สมาชิก

ดาวหลงฟ้า ภูผาสีเงิน

ตอนที่ 2

จัสมินไม่อยากให้นาธานและเอ็มม่ากังวลจนเที่ยวเมืองไทยไม่สนุก จึงบอกว่าจะส่งไลน์กลับไปทูลท่านพ่อว่าไม่ต้องห่วง นาธานท้วงว่าทำอย่างนั้นทางซามาร์รู้แน่ว่าอยู่ที่ไหน เอ็มม่าเห็นว่าไม่ได้เปิดแสดงสถานที่ไว้ ตามอย่างไรก็ไม่เจอ จัสมินกล่าว

“ส่งแล้วเราจะรีบปิดเครื่อง ทุกท่านก็ห้ามเปิดมือถือตลอดการมาเที่ยวครั้งนี้นะ ขอย้ำ”

นาธานกับเอ็มม่าพยักหน้ารับ จัสมินเริ่มอัดคลิปเสียง

“นี่ลูกเองนะเพคะ ลูกขอประทานอภัยที่ซนมากไปหน่อย ลูกปลอดภัยดีไม่ต้องทรงเป็นห่วง ขอเวลาผจญภัยเที่ยวเมืองไทยสักพัก มีอะไรแล้วจะติดต่อมา อีกไม่กี่วันก็จะกลับนะเพคะ” ว่าแล้วก็กดส่งไลน์แล้วปิดเครื่องทันที นาธานยังรู้สึกกังวลใจอยู่ดี เพราะไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นอีกระหว่างอยู่ที่นี่

ด้านซามาร์ อัมราภาชินีและอิสราธิบดีฟังคลิปเสียงที่ส่งมาทางไลน์แล้วรีบโทร.กลับไปทันที แต่จัสมินปิดเครื่อง ศรีวิจันทร์พยายามโทร.เข้าเครื่องนาธานและเอ็มม่าก็ปิดเครื่องเช่นกัน อัมราภาชินีกังวลใจมากจนตรัสออกมาว่า ถ้าติดต่อไม่ได้ตนอาจต้องไปเมืองไทย พระราชาอึ้ง

ooooooo

เช้าวันใหม่ อรินต้องสะดุ้งตื่นเพราะเสียงเปียโนที่ดังสนั่นแต่ไม่เป็นเพลง เขาแทบบ้าตายตะโกนเรียกมัดหมี่ หลานสาวตัวน้อยอย่างเหลืออด

เงียบไปสักพักก็กระหึ่มดังขึ้นมาอีกจนเขาไม่อาจนอนต่อได้ ต้องลุกออกจากห้องลงมาส่งเสียงเข้มเรียกหลานสาว

หนูน้อยมัดหมี่วัย 9 ขวบหันมามองยิ้มหวานถามเรียกตนหรือ อรินเอ็ดว่าหนวกหู ทำไมต้องเล่นดังๆไม่เป็นเพลงแบบนี้ หนูน้อยบอก “สนุกดี...ก็หนูเพิ่งเรียนไปนิดเดียว ขืนเล่นเป็นเพลงก็แปลกแล้ว อาหาครูมาสอนให้หนูสิคะ”

“ไว้ให้ว่างก่อนแล้วจะหาให้”

“กว่าอาจะว่างหนูแก่พอดี”

อรินชะงักอ้างว่าต้องทำงาน มัดหมี่ถามว่าจับผู้ร้ายนี่สนุกตรงไหนถึงชอบทำ เขาอธิบายว่ามันเป็นหน้าที่ ไม่สนุกก็ต้องทำ หนูน้อยย่นจมูกใส่ อรินเดินไปเปิดตู้เย็น มัดหมี่รีบบอกว่าในตู้เย็นไม่มีอะไรกินเลย ขนมก็ไม่มี อรินบอกแล้วจะซื้อมาใส่ไว้ให้ หนูน้อยสาธยาย กาแฟก็หมดน้ำตาลก็มดขึ้น บ้านนี้อดอยากมาก ไม่เหมือนบ้านตนขนมเต็มตู้ อรินพูดเหน็บ

“ไม่บอกก็รู้ แม่เราประเภทฟูลออปชั่น อะไรก็มีทั้งนั้น”

“หาแฟนอย่างแม่หนูสิ จะได้มีคนคอยหาของกินให้อาไง”

อรินประชดด้วยการขอบใจที่สอน มัดหมี่ไม่รู้ตัวบอกว่า

“สอนแล้วอาเชื่อด้วยล่ะค่ะ”

อรินพยักหน้ารับขอไปที อ่อนใจในความแก่แดดของหลานสาว...อรินมาทำงานด้วยความอ่อนเพลีย เปรยกับชัยชนะว่า พี่ชายกับพี่สะใภ้ตนถูกย้ายไปทำงานที่ญี่ปุ่น จึงทิ้งหลานตัวแสบไว้กับตน รอจนกว่าจะเปิดเทอมถึงจะตามไปอยู่กับพ่อแม่

ชัยชนะแซวว่าตอนนี้เขาเลยเป็นซามูไรพ่อลูกอ่อน อรินส่ายหน้าบ่นว่าเลี้ยงเด็กผู้หญิงนี่ยากกว่าจับโจรอีก หัวหน้าเดินเข้ามา

“อย่าเพิ่งบ่น แค่นี้ยังซวยไม่พอ อาจจะมีเรื่องที่ซวยกว่านี้” อรินถามมีอะไร หัวหน้าบอกว่าจะมีคนมาร่วมทีมกับเขาสองคน ไม่ทันจะบอกว่าใคร ก็มีเสียงทำความเคารพ

“ร้อยตำรวจเอกสิงห์ชัย ใจซื่อ...รายงานตัวครับผม” สิงห์ชัยยักคิ้วทักทายอริน

อรินเดินมาที่รถด้วยความเซ็ง สิงห์ชัยชวนชัยชนะคุยอย่างคนอารมณ์ดี “ถึงว่าไม่เคยเห็นหน้าคุณ ที่แท้จบจากนอกแล้วมาเข้าตำรวจ แต่ผมกับอรินนี่พวกสามพรานแท้ รุ่นเดียวกัน”

“เป็นไปได้ไง หน้าพี่แก่กว่าอรินตั้งเยอะ”

สิงห์ชัยหุบยิ้มแล้วโวย “เอ๊ย พูดแบบนี้ท่าจะคบยากละ ที่จริงผมเป็นรุ่นพี่เขานิดหน่อยแค่สามปีเอง แต่เรามันคนรักสถาบันอยากอยู่นานๆ เลยมาจบพร้อมรุ่นอรินนี่แหละ ทีแรกทำท่าจะหลุดเลยไปรุ่นน้องอรินด้วยนะ...”

“พวกสอบตกซ้ำซาก” อรินโพล่งขึ้นหน้าตาเฉย

สิงห์ชัยโวยว่ารักสถาบันต่างหาก พลันเห็นรถของชัยชนะก็เปลี่ยนเรื่องทันที

“เฮ้...รถสวยนี่ เว่อร์มาก ชอบ...ชอบ แต่เรียบร้อยแบบนี้ขับได้เหรอ รถมันแรงนะขับให้เอามั้ย”

“เดี๋ยวคอยดูละกัน” ชัยชนะกล่าวแล้วขึ้นนั่งที่คนขับ

สิงห์ชัยจะนั่งหน้าแต่พอเห็นสายตาอรินก็ค่อยๆเลื้อยไปนั่งเบาะหลัง พร้อมเอ่ยถามว่าจะไปไหนกัน อรินตอบห้วนๆว่าหาคน สิงห์ชัยทำหน้างง ไม่ทันไรก็ร้องเฮ้ย...หน้าคะมำไปในรถเพราะชัยชนะออกรถด้วยความเร็วปรู๊ดปร๊าด

ขณะเดียวกัน จัสมินกับเอ็มม่าลงมาจากชั้นบน ได้ยินเสียงกุกกักในครัวก็ย่องมาดู เห็นจ้อยกำลังแอบตักกับข้าวใส่ถุง เอ็มม่าอยากรู้จ้อยจะเอาข้าวไปไหน จัสมินเอานิ้วแตะปากให้เบาเสียง

จ้อยได้ยินแว่วๆรีบคว้าถุงข้าวและผลไม้วิ่งออกจากครัว ชนเข้ากับนาธาน เขาจับไหล่ถามจะเอาของไปไหน จ้อยไม่พอใจบอกว่าอย่ายุ่งแล้ววิ่งหนีออกจากบ้าน เอ็มม่าเดินมาบอกว่าแบบนี้ขโมยแน่ นาธานจะตามไปสั่งสอนแต่จัสมินอยากให้ตามดูพฤติกรรมไปก่อน

ทั้งสามตามมาเห็นจ้อยเอาข้าวใส่จานวางให้พ่อที่ท่าทางเมายา ชิดถามจ้อยว่าวันนี้ได้เงินมากี่บาท จ้อยกลับบอกให้กินข้าวกับข้าวบ้านครูน้อยอร่อยมาก ชิดปัดจานทิ้งโวยวายจะเอาเงินซื้อยา

“ไม่มีหรอกพ่อ เมื่อวานขโมยมาได้ แต่ต้องคืนเขาไปแล้ว”

ชิดตบจ้อยคว่ำลงแล้วด่าซ้ำ “ไอ้ลูกเวร อะไรวะหายไปทั้งวันทั้งคืน กลับมาไม่มีสักบาท เอ็งคิดเอาเองใช่ไหม หนอยหัดเม้มเรอะ”

จ้อยร้องไห้บอกไม่ได้เอาไปจริงๆ ชิดไม่เชื่อตบตีจ้อยยกใหญ่ จัสมินตกใจกับเหตุการณ์แบบนี้ ทนไม่ไหว เข้ามาคว้ามือชิดไว้ไม่ให้ทำอะไรจ้อย ชิดไม่พอใจผลักจัสมินกระเด็น นาธานรับตัวไว้ได้โกรธมากตวาดลั่น

“ทำอะไรเจ้าหญิง อยากตายใช่ไหม!”

ชิดตกใจกับท่าทีนาธานจึงวิ่งหนี จ้อยวิ่งตามร้องเรียกพ่อ...

ชัยชนะขับรถมาแถวถนนข้าวสาร สิงห์ชัยถามไหนว่าจะหาคน มาบางลำพูก่อนก็ดีมีของกินเยอะ อรินกวาดตามองไปทั่ว ชัยชนะเปรยว่าแถวนี้มีเกสต์เฮาส์เต็มไปหมดคงจะหายาก สิงห์ชัยแซวว่ารู้แล้วมาหาหญิงนี่เอง อรินทำตาดุ จังหวะนั้นชิดวิ่งผ่านรถชัยชนะไป ตามด้วยนาธาน จัสมินกับเอ็มม่าและจ้อยวิ่งตาม อรินเห็นเข้าพอดีบอกให้จอดรถ ไม่พูดพล่ามลงรถแล้วกระโดดข้ามรถวิ่งตามไปทันที

สิงห์ชัยงงว่าเกิดอะไรขึ้น ชัยชนะจอดรถได้ก็วิ่งตามอริน เขาจึงต้องวิ่งไปด้วย

ชิดเจอทางตันจึงบ้าคลั่งหันสู้อุตลุด จัสมินตามมาถึงเห็นชิดกำลังบีบคอนาธาน จึงตีลังกากระโดดเตะชิดกระเด็นและศอกเข้าที่ปลายคางทรุดลง จ้อยวิ่งเข้ากอดปกป้องพ่อ

อรินมาถึงชักปืนขู่ให้ทุกคนหยุด ตรงเข้าดึงแขนจัสมิน คำรามดุดัน

“คราวนี้เธอเสร็จแน่”

อรินลากแขนจัสมินออกมาจากตรอก สิงห์ชัยประคองชิดที่ยังเบลอๆ จัสมินสะบัดแขนอย่างถือตัว สั่งให้อรินปล่อย แต่เขายิ่งจับแน่น

นาธานปรี่เข้าปัดแขนอรินออกอย่างแรงแล้วยืนขวางปกป้องจัสมิน ถามพวกอรินเป็นใครจะทำอะไร ชัยชนะบอกพวกตนเป็นตำรวจ อรินแทรกว่ามาจับผู้ร้ายฆ่าคน จัสมินสวนว่าตนยังไม่ได้ฆ่าใคร เอ็มม่ารีบอธิบายว่ามาช่วยจ้อยถูกพ่อทำร้าย สิงห์ชัยมองจัสมินอย่างพอใจก่อนจะหันมาถามจ้อยว่าจริงไหม

“จริง พวกพี่ๆเป็นคนดี พ่ออยากยาเลยตีผม พี่ๆเขามาช่วย”

นาธานย้ำว่าได้ยินชัดหรือยัง สิงห์ชัยกล่าวยิ้มๆ

“นายเข้าใจผิดแล้วอริน สวยอย่างนี้ไม่ใช่คนร้ายหรอก ดูยังไงก็ไม่ใช่”

ชิดรู้สึกตัวและงุนงงว่าทำไมตัวเองมาอยู่สภาพนี้ นาธานจะพาจัสมินกลับแต่อรินไม่ยอม ขอให้ทุกคนไปโรงพัก พวกจัสมินตาโพลงตกใจกับการต้องไปโรงพัก อรินยิ้มอย่างเป็นต่อ

ooooooo

มาถึงโรงพัก เอ็มม่ากระซิบถามว่านายตำรวจคนนี้คือคนที่เดินตามพวกเราที่สนามบินใช่ไหม นาธานบอกน่าจะใช่ จัสมินยืนยันว่าใช่แน่นอนตนจำได้ เอ็มม่าตาโพลงเกรงเขาจะรู้ว่าพวกเราเป็นใคร นาธานคาดว่าไม่รู้เพราะถ้ารู้ต้องไม่พามาที่นี่

“ถ้าไม่รู้แล้วทำไมเขาถึงหาพวกเราจนเจอ”

เอ็มม่าหวั่นใจ

จัสมินคิดว่าเป็นโชคร้าย เสียงอรินดังขัดการสนทนา เรียกจัสมินให้เข้าห้องสอบสวน นาธานจะไปด้วยบอกพวกตนไปไหนต้องไปด้วยกัน อรินหมั่นไส้ขู่ว่าดีเลยรอเข้าคุกด้วยกัน นาธานฮึดฮัดไม่พอใจ ชัยชนะรีบบอก ไม่ต้องห่วง แค่สอบถามอะไรนิดหน่อยไม่มีอันตราย

สิงห์ชัยยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ยอาสาสอบถามจัสมินให้เอง อรินปิดประตูห้องใส่หน้าโครม ชัยชนะขำๆ เชิญเอ็มม่ากับนาธานมาอีกห้อง สิงห์ชัยเสียหน้าทำมาดเข้มเสียงดังสั่งให้เข้าไปเร็วๆ

เมื่ออยู่ในห้องสอบสวน อรินจ้องหน้าจัสมินถามว่าเป็นใคร จัสมินตอบว่าเราเป็นเรา ชายหนุ่มชักสีหน้าไม่พอใจคาดคั้นอีกว่ามันอยู่ไหน จัสมินงงมันไหน

“ไม่ต้องมาทำตีหน้าซื่อ เธอก็รู้ว่าฉันหมายถึงอะไร”

“มัน...มันเทศหรือมันฝรั่ง หรือหมายถึงมันทอด...”

อรินมองด้วยสายตาดุดันคิดว่าเธอกวนใส่ ตรงกันข้ามกับชัยชนะสอบถามเอ็มม่าและนาธานด้วยความเป็นมิตร อยากรู้ว่าพวกเขาเป็นชาวซามาร์ใช่ไหม นาธานบอกตนเป็นนักท่องเที่ยว เอ็มม่าเสริมว่าการมาเที่ยวเป็นการผิดกฎหมายด้วยหรือ ชัยชนะมองเอ็มม่าอย่างถูกชะตากล่าวว่าพวกเรายินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกคน แต่หญิงสาวกลับแหวใส่ให้ปล่อยพวกตน ถามมากเสียเวลา

“โห...หน้าตาก็พอใช้ได้หรอก แต่ทำไมแรงจัง แบบนี้ระวังหาแฟนไม่ได้นะจ๊ะ”

เอ็มม่าสวนว่าปากเสีย สิงห์ชัยผงะ ชัยชนะแอบยิ้มนึกชอบเธอมากขึ้น นาธานจะขอตัวกลับ ชัยชนะขอดูพาสปอร์ตเพื่อเอาไปพิสูจน์ตัวตนที่แท้จริงก่อน นาธานกับเอ็มม่าถึงกับหน้าเจื่อน

เมื่อจัสมินถูกขอพาสปอร์ตก็บอกไปว่าไม่ได้อยู่ที่ตัวแต่อยู่ที่บ้านพัก อรินจับผิดไหนว่าเป็นนักท่องเที่ยวทำไมมีบ้านพัก จัสมินเริ่มขุ่นในอารมณ์ บอกบ้านพักครูน้อย พวกตนเช่าห้องอยู่

“รู้จักครูน้อยได้ไง”

“อยากรู้ก็ถามครูเอง”

“แสบนักนะ เธอนี่มันแก๊งไหนกันแน่ อย่าคิดนะว่าฉันไม่รู้ทันเธอ”

“คุณอยากรู้อะไรก็เชิญตามสบาย ไปได้รึยัง...เราไม่ได้ทำอะไรผิด คุณไม่มีสิทธิ์กักตัวไว้ อ้อ...หรือว่าตำรวจไทยชอบรังแกประชาชน”

อรินเข่นเขี้ยวว่าแสบนัก จัสมินยิ้มหยันขอบใจที่ชม เขายิ่งทำหน้าดุใส่แต่เธอไม่หวั่น เดินออกมาจากห้องสอบสวนสมทบกับนาธานและเอ็มม่า จ้อยนั่งอยู่กับชิดที่โวยวายจะกลับบ้าน แต่ชัยชนะบอกว่าเขาจะต้องถูกส่งตัวไปเลิกยา ชิดไม่ยอมไป จัสมินเหลือทนเอ็ดใส่ทันที

“จะก่อเรื่องอีกเหรอ คนเป็นพ่อก็ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีของลูก เป็นที่พึ่งให้ลูก ไม่ใช่ทำตัวเป็นปัญหาให้ลูกไปขโมยเงินไปทำเรื่องไม่ดี แค่นี้ยังทำร้ายลูกไม่พอใช่ไหม สัตว์ยังรู้จักรักลูก นี่นายชิดเป็นคนแท้ๆไม่รักลูกเลยรึไง รู้ตัวไว้ด้วยว่านายชิดเป็นพ่อที่แย่ที่สุดในโลก จะทำให้จ้อยเสียใจไปถึงไหน”

ตลอดเวลาที่จัสมินอบรม จ้อยเกาะแขนพ่อร้องไห้ ชัยชนะทึ่งกับคำพูดของเธอ ชิดอึ้งเถียงไม่ออก รู้สึกละอายใจดึงจ้อยมากอด ขอโทษและยอมไปรักษาตัวรับโทษจะกลับมาเป็นพ่อที่ดีจะทำให้ได้ จ้อยดีใจกอดพ่อแน่น

อริน ชัยชนะ และสิงห์ชัยปรึกษากัน อรินยืนกรานไม่ปล่อยตัวพวกจัสมินจนกว่าเหวยกังจะเผยตัว สิงห์ชัยถามทำไมมั่นใจว่าเป็นพวกเหวยกัง อรินย้ำว่าแน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์

ตำรวจพาตัวชิดออกไป จ้อยกอดพ่อร้องไห้ จัสมินจับไหล่ดึงออกมาบอกว่าเป็นลูกผู้ชายต้องเข้มแข็ง อย่าให้ใครเห็นน้ำตา ชัยชนะยิ่งทึ่งในตัวเธอ พอดีครูน้อยมาถึง เอาพาสปอร์ตของทั้งสามคนมายืนยันกับอรินว่าเป็นนักท่องเที่ยวจริงๆ

