ตอนที่ 8
วีด้าตัดสินใจนำเอกสารลับที่ได้จากห้องทำงานของบัญชาให้ดนัยตรวจสอบตามคำแนะนำของเกรซ ดนัยเต็มใจช่วยเหลือเหมือนเคย แต่มีท่าทีอึกอักไม่รู้จะทำตัวอย่างไรเพราะยังทำใจไม่ได้ แต่ถึงกระนั้นชายหนุ่มก็ทำหน้าที่ได้ไม่บกพร่อง ตามสืบเรื่องที่มาของเอกสารลับมาให้วีด้าจนได้
“ใบโอนเงินฉบับที่ให้ผมตรวจสอบ เป็นของบริษัททางยุโรปที่ไม่มีตัวตน”
“ดนัยหมายความว่าบริษัทพวกนี้ถูกตั้งขึ้นเพื่อเป็นที่หมุนเงินใช่ไหม ข้อมูลตรงกับที่ฝ่ายกฎหมายเช็กมา และถ้าเป็นแบบนั้นจริง บริษัทผู้รับโอนทางนี้ก็ต้องผิดด้วยหรือเปล่าคะ”
ดนัยบอกว่าอาจไม่ได้ตั้งมาเพราะเหตุผลนั้น แต่อาจเป็นเพราะไม่รู้ก็ได้ วีด้าพยักหน้ารับรู้ เริ่มคิดว่าต้องหาหลักฐานที่แน่นหนาและรัดกุมกว่านี้...นายบัญชาไม่มีทางหนีฉันพ้นแน่!
วีด้าเร่งดำเนินการหาหลักฐานเพิ่มเติมแต่เหมือนจะเป็นไปด้วยความยากลำบากเพราะบัญชากับคัชพลระวังตัวมากกว่าที่คิด สุดท้ายเลยชวนดนัยไปหาเจ้าหน้าที่
หน่วยปราบปรามเพื่อให้ช่วยสืบคดี หลักฐานที่มีทำให้พอจะตั้งเรื่องเพื่อสืบสวนเอาผิดกับบัญชาได้ แต่ยังไม่มากพอจะตั้งข้อหาดำเนินคดี แต่ถึงกระนั้น วีด้าก็เบาใจมากเมื่อหัวหน้าหน่วยอาสาแข็งขันจะช่วยดูแลคดีนี้และจะจัดการอายัดเงินลงทุนจากต่างชาติก้อนล่าสุดของบริษัทบัญชาไว้ก่อน
ฝ่ายยศสรัลพยายามตั้งสติเกี่ยวกับความจริงของวีด้า เรื่องราวในอดีตถูกปะติดปะต่อขึ้นทีละน้อยจนเขาพอจะเห็นเค้าโครงเรื่องทั้งหมด เขาคิดถึงวีด้าหรือแพร... ลูกสาวคนเดียวของกานดากับชาติชายจับใจเพราะเคยเป็นเพื่อนเล่นกันตั้งแต่เด็ก จำได้ว่าตอนนั้นเขาเป็นคนเดียวในบรรดาพี่น้องสามคนลูกชายของบัญชาที่ชอบเล่นกับเธอ
ยศสรัลหยิบสำเนาข่าวบนหนังสือพิมพ์เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนมานั่งอ่านอีกครั้งในเช้าวันถัดมา พยายามเรียบเรียงและจดจำรายละเอียดต่างๆ แต่ที่ทำให้สะเทือนใจที่สุดเห็นจะเป็นพาดหัวข่าวเกี่ยวกับกานดาและแพรหลังเหตุการณ์
“นางกานดา...ภรรยานายชาติชาย คลุ้มคลั่งเสียสติ ส่วนลูกสาวคนเดียวถูกส่งไปสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า”
ชื่อของแพร หรือชื่อจริงในอดีตว่าแพรไหม วาณิช–โยธิน ทำให้ยศสรัลตัดสินใจไปหาข้อมูลเพิ่มที่บ้านเด็กกำพร้า ผอ.ประจำศูนย์ที่เคยรับเรื่องและดูแลแพรมาตลอดก่อนจะถูกรับอุปการะโดยป้าแท้ๆ มองชายหนุ่มหน้าตาดีตรงหน้าอย่างพิจารณา ไม่แน่ใจว่าควรไว้ใจหรือเปล่าเพราะสภาพของแพรตอนนั้นยังฝังในหัว เด็กสาวเงียบขรึมและไม่ยอมพูดจากับใคร เนื่องจากเพิ่ง
สูญเสียพ่อ รวมทั้งแม่ก็มีอาการคลุ้มคลั่งจนต้องไปอยู่โรงพยาบาลประสาท
ยศสรัลนิ่วหน้า ไม่เคยได้ยินว่าชาติชายหรือกานดามีพี่สาว ผอ.ยืนยันเพราะเป็นคนทำเรื่องให้กับมือ ยศสรัลเลยขอที่อยู่หรือเบอร์ติดต่อเพราะอยากเจอแพร ผอ.ลังเลเพราะไม่รู้ที่มาที่ไปของเขา
“ถ้า ผอ.ต้องการหลักฐานเพิ่ม ผมยินดีนำมาให้ครับ ถ้าจะทำให้เชื่อว่าผมบริสุทธิ์ใจจะตามหาเพื่อนเก่าจริงๆ”
“ที่จริง...มันก็ผ่านมาจะยี่สิบปีแล้ว ดิฉันไม่แน่ใจนะคะว่าคุณจะได้เจอคุณป้าของเธออีกหรือเปล่า เพราะวันนั้นมีผู้ชายอีกคนมากับคุณป้าของน้องแพรด้วย แกยังให้หลักฐานเป็นพยานเรื่องการรับตัว...นี่ไงคะชื่อกำธร”
ยศสรัลได้ยินชื่อกำธรก็ตื่นเต้นหูผึ่ง ดีใจที่คลำมาถูกทางว่าจะหาข้อมูลเรื่องวีด้ายังไง
ooooooo
ท่าทางจริงจังของวีด้าเรื่องดำเนินคดีกับบริษัทหุ้นส่วนที่อาจลักลอบฟอกเงิน จนถึงกับยอมพบและขอให้เขาช่วยเรื่องตรวจสอบเอกสาร ทำให้ดนัยอดสงสัยไม่ได้ว่าวีด้ากำลังทำอะไรบางอย่าง เมื่อมีโอกาสตอนไปทานอาหารด้วยกันจึงแกล้งถามเพื่อหยั่งเชิง แต่วีด้าบ่ายเบี่ยงตอบว่าเป็นแค่การตรวจสอบคู่ค้ารายหนึ่งเท่านั้น
“คุณแค่รู้ว่าเขาทำผิด หรือว่าคุณพยายามจะขุดคุ้ยหาความผิดของเขา มีอะไรคุยกับผมได้นะวีด้า”
คำพูดเหมือนไม่ค่อยเชื่อของดนัยทำให้วีด้าชะงักเล็กน้อย แต่ความแค้นที่สุมอกมานานทำให้ฮึดสู้ โต้ว่าไม่มีอะไรอย่างที่เขานึกระแวงหรือสงสัย...ก็แค่คู่ค้าที่มีปัญหา วีด้าก็แค่ตรวจสอบเพื่อความเรียบร้อยเท่านั้น!
