ตอนที่ 10
กลางดึกอรินอยู่ในห้องนอนบ้านพักอัมพวาตามลำพัง เปิดแท็บเล็ตที่ชัยชนะเตรียมให้มากับรถ สไกป์คุยกับชัยชนะ และยังมีมือถือให้มาด้วยเผื่อไว้ติดต่อใครยามฉุกเฉิน ชัยชนะบอกความคืบหน้าว่ากล้องวงจรปิดโรงพยาบาลจับภาพพวกที่ติดตามได้ประมาณสี่คน เห็นหน้าไม่ชัด
“พวกมันผลัดกันเฝ้าดูเป็นทีมตลอด 24 ชั่วโมง จุดประสงค์ยังไม่แน่ชัด ไม่ลงมือไม่แสดงตัว เหมือนแค่ติดตามเฉยๆ” ชัยชนะยังคิดว่าไม่น่าใช่พวกแก็งห้ามังกร แต่ก็มีฝีมือระดับพระกาฬ
ในขณะที่เหวยกังต้องหนีพวกแก็งห้ามังกรหัวซุกหัวซุน มาหลบอยู่ในห้องเช่าเล็กๆ อย่างหวาดระแวง พอจะเคลิ้มหลับพวกแก็งห้ามังกรก็ถีบประตูโครม
เข้ามา เกิดการต่อสู้ยิงใส่กัน เหวยกังเสียท่าล้มกลิ้งกำลังจะโดนจ่อยิง ทันใดก็มีเสียงปืนดังขึ้นเปรี้ยง...คนของห้ามังกร ล้มลงเห็นเฮียเปียวยืนถือปืนจังก้าอยู่ สีหน้าเขาเครียดจัดที่ต้องฆ่าพวกเดียวกัน แต่เพื่อตอบแทนที่เหวยกังเคยช่วยชิงตัวออกมาตอนจะถูกส่งเข้าเรือนจำ
“ต่อไปลื้อกับอั๊วไม่ติดค้างกัน ไม่มีใครให้โอกาสลื้อแล้ว ถ้าเจออีกครั้ง อั๊วฆ่าลื้อด้วยมือของอั๊วแน่”
เฮียเปียวไม่ฟังเหตุผลใดๆของเหวยกัง เชื่อว่าเขาเอาเรื่องแท่นพิมพ์มาหลอก
เหวยกังอธิบายอะไรไม่ได้จึงพูดทิ้งท้ายว่า จะพิสูจน์ให้เฮียรู้ว่าคนอย่างตนไม่เคยหักหลังใคร เฮียเปียว ไม่สนใจเดินออกประตูไป มีคนของห้ามังกรแอบมองการกระทำของเฮียเปียว
เช้าวันใหม่จัสมินนั่งเล่นศาลาริมน้ำหน้าที่พัก เพลินกับบรรยากาศสดชื่นลมพัดเย็นสบาย อรินเข้ามาชวนให้กลับไปนั่งในบ้านเพราะเป็นห่วงจากเรื่องที่คุยกับชัยชนะเมื่อคืน จัสมินกล่าวขอบคุณอีกครั้งที่เขาพาเที่ยวเมื่อวาน
“เห็นเธอชอบก็ดีใจ ที่จริงก็ห่วงมาก กลัวพวกนั้นจะตามเจอ” จัสมินทวนคำว่าห่วงมาก เขาแปลกใจมีอะไร
“ก็...ดีใจที่คุณห่วง โรแมนติกซะด้วย”
“โรแมนติกที่ไหน แค่ห่วงเนี่ยนะ”
“สำหรับเราโรแมนติกไม่ใช่ช่อดอกไม้ ไม่ใช่สิ่งของมีค่า แต่คือความห่วงใยที่แท้จริงจากใจต่างหาก”
อรินหน้าบาน “สำหรับฉันไม่รู้จักหรอกโรแมนตกโรแมนติก แค่รู้สิ่งไหนควรทำก็ทำให้ และก็ทำให้ดีที่สุด ผู้ชายน่ะก็ดิบๆแบบนี้แหละ แต่จริงใจนะ”
จัสมินยิ้มปลื้มหัวใจพองโต อรินถามหิวหรือยัง เธอรู้สึกหิวขึ้นมาทันที บอกในครัวไม่มีอะไรต้องออกไปซื้อ เขาไม่อยากออกไปบ่อยๆ เกรงไม่ปลอดภัย เธอท้วงว่าจะหาของกินได้อย่างไร พลันอรินเห็นแม่ค้าพายเรือมาก็ยิ้มกริ่มชี้บอกว่าของกินมาโน่นแล้ว จัสมินมองอย่างงงๆ ไม่เคยเห็นการขายอาหารในเรือ พออรินเรียกแม่ค้าให้เทียบท่า มีของกินมากมายทั้งคาวและหวาน จัสมินตื่นเต้นต้องการทุกอย่าง
“เอ๊ย กินหมดเนี่ยท้องแตกตายนะ”
“ไม่ใช่กินหมด หมายถึงซื้อทุกอย่างแต่ซื้ออย่างละนิดไง”
อรินเข้าใจ บอกแม่ค้าจัดมาเลย จากนั้นทั้งสองก็มานั่งที่ระเบียงบ้านพัก จัสมินกินทุกอย่างอย่างเอร็ดอร่อยจนอรินตาค้าง ไม่คิดว่าเธอจะกินได้มากขนาดนั้น เธอเผลอคุย
“ก็อร่อยทุกอย่าง เราชอบบรรยากาศแบบนี้จัง เรียบง่ายไม่ต้องพิธีรีตองอะไรให้ยุ่งยาก ก็เลยทานข้าวได้เยอะ” อรินถามที่บ้านเธอเวลาจะกินข้าวต้องมีพิธีด้วยหรือ จัสมินทำหน้าเซ็ง “ก็พอสมควร งานเล็กก็สองชั่วโมง งานใหญ่ก็ประมาณครึ่งวัน”
อรินหาว่าเธอเว่อร์ ไม่ต้องทำมาหากินกันพอดีถ้าใช้เวลาขนาดนั้น จัสมินขำเมื่อนึกถึงพิธีที่วัง อรินอิ่มรวบช้อน ทำให้เธอมองอย่างเสียดายต้องรวบช้อนตาม เขาท้วงให้ทานต่อไป
“ไม่ได้หรอก เป็นมารยาทของบ้านเรา ต้องอิ่มพร้อมคนที่ทานด้วย”
อรินว่าเรื่องเยอะ ถ้าตนไปบ้านเธอไม่ขอร่วมโต๊ะทานข้าวด้วย จัสมินส่งขนมให้ เขาเอาเข้าปากทั้งชิ้นแต่เธอต้องใช้ช้อนตักทีละคำ แล้วร้องว่าอร่อยมาก ห้องต้นเครื่องชิดซ้ายไปเลย อรินงง จัสมินนึกได้ว่าพลั้งปากรีบแก้ตัวว่าเป็นชื่อร้านอาหารไทยที่ซามาร์ อรินนึกว่ากินไม่เป็น
“ชอบสิชอบมากด้วย อย่าลืมแม่เราเป็นคนไทย เรารักความเป็นไทยถึงหนี เอ๊ยไม่ใช่ ถึงอยากมาเที่ยวเมืองไทย”
อรินนึกได้ถามมาหลายวันไม่กลัวแม่บ่นหรือให้โทร.ไปบอกท่านว่าไม่ต้องห่วง จัสมินถอนใจคิดถึงท่านแม่ ขึ้นมา...พอกลับเข้ามาในห้องนอน เธอก็รีบล็อกห้องเอามือถือออกมาอัดคลิปเสียง
“ท่านแม่เพคะ ลูกสบายดี จริงๆตั้งใจจะกลับซามาร์แล้ว แต่...มีเหตุฉุกเฉินนิดหน่อย ต้องอยู่เมืองไทยอีกสักพัก ที่นี่มีคนดูแลลูกดี ไม่ต้องทรงเป็นห่วงนะเพคะ อีกไม่นานจะกลับ รักและคิดถึงท่านแม่กับท่านพ่อมากค่ะ” เสร็จแล้วจัสมิน
กดส่งทางไลน์ จากนั้นรีบปิดเครื่องไม่ให้ตามได้อัมราภาชินีได้รับคลิปเสียงของลูกสาวก็โล่งใจที่
รู้ว่าลูกปลอดภัยดี แต่ก็เอะใจที่ลูกไม่เคยยอมไปกับใครเป็นการส่วนตัวแบบนี้มาก่อน แสดงว่าคงไว้ใจผู้กองคนนี้มาก เมื่อไม่มีอะไรเสียหายก็สบายใจขึ้น ทรงอัดคลิปเสียงตอบกลับทิ้งเอาไว้ว่าดีใจที่ลูกปลอดภัย ขอให้รักษาตัวด้วยแล้วจะทูลท่านพ่อให้เย็นวันเดียวกันจัสมินนึกสนุกชวนอรินนั่งเรือพายเล่น เธอพยายามพายให้เรือแล่นไปแต่มันหมุนอยู่กับที่ อริน
มองขำๆอยู่พักใหญ่กว่าจะดึงไม้พายมาพายเอง เขาขยับเข้ามานั่งชิดเธอทำให้เรือโคลง จัสมินตกใจเกาะขอบเรือแน่น เขาเลยยิ่งแกล้งให้เธอกลัวเล่น ก่อนจะพายแยกออกไปจากฝูงชน
จัสมินมองบรรยากาศสองฝั่งอย่างตื่นเต้น จนมาถึงคลองเล็กที่เต็มไปด้วยต้นลำพู หิ่งห้อยบินมาสามสี่ตัวมีแสงเรืองรอง จัสมินตื่นตา
“สวยจัง มีแมลงชนิดนี้ด้วยเหรอ ตัวอะไรน้า นึกชื่อไม่ออก แม่เราเคยบอก นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เราเห็น” อรินจะบอกชื่อแต่เธอยกมือห้าม “เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งบอก เรานึกอยู่ หิ่ง...หิ่ง...หิ่งน้อย นึกออกแล้ว”
อรินขำก๊าก บอกเขาเรียกว่าหิ่งห้อยไม่ใช่หิ่งน้อย จัสมินพยักหน้าใช่ๆ อรินจุ๊ปากให้เบาๆ เดี๋ยวแมลงหนีหมด อรินพายเรือเข้าไปใต้ต้นลำพู จัสมินยื่นมือไปให้หิ่งห้อยเกาะ “เราฝันอยากจะเจอบรรยากาศแบบนี้มานานแล้ว อ้าว...จอดเรือทำไมคะ”
อรินสะกิดไหล่แล้วชี้ไปข้างบน เธอเงยหน้ามองแล้วยิ้มเบิกตากว้าง อึ้งในความสวยงาม อรินเอนตัวนอนหงาย บอกเธอว่าถ้าดูแบบนี้จะเห็นชัดกว่า จัสมินค่อยขยับลงนอน เขายืดแขนให้เธอหนุนเป็นหมอน เธอชื่นชมไม่ขาดปาก
“เราไม่เคยเห็นธรรมชาติที่งดงามแบบนี้มาก่อน”
อรินกลับมองหน้าหญิงสาวและบอกว่าตนก็ไม่เคยเห็นอะไรสวยแบบนี้เหมือนกัน เธอหันมาสบตาซึ้ง “ขอบคุณมากที่พาเรามา ต่อไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จะไม่ลืมวันนี้เลย”
“ผมก็ไม่มีวันลืม คนที่ทำให้ผมมีความสุขอีกครั้ง” อรินไล้นิ้วที่ปลายผมและแก้มเธอ
“รู้ไหมเจอกันตอนแรก คุณไม่เคยยิ้มเลย มัดหมี่เคยเล่าให้ฟังเรื่องที่ทำให้คุณไม่ค่อยยิ้ม”
อรินนึกถึงวันที่เจอเหวยกังและมันยิงตัวประกันตายต่อหน้า ทำให้เขารู้สึกผิดมาตลอด จัสมินปลอบว่าเขาทำดีที่สุดแล้ว ลืมมันเสียเถิด เขารู้สึกผ่อนคลายความ เครียดนั้นลงมาก ขอบคุณที่เขาได้เจอเธอ จัสมินสบตานิ่งก่อนจะกล่าวว่า “เช่นกัน ขอบคุณที่ให้เราได้เจอคุณ”
อรินขยับเข้าจุมพิตที่หน้าผากจัสมินอย่างแผ่วเบา เธอหลับตาพริ้มเอนหัวซบไหล่เขาอย่างเขินอาย รู้สึกอบอุ่นและสุขใจ ทั้งสองนอนมองความสวยงามของหิ่งห้อยที่ระยิบระยับ
ooooooo
รุ่งเช้าอรินนั่งดูไอแพดค้นหาบางอย่าง จัสมินถือแก้วกาแฟมาวางให้ แล้วนั่งจิบแก้วตัวเองข้างๆ เขา ถามเขากำลังทำอะไร อรินบอกว่ากำลังค้นแผนที่หาที่ตั้งประเทศซามาร์ อยากรู้เรื่องของซามาร์บ้าง จัสมินจึงชี้ไปที่เทือกเขาหิมาลัย เขาถามทำไมถึงเรียกว่าภูผาสีเงิน
“หิมาลัยจะมีหิมะปกคลุมทั้งปี ชาวซามาร์เลยเรียกที่นี่ว่าภูผาสีเงิน ตอนกลางคืนที่แสงดาวส่องมาที่ภูผาจะสวยที่สุดเลยค่ะ”
“เชื่อแล้วว่าดาวของซามาร์สวยจริง...ดาวที่หลงมาอยู่บนฟ้าที่เมืองไทย” อรินสบตาซึ้ง
“อีกไม่นานก็ต้องกลับ ทุกอย่างต้องกลับไปในที่ที่มาเสมอใช่ไหมคะ”
“ไม่แน่ บางทีหลงแล้วก็หลงเลยได้นะ”
จัสมินค้อนที่เขานอกเรื่อง อรินหัวเราะมีความสุขที่ได้ใกล้ชิดกับเธอ แล้วเขาก็ไล่หาว่าศิขรินตั้งอยู่ตรงไหน “อยู่นี่เอง ประเทศศิขรินเพื่อนบ้านกับซามาร์มีแค่ภูผาสีเงินกั้น แถวนี้เองที่นายราชิดขี้เก๊กนั่นอยู่”
“ไปว่าเขาทำไม เขาออกจะนิสัยดีชอบช่วยเหลือคน ศิขรินกับซามาร์บางครั้งก็ดีต่อกัน บางครั้งก็มีการขัดแย้ง สาเหตุจากเรื่องการแบ่งแยกดินแดนของกลุ่มจีโบ”
“เรื่องพวกนี้ซับซ้อน บอกยากว่าฝ่ายไหนถูกหรือผิด” อรินไล่หาประวัติประเทศซามาร์หาภาพกษัตริย์และราชินี แต่พอเจอก็เข้าไปดูไม่ได้ แปลกใจบ่นว่าทำไมเข้าไม่ได้ซักเว็บ
จัสมินกำลังหวั่นใจ โล่งอกอ้างว่าที่นี่อาจสัญญาณไม่ดีหรือไม่ก็เว็บเสีย อรินไม่เชื่อ หาว่าเมืองซามาร์ไม่ยอมเปิดเผยมากกว่า
ooooooo
เมื่อตัดขาดจากอรินแล้ว ศลิษาก็เข้ามาใกล้ราชิดมากขึ้น ยั่วยวนเอาอกเอาใจเขาถึงในห้องพักของโรงแรม เปิดไวน์ดื่มกับเขาแต่ตัวเองดื่มหนักจนเมา อ้างว่าเสียใจอกหัก ราชิดเปรยว่าชีวิตเธอยังดีกว่าการต้องหนีกระสุน นอนกลางดินกินกลางทรายอย่างคนอีกมาก
ศลิษาออดอ้อนขอนอนพักที่นี่ เธอโอบคอเขาเล้าโลมจนราชิดต้องตอบสนองไม่ให้เสียเชิงชาย...เสร็จภารกิจ ศลิษาตื่นมายังคงเล้าโลมราชิดด้วยคิดว่าเขาตกหลุมเสน่ห์ตนแล้ว แต่เขากลับยิ้มเหยียดหยัน...
ในขณะที่ทางกรมตำรวจ ประชุมแผนรวบแก๊งห้ามังกร เพราะสายรายงานว่าจะมีการประชุมใหญ่ เลือกหัวหน้าคนใหม่ ถ้างานนี้รวบตัวได้ทั้งหมดก็เท่ากับทลายยกแก๊ง สิงห์ชัยยืดอกขอลุยเต็มที่บอกมาได้เลยว่าเมื่อไหร่ พอฤดีพยักพเยิดกับชัยชนะ “สิงห์สนามซ้อม หมูสนามจริง”
สิงห์ชัยโวยคราวนี้ตนแสดงฝีมือเต็มที่ ชัยชนะบอกหัวหน้าว่างานนี้กำลังพลเราไม่พร้อม หัวหน้าบอกได้ขอมือดีจากหน่วยอื่นมาช่วยแล้ว และให้เรียกตัวอรินกลับมา งานนี้ขาดเขาไม่ได้
พออรินได้รับโทรศัพท์จากชัยชนะก็ตอบตกลงทันที บอกจัสมินว่าเราต้องกลับเดี๋ยวนี้ หัวหน้าเรียกตัวจะมีการจับแก๊งห้ามังกร คราวนี้เหวยกังเสร็จตนแน่
ไม่นานอรินก็พาจัสมินกลับมาถึงบ้านในกรุงเทพฯ มัดหมี่ดีใจโผกอดแม่ แม่ทักทายว่าลูกเล่าถึงเธอตลอด ขอบคุณที่ช่วยดูแลมัดหมี่ จัสมินยิ้มอย่างยินดี นาธานกับเอ็มม่าหน้าเครียดเข้ามาหา จัสมินรีบเล่าว่าไปอยู่บ้านริมคลองได้ดูหิ่งห้อยสนุกมาก นาธานพูดเบาๆว่าเป็นห่วงมาก เธอกระซิบตอบให้หายกังวลว่าอยู่กับผู้กองปลอดภัย
“นั่นแหละถึงไม่ไว้ใจ” นาธานกระซิบตอบ
อรินบอกทุกคนว่าจะต้องไปทำงาน กำชับจัสมินให้ระวังตัว เธอสบตารับคำ นาธานมองอย่างไม่ชอบใจ จัสมินหันมาทักเอ็มม่า จะไม่ถามอะไรสักคำหรือ
“ไปอยู่กับผู้กองอรินสองคน ก็คงพระสำราญดี ไม่ทราบจะถามอะไรเพคะ”
จัสมินสะดุดหูกับคำพูดประชดของเอ็มม่า มองด้วยความแปลกใจ...ในขณะเดียวกันองครักษ์รายงานไปยังกงสุลว่าเจ้าหญิงกลับมาอยู่ที่บ้านผู้กอง องค์ราชินีทราบข่าวก็ทรงสบายพระทัยขึ้นมาก กำชับให้เฝ้าดูอย่าให้คลาดสายตาอีก ศรีวิจันทร์รู้สึกตื่นเต้นไปกับเรื่องราวของเจ้าหญิง
ooooooo
ห้องประชุมสำนักงานตำรวจ หัวหน้าวางแผน การจู่โจม โดยแบ่งเป็นสองกลุ่ม กลุ่มจู่โจมให้เข้าด้านหน้าและด้านหลัง อีกกลุ่มรอสแตนด์บาย พอได้รับการแจ้งจากกลุ่มโจมตีก็เสริมกำลังเข้าไปรวบตัวพวกห้ามังกรให้ได้ทั้งหมด และแนะนำมือดีที่ยืมตัวมาช่วยจากหน่วยอื่นสามนาย
อรินขอเป็นกองหน้าเข้าจู่โจม สิงห์ชัยสะกิดว่ามันเสี่ยงมาก ชัยชนะกับพอฤดียกมือขออยู่ทีมอริน หัวหน้ากำชับอรินต้องใจเย็นอย่าทำอะไรนอกเหนือคำสั่ง เขารับคำ
“ครับหัวหน้า ถ้าผมได้ยินหัวหน้าสั่งนะ”
หัวหน้าชะงักมองอย่างหวั่นใจกับความบ้าระห่ำของอรินที่แก้ไม่หายสักที
ขณะเดียวกันจัสมินเข้ามาช่วยแม่ของมัดหมี่ทำอาหารในครัว เธอขอบใจที่ช่วยดูแลมัดหมี่และยังทำให้อรินกลับมาเป็นคนเดิมร่าเริงยิ้มได้ แถมฝากให้ดูแลเขาต่อไป ช่วยสอนให้ลดความบ้าระห่ำลง ดุได้ตีได้ตนอนุญาต จัสมินหัวเราะขำๆ
ระหว่างนั้นแก๊งห้ามังกรกำลังประชุมกันในโกดังของพวกมัน ทีมตำรวจโอบล้อมอยู่ด้านนอก หัวหน้าแก๊งทั้งสี่ต่อว่าเล่นงานเฮียเปียวที่ช่วยเหวยกังถึงขนาดฆ่าพวกเดียวกัน เฮียเปียวจะแก้ตัวแต่ทุกคนไม่ฟังสั่งลูกน้องยิงเขาอย่างเผาขน เสียงปืนทำให้หัวหน้าอรินส่งสัญญาณจะให้บุกโดยเริ่มนับ ไม่ทันถึงสามอรินก็พุ่งพรวดออกไปก่อน สิงห์ชัยบอกหัวหน้าไม่ทันแล้ว หัวหน้ากับทีมจึงรีบตาม อรินถีบประตูโครมร้องตะโกนให้ทุกคนหยุด นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ
เกิดการยิงต่อสู้กันสนั่นหวั่นไหว กองหลังบุกเข้าล้อมประตูหลัง ทำให้พวกแก๊งห้ามังกรหนีไม่ได้ต่อสู้กันยกใหญ่ แต่ในกลุ่มนั้นไม่มีเหวยกัง...
ลูกน้องเฮียเปียวหนีออกมาได้วิ่งมาบอกเหวยกังซึ่งกำลังนั่งดื่มกาแฟในร้าน ว่าตำรวจบุกถล่มแก๊งและเฮียเปียวก็อยู่ที่นั่นด้วย เหวยกังลุกพรวดเป็นห่วงรีบไปที่โกดัง เขาซุ่มดูการเคลียร์พื้นที่ของตำรวจ เห็นศพเฮียเปียวก็เข้าใจว่าตายด้วยน้ำมือตำรวจถึงกับน้ำตาคลอ...คิดถึงอดีตสมัยยังเป็นวัยรุ่น สู้อยู่กับสมุนห้ามังกร เขาสู้สุดใจแม้จะสะบักสะบอมก็ไม่ยอมแพ้
เฮียเปียวเป็นคนรับเหวยกังเข้ามาร่วมแก๊งเพราะชอบในความอึดของเขา เฮียเปียวเป็นคนสอนเขาว่าถ้าสู้ด้วยกำลังไม่ได้ก็ให้สู้ด้วยสมอง เขาจึงเคารพรักเฮียมาตลอด ไม่มีวันลืมบุญคุณและจะแก้แค้นให้เขา
ooooooo
เสร็จจากช่วยทำอาหาร จัสมินก็พามัดหมี่ออกมาขี่จักรยานเล่นหน้าบ้าน ทันใดซีนอนซึ่งซุ่มดูอยู่ตลอดสบโอกาสถือปืนเดินออกมาประจันหน้า
จัสมินตกใจดันมัดหมี่ให้ออกห่าง แล้วกระโจนเข้าต่อสู้กับซีนอน นาธานได้ยินเสียงรีบวิ่งออกมา เห็นซีนอนกำลังจะยิงใส่จัสมิน ก็พุ่งตัวเข้าขวาง กระสุนเจาะเข้าหน้าอกเขาอย่างจังล้มลงต่อหน้าต่อตาจัสมิน ซีนอนยิ้มกร่าง จะยิงใส่จัสมินอีกคน ทันใดองครักษ์ก็วิ่งเข้าชาร์จตัวเขา ต่อสู้กันด้วยชั้นเชิงที่เหนือกว่า จัสมินได้สติหันไปประคองนาธาน พอเห็นว่ามีเลือดไหลทะลักออกมาก็ร้องให้คนช่วยลั่น มัดหมี่วิ่งเข้ามากอดด้วยความกลัว
เอ็มม่าวิ่งออกมาตกใจเมื่อเห็นพี่ชายนอนหน้าซีด จัสมินสั่งให้เรียกรถพยาบาลด่วน เอ็มม่าทำอะไรไม่ถูก กว่าจะตั้งสติวิ่งเข้าบ้านไปโทรศัพท์ จัสมินโอบมัดหมี่และประคองนาธาน
“อย่าเป็นอะไรนะนาธาน อดทนก่อนนะ อดทนไว้”
ซีนอนวิ่งหนีการจับกุมขององครักษ์ แถมโดนยิงที่ไหล่ซ้ายหนึ่งนัด ขณะที่กำลังจะรวบตัวได้ ราชิดขี่มอเตอร์ไซค์ฝ่าเข้ามาทำให้องครักษ์ต้องกลิ้งตัวหลบ ซีนอนกระโดดขึ้นซ้อนท้าย องครักษ์จะตามถูกราชิดยิงใส่ขาล้มลง จึงรีบแตะไมค์แจ้งพรรคพวก
“คนร้ายหนีไปได้ ย้ำ...คนร้ายหนีไปได้ อารักขาภูผาด่วน”
ร่างนาธานถูกเข็นเข้าห้องฉุกเฉิน จัสมินกับเอ็มม่าร้องไห้วิ่งตามมาเกาะประตู จัสมินโอบปลอบ
เอ็มม่าและกอดมัดหมี่ไว้มือหนึ่ง สักพักพยาบาลเอาห่อของใช้ส่วนตัวของนาธานมายื่นให้ จัสมินรับมาดูมีกระเป๋าเงินและเหรียญตราองครักษ์ที่บุบและเปื้อนเลือด เธอใจหายน้ำตาไหลริน องครักษ์ที่เฝ้าดูรายงานไปยังหัวหน้าว่า
“ราชองครักษ์เข้าห้องฉุกเฉินแล้ว ภูผาปลอดภัยดี”
ในห้องพักซีนอน ราชิดตบหน้าซีนอนด้วยความโกรธที่ไม่รอฟังคำสั่ง จะทำให้เสียแผน
“ข้ารอต่อไปไม่ไหวแล้ว พวกมันมีความสุขบนกองเลือดชาวจีโบมานานเกินไป ทำไมท่านไม่ลงมือเสียที อิสราธิบดีจะได้รู้มั่งว่าการสูญเสียเป็นยังไง”
“ยังไม่ถึงเวลา”
“แล้วต้องรอถึงเมื่อไหร่ หรือว่าท่านใจอ่อนกับเจ้าหญิงแล้ว”
ราชิดตวัดมือตบซีนอนอีกครั้ง แววตากร้าวเสียงเข้มว่าตนไม่มีวันใจอ่อนให้พวกซามาร์ “ข้าจะหาทางคุยเรื่องจีโบอีกครั้ง ดูว่าจะเป็นเช่นไร แต่หากนางไม่เห็นความสำคัญของพวกเรา ถึงเวลานั้นข้าจะเป็นคนลงมือเอง”
แววตาซีนอนที่มองราชิดเปลี่ยนมาเป็นชื่นชมนับถือ...
อริน ชัยชนะ พอฤดีและสิงห์ชัยรีบมาโรงพยาบาลทั้งชุดตำรวจที่เพิ่งเสร็จจากการถล่มแก๊งห้ามังกร จัสมิน กำลังปลอบเอ็มม่าทั้งที่ตัวเองก็ใจเสีย ไม่ทันจะเล่าเหตุการณ์ให้อรินฟัง หมอออกมาถามหาญาติเพื่อไปเซ็นอนุญาตให้นาธานผ่าตัดด่วน เอ็มม่ารีบบอกว่าตนเป็นน้องสาว ชัยชนะจึงพาเธอไปทำเรื่อง สิงห์ชัยพึมพำออกมาว่าเราไปทำงานเสี่ยงแล้วอยู่บ้านยังเสี่ยงกว่าอีก พอฤดีหยิกแขนเตือนมันใช่เวลาควรพูดไหม
อรินพาจัสมินมานั่ง เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เธอเล่าแล้วร้องไห้โทษตัวเองที่ทำให้นาธานต้องโดนยิง อรินกอดปลอบ เอ็มม่ากับชัยชนะเดินกลับมาเห็นก็ชะงัก ชัยชนะสะกิดให้คนอื่นๆออกกันไป เอ็มม่ามองด้วยสายตาน้อยใจปนอิจฉา
การผ่าตัดนาธานเป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะกระสุนโดนอวัยวะสำคัญทำให้เขาเสียเลือดมาก...เวลาผ่านไป มัดหมี่นอนหลับอยู่บนเก้าอี้ จัสมินยังคงร้องไห้เป็นห่วงนาธาน อรินปลอบว่าเธอทำดีที่สุดแล้ว ทั้งเรียกรถพยาบาล ทั้งปลอบเอ็มม่า แล้วเลียบเคียงถามว่าพอจะจำหน้าคนร้ายได้บ้างไหม จัสมินรู้สึกคุ้นหน้าจึงพยายามนึก
“ถ้าจำไม่ผิดเขาคือคนในรูปที่คุณให้เราดูตอนถามเรื่องเหวยกังไง แล้วก็เป็นคนเดียวกับที่ตามเราไปที่ปั๊มน้ำมันด้วย”
“เดี๋ยวนะ นี่เท่ากับว่ามันมาดักทำร้ายแล้วรอบนึง แถมเป็นคนเดียวกับในรูปที่ฉันให้ดู”
จัสมินไม่แน่ใจขอดูรูปอีกครั้ง อรินท้วงว่าตอนนั้นตนให้ดู เธอบอกไม่รู้จักไม่ใช่เหรอ
ชัยชนะเดินมาได้ยินรีบบอกว่าจะให้ลูกน้องส่งรูปจากทะเบียนมาให้ อรินครุ่นคิดว่าจะใช่พวกที่ตามในโรงพยาบาลหรือไม่ แต่พวกนั้นดูไม่ทำอันตรายแค่เฝ้าดูเฉยๆ ชัยชนะจะให้คนตรวจสอบว่าเกี่ยวข้องกับเหวยกังหรือไม่
อรินเห็นเสื้อจัสมินเปื้อนเลือดจึงให้เธอกับมัดหมี่กลับบ้านไปก่อน แต่เธอไม่ยอมกลับจะรอจนกว่า
นาธานออกจากห้องผ่าตัด พอฤดีจึงอาสาพามัดหมี่กลับโดยให้สิงห์ชัยขับรถให้ สิงห์ชัยทำหน้าเบ้บ่นเมื่อไหร่จะได้ส่งเด็กเอ๊าะๆบ้าง...
ooooooo
ท่านกงสุลโทร.บอกเรื่องนาธานแก่ศรีวิจันทร์ เธอตกใจมากรีบทูลองค์อัมราภาชินี พระองค์ตกใจมาก และคิดว่าเรื่องใหญ่ขนาดนี้คงต้องบอกให้พ่อแม่ของนาธานทราบ
ในวันว่าง มาลาตีนั่งถักไหมพรมอย่างสบายใจ องคมนตรีรับโทรศัพท์แล้วสีหน้าเปลี่ยนเป็นตกใจเจ็บปวด “ขอบพระทัยกระหม่อม เป็นพระกรุณา”
มาลาตีหันมามองถามมีเรื่องอะไร องคมนตรีบอกว่านาธานถูกยิงอาการสาหัส เธอปล่อยไหมพรมในมือทิ้งน้ำตาไหลพรากรีบถามว่า ลูกเป็นอย่างไรบ้างและเอ็มม่าเป็นอะไรไหม เขาบอกว่าเอ็มม่าปลอดภัย แต่นาธาน รับกระสุนแทนเจ้าหญิง ตอนนี้อยู่ในห้องผ่าตัดที่โรงพยาบาลประเทศไทย มาลาตีร้องไห้โฮจะไปหาลูกที่นั่น องคมนตรีปลอบด้วยดวงตาแดงก่ำ
“หน้าที่ของราชองครักษ์ประจำพระองค์คือการปกป้องเจ้าหญิงด้วยชีวิต เธอภูมิใจเถิดว่าลูกเราได้เสียสละเพื่อหน้าที่ เพื่อราชวงศ์ซามาร์ แต่ถ้าเป็นโชคร้ายของเรา ก็ทำใจ”
มาลาตีสะอื้นรำพันลูกต้องไม่เป็นอะไร องคมนตรีกอดภรรยาด้วยหัวใจปวดร้าวไม่น้อย...
คืนนั้น ชัยชนะเอารูปคนร้ายให้จัสมินดู เธอชี้ตัวซีนอนว่าใช่คนนี้ และเป็นคนเดียวกับที่ทำร้ายตนในปั๊มน้ำมันวันนั้น อรินติงทำไมเพิ่งมานึกออก เธออ้างว่าวันนั้นมันชุลมุนหันไปถามเอ็มม่าแต่ท่าทางเธอเป็นกังวลเรื่องนาธานจนไม่สนใจอะไร อรินจึงกระซิบกับจัสมินว่าตนจะไปตรวจเช็กว่าชื่อซีนอนใช่ชื่อจริงหรือไม่...พอดีหมอเปิดประตูออกมา ทุกคนรีบเข้าไปหา
หมอแจ้งอาการ ตอนนี้นาธานอยู่ห้องไอซียู ถ้าพ้นคืนนี้ไปได้ก็ถือว่าปลอดภัยระดับหนึ่ง จัสมินน้ำตาไหล อรินโอบไหล่ปลอบ เอ็มม่าใจเสียสะอื้นมองทั้งคู่อย่างเจ็บปวดใจ ชัยชนะลอบมอง เข้าใจความรู้สึกจึงเอื้อมมือไปแตะมือเธอเพื่อให้กำลังใจ
จัสมินเข้ามาเยี่ยมนาธาน เขานอนนิ่งมีเครื่องช่วยหายใจและสายระโยงระยาง เธอสงสารเขาจับใจ จับมือเขามากุมพูดเสียงสั่นเครือ “กลับมาเถอะนะ อย่าทิ้งเราไปเลย...นาธาน จำสัญญาที่เคยให้เราไว้ได้ไหม”
จัสมินคิดถึงตอนที่มาอยู่บ้านอรินใหม่ๆ นาธานเห็นตนทำงานหนักก็เข้ามาช่วยและย้ำคำสาบาน “กระหม่อมบอกตัวเองตั้งแต่วันที่สาบานเป็นราชองครักษ์ประจำพระองค์ ว่ากระหม่อมจะไม่ไปไหน จะอยู่เพื่อท่าน ทำทุกอย่างเพื่อท่าน ชีวิตและหัวใจภักดีของกระหม่อมเป็นของเจ้าหญิงจัสมินแต่เพียงพระองค์เดียว”
จัสมินบีบมือนาธานย้ำถ้าเขาจำได้ก็รีบลืมตา อย่าเอาแต่นอน อย่าทิ้งตนไป...อรินตามเข้ามาโอบไหล่ปลอบ จัสมินเปรยว่านาธานอยู่กับตนมาตั้งแต่เล็ก โตมาด้วยกันคอยตามใจดูแลตนมาตลอด เป็นเพื่อนที่ดีที่สุด เคยรับโทษโดนตีแทนตนหลายครั้ง เขาพูดเสมอว่าจะดูแลปกป้องตนด้วยชีวิต อรินปลอบใจว่านาธานอยู่ในมือหมอแล้ว อีกสองสามวันก็ยิ้มได้พูดปร๋อเหมือนเดิม
พยาบาลเข้ามาบอกหมดเวลาเยี่ยม จัสมินขอให้พยาบาลดูแลนาธานให้ดีเขาเป็นเพื่อนคนสำคัญของตน อรินแตะนิ้วที่อกนาธานพูดเบาๆว่า รีบตื่นขึ้นมา ตนรู้ว่าเขาไม่อยากเห็นน้ำตาของมะลิเหมือนกัน พอทั้งสองเดินออกไป มอนิเตอร์แสดงการเต้นของชีพจรคนไข้ก็แรงขึ้น
ooooooo
มาถึงบ้านพอฤดีเห็นเอ็มม่านั่งเศร้าก็สะกิด ชัยชนะให้เข้าไปปลอบใจเผื่อจะมีความหวัง แต่เขาส่ายหน้ายอมรับแล้วว่าเอ็มม่าให้เขาเป็นได้แค่เพื่อน พอฤดีมองเขาอย่างเห็นใจ ชัยชนะหันมาสบตานิ่ง พอรู้สึกตัวต่างฝ่ายต่างยิ้มเขินขยับตัวออกห่างจากกัน
ไม่ต่างกันจัสมินก็นั่งซึมเศร้า อรินปลอบว่านาธาน
อยู่ในมือหมอเก่งๆและเขาก็ยังหนุ่มแน่น ต้องฟื้นตัวเร็วแน่ เอ็มม่าเดินเข้ามาหยุดยืนฟังทั้งสองคุยกัน อรินเปรยว่านาธานคงเป็นเพื่อนที่รักเธอมากถึงขนาดยอมตายแทนได้ จัสมินพยักหน้า ตนเป็นหนี้ชีวิต เขาทำตามสัญญาที่ให้ไว้ อรินแปลกใจสัญญาอะไร
“สัญญาจะมอบชีวิตให้เรา แต่ไม่ใช่ให้ชีวิตแบบนี้ เราไม่ต้องการ จะต้องไม่เป็นแบบนี้”
อรินทึ่งในความรักฉันเพื่อนนี้ จัสมินจะไปสวดมนต์ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยนาธานให้รอดชีวิต อรินจับไหล่เธอสบตานิ่งก่อนจะดึงเข้ามากอดให้กำลังใจ “ฉันเชื่อว่านาธานจะรับรู้ว่าเธอห่วงเขามากแค่ไหน แต่ตอนนี้เธอต้องห่วงตัวเองให้มากด้วยไม่งั้นจะไม่สบาย ฉันเป็นห่วงเธอ”
จัสมินเข้าห้องปิดประตู อรินเดินลงมาข้างล่าง เจอเอ็มม่ายืนมองด้วยแววตาเย็นชาอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ทั้งสองออกมาคุยกันหน้าบ้าน อรินถามมีเรื่องอะไรจะพูดกับตน เอ็มม่ามองตาเขาขอพูดตรงๆเรื่องมะลิ ชายหนุ่มงงๆ เผอิญชัยชนะเดินมาได้ยินแอบฟัง...เอ็มม่าพูดอ้อมๆ
“คุณกับมะลิไม่มีวันรักกันได้ ไม่มีทางจริงๆ...ตัดใจจากมะลิเถอะ ก่อนที่คุณจะถลำลึกไปมากกว่านี้ ตัวคุณเองจะยิ่งเจ็บมาก”
“ถ้าหมายถึงมะลิกลับซามาร์แล้วจะไม่ได้เจอกัน ระยะทางไม่ได้เป็นอุปสรรค”
“อุปสรรคมันมากกว่าที่คุณคิดไว้เยอะ ฉันมาเตือนเพราะไม่อยากให้คุณต้องผิดหวัง”
อรินขอบใจ ตนมั่นใจว่าความจริงใจของตนจะทำให้พ่อแม่มะลิยอมรับตนได้ เอ็มม่าส่ายหน้าบอกเขาไม่มีวันได้เจอพ่อแม่ของมะลิ อรินแปลกใจที่เธอพูดเหมือนนาธาน ตนไม่เข้าใจว่าพ่อแม่มะลิเข้าพบยากหรือพวกเธอกีดกันตนกับมะลิ เอ็มม่าย้ำถ้าไม่เชื่อเขาจะต้องเสียใจ
“ผมรักใครแล้วไม่เคยกลัวว่าจะเสียใจ ผมก็ไม่ได้รักมะลิน้อยไปกว่าที่พี่ชายคุณรักเธอ”
“อีกไม่นานผู้กองจะรู้เอง ทั้งความรักและความจริงใจอะไรก็ไม่สำคัญมากไปกว่าความเหมาะสม ฉันบอกคุณได้เพียงเท่านี้ค่ะ” เอ็มม่าสบตาเขานิ่ง
อรินไม่เข้าใจว่าเธอจะสื่ออะไร...ชัยชนะมองหญิงที่เคยรักว่ากำลังคิดจะทำอะไร
ooooooo
วันต่อมา อรินไปทำงานแต่เช้า มัดหมี่ไปโรงเรียน เอ็มม่าหน้าตาอิดโรยเข้ามาหาจัสมิน ปรึกษาว่าตนควรจะโทร.บอกพ่อกับแม่ไหม เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ตนเกรงว่าถ้านาธานเป็นอะไรไป...
เสียงเธอสั่นเครือจนพูดไม่ออก จัสมินจับมือปลอบอย่างเข้าใจความรู้สึกเพราะตัวเองก็เสียใจไม่น้อย ตัดสินใจหยิบมือถือออกมากดเปิดเครื่อง ทันใดอรินโทร.เข้ามาบอกอาการของนาธาน
สองสาวรีบมาที่โรงพยาบาล นาธานฟื้นลืมตา แต่ยังมึนงง พอเห็นหน้าจัสมินก็พยายามจะพูด เสียงเขาแหบพร่าถามอย่างห่วงใยว่าเธอเป็นอะไรไหม จัสมินรีบบอกว่าตนปลอดภัยดี ขอบคุณที่เขาช่วยชีวิต เอ็มม่าดีใจที่พี่ชายฟื้น นาธานเอ่ยถามว่าคนร้ายเป็นใคร จัสมินให้เขานอนพักอย่าเพิ่งถามอะไรตอนนี้ เขาฝืนยิ้มบางๆ
“หม่อมต้องฟื้น ต้องรีบกลับไปถวายงานต่อให้เร็วที่สุด”
แสดงว่าเธอได้ยินคำขอร้องของเรา ถ้าเธอเป็นอะไรไปเราไม่รู้จะทำยังไงจริงๆนะ”
“ท่านขอร้อง...”
“ใช่ ต่อทุกสิ่งทุกอย่างที่เราเคารพในโลกนี้ ขอให้เธอกลับมา แล้วเธอก็กลับมาจริงๆ”
จัสมินสวมกอดนาธาน กราฟบนเครื่องวัดการเต้นหัวใจถี่ขึ้น เสียงเตือนดังตลอดเวลา สองสาวตกใจจะไปตามพยาบาลแต่นาธานห้ามไว้เพราะรู้ดีว่าหัวใจเต้นแรงขึ้นเพราะการกอดของจัสมิน เอ็มม่ามองด้วยความรู้สึกอิจฉาเล็กๆว่าทำไมใครๆถึงพากันรักเจ้าหญิง
ข่าวอาการของนาธานดีขึ้นมาถึงหูมาลาตีและสามี ทั้งสองดีใจมาก องคมนตรีคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ลูกชายจะมีอนาคตเป็นคนสำคัญของประเทศ มาลาตีแปลกใจหมายถึงอย่างไร
“นาธานกับองค์หญิงเป็นคู่ที่เหมาะสมกันที่สุด ชาวซามาร์จะต้องดีใจกับเรื่องนี้”
“ท่านพี่อย่าเพิ่งพูดแบบนี้ให้ใครฟัง จะว่าเรามักใหญ่ใฝ่สูงอาจเอื้อมคิดสิ่งที่ไม่บังควร”
“แต่ถ้าการกระทำนั้นเป็นการกระทำที่ถูกต้อง เหมาะสม ยังไงพี่ก็ต้องทำ” องคมนตรีหมายมั่นเต็มที่ มาลาตีสีหน้าเป็นกังวลอดหวั่นใจในความคิดของสามีไม่ได้
บ่ายวันนั้น อรินมาเยี่ยมนาธานเห็นจัสมินกำลังป้อนโจ๊กให้ นาธานบอกว่าหายดีเมื่อไหร่จะกลับซามาร์ทันที อรินเหล่มองไม่ค่อยพอใจกระเซ้าว่า ยังไม่ตายก็กลับบ้านได้ไม่ต้องห่วง จัสมินตีแขนปราม นาธานมองการหยอกล้อของทั้งสองอย่างไม่ชอบใจ อรินประชด
“มีเพื่อนแสนดีแบบมะลินั่งป้อนน้ำป้อนข้าวให้ เป็นฉันถึงหายดีแล้ว จะขอหมออยู่ต่ออีกหลายๆวัน”
“ไม่มีใครเขาอยากเป็นแบบนี้หรอก นาธานเจ็บเกือบจะเอาชีวิตไม่รอดเพราะเรา ก็ต้องดูแลกันเป็นพิเศษสิคะ”
พอดีหมอเข้ามาอ่านชาร์ตแล้วบอกว่า คนไข้ฟื้นตัวเร็วแต่อยากให้อยู่ดูอาการอีกสักอาทิตย์จนกว่าจะตัด ไหม แล้วอีกสองอาทิตย์ถึงจะเดินทางไกลได้ จัสมินจะอยู่เฝ้าไข้ อรินไม่ยอม เอ็มม่าจึงอาสาดูเอง แต่นาธานอยากให้น้องสาวไปดูแลจัสมินมากกว่า อรินแย้งว่าตนดูแลได้ นาธานตอกกลับทันที
“แน่ใจเหรอว่าดูแลได้ แล้วคุณหายไปไหนวันที่เกิดเรื่อง”
อรินอึ้งพูดไม่ออก...จนกลับมาถึงบ้าน จัสมินแปลกใจว่าเขาเป็นอะไร นั่งมาในรถก็ไม่พูดไม่จา หรือว่าเหนื่อยจากงาน
“เปล่า ไม่มีอะไร หรือจะ...หึง...หรือไม่หึงดี” จัสมินขมวดคิ้วงงๆ อรินขยายความ “นาธานดูดีใจมากที่คุณอยู่กับเขา”
จัสมินยอมรับว่าตนก็ดีใจที่ได้ดูแลนาธาน ขอให้อรินแยกแยะความเข้าใจให้ถูกต้อง แต่เขาพาลไม่ยอมเข้าใจ หาว่าตอนนี้พูดอะไรไปเธอก็ไม่เห็นดีด้วย เอ็มม่าสะเทือนใจที่ได้ยินทั้งสองกระเง้ากระงอดใส่กัน ถอยหลังแยกจะกลับบ้านเช่า เผอิญชนเข้ากับชัยชนะ เธอจะเดินหนีแต่เขาเรียกไว้ขอคุยด้วย
ชัยชนะเปิดฉากถามเอ็มม่าว่าทำไมต้องยุให้อรินกับมะลิแตกแยกกัน
“คุณไม่เข้าใจ ไม่รู้เรื่องของพวกเราอย่าพูดดีกว่า เขาสองคนไม่เหมาะที่จะเป็นคู่กัน ไม่สมกันในทุกเรื่อง” ชัยชนะถามใครตัดสิน “จะใครก็ช่างเถอะ ไม่ใช่เรื่องของคุณ อีกไม่นานพวกเราก็กลับซามาร์กันแล้ว เขาสองคนควรเลิกยุ่งเกี่ยวกัน ตัดใจจากกันให้ได้”
“แล้วคุณไปเกี่ยวอะไรด้วย คุณนี่ก็แปลก ถ้าเป็นผมต่อให้คนที่ผมรักไม่รักตอบ ผมก็อยากให้เขาเจอกับคนดีๆ มีความสุขกับคนที่เขารัก ไม่คิดแย่งหรือทำให้แตกกัน”
เอ็มม่าเจอตอกกลับเหมือนโดนจี้ใจดำจนหน้าชา หันหลังเดินจากไป...
ooooooo