เอ็มม่าหวั่นใจเกรงพวกอรินจะรู้ความจริง นาธานบอกไม่น่ารู้เพราะทำพาสปอร์ตสามัญให้จัสมิน แต่จัสมินกลับบอกว่า ตำรวจไทยไม่รู้แต่ทางกงสุลของเราที่นี่ต้องรู้แน่ เอ็มม่าและนาธานหน้าเสีย ชัยชนะลอบมองว่าทั้งสามคุยอะไรกัน

เจ้าหน้าที่ส่งพาสปอร์ตของจัสมิน เอ็มม่าและนาธานมาให้สถานกงสุลซามาร์ตรวจเช็กประวัติ ท่านกงสุลเห็นรูปรีบโทร.บอกองคมนตรีที่ซามาร์ว่าพบตัวเจ้าหญิงแล้ว...ด้านอรินได้รับแฟกซ์ตอบมาว่าทั้งสามคนเป็นนักท่องเที่ยวจริง มีประวัติดีขาวสะอาด เขายังไม่อยากเชื่อ สิงห์ชัยให้รีบปล่อยตัวทั้งสามคนไป อรินบ่นมันน่าจะมีทางเอาตัวทั้งสามไว้ก่อน สิงห์ชัยโวย

“เอ๊ย! จะตั้งข้อหาอะไร ผิดที่...น่ารักเกินไป หรือผิวสวยเกินเหตุ หน้าตาน่าเอ็นดู๊ ทำแบบนั้นใครจะหาว่ารังแกคนสวยนะโว้ย ไม่ดี...ไม่ดี...”

ชัยชนะเห็นด้วยให้ปล่อยตัวทั้งสามคนไปแล้วคอยจับตาดู สิงห์ชัยสนับสนุน อรินขัดใจแต่จำต้องยอม สิงห์ชัยขอโทษจัสมินที่ทำให้เสียเวลา เอ็มม่าโวยแทน นาธานขู่น่าฟ้องกลับ อรินโกรธท้าให้เอาเลย ครูน้อยต้องไกล่เกลี่ยถ้ามีอะไรสงสัยเชิญที่บ้านได้ทุกเมื่อ อรินรับคำว่าไปแน่

ขณะเดินออกมาจากโรงพัก เอ็มม่าถามครูน้อยรู้จักตำรวจพวกนี้นานแล้วหรือ ครูน้อยตอบว่ากับผู้กองชัยชนะเพิ่งเจอ แต่กับผู้กองอรินคุ้นเคยมานานแล้ว นาธานติงเขาคงชอบจับผิดตัวบ่อย

“ไม่นะ ผู้กองอรินเป็นมือดีของสำนักงานตำรวจเลย ทำงานตรงไปตรงมา ไม่เห็นแก่ใคร ไม่คอร์รัปชัน เท่าที่ครูรู้จักก็ต้องบอกว่าเป็นตำรวจที่ดีมาก แต่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึง...”

“ไม่ค่อยชอบพวกเรา” จัสมินพูดต่ออย่างนึกรู้ ครูน้อยเองก็งงถามว่าเคยมีเรื่องกันมาหรือ

เอ็มม่าตอบเสียเองว่าไม่เคยมีปัญหากับใคร

นาธานรู้สึกว่าอรินไม่ชอบหน้าพวกตน แบบที่คนไทยเรียกสุภาษิต จัสมินแก้ให้ว่าอคติต่างหาก เอ็มม่าอวดรู้บอกสุภาษิตเป็นเพลง ครูน้อยยิ้มอธิบายคำว่าสุภาษิตแปลว่าคำสอนใจ จัสมินย้ำว่าอรินมีอคติกับพวกตน ครูน้อยยิ่งแปลกใจ

พอกลุ่มจัสมินขึ้นแท็กซี่ออกไป รถของกงสุลก็แล่นเข้ามา กงสุลรีบเข้าไปถามหาจัสมิน อรินแปลกใจบอกว่าทั้งสามกลับไปแล้วและไม่ได้ให้ที่อยู่ไว้ ชัยชนะสงสัยทำไมอรินไม่บอกว่าทั้งสามอยู่กับครูน้อย อรินให้เหตุผลว่า

“เราติดต่อเช็กประวัติไปไม่ถึงชั่วโมง ท่านกงสุลอุตส่าห์มาตามพวกนั้นด้วยตัวเอง ไม่นึกแปลกใจบ้างหรือ... ท่านกงสุลอาจรู้ว่าพวกนั้นเป็นแก๊งเหวยกัง แต่ไม่ยอมบอกพวกเรา คงกลัวเสียชื่อประเทศซามาร์เลยคิดจะมาเอาตัวไป แล้วคงส่งกลับไปรับโทษที่โน่นเงียบๆ”

ชัยชนะเห็นว่าน่าจะให้ทางนั้นจัดการ แต่อรินไม่ยอมจะเปิดโปงจัสมินให้ได้ด้วยตัวเอง

ooooooo

กลับมาถึงห้องพัก จัสมินครุ่นคิดถึงคำถามของอริน ที่เขาเรียกว่ามัน มันคืออะไร ต้องสำคัญมากไม่อย่างนั้นคงไม่คาดคั้นถาม หรือเห็นว่าพวกเราเป็นพวกไหนอะไรสักอย่าง

นาธานหาว่าอรินหาเรื่องมากกว่า เอ็มม่าตัดบทชวนทุกคนเก็บเสื้อผ้าหนีก่อนที่ท่านกงสุลจะตามมา นาธานคิดว่าเก็บของไว้ถ้าท่านมาเมื่อไหร่ค่อยหนี แต่จัสมินบอกอย่าตื่นตูม ท่านกงสุลไม่น่ารู้ว่าพวกเราอยู่ที่ไหน นาธานกับเอ็มม่าใจแป้วเพราะถ้าท่านกงสุลรู้ พ่อแม่พวกตนก็คงรู้ ป่านนี้พระราชากับพระราชินีคงโกรธวังแทบแตก จัสมินพลอยใจคอไม่ดีไปด้วย

ในขณะที่อัมราภาชินีคาดคั้นให้มาลาตีเล่าความจริงจนหมด แล้วมาต่อว่าองค์อิสราธิบดีว่าลูกจะปลอดภัยจากกลุ่มจีโบได้นานแค่ไหน เพราะพวกมันมีหูตาทั่วโลก สั่งองคมนตรีให้แจ้งหน่วยรบให้เตรียมพร้อม ตนจะไปเมืองไทยไปพาลูกกลับด้วยตัวเอง พระราชาอึ้งไม่คาดคิด

หลังจากนั้น บนน่านฟ้าก็มีเครื่องบินรบที่ขับโดยอัมราภาชินี ประกบด้วยเครื่องบินที่คอยอารักขาสองลำ เมื่อเครื่องบินลงจอดที่เมืองไทย องค์อัมราภาชินีถอดหมวกออก มองแผ่นดินเกิดด้วยความดีใจที่ได้กลับมาเหยียบอีกครั้ง

ท่านผู้บัญชาการกับท่านผู้หญิงมารอรับเสด็จ เตรียมถวายพวงมาลัย ผู้บัญชาการทำท่าจะรายงาน

อัมราภาชินีกล่าวตัดบทเสียก่อน

“ขอบคุณทุกคนนะที่มารับ ต้องขอโทษด้วย...แต่เราต้องรีบ”

อัมราภาชินีสบตากงสุลอยากคุยด้วยโดยเร็ว รถขบวนพระที่นั่งเปิดประตูรอรับ แต่พระองค์กลับมองไปที่มอเตอร์ไซค์นำเสด็จ มีตำรวจถอดหมวกยืนทำความเคารพ อัมราภาชินีเอ่ยปากขอยืมแล้วคว้าหมวกกันน็อกมาสวม ขึ้นขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางความตกใจของทุกคน ท่านผู้หญิงลมจับเรียกหายาดม ศรีวิจันทร์เตือนไม่ทันว่าอันตราย

ในสถานกงสุลซามาร์ ท่านกงสุลรายงานอัมราภาชินีว่า ผู้กองอรินไม่มีที่อยู่ของเจ้าหญิงจัสมิน ศรีวิจันทร์ไม่เชื่อ ต้องมีเรื่องอะไรสักอย่างแน่ อัมราภาชินีถามว่าสถานีตำรวจที่จับจัสมินอยู่เขตไหน พอรู้ว่าเขตบางลำพูก็วงไปที่แผนที่

“สั่งคนของเราค้นหาในรัศมี 5 กิโลเมตรจากสถานีตำรวจ เจ้าหญิงไม่น่าอยู่ไกลจากบริเวณนี้”

กงสุลก้มหัวน้อมรับไปปฏิบัติตามคำสั่ง...

จัสมิน เอ็มม่า และนาธานเก็บกระเป๋ารอการมาของกงสุล แต่ไม่มีวี่แวว จัสมินจึงให้รื้อเสื้อผ้าออกมาแขวนตามเดิม แต่นาธานสังหรณ์ใจว่าจะต้องเจอกับอรินอีก

“ไม่มีทาง ไม่ต้องห่วงน่านาธาน เราคงไม่โชคร้ายเจอคนดุจนเป็นบ้าอย่างนั้น เป็นครั้งที่สองหรอก” จัสมินมั่นใจเช่นนั้น

นาธานถอนใจบอกเอ็มม่าว่า ตนสังหรณ์ใจว่าอรินไม่ปล่อยพวกเราง่ายๆ เขาจะต้องสร้างปัญหาให้เจ้าหญิงของเราอย่างมาก แต่เป็นแบบไหนยังไม่รู้

ooooooo

เย็นวันนั้น ชัยชนะขับรถมาจอดหน้าบ้านอริน เห็นบ้านตรงข้ามติดป้ายให้เช่าก็ด้อมๆมองๆ

อริน สิงห์ชัย และชัยชนะนั่งดื่มกันที่บริเวณสนามหน้าบ้าน อรินยังบ่นเรื่องจะต้องจับจัสมินให้ได้ เพราะเชื่อมั่นว่าแม่พิมพ์ธนบัตรปลอมอยู่ที่เธอ

สิงห์ชัยข้องใจถามจะตามราวีเธอไม่เลิกหรือ อรินรับว่าใช่ สิงห์ชัยยิ้มกริ่ม ตนจะได้เจอคนสวยบ่อยๆ อรินแย้งเสียงขุ่นว่า

“คิดจะจับ ไม่ได้คิดจะจีบ”

“นายไม่จีบแต่ฉันจะจีบเว้ย” สิงห์ชัยหลุดปากออกมาแล้วทำหน้าปูเลี่ยนๆ

สามหนุ่มนั่งดื่มแกล้มถั่วจนหมดจาน สิงห์ชัยร้องขึ้นว่าหิวกับแกล้ม เสร็จหรือยังสาวน้อย ขาดคำก็มีเสียงมัดหมี่สวนมาว่าเสร็จแล้ว หนูน้อยมัดหมี่ยกจานมาวาง สิงห์ชัยยิ้มอย่างหมายมาดจะได้กินยำปลากระป๋อง

แต่แล้วต้องฝันค้าง เพราะในจานมีปลากระป๋องหนึ่งกระป๋อง หอมหัวใหญ่หนึ่งหัว มะนาวสองลูกและพริกหนึ่งกำมือพร้อมที่เปิดกระป๋องหนึ่งอัน

“เนี่ยนะ...ยำปลากระป๋อง ยัยมัดหมี่ ตูอยากจะบ้า มันยังไม่ได้ยำนี่”

มัดหมี่เท้าเอวจีบปากจีบคอ “อาก็ทำเองสิคะหนูเพิ่งสิบขวบนะ จะให้เปิดกระป๋องได้ไง เดี๋ยวบาดมือเลือดออกจะว่าไง ใช้แรงงานเด็กเกินไปรึเปล่า”

ชัยชนะหัวเราะเห็นด้วย จัดการจะเปิดกระป๋องให้ แต่ท่าทางเก้กังจนสิงห์ชัยแซวว่าชาตินี้จะได้กินไหม แล้วดึงมาเปิดและทำเองทุกอย่าง ชัยชนะบ่นเบาๆว่าอยู่บ้านมีแม่ครัวทำให้กินตลอด มัดหมี่ร้องขึ้นว่าหิวข้าวให้อรินเจียวไข่ให้หน่อย สิงห์ชัยรีบขอให้เจียวเผื่อด้วย อรินจึงให้มัดหมี่ไปตอกไข่เอาไว้ หนูน้อยกุลีกุจอเข้าครัว

สิงห์ชัยบ่นเป็นเพราะเหวยกังที่ไปผ่าตัดเปลี่ยนหน้า ทำให้พวกตนต้องอดอยาก และว่าถ้าเหวยกังรู้ว่าอรินตามล่า เขาอาจจะเป็นฝ่ายมาหาอรินเองก็ได้ ทันใดเสียงมัดหมี่ร้องกรี๊ดลั่นดังมา อรินตกใจกระโจนข้ามโต๊ะวิ่งไปดูหลาน

มาถึงครัวเห็นมัดหมี่เต้นเร่าๆ ร้องลั่นว่ากลัวและชี้ไปที่กำแพง ทุกคนมองไปเห็นตุ๊กแกตัวเล็กเกาะอยู่ สิงห์ชัยทำปากเก่งว่ากลัวอะไรไม่เข้าท่า มัดหมี่ให้ไล่มันไป สิงห์ชัยยิ้มแหะๆอ้างไม่ชอบรังแกสัตว์ หันไปจะให้ชัยชนะจัดการ แต่รายนั้นกลับกลัวกว่าหลบอยู่ห่างเป็นโยชน์ อรินจึงต้องหาไม้มาเขี่ยไล่มันออกไปเอง สิงห์ชัยโล่งอกบอกวิ่งมาพุงแทบแตก

“ถ้าไม่เพราะคุณมาพูดขู่ พวกเราคงไม่ตกใจกันขนาดนี้”

“อ้าว ว่างี้ได้ไง ที่พูดเตือนเพราะหวังดี คนอย่างมันมาได้รึเปล่าล่ะ”

มัดหมี่ได้ยินชัยชนะกับสิงห์ชัยเถียงกันก็สงสัยว่าใครจะมา สิงห์ชัยบอกคนบางคนอาจจะมาหาอรินที่บ้าน อรินกล่าวเสียงเข้มขึ้นทันที

“ผมไม่ยอมให้มันมาถึงที่นี่ได้หรอก แต่จะไปหาคนของมันแทน”

ooooooo

จัสมินและเอ็มม่าจัดเสื้อผ้ากลับเข้าตู้ จัสมินจะช่วยยกกระเป๋าเก็บก็แปลกใจ ของออกหมดแล้วแต่ทำไมกระเป๋ายังหนักทั้งที่แบบเดียวยี่ห้อเดียวกันกับของตน เอ็มม่าคิดว่าคงเป็นของก๊อบปี้จึงหนักกว่าของแท้ จัสมินจึงเลิกใส่ใจ

เช้าวันใหม่ เอ็มม่ากำลังตากผ้าที่ซัก เห็นรถอรินแล่นเข้ามาก็ชะงัก รีบวิ่งเข้าบ้านไปบอกจัสมิน อรินแค่นยิ้มสะใจ คิดว่าพวกจัสมินต้องร้อนใจที่ตนมา

ครูน้อยต้อนรับอริน ถามว่างหรือถึงแวะมาเยี่ยมเยียน เขาอ้างว่าผ่านมาแถวนี้พอดี แล้วถามวันนี้ไม่มีสอนหรือ ครูน้อยบอกว่าสมัยนี้เด็กไม่ค่อยเรียนรำไทยกันแล้ว หันไปเต้นแบบเกาหลีกันมากกว่า ครูน้อยรู้ทันดักคอว่าที่มาคงไม่ได้มาถามเรื่องแค่นี้ อรินยิ้มแหะๆเชิงยอมรับ ก่อนถามว่าสามคนนั่นทำอะไร จะอยู่นานแค่ไหน ครูน้อยบอกว่าช่วยสอนเด็กๆ

จัสมินกับเอ็มม่าแอบฟัง ร้อนใจกลับออกมาปรึกษากัน เอ็มม่าร้อนตัวชวนหนี แต่จัสมินใจเย็นคิดว่าถ้าอรินรู้ว่าพวกตนเป็นใครก็คงพากงสุลมาด้วยแล้ว นาธานบ่นว่าอรินจะจองล้างจองผลาญกันไปถึงไหน ทันใดเสียงจ้อยเรียก ทั้งสามคนสะดุ้ง จ้อยบอกว่าครูน้อยให้มาตามไปพบ นาธานหวั่นใจท่าจะไม่ดี จัสมินไม่กลัวบอกอย่างมากก็แค่ชกกัน

อรินกำลังบอกครูน้อยว่าตนไม่เชื่อว่าพวกจัสมินไม่มีที่ไป ครูน้อยรับรองและเล่าว่าทั้งสามกระเป๋าเงินหาย เหลือเงินติดตัวกันนิดหน่อยแล้วจะไปไหนได้อย่างไร

นี่ก็เห็นว่าอยากหางานทำแต่สมัยนี้งานมันหายาก

จ้อยเดินนำพวกจัสมินเข้ามา อรินมองอย่างจับผิด ครูน้อยถามจำผู้กองได้ใช่ไหม นาธานบอกใครจะลืมคนที่จะเอาพวกตนเข้าคุกได้ อรินไม่อยากทะเลาะด้วยเดินเข้ามาจ้องหน้าจัสมินถามว่า

“เห็นครูว่ากำลังหางานทำ”

จัสมินนิ่งไม่ตอบ อรินอยากรู้ว่าทำอะไรเป็นบ้าง นาธานจะเข้ามาขวาง จัสมินสบตาเชิงห้าม แล้วหันมาตอบอรินว่าทำได้หลายอย่าง เขาให้แจกแจงแต่เธอก็ย้ำว่าหลายอย่าง นาธานไม่ชอบท่าทีของอรินจึงกวนใส่

“พูดขนาดนี้ยังไม่รู้เรื่องอีกหรือไงผู้กอง เข้าใจอะไรยากจัง”

อรินเคือง สองหนุ่มมองหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมใคร จัสมินเริ่มเป็นห่วงนาธาน...

ฝ่ายเหวยกังเริ่มร้อนใจที่หาพวกจัสมินไม่เจอ เปิดกระเป๋าหยิบเงินซามาร์ออกมามองอย่างครุ่นคิด ตัดสินใจมาสอบถามที่สถานกงสุล แต่ไม่ทันจะเอ่ยถามก็เห็นรูปเจ้าหญิงจัสมินถ่ายคู่กับอิสราธิบดีและอัมราภาชินีขนาดใหญ่ติดอยู่ที่ผนัง

เขาจ้องมองอย่างจำจัสมินได้ แล้วถามว่าภาพใคร เจ้าหน้าที่ตอบว่าองค์รัชทายาทแห่งซามาร์ เหวยกังชะงักยิ้มมุมปากอย่างมีแผนร้าย

ooooooo

วันต่อมา อรินครุ่นคิดจะจัดการอย่างไรกับพวกจัสมินดี เสียงมัดหมี่เล่นเปียโนไม่เป็นเพลงดังลั่นรบกวนสมาธิอีก จึงเกิดความคิดพามัดหมี่กลับมาที่บ้านครูน้อยอีกครั้ง บอกความจำนงว่าอยากได้ครูสอนพิเศษหลาน พอจะแนะนำใครให้ได้บ้างไหม

“สามคนนี่ไงคะ อยู่ว่างๆ คุยกันได้เลย”

มัดหมี่ยิ้มมองจัสมินอย่างถูกชะตา จัสมินยิ้มตอบที่มัดหมี่เป็นเด็กน่าเอ็นดู จ้อยเดินเข้ามายิ้มให้มัดหมี่ แต่เธอกลับเชิดใส่ จ้อยเลยแลบลิ้นให้ มัดหมี่ตกใจจะโวยแต่จ้อยวิ่งหนีไปก่อน

อรินเจรจากับครูน้อยว่าถ้าเล่นเปียโนได้ด้วยจะดีมาก ครูน้อยชี้ไปที่จัสมินแล้วบอกว่าคนนี้เล่นได้ทั้งเปียโนและไวโอลิน มัดหมี่ดีใจเพราะตนอยากเรียนไวโอลินด้วย

อรินถามจัสมินว่าจะรับงานนี้ไหม เธอบ่ายเบี่ยงว่าตนไม่เหมาะกับงานนี้ นาธานยิ้มชอบใจ รีบเอ่ยดักคอว่าตนก็สอนหนังสือเด็กไม่เป็น เอ็มม่าเสริมว่าตนก็เล่นเปียโนไม่เป็น อรินเลยมาเจาะจงที่จัสมิน

“เธอน่าจะเหมาะที่สุด”

“บอกแล้วไงว่าไม่เหมาะ”

“ไม่กล้าก็บอกมาดีกว่า” อรินแกล้งท้า

“ใครบอกว่าเราไม่กล้า แต่ถึงกล้า...ก็ไม่ได้หมายความว่าอยากจะทำ”

ครูน้อยสนับสนุนให้จัสมินไปทำงานกับอริน เพราะปลอดภัยและมีรายได้ไว้เที่ยวอย่างที่เธออยากไป จัสมินสบตาเชิงถามความเห็นนาธาน เขาส่ายหน้า แต่เอ็มม่าท่าทางเห็นด้วย มัดหมี่เข้าประจบเกาะแขนจัสมินขอร้องด้วยสีหน้าน่าสงสาร

“พี่ไปเป็นครูของมัดหมี่นะคะ รับรองหนูจะไม่ดื้อไม่ซนเลย นะคะ...นะ”

จัสมินลำบากใจ อรินแอบยิ้ม คาดหวังว่าสำเร็จแน่...

ชัยชนะกับสิงห์ชัยตามมาที่บ้านครูน้อย สิงห์ชัยบ่นที่อรินพยายามจะจับจัสมินให้ได้ ถามชัยชนะเชื่อหรือว่าเธอจะเป็นพวกเหวยกัง

“ไม่รู้ แต่สามคนนี่ก็ดูมีพิรุธ เหมือนมีเรื่องปิดบัง แต่จะเรื่องดีหรือไม่ดี ไม่แน่ใจเหมือนกัน”

“อ๊ะ ไม่เลว...ติ๋มๆเป็นคุณหนู ที่แท้หลักการดีเหมือนกันนะเนี่ย”

“คนจริงเขาไม่ขี้โม้หรอก” ชัยชนะกล่าวแล้ว เดินจ้ำเข้าบ้านครูน้อย

ระหว่างนั้นจัสมินกำลังหนักใจไม่อยากทำร้ายจิตใจมัดหมี่ หนูน้อยรำพันเรียกร้องความสงสาร

“ที่บ้านเรา มัดหมี่อยู่กับอาสองคน ของกินก็ไม่ค่อยมี กินแต่บะหมี่สำเร็จรูปกับปลากระป๋องบ่อยมาก อ้อ ไข่เจียวอีกอย่าง พี่สอนหนังสือ สอนเปียโนแล้ว จะได้ทำกับข้าวให้มัดหมี่กับอากินด้วยไงคะ”

จัสมินยิ้มอ่อนโยนขอโทษที่ไปไม่ได้ มัดหมี่ทำหน้าจะร้องไห้ ชัยชนะกับสิงห์ชัยเดินเข้ามาสวัสดีครูน้อย อรินยั่วท้าจัสมินว่าเธอคงขี้เกียจ สิงห์ชัยได้ยินกระซิบกับชัยชนะว่าแรงเกิน

จัสมินโมโหยืดตัวต่อว่าอริน กล้าดีอย่างไรมาว่าตน

“พูดแค่นี้ไม่เห็นต้องใช้ความกล้าเลย มันจริงรึเปล่าล่ะ ไม่มีเงินแต่ยังไม่ยอมทำงาน ถ้าไม่ขี้เกียจแล้วจะให้เรียกว่าอะไร พวกเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ”

นาธานโกรธเข้ามามองหน้าอรินว่าพูดเกินไป อรินย้อนไม่ได้พูดด้วยอย่ายุ่ง จัสมินถลันเข้าดึงนาธานไว้บอกอย่าไปทะเลาะกับคนพาลนิสัยหยาบ อรินโวยว่าใคร เธอสวนทันควัน

“ก็คุณไง น่าสงสารมัดหมี่ที่ต้องอยู่กับอาปากร้าย”

มัดหมี่ได้ทีโน้มน้าว “งั้นพี่ยิ่งต้องไปอยู่กับเรา สอนมัดหมี่แล้วจะได้สอนอาอีกคน อาอรินเขาไม่มีใครสอนเหมือนกัน”

จัสมินแอบขำ อรินเอ็ดหลานสาวให้เงียบ ครูน้อยเห็นท่าไม่ดีต้องห้ามทัพ แต่อรินกลับยิ่งยั่วจัสมินว่าขี้ขลาดไม่กล้าทำงานนี้ เธอโกรธหลุดปากว่าทำได้ อรินฉวยโอกาสย้ำว่าพูดคำไหนคำนั้น

“คนอย่างเรา พูดแล้วไม่เคยคืนคำ”

“ดี...ถ้าไม่ขี้ขลาดจริงก็ไปทำงานด้วยกัน แต่ถ้าไม่กล้าไปทำ ก็ยอมรับเถอะว่าปอดแหก”

สิงห์ชัยทำท่าสยองเกรงอรินจะโดนตบกลางอากาศ อรินยังท้าทายให้จัสมินยอมรับออกมาไม่ต้องกลัว

เสียฟอร์ม หญิงสาวเชิดหน้าอย่างทะนงในศักดิ์ศรี

“ได้...เพื่อพิสูจน์ว่าคนอย่างเราไม่เคยกลัวใคร เราจะไปทำงานสอนหนังสือมัดหมี่เอง”

นาธานกับเอ็มม่าตกใจห้ามไม่ทัน มัดหมี่ร้องเย้ดีใจ อรินสมใจให้จัสมินไปเก็บเสื้อผ้า พอได้ยินเอ็มม่าชวนนาธานไปเก็บของ ก็รีบชี้แจงว่าจ้างจัสมินคนเดียว นาธานไม่ยอมบอกว่าพวกตนต้องอยู่ด้วยกัน เอ็มม่าเสียงแข็งถ้าพวกตนไม่ได้ไปด้วยกันก็ไม่ไปทั้งหมด ชัยชนะนึกหาทางแก้
จัสมิน นาธาน และเอ็มม่ามาปรึกษากัน จัสมิน

บอกว่าควรจะทำงานเพราะเกรงใจครูน้อย แต่นาธานไม่ไว้ใจอริน เสนอให้กลับซามาร์ จัสมินไม่ยอม ถ้าต้องเลือก ยอมทำงานกับคนนิสัยเสียดีกว่ากลับบ้าน

“เรายังไม่ได้เที่ยวอะไรเลย อีกอย่าง...รู้สึกไหมว่านายคนนิสัยเสียเนี่ย อยากได้เราไปทำงานด้วยซะจริง เขาเคยพูดเหมือนเราทำงานหรือเป็นพวกใครอะไรเนี่ย แต่ฟังแล้วก็ไม่เข้าใจ”

“อย่าไปสนใจเลยท่าน”

“มันต้องมีอะไรสักอย่างนะนาธาน ถ้าไปทำงานกับเขา เราอาจจะรู้ว่ามันเรื่องอะไรกัน”

“จะต้องทรงอยากรู้เหรอเพคะ”

“แน่นอนต้องรู้ให้ได้ ถ้าไม่รู้เดี๋ยวนอนไม่หลับสิ” จัสมินรู้สึกสนุกแต่สองผู้ติดตามไม่สนุกด้วย

ครูน้อยไกล่เกลี่ยให้อรินพบกันครึ่งทาง ยอมให้นาธานกับเอ็มม่าไปอยู่ด้วย มัดหมี่บอกว่าที่บ้านมีสองห้อง คือห้องตนกับห้องอริน เอ็มม่าพึมพำว่าจน อรินได้ยินยอมรับว่าใช่ เพราะตนไม่เคยคอร์รัปชันจึงไม่รวย ชัยชนะเห็นว่าไม่ได้ข้อสรุปสักทีจึงเสนอหาทางออกให้

“เอาอย่างนี้ได้ไหมครับ ให้คุณนี่ไปอยู่บ้านอริน ส่วนคุณนาธานกับคุณเอ็มม่ามาอยู่หลังตรงข้าม ก็เหมือนบ้านเดียวกัน แค่ถนนกั้นนิดเดียว”

อรินท้วงว่าจะไปอยู่บ้านคนอื่นได้อย่างไร ชัยชนะบอกว่าบ้านนั้นให้เช่า ตนโทร.ถามแล้วมีสามห้องนอน ถ้าตกลงกันได้ตนจะเช่าเอง สิงห์ชัยเห็นดีขอมาอยู่ด้วยคน ท่าทางสบายกว่าแฟลตตำรวจแถมไม่ไกลจากที่ทำงาน จ้อยยืนฟังหน้าเศร้า ชัยชนะเห็นจึงชวนไปอยู่ด้วยกัน

รถชัยชนะแล่นตามรถอรินมาจอดหน้าบ้าน อรินให้นาธานไปเปิดประตูรั้ว เขามองอย่างไม่พอใจ มัดหมี่จึงจัดการเปิดให้เอง นาธานจะเดินตามจัสมินเข้าบ้านอริน แต่อรินชี้ให้ไปบ้านตรงข้าม เอ็มม่าจะขออยู่กับจัสมิน แต่จัสมินบอกไม่ต้องห่วงตนเอาตัวรอดได้

เอ็มม่ากระซิบว่าบ้านหลังนิดเดียวอยู่ได้หรือ เธอบอกอยู่ไม่นาน เก็บเงินได้ก็จะไปเที่ยวกัน...อรินทำเสียงเข้มถามว่าจะยืนชมวิวกันอีกนานไหม จัสมินค้อนขวับเดินปึงปังตามมัดหมี่เข้าไป

ด้วยประตูแคบทำให้มือจัสมินโดนมืออรินอย่างไม่ตั้งใจ เธอดึงมือออกอย่างรวดเร็ว อรินหมั่นไส้บอกไม่ต้องทำรังเกียจขนาดนั้น ตนไม่เคยคิดจะแต๊ะอั๋ง ว่าแล้วก็เดินไป จัสมินมองตามหลังสบถว่าคนบ้า นาธานเดินเข้ามาได้ยินพอดี ถึงกับยืนเหวอเพราะเข้าใจผิด

เอ็มม่าเดินตามจัสมินเข้ามาเห็นบ้านอรินทั้งรกและเล็ก ก็กระซิบถามจัสมินว่าอยู่ได้แน่หรือ เธอบอกถ้าไม่ได้ก็จะโดนว่าเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่ออีก มัดหมี่ชวน

จัสมินนอนห้องเดียวกับตน นาธานตามเข้ามาจะช่วยจัสมินยกกระเป๋า อรินปรามไม่ชอบให้คนอื่นขึ้นไปวุ่นวายบนบ้าน ถ้ากระเป๋าแค่นี้ยกเองไม่ได้ก็ไม่ต้องทำอะไรกินแล้ว จัสมินจึงยกเอง นาธานมองตามอย่างห่วงๆ

จัสมินเห็นห้องนอนก็ชะงัก รกมากนึกว่ารังหนู มัดหมี่บอกว่ามีกลิ่นตุๆด้วย และว่าห้องนี้เป็นห้องอริน ห้องตนอยู่ถัดไป จัสมินเห็นห้องที่มัดหมี่อยู่ค่อยสะอาดหน่อย มีเตียงนอนใหญ่ ถามว่าปกติใครอยู่ห้องนี้ มัดหมี่ตอบว่าเมื่อก่อนอรินอยู่คนเดียว

ทั้งสองช่วยกันจัดเก็บเสื้อผ้าแล้วพากันลงมาข้างล่าง เห็นอรินนอนเอกเขนกดูทีวีก็เดินไปที่เปียโน

จัสมินให้มัดหมี่ลองเล่น หนูน้อยเล่นไม่เป็นกดมั่วไปจนเธออดขำไม่ได้ ก่อนบอกว่าจะเริ่มสอนให้ใหม่ มัดหมี่นึกได้ว่ายังไม่รู้ชื่อครูเลย

จัสมินอ้ำอึ้ง นึกถึงตอนอยู่ซามาร์ เห็นท่านแม่ชอบเก็บดอกมะลิและเป็นดอกไม้ที่หอม แม่บอกว่าเป็นดอกไม้ไทยชื่อดอกมะลิ ซึ่งชื่อเธอก็แปลว่าดอกมะลิ จึงบอกมัดหมี่ว่าตนชื่อมะลิ

อรินได้ยินแซวว่าเชยมาก ชื่อเหมือนคนอายุห้าสิบปีขึ้นไป จัสมินไม่สนใจบอกตนชอบและไพเราะดี มัดหมี่เปรยว่าไม่เหมาะกับครูเลย อรินแย้งว่าใครบอกไม่เหมาะ สมตัวที่สุด เชยสุดในสามโลก

จัสมินหน้าบึ้งตึงด้วยความโกรธ อรินเห็นแล้วชอบใจที่ยั่วเธอได้

ooooooo

ดาวหลงฟ้า ภูผาสีเงิน

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด