สมาชิก

ดาวหลงฟ้า ภูผาสีเงิน

ตอนที่ 11

เช้าวันใหม่ ศลิษาส่งผ้าขนหนูให้ราชิดหลังจากเขาออกกำลังกายเสร็จ กล่าวขอโทษเรื่องเมื่อคืนที่เสียมารยาทดื่มหนักในห้องเขา ราชิดติงถ้าจะดื่มต้องรู้จักควบคุมตัวเอง ไม่ควรดื่มในห้องผู้ชายที่เพิ่งรู้จักกัน ผู้หญิงจะมีค่าขึ้นอยู่กับการกระทำของตัวเอง

ศลิษาสะอึกเล็กน้อยแต่ยังออดอ้อน “ผู้ชายศิขรินเป็นสุภาพบุรุษไม่ฉวยโอกาสแบบคุณทุกคนไหมคะ”

“ถ้ารู้จักกันมากกว่านี้ ผมอาจไม่ดีเหมือนที่คุณคิด”

ศลิษาหมายมาดจะจับเขาให้อยู่หมัด ชวนคุยถึงบ้านที่ศิขริน หวังว่าจะได้ไปเที่ยวที่นั่นบ้าง ราชิดตอบด้วยกิริยาสุภาพว่าที่นั่นต่างกับที่นี่จนเธอคิดไม่ถึง พอดีจอทีวีมีภาพธงชาติซามาร์และศิขรินขึ้นพร้อมกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งสองประเทศร่วมมือกันกวาดล้างกลุ่มก่อการร้ายจีโบ ซึ่งเป็นปัญหามายาวนาน มีการใช้อาวุธหนักถล่มกลุ่มจีโบในหลายพื้นที่

ราชิดจ้องมองข่าวด้วยความแค้นใจ พลันมือถือดังขึ้น เขารีบขอตัวแยกจากศลิษาอ้างว่ามีธุระต้องทำ... ราชิดมาหาซีนอนที่โรงพยาบาล เขาบอกว่าเห็นจัสมินกับเอ็มม่าเดินอยู่ที่นี่ ราชิดสั่งห้ามทำอะไรนอกเหนือคำสั่งแล้วบุ้ยใบ้ให้ดูว่ามีคนคอยคุ้มกันอยู่

จัสมินกับเอ็มม่าออกมาหาซื้ออาหาร ราชิดทำทีเข้ามาทักทายโดยบอกว่าตนมาตรวจสุขภาพ แล้วเอ่ยถามว่าเธอเห็นข่าวซามาร์กับศิขรินรวมตัวกันปราบจีโบหรือยัง เอ็มม่าทำหน้าเซ็งเมื่อได้ยินเรื่องการเมือง กระซิบชวนเจ้าหญิงให้ไปกัน แต่จัสมินคิดว่าเรื่องนี้ตนควรรู้

“งั้นก็ตามทัย แต่อย่านานนะเพคะ ต้องไปซื้อของอีก”

ทั้งสามมานั่งร้านกาแฟในโรงพยาบาล ราชิดเปรยว่าไม่รู้จะยาวนานแค่ไหน สถานการณ์ถึงจะสงบ อาจมีผลถึงพวกเราถ้าคิดจะกลับประเทศ จัสมินขอให้เล่ารายละเอียดของข่าว

“อิสราธิบดีแห่งซามาร์มีทหารทั้งกองทัพอยู่ในมือ คิดจะบดขยี้พวกจีโบเมื่อไหร่ก็ย่อมทำได้ คราวนี้คงคิดกวาดล้างจีโบให้สิ้นซาก” ราชิดเล่าด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“แต่เราคิดว่าราชาธิบดีแห่งซามาร์ไม่คิดทำเช่นนั้น การใช้กำลังเข้าต่อสู้กันไม่เคยแก้ปัญหาอะไรได้”

“จริงๆแล้วซามาร์ควรจะดีกับพวกจีโบให้มาก จัดตั้งขึ้นเป็นเขตปกครองพิเศษให้พวกจีโบดูแลกันเอง คุณเห็นด้วยไหม” ราชิดเสนอแนะ

“ขืนทำแบบนั้น ชนกลุ่มน้อยกลุ่มอื่นก็จะขอทำตามแบบจีโบ ซามาร์จะสูญเสียการปกครองและความมั่นคงของประเทศทันที”

“ก็คิดกันแบบนี้ถึงตกลงกันไม่เคยสำเร็จ จีโบคือกลุ่มที่ใหญ่ที่สุด จะเรียกว่ามีบุญคุณกับซามาร์ก็ยังได้ จีโบเป็นแนวกันชนการสู้รบรุกรานจากศิขรินนับครั้งไม่ถ้วน”

“ก็ศิขรินประเทศคุณใช่ย่อยที่ไหน ชอบรุกรานประเทศเราตลอด” เอ็มม่าโพล่งขึ้น

จัสมินปราม ราชิดสวน “ปัญหานี้ยาวนาน ประเทศพวกเราสู้รบกันมาเป็นร้อยปีเพราะเรื่องดินแดน ต่างฝ่ายก็คิดแต่จะรักษาผลประโยชน์ของตัวเอง ไม่เคยคิดถึงฝ่ายอื่นว่าพวกเขาก็ต้องการพื้นที่เพื่อมีชีวิตอยู่บนโลกนี้เช่นกัน”

จัสมินติงดูเขาจะเห็นใจกลุ่มจีโบ ราชิดอ้างแค่ไม่อยากให้ทุกฝ่ายสูญเสียไปมากกว่านี้ หาว่าซามาร์เป็นประเทศใหญ่ที่ไม่เคยฟังใคร จัสมินชักเคือง “เราว่าคุณกำลังมองประเทศเราผิด”

“จะผิดได้ยังไง ในเมื่อซามาร์กดหัวพวกจีโบให้อยู่ใต้อำนาจมาเป็นร้อยปี ไม่เคยทำตามสัญญาคืนดินแดนให้” ราชิดเผลอระบายความคับแค้นอัดอั้นในใจ

“เราว่าคุณกล่าวหาซามาร์มากเกินไป ซามาร์ไม่เคยสัญญาจะคืนดินแดนให้ บริเวณภูผาสีเงินจะแบ่งแยกไปจากซามาร์ไม่ได้” จัสมินสบตาราชิดอย่างไม่หวั่นเกรง

เอ็มม่าเห็นท่าไม่ค่อยดี รีบแทรกขึ้นว่า นี่แหละที่เขาว่าการเมืองเถียงกันไม่มีวันจบ ขอให้พอแค่นี้ ราชิดยังจ้องจัสมินไม่วางตา เธอก็จ้องกลับอย่างไม่กลัวเกรงเช่นกัน

ooooooo

ขณะที่ซีนอนเฝ้าดูความเคลื่อนไหวที่หน้าบ้าน

อริน เมื่อไม่เห็นมีใครก็ขี่บิ๊กไบค์กลับ เหวยกังแอบขี่รถตามโดยที่ซีนอนไม่ทันสังเกต จนมาถึงโรงแรม ราชิดเดินมาคุยกับซีนอนท่าทางระมัดระวังตัว เหวยกังยิ้มเหยียดอย่างมีแผนร้าย

เมื่อผลการตรวจเช็กออกมาแล้วว่า พาสปอร์ตของซีนอนเป็นของปลอม เช็กไปทางศิขรินไม่มีบุคคลนี้ ในฐานระบบประชากร พอฤดีชี้แจงว่าศิขรินเป็นประเทศเล็กๆ ระบบราชการค่อนข้างเก่า แถมฐานข้อมูลบางอย่างสูญหายจากการเปลี่ยนผู้นำประเทศ ไม่แปลกที่การตรวจเช็กจะล่าช้า อรินเจ็บใจไม่น่าปล่อยตัวซีนอนไปเร็ว สิงห์ชัยว่าเป็นไปได้ไหมว่าแก๊งห้ามังกรมีส่วนช่วย หรือไม่ก็เป็นพวกเดียวกับเหวยกัง

อรินไม่แน่ใจ พวกมันอยู่ในเงามืดจ้องมาที่มะลิตลอดเวลา พอฤดีคิดว่าซีนอนกับเหวยกังเป็นกลุ่มเดียวกันเพราะฝีมือการต่อสู้คล้ายกัน อรินไม่ตัดประเด็นคิดว่าทั้งสามเป็นพวกเดียวกัน นอกจากเรื่องแท่นพิมพ์แล้วอาจจะมีเรื่องอื่นที่ทำให้คนพวกนี้ตามล่ามะลิ ว่าแล้วก็คิดจะกลับไปถามให้ได้ข้อมูล สิงห์ชัยแซวทันทีว่าหาข้ออ้างไปหาสาว เขาถลึงตาใส่ สิงห์ชัยสะดุ้งยิ้มแหะๆ

จัสมินดูแลนาธานอยู่ที่โรงพยาบาล เธอเอาตราองครักษ์ที่บุบบี้คืนให้บอกเขาว่ากลับไปจะให้ช่างซ่อมแซมใหม่ นาธานรับมาอย่างเทิดทูน “เหรียญตราที่พระองค์มอบให้ ช่วยชีวิตหม่อมไว้ รอยบุบนี้จะทำให้หม่อมระลึกถึงบุญคุณของมัน ไม่ต้องซ่อมดีกว่ากระมัง”

“บุญคุณอะไร เธอต่างหากที่ต้องทวงจากเรา ถ้าเธอไม่มาขวาง ป่านนี้เราอาจจะไม่มีลมหายใจแล้ว”

นาธานบอกว่าเป็นหน้าที่ของราชองครักษ์ ถึงตายก็ไม่เสียดาย...จัสมินสวน สั่งเสียงเฉียบ “ไม่เอา เราเสียดาย อยู่เป็นเพื่อนเรากับเอ็มม่าก่อนเข้าใจไหม”

นาธานรับคำด้วยแววตารักและหลงใหล จัสมินเปลี่ยนมาคุยเรื่องคนร้ายว่าเป็นคนเดียวกับที่ทำร้ายตนในปั๊ม นาธานนึกได้ว่าการต่อสู้เหมือนกันแสดงว่าเป็นคนจากซามาร์แต่ใครจะกล้าทำร้ายเจ้าหญิง ทั้งสองชะงักมองตากันอย่างเฉลียวใจ หรือจะเป็นพวกจีโบ

ระหว่างนั้นเอ็มม่าเดินออกจากร้านขายของ เจอกับอรินที่รีบร้อนเดินมา พอเห็นเธอเขาก็รีบถามถึงเรื่องพ่อแม่มะลิ เขาคิดว่าการถูกตามล่าอาจมาจากปัญหาพ่อแม่ขัดผลประโยชน์กับใครก็เป็นได้ เพราะเป็นคนมีฐานะดี เอ็มม่าแอบอิจฉาที่อรินเป็นห่วงแต่เรื่องของจัสมิน จึงใส่สีสัน

“ไม่ใช่แค่ฐานะแต่มีทั้งบุญบารมี เป็นที่นับถือของชาวซามาร์ แต่จะมีศัตรูหรือไม่มีฉันก็ไม่แน่ใจ...พวกท่านสนิทกับพ่อแม่เรามากถึงขั้นที่ว่า...หมายตากันไว้”

อรินฉงน เอ็มม่ายิ้มกริ่มเล่าว่ามะลิกับนาธานเป็นคู่หมายกัน ทั้งซามาร์ไม่มีใครเหมาะสมเท่าพี่ชายตน “มะลิเคยบอกคุณหรือเปล่าว่าพวกเราอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เกิด”

อรินอึ้งครุ่นคิด...รีบเข้ามาหาจัสมินในห้องคนไข้ เห็นเธอกำลังประคองนาธานให้ดื่มน้ำ ก็ยิ่งรู้สึกหึง จัสมินเห็นเขามาก็ให้ช่วยหยิบยาให้ เขากลับประชดนาธานว่าแขนยกไม่ขึ้นหรือถึงต้องป้อน จัสมินไม่เข้าใจว่าหงุดหงิดอะไรมา

เอ็มม่าลอบยิ้มสมใจ อรินเอารูปซีนอนให้นาธานดูว่าใช่คนที่ยิงเขาไหม นาธานพยักหน้า อรินบอกว่าเขาปลอมแปลงพาสปอร์ต ไม่มีสัญชาติแน่นอน กำลังสงสัยว่าจะเป็นพวกเดียวกับเหวยกังหรือพวกที่เอากล้องมาติด จัสมินสบตานาธานเพราะสงสัยกันอยู่ว่าเป็นพวกกลุ่มจีโบ อรินเห็นสายตาที่มองกันก็รีบถามมีอะไรปิดบัง ทั้งสองส่ายหน้า นาธานบอกจะขอหมอออกจากโรงพยาบาลเพื่อกลับซามาร์เสียที

อรินฉุน “โห จะรีบก็ดูสังขารหน่อย ออกไปตอนนี้ก็เดี้ยง เดี๋ยวได้แผลแตกบนเครื่องให้ชาวบ้านเขาตกใจอีก ให้หายก่อนดีกว่ามั้ง”

เอ็มม่าทำทีมองถ้วยข้าวแล้วร้องว่า พอมะลิป้อนพี่เจริญอาหาร ไม่เหมือนเวลาอยู่กับตน สงสัยต้องให้ดูแลบ่อยๆ อรินตวัดตามองอย่างเคืองๆ จัสมินไม่รู้เรื่องบอกตนก็อยู่ตลอดอยู่แล้ว นาธานรู้ว่าอรินมีท่าทางฉุนเฉียวเพราะหึง จึงมองน้องสาวด้วยสายตาตำหนิ เอ็มม่าหุบยิ้มยืนนิ่ง

กลับมาสำนักงานตำรวจ อรินกับพวกนั่งถกปัญหากันว่าคนที่เข้ามาช่วยมะลิกับนาธานเป็นใคร ทำไมไม่มีคนเห็น สิงห์ชัยคิดว่าเป็นพวกพลเมืองดี พอฤดีกลับคิดว่ามะลิยังมีเรื่องปิดบัง ชัยชนะเชื่อสัญชาตญาณของอรินว่าทุกคนต้องมีอะไรเกี่ยวโยงกัน

ด้านนาธานถามเอ็มม่าคิดว่าคนที่ยิงตนจะเป็นพวกกลุ่มจีโบไหม เอ็มม่าสะบัดเสียง “ก็ไม่รู้สิคะ น้องไม่มีความเห็น ไม่เห็นตอนที่สู้กันด้วย ไปก็เจอจมกองเลือดปกป้องเจ้าหญิงอยู่แล้ว”

จัสมินชะงักรู้สึกได้ว่าเอ็มม่าพูดเสียดสีตัวเอง จึงบอกนาธานให้บอกน้องสาวเขาด้วยว่า ตนไม่ได้อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ ขอโทษที่ทำให้เจ็บตัว นาธานรีบแก้แทนว่าไม่ใช่ความผิดท่าน แล้วเอ็ดเอ็มม่าให้ทูลขอโทษ แต่เธอกลับขออภัยด้วยน้ำเสียงประชดประชัน อ้างว่าเครียดไปหน่อย จัสมินเม้มปากอย่างรู้แน่ชัดว่าเอ็มม่าไม่พอใจตน พอดีพยาบาลมาเชิญให้ไปที่ห้องการเงิน

จัสมินกับเอ็มม่าได้รับบิลค่ารักษา ทั้งหมดเป็นเงินเกือบแสน เอ็มม่าจะเอาสร้อยเพชรที่แม่ให้ไปจำนำ จัสมินถอดแหวนส่งให้สมทบ เอ็มม่าเห็นสร้อยคอที่อรินให้จัสมินแล้วยิ่งเจ็บใจ

“ไม่ต้องรบกวนองค์หรอกเพคะ พี่นาธานเป็นพี่ชายหม่อมฉัน มิอาจเอื้อมที่จะเอาทรัพย์ส่วนพระองค์มาขาย สร้อยหม่อมฉันคงขายได้ราคาพอที่จะจ่ายทุกอย่าง ทรงเก็บไว้เถอะเพคะ”

“พูดอะไร นาธานก็เป็นคนของเราด้วย ค่าใช้จ่ายก็ไม่ได้มีแค่นี้ กว่าจะออกจากโรงพยาบาลคงต้องใช้เงินอีกเยอะ รับไปเถอะ ถือว่าเราให้”

“หม่อมฉันขอพระราชอนุญาตไม่รับ หวังว่าคงเข้าพระทัย”

ชัยชนะเดินผ่านมา เห็นสองสาวคุยกันหน้าเครียด มองบิลในมือก็พอจะเดาได้ เขาตามเอ็มม่าไปจนถึงหน้าโรงรับจำนำ พอเธอจะเข้าไปเขาก็จับมือไว้ เสนอให้ความช่วยเหลือโดยไม่ต้องการอะไรตอบแทน เอ็มม่ามองสร้อยในมืออย่างเสียดาย สบตาเขาถามทำไมยังดีกับตน ทั้งที่ตนพูดแย่ๆกับเขาตั้งมากมาย

“ไม่เป็นไรเลย ถึงคุณจะไม่รักผม ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องโกรธกันนี่ เรื่องหัวใจบังคับไม่ได้ผมรู้ดีแล้วที่ช่วยเนี่ยก็คนละเรื่องกันเลยด้วยซ้ำ เพื่อนก็ต้องช่วยเพื่อนไม่ใช่เหรอครับ”

เอ็มม่าทึ่งกับความคิดในแง่ดีของชัยชนะ...จัสมินมาขอบคุณชัยชนะที่หน้าเคาน์เตอร์การเงิน กลับซามาร์แล้วจะส่งเงินมาคืน ชัยชนะขอให้ทั้งสองอย่าบอกนาธาน จะเกรงใจกันไปใหญ่และถ้ามีบิลออกมาอีกตนให้เขาส่งที่ตนโดยตรง ทั้งจัสมินและเอ็มม่ารู้สึกขอบคุณเขาอย่างมาก

ooooooo

หน้ากรมตำรวจ เหวยกังปลอมเป็นบุรุษไปรษณีย์ถือกล่องพัสดุเข้ามา เอากล่องใหญ่แอบวางที่ข้างกระถางทางเข้าตึก และถือกล่องเล็กไปวางที่หน้าห้องทำงาน

อริน ก่อนกลับเห็นกล้องวงจรปิดก็เข้าไปยิ้มเยาะใส่อย่างท้าทาย

พอฤดีเดินมาเห็นกล่องน่าสงสัยก็รีบโทร.เรียกชัยชนะมาตรวจสอบ ทุกคนยืนดูห่างๆ ชัยชนะเปิดกล่องเห็นว่าเป็นระเบิด ใช้ความสามารถวิเคราะห์ว่าจะตัดสายไหนเพื่อยุติการระเบิด กว่าจะทำสำเร็จเล่นเอาเหลือเวลาไม่กี่วินาที พอฤดีโล่งใจ สิงห์ชัยรี่เข้าไปสั่งให้เช็กลายนิ้วมือคนร้าย ทุกคนขำที่ตอนนี้มาทำเก่ง ไม่ทันไรตำรวจหน้าตาตื่นมารายงานว่าพบอีกกล่องน่าสงสัย

ชัยชนะรีบมาดูเห็นว่าไม่อาจกู้ตรงนี้ได้มันอันตราย สิงห์ชัยอยากโชว์ออฟบ้างพุ่งเข้าไปยกกล่องจะย้ายที่ให้ ชัยชนะร้องลั่น...อย่าแตะ วางลง! สิงห์ชัยตกใจมือไม้อ่อนทำกล่องหล่นใส่เท้าตัวเอง ทุกคนรีบหาที่หลบ ชัยชนะ ดึงพอฤดีมากอดเอาตัวปกป้อง สิงห์ชัยร้อง

“อ๊าก โอ๊ย! ระเบิดแล้ว เจ็บเท้า ขาผม...” เสียงในกล่องดังตู้ม “ระเบิด! อ้าว ไม่ระเบิดแฮะ”

ทุกคนงงที่ไม่มีอะไรออกมาจากกล่อง สิงห์ชัยหัวเราะแก้เก้อ อรินเข้าไปเปิดกล่อง เห็นเครื่องอัดเสียงเล่นวนๆ... ติ๊กๆ...ตูม... และมีกระดาษแผ่นเล็กเขียนข้อความว่า...อย่านึกว่าครั้งหน้าจะโชคดี...พร้อมมีตราประทับของแก๊งห้ามังกร อรินสบตาชัยชนะอย่างรู้กันว่าเป็นเหวยกังแน่

พอเช็กภาพจากกล้องวงจรปิดเห็นหน้าเหวยกังยิ้มเยาะหยามหยัน อรินเห็นแล้วเจ็บแค้นอย่างมาก สิงห์ชัยโอ่น่าจับมาเตะตูด กล้ามาแหยมถึงถิ่น หัวหน้าหัวเราะหึๆเข้ามา

“ได้ยินว่ามีหน่วยของผมเท้าขาดด้วยเหรอผู้กองสิงห์”

สิงห์ชัยยิ้มแหยๆ “แหมหัวหน้า ก็คนมันตกใจ กล่องก็ดั๊นร่วงใส่เท้าพอดีเป๊ะ”

พอฤดีพึมพำว่าเขาตื่นตูม หัวหน้าปรามอรินอย่าไปเล่นตามเกมเหวยกัง จะเสียท่าได้...อรินโทร.บอกให้จัสมินกลับบ้านเอง เธอฟังเรื่องที่เขาเล่าแล้วเป็นห่วงเขามาก นาธานโล่งใจไปเปลาะที่เป้าหมายคืออรินไม่ใช่เจ้าหญิง ฉะนั้นควรรีบกลับซามาร์จะได้ปลอดภัย เอ็มม่าเห็นด้วย

ถึงบ้าน จัสมินไม่เป็นอันทำอะไรนั่งเป็นห่วงอริน พอเขากลับมาก็รีบสำรวจว่าเขาบาดเจ็บตรงไหนบ้าง อรินดีใจแกล้งเหน็บ ยังดีที่ห่วงกันบ้างนึกว่าจะห่วงแต่นาธาน หญิงสาวค้อน

“จะคนไหนเราก็ห่วงทั้งนั้น”

อรินแกล้งปั้นหน้าขรึมแล้วแอบอมยิ้มปลื้มปริ่ม...

ในคืนนั้นจัสมินเล่านิทานให้มัดหมี่ฟังจนหลับ พอจะปิดไฟนอนก็ได้ยินเสียงกีตาร์ดังมา จึงออกมามอง เห็นอรินนั่งเล่นกีตาร์ร้องเพลงอยู่ที่สนาม พอเขาเห็นเธอก็หยุดทำหน้าบึ้ง เธอแปลกใจถามเขาเป็นอะไร อรินตอบว่าโกรธ

“โกรธเรา...เรื่องอะไรนึกไม่เห็นออก” อรินทำเมินไม่สนใจ จัสมินหมั่นไส้ “โกรธอะไรเนี่ย ตกลงจะพูดกันไหม”

อรินน้ำเสียงงอนๆ “เธอมัวแต่ไปดูแลทางนั้น ฉันก็เหงาสิ”

จัสมินอธิบายว่านาธานเจ็บ เขาเป็นเพื่อนตั้งแต่เด็กจะไม่ให้ห่วงได้อย่างไร อรินบอกให้ปล่อยน้องสาวเขาดูแล ตนก็เหงาเหมือนกัน หญิงสาวส่ายหน้าเราต่างก็ต้องทำหน้าที่ เอ็มม่าดูแลคนเดียวไม่ไหว อรินยังทำหน้างอ เธอหมั่นไส้จะกลับไปนอน เขาคว้ามือเธอไว้ถามอ้อนๆไม่ง้อกันบ้างหรือ เธอดึงมือออกบอกถ้าโกรธเรื่องไร้สาระตนไม่ง้อให้เหนื่อย เขาโอดครวญ

“ใครว่าไร้สาระ นี่แหละเรื่องใหญ่ อ้าวเดี๋ยวสิ...โธ่เอ๊ย ง้ออีกนิดก็ไม่ได้ จำไว้เลย”

จัสมินเดินดุ่มๆกลับเข้าบ้าน อรินมองตามตาละห้อย

ooooooo

ศลิษายังคงมาใกล้ชิดเอาอกเอาใจราชิด เขาจึงบอกเธอว่าไม่นานเขาต้องกลับบ้าน เธอขอตามไปเที่ยวด้วยคน เขาบอกด้วยน้ำเสียงเรียบๆว่าคงไม่สนุก ที่นั่นไม่สะดวกสบายเหมือนที่นี่ เธอออดอ้อนว่าถ้าไปกับเขาตนไม่กลัวลำบาก ศลิษาตัดสินใจเกาะแขนเขารุกเต็มที่

“เราก็สนิทกันพอสมควร คุณก็ไม่มีใคร ไม่คิดอยากจะศึกษาดูใจกันหน่อยเหรอคะ อย่าหาว่าใจกล้ามากไปล่ะ”

ราชิดดึงแขนออกอย่างสุภาพ “ไม่ว่า ขอบคุณสำหรับความรู้สึกที่ดี แต่ผมไม่มีเวลาคิดเรื่องนี้” เธอเซ้าซี้ขอโอกาส “ไม่มีโอกาสให้ใครทั้งนั้นแม้แต่ตัวเอง สำหรับเราความเป็นเพื่อนเหมาะสมที่สุดแล้ว” ราชิดตัดบท แต่ศลิษาไม่ยอมแพ้ แววตาท้าทายอยากลองเชิงในที

รุ่งเช้า จัสมินรดน้ำต้นไม้ไม่สนใจว่าอรินจะออกไปทำงาน เขาแปลกใจทำไมกลายเป็นเธองอน จึงชวนคุยว่าต้นไม้งอกงามเพราะคนรดน้ำเก่งนี่เอง จัสมินดึงมือเขามายัดสายยางใส่แล้วจะเดินไปบ้านตรงข้าม

เหวยกังกับลูกน้องเอากล่องมาวางหน้าบ้านแล้วซุ่มดู ลูกน้องถามว่านั่นใคร เขาตอบว่าคนสำคัญของไอ้ผู้กอง...องครักษ์ที่เฝ้าดูแลเห็นมีกล่องวางหน้าบ้านก็เข้าไปสำรวจ พลันได้ยินเสียงฝีเท้าจัสมินเดินมาก็รีบหลบ จัสมินเห็นกล่องวางอยู่ก็จะหยิบ เสียงอรินที่เดินตามมาร้องห้ามไม่ให้หยิบและให้ถอยออกมา เขาดึงเธอเข้ามากอด เธอโวยจะทำอะไร

“ในกล่องอาจมีระเบิด” ว่าแล้วอรินก็ร้องเรียกชัยชนะให้ออกมาดู

ชัยชนะวิ่งออกมาจากบ้านตรงข้าม พอเห็นว่ามีกล่องน่าสงสัยก็ร้องบอกสิงห์ชัยให้เอากล่องกู้ระเบิดออกมา สิงห์ชัยหน้าเสียระเบิดอีกแล้วหรือ

พอชัยชนะกรีดฝากล่องเปิดออก เห็นผ้าสีขาวโดนมีดกรีดยับเปื้อนเลือดแดงฉาน และมีกระดาษเขียนด้วยเลือดว่า “ระวังของรักของแกให้ดี...ผู้กองอริน”

อรินเจ็บใจและเป็นกังวลที่เหวยกังมาถึงบ้าน องครักษ์ที่เฝ้าดูรีบรายงานหัวหน้าทันที...ไม่นานพอฤดีมาช่วยตรวจสอบและส่งกองพิสูจน์หลักฐาน บอกพวกมันตั้งใจเล่นสงครามจิตวิทยากับเรา สิงห์ชัยหวาดหวั่นเสนอให้ย้ายหนี อรินไม่หนีแค่นี้พวกมันก็ลำพอง ชัยชนะเห็นด้วย รอให้พวกมันเปิดเผยตัวจะได้จัดการรวบยอด อรินเป็นห่วงแต่มัดหมี่กับมะลิ

ชัยชนะมองไปทางพอฤดีเชิงขอร้อง เธอเห็นสายตาเขาก็พอจะเข้าใจ “ก็ได้ๆ...ผู้กองชัยชนะคะ ที่ตามฉันมาที่นี่ก็เพราะอย่างนี้ล่ะสิ เจ้าแผนการจริงๆ”

ชัยชนะยิ้มกริ่ม “ถ้าอย่างนั้นขอเชิญคุณพอฤดีเข้ามาอยู่บ้านผมได้เลยนะครับ ห้องคุณเอ็มม่าว่างพอดี”

จัสมินเกรงใจที่พอฤดีต้องมาคอยคุ้มกัน เธอบอกไม่เป็นไรเพื่อนต้องช่วยเพื่อน จัสมินซาบซึ้งน้ำใจทุกคน อรินกุมมือเธอบีบเบาๆอย่างให้กำลังใจ...ชัยชนะกับพอฤดีมานั่งเล่นในสวน เธอเอ่ยถามทำไมถึงชวนให้ตนมาอยู่ด้วย เขาบอกเขินๆถือเป็นผลพลอยได้ คือนอกจากอยู่เป็นเพื่อนมะลิแล้วก็อยู่เป็นเพื่อนตนด้วย อยู่ใกล้กันอุ่นใจดี

“ก็โอเค ถือว่าได้ประโยชน์หลายฝ่าย” พอฤดีหันหน้าไปอีกทาง แอบยิ้มเขินไม่หุบ

ooooooo

พอทางอัมราภาชินีรู้เรื่องกล่องที่ไปวางหน้าบ้านอรินก็ตกใจ ศรีวิจันทร์บอกแสดงว่าเป้าหมายคือผู้กองอรินไม่ใช่เจ้าหญิง แต่พระองค์ไม่วางพระทัย สั่งท่านกงสุลเพิ่มการอารักขาเจ้าหญิงให้มากขึ้น

อรินขับรถมาส่งจัสมินที่หน้าโรงพยาบาล กำชับว่าเลิกงานจะมารับ...เหวยกังปลอมตัวใส่แว่นติดหนวดเดินตามเธอเข้าไปด้วย องครักษ์เฝ้าดูเห็นผิดสังเกตเข้าไปขวางทางถามจะตามผู้หญิงคนนั้นทำไม เหวยกังแก้ตัวว่าไม่ได้ตาม มาเยี่ยมไข้ญาติ ถ้าไม่เดินเข้าทางนี้แล้วจะให้เดินทางไหน องครักษ์จึงเปิดทาง เหวยกังมองไปรอบๆรู้สึกว่างานนี้ท่าจะไม่ง่าย คิดหาวิธีใหม่

จัสมินเล่าเรื่องกล่องที่วางหน้าบ้านให้นาธานฟัง เขาห่วงความปลอดภัยเธอมากจะออกจากโรงพยาบาลวันนี้ให้ได้ เธอเอ็ด “จะต้องให้บอกกี่ครั้งว่าไม่ต้องเอาชีวิตเธอเสี่ยงแทนอีกแล้ว ถ้าไปตอนนี้ผู้กองจะทำยังไง เราเป็นห่วงเขา”

นาธานรู้สึกเจ็บปวดใจอย่างมาก ตัดสินใจรวบรวมความกล้าเตือนว่าอรินเป็นคนดีแต่ไม่คู่ควรกับองค์หญิง จัสมินนิ่วหน้าไม่ค่อยชอบใจบอกเรื่องนี้ตนตัดสินเอง เขายังย้ำว่าเธอจะต้องเสียใจเพราะราชสำนักไม่ยอม ให้ทรงตื่นจากความฝันเสียที ปล่อยนานไปจะยิ่งเสียพระทัย รู้ว่าเป็นไปไม่ได้แล้วจะทำร้ายองค์เองไปถึงไหน

“นั่นมันปัญหาของเรา...ในความรักไม่มีคำว่าไม่เหมาะสมหรอกนะนาธาน หัวใจคนเป็นสิ่งพิเศษ ห้ามให้ไม่รักหรือให้รักใครได้หรอกนะ ต่อไปถ้าเธอรักใครเธอจะเข้าใจ”

นาธานสลดลงบอกว่าตนเข้าใจดี จัสมินแปลกใจรีบถามว่าเขาไปรักใคร ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมตนไม่รู้ แววตานาธานตัดพ้อขมขื่นและเจ็บปวด “หม่อมก็ไม่รู้ว่ารักตั้งแต่เมื่อไหร่ อาจจะตั้งแต่ครั้งแรกที่...ผู้หญิงคนนั้นเกิด รู้แต่ว่ารักมาตลอด รักทั้งที่รู้ว่าไม่คู่ควร ไม่ควรอาจเอื้อม แต่หัวใจคนคงเป็นอย่างที่องค์หญิงว่า ห้ามไม่ให้รักไม่ได้”

จัสมินนิ่งอึ้งพอจะเข้าใจ จับมือเขายิ้มด้วยแววตาเศร้าที่ไม่สามารถรับรักเขาได้ “ขอบใจที่รู้สึกดีกับเรา คนรัก เลิกกันแล้วก็เป็นคนอื่น แต่เพื่อนคือเพื่อนตลอดไป ฐานะของเราทำให้หาเพื่อนที่จริงใจได้ยาก แต่เราดีใจที่มีเธอเป็นเพื่อน...เพื่อนตายที่ไม่มีวันทิ้งกัน”

นาธานหลับตาลงพยักหน้าอย่างขมขื่นใจ กล่าวขอบพระทัยด้วยเสียงแผ่วเบา...ที่หน้าโรงแรม ราชิดลงจากรถกำลังจะเดินเข้า เหวยกังโผล่มาขวางมองหน้าด้วยแววตาเย็นชาไม่กลัวเกรง แล้วยื่นข้อเสนอเกี่ยวกับเจ้าหญิงจัสมิน ราชิดชะงักสบตาอย่างสงสัย

หลังจากนั้น วาเดียและยูรี คนของราชิดกับลูกน้องอีกสามคนก็เข้ามาเช็กอิน โดยต่างคนต่างมาไม่ทักทายกัน รวมทั้งเหวยกังและลูกน้องที่ปลอมตัวเข้ามาสังเกตการณ์... ศลิษาแปลกใจที่มีแขกต่างชาติมากันมากในวันนี้ คิดไปว่าการท่องเที่ยวเราคงจะบูม

ทุกคนเข้ามาประชุมในห้องราชิด เขาบอกที่เรียกทุกคนมาเพราะมีภารกิจสำคัญ ปฏิบัติการครั้งนี้สำคัญกับพวกเรามาก ทุกคนต้องทำตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด ยูรีรายงานว่าซามาร์ร่วมมือกับศิขรินโจมตีค่ายจีโบแตกหลายจุด พี่น้องเราตายหลายคน ถูกจับไปก็มาก ราชิดแค้นใจจะล้างแค้นแทนพี่น้องจีโบ จับตัวเจ้าหญิงจัสมินมาฆ่าให้ตายต่อหน้าองค์อิสราธิบดี

เสร็จการประชุม ซีนอน ยูรีและลูกน้องสามคนเดินออกจากห้องราชิด ศลิษาผ่านมามองอย่างสงสัย ซีนอนกับยูรีเดินไปด้วยกัน ลูกน้องสามคนเดินแยกไปอีกทาง

ooooooo

เย็นวันนั้นจัสมินนั่งเล่นกีตาร์เศร้าๆอยู่ อรินกลับมาเห็นถามมีเรื่องอะไร หรือเป็นห่วงเพื่อนรักกลัวจะอาการแย่ไปอีก เธอสะดุดหยุดเล่นเงยหน้ามองเคืองๆ เขารีบปลอบว่านาธานไม่เป็นอะไร ไม่กี่วันก็เดินปร๋อ เธอ ผ่อนลมหายใจเครียดๆบ่นกังวลที่ทำให้นาธานเสียใจ

อรินถามเสียใจเรื่องอะไร จัสมินมองอย่างชั่งใจให้เขาสัญญาว่าจะไม่โกรธไม่หงุดหงิดถ้าตนบอก เขารีบสัญญา เธอเล่าตะกุกตะกัก “นาธานบอก...เหมือน...คล้ายๆ ว่ารักเรา...”

“นั่นไง มั้ยล่ะสุดท้ายก็ยอมรับ โอ๊ย...ผมรู้มานานแล้ว เวลาเขามองคุณตานี่เยิ้มหยดย้อย มดแทบขึ้น เห็นแล้วมัน แหม...”

จัสมินท้วงไหนว่าจะไม่โกรธ เขาบอกไม่ได้โกรธแล้วถามเธอตอบว่าอย่างไร “ก็ตอบว่า เราก็รักเขา...” อรินตาโตร้องฮ้า! เธอพูดต่อ “รักแบบเพื่อนและไม่มีวันเปลี่ยนแปลงด้วย”

“แล้วไป นึกว่าตอบอย่างอื่นเป็นเรื่องแน่”

“อยากให้เราตอบอย่างอื่นรึไง”

“ตอบว่าเพื่อนน่ะดีแล้ว เขากับคุณเหมาะเป็นแค่นั้นแหละ แต่ต่อไปไม่เกิดปัญหาทางบ้าน คุณกับบ้านเขาหมั้นหมายให้เป็นคู่กันไว้แล้วใช่ไหม”

จัสมินตกใจใครเป็นคนบอก อรินถามย้ำจริงใช่ไหม เธอพยายามคิดว่าใครบอกอรินอย่างนั้น เมื่อเขาไม่พูดเธอก็พอเดาได้ว่าคงเป็นเอ็มม่า รู้สึกเจ็บใจทำไมต้องสร้างเรื่อง

จัสมินไม่พอใจมาต่อว่าเอ็มม่าที่ห้องพักคนไข้ ทำไมต้องบอกเรื่องที่ไม่เป็นความจริงกับอริน เอ็มม่าไม่สะทกสะท้านกลับพูดน้ำเสียงราบเรียบว่า ในซามาร์ไม่มี ใครเหมาะกับองค์หญิงเท่าพี่ชายตน จัสมินโกรธ “นี่ไม่ใช่ เรื่องที่เธอจะมายุ่ง ต่อไปห้ามพูดเรื่องแบบนี้กับใครอีก ใส่ใจในหน้าที่ของคุณข้าหลวงใหญ่เอ็มม่าก็พอ”

เอ็มม่าสบตาแล้วกุมมือย่อเข่าลงกึ่งทำความเคารพ “ขอประทานอภัยองค์หญิงเพคะ”

นาธานตื่นขึ้นมาเห็นสองสาวหน้าเครียดก็ถามมีอะไรกัน สีหน้าเอ็มม่าโกรธแสดงออกชัดว่าความสัมพันธ์ฉันเพื่อนสนิทลดน้อยลง จัสมินหน้าเศร้าหมอง เข้ามาถามอาการอย่างห่วงใย นาธานบอกว่าแค่เพลียๆจึงหลับไป เธออยากจะขอโทษเรื่องเมื่อวานอีกครั้ง แต่เขาชิงบอกก่อน

“หม่อมไหว ไม่เป็นไร”

พอดีหมอเข้ามาดูอาการและบอกว่า แผลแห้งสนิท อีกสองวันก็กลับบ้านได้ นาธานดีใจคิดจะกลับซามาร์ทันที จัสมินหน้าเสียยังไม่อยากกลับ แต่เอ็มม่าแทรกขึ้นว่ากลับกันสักทีก็ดี อยู่ต่อก็ไม่สนุกแล้ว จัสมินมองอย่างรับรู้ว่าบรรยากาศความเป็นเพื่อนจางหายไป

อัมราภาชินีทราบข่าวก็ดีใจที่นาธานหายจะได้กลับซามาร์ ศรีวิจันทร์รายงานว่าชัยชนะจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ ท่าทางเขาจะสนใจเอ็มม่า แต่คนของเราไม่สนใจทั้งที่เขาเป็นผู้ชายแสนจะเพอร์เฟกต์ ศรีวิจันทร์ทำหน้าเคลิ้มจนพระราชินีสะกิดเตือน เธอยิ้มเผล่ “ลืมตัวเรื่อยเลยเพคะ”

เย็นวันนั้น ชัยชนะกับพอฤดีพามัดหมี่ไปทานไอศกรีมและดูหนัง ทำให้จัสมินกับอรินได้อยู่กันตามลำพัง อรินพูดกับเธออย่างจริงจังว่าอยากให้เธอกลับซามาร์โดยเร็ว เธองงทำไมถึงไล่กัน เขารีบอธิบายว่าเป็นห่วงความปลอดภัยของเธอเพราะเหวยกังมาเล่นงานถึงบ้านแล้ว

จัสมินบอกว่าจะอยู่ช่วยเขา อรินส่ายหน้าติงว่าอันตรายเกินไป เธอท้วงถ้ากลับไปเราจะไม่ได้เจอกันอีก เขากลับบอกว่าไม่ต้องห่วงหมดเรื่องแล้วจะรีบไปพบพ่อแม่เธอเพื่อคุยเรื่องของเรา หญิงสาวสวมกอดเขาด้วยรู้แก่ใจว่าไม่มีทางเป็นไปได้ จึงอยากเก็บเกี่ยวความสุขไว้

ทั้งสองมานั่งคุยกันริมสระ อรินไม่เข้าใจทำไมถึงคิดว่าจะไม่ได้เจอกันอีก ทั้งที่บินไปซามาร์ไม่กี่ชั่วโมงก็ถึง จัสมินอัดอั้นไม่อาจพูดได้ เตือนให้เขาดูแลตัวเองดีๆ อย่าทำอะไรเสี่ยงๆ ตนเป็นห่วง เขากลับโอ่ว่าเป็นตำรวจถูกฝึกมาอย่างดีและยังมีชัยชนะอยู่ช่วย เธอให้เขาหมั่นฝึกซ้อม

ooooooo

วันต่อมา จัสมินเห็นอรินฝึกศิลปะการต่อสู้อยู่คนเดียว จึงเข้าไปช่วยเป็นคู่ซ้อมให้ ทั้งสองรุกและรับมือกันได้อย่างว่องไว แต่แรงผู้ชายก็เหนือกว่า อรินแกล้งอ่อนข้อให้ทำให้เธออัดหมัดเข้าท้องแล้วถองศอกเข้าที่หน้าอย่างฉับไว เขาถึงกับตัวงอร้องโอดโอยกุมท้อง และคิ้ว

จัสมินตกใจคิดว่าเขาเจ็บจริง รีบเข้าไปดูใกล้ๆว่าคิ้วแตกหรือไม่ อรินฉวยโอกาสยื่นหน้าจะจุ๊บปาก จัสมินเอามือขวางได้ทัน “เสียใจด้วย ไวกว่า หลอกว่าเจ็บเหรอ โดนแน่”

อรินหลบหมัดจัสมินแล้วท้าแน่จริงตามให้ทัน เธอไม่ยอมแพ้วิ่งไล่ อรินยิ้มเจ้าเล่ห์ หยุดวิ่งแล้วหันกลับมา หญิงสาวหยุดไม่ทันหน้าชนกันจุ๊บปากเขาอย่างไม่ตั้งใจ เธอตกใจผละออกหันหลังหน้าแดงอย่างเขินอาย อรินชะโงกหน้ามาล้อ

“ใครเจ้าเล่ห์กันแน่ ที่แท้แอบวิ่งมาจุ๊บเขา อีกทีก็ได้นะ...ยอมให้”

จัสมินอัดหมัดใส่แขนเขาแล้วค้อนหน้าแดงเดินหนีเข้าบ้าน อรินหัวเราะร่ามีความสุข...ในขณะที่แฟนเก่าอย่างศลิษายืนลังเลจะเคาะประตูห้องราชิด วาเดียเปิดประตูสวนออกมา ทั้งสองสบตากันอย่างไม่ถูกชะตา ศลิษาแสดงตัวว่าเป็นผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ที่นี่ แล้วถามเธอเป็นแขกของราชิดหรือ

ไม่ทันที่วาเดียจะตอบ ราชิดเดินออกมาในชุดเสื้อคลุมอาบน้ำ สั่งเสียงเข้มให้เธอออกไปก่อน วาเดียสบตาน้อยใจก่อนจะสะบัดหน้าเดินไป ศลิษาเบะปากใส่ไล่หลังก่อนจะหันมายิ้มหวานให้ราชิด อ้อนขอเข้าไปคุยในห้อง ถามพักนี้ดูเขายุ่งแขกมาพบหลายคน

“ผมมีงานต้องทำ” ศลิษารีบเสนอตัวช่วย เขาตอบเสียงราบเรียบ “ไม่เป็นไร”

ศลิษาไม่ย่อท้อเข้าไปสวมกอดด้านหลัง ลูบไล้แผ่นอกเล้าโลมอยากตอบแทนที่เขาดีกับตนมาตลอด ราชิดไม่อาจทนต่อการเล้าโลมนั้นได้ จึงหันกลับมากอดตอบและดันเธอไปที่เตียง

เมื่อศลิษาสมใจในสิ่งที่ต้องการก็คิดว่าตัวเองได้เป็นผู้หญิงของราชิดแล้ว แต่ต้องถ่อมตัวไม่เรียกร้องอะไร ขอให้เขาดีกับตนตลอดไปก็พอ

ค่ำคืนนั้น อรินกับจัสมินนั่งมองดาวที่ริมสระ ราวกับ ใช้เวลาที่เหลือด้วยกัน จัสมินเปรยว่ากลับซามาร์คงคิดถึงดาวที่นี่ อรินเศร้า “ผมก็ต้องคิดถึงคุณมาก ชอบนะเวลาที่อยู่ด้วยกัน ได้ยิ้ม ได้หัวเราะ มีทะเลาะกันบ้าง แต่ก็เพิ่มสีสันให้ชีวิตดี”

“เราไม่เคยอยู่กับใครแล้วสบายใจเหมือนอยู่กับคุณ”

“อย่างนั้นเลยเหรอ ผมน่ะอาจจะโผงผาง ปากเสียขี้โวยวายใจร้อนไปหน่อย” จัสมินแทรกไม่หน่อย มากเลยขี้หึงด้วย “อืม...รู้ตัวไม่ต้องย้ำ แล้วจะรับนิสัยนี้ได้รึเปล่า รวยก็ไม่รวย โกงกินไม่เป็น”

“รับได้อยู่แล้ว เราประทับใจคุณเรื่องอะไรรู้ไหมคะ...คุณเป็นคนจริงใจ เป็นคนดีที่มีหัวใจทองคำ” อรินไม่เข้าใจ “ที่ซามาร์เราจะเปรียบความดีว่ามีค่าเหมือนทองคำ” จัสมินขยายความแล้วเอื้อมมือไปวางที่อกซ้ายเขา “หัวใจคุณเป็นทองคำ มีค่ามากกว่าอย่างอื่นทั้งหมด”

อรินกุมมือเธอรู้สึกภูมิใจ สบตาด้วยความรักเต็มหัวใจ บอกอยากไปพบพ่อแม่เธอ ขอให้เราได้คบกัน ตน รู้ว่าบ้านเธอฐานะดี ตนเป็นแค่ตำรวจบ้านๆคนหนึ่ง แต่ก็อยากดูแลเธอไปตลอดชีวิต ตนพร้อมจะพิสูจน์ความจริงใจ จัสมินน้ำตาคลออยากจะบอกความจริง ซบหน้าซ่อนน้ำตากับแขนเขา อรินพร่ำบอก “คุณไม่รู้หรอกว่าคุณเป็นของขวัญในชีวิตผม ทำให้ผมยิ้มได้อีกครั้ง”

“คุณก็ทำให้เรามีช่วงเวลาที่ดีๆ จะเก็บไว้เป็นกำลังใจ เป็นความทรงจำที่ดีที่สุดของเรา”

อรินติงพูดเหมือนจะไม่ได้เจอกันอีก ตนต้องไปหาเธอแน่ ไม่ว่าเธออยู่ไหนตนก็จะตามหาจนเจอ จะอยู่ด้วยกันจนกว่าเธอจะเบื่อหน้า หญิงสาวซุกหน้าน้ำตาไหล แอบเช็ดน้ำตาป้อยๆ

“ชีวิตที่มีความหวัง มันดีแบบนี้เองเนอะ” อรินยิ้มมองฟ้าวาดฝันที่จะไปสู่ขอเธอกับพ่อแม่อย่างมีความสุข แต่หญิงสาวพูดไม่ออก อัดอั้นใจรู้ว่าเวลานั้นไม่มีวันมาถึง

ooooooo

ดาวหลงฟ้า ภูผาสีเงิน

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด