ตอนที่ 8
เอมิกาหันเดินกลับไปตื่นเต้น มองลุ้นว่า
วเรศจะคุยอะไร แต่เขาก็เอาแต่มองหน้าเธอนิ่ง จินตนาการไปว่าตัวเองบอกชอบเธอ และเธอก็ตอบรับต่างยิ้มหวานให้กัน
พลันก็สะดุ้งเมื่อเอมิกาถามขึ้น “คุณตั้มคะ...คุณมีอะไรจะพูดกับฉันก็พูดมาเถอะค่ะ”
“ฉันคิดว่าฉัน...ไม่ต้องให้เธอมาเป็นผู้ช่วยแล้ว”
เอมิกาดีใจจนแทบจะกรี๊ดออกมาแต่สำรวมไว้ พอออกมานอกห้องก็กระโดดโลดเต้นทำท่าเยส!เยส!! จนใครๆพากันมอง พอรู้สึกตัว เธอทำเฉไฉไปนั่งทำงานเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ฝ่ายวเรศ หลังจากทำใจแข็งบอกเธอไปแล้ว ตัวเองกลับนั่งเครียด กลุ้ม ที่ไปชอบเอมิกาที่คิดว่าเป็นคนใช้...
บรรจงหัวเราะร่วนเมื่อรู้ว่าเอมิกาไม่ได้ไปทำงานกับวเรศอีกแล้ว คุยโวว่าผิดคำพูดตนเสียเมื่อไหร่ ทำงานแค่สามวันก็ถูกเฉดหัวไล่ออกแล้ว เอมิกาเถียงว่าเขาไม่ได้เฉดหัวแต่บอกตนดีๆ ส่วนนากหมั่นไส้บรรจง ด่าสวนไปว่า
“นี่นังจง!! แกเป็นโรคจิตหรือถึงได้ชอบทับถม มีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น”
บรรจงตั้งท่าจะด่าคืน ถูกสมพิศหย่าศึกบ่นนากว่าให้รู้จักควบคุมอารมณ์บ้าง ส่วนบรรจงก็ต้องรู้จักสงบปากสงบคำ ไม่ใช่สักแต่จะเห่าเป็นหมาอย่างนี้
บรรจงเจ็บใจที่พวกคนใช้พากันเข้าข้างเอมิการุมกันด่าตน เดินงุดๆออกไปกินส้มตำแก้เซ็งที่ปากซอยเจอ มดแดงหัวหน้าวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างปากซอยเข้ามาหลี พอรู้เรื่องก็ถามบรรจงว่าจะให้ตนไปตบ “นังนั่น” ให้ไหม
“รอให้ฉันรับมือมันไม่ไหวก่อน แล้วฉันจะให้พี่ช่วย” บอกมดแดงว่าตนอิ่มพอดี มดแดงขอจ่ายเอง “ถ้างั้นฉันขอซื้อไปกินต่อที่บ้านด้วยได้ป่ะ”
“ได้สิจ๊ะ” มดแดงทำใจกว้าง แต่พอบรรจงเดินไปสั่งแม่ค้าอย่างเบิกบานใจ มดแดงก็เบ้ปากด่า “อีงก!!”
ทันใดนั้น มือถือมดแดงดังขึ้น มันถือโทรศัพท์ไปยืนคุยอีกมุมหนึ่งอย่างระมัดระวัง
“ครับลูกพี่...ตอนนี้ผมกำลังตีสนิทกับคนใช้บ้านคุณนายชื่นฤทัยอยู่ พอจะได้ข้อมูลมาแล้วว่าเวลาเข้าออกของคนในบ้านนี้คือกี่โมง...จะทำงานใหญ่มันต้องใจเย็น เอาเป็นว่าอีกไม่นานเกินรอ...”
พอวางสายหันกลับมา มดแดงสะดุ้งโหยงเมื่อบรรจงมายืนอยู่ข้างหลังบอกว่าจะกลับแล้ว จ่ายค่าส้มตำให้ด้วย
“ได้สิจ๊ะ...บ๊ายบาย...จุ๊บ...จุ๊บบบ” ยืนมองบรรจงที่เดินออกไปแววตาร้าย พึมพำ “รอให้กูปล้นบ้านมึงสำเร็จก่อน กูจะเอาคืนทั้งต้นทั้งดอกเลยคอยดู”
ooooooo
ปองเทพดีใจมากที่เอมิกาไม่ต้องไปทำงานกับวเรศแล้ว เมื่อแอบคุยกันที่มุมลับตา เขาถามว่าได้ข่าวอภิเชษฐ์หรือยัง เอมิกาตกใจถามว่าอภิเชษฐ์ทำโปรเจกต์สำเร็จแล้วหรือ
“ไม่ใช่...รุ่นน้องที่มหาวิทยาลัยไปเจอไอ้อภิเชษฐ์บนดอย พอเข้าไปทัก มันแกล้งทำเป็นไม่รู้จัก แถมยังพูดภาษาชาวเขาใส่ ตอนนี้มันกลายเป็นชาวเขาเต็มตัว...
นี่แสดงว่ามันต้องใกล้เก็บข้อมูลเขียนบทเสร็จแล้วแน่ๆ”
“ไม่ได้การแล้ว ฉันต้องเริ่มเขียนบทเสียที ไม่งั้นเราต้องแพ้ไอ้อภิเชษฐ์มันแน่ ทุน ดร.เพี้ยนคงจะตกเป็นของมัน”
“ใจเย็นเอม เรามาช่วยกันคิดก็ได้ อย่าลืมสิว่าเอมยังมีเรา” ปองเทพจับมือเธอให้กำลังใจ
บรรจงมาเห็นอีกแล้ว! จ้องทั้งสองตาแทบถลน จากนั้นไปหาจุ่น สั่งให้ทำงานบางอย่างให้ แม้จุ่นจะกระอัก กระอ่วนใจแต่ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ
จากนั้นไม่นาน เมื่อปองเทพออกมาล้างรถ บรรจงสั่งให้จุ่นออกไปเลย จุ่นกล้ำกลืนฝืนใจออกไปในชุด
ผูกชายเสื้อสูงจนโชว์สะดือ พับขากางเกงขึ้นมาจนเป้ารัดติ้ว ออกไปยืนทำท่าสาว บีบเสียงเรียก
“ป่องจ๋า...”
ปองเทพหันมาเห็นตกใจถึงกับสายยางหลุดมือ ยิ่งเมื่อจุ่นยักย้ายส่ายสะโพกเข้ามายั่ว ปองเทพทั้งขยะแขยงทั้งสยองกับท่าอุบาทว์นั้น ถามแทบไม่เป็นภาษาว่า “พะ...พะ...พี่...เป็นอะไร...”
“เป็นตุ๊ดน่ะสิฮ้า...วู้...” จุ่นดีดดิ้นแล้วโผเข้าหา ปองเทพเอามือยันไว้ร้องห้ามเสียงหลงว่าอย่า...จังหวะนั้นเอง อรวิลาสเดินผ่านมาถามว่าทำอะไรกัน มองทั้งสองอย่างสงสัย
หลังจากทำตามคำสั่งของบรรจงแล้ว จุ่นรับรองกับบรรจงว่าปองเทพไม่ใช่ตุ๊ดแน่ เสร็จแล้วมองกระสันทวงรางวัล บรรจงบ่ายเบี่ยงว่าอย่าเพิ่ง ตนให้รางวัลแน่แต่ขอตนสืบให้ได้ก่อนว่าปองเทพโกหกทำไม
ส่วนปองเทพก็ถูกอรวิลาสปรามว่า จะทำอะไร อุบาทว์กับจุ่นก็ไปทำที่อื่น อย่ามาทำในบ้านให้น้าแป๊ะ เสียชื่อ ไม่ว่าปองเทพจะชี้แจงอย่างไรก็ไม่ฟัง เขาเลยได้แต่ทอดถอนใจ “เฮ้อ...ไปกันใหญ่แล้ว...”