ในขณะที่ดนัยเฝ้ามองวีด้าด้วยความเป็นห่วง
ยศสรัลก็กังวลใจไม่ต่างกัน และอาจจะหนักกว่าเพราะพอจะเข้าใจเจตนาการกลับมาของเธอได้ ว่าต้องการล้างแค้นและทวงความยุติธรรมให้แก่ครอบครัวของเธอ ยศสรัลเครียดจัด แม้จะเข้าใจความสูญเสียของเธอ แต่ก็ไม่เห็นด้วยที่เธอเลือกโต้ตอบด้วยวิธีการรุนแรงเช่นนี้
และแล้วความเครียดของยศสรัลก็ถึงขีดสุด เมื่อวันเซ็นสัญญาส่งเงินลงทุนเพิ่มจากบริษัทบัญชามาถึง คัชพลกับยศสรัลอยู่ในห้องประชุมด้วยเพื่อเป็นสักขีพยาน วีด้ามีท่าทางกระหยิ่มยิ้มย่องที่ทุกอย่างตามแผนกำลังเป็นรูปเป็นร่าง ยศสรัลมองเห็นตลอดและตัดสินใจตามไปดักหน้าเพื่อให้เธอพิจารณาการเพิ่มทุนอีกครั้ง
วีด้าไม่สนใจท่าทางร้อนรนของเขา แถมย้อนอีกต่างหากว่าเขาไม่เห็นรายงานการประชุมหรือว่าทุกคนเห็นด้วย
“เพราะอ่านน่ะสิผมถึงมั่นใจ...ว่าใครบางคน ต้องการขยายโครงการเพื่อจุดประสงค์อื่นที่อาจไม่เกี่ยวกับธุรกิจ”
“คุณไม่เห็นด้วย แต่พี่ชายคุณ คณะกรรมการส่วนใหญ่เห็นตรงกับฉัน ฉะนั้น ความเห็นคุณไม่มีประโยชน์ค่ะ”
“ถ้าผมรู้ว่าคุณกำลังคิดไม่ดีกับครอบครัวผม ผมจะต้องเปิดเผยคุณให้ได้วีด้า”
วีด้าหน้าตึง แอบใจเสียเพราะคำพูดเขาเหมือนเป็นนัยบอกว่าเขาอาจรู้ความลับของเธอ แต่ถึงกระนั้นความต้องการล้างแค้นก็ทำให้ต้องเดินหน้า ยศสรัลหัวเสียมาก มองเธอเดินเข้าห้องพร้อมตะโกนไล่หลัง
“รู้ไหมว่าผมดีใจมากที่งานหมั้นของคุณล้มไปได้... เพราะผมไม่อยากให้คุณมาเกี่ยวดองอะไรกับครอบครัวผม”
ยศสรัลหุนหันออกไปแล้ว วีด้าถึงกับนิ่งไปอึดใจ สังหรณ์ลึกๆว่ายศสรัลอาจไปรู้อะไรมา...
