ก็ต่อต้านไม่ได้ เขาหันมามองเรนด้วยความห่วงใยก่อนจะเลือนหายไป พรายแสยะยิ้มเห็นเขี้ยวแหลมคมเหมือนเขี้ยวงู และเลือดสีดำเต็มปาก ดูน่าสะพรึงกลัว เรนได้แต่กลอกตามองพรายในร่างแม่บ้านผ่านกระจกด้วยความกลัวจับใจ ในเวลาเดียวกันพรายก็บังตา
ไม่ให้รัชต์กับตาเลิศหาสปอร์ตคลับพบ มันทำให้รัชต์ขับรถวนไปมาอยู่กลางซอยท่ามกลางบรรยากาศอึมครึม ตาเลิศรู้ตัวสั่งรัชต์จอดรถแล้วถือไม้เท้าลงจากรถหลับตาทำสมาธิเพื่อให้ไม้เท้าช่วยเปิดทาง เพียงครู่เดียวบรรยากาศอึมครึมรอบตัวก็จางหาย ตาเลิศลืมตาเร่งให้รัชต์รีบไปที่สปอร์ตคลับเพื่อช่วยเรน
ooooooo
เรนถูกสะกดจิตให้เดินเข้าไปหาศักยะในห้องพัก เธอรับรู้การกระทำทุกอย่างแต่ไม่อาจขัดขืนได้ ศักยะที่นั่งรออยู่หันมาถามพรายว่า คิดจะทำอะไร ทำไมต้องสะกดจิตเรน
เรนขยับปากพูดเป็นเสียงของพราย “ก็ทำให้นางตกเป็นของท่านน่ะสิศักยะ ท่านอย่าปฏิเสธใจตัวเองอีกเลย ลองคิดดูสิ ว่าทำไมท่านถึงอยากได้นางมาอยู่กับท่าน ทั้งที่มีคนอีกมากที่ท่านสามารถใช้เงินซื้อหามาใช้งานได้ แต่ท่านต้องการนางมากกว่าใคร จะเพราะอะไรถ้าไม่ใช่ท่านรักนาง”
“ไม่จริง คนที่ฉันรักคือคุณพิมตะหาก เรนเป็นเพื่อนแล้วฉันก็ไว้ใจเขามากกว่าใครๆ ฉันถึงอยากได้เรนมาทำงานให้ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น” ศักยะยังปากแข็ง
“ท่านหลอกตัวเองไปทำไมศักยะ กับพิมคือความหลงไม่ใช่ความรัก และเมื่อความหลงจางลง ท่านเลยเกิดความเบื่อหน่ายนางขึ้นมา” พรายพูดแทงใจ
ศักยะอึกๆอักๆรู้ว่าพรายพูดถูก แต่ไม่ยอมรับ เงาดำโผล่ออกมาจากร่างเรน ยื่นหน้าเข้าพูดกับศักยะ
“ไม่มีวิธีไหนอีกแล้ว ถ้าไม่ทำก็เท่ากับยอมเสียนางให้รัชต์ ท่านทนได้รึ”
เรนรวมแรงสุดชีวิตดีดตัวออกจากเงาพรายได้สำเร็จจะพุ่งตัวออกจากห้อง แต่เงาดำทะมึนของพรายม้วนตัวเข้าไปสิงร่างเรนอีกครั้ง แล้วดึงร่างเรนพุ่งไปนอนที่โซฟา เรนถูกตรึงยึดไว้กับโซฟาขยับตัวไม่ได้ เธอมองศักยะด้วยความหวาดกลัว ในขณะที่ศักยะจ้องหน้าเรนอย่างชั่งใจ ความทรงจำดีๆนับตั้งแต่วันแรกที่เจอเรนจนถึงวันนี้ค่อยๆแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ
“ท่านไม่เห็นต้องคิดมากเลย ถ้าท่านไม่มีใจให้นาง จะปกป้องนางทำไมตั้งหลายครั้ง จำไม่ได้รึ ว่าท่านเคยเอาชีวิตคนอื่นมาแลกเพื่อช่วยนางมาแล้ว เร็วซิ หรือว่าท่านจะยอมให้รัชต์ได้นางไป ไม่แน่นะ ถ้ารัชต์เอาชนะท่านได้ซักครั้ง วันหนึ่ง เขาก็อาจจะทวงทุกอย่างกลับไปจนหมดก็ได้”
พรายเร่ง
เรนตกใจมาก ที่รู้ว่าศักยะเคยฆ่าคนเพื่อช่วยตน เธอเหลือบตามองศักยะเห็นเขาขบกรามแน่นด้วยความริษยา แล้วเดินมานั่งข้างๆ เรนพยายามจะขัดขืนแต่ขยับตัวไม่ได้ เสียงหัวเราะของพรายก้องก่อนจะจางหายไป ทันใดนั้นเอง น้ำตาของเรนก็ไหลซึมออกมา
ศักยะเห็นน้ำตาเรนก็อึ้งไป สำนึกผิดชอบชั่วดีกลับมา เขาหน้าถอดสีเมื่อเห็นสายตาเรนเต็มไปด้วยความผิดหวังและเสียใจ ศักยะรู้สึกผิดมากขึ้นทุกที ในที่สุดศักยะก็ยอมปล่อยเรน เขาแอบมองรัชต์กับตาเลิศที่เข้ามาพาเรนออกไปอยู่ในมุมมืดด้วยสีหน้าเครียด เงาดำวูบปะทะกระแทกร่างศักยะจนกระเด็นล้มไปกับพื้น
ooooooo
เมื่อกลับมาถึงบ้าน ตาเลิศก็นำสร้อยพระเส้นใหม่มาให้เรนสวม พร้อมกำชับว่าไม่ให้ถอดออกอีก
“ยังดีนะที่ไอ้ตั้นมันยังมีความเป็นคนหลงเหลืออยู่บ้าง” รัชต์เจ็บใจแทนเรนไม่หาย
“ทุกคนก็มีนิสัยดีนิสัยเสียอยู่ในตัวด้วยกันทั้งนั้นล่ะคุณรัชต์ ตั้นอาจจะเป็นคนที่มีความโลภ ความริษยาซ่อนอยู่ในตัวเยอะแต่มันถูกกดเอาไว้ พอเจอผีพรายคอยยุยง คอยหยิบยื่นทุกอย่างให้ง่ายๆ ตั้นก็เลยเผยธาตุแท้ออกมา แต่ถ้าตั้นยังไม่เลิกพึ่งอำนาจพรายเสียตอนนี้ ตากลัวตั้นจะถลำลึกโดนพรายครอบงำจิตใจจนทำให้ตั้นไม่มีจิตใจที่ดีงามหลงเหลืออยู่อีกเลย” ตาเลิศถอนใจ
เรนและรัชต์คิดตามที่เลิศพูด เรนเอ่ยถามว่าพอจะมีทางช่วยศักยะได้ไหม ตาเลิศถอนใจจนปัญญา
ด้านศักยะกลับมานั่งเซ็งอยู่ในห้อง พิมพ์พัสตราเข้ามาอ้อนขอเงินไปช็อปปิ้งเพราะรูดบัตรเกินวงเงินไปแล้ว ศักยะยอมเซ็นเช็คให้แต่ไม่วายบ่นให้พิมพ์พัสตราใช้เงินประหยัดกว่านี้ พิมพ์พัสตราสะบัดหน้าหนีไม่พอใจ แล้วจู่ๆร่างของเธอก็สะดุ้งเฮือกขึ้น ศักยะเห็นก็รู้ทันทีว่าโดนพรายเข้าสิงจึงตวาดไล่ แต่พรายสวนกลับเรื่องไม้เท้าของตาเลิศ เพราะศักยะรับปากว่าจะเอามาให้
“แกก็รู้ว่าฉันเหยียบไปบ้านนั้นไม่ได้แล้ว ยังจะให้ฉันเอาไม้เท้ามาให้แกได้ยังไง” ศักยะอ้าง
“ท่านคงไม่ได้คิดจะผิดสัญญาใช่ไหม คงไม่ลืมหรอกนะ ว่าผลของการไม่รักษาสัญญาจะเป็นยังไง” พรายที่สิงร่าง
พิมพ์พัสตรายกมือขึ้นบีบคอตัวเอง
ศักยะตกใจรีบลุกไปง้างมือพิมพ์พัสตราออกพร้อมกับรับปากพรายว่า จะไปเอาไม้เท้ามาให้ พรายจึงยอมปล่อย
พิมพ์พัสตรา ศักยะหมดทางเลือกจึงเข้ามาหลอกพิไลว่า ตนสำนึกได้แล้ว เพื่อให้พิไลช่วยออกหน้าให้เข้าใกล้พวกเรนได้อีกครั้ง พิไลหลงกลสั่งให้ศักยะไปพบที่วัดในวันรุ่งขึ้นตอน
เก้าโมง เพราะนัดกับเรนไว้ว่า จะไปทำบุญลอยอังคารให้แม้นฤกษ์ด้วยกัน ศักยะรีบรับปากทันที
เย็นวันนั้น สร้อยทิพย์ร้องห่มร้องไห้มาหาเรนที่บ้าน เพราะโดนเมียหลวงของทัดสิงห์ตามเล่นงาน ตาเลิศอดตำหนิไม่ได้เพราะเคยเตือนลูกสาวแล้ว เรนเจ็บใจถามแม่ว่าทัดสิงห์
ไม่ปกป้องแม่บ้างเลยหรือ สร้อยทิพย์น้ำตาร่วงอีกรอบตอบลูกว่า ทัดสิงห์มีคนใหม่แล้ว
“ทุเรศที่สุด นี่แม่ทนได้ยังไงคะ ถ้าแม่ไม่กลับไปดูแลร้านอาหารที่น่าน แม่ก็อยู่กับเรนที่นี่แหละ เรนไม่ยอมให้แม่กลับไปอยู่กับผู้ชายคนนั้นอีกแล้ว” เรนฉุนจัด
รัชต์เห็นท่าไม่ดีรีบไกล่เกลี่ย “ผมว่าอย่าเพิ่งคุยเรื่องนี้กันเลยนะเรน รอให้อารมณ์เย็นๆแล้วค่อยปรึกษากันใหม่ดีกว่า ไหนๆคุณน้าก็มาแล้วคืนนี้ค้างกับเรนนะครับ พรุ่งนี้จะได้ไปทำบุญให้คุณลุงด้วยกัน”
“ก็ดีจ้ะ” สร้อยทิพย์ซับน้ำตาแล้วลุกเดินไปเข้าห้องน้ำ
“ผู้ใหญ่เตือนแล้วไม่ฟังเอง ช่วยไม่ได้” ตาเลิศถอนใจส่ายหน้าเดินออกไปทำใจ
เรนเห็นความอ่อนแอของแม่แล้วก็ได้แต่หงุดหงิด รัชต์พอเดาออกจึงเข้ามาเตือน
“ทุกคนไม่ได้เข้มแข็งเหมือนกับเรนนี่ครับ เรนสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ด้วยตัวเองคนเดียว แต่แม่ของเรนไม่ใช่ ท่านคงต้องการมีใครสักคนมาอยู่เป็นเพื่อน”
“อย่างไอ้หมอนั่นมันเป็นเพื่อนได้ด้วยเหรอคะ หยาบคาย เห็นแก่ตัว เอาเปรียบผู้หญิงก็เท่านั้น บอกตรงๆนะคะ ว่าไม่มี อะไรซักอย่างในตัวผู้ชายคนนี้ที่เรนชอบเลย” เรนใส่อารมณ์
“เหรอครับ แล้วเรนชอบแบบไหนล่ะ”
“ก็ต้องเป็นผู้ชายที่สุภาพ อ่อนโยน แต่ไม่อ่อนแอนะคะ แล้วก็ต้องขยันทำงาน อดทน หนักเอาเบาสู้ แล้วนายถามเรนทำไมคะเนี่ย” เรนฉุกคิด
“เปล่า ผมก็แค่ถามดูเฉยๆเพื่อจะได้ทำตัวถูก”
รัชต์พูดลอยๆทำให้เรนอึ้งแล้วแอบยิ้มเขินๆ
ในขณะที่คู่ของรัชต์กับเรนเริ่มเข้าใจกันมากขึ้น คู่ของศักยะกับพิมพ์พัสตรากลับมีเรื่องผิดใจกัน เพราะศักยะเห็นเพื่อนชายที่พิมพ์พัสตราชวนมาปาร์ตี้ที่บ้านเข้าถึงเนื้อถึงตัวเธอ จึงเข้าไปชกแล้วลากพิมพ์พัสตรามาต่อว่า พิมพ์พัสตราโกรธตบหน้าขู่ว่าจะเลิกกับเขา
“เลิกเหรอ รู้ไหมว่าฉันลงทุนไปเท่าไหร่กว่าจะได้เธอมา คนที่มีสิทธิ์บอกเลิก คือฉันคนเดียวเท่านั้น ไม่ใช่เธอ” ศักยะเหวี่ยงพิมพ์พัสตรากระแทกล้มลงที่โซฟา แล้วเดินหนีไป
พิมพ์พัสตรามองตามอย่างแค้นใจ พลางคิดเอาคืนให้สาสม
ooooooo
เลิศเข้ามานั่งทำวาโยกสิณ กำหนดจิตทำสมาธิอยู่ในห้องพระ พรายปรากฏร่างให้เห็น ตาเลิศตกใจมากไม่คิดว่าพรายจะเข้ามาในห้องพระได้ พรายหัวเราะเยาะเอ่ยว่า “ข้าจะบอกให้เอ็งหายโง่ ยิ่งข้าถูกใช้งานมากเท่าไหร่ ข้าก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นมากเท่านั้น เหมือนมีด ที่ยิ่งลับก็ยิ่งคม”
“แกต้องการอะไรกันแน่ ทำไมถึงต้องตามทำร้ายพวกฉันด้วย ฉันกับหลานไปทำอะไรให้แก”
“เอ็งจะได้รู้แน่ เมื่อเอ็งถูกฆ่าเป็นคนสุดท้าย เอ็งจะได้รู้ทุกอย่าง”
“คนสุดท้าย หมายความว่าแกฆ่าฉันแล้วแกก็จะไปผุดไปเกิดอย่างงั้นเหรอ”
“ใช่ แต่กว่าจะถึงตอนนั้น เอ็งจะต้องถูกทรมานจนสาสมใจข้าซะก่อน ข้าจะให้เอ็งเห็นคนที่เอ็งรักตายไปต่อหน้าทีละคนๆแล้วข้าก็จะมอบความเจ็บปวดแบบเดียวกับที่ข้าได้รับให้กับเอ็ง”
“แกมีความแค้นกับพวกฉันใช่ไหม สิ่งที่แกทำ มันไม่ใช่ความต้องการของตั้น แต่มันเป็นความพยาบาทของแก” ตาเลิศจ้องพรายนิ่ง
พรายหัวเราะอย่างสะใจ โดยไม่ตอบคำถามของเลิศแล้วร่างของมันก็สลายไป ตาเลิศหน้าเครียดอยากรู้ถึงสาเหตุความพยาบาทของพรายขึ้นมาอย่างจับใจ
สายวันต่อมาพิไล ธีระ และนิศรา กำลังช่วยกันเตรียมอาหารเพื่อถวายเพลพระอยู่ที่ศาลา สักพักรัชต์ เรน เลิศ และสร้อยทิพย์เดินถือของทำบุญเข้ามาสมทบ ทั้งหมดยกมือไหว้ทักทายกัน แล้วพวกเรนก็ต้องอึ้งเมื่อเห็นศักยะถือของมาร่วมงานด้วย เรนจะเข้าไปเล่นงานศักยะ แต่พิไลกับนิศราช่วยกันขอร้องเพราะอยากให้โอกาสศักยะอีกสักครั้ง รัชต์เตือนสติเรนให้เห็นแก่แม้นฤกษ์ เรนจึงยอมนิ่งหันไปช่วยพิไลเตรียมอาหาร ตาเลิศเดินเลี่ยงไปหาที่นั่ง ศักยะมองตาม สายตาจ้องเขม็งไปที่ไม้เท้าของเลิศอย่างไม่วางตา
หลังจากทำบุญเสร็จ รัชต์ เรน ตาเลิศ พิไล และสร้อยทิพย์ก็นั่งเรือออกมาลอยอังคารให้แม้นฤกษ์ เรนค่อยๆลอยเถ้ากระดูกลงในแม่น้ำ อธิษฐานขอให้ได้เกิดมาเป็นพ่อลูกกันอีก ทันใดนั้น ร่างของแม้นฤกษ์ก็ลอยอืดขึ้นมาจากในน้ำต่อหน้าต่อตาเรน
“ช่วยพ่อด้วยเรน พ่อทรมานเหลือเกิน ช่วยพ่อด้วย” น้ำเสียงแม้นฤกษ์ทุกข์ทรมานเหลือเกิน
เรนถึงกับผงะ รัชต์รีบเข้าประคองร้องถามว่า เกิดอะไรขึ้น เรนตั้งสติได้บอกกับรัชต์ว่าเธอเห็นพ่อ ทุกคนพากันตกใจกับคำตอบของเรน พิไลสะอึกสะอื้นบอกว่า แม้นฤกษ์คงเป็นห่วงเรนมากแล้วทำท่าจะเป็นลม สร้อยทิพย์สงสารประคองพิไลไปนั่งพัก
“แค่เห็นเฉยๆเหรอ พ่อแกสั่งเสียอะไรไหม” ตาเลิศ เอ่ยถาม
“พ่อมาขอความช่วยเหลือค่ะ พ่อบอกว่าทรมานมาก” เรนกระซิบบอก
“เราทำบุญให้แล้ว ทำไมยังเป็นแบบนี้ล่ะครับคุณตา” รัชต์แปลกใจ
“ตาก็ไม่แน่ใจนะ แต่อาจจะเป็นเหมือนตาจอนก็ได้ ตราบใดที่ไอ้ผีพรายนั่นยังมีฤทธิ์อยู่ วิญญาณของคนที่ตายเพราะมัน ไม่มีทางสงบสุขหรอก” ตาเลิศสงสารแม้นฤกษ์ และคนที่ถูกฆ่า แต่ก็หมดปัญญาช่วยเหลือ
เสร็จพิธีลอยอังคารทุกคนก็กลับขึ้นฝั่ง และพบทัดสิงห์มารับสร้อยทิพย์กลับบ้าน เรนจะไม่ยอมให้แม่ไปแต่สร้อยทิพย์ไม่อยากสร้างปัญหาให้ลูกจึงยอมตามทัดสิงห์กลับไป
“เสร็จพิธีทุกอย่างแล้ว ผมว่าเราไปร้านอาหารกันเถอะครับ” ธีระรีบเปลี่ยนบรรยากาศ
ศักยะเดินมาประชิดตาเลิศชวนไปด้วยกัน แต่รัชต์เข้ามาขวางเพราะไม่ไว้ใจ เรนตัดบทบอกลาศักยะเพราะไม่อยากยุ่งกับเขาอีก แล้วช่วยรัชต์ประคองเลิศเดินออกไป ศักยะยืนจ๋อย พิไลเข้ามาปลอบใจ
“เราทำดีที่สุดแล้วล่ะ กลับไปก่อนเถอะตั้น” พิไลถอนใจเดินตามทุกคนไป
ศักยะขบกรามแน่นจนขึ้นสัน เจ็บใจที่สุด แต่ไม่ยอมแพ้ เขาแอบตามทุกคนไปที่ร้านอาหารแล้วรอจนตาเลิศลุกมาเข้าห้องน้ำตามลำพังจึงตามไปแย่งไม้เท้าและเผลอผลักคุณตาล้มลง
“ตั้น กลับใจซะเถอะ” ตาเลิศมองตามศักยะที่วิ่งจากไปพร้อมกับไม้เท้าด้วยความเป็นห่วง แล้วพยุงตัวเกาะโน่นเกาะนี่เดินตามออกไป
เป็นเวลาเดียวกับที่นิศรานึกได้ว่าลืมโทรศัพท์ไว้ที่รถจึงกลับมาเอา เธอเห็นศักยะวิ่งกลับมาที่ลานจอดรถในมือถือไม้เท้าของตาเลิศมาด้วย และกำลังจะหักไม้เท้าทิ้งจึงเข้าไปถาม
“ทำอะไรน่ะตั้น นั่นมันไม้เท้าของคุณตานี่ตั้น ตั้นเอาไม้เท้าของคุณตามาทำไม”
“ผมจะเอามาทำไม มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับพี่ ถ้าพี่ไม่อยากเดือดร้อน ก็อย่ามายุ่งเรื่องของผม” ศักยะตวาด
“พูดแบบนี้ได้ยังไงตั้น พี่มีศักดิ์เป็นพี่ตั้นนะ อย่าลืมสิ เมื่อก่อนตั้นก็เคยมาขอความช่วยเหลือพี่ ตั้นรวยขึ้นพี่ก็ไม่เคยไปพึ่งเรื่องเงินทอง เพราะฉะนั้นอย่ามาทำกร่างกับพี่ พี่ไม่ชอบ”
“พูดยังงี้ก็ไม่ต่างจากทวงบุญคุณหรอก อ้ะ ใช้หนี้ที่พี่เคยให้ความช่วยเหลือผม มันเกินอยู่แล้วแต่ไม่ต้องทอนหรอก” ศักยะควักเงินในกระเป๋ามาวางใส่หน้านิศรา แล้วถือไม้เท้าขึ้นรถของตนที่จอดอยู่ขับออกไป
นิศรามองตามด้วยความเจ็บใจที่ศักยะมาทำกริยาดูถูกตน
พิไลรู้เรื่องก็ถึงกับนั่งไม่ติด เธอเจ็บใจที่โดนหลอก แต่ก็รีบรับปากตาเลิศว่า จะตามเอาไม้เท้าคืนมาให้ได้ ตาเลิศถอนใจบ่นว่า คงไม่ทันแล้ว
“ผมลองโทร.หาพิมดีกว่า เผื่อตั้นจะเอาไม้เท้ากลับไปบ้าน” รัชต์หยิบมือถือออกมาโทร.หาพิมพ์พัสตรา
พิมพ์พัสตราเดินคุยโทรศัพท์ลงมามองหาศักยะที่สนาม ก็เห็นสามียืนอยู่หน้ากองไฟ และกำลังโยนไม้เท้าของตาเลิศลงไป
“เจอตัวแล้วค่ะพี่รัชต์ แค่นี้ก่อนนะคะ” พิมพ์พัสตรากดวางสายแล้วเดินเข้าไปถามศักยะว่า เผาอะไร
ศักยะตกใจโกหกว่าเป็นของเก่าไม่ได้ใช้แล้ว พิมพ์พัสตรามองไปที่กองไฟเห็นไม้เท้าก็ร้องถามว่าใช่ไม้เท้าที่ขโมยมารึเปล่า ศักยะหันขวับมาคว้าข้อมือภรรยาแล้วตะคอกใส่ว่า รู้ได้อย่างไรว่าเขาขโมยมา พิมพ์พัสตราสวนว่า รัชต์โทร.บอก ศักยะโกรธที่พิมพ์พัสตรายังติดต่อกับรัชต์อยู่จนพลั้งมือ
ตบหน้า พิมพ์พัสตราเลยเขวี้ยงโทรศัพท์มือถือใส่ศักยะ แล้ววิ่งหนีออกไป
ศักยะมองตามด้วยความเคียดแค้นหึงหวง “ตามมันไป ถ้ามันไปหาชู้...ฆ่ามันทิ้งทั้งคู่”
พลันเกิดควันพวยพุ่งขึ้นจากกองไฟ มันรวมตัวเป็นรูปพรายครึ่งคนครึ่งงู พุ่งตามพิมพ์พัสตราไป ศักยะมองตามด้วยสายตาที่โหดเหี้ยม
รัชต์เห็นพิมพ์พัสตราเงียบหายไปก็นึกห่วงจึงโทร.หา แต่ติดต่อไม่ได้ เขาเข้ามาปรึกษาเรนและตาเลิศ เพราะกลัวพิมพ์พัสตราจะโดนพรายเล่นงาน ส่วนพิมพ์พัสตราหลบมานั่งทำใจอยู่ในห้างฯ เธอโทร.ตามเพื่อนๆมาอยู่ด้วย แต่ไม่มีใครว่างเลย พิมพ์พัสตราเริ่มหัวเสีย พรายส่งเสียงหัวเราะเย้ยหยันที่ข้างหู พิมพ์พัสตราขนลุกเกรียวรู้สึกสังหรณ์ใจ
พรายสบโอกาสเมื่อพิมพ์พัสตราอยู่คนเดียว มันหลอกให้เธอไปพบรัชต์ที่ชั้นบนสุดของตึกรัชดาทาวน์ซึ่งเป็นโครงการที่รัชต์เคยเป็นเจ้าของ พิมพ์พัสตราเข้าใจว่ารัชต์กู้ฐานะได้แล้ว และคงอยากอวดเธอจึงรีบไปพบ เป็นเวลา เดียวกับที่ศักยะกำลังฝันร้าย เขาเห็นตัวเองวิ่งหนีอะไรสักอย่างมาด้วยความกลัว และได้พบกับปู่ชัด ศักยะร้องให้ปู่ช่วยตนด้วย
“ช่วยแกจากอะไรล่ะ ไม่มีใครช่วยใครจากเวรกรรมที่ก่อเอาไว้ได้หรอก มีแต่เจ้าที่ต้องหยุดยั้งมันด้วยตัวเจ้าเอง ตั้น เจ้ามันทำผิดร้ายแรงหลายครั้งเต็มทีแล้ว ถ้าไม่รีบกำจัดเจ้าพรายมันเสียก่อน เจ้าจะเคราะห์ร้าย ไม่ใช่เจ้าคนเดียว คนอื่นก็จะตายกันหมด ตั้นเอ๋ย เจ้ามันดื้อรั้นไม่เชื่อฟังปู่ ถลำลึกลงไปทุกทีแล้ว กลับตัวเสียเถิด จะยากจนอย่างไรก็อย่าไปกลัว ความจนไม่เลวร้ายเท่ากับต้องตกเป็นทาสของมันหรอก”
“ไม่ ผมรวยขนาดนี้แล้วถ้าจนก็อายคนน่ะสิ ดูไอ้รัชต์สิ มันหมดท่าแค่ไหน ผมไม่อยากเป็นอย่างมัน”
“แต่รัชต์เขาก็ยังอยู่ของเขาได้ เจ้าคิดหรือว่าเขาทุกข์มากกว่าเจ้า ตรงกันข้าม เขาสุขกว่าเจ้าเสียอีก สุขตรงที่รู้จักพอ”
“ผมไม่เชื่อ ผมจะทำให้คุณปู่เห็นว่าผมชนะมัน ผมชนะทุกคน ผมไม่มีวันแพ้ ผมไม่มีวันยอม คุณปู่คอยดู” ศักยะตะโกนก้องด้วยความริษยา แล้วสะดุ้งตื่น เขานึกทบทวนความฝันพลางบอกกับตัวเองอย่างทะเยอทะยาน
“คุณปู่ คอยดู ผมจะพิสูจน์ให้คุณปู่เห็น ผมต้องเหนือกว่าไอ้รัชต์ เหนือกว่าทุกคน”
ooooooo
พรายจำแลงเป็นรัชต์มารับพิมพ์พัสตราที่หน้าตึก แล้วหลอกให้เธอขึ้นลิฟต์ไปตามลำพัง พิมพ์พัสตรา ไม่เห็นรัชต์จึงโทร.ตาม รัชต์ที่กำลังขับรถตามหาพิมพ์-พัสตรารีบกดรับ และต้องแปลกใจเมื่อพิมพ์พัสตรา
บอกว่า เธอรอเขาอยู่ที่รัชดาทาวน์ เขานึกห่วงกลัวเธอจะโดนพรายฆ่าจึงรีบตามไปช่วย และโทร.บอกเรนให้ถามตาเลิศว่ามีทางไหนบ้างที่จะเอาตัวรอดจากพรายได้
เรนเตือนให้รัชต์ระวังตัวแล้วรีบเข้าไปคุยกับตาเลิศ ตาเลิศหน้าเครียดหนักบอกหลานสาวว่า จะลองทำสมาธิด้วยวาโยกสิณดู แต่ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยได้แค่ไหน เพราะอำนาจของเจ้าพรายแข็งแกร่งขึ้นมาก เรนฉุกคิดได้บอกคุณตาว่า จะโทร.ตามตำรวจ เพราะถ้าอยู่กันหลายคน อำนาจของเจ้าผีพรายจะลดลง
“พอคนอยู่รวมกันมากๆพลังจิตจะเข้มแข็งขึ้น พรายมันก็กลัวอำนาจจิตของมนุษย์เหมือนกัน เรนรีบโทร.เลย ตาจะขึ้นไปทำสมาธิที่ห้องพระ”ตาเลิศสั่งแล้วเดินเลี่ยงไป
พรายเปิดเผยร่างที่แท้จริงให้พิมพ์พัสตราได้เห็น เพื่อหลอกให้เธอวิ่งไปที่ดาดฟ้า จากนั้นมันก็จำแลงร่างเป็นศักยะเข้ามาเล่นงานเธอ เป็นเวลาเดียวกับที่รัชต์มาถึงหน้าตึกพอดี เขาเห็นรถพิมพ์พัสตราจอดอยู่ก็รีบวิ่งเข้าไปดูข้างใน ในขณะที่พรายเดินย่างสามขุมช้าๆ เข้ามาหาพิมพ์พัสตรา พิมพ์พัสตรา ถอยกรูดด้วยความกลัว
“ความจริง ครั้งนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอเห็นฉันหรอก เพียงแต่เธอจำไม่ได้เท่านั้นเอง แล้วฉันก็ไม่ใจดีเหมือนคราวที่แล้วด้วย คราวนี้วิญญาณของเธอต้องเป็นของฉัน”
“พี่เป็นบ้าไปแล้วเหรอ พูดเรื่องอะไรไม่เห็นเข้าใจเลย บอกว่าอย่าเข้ามาไง ไป”
“ไอ้รัชต์กำลังจะมาแล้ว จัดการเธอเสร็จฉันจะได้ฆ่ามันต่อ ฉันจะได้มีข้ออ้างกับศักยะด้วย ว่าเธอกับมันคบชู้กัน ฉันเลยต้องฆ่าทิ้งซะทั้งคู่ ตามคำสั่งของศักยะ”
“แกมันคนบ้า ฉันไม่น่ามายุ่งกับแกเลย” พิมพ์พัสตรามองไปรอบๆเหลือบเห็นท่อพีวีซีตกอยู่ไม่ห่างนัก ก็พุ่งตัวไปคว้าแล้วฟาดใส่ แต่พรายยกมือจับเอาไว้ได้ทัน ทันใดนั้น มือของศักยะก็เปลี่ยนเป็นมือที่มีเกล็ดงูสีดำมะเมื่อม ปลายเล็บแหลมเหมือนขานก พิมพ์พัสตราตกใจตาค้างกรี๊ดลั่น วิ่งหนีกระเซอะกระเซิงมาจนถึงขอบตึกที่ยังสร้างไม่เสร็จ พรายตามมาหมายเอาชีวิต
พิมพ์พัสตรายกมือไหว้ขอชีวิต พรายยิ้มเหี้ยมบอกว่า มันอยากได้วิญญาณเธอมาเป็นทาสตั้งนานแล้วแต่ติดศักยะ แล้วมันก็ยกพิมพ์พัสตราขึ้น จนสองเท้าลอยพ้นพื้น กำลังจะเหวี่ยงให้ตกลงไปตายข้างล่าง
“พิมพ์”รัชต์ขึ้นมาถึงพอดี
พรายและพิมพ์พัสตรา หันมามองรัชต์เป็นตาเดียว พิมพ์พัสตรามองด้วยสีหน้าดีใจมีความหวังว่าจะรอด แต่พรายแสยะยิ้มเหี้ยม ด้วยความสะใจที่จะได้ฆ่าอีกคน รัชต์มองเห็นแต่พิมพ์พัสตรายืนอยู่ขอบตึกคนเดียวแต่มองไม่เห็นพรายก็ร้องสั่งให้พิมพ์พัสตราตั้งสมาธิเอาไว้แล้วจะค่อยๆเดินกลับมา
พิมพ์พัสตราน้ำตาคลอบอกรัชต์ว่า เธอขยับตัวไม่ได้เพราะศักยะจับตัวเธอไว้ รัชต์ตกใจเพราะเขามองไม่เห็นใครเลย พรายแสยะวางตัวพิมพ์พัสตราลง “รอฉันอยู่ที่นี่ก่อนนะ ให้ฉันฆ่าไอ้รัชต์ก่อนเธอค่อยกระโดดลงไปตาย” พรายหันไปเล่นงานรัชต์ ในขณะที่พิมพ์พัสตรายืนค้างแข็งทื่ออยู่ที่ริมขอบตึก
พิมพ์พัสตราเห็นพรายในร่างศักยะกำลังทั้งเตะ ทั้งต่อย ทั้งกระทืบรัชต์ด้วยสีหน้าสะใจ ไม่มีความเวทนาแม้แต่น้อย เธอน้ำตาไหลออกมาด้วยความสงสารรัชต์ แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ และที่ด้านล่างของตึกเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับแจ้งจากเรนก็มาดูที่เกิดเหตุ พวกเขาเห็นร่างของพิมพ์พัสตราที่ขอบตึกก็รีบวิทยุขอเรียกกำลังเสริมทันที
รัชต์ที่โดนซ้อมจนเลือดกบปากพยายามต่อสู้กับพราย แต่ทำอะไรมันไม่ได้เลย พรายยืนยิ้มเหี้ยมมองดูสภาพรัชต์ ด้วยความสาแก่ใจแล้วเอื้อมมือไปจิกหัวรัชต์ขึ้นมาบอกว่า หมดเวลาแล้ว แต่ทันใดนั้นเอง ก็เกิดลมพัดรุนแรงขึ้นทั่วบริเวณ ราวกับจะเกิดพายุใหญ่ จนศักยะต้องปล่อยมือจากรัชต์
“วาโยกสิณ ไอ้เลิศ เอ็งขวางข้าไม่ได้หรอก เอ็งก็เป็นอยู่แค่นี้ ไม่มีวิชาแก่กล้าพอจะสู้กับข้าได้ ข้าจะส่งไอ้อีสองคน นี่ลงนรกให้ดู” ขาดคำ ร่างกายของศักยะก็ค่อยๆเปลี่ยนไป กลายเป็นหมอกควันรูปครึ่งคนครึ่งงูขนาดใหญ่ ซึ่งคราวนี้ทั้ง รัชต์และพิมพ์พัสตราเห็นเต็มๆด้วยกันทั้งคู่ แล้วรัชต์ก็ได้ยินเสียงตาเลิศกระซิบที่ข้างหู
“อย่ากลัว ตั้งสมาธิให้มั่น แผ่เมตตาให้มัน ไม่โกรธแค้น ไม่อาฆาต แม้ว่ามันจะทำร้ายเราถึงแก่ชีวิต ก็จะมีแต่เมตตาธรรมแผ่กลับไปให้มันเท่านั้น”
รัชต์ได้สติ รีบนั่งขัดสมาธิ หลับตา แล้วแผ่เมตตาให้พรายทันที มีแสงสว่างเกิดขึ้นรอบตัวพราย จิตที่ตั้งมั่นในเมตตาธรรมและเป็นสัจจะ เหมือนอาวุธร้ายที่เข้าทำร้ายพราย จนพรายส่งเสียงร้องโหยหวน ก่อนหมอกควันธูปครึ่งคนครึ่งงู
จะจางหายไป พอพรายหนีไป ร่างกายของพิมพ์พัสตราก็ขยับได้ เธอเสียหลักจะหงายหลังตกลงจากตึก รัชต์พุ่งเข้ามากอดพิมพ์พัสตราช่วยไว้ได้ทัน ชนิดเส้นยาแดงผ่าแปด พิมพ์พัสตราร้องไห้ด้วยความตื่นกลัวกอดรัชต์เอาไว้แน่น
ooooooo
ตำรวจสองนายวิ่งขึ้นตึกมาอย่างระวังพร้อมยกปืนขึ้นเล็ง รัชต์รีบผละออกพิมพ์พัสตราบอกตำรวจว่าคนร้ายหนีไปแล้วแต่ตำรวจยังไม่วางใจ เดินตรวจตรารอบบริเวณ
“นี่มันอะไรพี่รัชต์ มันคืออะไร” พิมพ์พัสตราร้องไห้โฮออกมาด้วยความหวาดกลัว
“อย่าเพิ่งพูดอะไรทั้งนั้น ไปคุยกันที่บ้าน ตกลงไหมครับ” รัชต์มองหน้าพิมพ์พัสตรา
พิมพ์พัสตรายังหวาดกลัวไม่หาย เธอไม่ยอมกลับบ้านเพราะกลัวถูกศักยะทำร้ายอีก รัชต์จึงต้องพาเธอมาอยู่ที่บ้านเรนเป็นการชั่วคราว
เมื่อกลับมาถึงบ้านรัชต์ก็บอกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ตาเลิศกับเรนฟังว่า ทางตำรวจก็พุ่งประเด็นไปที่ลักพาตัวพิมพ์พัสตราเพื่อเรียกค่าไถ่
“ปล่อยให้เขาคิดอย่างนั้นก็ดีแล้วล่ะ” ตาเลิศเห็นด้วย
“ดีอะไรล่ะคะพี่ตั้นยังอยู่ ไม่รู้ว่าคราวนี้จะส่งผีสางอะไรมาฆ่าพิมอีก จะให้พิมข่มตาหลับได้ยังไง ทำไมพิมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วยก็ไม่รู้ พิมจะหย่ากับมันให้เร็วที่สุด ตอนนี้หน้าของมัน พิมยังไม่อยากจะมองเลย”
เรนและเลิศสบตากันเล็กน้อย แล้วเรนก็ตัดบทชวนพิมพ์พัสตราขึ้นไปพัก และอาสาอยู่เป็นเพื่อน รัชต์อมยิ้มหันมาบอกกับตาเลิศว่า “นี่ถ้าผมไม่หมดตัวไม่มีเรื่องตั้นแทรกเข้ามา ผมก็คงมองไม่เห็นพิมชัดเจนแบบนี้”
เมื่อไม่สามารถเอาชีวิตรัชต์ได้ พรายก็มาพูดยุยงให้ศักยะยิ่งแค้นรัชต์มากขึ้น
“มันจะเอาคืนท่านด้วยการย้อนรอยเหมือนที่ท่านเคยทำกับมัน มันต้องการเห็นท่านน่าเวทนา ไม่เหลืออะไรเลย” พรายหัวเราะเยาะเย้ยหยัน
ศักยะสายตาแข็งกร้าวดุดันประกาศว่า เขาไม่มีวันยอม และคิดจะจัดการทุกคนที่เข้ามาขัดขวางผลประโยชน์ตัวเอง
เช้าวันใหม่ เรนเตรียมอาหารให้พิมพ์พัสตรา ในขณะที่พิมพ์พัสตรากำลังโทร.คุยกับพ่อถึงข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ เมื่อเธอวางสายก็เห็นศักยะเดินตรงมาจับข้อมือ บังคับให้กลับบ้าน พิมพ์พัสตราสะบัดมือวิ่งหนีไปหลบหลังเรน พลางเรียกศักยะว่าฆาตกร ศักยะโมโหมาก จะใช้กำลังกับพิมพ์พัสตรา
“อย่านะพี่ตั้น พี่ไม่มีสิทธิมาใช้กำลังในบ้านของเรน เรื่องเมื่อคืนมันก็มีต้นเหตุมาจากพี่ มันก็สมควรแล้วที่คุณพิมจะต้องกลัวพี่ ไม่มีใครกล้ากลับไปอยู่กับคนที่คิดจะฆ่าตัวเองได้หรอกค่ะ” เรนท่าทางเอาเรื่อง
ศักยะยิ้มเยาะถามหาหลักฐาน รัชต์เดินลงมาได้ยินพอดีจึงตอบแทน “ถึงจะไม่มีหลักฐาน กฎหมายจะเอาผิดแกไม่ได้ แต่แกก็หนีบาปกรรมไปไม่พ้นหรอกตั้น”
“ไม่น่าล่ะ ถึงไม่ยอมกลับบ้าน ที่แท้ก็จะอยู่กกชู้นี่เอง สามคนผัวเมีย” ศักยะยิ้มหยัน
รัชต์สุดทนดิ่งเข้าชกศักยะ ทำให้ศักยะแค้นจะเอาคืน แต่โดนรัชต์ล็อกตัวไว้พลางเอ่ยว่า ที่นี่ไม่มีใครอยากคบกับคนอย่างศักยะอีกแล้ว
ศักยะอึ้งหันไปมองหน้าเรน เรนก็หน้าบึ้งเบือนหน้าไปทางอื่น ขณะที่พิมพ์พัสตรามองเขาด้วยสายตาชิงชัง พร้อมประกาศว่าต้องการหย่าโดยเร็วที่สุด
รัชต์ผลักศักยะออกไปอย่างแรง เมื่อตั้งหลักได้ เขาหันมาจ้องหน้าทุกคนด้วยความเจ็บปวด พร้อมประกาศกร้าว “พวกแกทุกคนจะต้องเสียใจ ที่ทำกับฉันแบบนี้” ศักยะเดินปึงปังออกจากบ้านไป
พิมพ์พัสตรายิ้มเยาะ แต่รัชต์กับเรนสบตากันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เพราะรู้ว่าศักยะไม่ยอมหยุดแค่นี้แน่
ooooooo
ศักยะมาบอกพรายที่ต้นมะขาม ว่ายินดีแลกทุกอย่างเพื่อให้ได้ชีวิตของรัชต์ พรายขอแลกเปลี่ยนด้วยชีวิตของผู้หญิงที่ศักยะได้พบหน้าเป็นคนแรก ในวันรุ่งขึ้น
“ได้ซิ นึกว่าจะยากเย็นซักแค่ไหน พรุ่งนี้พอฉันตื่นขึ้นมา ก็แค่โทรศัพท์เรียกใครซักคนในบ้านให้ขึ้นมาหาฉัน จากนั้น แกก็มาเอาชีวิตมันไปได้เลย” ศักยะยิ้มเหี้ยม
เสียงพรายหัวเราะลงคอแล้วเลื้อยช้าๆ ขึ้นไปอยู่บนยอดไม้
ขณะที่ศักยะคุยอยู่กับพราย พิไลก็ชวนนิศรามาที่บ้านตาเลิศ เพื่อถามข่าวพิมพ์พัสตรา แต่กลับโดนลูกสะใภ้ตวาด “ถ้าอยากรู้ก็ไปถามลูกชายฆาตกรคุณเอาเอง แล้วต่อไปก็ไม่ต้องมายุ่งกับฉันอีก ฉันกับลูกชายคุณจบกันแล้ว เรากำลังจะหย่ากัน” พูดจบแล้วพิมพ์พัสตราก็เดินเชิดออกไป
พิไลและนิศราหันมาสบตากันด้วยความงง รัชต์ที่นั่งอยู่ด้วยหันมาปรึกษาตาเลิศว่า คงต้องเล่าความจริงให้พิไลฟังแล้ว ตาเลิศหมดหนทางจำใจบอกเรื่องพรายที่คอยช่วยเหลือศักยะให้พิไลรู้
ด้านพิมพ์พัสตราเดินออกมาบ่นกับเรนว่า รัชต์ไม่ควรพูดดีกับพิไล เพราะแม่ลูกก็คงเหมือนกัน เรนอ่อนใจกับความคิดของพิมพ์พัสตรา แต่ไม่อยากพูดมาก พอดีสร้อยทิพย์โทร.มาพลางร้องไห้มาตามสาย เรนตกใจถามว่าแม่อยู่ไหน แล้วรีบออกไปหา พิมพ์พัสตราตามไปด้วยเพราะไม่อยากอยู่คนเดียว
เรนออกมาพบสร้อยทิพย์ที่ร้านอาหาร เมื่อเห็นแม่หน้าตาบวมช้ำเพราะถูกทัดสิงห์ตบตี ก็ยุให้ไปแจ้งความ แต่สร้อยทิพย์ไม่กล้าเพราะกลัวโดนหนักกว่าเดิม เธอยอมรับปากเรนว่า จะไม่กลับไปอยู่กับทัดสิงห์อีกเพราะทนไม่ได้ที่เขาใช้กำลังทุบตี เรนเบาใจชวนแม่กลับบ้านตาเลิศด้วยกัน พิมพ์พัสตราที่นั่งเซ็งยิ้มได้ ขอร้องให้เรนพาไปช็อปปิ้งคลายเครียดก่อนกลับบ้าน เรนแอบถอนใจ
ooooooo
เมื่อรู้ความจริง พิไลก็ถึงกับน้ำตาตก เธอปะติดปะต่อเรื่องราว แล้วเอ่ยถามรัชต์ว่า การตายของแม้นฤกษ์ เป็นฝีมือศักยะด้วยใช่หรือไม่
“คิดว่าน่าจะใช่ครับ” รัชต์ตอบไม่เต็มเสียงนัก
“ฉันจะไปเอาเลือดหัวมันออก” พิไลลุกขึ้นขยับจะเดินออก แต่นิศราดึงไว้เพราะใกล้ค่ำแล้ว
“ตอนนี้ตั้นเขาไม่เหมือนเดิมแล้วนะคุณพิไล ถ้าเป็นสมัยโบราณ เขาก็เรียกว่าโดนของเข้าตัว เราจะทำอะไรต้องระวังให้มาก ความคิดความอ่านของตั้นไม่เป็นของตัวเองเต็มร้อยหรอกนะครับ” ตาเลิศเตือน
“คนอื่นอาจจะปราบตั้นไม่ได้ แต่ฉันเป็นแม่มันนะคะคุณอา ยังไงฉันก็ต้องกำราบมันอยู่”
“แต่รอให้เช้าก่อนก็ดีนะคะคุณน้า จะได้อุ่นใจหน่อย มืดๆค่ำๆยังงี้ น่ากลัวนะคะ” นิศราต่อรอง
“ก็ได้ เช้าเมื่อไหร่ฉันจะไปลากตัวมันมากราบเท้าขอโทษขออโหสิทุกคน แล้วฉันจะจับมันเข้าวัดบวชไม่ต้องสึกเลย” พิไลผิดหวังอย่างแรง
เช้าวันใหม่ พิไลเข้ามาทุบตีศักยะถึงในห้องนอนด้วยความโกรธ ศักยะเมื่อรู้ว่าแม่รู้ความจริงเรื่องพรายหมดแล้วก็ถึงกับหน้าเสีย พิไลสั่งให้ศักยะไล่พรายออกไป
ศักยะตีหน้าตายบอกไม่รู้เรื่อง ทำให้พิไลโกรธ ตบหน้าลูกแล้วบังคับให้ไปสารภาพผิดกับทุกคน และจะได้ช่วยกันหาทางกำจัดพราย ศักยะโดนตบจนหน้าชาหนีไม่ออก
“ก็ได้ครับแม่ แต่ขอผมโทร.เรียกแม่บ้านก่อนนะครับ” ศักยะเดินเลี่ยงไปกดโทรศัพท์เบอร์ภายใน เพื่อเรียกแม่บ้านขึ้นมาตายตามที่ตกลงกับพราย แต่ทันใดนั้นเอง นิศราก็เดินเข้ามาในห้อง เพราะได้ยินเสียงเอะอะ ศักยะหน้าเสีย
พิไลเช็ดน้ำตา เร่งให้ศักยะรีบแต่งตัวแล้วตามเธอกับนิศราลงไปข้างล่าง ศักยะรับปากพลางมองตามนิศราไปอย่างไม่สบายใจที่ต้องใช้ชีวิตนิศราสังเวยให้พราย
ooooooo
พิไลกับนิศราพาศักยะมาหาตาเลิศ ศักยะมองทุกคนช้าๆ ด้วยทีท่ายโสโอหัง
“ไม่มีใครทำอะไรผมได้หรอกแม่ มีแต่ผมที่จะสั่งให้ใครอยู่หรือตายก็ได้ แกก็เหมือนกัน รัชต์ อย่านึกว่าคราวหน้าแกจะรอด” ศักยะจ้องหน้ารัชต์
พิไลโกรธจัดตวาดใส่ลูกชาย แต่ศักยะไม่หยุด เขาเอ่ยถามตาเลิศ “หรือไม่จริงล่ะยิ่งตอนนี้คุณตาไม่มีไม้เท้าแล้ว ไม่มีใครเอาชนะผมได้หรอก จริงไหมครับคุณตา ถ้ายังอวดดี ฉันจะให้ดูตัวอย่างจากพี่นิศก็แล้วกันเผื่อจะสำนึกขึ้นบ้าง”
“ตั้นจะทำอะไรพี่” นิศราตกใจ
“ผมก็ไม่ได้อยากทำหรอกแต่เจ้าพราย มันจะเอาตัวผู้หญิงคนแรกที่ผมเจอตอนเช้านี้ เสียใจด้วยนะ พี่อยากเดินเข้ามาในห้องนอนผมเอง ช่วยไม่ได้” ศักยะยักไหล่ไม่แคร์
“อะไรกันตั้น ผู้หญิงคนแรกที่ตั้นเจอ ไม่ใช่น้าพิไลหรอกเหรอ” นิศราทัก
ศักยะตกใจสุดขีด ฉุกคิดได้ว่าพิไลเป็นคนแรกที่เข้าไปในห้อง เขาหน้าซีดเผือด
พิไลเสียใจที่ลูกชายยอมให้พรายเอาชีวิตเธอ จึงวิ่งร้องไห้ออกมา ศักยะรีบตามมาอธิบาย
“ผมรักแม่ยิ่งกว่าชีวิตตัวเอง ผมไม่มีวันทำร้ายแม่เด็ดขาด แต่ผมให้สัญญากับมัน ว่าจะแลกชีวิตของผู้หญิงที่ผมเจอเป็นคนแรกในวันนี้ให้กับมัน ผมไม่คิดว่า” ศักยะลำคอตีบตันจนพูดไม่ออก
“จะเป็นใครก็ชีวิตคนเหมือนกันนะตั้น ตั้นทำลายชีวิตคนได้ง่ายๆ โดยไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ” นิศราปราดเข้ามาต่อว่า
“แล้วก็ไม่ใช่แค่ชีวิตเดียวด้วย พี่ตั้นแลกเปลี่ยนสิ่งที่ตัวเองต้องการด้วยชีวิตคนมาไม่รู้เท่าไหร่แล้ว ทั้งลุงจอน ไว เข็มทอง แล้วก็พ่อของเรน” เรนน้ำตาคลอประคองตาเลิศเดินออกมาพร้อมกับรัชต์
พิไลผิดหวังสุดๆหันมาตบตีศักยะพร้อมกับฟูมฟาย “ฉันไม่มีลูกแบบแก แกมันใจบาปหยาบช้า ทำไมแกไม่แลกด้วยชีวิตแกเองล่ะ แกมันไม่สมควรเกิดเป็นคนเลยไอ้ตั้น”
ศักยะยืนนิ่งน้ำตาท่วมปล่อยให้แม่ทุบตีโดยไม่เถียงซักคำ จนนิศราต้องเข้ามาดึงพิไลออกไป ศักยะตามไปคุกเข่ากราบขอโทษพิไล แต่พิไลชักเท้าหลบ
รัชต์เห็นใจขอร้องให้ศักยะเล่าทุกอย่างให้ทุกคนฟังเผื่อจะหาทางช่วยพิไลได้
“ไม่ต้องให้มันเล่าหรอกคุณรัชต์ ปล่อยให้ฉันตายไปเลย ให้มันไปเสวยสุขกับสิ่งที่แลกด้วยชีวิตของแม่มันเองให้สมใจอยากเถอะ” พิไลน้ำตาเอ่อ
“แกรู้รึเปล่า ว่าไอ้ผีพรายนั่นมันกลัวอะไร หรือว่ามีจุดอ่อนอะไรบ้าง” รัชต์มองหน้าเพื่อน
ศักยะปาดน้ำตาลุกขึ้นยืนตัดสินใจบอกกับตาเลิศว่า พรายกลัวไม้เท้าของคุณตาแต่เขาเผามันไปแล้ว
“ถ้าตาบอกว่ามันยังอยู่ล่ะ ตั้นจำได้ไหมไม้เท้าของตากับคุณปู่ตั้นเหมือนกัน” ตาเลิศเฉลยความจริง
ศักยะอึ้งนึกถึงวันที่ยกไม้เท้าของปู่ชัดในห้องพระให้ตาเลิศเก็บไว้ ตาเลิศเล่าต่อว่า ไม้เท้าของชัด ไม่ใช่ไม้เท้าธรรมดาๆเพราะเคยช่วยชีวิตตนกับเรนไว้หลายครั้ง และข้างในไม้เท้าก็มีแผ่นยันต์ทองแดงใช้อักขระโบราณสลักเอาไว้ซ่อนอยู่ และหลังจากที่ศักยะจ้างจิ๋กโก๋มาแย่งไม้เท้าในวันนั้น คุณตาก็ตัดสินใจสลับไม้เท้าของคุณตากับของชัด เพราะหวังให้ไม้เท้าของชัดช่วยคุ้มครองทุกคนให้พ้นจากเงื้อมือพราย
ศักยะเริ่มมีความหวังวิงวอนให้ตาเลิศช่วยพิไลด้วย
“ตาก็ไม่รู้จะช่วยได้แค่ไหนนะ ตั้นก็เห็นอยู่ ทุกวันนี้แค่จะเอาตัวเองรอดก็ยังยากเลย มีทางเดียว คือต้องให้คนอื่นอยู่กับพิไลตลอดเวลา เพราะไอ้ผีนั้น มันจะหลีกเลี่ยงไม่ทำร้ายคนเวลาอยู่รวมกัน เพื่อที่มันจะได้ไม่เสียพลังมากจนเกินไป”
“พี่ตั้นลองไปขอร้องมัน ไม่ให้เอาชีวิตน้าพิไลดูสิคะ” เรนแนะนำ
“จะยังไงก็ได้ทั้งนั้น ขอให้ช่วยแม่ได้ก็พอ แล้วผมสัญญาว่าผมจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับมันอีกเรื่องทุกอย่างเพราะมันเป็นต้นเหตุแท้ๆ เมื่อก่อนถึงผมจะเป็นคนล้มเหลว แต่ผมไม่เคยเลว ไม่เคยร้ายกาจกับใคร ตั้งแต่มีไอ้พราย ผมก็กลายเป็นอีกคน” ศักยะโยนความผิดไปให้พราย
“ไม่จริง แกไม่ต้องมาแก้ตัว ที่แกไม่เลวเพราะแกยังไม่มีโอกาสที่จะทำเลวตะหาก ถ้าแกเป็นคนจิตใจดีจริง แกจะเห็น ชีวิตคนเหมือนผักเหมือนปลา ยอมเห็นคนอื่นตายเพื่อแลกให้แกได้สมหวังงั้นเหรอะ คนอย่างแก มันเลว ฉันไม่รู้จะหาคำอะไรมาด่าแกแล้ว แกไม่น่าเกิดมาเป็นลูกฉันเลยจริงๆไอ้ตั้น” พิไลร้องไห้โฮผิดหวังอย่างแรง
“อย่าว่าตั้นอีกเลยค่ะคุณน้า น้องสำนึกแล้วล่ะค่ะ” นิศราสงสาร
“ให้มันจริงเถอะ” พิไลสะบัดหน้าพรืดเดินนำออกไป
นิศรารีบตามประกบพิไลไปด้วยความเป็นห่วง ในขณะที่ทุกคนมองศักยะด้วยความสมเพชเวทนา เพราะในที่สุด กรรมก็ตามสนองจนได้
ooooooo
พิมพ์พัสตราเดินไปเดินมาในห้องนอนเรนอย่างหงุดหงิด เพราะศักยะไม่ยอมกลับไปสักที สร้อยทิพย์ที่อยู่เป็นเพื่อนชักอึดอัดอาสาจะออกไปดูให้ แต่โดนตวาดเพราะพิมพ์พัสตรากลัวที่ต้องอยู่คนเดียว เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ดีใจคิดว่าเรนมาตาม รีบเปิดประตูแต่พอเห็นศักยะยืนอยู่ก็ปิดประตูใส่ทันที
ศักยะร้องเรียกพิมพ์พัสตราพร้อมกับเอ่ยคำขอโทษ แต่กลับโดนเสือกไสไล่ส่ง
“ยังไงเราก็ยังเป็นสามีภรรยากันอยู่นะครับ ถึงคุณจะไม่ให้อภัยผม แต่ก็ออกมาคุยกันซักนิดไม่ได้เหรอครับ ผมแค่อยากเห็นหน้าคุณ” ศักยะอ้อนวอน










