สมาชิก

คิวบิก

ตอนที่ 1

ยุทธพงษ์ พ่อหม้ายนักธุรกิจ มีลูกสาวสองคน คนโต คือนันทกา หน้าตาสวย สง่า และน้องสาววัย 17 คือ ฤทัยนาค ที่ใครๆเรียกเธอว่า ลูกเป็ดขี้เหร่

ฤทัยนาคและนันทกา เรียนอยู่โรงเรียนเดียวกัน ฤทัยนาคเป็นเด็กสาวที่ปากคอจัดจ้านไม่กลัวใคร ฉลาดเป็นกรด เธอเป็นคนอึด อดทน มักถูกเพื่อนร่วมโรงเรียนแกล้ง บ่อยๆแต่นาคก็ไม่เคยแม้แต่จะโกรธ

วันนี้ก็ถูกเพื่อนเกเรเอาน้ำถูพื้นในถังสาดลงใส่ขณะนาคกำลังเดินจะเข้าห้องเรียน นาคหลบทัน แต่พอแหงนมองก็โดนผ้าเช็ดพื้นปาใส่หน้าจนได้ นาคแค่แหงนมองแล้วบ่น “เฮ้อ...นึกว่าจะรอดซะแล้ววันนี้” แล้วเดินเข้าห้องน้ำทำความสะอาดเสร็จก็เดินออกมา นันถามว่าโดนแกล้งอีกแล้วหรือ ไปชี้ตัวเลยว่าคนไหน เดี๋ยวจะไปจัดการให้

“พี่นันน่ะหรือจะจัดการได้ ฉันว่าพี่จัดการกับขบวน รถไฟหนุ่มๆของพี่ไม่ให้ชนกันก่อนดีกว่ามั้ง”

“อย่าพูดนอกเรื่อง แกไม่โกรธไอ้พวกที่มันแกล้ง แกรึไง”

“โกรธทำไม มันมีปัญญาแกล้ง ฉันก็มีปัญญาอดทน ให้มันแกล้งเหมือนกัน วันนึงพวกมันเบื่อก็หยุดแกล้งไปเอง”

“แต่ถ้าแกยอมพวกมันแบบนี้ พวกมันจะได้ใจนะ”

“พี่นัน คนมีสมองน่ะ เขาไม่ใช้กำลังต่อสู้กันหรอก” นันขัดใจ เลยประชดว่างั้นก็ให้พวกนั้นแกล้งต่อไปแล้วกัน คนอุตส่าห์เป็นห่วง “นาครู้น่าว่าพี่นันเป็นห่วงนาคเรื่องแค่นี้จิ๊บๆ พี่นันอย่าไปโกรธแทนนาคเลย เดี๋ยวไม่สวยนะไปเรียนเหอะ” ว่าแล้วกอดเอวพี่สาวเดินไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เมื่อได้เวลาเข้าห้องเรียน นาคชะงักมองไปที่รถสีดำ คันหนึ่ง บอกนันว่าเห็นมันจอดอยู่ตั้งแต่เช้าแล้ว ตนไม่เคย เห็นรถคันนี้ หรือจะมารอรับคุณหนู ต้องรอกันทั้งวันเลยหรือ

“แกนี่มันช่างสงสัย ช่างสังเกตเหมือนพ่อเลยนะ”นันเอ่ย นาคสงสัยอีกว่าหรือมันจะมาลักพาตัวนักเรียนไปเรียกค่าไถ่ “พี่ว่าแกคิดมากไปแล้วนะ ไม่มีอะไรหรอก ไปเรียนเถอะ เข้าเรียนสายเดี๋ยวก็โดนทำโทษอีก”

นันลากนาคขึ้นตึกไป แต่นาคก็ยังอดหันมองไม่ได้ เห็นรถลีมูซีนติดสติกเกอร์โลโก้ของฉายหงกรุ๊ป

ที่รถลีมูซีน กระจกถูกเลื่อนลง เฟ่ยจงซินนั่งอยู่ที่เบาะหลังรถ เขามองตามนาคกับนันไป แล้วหยิบมือถือ ขึ้นกด ครู่เดียวก็พูดกับปลายสาย

“ผมคิดว่าเธอเริ่มสังเกตเห็นเราแล้วครับ”

“ยังไงก็ต้องเอาตัวมาให้ได้” หลินหลานเซ่อ มาเฟียหนุ่มหล่อมาดขรึมพูดอยู่ในห้องทำงานที่ฮ่องกง

“ครับ...พรุ่งนี้ผมจะนำตัวเธอไปให้คุณหลิน”

“จำไว้นะ ฉันต้องการตัวนันทกาเท่านั้น เอาตัว เธอมาให้ฉันให้ได้”

“ครับ” เฟ่ยจงซิน ที่ปรึกษามือขวาคนสนิทรับคำ กดปิดโทรศัพท์มองไกลออกไปข้างหน้าอย่างครุ่นคิด

ooooooo

ที่บ้านจัดสรรกลางทุ่ง...คืนนี้ ที่โต๊ะอาหารบ้าน ยุทธพงษ์ สามพ่อลูกนั่งทานอาหารด้วยกัน ยุทธพงษ์ สีหน้านิ่งอย่างมีเรื่องหนักใจ

“พ่อ นันขอถามอะไรอย่างนะ ทำไมเราต้องย้ายบ้านจากสุขุมวิทมาอยู่ชานเมืองอย่างนี้ล่ะคะ ไกลก็ไกล รอบบ้านก็มีแต่ทุ่งนา”

“ก็พ่อบอกแล้วไงว่าอยากให้ลูกๆได้รับอากาศบริสุทธิ์ อยู่ในเมืองมันมีแต่มลพิษ”

“แต่ฉันว่าดีนะพี่นัน ได้ใกล้ชิดท้องนาท้องไร่เงียบสงบดีออก”

นันบอกว่าตนไม่ชอบ เหมือนอยู่บ้านนอก ไปโรงเรียนก็ต้องตื่นตีสี่ตีห้า คนใช้ก็ไม่มี ถามพ่อว่าประกาศรับสมัครคนใช้ไปแล้วไม่เห็นมีใครมาสักคน

“ก็นาคไง ลูกอยากได้อะไรก็บอกน้อง น้องทำได้ทุกอย่างใช่ไหมนาค” ยุทธพงษ์ถามนาค นาครับปากทันทีบอกพี่สาวว่าอยากได้อะไรก็บอกมาเลย นันติงว่านาคไม่ใช่คนใช้ ทั้งบ่นพ่อว่าใช้งานน้องมากเกินไปด้วย นาครีบบอกว่าไม่ต้องห่วงตนเต็มใจ นันนึกได้ถามพ่อว่า เมื่อเช้าพ่อบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยกับตน มีอะไรหรือ?

“ไม่มีอะไรมากหรอก พ่อแค่อยากจะถามลูกว่า สมมติถ้าธุรกิจของพ่อล้มละลายขึ้นมาลูกจะว่าไง”

นันตกใจถามว่าที่เราย้ายมาอยู่ที่นี่เพราะพ่อล้มละลายใช่ไหม ยุทธพงษ์กำลังจะเล่า นาคก็กระแทกช้อนกึง!ถามดักคอเตือนพ่อว่า ทำไมชอบเอาเรื่องไม่จริงมาพูด เดี๋ยวนันก็ตกใจหรอก นันสนใจจี๋ถามว่าเราล้มละลายจริงหรือ

“เปล่าหรอกลูก ก็พ่อบอกแล้วไงว่าเป็นเรื่องสมมติ”

นาคพูดช่วยพ่อว่า พ่อก็แค่อยากลองใจนันเท่านั้นว่าในยามคับขันนันจะเป็นอย่างไร นันส่ายหน้าบอกว่าตนรับไม่ได้หรอก อายเพื่อนแย่ คงต้องลาออกจากโรงเรียนเลยล่ะ พูดแล้วขอตัวไปอ่านหนังสือ

พออยู่กันลำพัง นาคถามพ่อว่าไหนบอกว่าจะไม่พูดเรื่องนี้กับนันไง ยุทธพงษ์ยอมรับว่าแค่อยากดูปฏิกิริยาของนันว่าจะรับได้หรือเปล่า ยอมรับกับนาคว่า

“นันมันบอบบางเกินไป ไม่เหมือนแก แกนี่น่าจะเป็นพี่มากกว่าน้องนะ”

“พอเถอะพ่อ อย่าพูดเลย หนูเซ็งประโยคนี้ของพ่อจริงๆ ว่าแต่ว่าค่าน้ำค่าไฟเดือนนี้เรายังไม่มีเลยนะพ่อ”

“เออ...แกเป็นคนเก่ง แถมฉลาดมีไหวพริบ แกช่วยพ่อหาเงินมาจ่ายหน่อยสิ” นาคอุทานถามว่า หนูอีกแล้วเหรอ ยุทธพงษ์พูดหน้าตาเฉยว่า “เออ...แกน่ะแหละพ่อรู้ว่าแกทำได้ อ้อ เก็บโต๊ะล้างจานด้วยนะ” พูดแล้วลุกเดินออกไป นาคมองตามบ่นกระปอดกระแปด

“อะไรวะ...อะไรๆก็เรา...”

ooooooo

คืนนี้ ขณะยุทธพงษ์อยู่ในห้องนอน เขาได้รับโทรศัพท์จากจงซินโทร.มาเตือนว่าพรุ่งนี้ถึงกำหนดที่เขาต้องส่งตัวลูกสาวให้คุณหลินแล้ว ยุทธพงษ์ตกใจถามว่าพรุ่งนี้หรือ!

“ใช่ ในเมื่อคุณไม่มีเงินมาใช้หนี้คุณหลิน คุณต้องส่งลูกสาวให้คุณหลินตามสัญญา และผมขอเตือนไว้ก่อนนะ ถ้าคุณบิดพลิ้วละก็...คุณไม่มีชีวิตรอดแน่!”

รุ่งขึ้นจงซินโทร.รายงานหลินว่า “ผมโทร.คุยกับนายยุทธพงษ์เรื่องนันทกาแล้วนะครับ” หลินถามว่ามันว่าไง “ไม่มีปัญหาครับ มันจะส่งตัวลูกสาวให้ผมวันนี้”

“ดี ถ้าได้ตัวแล้วก็พามาที่นี่ได้เลย” หลินหลานเซ่อตาเป็นประกายในหน้าที่นิ่ง

ooooooo

เช้านี้ ยุทธพงษ์ขับรถไปส่งลูกทั้งสองที่โรงเรียนตามปกติ ลงจากรถนันทกาก็เดินไปหาเพื่อนที่จับกลุ่มกันอยู่หน้าโรงเรียน

ยุทธพงษ์เรียกนาคที่กำลังจะลงจากรถไว้ บอกเรื่องธุรกิจที่ล้มละลาย และมาเฟียกำลังตามทวงหนี้ นาคที่รู้เรื่องพ่อมาก่อนแล้วถามว่า พวกมันกำลังตามฆ่าพ่อและฆ่าพวกเราทั้งหมดใช่ไหม

“คงไม่ถึงขนาดนั้นหรอก พ่อแค่อยากจะบอกลูกว่าจากนี้ไปถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ขอให้ลูกใช้พรสวรรค์พิเศษของลูก”

นาคถามว่าพ่อพูดอะไรตนไม่เข้าใจ “ลูกเป็นคนฉลาด ลูกสามารถแก้ไขสถานการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้ด้วยสมองอันพิเศษของลูก”

นาคติงพ่อว่าตนเพิ่งอายุ 17 เอง ยุทธพงษ์บอกว่าถึงเวลาลูกก็ทำได้เองแหละ นาคถามอีกว่า แล้วทำไมไม่บอกนัน

“พี่สาวแกเขาอ่อนแอเกินไป จำไว้นะนาค จงเป็นเหยื่อที่เหนือกว่าผู้ล่า”

พอดีนันตะโกนเรียกนาค ยุทธพงษ์บอกนาคให้ไปเถอะ พอนาคเปิดประตูลงไป เขาบอกนาคว่า “พ่อรัก ลูกนะ” ทำเอานาคงงที่อยู่ๆวันนี้พ่อก็มาทำซึ้งบอกรักตน

ooooooo

ขณะเดินเข้าโรงเรียน นันบอกนาคว่าเที่ยงจะมารับไปกินข้าวกัน แต่พอเที่ยงนาคมารอแต่นันไม่มา ถามเพื่อนจึงรู้ว่านันลากลับบ้านตั้งแต่คาบที่สองแล้ว เห็นว่าพ่อมารับ

นาคเอะโทร.หาพ่อพ่อไม่รับสาย โทร.หานันนันก็ปิดเครื่อง นาคเอะใจว่าอาจมีเรื่องอะไร จนเย็นกลับถึงบ้านพบบ้านเงียบผิดสังเกต แต่พอเปิดประตูเข้าไป นาคก็ถูกชายชุดดำจับตัว นาคจะวิ่งหนีก็ถูกจับลากเข้าไปในบ้านกดลงที่โซฟา

“ฉันเจ็บนะ...ปล่อยฉัน ใครก็ได้ช่วยฉันด้วย” นาคโวยวาย ถูกชายชุดดำเอาปืนจ่อ ทำเอานาคหยุดกึก

“นันทกาอยู่ไหน” จงซินตะคอก นาคบอกว่าไม่รู้ จงซินถามว่า “แล้วเธอเป็นใคร”

นาคไม่บอกย้อนถามว่า “แล้วพวกแกล่ะเป็นใครถึงมาจับฉันแบบนี้” จงซินขยับปืนขู่ว่าถ้าไม่ตอบจะยิงหัว “ฉันไม่รู้จริงๆว่าพี่นันไปไหน ฉันเป็นน้องสาวเขา”

นาคเห็นเข็มกลัดที่ติดเสื้อสูทของจงซินเป็นโลโก้เดียวกับรถลีมูซีนที่เห็นจอดอยู่ในโรงเรียน นาคเริ่มเรียบเรียงและวิเคราะห์เรื่องราว พอเข้าเค้า ถามจงซินว่า

“นี่พ่อฉันเอาพี่สาวไปขัดดอกกับพวกแกงั้นเหรอ”

“หัวไวดีนี่ พ่อเธอติดหนี้เจ้านายฉัน เขาเซ็นสัญญา ใช้หนี้เป็นลูกสาวชื่อนันทกา ซึ่งฉันจะมารับตัวพี่สาวเธอวันนี้”

“อ๋อ...ฉันรู้แล้ว พ่อฉันไหวตัวทัน เลยพาพี่นันหนีไป แล้วทิ้งฉันไว้ขัดดอกแทน” จงซินชะงักถามว่าเธอพูดเรื่องอะไร นาคตอบประชดว่า “จะเรื่องอะไร ก็ พ่อเขาทิ้งฉันไว้ให้พวกนายไง หึ...นี่ไงพ่อที่แสนดีของฉัน พ่อที่หักหลังลูก พ่อที่รักลูกไม่เท่ากัน” แต่เมื่อตกอยู่ในอันตราย นาคถามว่า “แล้วพวกนายจะเอาไง พี่นันไม่อยู่ที่นี่แล้ว จะฆ่าฉันตรงนี้เพื่อให้จบเรื่องใช่ไหม”

จงซินเจอเหตุการณ์พลิกผัน จึงโทร.ไปรายงานหลินหลานเซ่อ หลังจากนั้นสั่งลูกน้องให้เอาตัวนาคไป นาคดิ้นรนไม่ยอมไปเลยถูกลูกน้องจงซินทุบท้ายทอยจนหมดสติแล้วอุ้มออกไป

ooooooo

นาครู้สึกตัวอีกทีก็ถูกจับมัดอยู่ในห้องทำงานของหลินหลานเซ่อที่ตึกฉายหงกรุ๊ปแล้ว นาคถูกจับมัดอยู่อย่างนั้นถึง 6 ชั่วโมง ระหว่างนั้นนาคนั่งหมุน เก้าอี้ไปมาอย่างเบื่อหน่าย สายตาเหลือบไปเห็นรูป นันทกาในกรอบวางบนโต๊ะทำงานก็พอดีหลินหลานเซ่อ เข้ามา เขาเดินมาดนิ่งขรึมเข้ามานั่งเก้าอี้ตรงข้ามกับ นาค มองหน้าพูด

“ฤทัยนาค ฉันไม่อ้อมค้อมหรอกนะ พ่อเธอพานันทกาไปซ่อนไว้ที่ไหน” นาคบอกไม่รู้ หลินเรียกจงซิน จงซินกระชากปืนมาขึ้นลำ หลินจ้องหน้านาคบอก “ฉันจะให้โอกาสเธออีกครั้ง บอกมาซะดีๆว่าพี่สาวเธออยู่ไหน”

“ฉันจะรู้ได้ยังไง ในเมื่อฉันเป็นคนที่ถูกพ่อตัวเองทิ้ง เข้าใจรึเปล่าว่าพ่อเขาทิ้งฉัน เขาพาพี่นันหนีไป แล้วทิ้งฉันไว้ให้กับพวกนาย”

หลินไม่เชื่อหาว่าเธอกับพ่อจงใจให้เธอมาอยู่ที่นี่ แทนพี่สาว จงซินเข้ามาถามนาคขู่ๆว่ารู้ไหมว่ากำลังพูดอยู่กับใคร เขาไม่ใช่เพื่อนเล่นของเธอ นาคถามว่าแล้วจะให้ทำอย่างไร ตนบอกว่าไม่รู้ก็ไม่เชื่อ ต่อให้ฆ่าตนก็ไม่รู้ว่านันอยู่ไหน แนะหลินว่า

“ฉันว่านายควรจะให้ตนไปสืบหาพ่อฉันตอนนี้จะดีกว่า อย่ามานั่งเก๊กหน้าหล่ออยู่เลย” พูดแล้วเห็นทุกคนเล็งปืนมาที่ตนก็ใจเสีย ทรุดนั่งหน้าเจื่อน “ฉันขอโทษ...ฉันเข้าใจนะว่านายคงผิดหวังมากที่เห็นหน้าฉัน แทนที่จะเป็นหน้าสวยๆ ของพี่นัน” แต่ก็ยังยืนยันว่าตนไม่รู้จริงๆ ว่าพ่อพานันไปไหน

“จงซิน...ฆ่าเธอซะ!” หลินสั่ง จงซินเล็งปืนใส่ นาคแผดเสียงลั่น

“ไม่นะ...อย่า!!!”

ooooooo

นาครู้สึกตัวขึ้นในตอนเช้า พร้อมกับรู้สึกว่าปลอดภัย เมื่อหลินหลานเซ่อเอาแฟกซ์แผ่นหนึ่งให้ดู บอกว่า แสดงว่าเธอไม่ได้ร่วมมือกับพ่อเธอจริงๆ นาครีบรับไปอ่าน...

“คุณหลินหลานเซ่อ... ผมขอเปลี่ยนแปลงสัญญาเรื่องการชดใช้หนี้จากนันทกา ลูกสาวคนโต ผมขอเปลี่ยนเป็นฤทัยนาคลูกสาวคนเล็ก ผมคิดว่าฤทัยนาคจะทำประโยชน์ให้คุณมากกว่านันทกา และถ้าเป็นไปได้ ช่วยฝากฤทัยนาคเข้าเรียนหนังสือต่อด้วย เธอยังไม่จบไฮสคูล”

นาคกำกระดาษแน่น ถามว่านี่มันบ้าอะไรกัน หลินเอ่ยว่าเธอคงไม่คิดว่าตนจะทำตามข้อตกลงในจดหมายใช่ไหม

“ใครทำตามก็บ้าแล้ว นี่มันจดหมายของคนบ้า พ่อต้องบ้าไปแล้วที่เอาตัวฉันมาแลกเพื่อขัดดอกแทนพี่นัน”

หลินบอกว่าพ่อเธอบ้าไปแล้วจริงๆ เพราะตนต้องการนันทกาไม่ใช่เด็กบ๊องหน้าตาเหมือนเฟอบี้อย่างเธอ นาคถามว่าถ้าเขาได้พี่สาวตนไปแล้วจะทำอะไรเขา หลินสวนทันควันว่าจะทำอะไรเรื่องของตน เธอไม่เกี่ยว นาคถามว่าจะเอาไปเป็นนางบำเรอใช่ไหม!

“มันเป็นสิทธิ์ของฉันที่จะทำอะไรกับพี่สาวเธอก็ได้” หลินตอบหน้านิ่งแฝงแววเหี้ยม

ooooooo

ในวันที่ยุทธพงษ์พานันทกาหนีไปนั้น เธอถามพ่อว่าจะไปไหน ยุทธพงษ์บอกว่าไม่รู้ แต่ต้องหนีไปให้ไกลที่สุด นันทกาถามว่าพ่อทิ้งน้องไว้คนเดียวหรือ ยุทธพงษ์ตอบอย่างเลือดเย็นว่า

“มันจำเป็นลูก ลูกไม่ต้องห่วง นาคต้องเอาตัวรอดได้” นันถามว่าทำไมต้องทำแบบนี้ “เรื่องมันยาวลูก แล้วพ่อจะเล่าให้ฟัง...” และเมื่อพากันเข้าพักที่เรือนไทยในรีสอร์ตแล้ว ยุทธพงษ์จึงเล่าให้นันทกาฟัง เธออุทานตกใจว่าพ่อเป็นหนี้ยี่สิบล้านเหรียญหรือ!

“ใช่ พ่อยืมเงินจากคุณหลินหลานเซ่อมาลงทุนทำธุรกิจ แต่ว่ามันเจ๊ง คุณหลินเขาบอกว่า ถ้าพ่อหาเงินใช้หนี้เขาไม่ได้ เขาก็จะเอาตัวลูกไปขัดดอก”

“ไอ้บ้า...ตัณหากลับ หนูไม่มีวันยอมเป็นนางบำเรอมันหรอก”

ยุทธพงษ์บอกว่าพ่อรู้ ถึงได้ส่งนาคไปแทน นันรับไม่ได้ถามว่าพ่อส่งน้องไปเป็นนางบำเรอมันแทนตนหรือ นาคก็เป็นลูกพ่อเหมือนกัน พ่อทำอย่างนี้ได้ไง!

“มันจำเป็นลูก พ่อทำอย่างนั้นเพราะคิดว่านาคไม่สวยพอที่คุณหลินจะเอาไปทำเมียหรอก” นันติงว่ายังไงพ่อก็ไม่ควรทำอย่างนี้ แต่พอยุทธพงษ์บอกว่าถ้าไม่ส่งนาคไปก็ต้องส่งเธอไป นันทกาก็ปฏิเสธลั่นว่า ต่อให้ตายตนก็ไม่ยอมไป!

ooooooo

ที่ห้องทำงานของหลินหลานเซ่อ นาคตบโต๊ะปังบอกหลินว่าตนจะใช้หนี้ทั้งหมดให้พ่อเอง

หลินเยาะเย้ยว่าเธอจะเอาเงินที่ไหนขนาดพ่อเธอยังไม่มีปัญญาเลย นาคยืนยันอย่างไรหลินก็ไม่เชื่อ นาคเลยท้าพนันกัน หลินไม่รับพนันยืนยันคำเดียวว่า

“ในเมื่อพ่อเธอเป็นหนี้ฉันแล้วไม่สามารถใช้ได้ พี่สาวเธอก็ต้องเป็นของฉันตามสัญญา” พูดแล้วจะลุกไป

นาคเปลี่ยนวิธีใหม่ เยาะเย้ยปรามาสว่าเป็นถึงเจ้าพ่อแต่ไม่กล้ารับคำท้าพนันจากเด็ก กลัวตนจะชนะใช่ไหมล่ะ

“เธอจะพนันอะไรกับฉัน”

“ก็ถ้าฉันหาเงินมาใช้หนี้นายได้ ก่อนที่นายจะเจอตัวพี่สาวฉัน นายก็ต้องปล่อยพี่สาวฉันไป ห้ามไปยุ่งเกี่ยวกับเขา”

“ก็ได้ ตกลง ฉันรับคำท้าเธอ แต่ถ้าฉันเจอตัวพี่สาวเธอก่อน ฉันก็จะฆ่าเธอทิ้ง”

เป็นเงื่อนไขที่นาคถึงกับกลืนน้ำลายฝืดคอ แต่ยังทำใจกล้าพอหลินจะเดินไปก็เรียกไว้ บอกว่ายังไม่รู้เลยว่าตนสัญญากับใคร หลินบอกว่าเธอไม่มีสิทธิ์ถาม แต่พอนาคบอกว่างั้นตนก็จะจำหน้าไว้ก็แล้วกัน หลินเลยหันบอกก่อนออกไปว่า

“ฉัน...หลินหลานเซ่อ”

“หลินหลานเซ่อ หึ! ดูท่าทางไม่น่าเซ่อเลย” นาคเหล่ตามพึมพำ

จงซินพานาคไปที่พัก นาคมองตาค้างเพราะมันคือตู้คอนเทนเนอร์ บอกจงซินว่าตนไม่ใช่หมาแมวนะจะได้นอนตู้คอนเทนเนอร์ จงซินมองตาขวางถามว่าเธอมีสิทธิ์เรียกร้องด้วยหรือ นาคเลยหัวเราะแหะๆ บอกว่าลืมตัวไปหน่อยที่จริงก็เท่ดีเหมือนกันนะ

“เอาล่ะ เลิกพล่ามได้แล้ว ตามฉันมา ฉันจะพาเธอไปดูงานที่เธอต้องทำ” จงซินตัดบท

“ไอ้นี่มันเก๊กขรึมเหมือนนายเลยฮิ...” นาคบ่นเบาๆ

นาคต้องนอนในตู้คอนเทนเนอร์และทำงานเป็นคนงานก่อสร้าง จงซินบอกว่าเธอต้องทำทุกอย่างตามที่หัวหน้าคนงานสั่ง นาคโวยวายว่างานกรรมกรแบบนี้แล้วเมื่อไหร่ตนถึงจะใช้หนี้ให้พ่อได้หมด

“นั่นมันเป็นเรื่องของเธอ ฉันมีหน้าที่พาเธอมาดูที่พักและที่ทำงาน เราจะเริ่มต้นหักหนี้เธอวันอาทิตย์หน้า จำไว้ให้ดีทุกวันอาทิตย์ เธอต้องเอาเงินไปให้ฉันที่ออฟฟิศ เพื่อใช้หนี้คุณหลินเข้าใจไหม และเธอต้องเตรียมตัวไปโรงเรียนในวันจันทร์หน้า”

นาคโวยอีกว่าต้องเรียนแล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปทำงาน จงซินบอกว่าใช้เวลาหลังเลิกเรียน นาคบอกว่างั้นตนไม่เรียน

“ไม่ได้ นี่เป็นคำสั่งของคุณหลิน อ้อ...เดี๋ยวเย็นนี้จะมีคนเอาเสื้อผ้ามาให้เธอ และเธอไปกินอาหารได้สามมื้อในโรงอาหารของพนักงาน” สั่งแล้วเดินออกไปเลย

“มันแกล้งกันชัดๆนี่หว่า หึ! นึกหรือว่าคนอย่างไอ้นาคจะหาเงินมาใช้หนี้ไม่ได้ อย่าหวังเลย!!”

จงซินกลับมาพบหลินที่ห้องทำงาน เขาติงหลินว่าไม่น่าไปรับคำท้าของนาคเลยทำให้วุ่นวายเปล่าๆ

หลินชี้แจงว่าถ้าไม่รับเด็กนั่นก็จะหาว่าตนกลัว บอกจงซินว่า ตนว่าเด็กนั่นไม่ธรรมดา ให้ไปหาประวัติมาให้ด้วย อยากรู้ว่าทำไมพ่อของเธอจึงส่งเธอมาแทนพี่สาว ย้ำก่อนจงซินออกไปว่า

“ตามหาตัวนันทกาให้เจอ เพราะตอนนี้เธอเป็นสมบัติของฉัน”

ooooooo

หลินหลานเซ่อ...ยังนั่งอยู่ในห้องทำงาน หยิบรูปของนันทกาขึ้นดู ความคิดคำนึงย้อนไปในคืนหนึ่ง...

คืนที่อยู่ในโถงเต้นรำห้องอาหาร เป็นคืนแรกที่เขาได้เห็นนันทกาเต้นรำกับยุทธพงษ์ เขามองนันทกาเหมือนตกในภวังค์ ยิ่งเมื่อเธอเหลือบมองมาประสบตากันแล้วหลบตาสะเทิ้นเขิน ช่างงามซึ้ง จนคืนนั้น...เขาเหมือนตกอยู่ในความฝัน...

คืนนั้นเอง จงซินได้พายุทธพงษ์มาพบ บอกว่า

เป็นนักธุรกิจไทยที่บอกว่ามีเรื่องจะปรึกษาเขา  หลินทักทายและเชิญนั่ง

“มีอะไรก็พูดได้เลยครับ  จงซินเขารู้ทุกเรื่องที่ผมรู้” หลินเอ่ยกับยุทธพงษ์

ยุทธพงษ์เล่าถึงธุรกิจที่มีปัญหาและขอกู้เงินจากหลินยี่สิบล้านเหรียญฮ่องกง เท่ากับ  60  ล้านบาทไทย  หลินถามว่าจะใช้คืนได้เมื่อไร  ยุทธพงษ์บอกว่าขอเวลาสามเดือน

“พร้อมดอกเบี้ยร้อยละยี่สิบ”  หลินบอก  ยุทธพงษ์โอเค  หลินจึงให้จงซินจัดเงินให้  แต่พอยุทธพงษ์ขอบคุณและจะลากลับ หลินพูดนิ่มๆนิ่งๆว่า “อย่าเพิ่งขอบคุณผม คุณยังไม่ได้บอกผมเลยว่าคุณจะเอาอะไรมาค้ำประกันให้ผม”

“ลูกสาวผม” ยุทธพงษ์ตอบเหมือนเตรียมไว้แล้ว

นั่นคือจุดเริ่มต้นที่มีปัญหาตามมาถึงวันนี้...วันที่ยุทธพงษ์เบี้ยวสัญญาส่งฤทัยนาคมาแทนนันทกา  หลินวางรูปของนันทกาในกรอบไว้บนโต๊ะตามเดิม  นั่งหน้านิ่ง...

ooooooo

ที่คาเฟ่ ในฮังการี...

ผู้กองแพทริคนายตำรวจสากลนั่งจิบกาแฟอยู่ เขาได้รับโทรศัพท์จากลูกน้องแจ้งว่าคารอสพ่อค้าอาวุธข้ามชาตินอนกกผู้หญิงอยู่ที่โรงแรม  แพทริคสั่งเฝ้าไว้ให้ดี ตนจะไปเดี๋ยวนี้  ลูกน้องถามว่าจะให้เรียกกำลังเสริมไหม

“ไม่ต้อง  ฉันจะจับมันด้วยมือของฉันเอง” แพทริควิ่งออกจากคาเฟ่ไปอย่างเร็ว

แพทริคบุกเข้าไปถึงห้องนอน  เจอแต่ผู้หญิง  เธอบอกว่าคารอสหนีออกไปทางหน้าต่างแล้ว   แพทริควิ่งออกไปยิงปะทะกับคารอสจนกระสุนหมด  ถูกคารอสปาระเบิดขึ้นมา แพทริคกระโดดลงจากระเบียง สิ้นเสียงระเบิดแพทริคโผล่หน้ามอมแมมขึ้นมาท่ามกลางควันระเบิด เขาคำรามอย่างอาฆาตแค้น

“ไอ้คารอส ถ้ากูไม่ตาย กูต้องจับมึงด้วยมือของกูเอง!”

ooooooo

ที่ห้องประชุมฉายหงกรุ๊ป...

ผู้ถือหุ้นร่วมประชุมกันอย่างพร้อมหน้า  หลินหลานเซ่อนั่งหัวโต๊ะเป็นประธานที่ประชุม  ข้างขวาเขามีซานกุ้ย มาเฟียรุ่นพี่นั่งอยู่  ส่วนหลางหย่งเหวิน  และหลินเพ่ยอิง มาเฟียรุ่นน้องนั่งขนาบซ้าย  นอกจากนั้นมีผู้ถือหุ้นวัยชราในบริษัทอีก 5 คน

ที่ประชุมอภิปรายเรื่องที่จะดึงคารอสมาร่วมหุ้นกับฉายหงกรุ๊ปเพื่อเราจะได้ขยายสินค้าออกสู่ตลาดโลกได้มากขึ้น

หลินหลานเซ่อนั่งฟังเงียบๆ จนเพ่ยอิงถามว่าทำไมเงียบไป หรือว่าเรื่องแค่นี้ทำไม่ได้  ถ้าทำไม่ได้ตนอาสาทำเอง ทั้งหย่งเหวินและซานกุ้ยต่างติงว่าเวลานี้หลินหลานเซ่อเป็นประธานของฉายหงกรุ๊ปจึงควรให้เขาแสดงฝีมือ ผู้ร่วมหุ้นอาวุโสอีกสองสามคนเห็นด้วย คนหนึ่งเสนอว่า

“หลินหลานเซ่อ  เธอจะต้องพิสูจน์ให้พวกเราเห็นว่าเธอพร้อมที่จะเป็นผู้นำฉายหงกรุ๊ปของพวกเรา”

“ว่าไงหลินหลานเซ่อ บอกพวกเราสิว่านายจะทำมันได้ไหม” ซานกุ้ยขอคำยืนยัน หลินมองซานกุ้ยและทุกคนอย่างไม่หวั่นไหว พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ใบหน้านิ่งขรึมว่า

“ไม่ต้องห่วง ผมจะทำให้คารอส ทาเปีย เซ็นสัญญากับเราให้ได้”

ทุกคนลุกยืนปรบมือให้ด้วยความรู้สึกต่างกัน  บ้างยินดี ให้กำลังใจ บ้างหนักใจกังวล และบ้างท้าทาย ส่วนหลินหลานเซ่อเอง เขายืนขึ้นรับเสียงปรบมือด้วยใบหน้าที่นิ่งขรึม ไร้ความรู้สึกใดๆ

ooooooo

คิวบิก

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด