ตอนที่ 10
กลับมาถึงเรือนคนใช้ เอมิการีบเอาไอแพดห่อในผ้าเข้าห้องน้ำนั่งโถส้วม บ่นอย่างคิดไม่ตก
“จะให้เราเป็นแม่สื่อให้คุณอรกับคุณตั้มเนี่ยนะ?” คิดแล้วกลุ้ม เอาไอแพดในห่อผ้าออกมาพูดไปพิมพ์ไป...
“บทละครโทรทัศน์เรื่อง “ปัญญาชนก้นครัว” เป็นเรื่องราวของนักศึกษาคนหนึ่ง ที่ปลอมตัวเข้ามาเป็นคนใช้ แต่ดันไปตกหลุมรักกับลูกชายของเจ้านาย จนเกิดเป็นปัญหาระหว่างชนชั้น เพราะลูกเจ้านายคิดว่าเธอเป็นคนใช้ เธอจึงโดนกลั่นแกล้งสารพัด และโดนกีดกันจากคนรอบข้าง...”
เมื่อความคิดตกผลึก เอมิกาเริ่มแต่งเรื่อง “ปัญญาชนก้นครัว” เพื่อนำไปเสนอ ดร.เพี้ยน สองวันต่อมา ไอแพดที่เรียบเรียงเรื่องไว้เสร็จแล้ว ก็ถูกนำไปเสนอ ดร.เพี้ยนที่มหาวิทยาลัย
ดร.เพี้ยนอ่านเรื่องจากไอแพด สีหน้าเต็มไปด้วยอารมณ์ตามเนื้อเรื่อง เอมิกานั่งลุ้นอยู่ เมื่ออาจารย์อ่านจบ เธอถามใจคอไม่ดีว่า “ไม่สนุกเหรอคะด็อกเตอร์”
“มันยอดมากแม่ชะเอม นี่แหละคือ Soap opera นิยายน้ำเน่าที่ Toching คนดู มันเป็น High concept เป็นเรื่องที่เข้าใจง่าย มีตัวอิจฉาที่ร้ายกาจ มีพระเอกที่หน้าโง่ มีนางเอกที่แสนดี และแวดล้อมไปด้วยตัวตลกที่ชอบติฉินนินทา มันคือละครพาณิชย์ที่ไม่ว่าจะออกมากี่ครั้ง คนก็จะชอบ”
เอมิกาดีใจสุดๆ ฟังอาจารย์นิ่งงันเหมือนตกอยู่ในภวังค์
“แต่สำหรับเรื่องนี้ มันแตกต่างจากเรื่องอื่นตรงที่มันสอดแทรกความมีสาระไว้ได้อย่างลงตัว ไม่ดูประดักประเดิด ไม่ใช่ละครที่ดูสนุกไปวันๆ เอาล่ะชะเอม เธอก้าวข้ามความยากขั้นแรกมาได้แล้ว คราวนี้ก็เหลือความยากขั้นต่อไป”
“อะไรคะด็อกเตอร์”
“เธอต้องคิดวิธีการนำเสนอ ทำยังไงให้มันน่าสนใจ โดยเฉพาะการเปิดเรื่องในหนึ่งนาทีแรก เธอต้องเอาคนดูให้อยู่หมัด ฉันขอแสดงความยินดีกับเธอด้วยจริงๆ ในที่สุดเธอก็สามารถหาแก่นของเรื่องและตีความมันออกมาเป็นภาพได้ นั่นแสดงว่าเธอเริ่มเข้าใจชีวิตมากขึ้นแล้ว”
เอมิกายิ้มเต็มหน้าอย่างมีความสุขมาก...
ooooooo
เป็นเวลาเดียวกับที่วเรศไปที่บ้านเพื่อรับเธอไปหาหมอ พอรู้จากนากว่า เอมิกาออกไปตั้งแต่เช้าแล้ว เขาถามว่าจะรีบไปไหน หมอนัดไว้ตั้งสิบโมง
ไม่ใช่เหรอ แต่พอฉุกคิดอะไรได้ก็รีบออกไป
ที่โรงพยาบาล...เอมิกากำลังจะจ่ายเงินที่แผนกการเงิน ก็มีมือหนึ่งยื่นเงินไปให้บอก “เอาเงินนี่ครับ”
“คุณตั้ม!” เอมิกาตกใจ
เธอจะเอาเงินคืนให้ เขาไม่ยอมรับ ทั้งยังจะไปส่งที่บ้านด้วย พอเธอปฏิเสธ เขาเสียงดังใส่จนเธอสะดุ้ง
“เลิกปฏิเสธฉันเสียที ฉันต้องไปหาคุณอาพีอยู่แล้ว ยังไงเราก็ต้องไปทางเดียวกัน จะเสียค่ารถทำไม” เธอบอกว่าไม่อยากให้ใครเข้าใจผิด เขาเสียงเข้มประชด “ถ้าหมายถึงแฟนเธอ ฉันจะอธิบายให้เขาฟังเอง เอาเบอร์นายป่องมาสิ ฉันจะโทร.บอกเขาตอนนี้เลย”
เธอบอกว่าไม่ต้องแต่ยังยืนเฉย เขาสั่งว่าถ้าไม่ต้องก็รีบไป ไม่งั้นจะอุ้มออกไปเลย เธอรีบตกลง แล้วเดินตามเขาไป
ระหว่างนั่งมาในรถ เอมิกาเอากระเป๋าผ้าที่สะพายวางที่พื้นรถ เมินหน้าไปนอกหน้าต่าง บรรยากาศเงียบจนอึดอัด วเรศจึงเปิดเพลงรักหวาน ที่เนื้อร้องต้องใจจนหันมองกันแล้วต่างนิ่งอึ้ง เขาเปลี่ยนเพลงใหม่ แต่ฟังแล้วยิ่งหวั่นไหว เขาบ่นเขินๆว่า “ไม่มีเพลงไหนน่าฟังเลย ปิดดีกว่า” พอปิดเพลง ต่างก็แอบถอนใจกับความรู้สึกหวั่นไหวของตัวเอง
พอรถมาถึงหน้าบ้าน เอมิการีบขอบคุณแล้วลงจากรถเดินอ้าวไปเลย วเรศเห็นกระเป๋าเธอวางที่พื้นหยิบขึ้นมาร้องเรียกแต่ไม่ทันแล้ว
ส่วนเอมิกา เดินจ้ำเข้าบ้านไปใจเต้นไม่เป็นส่ำ พอนึกได้ว่าลืมกระเป๋าไว้ในรถก็ตกใจแทบสิ้นสติ วิ่งตะบึงไปทันที ปรากฏว่าไม่เห็นรถเขาแล้ว เธอแทบจะเข่าอ่อนอยู่ตรงนั้น...