ooooooo
วเรศเอาเอกสารเกี่ยวกับงานพืชสวนเมืองหนาวไปให้พีรพล เขาบอกชื่นฤทัยกับพีรพลว่าไม่ได้ให้เอมิกาไปทำงานแล้ว ชื่นฤทัยถามว่าชะเอมทำอะไรผิดหรือ วเรศบอกว่าไม่ได้ทำอะไรผิด เธอก็ไม่ติดใจ
หลังจากรับเอกสารแล้ว พีรพลถามว่าเขาจะขึ้นไปเชียงใหม่เมื่อไหร่ เขาบอกว่าพรุ่งนี้
ขณะนั้นเอง อรวิลาสเข้ามาสวัสดี ชื่นฤทัยคิดอะไรได้ ถามวเรศว่าใครไปเชียงใหม่กับเขา พอเขาบอกว่าไปคนเดียว ก็เสนอทันทีว่า
“ให้น้องอรไปเป็นเพื่อนสิ ช่วงนี้โรงเรียนสอนภาษาที่น้องอรเรียนจบคอร์สพอดี น้าไม่อยากให้น้องว่าง ในเมื่อตั้มยังหาผู้ช่วยคนใหม่ไม่ได้ก็ให้น้องอรช่วยไปพลางๆก่อน”
“เรื่องที่จะให้น้องอรมาช่วยผมทำงาน ผมไม่มีปัญหา แต่ว่าเรื่องที่จะไปเชียงใหม่กับผม ผมว่าอย่าเลยครับ เพราะว่าผมต้องไปค้างคืน แล้วถ้ามีคนเห็นผมไปกับน้องอรสองคน มันจะดูไม่ดีกับน้องนะครับ”
“จริงด้วยสิคุณ เดี๋ยวใครๆจะมองว่าน้องอรเป็นผู้หญิงใจง่าย” พีรพลกึ่งติงกึ่งตำหนิ ชื่นฤทัยเลยบอก ให้เอมิกาไปด้วย พูดแล้วรวบรัดว่าเอาแบบนี้แหละ วเรศเลยพูดไม่ออก กลับเครียดกว่าเก่า
ooooooo
คนที่เครียดและตกใจยิ่งกว่าวเรศคือเอมิกา เมื่ออรวิลาสบอกว่าเธอต้องไปเชียงใหม่กับตนและวเรศ เธอบอกทันทีว่าไม่อยากไป
อรวิลาสถามว่านึกว่าตนอยากไปหรือ ตนก็ถูกคุณแม่ มัดมือชกมาเหมือนกัน ยื่นคำขาดว่ายังไงเธอก็ต้องไปเพราะตนไม่มีวันไปกับวเรศสองคนเด็ดขาด พูดอย่างขยาดว่า “เกร็งจะตาย” สั่งเอมิกาว่าพรุ่งนี้จะออกเดินทางแต่เช้า ย้ำว่านี่เป็นคำสั่งคุณแม่ พออรวิลาสเดินกลับไป เอมิกาบ่นกับตัวเองอย่างกลัดกลุ้ม... “ทำไมถึงมีแต่เรื่องนะ!!”
ตกบ่ายเธอแอบไปบอกปองเทพ เขาตกใจแนะให้แกล้งป่วย เอมิกาบอกว่ามุกนี้ใช่ไม่ได้ผลแล้ว ยังไงก็คงต้องไป ปองเทพคิดแผนออก โทร.หาอรวิลาสมือเป็นระวิงแต่เธอปิดเครื่อง เลยตัดสินใจปีนหน้าต่างโผล่ไปคุย ยุว่าไปเชียงใหม่คราวนี้เธอต้องจับวเรศให้อยู่หมัด ที่เชียงใหม่บรรยากาศดีทิวทัศน์สวยเป็นใจอย่างมากอย่าปล่อยโอกาสดีๆนี้หลุดมือไป
“แล้วฉันต้องทำยังไง ถ้าไปแล้วฉันทำให้พี่ตั้ม ประทับใจไม่ได้ คุณแม่ต้องเล่นงานฉันอีกแน่ๆ” เธอกังวลหนัก
“ให้ผมคิดตอนนี้ผมคิดไม่ออกหรอกครับ คุณอรต้องจัดการด้วยตัวเอง” อ่อยให้เธอว้าวุ่นใจแล้ว ทำเป็นบ่นว่า “นี่ถ้าผมได้ไปด้วย ผมจะจัดการทุกอย่างให้คุณอรเลยนะครับเนี่ย”
พอปองเทพชี้ช่อง อรวิลาสก็คิดแผนออก เมื่อถึงเวลาเดินทางนอกจากเอมิกาแล้วยังมีปองเทพแบกเป้มายืนยิ้มแฉ่งอยู่ด้วย อรวิลาสชี้แจงกึ่งขออนุญาตกับวเรศว่า
“น้าแป๊ะไปงานแฟชั่นวีคที่ฝรั่งเศส พอรู้ว่าอรจะได้ไปเชียงใหม่ ก็เลยฝากนายป่องไปซื้อผ้าลายปักทางเหนือ เพื่อเอามาเป็นไอเดียคิดคอลเลกชั่นใหม่ น้าแป๊ะฝากบอกพี่ตั้มว่าขอให้นายป่องไปด้วย พี่ตั้มจะว่าอะไรไหมคะ”
วเรศบอกว่าตนไม่ว่าอะไร แล้วเรียกให้ขึ้นรถ พลางเอากระเป๋าของอรวิลาสไปไว้ที่ท้ายรถ สั่งเอมิกาให้ส่งกระเป๋ามา ปองเทพรีบบอกว่าของตนขอไว้กับตัว
งเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว อรวิลาสนั่งหน้าคู่กับวเรศ ส่วนเอมิกานั่งหลังกับปองเทพ วเรศออกรถไปอย่างเร็ว
ooooooo
บรรยากาศในรถเงียบจนน่าอึดอัด อรวิลาสจึงเป็นฝ่ายชวนคุย หันไปถามวเรศว่าทำไมไม่นั่งเครื่องไปแค่ชั่วโมงเดียวก็ถึงแล้ว
“พี่ไม่ชอบนั่งเครื่องบิน พี่ชอบขับรถไปเรื่อยๆ มันทำให้เราได้เห็นธรรมชาติ ดูแล้วเพลินตา สบายใจดี”
“ควายเนี่ยนะ ทำให้เพลินตาสบายใจ” เธอชี้ไปที่ฝูงควายข้างทางที่กำลังเล็มหญ้าอยู่
ปองเทพนั่งอยู่หลังวเรศ แอบทำหน้าขัดใจที่อรวิลาสขัดคอวเรศ เลยหยิบแผ่นซีดีจากเป้ส่งให้วเรศชวนเปิดเพลงฟังกันดีกว่า เสียงเพลงโรแมนติก ทำให้บรรยากาศเริ่มดีขึ้น อรวิลาสเหลือบมองปองเทพเห็นเขาขยิบตา เธอก้มหยิบกล่องพลาสติกในตะกร้า ถามวเรศอย่างอ่อนหวานตามโทนเสียงที่ได้รับการฝึกมาว่า
“หิวไหมคะพี่ตั้ม อรเตรียมแอปเปิ้ลมาด้วย” เขาบอกว่าไม่หิว เธอเหลือบมองปองเทพอีก เห็นขยิบตา เธอหยิบแอปเปิ้ลป้อนให้ วเรศบอกว่าตนทานเองได้เธอก็ตื๊อจะป้อน จนกลายเป็นเอาแอปเปิ้ลยัดใส่ปากเขา เธอตกใจ รีบขอโทษ แล้วเอากระดาษจะเช็ดปากให้
“ไม่เป็นไร พี่เช็ดเอง” วเรศรับกระดาษไปเช็ดปากเอง เหลือบมองเอมิกาเห็นเธอดูอยู่พอดี เธอรีบเบือนหน้าไปทางอื่น วเรศเองก็รีบมองกลับไปที่หน้ารถ
ปองเทพไม่ทันสังเกต เพราะมัวหงุดหงิดที่อรวิลาสทำไม่ได้ดั่งใจเลย!
ooooooo
เมื่อเอมิกาไม่อยู่ บรรจงถือโอกาสนั้นเข้าไปค้นในห้องเพื่อหาหลักฐานเล่นงานเอมิกาให้ได้ เจอเครื่อง สำอางในกระเป๋าที่ซุกอยู่ใต้เตียงก็เอาออกมาทา อดสงสัยไม่ได้ว่าเอมิกามีปัญญาซื้อของดีๆแบบนี้ใช้ด้วยหรือ
นากกลับจากทำงานร้อนจนถอดเสื้อผ้าทิ้ง บรรจงตกใจมุดเข้าไปแอบใต้เตียง ระหว่างนั้นมือไปโดนกระเป๋าใบหนึ่ง สงสัยว่ามีอะไรในนั้น ใช้มือเดียวค่อยๆรูดซิปล้วงเข้าไปเจอไอแพด คลำๆถามตัวเองงงๆว่ามันคืออะไร ทำไมต้องซ่อนไว้ใต้เตียง? แสดงว่าต้องเป็นของสำคัญ
แต่พอจะหยิบออกมาดู ถูกแมลงสาบไต่มาตามมือ บรรจงตกใจสะบัดอย่างแรง แมลงสาบกระเด็นไปเกาะนากที่ถอดเสื้อผ้าออกหมดเพราะนึกว่าอยู่คนเดียว นากตกใจร้องลั่นคว้าผ้าห่มมาห่อตัว ส่วนบรรจงก็ตกใจคลานออกจากใต้เตียง ทั้งสองหนีแมลงสาบ แผดเสียงร้องกันไม่หยุด
ทันใดนั้น สมพิศกับจุ่นวิ่งพรวดเข้ามา เห็นนากที่มือจับผ้าห่มห่อร่างที่เปลือยเปล่า ส่วนบรรจงก็ผมเผ้ายุ่งเหยิง ทั้งสมพิศและจุ่นตกใจ จุ่นชี้หน้านากตะคอกถาม “แกทำอะไรน้องจง”
นากปฏิเสธว่าตนไม่ได้ทำอะไร บรรจงฟ้องว่านากหลอกตนมาปล้ำที่ห้อง พูดแล้ววิ่งหนีไปเลย
นากโมโหจะไล่ตามไป ถูกจุ่นสะอึกมาสกัดเลยถูกนากเอานิ้วจิ้มสองตาจนร้องจ๊าก สมพิศส่ายหน้าอย่างเอือมระอาแล้วเดินออกไปเลย ส่วนบรรจงพอหนีพ้นจากสภาพตกเป็นจำเลยแล้ว พึมพำอย่างมาดมั่น...
“ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าในกระเป๋าใบนั้นมันคืออะไร?!”
ooooooo
วเรศขับรถมาจนบ่าย เหลือบมองอรวิลาสเห็นหลับสนิท มองไปข้างหลังเห็นปองเทพหลับหัวซบไหล่เอมิกา เธอไม่สบายใจพยายามปลุกก็ไม่ตื่น ซ้ำยังไหลลงมานอนหนุนตักเธอ ละเมอ... “เอมจ๋า...เราคิดถึงเอม...”
เอมิกาตกใจกลัวเขาจะละเมอความลับออกมารีบเอามือปิดปาก พยายามปลุก ถูกปองเทพคว้ามือไปหอมอย่างหลงใหลอีก วเรศมองกระจกหลังเห็นภาพบาดตา เขากำ พวงมาลัยแน่น พริบตานั้นเขาเบรกกะทันหัน ร่างปองเทพที่หนุนตักเอมิกาอยู่กลิ้งตกจากเบาะ ส่วนอรวิลาสก็ตกใจตื่น
“เกิดอะไรขึ้นครับ” ปองเทพตะกายขึ้นมานั่งถามหน้าตาตื่น
“โทษที พอดีคันหน้าเบรกกะทันหัน” วเรศบอกหน้าตาเฉย เอมิกาฟังแล้วงงเพราะข้างหน้าไม่มีรถสักคัน
ไปถึงโรงแรมที่พัก เอมิกาพยายามซ่อนหน้ากลัวมีคนจำได้ ปองเทพบอกว่าคงไม่มีใครรู้จักเพราะเป็นโรงแรมชานเมืองมีแต่นักท่องเที่ยวต่างชาติ เธอจึงค่อยสบายใจขึ้น
วเรศจัดให้อรวิลาสอยู่ห้องเดียวกับเอมิกา ส่วนปองเทพให้อยู่ห้องเดียวกับตน แต่พอเข้าห้องซึ่งมีเตียงใหญ่เตียงเดียว เขาบอกปองเทพให้นอนพื้น ปองเทพติงว่าเตียงออกใหญ่นอนสองคนได้
“เราไม่สนิทกัน แล้วอีกอย่าง นายกับฉันเป็นเจ้านายกับลูกจ้าง” พูดแล้วเข้าห้องน้ำเลย ปองเทพบ่นอย่างหัวเสียว่า
“รอให้ถึงวันที่เอมเก็บข้อมูลเสร็จก่อนเถอะ ถ้าคุณ
รู้ว่าผมเป็นใคร แล้วจะหนาว...ว...ว...!”
ที่ห้องอรวิลาสกับเอมิกา พอเข้าห้องพักอรวิลาสเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดชาวเขาเต็มยศ ถามเอมิกาว่า
“สวยไหมชะเอม” เอมิกาบอกว่าก็สวยดี “เธอว่าถ้าพี่ตั้มเห็นฉันใส่ชุดนี้แล้วจะชอบไหม”
เอมิกาบอกว่าไม่รู้ ตนตอบแทนเขาไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าเขาจะชอบหรือไม่
“แล้วตกลงมันดีหรือไม่ดีกันแน่ คนใช้น้าแป๊ะบอกว่า ถ้าฉันใส่ชุดนี้รับรองพี่ตั้มต้องชอบแน่ๆ”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับป่องคะ” เอมิกาเอะใจ จากนั้นเธอแอบโทร.นัดปองเทพมาพบกัน
วเรศอยู่ในห้องน้ำได้ยินปองเทพนัดพบกับเอมิกาเขาออกมามองปองเทพที่ย่องออกจากห้องไปอย่างสงสัย
เมื่อเจอกัน เอมิกาถามปองเทพอย่างเอาเรื่องว่าทำไมถึงทำตัวเป็นพ่อสื่อให้คุณอรกับคุณตั้ม เขาอ้างว่าเพราะคุณอรชอบคุณตั้ม
“แต่มันเป็นเรื่องของพวกเขา เราไม่เกี่ยว อย่าไปยุ่งหน่อยเลย” ปองเทพถามว่าแล้วทำไมเธอต้องหัวเสียด้วย
วเรศตามมาเห็นทั้งสองคุยกัน แต่ไม่ได้ยินจึงขยับเข้าใกล้เพื่อแอบฟัง
ปองเทพกับเอมิกาโต้เถียงกัน เอมิกาตำหนิว่า
เขาวุ่นกับเรื่องของคนอื่น ปองเทพถามว่าแล้วทำไมเธอต้องไม่พอใจด้วย เอมิกาย้อนถามว่าทำไมตนต้องไม่พอใจ เขาสองคนเหมาะสมกันออก
วเรศได้ยินเต็มสองหู เขาถึงกับจุก ยืนอึ้ง แล้วก็สะดุ้งสุดตัวเมื่อมีมือมาวางที่ไหล่ หันไปเห็นอรวิลาสในชุดชาวเขา เต็มยศ เธอถามว่ามายืนตรงนี้ทำไม เอมิกากับปองเทพ ได้ยินจึงเดินออกมาสมทบ
วเรศถามอรวิลาสว่ามาหาตนทำไม เธอบอกว่าที่โรงแรมมีให้แขกทดลองปลูกข้าว ตนจะมาชวนเขาไปปลูก ชวนเอมิกากับปองเทพไปด้วย ทั้งสองยิ้มรับ
ooooooo
ด้วยความหมั่นไส้ หงุดหงิดที่เห็นปองเทพกับเอมิกาสนิทสนมกัน เมื่อลงไปหัดดำนาที่ทางโรงแรมจัดให้ วเรศจึงประชดเอมิกาด้วยการเอาอกเอาใจดูแลและสอนอรวิลาสอย่างใกล้ชิดเป็นพิเศษ อรวิลาสออดอ้อนเท่าไรเขาก็เอาใจ โอ๋เท่านั้น
เอมิกาขัดตาขัดใจมาก มัวแต่ลอบมองทั้งสองจนดำนาผิดๆถูกๆเดินในนาก็ถูกดินดูดจนล้ม ปองเทพเข้าช่วยก็พากันล้มไปด้วยกันอีก ทำให้เธอยิ่งหัวเสีย
กลับมาถึงโรงแรม อรวิลาสถามเอมิกาอย่างเบิกบานใจมากว่า
“ชะเอม...เธอว่าพี่ตั้มเขาเริ่มชอบฉันหรือยัง?” เธอตอบว่าไม่ทราบค่ะ อรวิลาสพร่ำเพ้อว่า “แต่ฉันว่าพี่ตั้มต้องชอบฉันแล้วแน่ๆ เธอเห็นตอนที่ปลูกข้าวไหม ปกติพี่ตั้มไม่เคยเอาใจใส่ฉันขนาดนี้เลยนะ นี่ถ้าคุณแม่รู้เข้าต้องดีใจแน่ๆ มีความสุขที่สุด”
เอมิกาเห็นความเพ้อเจ้อของอรวิลาสแล้วก็ได้แต่ถอนใจ...
ฝ่ายวเรศไม่หยุดแค่นั้น ถึงเวลาทานอาหารเย็น พากันไปทานขันโตก เขาสั่งพนักงานให้แยกเอมิกากับปองเทพไปนั่งต่างหาก พูดประชดว่า สองคนจะได้สบายใจไม่ต้องอึดอัดที่มีนายจ้าง แล้วหันไปหวานกับอรวิลาสว่า
“แล้วอีกอย่าง เราจะได้ทานข้าวด้วยกันแค่สองคนไงจ๊ะ”
อรวิลาสดี๊ด๊าจนเก็บอาการไม่อยู่ ส่วนเอมิกามองวเรศอย่างตัดพ้อแล้วเดินไปกับปองเทพงอนๆ
ระหว่างทานอาหาร ทั้งวเรศและเอมิกา ต่างก็ลอบมองกันเป็นระยะด้วยสายตาที่เจ็บปวด ตัดพ้อ จนแทบไม่ได้สนใจอาหารตรงหน้าเลย
กลับโรงแรมแล้วต่างก็นอนไม่หลับ ภาพบาดตาบาดใจยังตามรบกวนจนไม่อาจข่มใจให้สงบ ข่มตาให้หลับได้
ooooooo
ที่บ้านชื่นฤทัย บรรจงดีใจมากเมื่อเห็นชื่นฤทัยออกไปข้างนอกโดยให้นากติดตามไปด้วย รีบไปที่ห้องนอนนาก เห็นใส่กุญแจดอกใหญ่ไว้
“บ้าเอ๊ย...คิดว่าแค่นี้จะขวางทางฉันได้เหรอ!”
บรรจงออกไปหามดแดงที่ปากซอย คุยกันอึดใจเดียว มดแดงก็เอากุญแจผีมาให้ คุยโวว่านี่คือกุญแจผีพ่อทุกสถาบัน เปิดได้ทุกแม่กุญแจ แต่พอบรรจงจะรับกุญแจ มดแดงกลับไม่ให้
“แต่พี่ว่าให้พี่ไปกับน้องจงด้วยดีกว่า เผื่อว่าน้องจงทำไม่ได้ พี่จะได้ช่วย”
บรรจงพามดแดงไปที่บ้านชื่นฤทัย มดแดงเห็นบ้านใหญ่โตก็ตื่นเต้น แอบเอามือถือมาถ่ายรูปมุมต่างๆไว้จนบรรจงหันมาเร่งให้รีบตามตนไป
ไปถึงหน้าห้องนาก มดแดงจัดแจงใช้กุญแจผีไขกุญแจหน้าห้อง คุยโวว่า แม่กุญแจแค่นี้ไขง่ายสบายมาก บรรจงจึงไปดูต้นทางให้ อึดใจเดียวมดแดงบอกว่าเสร็จแล้ว
บรรจงขอบใจ ชมว่ากุญแจผีนี้เยี่ยมมาก มดแดงมองหน้าทวงว่า “แค่คำขอบคุณเองเหรอ” บรรจงทำเขินถามว่าแล้วอยากได้อะไรล่ะ มดแดงยื่นหน้าเข้าไปจะจุ๊บ จุ่นเดินมาเห็นพอดี พุ่งเข้าไปกระชากมดแดงออกมาต่อยเปรี้ยง มดแดงเลือดกำเดาออก ตะคอกถามจุ่น “แกเป็นใครวะ”
“ฉันเป็นแฟนน้องจง”
“แกเป็นแฟน แต่ฉันเป็นกิ๊กเว้ย”
“กิ๊กงั้นเหรอ” จุ่นซัดเข้าไปอีกหมัด มดแดงหลบแล้วถีบเปรี้ยงจนจุ่นกระเด็นไปกระแทกกำแพง เลือดขึ้นหน้าเลยพุ่งเข้ามาตะลุมบอนกัน บรรจงยืนตะโกนห้ามโหวกเหวกแต่ไม่มีใครฟัง จนสมพิศมาเจอตะโกนลั่น
“เฮ้ย!! นี่มันอะไรกัน?!” หันไปถามบรรจง “ทำไมไม่ห้าม ยืนเซ่ออยู่ทำไมหา! นังบรรจง!!”
บรรจงบอกว่าตนห้ามไม่ไหวหรอก สมพิศเลยป้องปากตะโกน “ตำรวจ...ตำรวจมาเว้ย!!”
จุ่นกับมดแดงหยุดกึก แล้วต่างวิ่งหลบไปคนละทาง
บรรจงถูกสมพิศถามอย่างเอาเรื่องว่าพาคนแปลกหน้าเข้ามาในบ้านทำไม บรรจงปั้นน้ำเป็นตัวว่า มดแดงเป็นเพื่อนกับเอมิกา เห็นสมพิศทำหน้างง จึงชี้แจงต่อ
“เขาเป็นหัวหน้าวินมอเตอร์ไซค์หน้าปากซอย เขาบอกว่าชะเอมมีของจะให้เขา ก็เลยให้ฉันพาเข้ามาเอา” สมพิศถามว่าแล้วเชื่อเขาหรือ ทำไมโง่แบบนี้ “ฉันขอโทษจ้ะป้า ต่อไปนี้ฉันจะไม่พาใครเข้ามาในบ้านอีกแล้ว ป้าอย่าบอกคุณชื่นนะ ไม่อย่างนั้นฉันโดนตัดเงินเดือนแน่เลยนะป้านะ...นะ...”
สมพิศบอกว่าตนไม่บอกคุณชื่นก็ได้ แต่...บรรจง
จ้องหน้าสมพิศรอฟัง หลังจากนั้นก็แอบด่าอย่างเจ็บใจ...
“นังป้าขี้งก...ขอเงินเดือนฉันตั้ง 10% มันก็ไม่ต่างอะไรกับที่ฉันโดนตัดเงินเดือนหรอก” บรรจงแค้นนัก เห็นจุ่นเดินมาก็เข้าไปอ้อนถามว่า “พี่จุ่นโกรธฉันเหรอ...ฉันกับพี่มดแดงไม่ได้เป็นกิ๊กกันนะ เขาชอบฉัน แต่ฉันไม่ชอบเขา”
เห็นจุ่นฟังเหวอ เลยใส่ไฟเอมิกา “ก็นังชะเอมนั่นแหละ ทั้งที่รู้ว่าฉันกับพี่เป็นแฟนกัน แต่ก็ไม่วายชงฉันกับพี่มดแดง” จุ่นถามว่าทำไมชะเอมทำแบบนี้ “นังชะเอมมันเป็นโรคจิต เห็นคนรักกันไม่ได้ เป็นต้องทำให้แตกแยก ต่อไปนี้พี่จุ่นอย่าไปเข้าใกล้นังชะเอมมันอีกนะ ฉันเป็นห่วง”
จุ่นถูกปั่นหัวเป่าหูจนเชื่อตามเคย บรรจงแอบมองจุ่นแล้วถอนใจ แต่ยิ้มร้าย
ooooooo
ในร้านกาแฟที่เชียงใหม่ วเรศ อรวิลาส เอมิกา และปองเทพ นั่งดื่มกาแฟกันอยู่ แต่บรรยากาศไม่ดี เพราะหลังจากไปดำนาเมื่อวานแล้ว เอมิกากับวเรศ ต่างมองหน้ากันไม่ติด ปองเทพลอบมองทั้งสองอย่างสังเกต
วเรศดูสายตาของปองเทพออก เขาหันมาบอกอรวิลาสว่า ให้รอตรงนี้ ตนจะเข้าไปคุยงานฝั่งตรงข้ามก่อน
“ค่ะ...เดินดีๆนะคะพี่ตั้ม อรเป็นห่วง” เธอส่งยิ้มหวานให้จนวเรศทำหน้าไม่ถูก เมื่อเขาออกไปแล้วอรวิลาสหันมาสั่งอย่างไม่เหลือความอ่อนหวานเลยว่า “เธอสองคนไปหาซื้ออะไรมาให้ฉันกินหน่อยสิ หิวจะตายอยู่แล้ว”
ทั้งสองเดินไปซื้อของกินให้ มองไปฝั่งตรงข้าม เห็นรถคันหนึ่งขับมาจอด คนขับลงมาเปิดประตูด้านหลัง ผู้ว่าฯอุทยานลงจากรถเข้าไปในบริเวณที่จัดงาน
ที่แท้วเรศไปคุยงานกับอุทยานที่บริเวณหน้าที่จัดงาน อุทยานพูดอย่างสบายใจว่า วเรศมาดูงานด้วยตัวเองทำให้ตนเบาใจไปเยอะ มั่นใจว่างานต้องออกมาดีแน่ๆ
เมื่อรู้ว่าเขาจะเดินทางกลับพรุ่งนี้ อุทยานขอเลี้ยงข้าวเย็นนี้ ดักคอว่า “ห้ามปฏิเสธ” เมื่อวเรศรับปาก ท่านนัดห้าโมงเย็นจะส่งรถมารับที่โรงแรม
ooooooo
กลับถึงโรงแรมอรวิลาสถามวเรศว่า เย็นนี้เขาต้องไปทานข้าวกับผู้ว่าฯอุทยานหรือ เอมิกากำลังกินขนมอยู่ตกใจสำลักพรวดออกมาเปื้อนวเรศที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เธอขอโทษ รีบเอากระดาษเช็ดให้
“ทำไมต้องตกใจด้วยที่รู้ว่าฉันจะไปทานข้าวบ้านท่านผู้ว่าฯ” วเรศถาม มองอย่างจับพิรุธ แล้วก็นึกขึ้นได้ “อ้อ...ฉันจำได้แล้ว เธอเองก็รู้จักกับท่านผู้ว่าฯนี่” เขาถามว่า อยากไปพบท่านกับตนไหม อรวิลาสลุ้นให้ไป แต่เอมิกา
บอกว่าตนไม่ไป
“ทำไม? เห็นเธอบอกว่าไม่ได้พบท่านนานแล้ว นี่มาอยู่ที่เดียวกับท่าน เธอน่าจะไปหาท่านบ้าง ไม่งั้นจะโดนหาว่าอกตัญญู”
“จริงด้วย พี่ตั้มพูดถูก เธอต้องไป!!” อรวิลาสอยากไปอยู่แล้วลุ้นเต็มที่
เอมิกาหน้าเสียไม่รู้จะหาทางออกอย่างไร ปองเทพมองอย่างเป็นห่วง ส่วนวเรศจับตาสังเกตอย่างสงสัย
ooooooo
เมื่อกลับเข้าห้องพัก เอมิกาถามอรวิลาสว่าทำไมต้องบังคับให้ตนไปบ้านผู้ว่าฯด้วย อรวิลาสอ้างเหตุผลของวเรศ เอมิกาถามว่าแน่ใจหรือว่าเธอทำเพื่อตนจริงๆ พูดตรงๆว่า
“ฉันคิดว่าคุณอยากไปกับคุณตั้มก็เลยใช้ฉันเป็นข้ออ้าง ถ้าคุณไม่ได้คิดแบบนั้น ฉันก็ขอโทษค่ะ แต่ยังไงฉันก็ขอยืนยันว่า ฉันไม่ไป!!”
อรวิลาสโพล่งออกมาอย่างหงุดหงิดว่าเธอเข้าใจถูกแล้ว “เพราะว่าฉันอยากไปทานข้าวกับพี่ตั้มด้วย ฉันอยากควงพี่ตั้มออกงาน เพื่อที่ฉันจะได้ไปบอกกับแม่ ได้เต็มปากว่าฉันทำตามที่แม่ต้องการได้แล้ว แม่จะได้เลิกด่าฉันว่าไม่เอาไหน ไม่ได้เรื่องสักที!! เธอต้องไป ถ้าไม่ไป ฉันจะให้คุณแม่ไล่เธอออก!!”