ฝ่ายคัชพลกลับถึงบริษัทก็จะลุยงาน แต่ต้องวิ่งหน้าตื่นไปหาพ่อที่ห้องเมื่อเลขาส่วนตัวรายงานว่าฝ่ายการเงินไม่สามารถเบิกถอนเงินที่จะลงทุนร่วมกับบริษัทของวีด้าได้ บัญชาสติแตกไม่แพ้ลูกชาย แต่เพราะชั่วโมงบินที่มากกว่าทำให้ตั้งหลักเร็วและลงมือต่อสายถึงนายธนาคารต่างชาติทันที แต่ผลที่ได้ก็ทำให้อึ้ง
“มันไม่รู้เรื่อง แล้วมันก็โกรธมากด้วย ว่าทำไมเงินของมันถูกระงับ”
“หรือตำรวจจะรู้เรื่องของเราครับคุณพ่อ”
“เป็นไปไม่ได้ เรื่องนี้มีแต่แกกับฉันที่รู้ เส้นทางเงินมันก็แค่ผ่านแล้วไปบ่อนชายแดน ตำรวจมันจะสืบเจอได้ไง”
เวลาเดียวกันที่ร้านอาหารนอกเมือง...ยศสรัลปัดเรื่องวีด้าทิ้งชั่วคราวและไปพบน้องชายคนเล็กเพื่อถามสารทุกข์สุกดิบ ธัญกรมีความคิดที่เปลี่ยนไปมากหลังตัดสินใจเดินออกจากบ้าน แม้ต้องอยู่ร่วมชายคากับรัชนาคู่ปรับสาว แต่เขากลับได้มีเวลาทบทวนและอยู่กับตัวเองมากขึ้น และคิดว่าจะต้องพิสูจน์ตัวเองให้พ่อกับทุกคนว่าเขาโตพอจะรับผิดชอบชีวิตตัวเองได้ ยศสรัลมองมาด้วยความเอ็นดูระคนชื่นชม แต่ก็อยากให้น้องกลับไปเยี่ยมพ่อบ้าง
“พ่อกับพี่ใหญ่คงไม่อยากต้อนรับผม อีกอย่างถ้าผมกลับไปตอนนี้ ผมก็คงกลายเป็นแค่ไอ้ลูกแหง่ในสายตาเขา”
“พี่ดีใจนะที่นายเป็นผู้ใหญ่ขึ้น แต่ยังไงพี่ก็อยากให้นายกลับไปเยี่ยมพ่อบ้าง”
น้ำเสียงแปลกๆของพี่ชายทำให้นึกสงสัยว่ามีอะไรเกิดกับพ่อ ยศสรัลถอนหายใจยาว ตัดสินใจบอกว่าบัญชาป่วยเป็นมะเร็งตับระยะเริ่มต้น แม้จะเริ่มรักษาแล้วแต่ร่างกายก็อ่อนแอกว่าเมื่อก่อนมาก และต้องการการดูแลอย่างดีจากคนในครอบครัวเพราะไม่รู้อาการจะกำเริบอีกเมื่อไหร่ ธัญกรรับฟังด้วยสีหน้าแตกตื่น ใจร้อนรุ่มขึ้นทันทีด้วยความเป็นห่วงพ่อ ถึงจะโกรธและเกลียดกันขนาดไหน แต่บัญชาก็เป็นพ่อแท้ๆและเลี้ยงดูเขามาตลอด
ด้านมณฑิตา...มาเที่ยวและดื่มกับจิมคู่ขาหนุ่มคนใหม่ที่ร้านเดียวกันกับยศสรัลและธัญกร แต่ก่อนที่เธอจะเห็นสองพี่น้องก็ต้องมามีปากเสียงกับจิมที่ทำท่าน่าสงสัยเหมือนกำลังมีคนอื่น แม้เขาจะพยายามบอกว่าเลิกกับแฟนเก่าตั้งนานแล้ว มณฑิตาก็ไม่เชื่อ และเพราะสัญชาตญาณผู้หญิงและความช่างจับผิดแท้ๆที่ทำให้โพล่งไปตามใจคิด
“ผู้ชาย...เวลาจะนอกใจก็จะพูดเหมือนกันหมด... กำลังมีปัญหากับแฟน กำลังจะเลิกหรือเพิ่งเลิกกัน มณจริงใจกับคุณนะคะ เพราะฉะนั้น มณก็หวังความจริงใจกลับคืนเหมือนกันนะคะ”
จิมรับฟังด้วยความหงุดหงิด เริ่มเบื่อหน่ายขึ้นทุกทีที่ถูกตามติดทุกฝีก้าวแบบนี้ มณฑิตาไม่ได้สังเกตอาการนั้น เธอเดินนวยนาดจะไปที่โต๊ะด้านใน แต่สายตาเจ้ากรรมดันเหลือบเห็นยศสรัลกับธัญกรเสียก่อน เลยเลือกไปดื่มในห้องส่วนตัวแทน ธัญกรมองมาทางนั้นพอดี แต่เพราะความสลัวของไฟร้านทำให้เห็นหน้าไม่ชัด...คงไม่ใช่แน่ พี่มณรักพี่สรัลจะตาย คงไม่ควงมากับหนุ่มท่าทางเจ้าชู้เสเพล
แบบนี้หรอก!
ooooooo
เรื่องเงินที่ถูกอายัดทำให้คัชพลเครียดหนัก แต่เมื่อหาทางออกไม่ได้ สุดท้ายเลยต้องโทร.ไปบอกวีด้าว่าอาจส่งเงินล่าช้านิดหน่อย วีด้ายิ้มกับโทรศัพท์ในมือ สะใจยิ่งนักที่แผนร้ายเริ่มเห็นผลแล้ว แต่ยังทำเป็นไม่รู้เรื่องถามว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า คัชพลพูดไม่ออก ได้แต่บอกว่าขอเวลาเขาอีกนิดหนึ่งแล้วกัน
ฝ่ายดนัยพยายามปัดเรื่องของวีด้าทิ้งและเริ่มต้นชีวิตใหม่ เกรซเป็นเพื่อนที่ดีและชวนไปทำกิจกรรมต่างๆเสมอ อย่างเช่นวันนี้ที่เธอชวนเขาไปบริจาคหนังสือ เกรซอดถามถึงวีด้าไม่ได้ ดนัยอึ้งไปเล็กน้อยแต่ยังยิ้มบางๆบอกว่าทำใจได้มากแล้วเรื่องอกหัก แต่ที่เป็นห่วงมากกว่าคือดูเหมือนวีด้าจะมีความลับบางอย่าง
ท่าทางซึมๆทำให้เกรซอดสงสารไม่ได้ ตั้งท่าจะปลอบเต็มที่ ดนัยดูออกและพูดให้เธอสบายใจ
“ไม่ต้องห่วงผมหรอกครับ ตอนนี้ผมมีกิจกรรมฆ่าเวลาแล้ว รับหนังสือเก่ามาให้เด็กๆเหมือนเกรซไง”
ดนัยตีหน้าซื่อขนหนังสือลงจากรถไปที่สำนักงานรับบริจาค เกรซไม่อยากจะเชื่อและตามไปถามให้แน่ใจอีกครั้ง ชายหนุ่มส่ายหน้าให้กับความกังวลเกินเหตุของเธอ ตัดสินใจพูดถึงเรื่องราวดีๆไม่กี่วันก่อนที่ทำให้คิดได้
“มีอยู่วันหนึ่งตอนที่ขับรถ แล้วผมมองไปนอกหน้าต่าง ผมเห็นอะไรรู้ไหม ผมเห็นคนถีบซาเล้งจอดคุ้ยถุงขยะข้างทาง ผมเลยได้คิดว่าคนที่มีศักยภาพด้อยกว่าผมในทุกด้าน เขายังไม่ยอมแพ้กับอุปสรรคในชีวิตแล้วผมแค่ไปรักคนที่เขาไม่ได้รักเราแล้ว ผมถึงกับจะตายเลยหรือ ในเมื่อผมยังสามารถทำความดีเพื่อให้คนอีกหลายร้อยคนมารักผมได้”
“ว้าว...ดนัยนี่มีความคิดดีมากเลยนะ”
“คงเพราะผมไม่อยากล้มลงกับพื้นนานมั้ง พื้นมันแข็ง เจ็บตัวเปล่าๆ”
ด้านธัญกร...อยากไปเยี่ยมพ่อมาก หลังจากได้ยินจากยศสรัลว่าบัญชาป่วยเป็นมะเร็งก็ทำให้กลับมาทบทวนทุกอย่าง รัชนาเห็นท่าทางแปลกๆก็สงสัย เมื่อทราบเรื่องเลยเสนอให้ไปเยี่ยมพ่อที่บ้าน ธัญกรทำหน้าเมื่อย บ่นว่าเธอพูดอะไรไม่รู้จักคิด รู้ทั้งรู้ว่าพ่อโกรธจนไม่อยากเห็นหน้า แล้วเขาจะกล้าไปเยี่ยมได้ยังไง
“ฉันไม่ได้กวน ก็คุณไปหาพ่อคุณไม่ได้ ก็ไปทางคุณแม่คุณสิ เอาของกินที่พ่อคุณชอบไปฝาก ทำบ่อยๆเข้า เดี๋ยววันหนึ่งเขารู้ก็คงใจอ่อน หายโกรธเองแหละ”
ธัญกรทึ่งมาก “เธอนี่ซ่อนความฉลาดไว้แนบเนียนมากเลยนะ...ดูแทบไม่รู้ว่ามี”
ระหว่างที่ครอบครัวบัญชาเผชิญเรื่องหนักหน่วง มณฑิตาไม่รู้เรื่องอะไรเลยเพราะมัวหลงรสเสน่ห์ของจิม แต่เมื่อค้นพบว่าเขามีสาวคนใหม่เลยอาละวาดอย่างหนัก แม้เขาจะแก้ตัวเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล เธอยังกวนประสาทและพูดจาแดกดันไม่หยุดตามประสาคุณหนูไฮโซเอาแต่ใจ จิมส่ายหน้าเซ็งๆตอกกลับไม่ไว้หน้า
“ถามตัวคุณดีกว่าว่าเห็นผมเป็นอะไร คุณเองยังไม่กล้าตัดใจจากคนของคุณเลย ถ้าเราไม่ล้ำเส้นกัน ผมว่าเราสองคนน่าจะไปกันได้ดี”
จิมไม่ยี่หระท่าทางเหมือนของขึ้นของคู่ขา ผละไปโทร.หาหญิงสาวคนใหม่หน้าตาเฉย แถมคุยกะหนุงกะหนิงให้เจ็บใจเล่น มณฑิตามองตามด้วยสายตาแข็งกร้าว...อย่าหวังเลยจะได้เสวยสุขด้วยกันง่ายๆ!
ooooooo
เพื่อหาเงินลงทุนมาให้โครงการของวีด้า คัชพลตัดสินใจทยอยขายหุ้นของบริษัทตามที่วีด้าคาดจริงๆ ยศสรัลตกใจมากที่เห็นราคาหุ้นของบริษัทตกลงเรื่อยๆ เขาพยายามห้ามพี่ชายแต่คัชพลยืนกรานตามความ ต้องการเดิม เพราะไม่อยากเสียหน้าและเสียสัดส่วนของหุ้นในโครงการ
แม้จะพูดกับยศสรัลไปแบบนั้น แต่คัชพลก็อดเครียดไม่ได้เพราะไม่แน่ใจว่าตัวเองคิดถูกหรือไม่ ส่วนวีด้าไม่สนว่าเขาต้องเจออะไรบ้าง จัดแจงโทร.หาบริษัทหุ้นให้กว้านซื้อให้หมดเมื่อราคาหุ้นของคัชพลตกเต็มที่
ข่าวราคาหุ้นของบริษัทร่วงจนบัญชาแตกตื่นรีบสั่งให้เลขาตามคัชพลกับยศสรัลมาพบโดยด่วน เมื่อเห็นหน้าลูกชายคนโตก็ด่าไม่ยั้งเพราะรู้ดีว่าสิทธิ์ในการสั่งขายหุ้นเป็นของเขา
“สั่งขายหุ้นจนร่วงไม่เป็นท่า ทำอะไรทำไมไม่ปรึกษา”
“มันถึงคิวต้องจ่ายเงินลงทุนกับทางบริษัทโน้นแล้วครับ”
“แล้วทำไมไม่ดึงเวลาไว้ ทำแบบนี้บริษัทก็เจ๊งพอดี ปล่อยหมูให้ใครมันเก็บไปบ้างก็ไม่รู้ ขาดทุนป่นปี้หมด”
ยศสรัลอยากช่วยแต่ไม่รู้จะทำยังไงเพราะคัชพลทำเกินกว่าเหตุจริงๆ ได้แต่ฟังบัญชาประกาศกร้าว
“ต่อไปถ้าทำอะไรไม่ปรึกษาฉัน ฉันจะถอดแกออกจากตำแหน่ง!”
บัญชาไล่ตะเพิดลูกชายคนโตออกจากห้องหลังจากนั้นไม่นาน ยศสรัลวิ่งตามด้วยความเป็นห่วง เห็นคัชพลหัวเสียและพาลลงกับพนักงานรอบตัวจนใครก็เข้าหน้าไม่ติด...
เวลาเดียวกันที่บ้านบัญชา...ธัญกรตัดสินใจทำตามที่รัชนาแนะนำ ด้วยการนำข้าวของเพื่อสุขภาพมากมายไปเยี่ยมพ่อ สินีอยู่บ้านคนเดียว ปลื้มปีติมากที่ลูกชายคนเล็กมาเยี่ยม ยิ่งได้ฟังเรื่องราวลำบากลำบนที่ต้องหางานใหม่ของเขาก็พยายามกล่อมให้กลับมาอยู่บ้าน แต่ธัญกรไม่ยอมเพราะอยากเริ่มต้นชีวิตของตัวเองสักที
“ผมอยากจะพิสูจน์ให้คุณพ่อได้เห็นก่อนว่าผมโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ไม่ใช่ลูกแหง่อย่างที่คุณพ่อคิด คุณแม่ไม่ต้องห่วงนะครับ ตอนนี้ผมพักอยู่คอนโดเพื่อน...เพื่อนคนนี้เป็นคนดีและใจดีด้วยครับ”
น้ำเสียงสดใสเมื่อพูดถึงรัชนาทำให้สินีอยากรู้ว่าเพื่อนคนนี้คือใคร ธัญกรกลัวเป็นเรื่องใหญ่เลยตัดสินใจบอกว่าเพื่อนเขาเป็นผู้ชาย สินีไม่ค่อยเชื่อนักแต่ไม่อยากซักไซ้ให้เสียเรื่อง ธัญกรเห็นว่าควรแก่เวลาเลยขอลากลับก่อน สินีมองมาด้วยท่าทางอาลัยอาวรณ์ แต่สุดท้ายก็ไปส่งลูกชายที่รถแต่โดยดี
บัญชาไม่รู้ว่าธัญกรมาเยี่ยมที่บ้าน ความเครียดจากราคาหุ้นของบริษัทที่ดิ่งลงทำให้ใครๆก็ไม่อยากเข้าใกล้ และคืนนั้นเองอาการเจ็บแน่นที่หน้าอกก็กำเริบจนทรุดตัวกับพื้น สินีเห็นเข้าพอดีเลยรีบพาส่งโรงพยาบาล ยศสรัลและคัชพลตามไปทันทีที่ทราบเรื่อง กระอักกระอ่วนใจไม่น้อยที่พ่อโวยวายเกี่ยวกับอาการเจ็บป่วย
“ไอ้ใหญ่...แกไปบอกหมอเลยนะ ถ้ารักษาฉันไม่หาย ฉันจะเปลี่ยนโรงพยาบาล!”
คัชพลรับหน้าที่เฝ้าพ่อ ส่วนสินีกับยศสรัลตัดสินใจไปพบหมอเพื่อฟังผลการวินิจฉัยอาการของบัญชา
“ไม่ทราบว่าจะปิดบังคุณพ่อได้นานแค่ไหน ตอนนี้คุณพ่อเริ่มสงสัยอาการของตัวเองแล้วครับ”
“ญาติคงต้องตัดสินใจเองว่าจะบอกคนไข้หรือเปล่า ตอนนี้หมอเริ่มให้คีโมกับคนไข้แล้ว”
“ถ้างั้นคุณพ่อจะเกิดผลข้างเคียงจากยาใช่ไหมครับ”
“มันอาจจะมีบ้างแต่ไม่มากเท่าสมัยก่อน และพอจะมียาที่จะป้องกันหรือลดอาการข้างเคียงลงได้ครับ”
ยศสรัลคิดหนัก ลำบากใจจะพูดกับพ่อยังไงดี สินีเลยตัดสินใจแทนว่ารอให้บัญชาอารมณ์ดีกว่านี้ค่อยบอก...เดี๋ยวพ่อเราเขาจะหมดกำลังใจจะรักษาตัวเสียก่อน
เวลาเดียวกันที่ห้องพักของบัญชา...คัชพลรับศึกหนักเพราะถูกพ่อโวยใส่ใหญ่เรื่องอมพะนำอาการเจ็บป่วย แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าพ่อเป็นโรคอะไร แต่เพราะไม่อยากให้พ่อเครียดและกังวลกว่านี้เลยต้องปิดปากเงียบ แต่คนที่เขาเลือกบอกความจริงคือวีด้า แถมยังพร่ำบอกถึงความไม่สบายใจต่างๆนานาว่าน่าจะรู้ตัวเร็วกว่านี้ วีด้าอึ้งไปอึดใจและปรับสีหน้าเป็นปกติ ทั้งที่ในใจร้อนรุ่มเพราะไม่ได้คิดว่าจะเจอเรื่องแบบนี้
“นายบัญชา...ทำไมแกจะมาตายง่ายๆแบบนี้ล่ะ แกยังไม่ได้รับรู้ความเจ็บปวดที่แกเคยทำกับครอบครัวฉันเลย”
ooooooo
ข่าวร้ายของบัญชากลายเป็นข่าวร้ายของวีด้าด้วย เวลาของเธอเพื่อล้างแค้นเหลือน้อยลงทุกทีเพราะเขาอาจตายโดยไม่ต้องทุกข์ทรมานอย่างที่หวัง วีด้าเร่งหาหนทางลัดให้ได้ถือครองหุ้นบริษัทบัญชาให้มากที่สุด และก็เหมือนจะพอมีหนทาง เมื่อเธอพบว่าหุ้นส่วนลำดับที่สองของบริษัทบัญชาคือปีเตอร์ เจ้าของกิจการต่างชาติ
โครงการของวีด้ากับคัชพลดำเนินไปเรื่อยๆด้วยเงินจากการขายหุ้นทอดตลาด ยศสรัลเฝ้ามองเหตุการณ์ทุกอย่างด้วยความเครียด สุดท้ายเลยตัดสินใจสะกดรอยตามวีด้าอีกครั้ง อยากรู้ว่าเธอจะมีแผนขั้นต่อไปอย่างไร เขาสั่งให้เลขาหารถเช่าและตามไปเฝ้าหน้าบริษัทของเธอในบ่ายวันเดียวกัน พบว่าเธอไม่มีตารางอะไรวุ่นวาย นอกจากไปพบดนัยในเย็นวันเดียวกัน ท่าทางเหมือนกลับมาสนิทสนมกันทำให้เขาอดสงสัยไม่ได้...หรือว่าเธอจะมีแผนร้ายจริงๆ
ยศสรัลร้อนใจมาก เมื่อกลับถึงบ้านเย็นวันนั้นก็รีบไปคุยกับพี่ชายว่าไม่ไว้ใจคนรักของเขา คัชพลส่ายหน้าเหนื่อยหน่าย คร้านจะโต้คารมกับน้องชายคนกลาง เลยได้แต่ถามว่าเพราะอะไรถึงไม่ไว้ใจวีด้า
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาคิดจะทำอะไร และผมก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะรักพี่ใหญ่จริงๆ”
“เขาไม่รักฉันแล้วรักแกหรือไง แกต้องการให้วีด้าเลิกกับฉันเพราะแกชอบเขาใช่ไหมไอ้สรัล!”
คัชพลหัวเสียจริงๆที่คนรักถูกกล่าวหา แถมระแวงลึกๆว่ายศสรัลจะมาแย่งวีด้าไปเหมือนธัญกร สินีได้ยินเสียงเอะอะและเข้ามาห้ามทันเวลา โกรธมากเมื่อได้ยินจากลูกชายทั้งสองว่าทะเลาะกันเรื่องวีด้าอีกแล้ว
ฝ่ายมณฑิตาตามจองล้างจองผลาญจิมไม่เลิก วีรกรรมครั้งก่อนไม่ทำให้เธอสลดหรือล่าถอย แต่กลับเลือกจะบุกไปหาเขาอีกครั้ง จิมไม่สะทกสะท้าน แถมไม่รู้สึกผิดที่เอาผู้หญิงอีกคนมานอนด้วยที่ห้อง แม้มณฑิตาจะยื่นข้อเสนอแกมขู่จะไม่หมั้นกับยศสรัล เขาก็ไม่สนเพราะเบื่อหญิงสาวเจ้าอารมณ์และขี้หึงอย่างเธอเต็มที มณฑิตาอยากกรีดร้องที่เขาไม่ยอมรับแถมขับไล่ไสส่งเธออีกต่างหาก...แล้วคราวนี้สาวสังคมชั้นสูงอย่างเธอจะต้องทำอย่างไรดี
ฝ่ายบัญชาออกจากโรงพยาบาลก็คร่ำเคร่งกับงานจนทุกคนเป็นห่วง กลัวอาการกำเริบอีก สินีพยายามบอกให้พักอยู่บ้านและปล่อยให้คัชพลกับยศสรัลดูแลงานแทน แต่บัญชาไม่ยอม กลัวมีเรื่องเหมือนตอนปล่อยหุ้น ยศสรัลค้านอะไรไม่ออก ไม่กล้ารับประกันเช่นกันเพราะไม่รู้ว่าพี่ชายคนโตจะทำอะไรโดยพลการอีก ได้แต่ฟังบัญชาบ่นไม่หยุดเรื่องความวุ่นวายภายในบริษัทระยะหลังมานี้
“ฉันแค่สงสัยว่า...ถ้าไม่มีศัตรูภายนอกเข้ามา ทำไมถึงมีคนรู้เรื่องภายในของเรา”
ยศสรัลไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่เมื่อถามก็ไม่ได้คำตอบใดๆ เลยเปลี่ยนใจแกล้งถามหยั่งเชิง
“คุณพ่อครับ...ถ้าเรามีศัตรูจริงๆเข้ามาพัวพัน คุณพ่อจะจัดการยังไงครับ”
“ถ้าฉันรู้ว่าใครมันเป็นศัตรูกับฉัน...ฉันคงไม่ปล่อยมันไว้แน่”
ยศสรัลอึ้งไป บัญชาสงสัยท่าทางแปลกๆ แต่เมื่อถาม ลูกชายคนกลางกลับบอกว่าไม่มีอะไร...แค่ถามเฉยๆ
ในขณะที่ยศสรัลหาทางจัดการเรื่องวีด้าก่อนจะถูกจับได้ คัชพลเคร่งเครียดไม่แพ้กันเพราะกังวลเรื่องการลงทุน เขาพยายามโทร.หาวีด้าตลอดหลายวันที่ผ่านมา แต่เธอไม่รับสายและไม่ติดต่อกลับ คัชพลกำลังจะเป็นบ้าและคิดจะไปหาเธออยู่แล้ว แต่บัญชาให้คนมาตามเสียก่อน มีเรื่องสำคัญจะต้องบอกให้เตรียมตั้งรับ
“ทางการกำลังตรวจสอบเราแต่ยังไม่มีหลักฐาน แกอย่าพลาดทิ้งหลักฐานนะ ไม่งั้นแกกับฉันติดคุกหัวโตแน่”
“หลักฐานทุกอย่างถูกทำลายทิ้งไปหมดแล้วครับ คุณพ่อไม่ต้องห่วง”
“ว่าแต่ทางการมันรู้ได้ยังไง ใครที่มันกล้าเป็นศัตรูกับเรา”
ในที่สุดยศสรัลก็ทนไม่ไหว กลัวพ่อกับพี่ชายรู้ความจริงแล้วจะเอาเรื่องวีด้าถึงตาย เขาขับรถเช่าคันเดิมไปดักรอเธอหน้าบริษัท และแอบได้ยินเธอคุยโทรศัพท์กับดนัยเรื่องสืบสวนคดีธุรกิจสกปรกกับทางการ ยศสรัลเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ น้ำเสียงจริงจังและท่าทางหัวเสียของเธอทำให้อดแปลกใจไม่ได้...วีด้ากำลังตามสืบเรื่องอะไรกันแน่
ooooooo
มณฑิตาทนไม่ได้ที่ถูกจิมทิ้งอย่างไม่ไยดี แต่เธอก็ไม่หน้าทนพอจะขอร้องเขาให้กลับมา สุดท้ายจึงต้องบากหน้าไปง้อยศสรัล แต่คนที่เธอต้องฝ่าด่านเป็นคนแรกก็คือสินี
“ที่ผ่านมา...มณทำทุกอย่างเพื่อสรัลแต่เขาไม่เคยสนใจมณเลย มณเลยหนีไปทำใจที่ต่างประเทศมาสักพัก”
“เหรอ...แต่แม่ยังเห็นข่าวมณออกงานสังคมอยู่เลย”
มณฑิตาอึกอักที่ถูกจับโกหกได้ ตั้งท่าจะอธิบายแต่สินีตัดบทว่าคงต้องเคลียร์กับพ่อแม่เธอ เพราะดูท่าคงจะเข้ากับยศสรัลไม่ได้ มณฑิตาหน้าเสีย แก้ตัวพัลวันว่าคิดทบทวนมาดีแล้ว เลยจะขอลองอีกครั้ง
“มณคิดแล้วว่าคงไม่มีความสุขไปทั้งชีวิตถ้าไม่ได้อยู่กับสรัล มณจะทำทุกอย่างให้เรากลับคืนมาเหมือนเดิมค่ะ”
“หนูแน่ใจนะ...เอาล่ะ ถ้างั้นแม่ก็ดีใจด้วย เพราะยังไงแม่ก็รักมณเสมอ”
มณฑิตาใจชื้นขึ้นเป็นกองเมื่อสินีไม่ถือโทษและให้โอกาสเป็นครั้งที่สอง แต่คนที่ถึงกับพูดไม่ออกคือยศสรัล ไม่เข้าใจเลยว่ามณฑิตาจะกลับมาทำไมทั้งที่รู้ว่าเขาไม่เคยมีใจ แต่ถึงกระนั้น เขาก็เป็นสุภาพบุรุษพอจะไม่หักหน้าเธอกับแม่ จำต้องทำเป็นนิ่งเฉย ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธสิ่งที่มณฑิตาพยายามทำให้เพื่อขอคืนดี
แต่สิ่งที่ยศสรัลไม่รู้คือท่าทางเฉยๆนี้ทำให้มณฑิตากับสินีได้ใจ คิดเอาเองว่ายศสรัลยังไม่มีใครและคงจะพิจารณากลับไปคืนดีเพราะไม่ได้นึกรังเกียจมณฑิตาตั้งแต่แรก สินีลุ้นและเปิดโอกาสเต็มที่ให้ลูกชายคนกลางกับว่าที่คู่หมั้นสาวอยู่ด้วยกันตามลำพัง มณฑิตาเดินหน้าเต็มที่ ต่างจากยศสรัลที่ทำหน้าเมื่อยเหมือนถูกบังคับให้กินยาขม
ด้านวีด้า...เดินหน้าทำตามแผน ไม่อยากเสียเวลาแม้แต่วันเดียวเพราะรู้ว่าเวลาของบัญชาเหลือไม่มากนัก ในเมื่อหลักฐานการโอนเงินที่เคยขโมยมาไม่เพียงพอจะเอาผิดหรือตั้งข้อหาได้ เธอจึงตัดสินใจบุกไปที่บริษัทของบัญชาอีกครั้งเพื่อหาหลักฐานหรือข้อมูลเพิ่มเติม ยศสรัลที่แอบสะกดรอยตามเธอตลอดหลายวันที่ผ่านมา มองตามอย่างสงสัยว่าเธอจะมาทำลับๆล่อๆอะไรที่บริษัทเขา
โชคดีที่มณฑิตาซึ่งมาตามเฝ้าเขาที่บริษัทกลับไปก่อนเพราะไม่เจอว่าที่คู่หมั้นหนุ่ม ยศสรัลเลยตามติดวีด้าได้สะดวกจนเห็นว่าเธอหายเข้าไปในห้องทำงานของคัชพล แต่ที่สองหนุ่มสาวไม่คาดคิดคือเจ้าของห้องดันกลับมาเร็วกว่าที่ควรเพราะวีด้าไม่ไปพบตามนัด และต้องการมาจับผิดน้องชายคนกลางที่อ้างว่ายังทำงานอยู่ที่ออฟฟิศ!
ยศสรัลเฝ้ามองจากนอกห้องด้วยความเป็นห่วง ส่วนวีด้าต้องทำตัวลีบในห้องของคัชพลเมื่อเจ้าของห้องดันโผล่มาโดยไม่ทันตั้งตัว คัชพลไม่สำเหนียกถึงความผิดปกติ เขาคุยโทรศัพท์กับพ่อเรื่องงานอย่างเคร่งเครียด จนเมื่อได้ยินเสียงขลุกขลักที่มุมหนึ่งจึงเริ่มมองหาต้นเสียง วีด้านั่นเองที่วิ่งไปข้างนอก ไม่อยากเสี่ยงหลบที่เดิมให้ถูกจับได้ คัชพลวิ่งไล่ตามติด ระแวงขึ้นมาทันทีว่าจะมีใครเข้ามาล้วงความลับ
วีด้าวิ่งหนีไม่คิดชีวิต จนไปชนกับใครคนหนึ่งอย่างจัง ยศสรัลนั่นเองที่โผล่มาขวางและตัดสินใจดึงเธอเข้าไปในห้องของเขาเพื่อให้พ้นสายตาคัชพล แต่เหมือนโชคจะไม่เข้าข้างเพราะคัชพลระแวงน้องชายตัวเองอยู่แล้วว่าจะแย่งคนรัก เลยเปิดประตูไปตรวจดูไม่กี่อึดใจหลังจากนั้น ยศสรัลโกหกหน้าตายว่าไม่เห็นใครผ่านมาทางนี้ แถมยังปดคำโตว่ามีแค่พนักงานแถวนี้ที่คงลืมเอกสารวิ่งหน้าตั้งสวนไปอีกทาง
ooooooo
กว่าคัชพลจะยอมออกไปจากห้อง วีด้าก็หายใจแทบไม่ทั่วท้อง ท่าทางระแวดระวังและจ้องจับผิดของคัชพลทำให้เธอเริ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังเล่นกับไฟเป็นครั้งแรก ยศสรัลเดินมาเปิดประตูห้องน้ำให้ เห็นเธอเป็นแผลถลอกที่แขนเลยอาสาจะช่วยทำแผล แต่วีด้าขืนตัวและถามตรงๆว่าช่วยเธอไว้ทำไม
“เพราะผมไม่อยากให้คุณเดือดร้อน...และผมก็ไม่ต้องการให้ครอบครัวผมเดือดร้อนด้วย”
วีด้าอึ้งไปอึดใจ แต่ทิฐิทำให้สะบัดหน้าหมุนตัวออกไป ยศสรัลถลาไปดึงตัวเธอกลับมาอีกครั้ง
“คุณจะหยุดไหมวีด้า...ไม่ว่าเรื่องอะไรที่คุณกำลังทำอยู่”
น้ำเสียงอ้อนวอนจนเกือบจะอ่อนหวานทำให้วีด้าเกือบใจอ่อน แต่เธอก็รวบรวมสติผละออกมาจนได้ หญิงสาวเครียดหนักเพราะคำพูดของเขาลอยวนในหัวไม่ยอมไปไหน จนต้องไปหาแม่แต่เช้าของวันต่อมาเพื่อเรียกกำลังใจ
ในขณะที่วีด้าพยายามหาทางติดต่อปีเตอร์หุ้นส่วนอันดับสองของบริษัทบัญชา ยศสรัลก็ให้เลขาหาเบอร์ติดต่อกำธรเพื่อปรึกษาเรื่องวีด้า เขาโทร.ไปนัดและเดินทางไปสิงคโปร์ในวันต่อมา กำธรรออยู่แล้วด้วยท่าทางหนักใจ
“ผมขอบคุณมากที่เลือกมาพบผม แทนที่จะเล่าให้ครอบครัวคุณฟัง”
“ผมเป็นเพื่อนเล่นของวีด้ามาตั้งแต่เด็ก เห็นวีด้าเหมือนน้องสาว ผมเคยถามถึงวีด้ากับคุณแม่เขาอยู่บ่อยๆ แต่ไม่มีใครเล่าให้ฟัง หลังจากวีด้าออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า มันเกิดอะไรขึ้นหรือครับ”
“วีด้าคงฝังใจกับครอบครัวคุณมาก ช่วงนั้นเขาเป็นเด็กมีปัญหา ไม่พูดไม่จาและนอนฝันร้ายทุกคืน พอเวลาผ่านไปเขาโตขึ้น ผมคิดว่าเขาลืมเรื่องทุกอย่างไปหมดแล้ว ไม่คิดเลยว่ามันจะยังอยู่ในใจของเขาตลอด”
“วีด้าคงคิดกลับมาแก้แค้นครอบครัวผมจริงๆ ตอนนี้เขาทำอะไรหลายๆอย่าง ทำยังไงผมถึงจะหยุดเขาได้”
กำธรเองก็จนปัญญา ได้แต่ขอร้องไม่ให้ยศสรัลทำร้ายหรือโต้ตอบวีด้า...เธอทำไปเพราะอดีตฝังใจจริงๆ
“ผมหยุดเขาไม่ได้ วีด้าต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง ถ้ามันถึงขนาดต้องสูญเสียธุรกิจในเมืองไทย ผมก็ยอมรับได้ แต่ที่ผมเสียใจคือผมไม่อยากให้เขาวนเวียนอยู่กับการแก้แค้น...ผมรู้ว่าคุณลำบากใจ แต่ผมฝากคุณดูแลหลานสาวผมด้วย”
ยศสรัลถอนใจหนักหน่วง แต่ก็รับปากดิบดีจะดูแลหญิงสาวด้วยชีวิต...ผมไม่มีทางทำร้ายวีด้าแน่นอนครับ
ฟากวีด้า...นัดพบปีเตอร์ได้ในที่สุด พยายามเกลี้ยกล่อมให้ขายหุ้นส่วนของเขา แต่หนุ่มต่างชาติไม่สนข้อเสนอใดๆเพราะบริษัทของบัญชาทำกำไรให้ทุกปี วีด้าหงุดหงิดมากที่ดูท่าเรื่องจะยุ่งยากและใช้เวลากว่าที่คิด เกรซมองมาด้วยความเป็นห่วง ข้องใจอีกอย่างว่าเพื่อนรักจะเอาเงินที่ไหนไปซื้อหุ้นจำนวนมากมายขนาดนั้น
“ถ้าปีเตอร์ยอมขายให้ ฉันก็จะถอนหุ้นทั้งหมดของโครงการศูนย์การค้าทันที”
“ทำแบบนี้มันจะไม่เจ๊งหรือ”
“ฉันต้องการให้มันเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว เหมือนกับที่พ่อฉันเคยเจอ”
“ฉันคิดว่าแกจะเอาผิดเขาทางกฎหมายอย่างเดียว เรื่องมันจะใหญ่โตไปนะวีด้า”
“ในเมื่อกฎหมายยังเอาผิดมันไม่ได้ ฉันก็ต้องเดินเกมของฉันต่อไป!”
ooooooo