กลับถึงเรือนคนใช้ก็โทร.เข้ามือถือเขา โทร.อยู่หลายครั้งเขาไม่รับสาย แต่พอรับสายก็ทักทายเสียงเย็นชา พอถูกต่อว่าที่ไม่รับสายเขาอ้างว่าไม่ได้ยิน ถามว่ามีอะไรหรือ
“ฉันลืมกระเป๋าไว้ที่รถคุณ”
“ฉันเห็นแล้ว ฉันไม่มีเวลาเอากลับไปให้ ถ้าไงเธอมาเอากระเป๋าที่คอนโดฉันได้ไหม” พอเธอบอกว่าได้เขาตัดสายทันที แล้วไปนั่งเปิดไอแพดที่โซฟา ปรากฏรายชื่อคนในบ้านชื่นฤทัยทั้งยังกำกับไว้หมดทุกคนว่าใครเป็นใคร
ในไอแพด...เธอบรรยายกิจวัตรประจำวันของชื่นฤทัย นับแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์ เวลาออกจากบ้านและเข้าบ้าน กระทั่งเวลาเข้านอน เล่ากิจกรรมที่คนในบ้านทำร่วมกันมีเพียงสองเวลาคือเวลาอาหารเช้าและอาหารเย็นในบางวัน จากนั้นก็เข้าห้องใครห้องมัน บรรยายละเอียดว่า
“พอพ้นเวลาสามทุ่ม บ้านหลังใหญ่นี้จึงเหมือน บ้านร้าง ที่ไร้เงาผู้คน แม้กระทั่งคนใช้เองก็ไม่ต่างจากเจ้านาย”
วเรศอึ้งไปกับรายละเอียดการเคลื่อนไหวในบ้านที่บรรยายอย่างละเอียดเกินความจำเป็นของคนใช้ เขาอ่านต่ออย่างติดใจสงสัย...
“บ้านหลังนี้มี 4 ห้องนอน ห้องที่ใหญ่ที่สุดคือห้องของคุณชื่น ซึ่งเต็มไปด้วยข้าวของและสมบัติมากมาย มีตู้เซฟขนาดใหญ่ตั้งอยู่ในห้องคุณชื่นชอบแต่งตัว ชอบออก งานสังคม จึงมักเก็บเครื่องเพชร เครื่องประดับทุกอย่างไว้ในบ้าน”
ยิ่งอ่านบันทึกไอแพด วเรศก็ยิ่งสงสัยพฤติกรรมของเอมิกามากขึ้น...มากขึ้น!
ooooooo
ไม่นาน เอมิกาก็มาถึงคอนโด วเรศยื่นกระเป๋าคืนให้ เธอดีใจมาก แต่พอรับไปก็ใจหายวาบ บอกหน้าตาตื่นว่าของตนหาย วเรศถามว่าไอแพดหรือเปล่า ทำเอาเธอใจหายหน้าเสีย เขามีข้อแม้ว่า
“ถ้าเธอตอบคำถามฉันได้ ฉันจะคืนให้เธอ...ทำไมเธอถึงมีรายชื่อทุกคนในบ้านรวมทั้งกิจวัตรประจำวันของทุกคน”
เอมิกาตกใจ ชี้แจงว่าตนไม่ได้มีเจตนาไม่ดีกับใคร วเรศจี้ให้เธอตอบให้ตรงคำถาม ไม่อย่างนั้นจะบอกคุณอาชื่น เธอลนลานอ้อนวอนไม่ให้บอกคุณชื่น ครั้นเขาให้เธอบอกจุดประสงค์มา เธอหน้าซีดเผือดบอกว่าตนไม่รู้จะพูดยังไง
“งั้นเริ่มจากง่ายๆ เธอเป็นใครกันแน่ชะเอม!! เธอเป็นโจร เป็นขโมย เป็นอะไรกันแน่ หรือว่าจริงๆแล้วเธอใช้อาชีพคนใช้บังหน้าเพื่อทำงานไซต์ไลน์เหมือนอย่างที่เธอเคยใช้ได้ผลมาแล้วตอนที่เธออยู่กับท่านผู้ว่าฯ อุทยาน แต่เพราะท่านผู้ว่าฯให้เธอไม่ได้ตามที่เธอต้องการ เธอก็เลยหนีท่านมา แล้วก็มาหาเหยื่อรายใหม่ที่นี่”
ความสงสัยและข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงของวเรศ ทำให้เอมิกาโกรธจนลืมตัว เมื่อปฏิเสธเรื่องผู้ว่าฯอุทยานอย่างไรเขาก็ไม่เชื่อ เธอเลยโพล่งออกไปว่า “ท่านผู้ว่าฯอุทยานเป็นพ่อของฉัน!!!”
แทนที่จะเป็นผลดี กลับถูกเขาเยาะเย้ยว่า เก๋ดีนี่บางคนเขาเรียก “อา” บางคนเขาเรียก “ป๋า” แต่เธอเรียก “พ่อ”
“คุณดูถูกฉันมากเกินไปแล้ว! ตลอดเวลาที่ผ่านมา คุณไม่เคยไว้ใจฉันเลยใช่ไหม”
“ฉันเคยไว้ใจและเชื่อใจ แต่สิ่งที่เธอทำ มันทำให้ฉันต้องคิดใหม่”
“แสดงว่าคุณมองฉันแค่เปลือกนอกมาตลอด คุณไม่เคยคิดที่จะทำความรู้จักกับฉันจริงๆเลย เอาเถอะ คุณจะคิดว่าฉันเป็นอะไรก็ตามใจ เพราะฉันเองก็ชักจะตอบไม่ถูกแล้วเหมือนกัน มิน่าล่ะ ทำไมคนเราถึงต้องโกหก เพราะพูดความจริงไปก็ไม่มีใครเชื่อ” เธอยื่นมือออกไปจ้องหน้าเขาพูดเสียงแข็ง “ขอไอแพดฉันคืนมาได้แล้ว”
วเรศไม่ยอมคืนจนกว่าเธอพร้อมจะพูดความจริงเมื่อไรให้มาหาแล้วตนจะคืนให้ พูดกึ่งปรามกึ่งขู่ว่า
“ฉันไม่รู้หรอกนะชะเอมว่าเธอกำลังจะทำอะไร ถ้าเธอเริ่มจะคิดหรือจะทำอะไรที่ไม่ดี เธอรีบลาออกไปดีกว่า ฉันไม่อยากให้คนที่ “ฉันรัก” ในบ้านหลังนี้ต้องเดือดร้อนที่มีคนใช้ที่ไว้ใจไม่ได้อย่างเธอ!!”
กลับถึงบ้านเหมือนคนใจไม่อยู่กับตัว เอมิกานัดพบปองเทพเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เขาฟัง บอกเขาอย่างตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่า ข้อมูลเก็บมาได้เกือบหมดแล้ว ตนไม่อยากโกหกทุกคน คืนนี้ตนจะออกจากบ้านนี้ไปอยู่กับนงลักษณ์ ส่วนเขาให้อยู่ที่นี่ไปก่อน รอจังหวะดีๆค่อยลาออก เพราะถ้าเราหายไปพร้อมกันมันจะน่าสงสัย
ปองเทพฟังแล้วแทบช็อก ส่วนเอมิกายิ่งคิดก็ยิ่งว้าวุ่นกลุ้มใจมาก
ooooooo
บรรจงโทร.นัดมดแดงคืนนี้ตีสองจะเปิดประตูหลังให้เข้ามาขโมยของ เป็นเวลาที่เอมิกาหิ้วกระเป๋าย่องออกจากบ้านพอดี แต่คลาดกันเพราะพอเธอออกไปเรียกแท็กซี่ บรรจงจึงมาเปิดประตูหลังให้มดแดง
เปิดประตูให้มดแดงแล้วบรรจงจะหลบไป มดแดงขู่ว่าจะไม่ให้ส่วนแบ่ง สั่งให้ไปคอยดูต้นทาง บรรจงจำต้องไป
คืนนี้ชื่นฤทัยเมาหลับอยู่บนโซฟาในห้องคารา– โอเกะ พวกมดแดงเดินผ่านไปไม่เห็น จนตีสองกว่าพีรพลลงมาดู บรรจงตกใจมากรีบย่องหนีไป พีรพลเดินมาเปิดไฟในห้องคาราโอเกะ เจอลูกน้องมดแดงสองคนกำลังยกเครื่องเสียงออกไป พีรพลตกใจตะโกน “เฮ้ย!! ขะ...ขะ...ขโมย” ทำให้ชื่นฤทัยตื่น พอเห็นขโมยก็แผดเสียง “อ๊ายยยยย!!”
มดแดงกับลูกน้องสองคนตกใจรีบวางของแล้วมาล็อกคอทั้งสองจับมัดมือมัดปากให้นั่งที่พื้น
จุ่นลุกมาฉี่กลางดึก ได้ยินเสียงก็นึกว่าผี รีบรูดซิปจะหนี เจอบรรจงเข้าพอดี นากได้ยินเสียงร้องลุกขึ้นมาดูเห็นจุ่นกับบรรจงยืนอยู่ด้วยกัน วิ่งออกมาถามว่าได้ยินเสียงอะไรไหม นากชวนเข้าไปดูกันดีกว่า บรรจงพยายามพูดไม่ให้เข้าไป อ้างว่าป่านนี้คุณๆหลับกันหมดแล้ว
“ถึงอย่างนั้นก็ต้องเข้าไปดู เกิดมีอะไรขึ้นมา จะได้ช่วยกัน ฉันไปปลุกป้าสมพิศก่อน” ว่าแล้ววิ่งไปเลย
พีรพลกับชื่นฤทัยถูกจับมัดแขนมัดปากอยู่ที่พื้น อรวิลาสกับหนูอ้อยถูกคุมตัวมามัดมือมัดปากกองไว้รวมกัน แล้วมันก็เอาแผนผังบ้านออกมาดู บอกลูกน้องว่า “ข้างบนมีสี่ห้องนอน” แล้วรีบขึ้นไป พวกพีรพลแปลกใจที่มันมีแผนผังบ้าน
นากพาสมพิศ จุ่น และบรรจงจะไปที่บ้าน บรรจงตกใจแกล้งจามเสียงดังส่งสัญญาณให้มดแดง อึดใจเดียวลูกน้องมดแดงคนหนึ่งก็มาจับพวกนากมัดมือมัดปากเอาไปรวมกับพวกพีรพล
มดแดงกับลูกน้องอีกคนช่วยกันหิ้วกระเป๋าใบโตที่ใส่แก้วแหวนเงินทองลงมา ชื่นฤทัยดิ้นรนส่งเสียงอู้อี้ๆ มดแดงสั่งลูกน้องให้แกะผ้าผูกปากออกดูว่าเธอจะพูดอะไร พอแกะผ้าออกเท่านั้น ชื่นฤทัยก็ด่าไฟแลบ มดแดงเงื้อมือจะเข้าไปตบ ก็พอดีพีรพลแกะเชือกที่มัดมือตัวเองออกได้ เขาลุกพรวดไปยืนปกป้องลูกเมียแบบยอมเอาชีวิตเข้าแลก
พีรพลต่อยมดแดงจนมันเซ มันต่อยคืนจนพีรพลล้มแล้วตามไปเหยียบอกเขา ชักมีดออกมาจะแทง บรรจงตกใจมองพีรพลอย่างรู้สึกผิด ชื่นฤทัยตกใจสุดขีดตะโกน “แกอย่าทำอะไรเขา!!” มันขู่ให้เงียบไม่อย่างนั้นจะส่งอรวิลาสไปขายซ่อง!
“อย่าทำอะไรลูกผมเลย คุณอยากกระทืบ อยากต่อย อยากเตะผมอีกก็ได้ แต่ได้โปรดอย่าทำร้ายครอบครัวผมและคนของผม” พีรพลขอมันทั้งที่ตัวเองถูกเหยียบยอดอกมีมีดจ่อคออยู่
มดแดงยอมเอาเท้าออก เก็บมีด และมัดมือมัดปากเขาไว้ตามเดิม บรรจงดูอยู่ด้วยความรู้สึกผิดมากขึ้นทุกที...
ooooooo
เมื่อตำรวจมาดู ไม่พบรอยนิ้วมือคนร้ายเลยแต่จะตรวจสอบคดีที่คล้ายคลึงกันเผื่อจะได้เอามาเชื่อมโยง
เหตุการณ์ครั้งนี้แม้จะเสียทรัพย์สินและตกใจกันมาก แต่สิ่งหนึ่งที่ได้มาเป็นสิ่งล้ำค่าที่เทียบไม่ได้เลยกับทรัพย์สินที่เสียไป คือความรักความเข้าใจกันของคนในครอบครัว
ชื่นฤทัยกับอรวิลาสต่างซาบซึ้งใจที่ในยามคับขัน พีรพลเอาชีวิตเข้าปกป้องครอบครัวอย่างไม่กลัวอันตราย ชื่นฤทัยพูดอย่างสะเทือนใจว่า “คุณเหมาะสมที่จะเป็น หัวหน้าครอบครัว” ส่วนอรวิลาส ก็กราบขอโทษที่ตลอดมาตนไม่เคยให้ความเคารพเขาทั้งที่เขามีศักดิ์เป็นพ่อ
“อาไม่เคยโกรธอร เราเป็นครอบครัวเดียวกัน และอาก็มีหน้าที่ปกป้องครอบครัวของอาอยู่แล้ว”
พีรพล ชื่นฤทัย อรวิลาส และหนูอ้อย กอดกันด้วยความรัก ความเข้าใจกัน ท่ามกลางรอยยิ้มด้วยความชื่นชมของบรรดาคนใช้ในบ้าน
พลันวเรศก็นึกได้ถามว่าแล้วชะเอมหายไปไหน นากรีบกลับไปที่ห้อง บอกทุกคนอย่างตระหนกว่าชะเอมขนของไปหมดแล้ว! บรรจงได้ทีใส่ไฟทันทีว่าเอมิกาอาจเป็นสายให้โจรก็ได้ ชื่นฤทัยนึกขึ้นได้ บอกวเรศว่าตนเห็นโจรเอาแผนผังบ้านออกมาดู บรรจงโพล่งไปทันทีว่า “แบบนี้ชะเอมต้องเป็นสายโจรแน่ๆเลยค่ะ”
อรวิลาสเสนอให้เรียกปองเทพมาถาม ปองเทพถูกวเรศและพีรพลซักถาม ก็ยิ่งตื่นเต้น พูดอึกอักตะกุกตะกักมีพิรุธมากมาย ปองเทพปฏิเสธไม่รู้ไม่เห็นเรื่องเอมิกาหายไป แต่ยืนยันว่าเธอไม่ได้เป็นสายโจร
“ของแบบนี้มันต้องดูกันที่หลักฐาน แค่คำพูดมันจะน่าเชื่อได้ยังไง เอาล่ะ เธอกลับไปได้แล้ว” ชื่นฤทัยตัดบท
พีรพลจะแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน วเรศอาสาจะไปจัดการให้เอง แล้วรีบลากลับ
ปองเทพกลัวว่าขืนอยู่ต่อไปต้องหลุดความลับของเอมิกาออกไปแน่ พอดีคุณแป๊ะไปญี่ปุ่นเลยเก็บของหนีออกจากบ้าน
โชคไม่ดี! วเรศเห็นปองเทพถือกระเป๋าลุกลี้ลุกลนออกไปก็สงสัยว่าจะไปหาเอมิกา จึงสะกดรอยตามไป
ปองเทพไปที่บ้านนงลักษณ์ รู้จาก รปภ.ว่านงลักษณ์ออกไปกับเอมิกานานแล้ว เขาจึงขอเข้าไปนั่งคอยเธอข้างใน แต่ยังไม่ทันเข้าก็ถูกวเรศเรียกไว้ ถามว่ามาทำอะไรที่นี่! มาหาชะเอมใช่ไหม! ปองเทพแทบหัวใจวาย วเรศเสียงดังใส่
“นายป่อง!! ถ้านายไม่รีบบอกว่าชะเอมอยู่ไหน คนจะยิ่งสงสัยว่าชะเอมเป็นสายโจร ถ้าปล่อยให้เวลาผ่านไปเนิ่นนานกว่านี้ ฉันก็จะช่วยอะไรไม่ได้ ชะเอมอยู่ไหน!!”
ปองเทพใจเสาะ ถูกขู่หนักเข้าก็โทร.เข้ามือถือเอมิกา พอเธอรับสายก็ถามหน้าซีดเซียว
“เอมอยู่ไหน...อะไรนะ! เอมอยู่ที่ไหนกับนงนะ!!”
ooooooo
เอมิกากับนงลักษณ์ไปที่คอนโดฯวเรศ เพราะนงลักษณ์บอกว่าทางเดียวที่จะต้องทำด่วนตอนนี้คือ ต้องเอาไอแพดกลับคืนมาให้ได้ จึงพากันไปที่คอนโดฯของเขา แม่บ้านจำได้ว่าเธอเคยมาทำความสะอาดห้องให้วเรศ เธอปดแม่บ้านว่าวันนี้ลืมเอากุญแจมาช่วยเปิดประตูให้หน่อยได้ไหม แม่บ้านพาซื่อเปิดประตูห้องให้
สองสาวรีบเข้าไปค้นหาไอแพด แต่หาอย่างไรก็ไม่เจอ นงลักษณ์เร่งให้กลับก่อนดีกว่าเพราะมานานแล้ว เอมิกาขอดูอีกแป๊บเดียว ไปดึงลิ้นชักหนึ่งดึงไม่ออก เธอ บอกว่าไอแพดต้องอยู่ในนี้แน่เลย
ทันใดนั้น!มีเสียงไขกุญแจห้อง นงลักษณ์รีบวิ่งไปดูที่ตาแมว เธอตกใจแทบช็อก หันมาบอกเอมิกาว่าวเรศมา! สองสาววิ่งไปซ่อนหลังผ้าม่าน แต่หารู้ไม่ว่า พอวเรศก้าวเข้ามาก็รู้แล้วว่าทั้งสองซ่อนอยู่หลังผ้าม่าน เดินไปถามจากข้างหลัง
“มาเอาไอแพดเหรอ!!”
วเรศเปิดฉากซักฟอกอย่างตึงเครียดเรื่องโจรปล้นบ้านชื่นฤทัย นงลักษณ์เป็นพยานว่าตอนเกิดเรื่องเอมิกาอยู่กับตนที่บ้าน วเรศสวนไปว่า เธอไม่ได้ลงมือเองแต่อาจเป็นสายโจร
เอมิกาลุกพรวดพูดเกือบเป็นตะโกนว่า พอที หาว่าตนเป็นเมียน้อยไม่พอยังหาว่าตนเป็นสายโจรอีก วเรศบอกว่าตนก็ไม่อยากคิด แต่ตอนนี้ที่บ้านโน้นทุกคนคิดอย่างนี้ทั้งนั้น เอมิกาท้าสาบานกันก็ได้
“สาบานไปก็ไม่มีประโยชน์ สิ่งที่จะช่วยเธอได้คือความจริง เธอต้องเล่าความจริงให้ฉันฟัง เพราะถ้าอีกไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนี้ ถ้าฉันยังไม่มีความคืบหน้าเรื่องคดีไปบอกให้คุณอาชื่น คุณอาชื่นต้องรู้แน่ว่าฉันยังไม่ได้บอกตำรวจเรื่องของเธอ”
ทั้งสี่เผชิญหน้ากันอย่างตึงเครียด ปองเทพทนกดดันไม่ได้ บอกเอมิกาว่าถึงเวลาที่ต้องบอกความจริงกับวเรศแล้ว ถ้าเธอไม่บอกตนจะบอกเอง เอมิกาตกใจเหงื่อแตกพลั่ก นงลักษณ์เองก็หน้าซีดเผือด
ในที่สุดก็ต้องบอกวเรศว่าพวกตนทั้งสามเป็นนักศึกษา ที่เอมิกาต้องปลอมตัวมาเป็นคนใช้เพราะต้อง
หาข้อมูลทำโปรเจกต์เขียนบทละคร เพื่อพิสูจน์ความจริงจึงพาวเรศไปพบ ดร.เพี้ยน เมื่ออาจารย์รับรองว่าเด็กพวกนี้เป็นลูกศิษย์ตน ถามวเรศว่าพวกนี้ไปสร้างความเดือดร้อนอะไรให้กับเขาและชื่นฤทัยหรือเปล่า
ฟังวเรศเล่าวีรกรรมของทั้งสามแล้ว ดร.เพี้ยนแทบลมจับ บ่นว่าเตือนแล้วว่าอย่าไปทำอะไรบ้าบิ่นก็ไม่มีใครเชื่อ นี่ถ้าพ่อแม่รู้เข้ามีหวังตนถูกด่าตาย
เมื่อชัดเจนแล้วว่าทั้งสามเป็นนักศึกษาจริง วเรศไม่ติดใจเรื่องอื่น จะรีบกลับไปเล่าให้ชื่นฤทัยกับพีรพลฟัง เอมิกาขอร้องเขาอย่าเพิ่งบอก เพราะตนเชื่อว่าในบ้านนั้นต้องมีสายโจรตัวจริงแน่ ปล่อยให้เข้าใจอย่างนั้นไปก่อน ให้สายโจรตายใจจนเปิดเผยตัวเองออกมา
ส่วนที่ปองเทพข้องใจว่าทำไมเธอไม่บอกวเรศไปเลยว่าเป็นลูกใคร เอมิกาชี้แจงว่าถ้าตนบอก พ่อแม่ก็ต้องรูู้และผลที่ตามมาคือตนต้องถูกเรียกตัวกลับ ตนจะต้องทำความฝันของตัวเองให้เป็นจริงก่อน และต้องจับสายโจรให้ได้ด้วยค่อยเปิดเผยตัว
“ถ้าอย่างนั้น ฉันก็จะร่วมด้วยช่วยแกอีกแรง” นงลักษณ์เสนอเป็นตัวช่วยต่อด้วยความเต็มใจ
ooooooo
เมื่อข่าวปองเทพหนีจากบ้านรู้ถึงบรรจง ก็รีบไปรายงานพร้อมกับใส่ไฟปองเทพกับเอมิกาว่าต้องสมรู้ร่วมคิดกันแน่ พีรพลจึงรีบโทร.หาสารวัตรบอกว่าจะแจ้งเบาะแสเพิ่มเติมจากหลานชายตน เลยรู้ว่าวเรศยังไม่ได้ไปแจ้งความเลย
รุ่งขึ้นเมื่อวเรศไปที่บ้าน เขาชี้แจงว่าเมื่อวานต้องรีบไปทำงานเลยลืมโทร.แจ้งตำรวจ ยังไงวันนี้จะโทร.แจ้งเลย
ชื่นฤทัยบอกว่าไม่ต้องแล้ว เพราะโทร.แจ้งแล้ว
แต่โชคไม่เข้าข้างเรา เมื่อตำรวจโทร.ไปที่สำนักจัดหางาน ทางโน้นบอกว่าข้อมูลเกี่ยวกับสองคนนี้หายไปตอนย้ายบ้านหนีน้ำท่วม
ทางเอมิกา นงลักษณ์ และปองเทพ ช่วยกัน วิเคราะห์ว่าสายโจรในบ้านนั้นเป็นใคร เอมิกาเชื่อว่าเป็นบรรจง เพราะนากเป็นคนซื่อตรง ใจอ่อน ขี้สงสาร ขนาด เจอเงินในกระเป๋ากางเกงชื่นฤทัยสองพันยังเอาไปคืน ดูรายการวงเวียนชีวิตก็ร้องไห้ ส่วนจุ่นคงคิดอะไรแบบนั้นไม่เป็น เพราะขนาดแบงก์ยี่สิบกับแบงก์พันยังแยกกันไม่ออกเลย
สรุปแล้วมีคนเดียวที่น่าสงสัยที่สุดคือบรรจง เพราะเป็นคนขี้อิจฉา ใครดีกว่าก็หาทางเล่นงาน ไม่สนใจว่าใครเขาจะได้รับความทุกข์ความเจ็บปวดสักแค่ไหน ที่สำคัญระยะหลังยังติดการพนัน อยากได้เงินโดยไม่ต้องทำอะไร
ขณะนั้นเอง นงลักษณ์ได้รับโทรศัพท์จากชัยพรส่งข่าวเรื่องตำรวจมาขอประวัติของเอมิกากับปองเทพที่สำนักจัดหางานของเฮียสุวิทย์ แต่เฮียบอกไปว่าเอกสารหายและโทร.บอกตน ตนจึงบอกต่อให้รู้จะได้ระวังตัวกัน
เมื่อเหตุการณ์บีบรัดเข้ามาเช่นนี้ เอมิกาเร่งหาทางที่จะจับสายโจรให้เร็ว โทร.ขอแรงนากให้ช่วยเป็นหูเป็นตาให้ นากเชื่อว่าเอมิกาเป็นคนดีจึงรับปากช่วย นากสังเกตเห็นระยะนี้บรรจงแต่งตัวฟู่ฟ่าผิดปกติ เมื่อบรรจงอาสาสมพิศจะไปจ่ายตลาดให้ นากจึงสะกดรอยตามไป
บรรจงไปหามดแดงที่วินมอเตอร์ไซค์ มดแดงอวดรถคันใหม่ชวนซ้อนท้ายไปสนุกกัน นากเห็นทั้งสองคุยกันอย่างสนิทสนมมาก แต่ไม่ได้ยินว่าคุยอะไรกัน
เจ้าหน้าที่ตำรวจยังทำงานสืบสวนต่อไปอยู่เงียบๆ เมื่อมีข่าวว่าวินมอเตอร์ไซค์ในซอยแถวนี้ก่อคดีจี้ปล้นคนแก่และทำอนาจารผู้หญิง จึงเอารูปสเก็ตคนร้ายมาให้ ชื่นฤทัยดูเผื่อจะเคยเห็นหน้ามัน ชื่นฤทัยเห็นรูปสเก็ตถึงกับผงะหน้าเผือด
“พวกคุณรู้จักมันเหรอครับ” สารวัตรถาม พีรพลกับชื่นฤทัยได้แต่มองหน้ากันอย่างตระหนก
ooooooo
ปองเทพไม่สบายใจที่คนในบ้านชื่นฤทัยต่างปักใจเชื่อว่าตนกับเอมิกาเป็นสายโจร วันนี้จึงแอบไปพบอรวิลาสที่บ้าน แล้วพากันไปคุยในสวนเพื่อชี้แจงให้เธอเข้าใจ
ชื่นฤทัยกับพีรพลเป็นห่วงคนในบ้าน กลัวไอ้โรคจิตตามภาพสเก็ตจะหวนกลับมาทำร้ายคนในบ้านจึงออกตามหาอรวิลาส ไปเจอคุยอยู่กับปองเทพในสวน ปองเทพชี้แจงความจริงกับอรวิลาสแล้วจะควักบัตรนักศึกษามายืนยันแต่กางเกงฟิตมากดึงอย่างไรก็ไม่ออก
ชื่นฤทัยตกใจมากร้องเรียกอรวิลาสให้รีบออกมาหาตน ส่วนพีรพลนึกว่าปองเทพจะควักอาวุธ สั่งให้หยุดและตะโกนเรียกให้คนมาช่วย พอดีปองเทพดึงมือออกจากกระเป๋ากางเกงได้ ทำบัตรนักศึกษาหล่น ชายใหญ่จอมซนเห็นก็วิ่งมาคาบไป นึกว่าเขาเล่นด้วย
จุ่นวิ่งมาตะครุบปองเทพจนคว่ำกับพื้นแล้วกดไว้ พอดีสารวัตรที่เพิ่งออกไปได้ข่าวจึงกลับมาช่วย พอเห็นหน้าปองเทพก็ร้องอย่างสะใจ
“เป็นแกจริงๆ ไอ้ตี๋ใหญ่!!”
ooooooo
เมื่อรู้ว่าจับโจรได้แล้ว วเรศรีบมาดู อรวิลาสมาบอกเขาอย่างตระหนกว่าโจรที่จับได้คือนายป่อง!
ปองเทพถูกนำตัวไปขังไว้ที่โรงพัก เขาโวยวายไม่หยุด เฝ้าบอกแต่ว่าตนไม่ใช่ตี๋ใหญ่บ้ากาม เมื่อเอมิกา นงลักษณ์และวเรศมาถึง ปองเทพร้องขอให้ช่วยตนด้วย วเรศถามสารวัตรว่าทำไมนายป่องถึงถูกจับ สารวัตรแจ้งข้อหาเป็นชุดว่า
“ไอ้หมอนี่เป็นโจรบ้ากาม ทั้งปล้นจี้ชิงทรัพย์ ทำอนาจารผู้หญิงและเป็นผู้ต้องสงสัยเบอร์หนึ่งของเราในการปล้นบ้านคุณชื่นฤทัย” ทั้งนงลักษณ์และเอมิการับรองว่าเขาเป็นเพื่อนนักศึกษาของตน ก็ถูกสารวัตรขู่ว่าแก้ตัวแทนกันแบบนี้เป็นผู้ร่วมคบคิดรึเปล่า วเรศช่วยยืนยันอีกคน บอกว่าถ้าสารวัตรไม่เชื่อให้ปองเทพเอาบัตรนักศึกษาให้ดู ปรากฏว่าหาไม่เจอเพราะทำหล่นและถูกชายใหญ่คาบไปแล้ว
เมื่อหมดหนทาง เอมิกาบอกปองเทพว่าคงต้องบอกความจริงแล้วว่าเขาเป็นลูกใคร ปองเทพห้ามเสียงหลงทำท่าจะร้องไห้กลัวยิ่งกว่าถูกติดคุกอีก เอมิกาตัดสินใจบอกสารวัตรว่าปองเทพเป็นลูกของพลตำรวจโทเทพ ประทุษพาล สารวัตรมองอย่างไม่เชื่อ ขู่ว่าท่านเคยสั่งไว้แล้วว่าใครมาอ้างแบบนี้จับเข้าคุกเลยเพราะท่านเสียหาย
เอมิกาไม่กล้าพูดอะไรอีก ปองเทพทำท่าจะร้องไห้ให้ได้ เมื่ออกมาคุยกันข้างนอก วเรศถามว่าทำไมปองเทพจึงไม่กล้าบอกว่าตัวเองเป็นลูกใคร นงลักษณ์ชี้แจงว่าพ่อเขาดุมาก ขนาดร็อตไวเลอร์เห็นยังวิ่งหนีหางจุกตูด ปองเทพเลยคิดว่าติดคุกดีกว่าโดนพ่อด่า วเรศฟังแล้วถอนใจเสนอว่าถ้าปองเทพไม่ยอมบอกว่าเป็นลูกใครก็คงต้องให้ ดร.เพี้ยนช่วยยืนยันน่าจะช่วยได้
ooooooo
เมื่อพากันไปหา ดร.เพี้ยน ท่านยินดีช่วยเหลือแต่เมื่อสารวัตรขอดูบัตรประจำตัว อาจารย์ควักจนกระเป๋าปลิ้นก็ไม่เจอ ที่เอาออกมากองๆอยู่มีแต่พวงกุญแจ เศษสตางค์และสารพัดบัตรทั้งบัตรซักรีด บัตรยืมหนังสือห้องสมุด บัตรร้านสุกี้ สลิปบัตรเครดิต ฯลฯ
ระหว่างหาบัตรประชาชนนั่นเอง มีโทร.เข้ามือถืออาจารย์ เป็นสายจากอภิเชษฐ์แจ้งว่า ถูกจับข้อหาค้ายาบ้า ตอนนี้อยู่ที่สถานีตำรวจในพม่า
ดร.เพี้ยนรวบสมบัติทั้งหมดที่กองอยู่ยัดใส่กระเป๋า บอกว่าต้องรีบไปช่วยยืนยันความบริสุทธิ์ให้อภิเชษฐ์ เอมิกาท้วงว่าทำไมอาจารย์ไม่ทำตามคิว มาลัดคิวให้อภิเชษฐ์ ได้ยังไง ตนไม่ยอม ดร.เพี้ยนเสียงขุ่นใส่ว่าไม่ยอมก็ต้องยอม เพราะอภิเชษฐ์อยู่ในอันตรายมากกว่า ตนจะรีบไปรีบกลับ บอกวเรศว่า “ฝากนายป่องด้วยนะครับคุณวเรศ”
เมื่อเป็นเช่นนี้ เอมิกาจึงขอประกันตัวแทน สารวัตรบอกว่าไม่ได้ต้องให้เจ้าทุกข์มาชี้ตัวก่อน เพราะนายตี๋ใหญ่ก่อคดีไว้มาก สารวัตรตอบคำถามของเอมิกา แต่หันไปถาม วเรศว่าเข้าใจใช่ไหม เขาตอบไม่เต็มเสียงว่า “เออ...ครับ... เข้าใจครับ”
เอมิการับไม่ได้ว่าทำไมตำรวจต้องยัดเยียดข้อหาให้ป่องด้วย วเรศชี้แจงว่าถ้าป่องดื้อไม่ยอมบอกตำรวจว่าตัวเองเป็นใคร เรื่องมันก็จะยุ่งยากขึ้น เอมิกามองเขาอย่างไม่พอใจ วเรศจึงเงียบไป
ooooooo
เมื่อบรรดาเจ้าทุกข์มาชี้ตัว ปองเทพถูกทุกคนชี้หมด ซ้ำตะโกนด่ากันลั่นโรงพัก ยิ่งปองเทพปฏิเสธว่าตนไม่ใช่ตี๋ใหญ่ก็ยิ่งถูกรุมด่า ปองเทพตื่นตระหนกจนวิ่งหนีไป ถูกพวกเจ้าทุกข์ไล่ตามจับรุมประชาทัณฑ์จนน่วม กว่าที่ตำรวจและวเรศจะเข้าไปช่วยเอาตัวออกจากสหบาทาได้ ปองเทพก็หมดสภาพเป็นลมไปแล้ว
เอมิกาทนเห็นเพื่อนอยู่ในสภาพนี้ไม่ได้ ตัดสินใจเป็นไงเป็นกัน ยังไงก็ต้องโทร.ไปบอกพ่อเขาให้มาช่วย แต่พอโทร.ไป ปรากฏว่าพ่อแม่ปองเทพไปเที่ยวต่างประเทศไม่มีใครติดต่อท่านได้เลย
“โอ๊ยยยย...ไอ้ป่อง ทำไมแกถึงได้ซวยซ้ำซวยซ้อนอย่างนี้!!” นงลักษณ์กุมขมับ ทันใดนั้น ก็ได้รับโทรศัพท์จากแม่บอกว่าคนงานในโรงแรมหยุดงานประท้วง นงลักษณ์วางสายแล้วบอกเอมิกากับวเรศว่า ตนต้องรีบกลับไปช่วยแม่แก้ปัญหาก่อน บอกวเรศว่า “ฝากเอมด้วยนะคะคุณตั้ม”
เอมิกาทำหน้าสิ้นหวังจนวเรศบอกให้เธอกลับไปพักก่อน เพราะเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว เธอไม่ยอมกลับบอกเขาว่า
“ถ้าป่องเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ มันก็เป็นความผิดของฉันคนเดียว คุณกลับไปเถอะค่ะ ฉันขอบคุณคุณมากแล้วก็ขอโทษที่ต่อว่าคุณไปเมื่อตอนกลางวัน”
“ฉันไม่โกรธ ฉันเข้าใจว่าเธอเป็นห่วงป่องมาก” วเรศมองเธออย่างเป็นห่วง แอบน้อยใจลึกๆ...
ooooooo
เอมิกานึกว่าวเรศกลับไปแล้ว ตกดึกเขาหิ้วอาหารกลับมาบอกว่าตนไม่อาจทิ้งให้เธออยู่คนเดียวได้ ให้ทานอาหารเสีย เพราะไม่ได้ทานอะไรเลยมาทั้งวัน แต่เธอทานไม่ลง
“ทานสักนิดก็ยังดี ถ้าเธอเป็นอะไรขึ้นมาอีก ป่องคงจะรู้สึกผิด”
ระหว่างทานอาหาร วเรศถามว่าเธอกับป่องเป็นแฟนกันนานแล้วหรือ เธอบอกว่าบ้านเราอยู่ติดกันพ่อแม่เป็นเพื่อนกัน โตขึ้นมาก็เรียนที่เดียวกัน ตอบไม่ได้เหมือนกันว่าเป็นแฟนกันตั้งแต่เมื่อไหร่
ตำรวจนายหนึ่งเดินมาถามเอมิกาว่าเป็นเพื่อนตี๋ใหญ่ใช่ไหม เธอบอกว่าเป็นเพื่อนกัน แต่เขาไม่ใช่ตี๋ใหญ่
เมื่อเอมิกาไปพบปองเทพ เขาดีใจมากจับมือเธอไปกุมพูดเสียงเครือ “เรานึกว่าเอมจะทิ้งเรากลับบ้านไปแล้ว”
“เราจะไปไหนได้ยังไง ป่องอยู่ที่นี่ เราก็ต้องอยู่ด้วย”
ปองเทพยื่นมือออกมากุมมือเธอไว้อย่างซาบซึ้งใจ
วเรศเห็นความห่วงใยของทั้งคู่แล้วก็ถอนใจยาว...เมินหน้าไปทางอื่นเศร้าๆ
ooooooo
ดึกแล้ว...ขณะปองเทพนั่งพิงลูกกรงสัปหงกอยู่นั้น เขาสะดุ้งตื่นเมื่อตำรวจพาเหน่งในสภาพเมาหนักยัดเข้าห้องขังบ่นว่าเมาแล้วทะเลาะวิวาทกันทุกคืน นอนในห้องขังสักคืนพรุ่งนี้ค่อยออก เอมิกาเหลือบมองเห็นไฝเม็ดโตที่กลางหน้าผากเหน่ง
เหน่งสะเงาะสะแงะเข้ามา พอเห็นปองเทพก็ร้องทัก “พี่ตี๋!!” ปองเทพลุกพรวดขยับหนี เหน่งเข้าหาอย่างดีใจ “พี่ตี๋จริงๆ ไหงพี่ตี๋ถูกตำรวจจับได้ล่ะเพ่...”
ปองเทพทั้งกลัวทั้งสยองกับสภาพเมาเนื้อตัวสกปรกโสโครกของเหน่ง ถอยพลางบอกว่าตนไม่ใช่ตี๋ใหญ่
“ไม่ต้องห่วง พรุ่งนี้เช้าพอฉันออกไป ฉันจะไปบอกพี่มดแดงให้มาช่วยพี่เอง”
ปองเทพสะดุดกึกเมื่อได้ยินชื่อมดแดง จนกระทั่งเช้าตำรวจมาปล่อยตัวเหน่ง เมื่อเอมิกามาเยี่ยม เขาเล่าว่า
“เอม...ไอ้นักโทษเมื่อกี้ มันเข้าใจว่าเราเป็นตี๋ใหญ่ เมื่อคืนตอนดึกๆมันมาคุยกับเรา บอกว่ามันจะไปบอกคนชื่อ...ชื่ออะไรน้า...อ้อ...ชื่อมดแดง มาช่วยเราออกจากคุก”
ได้ยินชื่อมดแดง เอมิกาคิดทบทวนจำได้ทันทีว่าเหน่งที่มีไฝเม็ดใหญ่กลางหน้าผากคนนี้คือวินมอเตอร์ไซค์ ปากซอย พอทบทวนจำได้ เธอบอกปองเทพอย่างดีใจ มีความหวังว่า
“ฉันนึกออกแล้วว่าจะช่วยป่องยังไง”
เมื่อเล่าแผนการให้วเรศฟัง เขาไม่เห็นด้วย บอกให้รอ ดร.เพี้ยนกลับมาก่อนค่อยคิดหาทางกันใหม่
“รอ ดร.เพี้ยนกลับมาก็ใช่ว่าเราจะช่วยป่องได้ ทางเดียวที่จะช่วยป่องได้คือ เราต้องจับตี๋ใหญ่ตัวจริง!!”
วเรศไม่เห็นด้วยแต่ก็ไม่มีทางอื่น แต่บอกเธอว่า “ฉันปล่อยให้เธอทำไม่ได้จริงๆ ฉันเป็นห่วงเธอ...”
เอมิกาบอกว่า ตอนนี้ป่องน่าเป็นห่วงกว่า ว่าแล้วลุกเดินไป พลันก็ชะงักเมื่อ ดร.เพี้ยนเดินรี่เข้ามาบอกว่า กลับมาช่วยป่องแล้ว เอมิกาดีใจมาก แต่วเรศยิ่งหนักใจ เพราะอาจารย์กับลูกศิษย์คู่นี้คิดอะไรในทำนองเดียวกันหมด
แล้วก็จริงอย่างที่เขาคิด เพราะพอ ดร.เพี้ยนฟังแผนการของเอมิกาแล้ว ท่านเห็นด้วยทันที ท่านชี้แจงว่า
“ในเมื่อนายป่องไม่ยอมเอาเอกสารยืนยันกับตำรวจว่าตัวเองเป็นใคร แถมเจ้าทุกข์ก็ยืนยันว่าป่องเป็นตี๋ใหญ่ เราต้องไปจับตัวตี๋ใหญ่มายืนยันกับตำรวจ มันจะได้หมดเรื่องหมดราว”
เมื่อเถียงไม่ชนะอาจารย์กับศิษย์คู่นี้ วเรศเสนอว่าเราต้องวางแผนให้รัดกุม เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วก็ต้องเอาไงเอากัน
ooooooo
วเรศกับ ดร.เพี้ยนช่วยกันเตรียมการอย่างรัดกุม เขาเอาเครื่องจีพีเอสให้เธอใส่กระเป๋าไว้จะได้รู้ว่าเธออยู่ที่ไหน เอาบลูทูธให้เพื่อตนจะได้โทร.เข้า กำชับอย่าตัดสายตนทิ้ง เพื่อตนจะได้ยินเสียงเธอตลอดเวลา
เตรียมการเสร็จกำชับให้เธอระวังตัว แต่อดเป็นห่วงไม่ได้เพราะ ดร.เพี้ยนให้เอมิกาปลอมตัวเป็นคนท้อง กลัวเธอจะทำได้ไม่แนบเนียน ดร.เพี้ยนอธิบายว่า ตามสถิติของสถาบันวิจัยแห่งชาติสกอตแลนด์ ผู้หญิงท้องจะได้รับการช่วยเหลือมากกว่าผู้หญิงไม่ท้อง พูดง่ายๆคือเรียกคะแนนสงสารได้มากกว่า วเรศยังห่วงถามว่า เอมิกาจะปลอมเป็นหญิงท้องได้เหมือนหรือ
“แน่นอนสิครับ...แม่ชะเอมเป็นศิษย์เอกของผม ได้เกรด 4 วิชาการแสดง แอ็กติ้งเป็นเลิศ ถ้าเป็นการถ่ายละครก็เรียกว่าเทกเดียวผ่านล่ะครับ คุณตั้มไม่ต้องเป็นห่วง มีอะไรถามผมอีกไหม”
วเรศทำหน้าเหวอๆ บอกว่า “ไม่มีแล้วครับ” แต่เมินหน้าไปทางอื่นแอบถอนใจอย่างอดห่วงไม่ได้...
ooooooo