พูดเสร็จก็คว้าชุดเข้าไปในห้องน้ำ เอมิกาคิดหนัก จะทำอย่างไรดี เพราะถ้าไม่ไปก็อาจถูกไล่ออก...
ตกเย็น วเรศกับอรวิลาสไปยืนรออยู่ ครู่หนึ่งปองเทพกับเอมิกาเดินมาท่าทางมีพิรุธ เขามองอย่างสังเกต เมื่อท่านผู้ว่าฯส่งรถมารับที่โรงแรม วเรศบอกให้รีบไปกัน พลางเดินนำไป เอมิกาออกมายืนลังเล หันมองหน้าปองเทพ เขาพยักหน้าให้สัญญาณ เธอทำเป็นนึกได้ร้องเสียงดัง
“แย่แล้ว ฉันลืมมือถือไว้บนห้อง ขอขึ้นไปเอาก่อนนะคะ” เห็นวเรศพยักหน้าเธอรีบวิ่งไป ปองเทพมองลุ้นๆ
ปรากฏว่าเอมิกาหายไปนานผิดปกติ ปองเทพอาสาขึ้นไปดู ที่แท้แอบไปบอกเธอว่าท่าทางวเรศหงุดหงิดแล้ว เธอเสนอว่างั้นเราเริ่มแผนต่อไปเลย แล้วพากันลงไป เจอวเรศนั่งรอหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ที่ล็อบบี้ เอมิการีบเข้าไปบอก
“คุณตั้มกับคุณอรไปก่อนเถอะค่ะ ฉันยังหามือถือไม่เจอ” วเรศฉุนกึกถามว่าจะอะไรกันนักหนากับมือถือ เรานัดผู้ใหญ่ไว้ กลับมาค่อยหาก็ได้ “ไม่ได้ค่ะ แม่ฉันจะโทร.มาคุยธุระสำคัญ ยังไงฉันก็ต้องหามือถือให้เจอก่อน”
วเรศตัดรำคาญยื่นมือถือของตัวเองให้ บอกให้โทร.เสียตอนนี้เลย เอมิกาอ้างว่าแม่ตนใช้โทรศัพท์สาธารณะโทร.มา ตนโทร.ตอนนี้ไม่ได้หรอก อรวิลาสร้อนใจเร่งให้รีบไปกันก่อน ปองเทพกับเอมิกาหาโทรศัพท์เจอค่อยตามไป
“แล้วรีบตามมาล่ะ!” วเรศเสียงเข้มใส่ เอมิการีบรับคำ พอทั้งสองเดินไป เธอหันมองปองเทพต่างถอนใจเฮือก...
ooooooo
วเรศกับอรวิลาสไปถึงบ้านผู้ว่าฯ ท่านถามว่าไหนว่าจะมากันสี่คน วเรศบอกว่าอีกสองคนเดี๋ยวตามมา อัมพรจึงชวนเข้าบ้านกัน
ระหว่างทานอาหาร วเรศเล่าเรื่องเอมิกาให้ฟัง ผู้ว่าฯทำหน้าฉงนถามว่า
“เขาบอกคุณว่าผมกับคุณอัมพรเคยช่วยเขาเอาไว้เหรอ” อัมพรขอชื่ออีกครั้ง พอวเรศบอกว่าชื่อชะเอม ผู้ว่าฯยิ่งงง พอถูกอัมพรดักคอว่าไปแอบช่วยใครไว้หรือเปล่า ท่านรีบปฏิเสธ “เปล่านะคุณ โธ่...คุณอัมพร คุณก็รู้ว่าผมโกหกไม่เป็น หรือว่า...บางทีผมอาจจะลืม ถ้าเห็นหน้าก็น่าจะจำได้”
วเรศบอกอรวิลาสให้โทร.ถามนายป่องว่าชะเอมหามือถือเจอหรือยัง
ปองเทพตกใจ ถามเอมิกาว่าอรวิลาสโทร.มาจะทำอย่างไร เธอบอกให้รับสาย พอรับสายอรวิลาสถามว่าออกจากโรงแรมหรือยัง ปองเทพปดว่าชะเอมยังหาโทรศัพท์ไม่เจอ
วเรศสงสัยขอคุยกับเอมิกาเอง แล้วขอตัวลุกไปคุยข้างนอก พอเอมิกามาคุยด้วย เขาสั่งเฉียบขาด
“เธอต้องมาหาฉันที่บ้านท่านผู้ว่าฯเดี๋ยวนี้!” เอมิกาพยายามจะชี้แจง เขาสวนไปทันที “ฉันไม่สนว่าเธอจะหา
มือถือเจอหรือไม่เจอ และจะได้คุยกับแม่หรือเปล่า ฉันสั่งให้เธอมา เธอก็ต้องมา เพราะฉันเริ่มสงสัยแล้วว่าเธอพยายามถ่วงเวลา เพราะเธอไม่เคยรู้จักผู้ว่าฯและคุณอัมพรอย่างที่เธอเคยเล่าให้ฉันฟังจริงๆ”
เอมิกายืนยันว่าตนรู้จัก เขายืนกรานว่า “เธอต้องมายืนยันความบริสุทธิ์ใจให้ฉันเห็น ฉันให้เวลาเธอยี่สิบนาที เธอต้องมาให้ถึงบ้านผู้ว่าฯ!” พูดจบวางสายทันที กลับมาบอกผู้ว่าฯกับอัมพรว่าชะเอมกำลังมา
เอมิกาหันมองหน้าปองเทพ ถามกันว่าจะทำอย่างไรดี? อึดใจเดียวเธอก็โพล่งออกมาอย่างตัดสินใจแล้วว่า
“ต้องใช้ไม้ตายแล้ว!”
ooooooo
ไวเท่าความคิด เอมิกาโทร.เข้ามือถือของอัมพรทันที พอเห็นชื่อหน้าจออัมพรยิ้มทักดีใจ
“ว่าไงลูก...ลูกอยู่เชียงใหม่? มากับทางมหาวิทยาลัย... แต่กำลังจะขึ้นดอยคืนนี้...อะไรกัน!! ทำไมมาให้พ่อกับแม่ดีใจเล่นๆ แล้วก็จะไปอีกแล้วเหรอ...ลูกมีเวลาหนึ่งชั่วโมง ลูกอยู่ไหนล่ะ เดี๋ยวแม่กับพ่อจะไปหา...แล้วเจอกันจ้ะ”
พอวางสายจากลูก อัมพรหันไปขอโทษวเรศบอกว่าลูกมาเชียงใหม่พอดี นานๆจะได้เจอลูกที คงไม่มีโอกาสเจอชะเอมที่ว่านั่นแล้ว วเรศแอบเสียดาย แต่ยิ้มแย้มบอกว่าเอาไว้โอกาสหน้าก็ได้ แล้วหันบอกอรวิลาส
“น้องอรโทร.บอกนายป่องว่าไม่ต้องมาแล้ว”
“อรส่งเมสเสจไปบอกเรียบร้อยแล้วค่ะ” เธอมองหน้าเขาหยั่งใจก่อนชวนไปเที่ยวในเมืองกัน วเรศตามใจทั้งที่ตัวเองยังครุ่นคิดสงสัยเรื่องเอมิกาอยู่
เมื่ออุทยานและอัมพรไปพบเอมิกา พ่อแม่ลูกโผเข้า หากันด้วยความดีใจ ปองเทพยืนมองอย่างพลอยดีใจด้วย
อุทยานถามว่ามากันแค่สองคนหรือ เธอบอกว่ามากันหลายคนแต่แยกย้ายกันไปซื้อของ พออัมพรถามว่าทานอะไรมากันหรือยัง เอมิกากุมท้องอ้อนแม่ว่า “ยังเลยค่ะ รอพ่อกับแม่เลี้ยงอยู่นี่แหละค่ะ”
“ถ้างั้นก็ไปหาอะไรทานกัน” อัมพรชวน แล้วพ่อแม่ก็เดินขนาบเอมิกาไปอย่างอบอุ่น
ทานอาหารกันได้ไม่นาน ปองเทพได้รับโทรศัพท์จากพ่อ แต่ในห้องอาหารสัญญาณไม่ดี เขาขอตัวไปคุยข้างนอก อัมพรมองตาม ถามเอมิกาว่าปองเทพนี่ตัวจริงแล้วใช่ไหม
“โอ๊ย...แม่คะ ป่องกับเอมเป็นเพื่อนกัน เรื่องนี้ยังห่างไกลจากความคิดเอมมากกกก...เอมยังไม่ได้นึกอะไรทั้งนั้น”
พนักงานในร้านคนหนึ่งเดินมาชนเก้าอี้อัมพรทำให้น้ำหกรดตัว พนักงานคนนั้นตกใจมาก รีบขอโทษ อัมพรบอกว่าไม่เป็นไร ลุกจะไปเข้าห้องน้ำ พนักงานจึงพาไป
บังเอิญอย่างไม่น่าเชื่อจริงๆ! เมื่ออรวิลาสชวนวเรศทานอาหารร้านเดียวกันนี้ พูดแล้วเดินนำเข้าไปเลย วเรศเดินตามเซ็งๆ แต่เพราะอุทยานนั่งหันหลังให้เขาจึงยังไม่เห็น
เมื่ออยู่กับพ่อแม่ เอมิกาก็เหมือนลูกแหง่ขี้อ้อน ยังเป็นเด็กไม่รู้จักโต ทานอาหารก็ตามสบายจนปากเลอะ อุทยานบ่นอย่างเอ็นดู “จะจบมหาวิทยาลัยปี 4 แล้ว ยังทานเป็นเด็กอยู่อีก” พลางหยิบกระดาษเช็ดให้
วเรศมองเห็นพอดี เขาชะงักกึก ร้อนผ่าวไปทั้งหน้า พึมพำอย่างตกใจ
“ท่านผู้ว่าฯ ชะเอม...” เขาขยี้ตามองอีกครั้งบอกตัวเองว่า “ตาไม่ได้ฝาด...” แต่ยังแอบดูอยู่
เห็นอุทยานตักอาหารให้เอมิกา ส่วนเอมิกาก็จิ้มอาหารป้อนให้ วเรศพึมพำอย่างนึกไม่ถึง ผิดหวังอย่างแรงว่า...
“ที่ไม่ยอมไปบ้านท่านผู้ว่าฯ เพราะแอบนัดเจอกับท่าน???”
ooooooo
รุ่งขึ้น...ทุกคนเตรียมเดินทางกลับ เอมิกาเดินลงมาที่ล็อบบี้โรงแรม มองไปรอบๆ ยังไม่เห็นใครลงมา แต่พอเดินไปไม่กี่ก้าวก็เจอวเรศยืนอยู่ เธอผงะชะงักกึก วเรศเดินมาทักหน้านิ่งสนิทว่า
“เช้านี้หน้าตาสดชื่นดีนะ”
“คุณต้องการจะบอกอะไรรึเปล่า” เอมิกามองอย่างเดาไม่ออกว่าเขาจะมาไม้ไหนกันแน่
วเรศพูดเป็นปริศนาว่า “ฉันไม่อยากพูด เรื่องบางเรื่อง ยิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกแย่ เธอทำอะไรเอาไว้ก็ย่อมรู้อยู่แก่ใจ แต่ทางที่ดี เธอควรจะมีสติ มีจิตสำนึกว่าสิ่งที่กำลังทำมันสมควรหรือไม่”
ยิ่งฟังวเรศพูด เอมิกาก็ยิ่งงง แต่ไม่ทันถามอะไรต่อ ปองเทพกับอรวิลาสก็ลงมาด้วยกัน อรวิลาสเข้าควงแขนวเรศ ชวนออกเดินทางได้แล้ว วเรศยิ้มหวานให้ ควงกันออกไป
เอมิกายืนอึ้งจนปองเทพถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า เธอจึงรู้สึกตัวเดินไปกับเขา แต่ในใจครุ่นคิดสับสนทั้งท่าทีและคำพูดปริศนาของวเรศ พึมพำ “เป็นอะไรของเขา??”
ooooooo
กลับถึงบ้านชื่นฤทัยก็ค่ำแล้ว วเรศไปส่งอรวิลาสที่บ้าน เธอขอบคุณที่มาส่ง ชวนไปเที่ยวกันอีก ตนมีความสุขมาก วเรศปรายตาไปทางเอมิกาแว่บหนึ่งก่อนบอกเธออย่างหวานไม่แพ้กันว่า
“พี่ก็มีความสุขที่ได้ไปกับอรเหมือนกัน...พี่ไปนะ” พูดแล้วไปเลยไม่แม้แต่จะมองเอมิกาที่ยืนอยู่ตรงนั้น
กลับถึงเรือนคนใช้เอมิกาก็ต้องเจอเรื่องปวดหัวอีก นอกจากจุ่นจะสะบัดหน้าใส่แล้ว นากยังเล่าเรื่องที่บรรจงใส่ไฟเธอเรื่องมดแดง นากตั้งข้อสังเกตว่าหรือบรรจงจะเข้ามาในห้องเราก่อนที่จะพามดแดงเข้ามา แต่โชคดีที่ตนเจอบรรจงซ่อนอยู่ใต้เตียงเสียก่อน
ฟังนากเล่าแล้ว เอมิกาทั้งโกรธบรรจงที่ใส่ไฟตนทั้งตกใจไม่รู้ว่าบรรจงเจอไอแพดที่ซ่อนอยู่ใต้เตียงหรือเปล่า ถามว่าแล้วบรรจงได้เอาอะไรออกไปไหม
“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเข้ามาทำไม ส่วนที่ว่ามันเข้ามาเอาอะไร คงไม่ใช่หรอกน้องชะเอม เพราะว่ามันไม่ได้ถืออะไรออกไปนะ”
ฟังแล้วก็โล่งอก แต่ก็อดกังวลไม่ได้
ถึงเวลากินข้าวเย็น บรรจงแสดงปฏิกิริยาต่อต้านเอมิกา บอกสมพิศว่าตนกับจุ่นจะออกไปกินข้างนอกเพราะอยู่ในนี้บรรยากาศไม่ดี แต่พอทั้งสองจะเดินออกไป ถูกเอมิกามายืนขวาง
“อย่าเพิ่งไป เธอโกหกทุกคนทำไมว่าฉันรู้จักกับหัวหน้าวินมอเตอร์ไซค์หน้าปากซอย”
บรรจงหาว่าเอมิกาพยายามโกหกปกปิดเรื่องนี้ เอมิกายืนยันว่าตนไม่รู้จักพี่มดดำมดแดงอะไรนั่นทั้งนั้น สมพิศเตือนว่าโกหกมันบาปนะ จุ่นแทรกขึ้นบ้างว่า “ป้าพูดถูก ยุให้คนรักให้เลิกกันมันก็บาป!!”
ถูกรุมใส่ไคล้เอาขนาดนี้ เอมิกาสุดจะทน ตะโกนใส่ “เลิกปรักปรำฉันสักที!! เอางี้...ฉันจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าฉันไม่ได้โกหก!!!”
เมื่อบรรจงกลับเข้าห้องนอนตัวเอง ก็รีบเอามือถือกดโทร.หามดแดงอย่างตื่นตกใจ
“พี่มดแดง...ฉันบรรจงนะจ๊ะ เกิดเรื่องใหญ่แล้วพี่!!”
ooooooo
เอมิกาพูดจริงทำจริง เธอเรียกบรรจง จุ่น นาก และสมพิศ ไปหามดแดงหัวหน้าวินมอเตอร์ไซค์ด้วยกัน จะได้ถามกันให้รู้ไปเลยว่าใครโกหกกันแน่
ขณะทุกคนเดินออกมาถึงหน้าบ้าน มดแดงก็ขี่มอเตอร์ไซค์มาจอด บรรจงหลิ่วตาไปทางเอมิกา มันมองตะลึงกับความน่ารักของเธอ แล้วตรงรี่เข้าไปหา “น้องชะเอมจ๋า พี่ซื้อโจ๊กเจ้าประจำของน้องชะเอมมาฝากจ้ะ”
เอมิกาไม่ทันตั้งตัว ถอยห่างถามว่า “คุณเป็นใคร รู้จักชื่อฉันได้ยังไง” มดแดงทำเป็นโวยว่าพูดแบบนี้ทำร้ายจิตใจกัน เราเป็นอะไรกันก็รู้อยู่แก่ใจ มันคร่ำครวญความน้อยเนื้อต่ำใจที่เป็นแค่มอเตอร์ไซค์รับจ้างเลยถูกปฏิเสธรัก ร้องห่มร้องไห้แล้ววิ่งเตลิดไปตามแผน
ละครฉากนี้ทำให้สมพิศเชื่อสนิท ตำหนิเอมิกาว่าไม่นึกเลยว่าเธอจะเป็นคนขี้โกหกแบบนี้ เสียแรงที่ไว้ใจ พูดแล้วเดินหนีไป บรรจงรีบตาม จุ่นทะเล่อทะล่าตามไปด้วย เหลือแต่นากที่ยืนมึนอยู่
“พี่นาก...พี่ต้องเชื่อฉันนะ ฉันไม่รู้จักมันจริงๆ”
“ไม่รู้สิน้องชะเอม ครั้งนี้มันทำให้พี่ลังเล” พูดแล้วเดินหนีไป
มดแดงยังซุ่มอยู่แถวนั้นโผล่มาแอบดู เห็นเอมิกายืนอยู่อย่างโดดเดี่ยว ก็ยิ้มพอใจ ฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้อีก...
ooooooo
เมื่อปองเทพรู้เข้าก็ไม่ยอม จะไปเอาเรื่อง เอมิกา ห้ามไว้ เตือนว่าขืนทำอะไรไปเรื่องจะยิ่งไปกันใหญ่ ให้อดทนไว้ เพราะเราไม่ได้ทำงานที่นี่ไปตลอดชีวิต เราเข้ามาหาข้อมูลคนใช้เอาไปเขียนบทละคร เรารีบ ทำงาน ให้เสร็จจะได้ไปจากที่นี่เสียที คิดว่าคงอีกไม่นาน
ปองเทพสงบลง สบายใจขึ้นเมื่อเอมิกาบอกว่าคงอีกไม่นานเราจะไปจากที่นี่
ฝ่ายบรรจงออกไปร้านส้มตำปากซอย ชนแก้วน้ำแข็งเปล่าฉลองกับมดแดง ชมมดแดงว่าเล่นละครได้เก่งที่สุด ทำกระมิดกระเมี้ยนถามว่าอยากได้ค่าตอบแทนอะไร
ผิดคาด! เพราะมดแดงไม่ได้ขออย่างที่บรรจงคิด แต่กลับกระซิบอะไรบางอย่างที่ทำให้บรรจงตกใจตาโตถามว่า
“เอางั้นเลยเหรอพี่...จะดีเหรอ?”
มดแดงบอกว่าเอาแค่พอหอมปากหอมคอเท่านั้น บรรจงรับปากช่วย ก็พอดีมีโทร.เข้ามือถือ มดแดงรับสายแล้วบอกบรรจงว่าต้องไปเก็บค่าคุ้มครองแล้ว
บรรจงตามไปอย่างอยากรู้อยากเห็น มดแดงพาเข้าไปในบ่อนที่มีผู้คนมากมาย บรรจงพูดอย่างตื่นเต้นว่า
“ไม่นึกเลยว่ากลางวันแสกๆจะมีบ่อนด้วย”
มดแดงถามว่าสนใจจะเล่นสักหน่อยไหม บรรจงบอกไม่มีเงิน แต่พอมดแดงบอกว่าเรื่องนั้นตนคุยกับเฮียเจ้าของบ่อนได้ บรรจงก็สนใจขึ้นมา
จนบ่าย ตี๋ใหญ่เจ้าของบ่อนหยิบแบงก์พันให้มดแดงสี่ห้าใบบอกว่าเป็นค่าเสียเวลา ถามมดแดงว่า
“แผนปล้นบ้านคุณนายชื่นฤทัยไปถึงไหนแล้ววะ”
“ทุกอย่างกำลังไปได้ด้วยดีครับ ตอนนี้นังบรรจงมันกำลังติดเบ็ดที่ผมล่อเอาไว้ อีกไม่นานเกินรอครับ”
“ดี...ถ้างานนี้สำเร็จเมื่อไหร่ เรารวยกันเละ” ตี๋ใหญ่ หัวเราะเสียงแหลมแหบพร่าตาหยี มดแดงหัวเราะสอพลอไปด้วย สองคนเลยหัวเราะกันเหมือนคนเสียสติ
กลับถึงบ้านบ่ายนี้ บรรจงเริ่มแผนอุบาทว์ที่รับจากมดแดงมา เข้าครัวแอบเทน้ำมันพืชใส่ถุงทิ้งถังขยะแล้วบอกสมพิศว่าน้ำมันพืชหมด ไม่มีทำกับข้าว สมพิศจึงให้เอมิกาออกไปซื้อ
ooooooo
วเรศคิดหนัก ปักใจเชื่อว่าเอมิกามีอะไรกับผู้ว่าฯอุทยาน เข้าผับกับหมูก็นั่งเหม่อจนหมูถามว่าเป็นอะไร เอาแต่นั่งเงียบจนตนนึกว่านั่งอยู่กับก้อนหิน ถามเพื่อนว่ากลุ้มใจเรื่องอะไรหรือ
วเรศลังเลนิดหนึ่งจึงตัดสินใจบอกว่าเรื่องชะเอม เล่าด้วยสีหน้าเครียดขรึมเศร้าเสียใจว่า
“ฉันเคยสงสัยชะเอมมาก่อนหน้านี้ แต่เขาบอกฉันว่ามันไม่เป็นความจริง ฉันก็เชื่อ จนกระทั่งฉันเห็นกับตาที่เชียงใหม่...ฉันไม่อยากเชื่อ...ไม่อยากเชื่อจริงๆ ทำไมเขาต้องทำแบบนี้ด้วย”
“ตั้ม...คนเรามันคิดไม่เหมือนกัน เขาอาจจะคิดว่านี่เป็นสิ่งที่ถูกต้อง แล้วคนอย่างชะเอม ฉันว่ามันก็ไม่แปลก ถ้าเขาจะเลือกทางนั้น”
“แต่มันไม่ถูกต้อง แกก็รู้”
“แล้วแกจะทำยังไง? ชีวิตใครชีวิตมัน เราไปบงการชีวิตใครไม่ได้หรอก”
แต่วเรศก็ยังคิดไม่ตก จนต่อมา เขาตัดสินใจกับตัวเองว่า
“ยังไงเราก็ต้องเตือนสติชะเอม ไม่ให้ทำแบบนี้ เราต้องไม่ให้ชะเอมทำผิดอีกต่อไป”
ooooooo
ขณะเอมิกาถือขวดน้ำมันพืชกลับบ้านมานั้น วเรศโทร.เข้ามือถือเธอ พอเห็นชื่อเขาเธอไม่รับ เดินต่อไปโดยไม่รู้เลยว่าอันตรายรออยู่ข้างหน้า
มดแดงกับลูกน้องมาดักอยู่ พอเอมิกาเดินไปถึงมันออกจากที่ซุ่มเดินตามไป เอมิกาได้ยินเสียงฝีเท้า เธอตกใจวิ่งหนี แต่ถูกลูกน้องมดแดงวิ่งไล่แซงซ้ายแซงขวาดักไว้หมด
เอมิการู้ถึงเจตนาร้ายของมดแดง บอกมันว่าตนเป็นกะเทย มันก้าวเข้าคุกคามขอพิสูจน์ พวกมันกรูกันเข้ามา เอมิกามุดหลบออกไปได้ วิ่งหนีสุดชีวิต มดแดงสั่งลูกน้อง “ตามมันไป!!”
เอมิกาวิ่งหนีแต่ในที่สุดก็หนีมันไม่พ้น ถูกลูกน้องมดแดงรุมจับตัวไว้ เธอยกมือไหว้ขอร้องอย่าทำอะไรตนเลย
“โว้ยยยย!! เลิกพล่ามเสียที ฉันไม่ฆ่าแกหรอก” มดแดงตวาดอย่างรำคาญ แล้วพวกมันก็พากันลากเธอลงไปในพงหญ้า เอมิกาดิ้นสุดชีวิตคิดว่าตนคงไม่รอดแน่แล้ว...
วเรศใจไม่ดีที่เอมิกาไม่รับสาย เขาเร่งรถเร็วขึ้นอย่างร้อนใจ
พวกมดแดงกำลังลากเอมิกาเข้าข้างทาง แสงไฟหน้ารถของวเรศสาดมา พริบตานั้น วเรศลงจากรถเข้าเล่นงานพวกมัน ซัดลูกน้องมดแดงหมอบไป มดแดงชักมีดออกมาแต่ทำอะไรวเรศไม่ได้ เขาหลบหลีกอย่างคล่องแคล่ว จนมดแดงเห็นท่าไม่ดีตะโกน “เฮ้ย!! พวกเราหนี!!!”
แต่ก่อนหนีไป มดแดงวิ่งไปเอากุญแจรถที่เสียบอยู่ขว้างทิ้งไปในพงหญ้า วเรศหัวเสีย แต่พอนึกขึ้นได้ก็รีบไปหาเอมิกาที่ยืนตกใจตัวสั่นอยู่ เขาดึงเธอเข้าไปกอดแน่นอย่างปกป้องห่วงใย เอมิกาอึ้งงัน ปล่อยให้เขากอดอยู่อย่างนั้น...
ooooooo
เมื่อหายตกใจและตั้งสติกันได้แล้ว วเรศพาเธอไปที่รถ หยิบกล่องยามาทำแผลให้
“ขอโทษนะคะที่ทำให้คุณเจ็บตัว” เอมิกาเอ่ยอย่างรู้สึกผิด
“จะขอโทษฉันทำไม? เจ็บแค่นี้ฉันทนได้ แต่ถ้าเธอเป็นอะไร ฉันจะทนได้ยังไง?”
เอมิกาอึ้งกับคำพูดในภาวะคับขันที่ไร้การปรุงแต่ง แต่พอวเรศรู้ตัวเขารีบเปลี่ยนเรื่อง บอกว่าเธอเองก็เจ็บเหมือนกัน
เมื่อเขาเอาแอลกอฮอล์เทใส่สำลีล้างแผลให้ เธอแสบจนร้องจ๊าก เขาชะงักมองหน้าแล้วพูดขำๆ
“ร้องอย่างกับถูกเชือด”
“ก็มันแสบนี่คะ” เธอทำเสียงงอนๆแล้วก็ตกใจเมื่อเขาคุกเข่าลงตรงหน้าลงมือทำแผลให้อย่างเบามือ ต่างใกล้ชิดกันมาก พอรู้สึกตัวก็ตกใจผละห่างออกมา เมื่อทำแผลเสร็จ วเรศรีบลุกขึ้นยืนบอกเธอเก้อๆเขินๆว่า
“เออ...เราคงต้องเดินกลับบ้าน เพราะไอ้บ้านั่นมันโยนกุญแจรถฉันทิ้งไปไหนแล้วก็ไม่รู้
พอลุกขึ้น เอมิกาเซเพราะเจ็บเข่า วเรศรีบประคองไว้ ทำให้เธอเขินจนลืมเจ็บ รีบบอกเขาว่าตนเดินไหว แต่พอก้าวเดินก็ทรงตัวไม่อยู่ วเรศรีบกอดเอวเธอไว้ บ่นงึมงำ...
“เห็นอยู่ว่าไม่ไหว ยังจะปากแข็งอีก...เอางี้...” วเรศตัดสินใจให้เธอขี่หลังไป
แม้จะเขินมากแต่ก็ไม่มีทางเลือก ได้แต่ถามเขาอย่างเป็นว่าหนักไหม เขาแกล้งบอกว่า “มากกกกก” แล้วหัวเราะขำๆ
ต่างเงียบไปครู่ใหญ่ วเรศถามว่าเธอไม่ไปแจ้งความหรือ เธอคิดในใจว่าขืนแจ้งความก็ต้องลงบันทึกประจำวันต้องขอดูบัตรประชาชน มีหวังความแตกแน่ เธอตอบไปอย่างมั่นใจว่า “ค่ะ...ฉันไม่อยากยุ่งยาก”
“เกิดพวกมันย้อนกลับมาทำร้ายเธออีก จะทำยังไง?”
“ฉันก็จะไม่ออกมาคนเดียว ถ้าต้องไปไหนฉันก็จะหาคนมาเป็นเพื่อน”
“รับปากฉันว่าเธอจะทำอย่างที่พูด ฉันเป็นห่วงเธอมากนะชะเอม” เอมิกาผงะอึ้ง ส่วนวเรศพอรู้ตัวว่า หลุดอีกแล้วรีบแก้ว่า “ห่วงว่าถ้าเกิดเธอเป็นอะไรขึ้นมา จะเดือดร้อนคนอื่นเขา เข้าใจไหม”
“ค่ะ” เอมิกาตอบเซ็งๆ
ส่วนวเรศก็พ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่กลับลำได้ทัน
ooooooo
เมื่อพากันกลับถึงบ้าน เอมิกานั่งอย่างอ่อนเพลีย มีวเรศ ชื่นฤทัย สมพิศ นาก จุ่น และบรรจงอยู่กันพร้อมหน้า บรรจงผิดหวังอย่างมากที่เอมิกาไม่เป็นอะไร แต่เก็บความรู้สึกไว้
“โชคดีนะที่เธอกลับมาครบ 32” ชื่นฤทัยเอ่ยขึ้นอย่างโล่งอก
“เมื่อก่อน แถวบ้านเราไม่เคยมีโจรผู้ร้ายเลยนะคะ คุณชื่น สมัยนี้คนมันใจโฉดขึ้นมากจริงๆ เอ็งว่าไหม” สมพิศปรายตาไปทางบรรจง
“เออ...ใช่ป้า...มันเลวจริงๆ” บรรจงผสมโรงทั้งที่เจ็บใจที่โดนด่า เอมิกาเหลือบมองบรรจงอย่างสงสัย
“ต่อไปนี้ ถ้าทุกคนจะไปไหนมาไหน ก็ระวังตัวกันหน่อย ลองมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมาได้ครั้งหนึ่ง ก็อาจจะมีครั้งที่สองครั้งที่สามตามมา ถ้ายังไงผมจะขอให้ตำรวจช่วยมาตรวจดู” วเรศเสนอ
“ขอบใจมากนะหลานตั้ม” ชื่นฤทัยเอ่ย
วเรศมองเอมิกาอย่างเป็นห่วง ส่วนเธอมองเขาด้วยความรู้สึกขอบคุณ...
ooooooo
นากประคองเอมิกากลับมาที่ห้องนอน บอกอย่างเป็นห่วงให้ค่อยๆนั่ง เธอมองหน้าถามเบาๆ
“พี่นากหายเคืองฉันแล้วเหรอ?”
“พอพี่รู้ว่าน้องชะเอมเจออะไรมา พี่ก็เลยรู้ว่าไม่ควรเชื่อนังจงมันเลย”
“ทำไม”
“ป้าพิศเล่าว่านังจงมันฟ้องคุณชื่นว่า ที่น้องชะเอมออกไปนานเป็นชั่วโมงเพราะนัดเจอกับไอ้มดแดงหัวหน้าวิน แต่มันกลับไม่ใช่แบบนั้น”
“พี่นาก...ฉันไม่รู้จักคนชื่อมดแดงจริงๆ ฉันว่าคนที่รู้จักคือบรรจงต่างหาก และมันก็น่าสงสัยมากด้วยว่า ทำไมบรรจงต้องบอกว่าเป็นฉัน และที่ฉันโดนเล่นงานหนักขนาดนี้ อาจเป็นฝีมือของบรรจงด้วยก็ได้ ฉันจะไม่ยอมอยู่เฉยๆให้โดนรังแกฝ่ายเดียวอีกแล้ว ฉันต้องพิสูจน์ให้ทุกคนเห็น เพื่อที่ฉันจะได้พ้นมลทิน”
“ถ้าอย่างนั้น พี่จะขอช่วยน้องชะเอมอีกคน” นากพูดหนักแน่น จริงใจ เอมิกาพยักหน้ายืนยันว่าตนเอาจริง!
ooooooo
คืนนี้ วเรศนอนไม่หลับ จิตใจว้าวุ่น ความคิดสับสน เรื่องราวเกี่ยวกับเอมิกาวนเวียนอยู่ในความนึกคิด...
ภาพที่เห็นเอมิกากับอุทยานป้อนอาหารกัน...ภาพที่ตนช่วยเอมิกาจากมดแดง...ความรู้สึกขณะกอดเธอแนบอก ตลอดจนความใกล้ชิดขณะทำแผลให้ และสัมผัสแนบชิด ขณะให้เธอขี่หลังกลับบ้าน...
แต่ความรู้สึกดีๆเหล่านั้นต้องสะดุดไปทันที เมื่อนึกถึงวิยะดาผู้เป็นแม่ที่พูดทิ้งไว้ครั้งสุดท้ายว่า
“...แม่อยากให้ลูกจำไว้เสมอว่า ครอบครัวเราเป็นใคร และลูกเป็นใคร ถึงแม่จะไม่บังคับลูกเรื่องการเลือกคู่ชีวิต แต่ลูกต้องเลือกให้เหมาะสม”
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีคำพูดของหมู กูรูผู้หญิงและความรัก ที่พูดถึงเรื่องเอมิกากับอุทยานที่ตนเล่าให้ฟังว่า
“ตั้ม...คนเรามันคิดไม่เหมือนกัน เขาอาจจะคิดว่านี่เป็นสิ่งที่ถูกต้อง แล้วคนอย่างชะเอม ฉันว่ามันก็ไม่แปลก ถ้าเขาจะเลือกทางนั้น” เมื่อเขาติงว่ามันไม่ถูกต้อง หมูย้อนถามว่า “แล้วแกจะทำยังไง? ชีวิตใคร ชีวิตมัน เราไปบงการชีวิตใครไม่ได้หรอก”
ยิ่งคิดทบทวน ความคิดก็ยิ่งสับสน ลังเล กลัดกลุ้ม ไม่รู้จะทำอย่างไรดี...
ooooooo
วันนี้บรรจงจะออกข้างนอก บอกจุ่นว่าจะไปซื้อของ จุ่นจัดแจงจะไปเป็นเพื่อน บรรจงแว้ดใส่ว่าไม่ได้
“น้องจงจำไม่ได้เหรอว่า คุณตั้มสั่งไม่ให้เราไปไหนมาไหนคนเดียว มันอันตราย”
“ฉันไม่โดนอะไรหรอก มันยังเป็นกลางวันแสกๆ ไม่มีใครกล้าทำอะไรหรอก แล้วอีกอย่าง ถ้าพี่ไปกับฉันแล้วใครจะช่วยป้าพิศทำงาน มีหวังแกบ่นจนฉันหูชา ฉันขี้เกียจฟัง ฉันไปล่ะ”
บรรจงรวบรัดตัดบทแล้วเดินไปเลย จุ่นเกาหัวแกรกๆ ยังงงๆมึนๆ แล้วหันเดินกลับไป
เอมิกากับนากโผล่จากที่ซ่อน มองตามบรรจงแล้วมองหน้ากัน
ทั้งสองสะกดรอยตามบรรจงไป เอมิกาแต่งตัวเป็นผู้ชาย ใส่หมวก ใส่แว่นดำ ส่วนนากแต่งเป็นผู้หญิงคาดผม นุ่งกระโปรงยาว แอบตามบรรจงไปห่างๆ
มีมอเตอร์ไซค์รับจ้างผ่านมา บรรจงโบกรถไป นากถามเอมิกาว่าเอาไงดี พอดีมีมอเตอร์ไซค์รับจ้างอีกคันผ่านมา เอมิกาโบกถามคนขับว่า “ซ้อนสามได้ไหมเพ่”
พอคนขับบอกว่าได้ นากขึ้นนั่งก่อนแต่หันหลังให้คนขับ บอกเอมิกาว่ากลัวนมติดหลังเดี๋ยวจะเสียสาว เลยกลายเป็นเอมิกากับนากนั่งหันหน้าเข้าหากัน
“ตามคันหน้าไปเลยเพ่” เอมิกาสั่งกลัวจะหลุดจากบรรจง
แต่พอไปถึงตรอกเข้าบ่อน บรรจงลงจากรถหายไปในพริบตา เอมิกากับนากมองอย่างไม่เชื่อว่าบรรจงจะหายไปไหนได้เร็วขนาดนี้ เหลือบเห็นประตูทางเข้าบ่อน เอมิกาถามว่าหรือบรรจงจะเข้าไปในบ้านหลังนี้
“บ้านใครล่ะ?” นากถาม แล้วทั้งสองก็ได้แต่มองหน้ากันงงๆ
ooooooo










