สมาชิก

ดาวหลงฟ้า ภูผาสีเงิน

ตอนที่ 1

ดินแดนเขียวขจีอุดมสมบูรณ์ด้วยป่าไม้นานาพันธุ์ หุบเขาโอบล้อมด้วยเทือกเขาหิมาลัย เป็นที่ตั้งของประเทศซามาร์ ประเทศเล็กที่สุดในทวีปเอเชียตอนเหนือ

พระราชวังซามาร์ใหญ่โตโอ่อ่าตั้งตระหง่าน ประดับด้วยแสงไฟโคมระย้างดงามด้วยมีงานพระราชพิธีใหญ่ในคืนนี้

ธงซามาร์ปลิวไสวเรียงเป็นทิวแถว ทหารยืนประจำการตามจุดต่างๆอย่างองอาจ...ห้องโถงขนาดใหญ่ตบแต่งหรูหรา พุ่มดอกไม้สีสันงดงามตามมุมต่างๆ นักดนตรีวงออเคสตราบรรเลงเพลงคลาสสิก เหล่าทูตานุทูตและภริยาสวมใส่ชุดสากล แขกผู้มีเกียรติจากแคว้นต่างๆแต่งชุดประจำชาติทยอยเดินเข้างานยิ้มแย้มพูดคุยทักทายกัน

มาลาตี ภริยาท่านองคมนตรีให้การต้อนรับ เธอติดตามรับใช้พระราชินีอัมราภาชินี ด้วยความที่เชี่ยวชาญด้านภาษาและประวัติศาสตร์เอเชีย จึงได้รับมอบหมายให้เป็นอาจารย์ของเจ้าหญิงจัสมิน รัชทายาทพระองค์เดียวของพระเจ้าอิสราธิบดี กษัตริย์ซามาร์ที่เปี่ยมไปด้วยเมตตาธรรมแต่ก็เคร่งครัดในราชประเพณี จึงทรงเลี้ยงเจ้าหญิงจัสมินอย่างเข้มงวด

“เห็นว่างานคืนนี้จัดขึ้นเพื่อเปิดองค์เจ้าหญิงจัสมินโดยเฉพาะ” ภริยาทูตอัสสัมเอ่ยขึ้น

“ใช่ค่ะ เป็นประเพณีที่สืบเนื่องกันมา เราได้อิทธิพลมาจากทางยุโรป เด็กผู้หญิงคนไหนที่เริ่มเป็นสาวเต็มตัวจะถูกเรียกเดบูตองค์...จะมีการจัดงานเต้นรำเพื่อเป็นการเปิดตัวสาวน้อยเหล่านี้”

มาลาตีอธิบาย ทำให้บรรดาภริยาทูตพลอยตื่นเต้นไปด้วย

“อีกเหตุผล เป็นการฝึกให้พวกเธอวางตัวออกงานพบปะตามธรรมเนียมผู้ใหญ่เป็นครั้งแรก และปีนี้เจ้าหญิงท่านก็มีชันษา 20 พอดี”

“ที่ตั้งใจมางานนี้ก็อยากเห็นองค์ท่าน เห็นว่าทรงน่ารักมาก องค์อัมราภาชินีพระมารดาของเจ้าหญิงทรงเป็นคนไทยใช่ไหมคะ”

“ใช่ค่ะ ดิฉันเองก็เป็นคนไทยเหมือนกัน” มาลาตียิ้มรับอย่างภาคภูมิใจ

ในขณะเดียวกันที่ห้องฟันดาบ เจ้าหญิงจัสมินในชุดฟันดาบสีขาวสวมหน้ากากโลหะเข้าประดาบกับคู่ซ้อม ผลัดกันรุกผลัดกันรับ คู่ซ้อมมิได้ออมมือให้ ใช้ชั้นเชิงตวัดดาบหลอกจะตีด้านบน ทำให้เจ้าหญิงยกดาบขึ้นกันแต่แล้วกลับตวัดดาบอย่างรวดเร็วเข้าที่จุดทำคะแนนตรงอกได้แต้มนั้นทันที

เจ้าหญิงลดดาบลงก้มหัวถอดหน้ากาก สะบัดผมเผยใบหน้าอันงดงามน่ารัก

“ท่านแม่ชนะลูกอีกแล้ว” น้ำเสียงจัสมินตัดพ้อเล็กๆ

คู่ซ้อมถอดหน้ากากเผยให้เห็นองค์ราชินีอัมราภาชินียิ้มงามสง่า เข้ามาลูบศีรษะกล่าวอย่างรู้ทัน อ่อนโยนรักใคร่

“แต่คะแนนรวมลูกก็ชนะแม่นะ”

มาลาตีเดินเร็วเข้ามาย่อตัวคำนับทั้งสององค์ น้ำเสียงเข้มงวดแต่มีความเคารพเกรงใจ ว่าทั้งสองมาอยู่ที่นี่เอง ไม่ทันที่องค์ราชินีจะตอบก็ได้ยินเสียงกรน จึงยกนิ้วแตะริมฝีปากเชิงปรามให้เบาๆ ก่อนจะเดินตรงมายังศรีวิจันทร์ที่นั่งหลับอย่างสบาย แล้วส่งหน้ากากและดาบให้ ทันใดศรีวิจันทร์ที่กำลังสัปหงกจะตกเก้าอี้ก็ลืมตาขึ้นรับของอย่างรู้งาน จัสมินเห็นแล้วชื่นชม

“โอ้โฮ ศรีวิจันทร์...แจ๋วมาก”

“หม่อมฉันแค่พักสายตาไปนิดเดียวเองมังคะ”

อัมราภาชินีสัพยอกว่าพักดังไปนะ ศรีวิจันทร์ยิ้มอายๆ มาลาตีรีบทูลเร่งให้ทั้งสองไปแต่งองค์เพราะงานใกล้จะเริ่มแล้ว องค์ราชินีและจัสมินรับคำพร้อมกันด้วยรอยยิ้ม

“ค่า...ท่านอาจารย์”

“ล้อหม่อมฉันเล่นอีกแล้วนะเพคะ” มาลาตีกระเง้ากระงอด ศรีวิจันทร์แอบหัวเราะ

“งั้นลูกทูลลาท่านแม่ไปแต่งตัวนะเพคะ”

อัมราภาชินีพยักหน้า ย้ำให้แต่งให้งามที่สุด จัสมินยิ้มโค้งคำนับแล้วรีบวิ่งไป ท่านทรงเรียกไว้ติงให้ค่อยๆเดิน จัสมินเบรกตัวโก่งหันมายิ้มเขินๆแล้วแกล้งเดินนวยนาดมารยาทดีแบบสโลว์โมชั่นออกไป อัมราภาชินีส่ายหน้าอดอมยิ้มไม่ได้ เอ่ยกับมาลาตีว่าจัสมินโตเป็นสาวแล้วยังซุกซนไม่รู้เหมือนใคร

มาลาตีชะเง้อมองอย่างเอ็นดู ชมว่าเป็นสาวซุกซนที่งามเหลือเกินสมกับเพชรยอดมงกุฎของซามาร์ ว่าแล้วก็หันมาทางองค์ราชินี แต่ท่านทรงเดินลิ่วเร็วราวกับวิ่งออกไปอีกทาง ศรีวิจันทร์ถือหน้ากากและดาบวิ่งตามแทบไม่ทัน
“อ้าว...เด็จไปเร็วเหลือเกิน หม่อมฉันรู้แล้วว่าเจ้าหญิงจัสมินน่ะทรงเหมือนใคร” มาลาตียิ้มขำอย่างจงรักภักดี

ooooooo

ที่ห้องจัดเลี้ยงในพระราชวัง เสียงเจ้าหน้าที่ประกาศว่าพระเจ้าอิสราธิบดีและองค์ราชินีเสด็จแล้ว ทุกคนในงานต่างถวายคำนับ ทั้งสองพระองค์ทักทายแขก ต่างชื่นชมยินดีที่จะได้ยลพระโฉมของเจ้าหญิง... อิสราธิบดีกระซิบกับอัมราภาชินีอย่างปลื้มปริ่ม

“ทุกคนอยากได้เห็นว่าที่เจ้าหญิงรัชทายาท”

“พวกเขาไม่ผิดหวังแน่เพคะ” องค์ราชินีทูลเบาๆก่อนจะหันมาสนทนากับแขกในงานต่อ...

มาลาตีเดินอย่างเร่งรีบมาเคาะประตูขออนุญาตเข้าไป เห็นกลุ่มพี่เลี้ยงกำลังรุมแต่งองค์ให้จัสมิน พี่เลี้ยงยกพานมงกุฎให้ทรงสวม มาลาตีตะลึงกับความงามของเจ้าหญิงที่เห็นมาแต่อ้อนแต่ออก บรรดาพี่เลี้ยงขอเวลาสักครู่ก็จะแต่งองค์เสร็จ จัสมินรับรองกับมาลาตีว่าเสร็จทันแน่

พระเจ้าอิสราธิบดีและอัมราภาชินีประทับนั่ง

รายล้อมด้วยแขกที่มาร่วมงาน องคมนตรีกล่าวรายงานว่างานเต้นรำเดบูตองค์นี้จัดเพื่อถวายเจ้าหญิงจัสมินที่จะมีพระชนมายุครบ 20 พรรษา ตลอดจนโปรดเกล้าให้เหล่าลูกหลานข้าราชบริพารในราชสำนักได้ร่วมฉลองคืนนี้ด้วย

ห้องเต้นรำอยู่ติดกับห้องจัดเลี้ยงประดับด้วย

โคมไฟแชนเดอร์เลียสว่างไสว ประตูห้องปิดกั้นคู่เต้นชายหญิงสี่คู่ ซึ่งมีเอ็มม่ายืนเป็นคู่แรก นาธานพี่ชายยืนเดี่ยวข้างหน้าด้วยท่าทางกระสับกระส่ายอย่างเห็นได้ชัด เอ็มม่าแตะไหล่พี่ชายถามว่าตื่นเต้นหรือ เขาไม่ยอมรับแต่ก็ไม่อาจปกปิดความประหม่าไว้ได้ เธอจึงกำชับอย่าตื่นเต้นจนเต้นผิดให้อายขายหน้าวงศ์ตระกูล

เมื่อเสียงแตรดังขึ้น ประตูห้องเต้นรำเปิดกว้าง แขกผู้มีเกียรติปรบมือ นาธานนำทีมหนุ่มสาวออกมายืนกลางห้อง ประหม่าจนสะดุดเล็กน้อยแต่ทรงตัวได้ องคมนตรีและมาลาตีมองนาธานกับเอ็มม่าอย่างชื่นชมในตัวลูกๆ

เสียงประกาศว่าเจ้าหญิงจัสมินแห่งประเทศซามาร์ ทุกคนมองเห็นเธออยู่ในชุดราตรีขาวฟูฟ่องสวมมงกุฎเพชรประกายงามระยับ เดินสง่างามลงมาตามบันไดอย่างมั่นใจในตัวเอง ต่างฮือฮาปรบมือชื่นชมทำความเคารพ

จัสมินก้มหัวรับ นาธานเดินเข้ามาโค้งและยื่นมือ จัสมินจับมือนาธานเดินไปรวมกับเหล่าเดบูตองค์และคู่เต้น

จัสมินรู้สึกว่านาธานมีเหงื่อออกที่มือ จึงกระซิบถามทำไมก้าวไม่เป็นจังหวะ เขายอมรับอายๆว่าตื่นเต้น “โธ่เอ๊ย...หลงเป็นห่วงนึกว่าจะเป็นลม ที่แท้ก็ตื่นเวที

ดี...เดี๋ยวได้ตื่นเต้นกว่านี้”

นาธานฟังแล้วตาโตตกใจ จัสมินแกล้งเต้นรำโลดโผนขึ้น หมุนตัวเร็วจนเขาแทบดึงไว้ไม่อยู่ เขาถลึงตาปรามแต่กลับเป็นการยิ่งยุให้เธอสนุกกับการได้แกล้งมากขึ้น นาธานสีหน้าเหมือนจะร้องไห้ อัมราภาชินีสังเกตเห็นกระซิบพระสวามี
“ดูลูกสาวพระองค์สิเพคะ ได้ทีเห็นนาธานประหม่าเลยยิ่งแกล้งใหญ่”

“ว่าไงท่านองคมนตรี ลูกชายท่านใจดี ยอมให้จัสมินรังแกตั้งแต่เด็กจนโต”

“สุภาพบุรุษก็ต้องยอมให้สุภาพสตรีฝ่าบาท” องคมนตรีทูลตอบ มาลาตียิ้มเห็นด้วย

อัมราภาชินีติงว่ายอมมากเกินไปจนสุภาพสตรีชักจะนิสัยเสีย บอกมาลาตีว่าต้องจัดการบ้างไม่อย่างนั้นจะเคยตัว มาลาตีรับคำยิ้มๆ อิสราธิบดีหัวเราะชอบใจ...

พอเพลงจบคณะเต้นรำทำความเคารพ เอ็มม่าแอบยกนิ้วชมนาธานแต่เขากลับทำตาขุ่น ถอนใจเฮือกใหญ่

ooooooo

บนเกาะฮ่องกงตรงตรอกเล็กๆ ร้อยตำรวจเอกอริน นายตำรวจหนุ่มนิสัยเคร่งขรึมจริงจังกับงาน บ้าระห่ำไม่กลัวตายนำกำลังตำรวจไล่ล่าจับตัวเหวยกัง หัวหน้าแก๊งพิมพ์ธนบัตรปลอม แต่เจ้าตัวรู้ตัวเสียก่อนคว้าแม่พิมพ์ใส่เป้พร้อมธนบัตรที่พิมพ์อาศัยความชำนาญพื้นที่กระโจนหนี

อรินเห็นหลังไวๆวิ่งตามไม่ลดละ เหวยกังจวนตัวยิงใส่แล้วคว้าตัวหญิงชาวบ้านมาเป็นตัวประกัน ทำให้อรินไม่อาจยิงตอบโต้ได้ ตัวประกันกลัวมากดิ้นรนวิ่งหนีจึงถูกเหวยกังยิงกลางหลัง อรินร้องห้ามลั่นยกปืนยิงโดนสายเป้เหวยกังขาด ธนบัตรร่วงกระจายออกมา เหวยกังคว้าเป้วิ่งหนีไปได้ อรินแค้นใจมองธนบัตรที่เกลื่อนพื้นสีสันแปลกตาหยิบมาดู เป็นเงินของประเทศซามาร์ จึงรู้ได้ว่าเหวยกังกำลังจะไปไหน...

ที่ประเทศซามาร์ ชีวิตประจำวันของจัสมินจะต้องตื่นแต่เช้ามีพี่เลี้ยงสามสี่คนรุมแต่งตัวให้ จากนั้นก็เรียนตำราหนาปึ้กกับอาจารย์ โดยมีเอ็มม่าเรียนเป็นเพื่อน นาธานคอยอารักขาอยู่มุมห้อง พออาจารย์เผลอ จัสมินจะแอบเอาขนมกรุบกรอบออกมากิน ตกบ่ายต้องเรียนเปียโนกับครูที่เข้มงวด จากนั้นถึงจะได้พัก หรือไม่ก็ต้องออกงานรับแขกบ้านแขกเมืองจนแทบหมดแรง

ทั้งหมดสร้างความเบื่อหน่ายให้กับจัสมินอย่างมาก เอ็มม่าเป็นทั้งเพื่อนเล่นและคนคอยดูแลเอาอกเอาใจ บางวันจัสมินนึกสนุกชวนเอ็มม่าไปออกกำลังแบบสุภาพสตรี

จัสมินมักต่อยมวยที่โรงยิม เธอต่อสู้กับครูฝึกอย่างคล่องแคล่วดูจะถนัดมากกว่าการนั่งเรียน นาธานถือเป้าให้เอ็มม่าชกเตะต่อยดูคล่องแคล่วเช่นกัน...จัสมินกำลังชกกระสอบทรายเห็นท่านพ่อท่านแม่เดินเข้ามาจึงหยุดหันหลังให้กระสอบทรายที่ยังเหวี่ยงไปมาเพื่อทำความเคารพ

อิสราธิบดียิ้มอย่างพอใจบอกทุกคนฝึกซ้อมให้เก่ง ต้องเก่งทั้งศิลปะป้องกันตัวและอาวุธ เวลาเกิดเหตุคับขันจะได้ช่วยเหลือกันได้ นาธานและเอ็มม่าโค้งรับคำอัมรา– ภาชินีชำเลืองมองกระสอบทรายที่เหวี่ยงไปมาแล้วเอ่ยขึ้น

“กฎข้อที่หนึ่ง การต่อสู้มีไว้เพื่อป้องกันตัวไม่ใช่ไปรังแกคนอื่น...กฎข้อที่สอง...” ไม่ทันจะตรัสต่อก็ทรงเห็นว่านอตที่ยึดกระสอบทรายบนเพดานหลุดออกหนึ่งตัว ทำให้กระสอบทรายเหวี่ยงมาทางจัสมิน จึงร้องบอกให้ลูกหลบแล้วพระองค์อาศัยความเร็วพุ่งตัวดันจัสมินกระ–โดดเตะกระสอบทรายนั้นให้หล่นลงพื้นพ้นตัวจัสมินได้อย่างหวุดหวิด

ทั้งองครักษ์และครูฝึกตาค้างที่เห็นพระปรีชาสามารถขององค์ราชินี นาธานอุทานว่ามองแทบไม่ทัน อัมราภาชินีกล่าวต่อ

“กฎข้อที่สาม อย่าหันหลังให้ศัตรูเด็ดขาด แม้จะจบการต่อสู้”

จัสมินทึ่งถามแล้วกฎข้อที่สองว่าอย่างไร อัมราภาชินีหันไปถามศรีวิจันทร์นึกออกไหม เธออึกอักทูลว่าเมื่อสักครู่นึกได้แต่ตอนนี้หายวับไปแล้ว อัมราภาชินีหัวเราะบอกลูกว่านึกออกแล้วจะบอก อิสราธิบดีหัวเราะเบาๆมองราชินีของตนอย่างภูมิใจ

ooooooo

อรินมาประเทศซามาร์เพื่อตามหาเหวยกัง...ในตลาดยามเช้าอากาศแสนสบาย อรินเดินมาเห็นพระราชวังตั้งตระหง่านก็มองอย่างสงสัย ถามชาวบ้านว่านั่นตึกอะไร ได้คำตอบว่าเป็นพระราชวังของพระเจ้า อิสราธิบดีผู้ครองเมือง

ในขณะเดียวกัน จัสมินตื่นขึ้นมาได้ยินเสียงปี่กลองดังมาจากตลาดก็รู้สึกครึกครื้นตามไปด้วย มองไปไม่เห็นพี่เลี้ยงเข้ามาจึงนึกเรื่องสนุกขึ้นมาอย่างซุกซน

จัสมินสวมเสื้อคลุมมีฮูดเดินดูของขายในตลาด เธอหยุดดูแผงขายเครื่องประดับอย่างถูกใจ อรินเดินมามองเธอตาไม่กะพริบ ราวโลกทั้งใบหยุดนิ่งเพราะความสวยน่ารักของเธอ จนชาวบ้านเดินมาชนจึงตื่นจากภวังค์ จัสมินเห็นองครักษ์เดินมาก็รีบหนีไปอีกทาง อรินมอง อย่างสงสัยพร้อมกับเดินตาม

จัสมินถอยหลังหลบองครักษ์มาชนเข้ากับอรินจนล้มไปนั่งกับพื้น ฮูดที่คลุมหัวเปิดออก อรินตกใจจะเข้าประคองแต่เธอปัดมือเสียงเข้มว่าไม่ต้อง ตนลุกเองได้ เขาถามย้ำว่าไม่เป็นอะไรแน่หรือ เธอตอบว่าไม่และขอบใจ ลุกขึ้นจะเดินหนี อรินรีบถามทำอะไรผิดถึงต้องหลบ เธอชะงักปฏิเสธว่าไม่ได้หลบ ไม่ได้ทำอะไรผิด เขาหาว่าเธอแก้ตัว เธอเริ่มโกรธเชิดหน้าเถียง

“เราไม่ได้แก้...ไม่จำเป็นต้องแก้ตัวกับคุณ” ว่าแล้วก็สวมฮูดจะเดินหนี

อรินตามเซ้าซี้ จัสมินหันมาเสียงเฉียบไม่ให้ตามอีก เขายียวนว่าไม่ได้ตามแค่เดินตลาด เธอค้อนขวับหันมาเจอพวกองครักษ์ก็ชะงักรีบมุดหลบ

อรินแปลกใจที่เธอหายไปดื้อๆจึงเดินหา เห็นเธอเดินลัดเลาะก็ร้องเรียก จัสมินโกรธเดินหนีจนคิดว่าพ้นแล้วจึงเปิดฮูดออกโบกมือไปมาตรงหน้าด้วยความเหนื่อยและร้อน บ่นว่าใครกันนิสัยไม่ดีตามอยู่ได้ ทันใดก็มีมือมาสะกิด เธอหันมองต้องผงะจะเดินหนี แต่อรินจับต้นแขนไว้

“จะหนีไปไหน มีพิรุธแบบนี้ต้องทำอะไรไม่ดีมาแน่ๆ อยู่แก๊งไหนน่ะ”

“ปล่อยนะ เราไม่ได้หนีไม่ใช่แก๊งโจรผู้ร้าย เราแค่เดินชมตลาดเหมือนคุณ”

“อยู่แถวนี้เหรอ แต่งตัวไม่เห็นเหมือนชาวบ้านหรือจะเป็นลูกเศรษฐี ดูท่าทางแปลกกว่าคนอื่น”

จัสมินสวนว่าถ้าใช่แล้วจะจับเรียกค่าไถ่หรือ?

“โห...รวยขนาดนั้นเชียว ผมแค่อยากถาม เคยเห็นชาวต่างชาติคล้ายพวกคนจีนมาแถวนี้บ้างไหม”

จัสมินย้อนถามว่าหาคนทำไม จะทำอะไร ไม่ทันที่อรินจะตอบ เอ็มม่ากับนาธานเดินปรี่เข้ามาบ่นอุบว่าตามหาตั้งนาน จัสมินถลึงตาปรามไม่ให้เรียกชื่อ ทั้งสองชะงัก นาธานเอ่ยเชิญกลับบ้าน อรินมองอย่างสงสัยในท่าที ถามทั้งสามคนว่าเป็นแก๊งเดียวกันใช่ไหม จัสมินโกรธประชดว่าใช่ ทีมสำคัญด้วย พอใจไหม

คำตอบนั้นทำให้อรินยิ้มชอบใจในความเด็ดเดี่ยวของเธอ

ooooooo

กลุ่มจีโบขบวนการก่อการร้ายในซามาร์ ผู้นำคือราชิด มีโมซันเป็นพี่น้องร่วมสาบานและซีนอนลูกน้องคนสนิท ถูกทหารซามาร์บุกกวาดล้าง โมซันให้ซีนอนพาราชิดหนี ตัวเองยิงคุ้มกัน ไม่ทันไรก็โดนยิงและถูกจับกุม

พระเจ้าอิสราธิบดีได้รับจดหมายจากราชิด ขู่ให้ปล่อยตัวโมซันแลกกับความปลอดภัยของเจ้าหญิงจัสมิน อิสราธิบดีเป็นห่วงไม่อยากให้ทุกคนต้องอยู่อย่างหวาด ระแวง จึงคิดจะส่งจัสมินไปอยู่ยุโรป โดยไม่บอกเหตุผล

อัมราภาชินีกำลังร้องเพลงไทยอย่างเพลิดเพลินไพเราะร่วมกับการเล่นเปียโนของจัสมิน อิสราธิบดีเดินมามองครุ่นคิดบางอย่างในใจ ก่อนจะปรบมือชมว่าร้องได้ไพเราะมาก อัมราภาชินีโบ้ยเป็นเพราะคนเล่นเปียโนเก่ง จัสมินยิ้มแต้บอกเพลงนี้เป็นเพลงโปรดท่านพ่อ ตนกับท่านแม่ถวายให้

อัมราภาชินีร้องเพลงนี้แล้วคิดถึงเมืองไทย จัสมินตาวาวเพราะท่านแม่เคยพาไปตอนเด็กซึ่งยังจำได้ว่าเป็นเมืองที่สวยงาม ผู้คนน่ารัก มีน้ำใจ และท่านพ่อสัญญาจะให้รางวัลตอนเรียนจบ จึงขอไปเมืองไทย แต่อิสราธิบดีกลับบอกว่ามีที่อื่นให้ไปแล้ว จัสมินสบตาอัมราภาชินีอย่างสงสัย

ooooooo

สำนักงานตำรวจประเทศไทย ชัยชนะในชุดเชิ้ตขาวผูกไทเดินเข้ามามองโต๊ะทำงานตัวเองที่มีแต่ฝุ่น โต๊ะติดกันก็เต็มไปด้วยเอกสารวางระเกะระกะไม่เป็นระเบียบ ด้วยความที่เป็นคุณหนูไฮโซจึงหยิบน้ำยามาฉีดแล้วจะเช็ด อรินเดินมาเห็นใครมายุ่งกับโต๊ะทำงานก็โวยวาย

“เฮ้ยๆ ทำอะไรหยุดเลย”

“ผมจะเช็ดโต๊ะครับ มันสกปรก”

อรินมองหน้าถามว่าเป็นนักการคนใหม่หรือเป็นพนักงานขายน้ำยาทำความสะอาด พูดแล้วก็ไล่ไปห่างๆ ชัยชนะจะอธิบาย อรินไม่ฟังมองไปรอบๆ พลางบ่น

“ไหนว่ามาแล้ว หายไปไหนไม่เห็นมี...เอ้า ยังไม่ไปอีก เก็บน้ำยาเช็ดโต๊ะไปเลยนะ ยังไงก็ไม่ซื้อโต๊ะรกแบบนี้หาของง่ายดี หยิบอะไรก็เจอ ไปขายที่อื่นเถอะ”

ชัยชนะเก็บน้ำยาเช็ดโต๊ะแล้วควักขวดเจลออกมาล้างมือ อรินหมั่นไส้ที่รักความสะอาดเว่อร์ ถามลูกน้องใครปล่อยเซลขายของเข้ามา ลูกน้องมองชัยชนะแล้วกล่าวว่าไม่ใช่เซลแต่เป็นคู่หูคนใหม่ของเขา อรินชะงักมองชัยชนะหัวจดเท้า นึกรู้ว่าทำงานด้วยกันไม่ได้แน่จึงยกมือห้าม ชัยชนะคิดว่าต้องการเจลจะเทให้ อรินรีบหดมือกลับด้วยสีหน้าเคืองๆ

อรินเข้าพบหัวหน้าเพื่อถามทำไมส่งคู่หูเป็นคุณหนูจอมสะอาดมาให้ หัวหน้าสวนไม่ใช่คุณหนูธรรมดาแต่เป็นคุณหนูไฮโซ

“จะไฮโซไฮซ้ออะไรก็ช่าง ท่าทางสำอางเว่อร์ มีใช้จงใช้เจลถูมือ เป็นเกย์แน่ๆ หนุ่มหน้าติ๋มแบบนั้นผมไม่อยากทำงานด้วย”

“อยากหรือไม่อยากก็ต้องยอมรับ คำสั่งเซ็นมาแล้ว...ดีเท่าไหร่แล้วที่มีคนหลงผิดมาทำงานด้วย นอกจากคนนี้ไม่มีใครเขายอมเสี่ยงชีวิตมาคู่นายแล้ว ดูแลชัยชนะให้ดีล่ะ คนนี้หลานท่านผู้บัญชาการนะ อย่าทำเป็นเล่นไป”

อรินจะขอเปลี่ยนแต่หัวหน้าบอกว่าไม่ทันแล้วเพราะมีงานใหญ่เข้ามา สายรายงานว่าเหวยกังกำลังเดินทางมาไทย อรินเครียดถึงสองทาง...

ooooooo

จัสมินบ่นกับเอ็มม่าและนาธานว่าไม่ต้องการไปเรียนกฎหมายที่สวิสกับโปรเฟสเซอร์โรเบิร์ตจอมโหด ถ้าเป็นเช่นนั้นชีวิตคงเฉาตายแน่ แต่เอ็มม่าเห็นว่าจะทำให้ได้ความรู้มากขึ้น

จัสมินไม่เห็นด้วย ให้เอ็มม่าไปเรียนคนเดียว ตนจะหนีไปเมืองไทย สองพี่น้องตกใจจะห้าม จัสมินยื่นคำขาดให้เลือกสองทาง จะอยู่ที่นี่หรือไปเมืองไทยกับตน ทั้งสองอึ้งสบตากันอย่างรู้คำตอบ

นาธานจำต้องจองโรงแรมที่พักหรูในเมืองไทยและแอบซื้อตั๋วเครื่องบินไว้ พอถึงวันเดินทาง นาธานถือกระเป๋าส่วนตัวเดินคู่มากับจัสมิน มาลาตีและเอ็มม่าเดินตาม โดยมีนางกำนัลและตำรวจอารักขาตามหลังมาสนามบิน

นาธานกระซิบบอกจัสมินว่าต้องทำตอนนี้ ถ้าเข้าไปในห้องรับรองแล้วจะไม่มีโอกาส จัสมินหยุดเดินแกล้งกุมท้องร้องโอดโอยจะเข้าห้องน้ำ มาลาตีให้อดทนไปเข้าห้องน้ำในห้องรับรอง แต่จัสมินบอกไม่ไหวแล้ว ดึงเอ็มม่าให้ไปเป็นเพื่อนทันที มาลาตีสั่งนางกำนัลตามไปดูแล ซีนอนซึ่งจับตามองจัสมินรีบส่งข่าวไปบอกราชิด

เอ็มม่าสั่งนางกำนัลให้รอหน้าห้องน้ำ พักใหญ่ก็พากันเดินออกมาในชุดส่าหรีมีผ้าปิดหน้า นางกำนัลจำไม่ได้...นาธานเห็นได้เวลาบอกมาลาตีว่าจะเดินไปดูน้องกับเจ้าหญิง มาลาตีดึงกระเป๋าไว้จะถือไปทำไม เขาอ้างว่าเผื่อเจ้าหญิงต้องการใช้ของส่วนตัว มาลาตีจึงพยักหน้าปล่อยไป เขาถอนใจคิดว่าจะผิดแผนเสียแล้ว

นาธานเดินมาไม่ทันถึงห้องน้ำ ก็มีสาวส่าหรีมาดึงแขนลากไป เขาตกใจแต่พอเห็นว่าเป็นจัสมินกับ

เอ็มม่าก็ถอนใจ เมื่อจัสมินถามหาพาสปอร์ต นาธานเริ่มรู้สึกผิดเพราะไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เอ็มม่าหาว่าพี่ชายใจเสาะ จัสมินย้ำว่าเขาเป็นองครักษ์ ตนไปไหนเขาก็ต้องไปด้วย นาธานสูดลมหายใจเข้าตัดสินใจพาสองสาวตรงไปเช็กอิน สวนกับเหวยกังแทบจะชนกัน...ตลอดเวลาซีนอนจ้องมองจัสมินไม่วางตาแล้วให้ลูกน้องซื้อตั๋วเพื่อจะบินตามไป

นางกำนัลนำกระเป๋าเสื้อผ้าที่จัสมินทิ้งไว้ในห้องน้ำกลับมาวางตรงหน้ามาลาตี เธอใจหายวาบรู้ในทันทีว่าเจ้าหญิงทรงหนีแต่ไม่รู้ว่าหนีไปที่ไหน

ooooooo

อรินจำต้องทำงานร่วมกับชัยชนะ ระหว่างรอการประชุม อรินให้ชัยชนะช่วยเช็กข้อมูลว่าเหวยกังเดินทางเข้ามากรุงเทพฯหรือยัง ชัยชนะบ่นอุบว่าวันๆ สายการบินแวะกรุงเทพฯเป็นร้อยเที่ยวจะรู้ได้อย่างไรว่าเหวยกังจะมาเที่ยวไหน อรินประชดให้โทร.ถาม ก็ได้คำตอบซื่อๆ

“ผมไม่มีเบอร์โทร.เขา”

“มีกวนกลับหน้าตาย เดี๋ยวได้สวย”

อรินเกาหัวหงุดหงิดก่อนจะเจอข้อมูลว่าวันนี้มีเครื่องมาจากซามาร์ด้วย ชัยชนะก็ยังไม่เข้าใจ

พอดีหัวหน้าเดินเข้ามาบอกทุกคนว่างานนี้สงสัยจะไม่ได้ตัวเหวยกังง่ายๆ เพราะสายรายงานว่าเขาผ่าตัดเปลี่ยนใบหน้าที่คลินิกเล็กๆทางตอนใต้ของอินเดีย อรินคิดว่าแบบนี้เราก็มีพยานระบุตัวตนได้ หัวหน้าส่ายหัว เพราะเหวยกังได้ฆ่าหมอและพยาบาลตายแล้ว

หัวหน้าเปิดภาพพวกมาเฟียที่สายตำรวจแอบถ่ายมาได้ ในนั้นมีเหวยกังอยู่ด้วยแต่มองไม่เห็นหน้า

“หลังจากทำศัลยกรรมผ่าตัดเปลี่ยนใบหน้าเหวยกังก็เข้าร่วมกับแก๊งปลอมเงินดอลลาร์สหรัฐ”

อรินชี้ว่าคนนี้ใช่เหวยกังหรือไม่ หัวหน้าอธิบายว่า

“อาจจะใช่แต่สายไม่ยืนยัน...แก๊งนี้นอกจากจะพิมพ์ดอลลาร์ปลอมแล้วยังมีเงินหยวนปลอมอีกอย่าง ตอนนี้เงินปลอมของพวกมันถูกปล่อยไปมากกว่าสามสิบประเทศแล้ว”

ชัยชนะเปรยว่าเป็นแก๊งอินเตอร์เสียด้วย หัวหน้าเน้นว่าข่าวร้ายคือเรากำลังสงสัยว่ามันคิดจะมาตั้งแหล่งผลิตเงินปลอมที่เมืองไทย การเดินทางมาคราวนี้เหวยกังน่าจะมาพร้อมแท่นพิมพ์ธนบัตรปลอม อรินฟังแล้วเครียดแววตากร้าวด้วยความแค้น

ooooooo

ในขณะที่พระเจ้าอิสราธิบดีกับอัมราภาชินีประทับอยู่ที่โรงแรมในนิวยอร์ก รอการมาของจัสมิน... องคมนตรีเข้ามารายงานอิสราธิบดีด้วยสีหน้าหนักใจ ศรีวิจันทร์แอบมองอยู่ไกลๆพยายามเงี่ยหูฟังแต่ไม่ได้ยิน องคมนตรีโทษตัวเองเลี้ยงลูกไม่ดี เจ้าหญิงกลับมาตนจะพิจารณาตัวเอง องค์อิสราธิบดีบอกอย่าโทษตัวเองเพราะรู้ดีว่าถ้าจัสมินไม่สั่ง ทั้งนาธานและเอ็มม่าก็คงไม่กล้าทำ พรุ่งนี้ตนจะกลับซามาร์แถมย้ำให้ตามหาตัวจัสมินให้ได้ก่อนที่กลุ่มจีโบจะรู้เรื่องนี้

อัมราภาชินีเห็นศรีวิจันทร์ทำลับๆล่อๆก็เข้ามาสะกิดไหล่ กลับโดนเธอปัดมือและวีนใส่

“หน็อย...รู้ตัวรึเปล่ายะมาเล่นกับใคร” พูดขาดคำแล้วศรีวิจันทร์หันมาแทบร้องไห้ทรุดฮวบลง

“แล้วเราเป็นใครล่ะ”

“ข้าบาทในองค์อัมราภาชินีมังคะ...ขออภัยมังคะ หม่อมฉันสมควรตาย”

อัมราภาชินีหัวเราะเบาๆถามว่าแอบฟังอะไร ศรีวิจันทร์ลุกพรวดจีบปากจีบคอทูลทันทีว่าองคมนตรีมาทูลอะไรไม่ทราบ พระราชาดูเครียดๆ องค์ราชินีนึกห่วงมองไปยังพระสวามี

อิสราธิบดีสั่งองคมนตรีปิดเรื่องนี้ให้เงียบที่สุด ออกข่าวไปว่าจัสมินเสด็จไปประทับยุโรป ห้ามบอกแม้กระทั่งองค์ราชินีเกรงวังจะแตก

ไม่ทันไรอัมราภาชินีเดินเข้ามา ศรีวิจันทร์ตามหลัง อิสราธิบดีสบตาองคมนตรีอย่างเพื่อนที่รู้ใจ ก่อนจะเอ่ยถามราชินีทำไมยังไม่นอน

“รอท่านอยู่เพคะ ท่านองคมนตรีมาตอนดึกแบบนี้มีข่าวด่วนอะไรรึเปล่า”

อิสราธิบดีชิงตอบแทนว่า องคมนตรีมารายงานตามปกติ เขาขยันชอบทำงานดึกๆ อัมราภาชินีบ่นว่าโทร.หาจัสมินไม่ได้ หรือว่าจะโกรธงอนพ่อแม่ องค์ราชาโล่งใจที่ราชินีเข้าใจแบบนั้น อัมราภาชินีทูลลาไปนอนก่อน อิสราธิบดีถอนใจหันมาเปรยกับองคมนตรีว่าจะปิดผู้หญิงฉลาดอย่างนี้ได้นานแค่ไหน

ขณะเดียวกัน อัมราภาชินีก็สั่งศรีวิจันทร์สืบข่าวว่าองคมนตรีมีเรื่องอะไรปิดบังตน ศรีวิจันทร์ยิ้มกริ่มเพราะเป็นงานถนัด

ooooooo

อรินกับชัยชนะเอารูปหน้าเก่าของเหวยกังให้หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยสนามบินไปแจกลูกน้อง ถึงแม้จะผ่าตัดเปลี่ยนใบหน้าก็น่าจะมีเค้าเดิมบ้าง ถ้าเห็นใครมีเค้าหรือมีพิรุธให้รีบแจ้งพวกตน ชัยชนะบอกว่าเที่ยวบินจากซามาร์ลงจอดแล้ว อรินคิดว่าเที่ยวนี้น่าสงสัยที่สุด

ซีนอนเดินตามกลุ่มของจัสมินออกมาชนเข้ากับเหวยกังอย่างไม่ตั้งใจ เหวยกังมองหน้าด้วยแววตาโหดเหี้ยม ซีนอนชะงักนึกรู้ว่าคนนี้ไม่ธรรมดา แต่ไม่อยากมีเรื่อง มองกลุ่มจัสมินไม่ให้คลาดสายตา

ท่าทางจัสมินร่าเริงมีความสุข ต่างจากนาธานที่หายใจลำบากด้วยคิดว่าป่านนี้องค์ราชาคงรู้เรื่องแล้ว เอ็มม่าสยองไปด้วยว่าแม่คงเอาตายแน่ จัสมินแทรกขึ้น

“เอาน่า ไหนๆก็ต้องตายแล้วตอนนี้ยังอยู่ก็ใช้ชีวิตให้สนุกก่อน แล้วต่อไป เรารับผิดชอบเอง”

เอ็มม่ากับนาธานฟังจัสมินแล้วก็ยังทำหน้าปูเลี่ยนๆเหมือนอยากตาย

เหวยกังสังเกตเห็นตำรวจในและนอกเครื่องแบบเดินเกลื่อนก็ยืนนิ่งไม่ให้มีพิรุธ...ชัยชนะเอ่ยถามอรินทำไมมั่นใจว่าเหวยกังจะมาเที่ยวบินนี้ อรินตอบว่า

“ที่ฮ่องกงมันทำเงินของประเทศซามาร์ตกไว้ แสดงว่ามันต้องไปกบดานที่นั่นแน่ เสียดายตามไปก็หาไม่เจอ เฮ้ย!”

จัสมินหันมาเจออรินพอดีอุทานอย่างตกใจเช่นกัน เอ็มม่าสะดุ้งถามว่ามีอะไร

“ผู้ชายคนนั้น เราเคยเจอที่ซามาร์ตอนหนีเที่ยวตลาด”

“ท่าทางเหมือนเป็นพวกเจ้าหน้าที่นะท่าน แล้วทำไมองค์หญิงถึงทรงจำเขาได้”

จัสมินไม่ตอบบอกให้ทำไม่รู้ไม่ชี้ เขาอาจจำตนไม่ได้ แต่อรินกลับคิดไปว่าจัสมินอาจเกี่ยวข้องกับเหวยกัง...

เหวยกังยืนไม่ห่างจากนาธาน พอกระเป๋าเคลื่อนออกมา นาธานจะหยิบ เหวยกังชิงหยิบมองนาธานด้วยแววตาเหี้ยม จัสมินกล่าวขอโทษแทนเพราะกระเป๋าเหมือนกัน อรินเดินใกล้เข้ามา เหวยกังครุ่นคิดจะทำอย่างไรดี พอเห็นว่ากระเป๋าที่นาธานหยิบวางข้างๆเหมือน กับของตน ก็รีบสับเปลี่ยนโดยไม่มีใครทันสังเกตเห็น

จัสมินบอกนาธานได้กระเป๋าครบแล้วให้รีบไปกัน อรินกวาดตามองตาม เหวยกังยิ้มเหยียดที่อรินไม่ได้สงสัยตน

ซีนอนเดินตามกลุ่มจัสมิน อรินเห็นแล้วสงสัย สบตาชัยชนะว่านั่นอาจเป็นเหวยกัง

พวกจัสมินเดินผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง ซีนอนพยายามจะลัดคิวตามให้ทันแต่ทำไม่ได้ เอ็มม่าเห็นอรินยังเดินตาม นึกสงสัยว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ที่ทางซามาร์แจ้งมาจับพวกตนส่งกลับ

“ถ้าทางนี้รู้เรื่องจริง พวกเราคงไม่ผ่านออกมาได้หรอก” จัสมินเชื่ออย่างนั้น

นาธานเห็นอรินยังมอง จึงพาจัสมินกับเอ็มม่ารีบเดิน ซีนอนยิ่งกระสับกระส่ายจะตามไม่ทัน ชัยชนะเฝ้ามองซีนอน อรินชักมั่นใจว่าซีนอนเป็นเหวยกังจึงจะเข้าจับกุม ซีนอนตกใจวิ่งหนี เหวยกังมองอย่างวิตกกังวล รีบเดินตามพวกจัสมินออกมา แต่ไม่ทันเพราะพวกเธอขึ้นรถของโรงแรมที่มารับออกไปเสียก่อน จึงพยายามเพ่งมองชื่อโรงแรมที่ตัวรถ

ซีนอนถูกอรินกับชัยชนะจับตัวได้โวยวายว่าเขาไม่ใช่เหวยกัง แต่อรินไม่เชื่อล็อกตัวมาสอบปากคำที่ห้องสอบสวนสนามบิน อรินถามหาแม่พิมพ์ธนบัตรปลอม ซีนอนไม่รู้เรื่องโวยจะเรียกทนาย ชัยชนะเริ่มสงสัยว่าจะจับผิดตัว แต่อรินไม่เชื่อต้องจับตรวจดีเอ็นเอก่อน

ooooooo

ระหว่างนั่งรถมายังโรงแรม จัสมินมองวิวสองข้างทางยิ้มแย้มมีความสุข เอ็มม่าชี้ชวนให้ดูตรงนั้นตรงนี้ นาธานมองจัสมินด้วยสีหน้าอ่อนโยนแต่เธอไม่ทันสังเกตเห็นแววตานั้น

พอมาถึงห้องพักสุดหรูของโรงแรม นาธานส่งทิปให้พนักงาน จัสมินยืนตัวตรงส่งมือให้ด้วยกิริยาของเจ้าหญิง พนักงานมองงงๆก่อนจะสัมผัสมือเบาๆแล้วก้มเดินออกไป เอ็มม่าตื่นเต้นกับขนมที่ทางโรงแรมจัดเตรียมไว้ให้แล้วนึกได้ว่าห้องนี้เป็นห้องเดิมที่เคยมาพักตอนเด็กๆ

“คิดว่าใช่ ดีใจจังที่ได้กลับมาบ้านเกิดของแม่ ขอบใจมากนะนาธานที่ช่วยพาเรากลับมา”

“อะไรที่เป็นความสุขขององค์หญิง หม่อมทำให้ได้เสมอ...แม้แต่ชีวิตก็ถวายได้”

นาธานยิ้มเขิน เอ็มม่าหัวเราะเยาะหาว่าน้ำเน่ามาก

“ไม่ต้องถึงกับให้ชีวิตหรอก แค่พาเราไปหาอะไรกินก็พอแล้ว”

เอ็มม่าเห็นด้วยกับเจ้าหญิง นาธานติงกินขนมแล้วยังจะหิวอีก และบอกเรามีเงินดอลลาร์กับเงินซามาร์ ต้องไปแลกเป็นเงินบาทก่อน นาธานเดินไปเปิดกระเป๋าจะหยิบเช็ค แต่แล้วต้องตกใจร้องเสียงหลง จัสมินกับเอ็มม่ารีบวิ่งมาดู เห็นหนังสือพิมพ์อยู่สองฉบับก็ตกใจไม่ใช่กระเป๋าพวกเธอ

ในขณะเดียวกัน เหวยกังเข้าพักโรงแรมเก่าๆย่านกลางเมือง เขาเปิดกระเป๋าที่สับเปลี่ยนออกแล้วยิ้มกริ่ม ที่มีเงินสกุลซามาร์เป็นปึก เช็คเงินดอลลาร์อีกหลายหมื่นเหรียญหลายฉบับ

จัสมินหน้าเสียคิดได้ว่ากระเป๋าต้องสับกับชาวจีน หน้าเหี้ยมคนนั้นแน่ นาธานแปลกใจว่าสลับกันตอนไหน ทุกคนเช็กว่ามีเงินติดตัวกันเท่าไหร่ จัสมินส่ายหน้าไม่เคยพกเงิน เอ็มม่ากับนาธานมีรวมกันถ้าแลกเป็นเงินไทย ก็เกือบหมื่นบาทเท่านั้น จัสมินเสนอว่าต้องย้ายที่พัก

จัสมินเจรจาผู้จัดการว่ามีอุบัติเหตุทางการเงินไม่สามารถพักต่อได้ ขอให้เขาคิดราคาค่าอาหารว่างที่ทานไป แต่ผู้จัดการกลับบอกให้ถือเสียว่าเป็นการต้อนรับจากประเทศไทย นาธานขอให้ช่วยอีกเรื่องคือช่วยหาที่พักราคาถูกๆให้ ผู้จัดการคิดว่าทั้งสามเป็นนักท่องเที่ยวธรรมดาจึงให้รถสามล้อพาไปยังที่หนึ่ง นาธานจะทิ้งกระเป๋าแต่เอ็มม่าห้ามไว้บอกเอาไว้ใช้ใส่ของได้

จัสมินสนุกกับการได้นั่งรถสามล้อที่ขึ้นชื่อของไทย เหวยกังนั่งแท็กซี่สวนเข้ามา พกอาวุธหน้าเข้มมาถามหา กลุ่มจัสมินที่โรงแรม จึงรู้ว่าทั้งสามย้ายไปพักที่ถนนข้าวสาร

ขณะเดียวกัน ผลการตรวจออกมาว่าซีนอนไม่ใช่เหวยกัง อรินไม่อยากเชื่อ หัวหน้าสั่งปล่อยตัวซีนอนและกล่าวขอโทษที่ทำให้เสียเวลา ซีนอนมองอรินอย่างโกรธๆ ชัยชนะสงสัยว่าเหวยกังไปอยู่ที่ไหน อรินครุ่นคิดเฉลียวใจว่า จัสมินจะต้องเกี่ยวข้องกับเหวยกังแน่

รถสามล้อจอดส่งกลุ่มจัสมินที่ย่านบางลำพู นาธาน จ่ายเงินแล้วยื่นมือจะช่วยจัสมินลงจากรถ แต่เธอกระโดดลงมาเองอย่างคล่องแคล่ว เอ็มม่าตื่นเต้นที่เห็นร้านขายของกินมากมาย นาธานมองที่พักอย่างอนาถ จัสมินยิ้ม เห็นเป็นเรื่องสนุกไปหมด ไม่รู้เลยว่ามีสายตาจับจ้องอยู่

ด้านอรินดูภาพที่ได้จากกล้องวงจรปิดสนามบิน ดูความเคลื่อนไหวของจัสมิน เห็นว่าซีนอนจับตามองเธอตลอด ทำให้เขามั่นใจว่าเธอต้องเกี่ยวข้องหรืออาจเป็นคนถือแม่พิมพ์ จึงให้ชัยชนะเปิดภาพต่อไปว่าจัสมิน ขึ้นรถอะไรไปที่ไหน

ooooooo

บ่ายวันนั้น จัสมินและเอ็มม่าเดินซื้อเสื้อผ้าอย่างเพลิดเพลิน เพราะเวลาอยู่ซามาร์ไม่มีโอกาสได้แต่งตัวสวยๆแบบนี้

ไม่ทันไรจ้อย เด็กชายวัยสิบขวบวิ่งมากระชากกระเป๋าเอ็มม่าไป จัสมินรีบวิ่งตาม นาธานพอรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก็รีบวิ่งตามจัสมิน เอ็มม่าตั้งสติได้วิ่งตามไปอีกคน

จ้อยอาศัยที่รู้เส้นทางวิ่งซิกแซกไปตามซอย แต่ไม่พ้นจัสมินที่วิ่งมาทัน และนาธานตามมาดักหลัง นาธานขู่ให้คืนกระเป๋าถ้าไม่อยากเจ็บตัว จ้อยคิดสู้ พลันเสียงครูน้อยดังขัด

“คืนของให้คุณไปเดี๋ยวนี้จ้อย”

จ้อยชะงักหน้าเจื่อนค่อยๆส่งกระเป๋าคืนให้เอ็มม่า ครูน้อยขอโทษแทนและแนะนำตัวเองว่าเป็นครูสอนรำไทย ที่บ้านศิลป์ละแวกนี้ จัสมินยกมือไหว้ขอบคุณ ครูน้อยรู้สึกถูกชะตาเธอมาก

เย็นวันนั้นอรินกับชัยชนะมาที่โรงแรม ผู้จัดการบอกว่าจัสมินย้ายออกไปแล้ว ทั้งสองแปลกใจ ผู้จัดการเปรยขึ้น

“มาอยู่ได้สักชั่วโมงก็ขอย้าย คงจะมีปัญหาอะไรนิดหน่อย...แต่พอไปได้ไม่นานก็มีคนมาถามหาเหมือนกัน”

ชัยชนะเอาภาพที่ได้จากกล้องวงจรปิดสนามบินมาชี้ที่ซีนอนว่าใช่คนนี้ไหม ผู้จัดการบอกไม่ใช่แล้วชี้ไปที่เหวยกังว่าคนนี้ต่างหาก อรินและชัยชนะสบตากันอย่างนึกไม่ถึง

“ผมยังไม่เข้าใจ นายคนนี้มาเกี่ยวอะไรด้วย ทำไมต้องมาถามหาผู้หญิงคนนี้” ชัยชนะเอ่ยถามขณะเดินออกมาหน้าโรงแรม อรินฉุกคิดหรือคนนี้จะเป็นหน้าใหม่ของเหวยกัง...

ระหว่างนั้น เหวยกังให้แท็กซี่ขับวนทั่วถนนข้าวสาร เพื่อหาพวกจัสมิน คนขับเริ่มหงุดหงิดแต่พอเห็นสายตาดุดันของเหวยกังก็แหยง

พวกจัสมินมานั่งคุยกับครูน้อยที่บ้าน เล่าว่ากระเป๋าสลับกับคนที่สนามบิน ทำให้พวกตนมีเงินนิดหน่อย ครูน้อยถามจะอยู่เมืองไทยกี่วัน จัสมินรีบตอบว่าสิบวัน นาธานแย้งไหนว่าจะมาแค่สี่ห้าวัน

“แหม มาทั้งทีก็ต้องอยู่ให้คุ้มสิ สี่ห้าวันไม่พอหรอก”

เอ็มม่าเห็นด้วยกับจัสมิน ครูน้อยถามว่าตอนนี้พักที่ไหน เอ็มม่าบอกยังไม่มีที่พักแล้วถามหาที่พักราคาถูก คุณภาพดี ครูน้อยจึงเสนอบ้านของตัวเอง มีห้องว่างอีกหนึ่งห้องให้สองสาวนอน ส่วนผู้ชายก็นอนข้างล่าง นาธานขอนอนห้องข้างๆ ครูน้อยแย้ง

“ไม่ได้ นั่นมันห้องนอนฉัน แล้วประเพณีไทยก็ถือ ผู้หญิงผู้ชายไม่ควรมาอยู่ใกล้ชิดกันมาก ฉันก็ต้องระวังตัวหน่อยนะ นอนข้างล่างดีแล้ว”

จัสมินแอบขำ นาธานเหวอ ครูน้อยคิดค่าที่พักถูกๆ จัสมินพอใจมาก เอ็มม่าเป็นห่วงว่าจัสมินจะอยู่ได้หรือ นาธานยิ่งไม่สบายใจ ไม่อยากคิดเลยว่ากลับไปจะโดนอะไรบ้าง เอ็มม่าฮึดบอกอย่าไปคิดอะไร ไหนๆแล้วก็เที่ยวให้สนุกก่อน จัสมินพอใจมากโอบไหล่เอ็มม่าที่รักกันจริง

ooooooo

ดาวหลงฟ้า ภูผาสีเงิน

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด