ตอนที่ 20
เพทายยังไม่ตายอย่างที่ใครต่อใครคิด พยายามฝืนสังขารไล่ตามจะไปทำร้ายสุรัมภาซึ่งหนีเตลิดลงมาทางบันไดหนีไฟ เขาตะโกนสั่งให้หยุด เธอกลับยิ่งเร่งฝีเท้าหนี เพทายแค้นใจมากที่เธอเป็นต้นเหตุให้ต้องเจ็บหนักปางตาย ชักปืนยิง ชนกชนม์ สุตาภัญ กับสุทิน วิ่งตามมาทัน ร้องเตือนให้ระวัง
สุรัมภาพุ่งหลบคมกระสุนได้หวุดหวิด แต่เสียหลักตกบันได ลงไปนอนแน่นิ่งกับพื้น เพทายหันปืนมาทางชนกชนม์กับพวกหมายจะฆ่าปิดปาก ตำรวจตามมาช่วยไว้ทัน ยิงเพทายร่างพรุน สุทินรีบวิ่งลงไปดูลูกโดยมีสุตาภัญกับชนกชนม์ตามไปติดๆ
“ลูกภา...ลูกต้องไม่เป็นอะไร” สุทินประคองร่างสุรัมภาไว้ในอ้อมกอดด้วยความรักและเป็นห่วง
ooooooo
ขณะที่สุรัมภาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล กัณฐิกา กำลังยิ้มหน้าระรื่นที่เห็นกฤติยาในชุดเจ้าสาวงามสง่า ธีรดนย์เองก็หล่อเหลาในชุดเจ้าบ่าวสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก
“เดี๋ยวฉันไปเอากล้องถ่ายรูป จะส่งให้ช่างดูว่าต้องเพิ่มเติมอะไรอีกหรือเปล่า” กัณฐิกาว่าแล้วออกไป ธีรดนย์หันไปบ่นกับกฤติยาว่าเป็นเพราะตนคนเดียวแท้ๆ ทุกอย่างถึงได้วุ่นวายไปหมด
“มันยังไม่สายเกินไปที่เราจะแก้ตัว เราต้องทำอะไรสักอย่าง”
ขาดคำ ชนิกานต์เดินเข้ามา ทั้งสองคนดีใจมากโดยเฉพาะธีรดนย์ซักเป็นการใหญ่ว่าหายไปไหนมา พวกเราเป็นห่วงเธอมาก ชนิกานต์เจ็บปวดใจกับภาพบาดใจตรงหน้า พยายามฝืนยิ้ม
“ชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาวสวยมาก เธอสองคนแต่งแล้วเข้ากัน”
กฤติยายังไม่ทันจะบอกว่าเราสองคนมีแผนจะล้มเลิกงานแต่งงาน ชนิกานต์ชิงพูดขึ้นก่อนว่าอยากถ่ายรูปคู่กับธีรดนย์ แล้วส่งมือถือให้กฤติยาช่วยถ่ายรูปให้
“ให้โอกาสฉันได้เป็นเจ้าสาวของนายสักนาที” ชนิกานต์พูดจบ ขยับเข้าไปยืนชิดธีรดนย์ พยายามกลั้นนํ้าตาไม่ให้ไหล แต่ทำไม่ได้ ธีรดนย์รู้สึกแย่มาก บอกให้พอได้แล้ว เก็บไว้ถ่ายวันแต่งงานดีกว่า
ชนิกานต์ยิ่งเสียใจหนัก รับมือถือคืนจากกฤติยา แล้ววิ่งร้องไห้ขึ้นข้างบน ธีรดนย์สงสารเธอมาก ตัดสินใจจะไปพูดกับณวัตรให้เด็ดขาด แล้วจํ้าพรวดๆไปที่ห้องทำงานของเขา แจ้งความจำนงค์ว่าต้องการล้มเลิกงานแต่งงานของตัวเองกับกฤติยา และจะแต่งงานกับชนิกานต์แทนที่ ณวัตรไม่พอใจ สั่งห้ามยุ่งกับลูกสาวของเขา
“คุณท่านไม่มีสิทธิ์มาบงการผมอีก ผมไม่ได้อยู่ในฐานะคนรับใช้ หน้าที่นั้นมันหมดไปตั้งแต่วันที่แม่ผมตายไปแล้ว” ธีรดนย์เถียงเสียงแข็ง ณวัตรไม่มีวันยอมให้ลูกแต่งงานกับคนรับใช้อย่างเขาเด็ดขาด ถ้ายัง ขืนดื้อดึงจะเอาเด็กในท้องชนิกานต์ออก ธีรดนย์เจอไม้นี้เข้าไปถึงกับอึ้ง เดินคอตกออกจากห้อง
กฤติยาซึ่งยืนรออยู่อย่างกระวนกระวายใจ ปราดเข้าไปถามว่าคุณอาว่าอย่างไรบ้าง ธีรดนย์พยายามทุกอย่างแล้ว แต่คุณท่านยังยืนกรานไม่ยอมให้ล้มเลิกงานแต่งงาน แถมขู่จะเอาเด็กออกถ้าเขาไม่เลิกยุ่งกับชนิกานต์ กฤติยาไม่เชื่อว่าคุณอาจะกล้าทำร้ายหลานตัวเอง ธีรดนย์เห็นควรให้ยุติเรื่องนี้ เพื่อความสุขของทุกคน แล้วชวนกฤติยาไปหาคุณท่านอีกครั้ง ทั้งคู่ยังไม่ทันขยับไปไหน กัณฐิกามาขวางไว้...
ด้านชนิกานต์แอบเข้าห้องนอนพ่อ หยิบปืนที่อยู่ในลิ้นชักตู้ขึ้นมาถือไว้ด้วยน้ำตานองหน้า ตัดสินใจจะทำบางอย่างซึ่งจะเปลี่ยนชีวิตของเธอไปตลอดกาล
ooooooo
กัณฐิกายอมให้กฤติยากับธีรดนย์ยกเลิกงานแต่งงานครั้งนี้ไม่ได้ กฤติยาขอร้องแม่ให้พอได้แล้ว อย่าให้เรื่องเลวร้ายมากไปกว่านี้ ถึงเวลาที่ทุกคนต้องพูดความจริงเสียที เธอจะไปบอกคุณอาว่าเราสองคนเป็นแม่ลูกกัน โกหกต่อไปก็รังแต่จะทำให้ทุกอย่างแย่ลง
“เชื่อแอนเถอะครับ ถ้าคุณท่านรักคุณกัณ คุณท่านต้องยอมรับมันได้”
“ฉันไม่ยอมให้เธอสองคนทำลายชีวิตฉัน ไม่รักก็ไม่ต้องแต่ง นายก็ออกไปจากบ้านนี้”
“แม่ก็ไล่แอนด้วยสิ แอนไม่อยากเล่นละครเป็นตัว ประกอบฉากของแม่อีกแล้ว”
กัณฐิกาไม่สนใจ ถ้าลูกอยากจะไปจากที่นี่ก็เชิญได้เลย ณวัตรซึ่งแอบฟังอยู่นานแล้ว ทนไม่ไหวออกไปบอกกัณฐิกาว่าคนที่ควรจะไปจากที่นี่ไม่ใช่ใครอื่นนอก จากเธอ เขาได้ยินหมดแล้วว่ากฤติยาเป็นลูกแท้ๆ ของเธอ กัณฐิกาพยายามแก้ตัวต่าง ๆ นานา แต่ไม่เป็นผล ณวัตรยืนกรานให้เธอออกไป
“คุณคะ อย่าทิ้งกัณ...กัณรักคุณ รักคุณนะคะ” กัณฐิกากอดขาณวัตรร่ำไห้อย่างน่าเวทนา ชนิกานต์เข้ามาสมทบ สะใจที่ความจริงเรื่องกัณฐิกากับกฤติยาถูกเปิดเผย...
ขณะที่บรรยากาศภายในคฤหาสน์ของณวัตรเต็มไปด้วยความตึงเครียด บรรยากาศที่หน้าห้องฉุกเฉินซึ่งสุรัมภาถูกนำตัวมารักษาก็ไม่ต่างกัน ทั้งสุทิน เสาวนิตย์ และสุตาภัญต่างนั่งไม่ติดเพราะสุรัมภาเข้าไปข้างในนานแล้วไม่ออกมาสักที ชนกชนม์เห็นสุตาภัญนั่งหน้าเศร้าก็เป็นห่วง เข้ามานั่งข้าง ๆ แล้วกุมมือเธอไว้เพื่อปลอบ
“ภาขอให้ผมตั้งชื่อให้ลูก ผมคิดชื่อออกแล้วนะ ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย ผมจะตั้งชื่อว่าเติมใจ แกจะมาเติมใจเติมความสุขให้ชีวิตภา คุณว่าชื่อนี้เพราะไหม”
สุตาภัญพยักหน้ารับ น้ำตาร่วงเป็นห่วงน้อง...
ฝ่ายชนิกานต์เยาะเย้ยถากถางกัณฐิกาที่ในที่สุดความฝันของเธอก็ต้องพังทลายเนื่องจากผลกรรมที่เคยทำร้ายตนไว้ กัณฐิกาโกรธปรี่เข้าไปจะตบสั่งสอน ณวัตรขวางไว้ สั่งให้หยุดทำร้ายลูกของเขา แล้วไปให้พ้นๆ
“อย่าเพิ่งไป อยู่ดูของขวัญที่ฉันจะมอบให้ลูกสาวเธอก่อน” ชนิกานต์พูดจบ ชักปืนที่ซ่อนไว้ออกมา เล็งไปที่กฤติยา ประกาศกร้าวจะไม่ยอมให้ใครแย่งธีรดนย์ไปจากตน กฤติยาพยายามอธิบายว่าเราสองคนตัดสินใจจะยกเลิกงานแต่งงานแล้ว ชนิกานต์ไม่ฟัง ณวัตรเกลี้ยกล่อมให้ลูกส่งปืนให้ แต่เธอไม่ยอม จะขอสะสางเรื่องนี้ก่อน ธีรดนย์ช่วยยืนยันอีกแรงหนึ่งว่ากฤติยาพูดความจริง ถ้าชนิกานต์รักเขาต้องเชื่อใจเขา
“ฉันจะรับผิดชอบลูกของเรา ฉันจะดูแลเธอ”
ชนิกานต์หาว่าเขาโกหกเพื่อจะช่วยกฤติยา แล้วทำท่าจะเหนี่ยวไกปืน ธีรดนย์เห็นท่าไม่ดีพุ่งเข้าไปยื้อแย่งพลันปืนลั่นดังปัง พร้อมกับร่างของธีรดนย์ทรุดฮวบลงไปกองกับพื้น ชนิกานต์รีบเข้าไปประคองเขาไว้...
ระหว่างที่ธีรดนย์อาการเพียบหนัก ที่หน้าห้องฉุกเฉินกลับได้รับข่าวดีเมื่อหมอเจ้าของไข้ของสุรัมภาออกมาแจ้งว่าทั้งแม่และลูกอาการปลอดภัย สุทินกับเสาวนิตย์และสุตาภัญกอดกันกลมด้วยความดีใจ ชนกชนม์ร่วมแสดงความยินดีกับสุตาภัญและครอบครัวด้วย จังหวะนั้นมีเสียงมือถือของชนกชนม์ดังขึ้น เขาตกใจแทบช็อกเมื่อได้รับแจ้งว่า ธีรดนย์ถูกยิง...
ทางฝ่ายชนิกานต์เข้าไปประคองร่างโชกเลือดของธีรดนย์ไว้ ขอให้เขายกโทษให้ เธอไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็นแบบนี้ ธีรดนย์ไม่โกรธเพราะตัวเองก็เคยทำไม่ดีไว้กับเธอมากมาย ขอให้เธอยกโทษให้เช่นกัน
“ฉันให้อภัยนายได้เสมอ เพราะฉันรักนาย...ธี บอกฉันได้ไหม ทำไมนายถึงไม่รักฉันบ้าง”
“ฉันเก็บความแค้นที่เธอเคยกดขี่ทำร้ายความรู้สึกฉันและแม่ฉัน...ฉันเกลียดเธอจนไม่อาจยอมรับความรักจากเธอได้ ฉันมันโง่ ก่อกำแพงความเกลียดชังจนไม่เห็นความรักของเธอ ในวันที่รู้ความจริงมันก็สายไปแล้ว”
จังหวะนั้นชนกชนม์กับสุตาภัญตามมาสมทบ
ธีรดนย์จึงใช้โอกาสนี้ขออโหสิกรรมต่อทุกคน และฝากฝังให้ชนกชนม์ช่วยดูแลสุตาภัญและกฤติยาแทนเขาด้วย โดยเฉพาะชนิกานต์ซึ่งเป็นแฟนของเขา คนที่ถูกเอ่ยชื่อถึงกับปล่อยโฮ
“นิกกี้ เธอรักฉันมากแค่ไหน เธอต้องรักลูกมากเท่านั้น เขาเป็นตัวแทนฉัน เป็นสายเลือดของเรา และที่สำคัญเธอต้องสอนให้เขารู้จักความรัก...รักตัวเอง รักคนอื่นให้มาก อย่าให้เขาทำผิดพลาดเหมือนฉัน”
ธีรดนย์ค่อยๆ เอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้ชนิกานต์ บอกให้หยุดร้องไห้ อีกไม่นานจะเป็นแม่คนแล้ว ต่อไปเขาจะไม่อยู่คอยเช็ดน้ำตาให้เธออีกแล้ว พูดได้แค่นั้นเขาก็สิ้นใจ ชนิกานต์ซบหน้ากับร่างธีรดนย์ร้องไห้แทบขาดใจ มีเสียงไซเรนรถตำรวจแล่นเข้ามาหยุดหน้าบ้าน ณวัตรตัดสินใจเข้ามาคว้าปืนไปถือไว้ ยอมรับผิดแทนลูก
“ทุกอย่างเกิดจากน้ำมือพ่อ...พ่อทำลายความสุขของลูก ทำร้ายความรู้สึกของธีรดนย์มาตลอด ถึงเวลาที่พ่อต้องชดใช้ คนที่ฆ่าธีรดนย์คือพ่อ” ณวัตรพูดจบเข้ามากอดลูกไว้ ชนิกานต์ซาบซึ้งใจที่พ่อยอมเสียสละเพื่อตน
ooooooo
สุตาภัญกับชนกชนม์ชวนกันไปวัดทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ธีรดนย์แต่เช้า สุตาภัญบ่นเสียดายที่ธีรดนย์มาตายตั้งแต่อายุยังน้อย
“ชีวิตก็เป็นอย่างนี้แหละ ไม่แน่นอน หลวงพ่อเคยสอนไว้ว่า ในช่วงที่มีชีวิตอยู่ ต้องรักและทำดีให้กันมากๆ... ผมดีใจด้วยนะที่คุณกับภาจะได้กลับบ้านอย่างมีความสุข”
“แล้วนายล่ะ เมื่อไหร่นายจะกลับบ้าน หาโอกาสไปปรับความเข้าใจกับคุณแม่นาย แล้วทุกอย่างจะดีเอง เชื่อนางฟ้าสิ” สุตาภัญยิ้มหน้าเป็น พลอยทำให้ชนกชนม์ยิ้มไปด้วย...
ในเวลาไล่เลี่ยกัน กัณฐิกาเก็บข้าวของเสร็จ แวะบอกลาณวัตรและขอบคุณสำหรับสิ่งดีๆ ที่เคยมีให้กัน ชนิกานต์ไม่คิดจะจองเวรอดีตแม่เลี้ยงอีกต่อไป อวยพรให้เธอโชคดี ระหว่างนั้นมีรถตำรวจแล่นมาจอดหน้าบ้าน ชนิกานต์รู้ดีว่าพ่อกำลังจะถูกควบคุมตัวไป ร้องไห้โฮโผกอดพ่อไว้แน่น ณวัตรเช็ดน้ำตาให้
“ไม่เอา หยุดร้องไห้ได้แล้ว พ่อไม่อยู่ลูกต้องเข้มแข็ง เป็นเสาหลักของครอบครัว ลูกต้องดูแลตัวเองและลูก”
ชนิกานต์รับคำ โผกอดพ่ออีกครั้ง ก่อนจะปล่อยให้ท่านออกไปกับตำรวจ...
ทางฝ่ายกฤติยาเห็นกัณฐิกาหิ้วกระเป๋าจะออกจากบ้านขอตามไปอยู่ด้วย แต่เธอห้ามไว้ ในเมื่อคุณณวัตรให้ลูกอยู่ที่นี่เพื่อช่วยดูแลชนิกานต์ ก็อยู่ให้สุขสบายไม่ต้องห่วงเธอ กฤติยาโผกอดแม่ไว้
“ดูแลตัวเองนะแม่ แอนรักแม่นะ”
“พอได้แล้ว เครื่องสำอางฉันเลอะหมดแล้ว” กัณฐิกาปาดน้ำตาทิ้ง ก่อนจะผละจากไป...
ในขณะที่กัณฐิกาต้องพลัดพรากจากลูก ครอบครัวของสุตาภัญและสุรัมภากลับมาอยู่ร่วมกันอีกครั้งด้วยความรัก ความเข้าใจและให้อภัยต่อกัน...
ด้านชลนิภาถึงกับอึ้งเมื่อรู้ความจริงจากธนกรว่าลูกที่เธอชิงชัง เป็นคนช่วยกอบกู้บริษัทเพชรของเธอไว้ และตอนที่เธอป่วยก็เป็นเขาอีกเช่นกันที่ไปตามธนกรให้กลับมาดูแล ทุกลมหายใจเข้าออกของชนกชนม์เป็นห่วงเป็นใยแม่ แทบไม่เคยคิดถึงตัวเอง ธนกรขอร้องชลนิภาให้เลิกเกลียดชังชนกชนม์สักที ความดีของชนกชนม์ทำให้ชลนิภาได้คิด จึงขอให้ลูกกลับมาอยู่ด้วยกัน ชนกชนม์ตอบรับคำชวนของแม่ทันที
ooooooo
หลายวันผ่านไป...
พรุ่งนี้จะเป็นวันครบกำหนดคลอดของสุรัมภา สุทินตื่นเต้นดีใจที่จะได้เป็นคุณตามือใหม่ แต่ลึกๆอดหวั่นใจไม่ได้ว่าชนกชนม์จะทำตามที่สัญญาไว้หรือเปล่า เพราะรู้ดีว่าเขามีใจให้สุตาภัญ พอได้เจอหน้ากัน สุทินถามย้ำให้แน่ใจว่าชนกชนม์ยังต้องการดูแลสุรัมภาอยู่ใช่ไหม ชายหนุ่มหันมองสุตาภัญก่อนจะรับคำ
สุรัมภาเห็นท่าทีที่ชนกชนม์มีต่อพี่สาว ตัดสินใจกลับห้อง จะเอาสร้อยคอสุดรักสุดห่วงมาคืนชนกชนม์เพื่อเขาจะได้มอบให้กับคนที่คู่ควร เลยคลาดกับชลนิภาที่มาขอพบสุทินเพื่อขอให้ยกโทษสำหรับความผิดที่เคยทำกับเขาและครอบครัว เธอขอมีส่วนร่วมรับผิดชอบสุรัมภาและหลานที่จะเกิดมาด้วย สุทินยังไม่ทันจะตอบรับหรือปฏิเสธ มีเสียงสุรัมภาร้องเพราะเจ็บท้องจะคลอดดังขึ้นเสียก่อน ทุกคนตกใจรีบวิ่งไปดู...
ระหว่างที่สุรัมภาเตรียมจะเข้าห้องคลอด ชยางกูรหนีตำรวจหัวซุกหัวซุน เนื่องจากร่างกายพิการเพราะถูกเฮียปรัชญายิง นับวันก็ยิ่งหนีลำบาก ทำให้ความคิดที่จะมอบตัวเพื่อสู้คดี ผุดขึ้นมาในสมองของชยางกูร
ooooooo
หลังคลอดไม่กี่วัน หมออนุญาตให้สุรัมภากับลูกกลับบ้านได้ ชลนิภารู้ข่าวว่าหลานกลับมาแล้ว เร่งธนกรให้เดินเร็วๆ ป่านนี้หลานของเธอคงอยากจะเจอหน้าคุณย่าเต็มทีแล้ว ชนกชนม์ซึ่งเดินนำอยู่กลับชะงักฝีเท้าที่เจอชยางกูรยืนรออยู่หน้าบ้าน ทั้งชลนิภา ธนกร และชนกชนม์ต่างสลดใจเมื่อเห็นสภาพพิการของเขา
“อย่าเสียใจเลยครับ มันคงเป็นกรรมที่ผมทำไว้ ผมมาที่นี่ ผมตัดสินใจแล้วครับ...ก่อนอื่น ผมอยากขอโทษคุณพ่อ คุณแม่ ขอโทษพี่ชนม์ สิ่งที่ผมทำกับทุกคนมันเลวร้ายเกินให้อภัย แต่ผมก็อยากขอให้ทุกคนให้โอกาสผม ผมจะมอบตัว ไม่ว่าจะติดคุกนานแค่ไหน ผมก็จะอดทน รอคอยวันที่ได้ออกมาเป็นอิสระ อย่างน้อยผมก็รู้ว่ายังมีคนที่รักผม รอผมอยู่” ชยางกูรพูดจบก้มกราบทุกคน
ชลนิภาเข้าไปกอดชยางกูรไว้ ยินดีให้อภัยเขาเสมอ ชนกชนม์กับธนกรก็ให้อภัยเขาเช่นกัน ชยางกูรขอเวลาตำรวจที่จะมาควบคุมตัวสักครู่ แล้วเดินกะเผลกๆไปที่บ้านของสุทินซึ่งอยู่ไม่ห่างกันนัก สุทินเห็นหน้าชยางกูรก็ไม่พอใจจะเข้าไปทำร้าย แต่เสาวนิตย์ห้ามไว้ ชยางกูรคุกเข่าลงตรงหน้าทั้งคู่
“ผมขอโทษที่ทำลายความสุขในครอบครัวคุณอา ทำลายชีวิตลูกสาวคุณอา ผมขอโทษครับ” ชยางกูรก้มกราบอย่างสำนึกผิด ขอร้องให้ท่านทั้งสองให้อภัย เขาพร้อมรับโทษทัณฑ์ที่ก่อไว้ สุทินเห็นตำรวจยืนคุมเชิงอยู่ไม่ห่างจึงรู้ว่าเขาคิดจะมอบตัว พยักหน้าเป็นทำนองให้อภัย ชยางกูรพยายามยันตัวลุกขึ้นอย่างยากลำบาก เดินเข้าไปหาสุรัมภาที่อุ้มลูกอยู่ มองทั้งคู่ด้วยน้ำตาคลอเบ้า
“แกน่ารักมากนะ โตขึ้นสอนให้เป็นคนดีคนเก่ง อย่าบอกว่าเป็นลูกฉัน อย่าให้ฉันไปทำลายชีวิตแกเลย” ชยางกูรยิ้มให้สุรัมภา แล้วเดินออกไปพร้อมกับตำรวจ...
จากนั้นไม่นานนัก ชลนิภากับธนกรและชนกชนม์ก็มาถึงบ้านของสุทิน เสาวนิตย์เห็นสุทินอุ้มหลานไม่ยอมปล่อย กระเซ้าว่าอย่าเห่อหลานมากนัก ควรจะให้คนอื่นได้ชื่นชมบ้าง สุทินไม่มีอิดออดยื่นหลานให้ชลนิภาทันที เธอรับเด็กมาด้วยความดีใจที่เขายอมให้อภัย ธนกรมอบของขวัญให้หลานเป็นการรับขวัญ วีรภัทร นัชชา และนิธิทราบข่าวดี แวะมาเยี่ยมหลานพร้อมกับมอบของขวัญให้เช่นกัน
สุรัมภาเห็นภาพครอบครัวที่เต็มไปด้วยความสุขก็หมดห่วง ตัดสินใจคืนสร้อยคอให้ชนกชนม์ ขอบคุณเขาที่ช่วยดูแลเธอมาตลอด จากนี้ไปเธอกับลูกจะมีคุณตาคุณยายและคุณปู่คุณย่าช่วยดูแล เขาจะได้มอบสร้อยคอเส้นนี้ให้กับหญิงที่เขารัก ชนกชนม์รับสร้อยคอแล้วหันไปมองสุตาภัญที่ยิ้มเขินมาให้...
ในเวลาต่อมา ชนกชนม์กับสุตาภัญแวะไปเยี่ยมชนิกานต์ที่บ้าน ถามไถ่ว่าเป็นอย่างไรบ้าง ได้ข่าวว่ากฤติยา ย้ายออกไปแล้ว
“ก็โอเค อยู่คนเดียวมันก็เหงาบ้างไรบ้าง แต่พอคิดถึงหน้าลูกที่จะเกิดมามันก็อิ่มใจทุกครั้ง ลูกคนนี้เติมเต็มความรักให้ฉัน” ชนิกานต์ลูบท้องตัวเองมีความสุข สุตาภัญกับชนกชนม์สบายใจที่เห็นเพื่อนมีกำลังใจ
จังหวะนั้น กฤติยาถือถาดเดินเข้ามา “ขอโทษนะไม่ได้มาเยี่ยมนาน ช่วงนี้กำลังเปิดร้านขนม”
ชนิกานต์อดถามถึงกัณฐิกาไม่ได้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง ได้ความว่าเธอได้แฟนใหม่เป็นชาวเยอรมัน กฤติยาหวังว่าคราวนี้แม่จะได้เจอคนที่รักท่านจริงสักที
“ชีวิตมันไม่ง่ายเลยนะ” ชนิกานต์บ่น สุตาภัญติงว่าจะยากหรือง่ายขึ้นอยู่กับว่าเราจะใช้ชีวิตอย่างไร ถ้าเราอยู่ด้วยความรักโลกก็เป็นสีชมพู ถ้าอยู่ด้วยความทุกข์โลกก็เป็นสีดำ แต่ละคนต่างมีโลกที่มีต่างสีสันกันตามการใช้ชีวิตของตน โลกของสุตาภัญเป็นสีเขียวเพราะเป็นคนรักโลก รักสิ่งแวดล้อม โลกของชนกชนม์หลากสีเพราะชีวิตมีหลายรสชาติ ส่วนกฤติยาคิดว่าโลกของตัวเองน่าจะเป็นสีเทา ขณะที่ของสุรเดชน่าจะเป็นสีแดง
“ฉันกับธี สีเดียวกัน สีส้มอมเปรี้ยวอมหวาน” ชนิกานต์ยิ้มออกเมื่อเอ่ยถึงธีรดนย์
ชนกชนม์อดคิดถึงธีรดนย์กับสุรเดชไม่ได้ คิดถึงวันเก่าๆที่เคยมีความสุขด้วยกัน แม้ตอนนี้จะเหลือเพื่อนในกลุ่มเพียงแค่สี่คนเท่านั้น แค่ทุกคนสัญญาจะเป็นกำลังใจให้กันและกัน...
ในที่สุดสร้อยคอห้อยจี้รูปถ่ายครอบครัวของ ชนกชนม์ก็ถูกมอบให้คนที่เขารักสุดหัวใจ ชนกชนม์บรรจงสวมให้สุตาภัญ ก่อนจะบอกว่าชีวิตของเขาจะอยู่กับเธอชั่วนิรันดร์ แล้วจูบแก้มเธอเบาๆ เขาจะจูบเธออีกข้าง เธอห้ามไว้ อ้างว่าพ่อของเธอสอนไว้ว่าอย่าริรักในวัยเรียน
“แม่ผมสอน อดเปรี้ยวไว้กินหวาน” ชนกชนม์ว่าแล้วโอบกอดสุตาภัญไว้ยิ้มมีความสุข
ooooooo
–อวสาน–










