สมาชิก

ชื่นชีวา

ตอนที่ 14

รุ่งเช้ากานดาโล่งใจเมื่อเห็นเกศินีแต่งตัวสวยและมีท่าทีสงบนิ่ง

“ดูลูกของแม่ซิ กลับมาสวยสดใสอย่างเดิมแล้ว”

“แต่เกศรู้ตัวว่าเกศไม่เหมือนเดิมและไม่กล้าสู้หน้าคุณต้น”

“ไม่เอาน่า เราพูดกันเข้าใจดีแล้วนี่จ๊ะ แม่เกศเพียงแต่ทำตัวให้สดใสน่ารักเหมือนเดิม นอกจากนั้นเอาไว้เป็นหน้าที่แม่ เดี๋ยวลงไปกราบขอโทษคุณพ่อ...เขาจะว่าอะไรก็รับฟังไปตามเรื่อง หลังจากนั้นก็ไปกราบขอโทษทุกคนที่ตึกใหญ่กัน”

เกศินียังนิ่งเงียบ กานดาเห็นท่าไม่ดีจึงสั่งลูกสาวสูดลมหายใจลึกๆ เพื่อไล่ความกังวล เกศินีทำตามทุกอย่าง จนกระทั่งอาการเริ่มดีขึ้นเป็นลำดับ

นิวัฒน์ทอดสายตามองเกศินีที่ก้มลงกราบแทบเท้าด้วยความเหนื่อยใจ

“เกศกราบขอโทษคุณพ่อที่ทำให้เดือดร้อนเมื่อคืนนี้ค่ะ ต่อไปเกศจะไม่ทำอีกแล้ว”

“ถ้าทำได้ตามที่พูดก็ดี...เดี๋ยวตามพ่อไปกราบขอโทษเจ้าคุณลุง คุณอาหญิงและคุณต้นเสียด้วยกันนะ”

กานดายิ้มพอใจ พยักพเยิดให้ลูกสาวตามนิวัฒน์ออกไปอย่างโล่งใจ เมื่อไปถึงตึกใหญ่ เกศินีแสร้งทำท่าให้น่าสงสารพร้อมกับคลานเข่าไปกราบเจ้าคุณแทบเท้า

“เกศกราบขอประทานโทษเจ้าคุณลุงที่ทำให้เดือดร้อนต้องออกตามหาเมื่อคืนนี้...เกศเสียใจเหลือเกิน”

“ไม่เป็นไร...ทั้งลุงและคุณอาหญิงไม่ได้โกรธแม่เกศเลย”

หลังจากนั้นเกศินีก็ไปกราบขอโทษคุณหญิงวีณาด้วยน้ำตานองหน้า ก่อนจะไปหาต้น ชายหนุ่มรีบออกตัวว่าไม่จำเป็นต้องขอโทษ แต่หญิงสาวดึงดันกราบที่ตักเขาจนได้ ต้นเหลือบมองชื่นด้วยความเกรงใจแล้วพบว่าคู่หมั้นสาวมีสีหน้าเรียบเฉยเหมือนไม่รับรู้เรื่องตรงหน้า

นิวัฒน์ยิ้มพอใจเพราะเข้าใจว่าลูกสาวสำนึกผิดอย่างแท้จริง จึงสำทับลูกสาว

“ต่อไปนี้พ่อหวังว่าจะไม่มีเหตุการณ์อย่างนี้อีกนะลูก”

เกศินีพยักหน้ารับแล้วมานั่งใกล้คุณหญิงวีณาอย่างสงบเสงี่ยม ชื่นมองพฤติกรรมนั้นของคู่ปรับด้วยความครุ่นคิด

ครั้นกลับมาที่ตึกซ้าย เกศินีเล่าให้มารดาฟังว่าตัวเองเสแสร้งทำตัวให้น่าสงสารเสียจนทุกคนให้อภัยโดยง่ายและไม่ถือโทษโกรธเคืองกันอีก สองแม่ลูกสบตากันยิ้มร้าย กานดาชื่นชมในความฉลาดของลูกสาว

“เก่งมากลูก ยังงี้เราก็กลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบอีกน่ะสิ...ดีมาก ค่อยๆทำไปเรื่อยๆ...ไม่นานนักก็จะกระเจิงไปเอง”

“ตอนที่เกศกราบขอโทษคุณต้น เกศคิดว่านังชื่นมันหึงด้วย แต่เกศทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้...ซ้ำร้ายเขาก็ไม่สนใจมัน ช่างน่าสมเพชนัก เกศมีอีกเรื่องจะเรียนคุณแม่...ตอนนี้เกศลาออกจากงานแล้วเพราะไม่อยากให้ไอ้ทรงวุฒิรู้ว่าทำงานที่ไหน...ว่าจะขอคุณต้นช่วยหางานใหม่ให้ และต่อไปนี้เกศจะไม่รับโทรศัพท์แล้วนะคะ”

“ดีเลยลูก แม่จะสั่งพวกนังเจือนังจันทร์ไว้ และจะขอร้องให้ตำรวจมาเดินตรวจหน้าบ้านบ่อยๆ กันไว้อีกทาง”

หลังจากนั้นไม่กี่วัน ทรงวุฒิก็โทรศัพท์หาเกศินีตามคาด จันทร์ทำตามคำสั่งกานดาโดยเคร่งครัด ทำให้ชายหนุ่มหัวเสียและบังคับยุพาให้โทร.แทนเลยถูกกานดาด่าเสียจนร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว ทรงวุฒิแค้นจัดคำรามเสียงกร้าว

“นังสองแม่ลูกนี่ชักจะมากไปแล้ว นึกหรือว่าฉันจะหมดหนทาง...วางใจฉันเถอะยุพา พวกเราไม่มีวันลำบากอีกแน่!”

ooooooo

ชื่นมาช่วยนมอ่อนเจียนหมากที่เรือนเล็กเพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับต้น นมอ่อนรู้ทัน

“ตอนนี้ใกล้จะสี่โมงครึ่งแล้ว คุณชื่นควรไปรอรับคุณต้นที่หน้าตึกนะคะ ไม่ใช่มาอยู่ตรงนี้ กลับมาจากงานเหนื่อยๆ คุณต้นคงอยากเห็นหน้าคุณชื่นมากกว่าใครๆทั้งหมด...ไปได้แล้วค่ะคนดีของป้านม”

ชื่นทำท่าอิดออดก่อนไปอย่างไม่เต็มใจนัก เมื่อใกล้จะถึงตึกใหญ่ หญิงสาวชะงัก เกศินียืนยิ้มหวานรอรับต้นอยู่ที่นั่น

“เกศอบพายไก่ไว้เป็นของว่างให้คุณต้นค่ะ เข้าไปทานกันเถอะค่ะ เกศมีเรื่องขอความช่วยเหลือจากคุณต้นด้วย”

ชื่นเม้มปากสะกดอารมณ์ไม่พอใจแล้วจะเดินกลับไปทางเดิม วิงแอบเห็นเลยรีบปล่อยสโนว์เข้ามากู้สถานการณ์ ต้นอมยิ้มขำกับความรู้ใจของวิงจึงบอกให้เกศินีไปรอข้างใน ส่วนตัวเองเรียกชื่นไว้

“จะไปไหน...เข้าไปข้างในด้วยกันกับฉันหน่อย อย่าดื้อนักเลย!”

พูดจบก็จับมือชื่นเดินไปด้วยกัน เกศินีที่นั่งรออยู่ก็หน้างอด้วยความหมั่นไส้

“อ้าว...ชื่นมาด้วยหรือ คงไม่ว่านะที่ฉันทำพายไก่ให้คุณต้นทาน มีแค่สองชิ้นเอง ฉันไม่รู้ว่าเธอจะมากินด้วย”

“ไม่เป็นไรค่ะ แค่สองชิ้นก็พอถมเถ คุณเกศทานชิ้นหนึ่ง ส่วนฉันกับคุณต้นจะแบ่งคนละครึ่ง ขืนทานคนเดียวทั้งชิ้น เดี๋ยวจะทานข้าวเย็นไม่ได้ ฉันอยากให้เขาลองชิมสตูที่ฉันทำบ้าง”

ต้นอมยิ้มปลื้มใจ ต่างจากเกศินีที่มองชื่นด้วยความไม่พอใจเพราะดูเหมือนคู่ปรับจะรู้แกวจึงมีทางเอาคืนทุกเรื่อง

ตกค่ำวันเดียวกัน ทรงวุฒิว่าจ้างรถสามล้อมาที่บ้านพิชัยศรายุทธ แต่ก็ต้องรีบกลับแทบไม่ทันเมื่อเห็นมีตำรวจแถวหน้าบ้าน พอกลับถึงบ้านเช่า ทรงวุฒิโวยวายกับยุพาด้วยความแค้นใจ

“มันทำกับฉันมากเกินไปแล้ว แต่ฉันมีหนทางอื่นที่คุณนายกานดาจะต้องเชิญฉันเข้าไปคุยในห้องรับแขกเลยทีเดียว”

ยุพามองทรงวุฒิอย่างหวาดหวั่นไม่แน่ใจว่าเขาจะทำได้สำเร็จอย่างปากว่าหรือไม่ ผิดกับชายหนุ่มที่มีสีหน้ามั่นใจกับสิ่งที่ตัวเองจะทำ

ขณะที่กานดากำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องโถง เจือถือซองสีน้ำตาลมามอบให้ เจ้านายสาวนิ่วหน้าแปลกใจ แล้วก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อเห็นรูปภาพในซองสีน้ำตาลนั่น

พลันก็มีเสียงโทรศัพท์ดัง กานดารีบไล่เจือให้ออกไป แล้วไปรับโทรศัพท์มือไม้สั่นด้วยรู้ดีว่าเป็นสายจากทรงวุฒิ

“แกต้องการอะไรกันแน่ บอกมาเดี๋ยวนี้!”

“ผมต้องการพบคุณแม่เพื่อตกลงอะไรบางอย่าง มาพบผมเดี๋ยวนี้! ร้านอาหารเดิมที่เคยพบกัน”

ที่ร้านอาหาร กานดาเลือกโต๊ะอาหารด้านในสุดเพราะไม่ต้องการให้ใครเห็น ท่าทางเธอเต็มไปด้วยความกระวนกระวายใจสลับกับมองดูนาฬิกาข้อมือ ผิดกับทรงวุฒิที่เดินอย่างสบายใจเข้ามานั่งตรงข้าม

“คุณแม่คงเห็นรูปอันหวานชื่นของผมกับเกศเรียบร้อยแล้ว ต้องกราบประทานโทษที่ทำผิดประเพณีลักลอบได้เสียกันเสียก่อน หวังว่าจะเก็บรูปเหล่านั้นไว้เตือนใจนะครับไม่ใช่ทำลายทิ้ง แต่ถึงทำลาย ผมก็ยังมีอีกหลายชุด แถมภาพเด็ดอีกเยอะ”

“แกต้องการเงินเท่าไหร่เพื่อแลกกับรูปที่เหลือ แต่อย่าหวังสูงไปกว่านั้นเพราะฉันไม่มีวันยอมโดยเด็ดขาด”

ทรงวุฒิหัวเราะบอกว่าเกศินีโชคดีมากที่ตนรับผิดชอบจะแต่งงานด้วย กานดาโต้ว่ามีเพียงลูกชายของพระยาพิชัยศรายุทธคนเดียวเท่านั้นที่คู่ควรซึ่งก็คือต้นหรือศรันย์ ศรายุทธ ทรงวุฒิยิ้มเจ้าเล่ห์ไม่ยี่หระ

“คุณเกศจะแต่งงานกับคนอื่นได้ยังไง ในเมื่อผมเป็นสามีของเธอที่ยังมีชีวิตอยู่ คุณแม่ปฏิเสธความจริงเรื่องนี้ไม่ได้!”

“ถ้าเช่นนั้น เราคงต้องมีข้อแลกเปลี่ยน...ฉันต้องการให้แกพรากนังชื่นไปจากคุณต้นให้ได้ ทำได้ไหมล่ะ”

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะครับ แต่ผมคงต้องใช้เงินสักก้อนในการเตรียมการทั้งหมด หวังว่าคุณแม่คงไม่ขัดข้องนะครับ”

ooooooo

เช้าวันถัดมา ชื่นได้รับข่าวร้ายว่าตาชมถูกรถชนอาการสาหัสตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ หญิงสาวตกใจจะรีบไปหา ต้นผ่านมาเห็นเข้าพอดีจึงถามว่าจะรีบร้อนไปไหน

“จะไปเอากระเป๋าสตางค์ค่ะ คุณตาชมถูกรถชน”

ต้นเสนอตัวไปส่งที่โรงพยาบาลและช่วยปลอบให้ใจเย็นแต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล ชื่นพึมพำเสียงเครียด

“ชื่นเสียคุณต่อไปคนหนึ่งแล้ว...ขออย่าให้คุณตาเป็นอะไรไปอีกคนเลย”

เมื่อถึงโรงพยาบาล มั่นเดินแกมวิ่งตรงเข้ามาหาพวกชื่นด้วยสีหน้าไม่สู้ดี

“ตาชมเสียเลือดมาก...ทางโรงพยาบาลมีเลือดไม่เพียงพอ เราจะทำยังไงกันดี”

ชื่นน้ำตาไหลพรากเสนอตัวบริจาคเลือดให้ตาชม แต่ต้นไม่เห็นด้วย อยากให้เอาเลือดตนแทนเพราะแข็งแรงกว่า หญิงสาวตื้นตันใจกับความเสียสละของเขา

ไม่กี่ชั่วโมงถัดมา เจ้าคุณและคุณหญิงวีณาก็โล่งใจเมื่อได้รับแจ้งข่าวว่าตาชมปลอดภัยแล้ว หลังจากได้รับบริจาคเลือดจากต้นที่บังเอิญเข้ากันได้พอดี

ตรงกันข้ามกับกานดาที่หงุดหงิดใจกับข่าวดีนั่นเพราะหวังเต็มเปี่ยมว่าชมคงไม่รอด แต่กลับมีปาฏิหาริย์มาช่วยครอบครัวชื่นอีกครั้ง เกศินีเองก็แค้นเคืองเมื่อรู้ว่าต้นถึงกับบริจาคเลือดช่วยชีวิตตาของมารหัวใจ กานดาปลอบใจลูกสาว

“อย่าเอาแต่อารมณ์ซิลูก เราพูดกันแล้วว่าจะเปลี่ยนวิธีจัดการพวกมันใหม่”

“เกศขอระบายอารมณ์บ้างเพราะตอนนี้ก็ไม่มีใครอยู่บ้าน แล้วที่คุณแม่จะติดต่อทรงวุฒิล่ะคะ ไปถึงไหนแล้ว”

กานดาส่ายหน้าไม่ยอมสบตาลูกสาวเหมือนมีพิรุธ แล้วเสถามถึงงานใหม่ของลูกสาว เกศินียิ่งหงุดหงิดเล่าว่าตนกำลังจะขอความช่วยเหลือจากต้นแต่ถูกชื่นกับสโนว์มาขัดจังหวะจึงเสียโอกาส ทำให้ตอนนี้คิดอยากหายตัวไปจากโลกนี้มากกว่า

ไม่นานหลังจากนั้น ชมก็ได้รับอนุญาตให้กลับไปพักฟื้นที่บ้าน พวกเจ้าคุณเลยถือโอกาสยกโขยงไปเยี่ยมโดยอ้างว่าอีกไม่นานทั้งสองบ้านก็จะเป็นทองแผ่นเดียวกัน คุณหญิงวีณาแปลกใจกับท่าทีของชมที่ดูอ่อนลง ไม่แสดงพฤติกรรมรังเกียจคนจากบ้านพิชัยศรายุทธเหมือนเช่นเคย แต่พอเห็นนิวัฒน์ที่เพิ่งตามถึงก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นเคร่งขรึม

“กระผมนำผลไม้มากราบเยี่ยม...”

ยังไม่ทันจะพูดจบ นิวัฒน์ก็หน้าเจื่อนเมื่อชมเอ่ยปากถามชื่นเรื่องวันแต่งงาน ทำเหมือนไม่มีเขาอยู่ที่นั่น พอรับรู้วันที่แน่นอนแล้ว ชมก็หลับตาลงราวกับไม่อยากเห็นหน้านิวัฒน์อีก ต้นขยับจะพูดบางอย่างแต่ถูกเจ้าคุณส่งสายตาห้าม และขอตัวลากลับทันที ชมพยักหน้ากล่าวขอบคุณทุกคนโดยเฉพาะต้นที่บริจาคเลือดช่วยเขา

หลังจากกลับจากเยี่ยมชม นิวัฒน์มานั่งครุ่นคิดคนเดียวที่ศาลาริมน้ำ คุณหญิงวีณาสงสารเห็นใจพี่ชายก็เข้ามาปลอบ

“น้องไม่ทราบว่าคุณพี่จะตามไปด้วย”

“พี่ไปกราบขอโทษท่านตั้งแต่โรงพยาบาลแล้ว แต่ท่านทำเหมือนพี่ไม่มีตัวตนทุกครั้ง แต่พี่จะไม่ละความพยายาม จะทำไปเรื่อยๆ จนกว่าท่านจะใจอ่อน หรือไม่ก็ตายจากกันไป”

“น้องคิดว่าท่านไม่ได้เกลียดคุณพี่เท่าเดิมแล้ว...นี่น้องตัดสินใจจะต้องพูดเรื่องนี้กับชื่นให้เด็ดขาดเสียที”

นิวัฒน์ตกใจ รีบห้ามน้องสาวเพราะกลัวชื่นจะเกลียดเขามากกว่าเดิม แต่คุณหญิงวีณายืนยันจะทำตามที่ตั้งใจไว้ พอตกบ่ายก็จัดการเจรจากับหลานสาว ชื่นไม่ตอบรับหรือปฏิเสธเอาแต่ก้มหน้ารับฟังเงียบๆ

“เอาล่ะ อาไม่ได้บังคับชื่นเพราะเข้าใจว่าถูกสั่งสอนมาอย่างนั้น แต่ชื่นลองคิดให้ดีนะว่ามีความสุขกับการจดจำภาพความเจ็บปวดเหล่านั้นหรือเปล่า ถ้าจำแล้วทำให้หนักอึ้งตลอดเวลา ก็ลองปล่อยวางเสียบ้าง ชื่นอาจจะสบายใจมากขึ้นเยอะ”

ชื่นถอนใจยาว สับสนเมื่อคิดถึงการกระทำของพวกชวาลในอดีต แถมมารดาก็ยังมาตรอมใจตายอีก...

เวลาเดียวกันที่บ้านชม เจ้าของบ้านนั่งทอดสายตาทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมาทั้งในอดีตและปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องชื่นขอญาติดีกับกนกเพราะเคยช่วยชีวิต และเรื่องต้นบริจาคเลือดให้จนตัวเองรอดชีวิต

ชมวนเวียนครุ่นคิดอย่างหนักใจ เขานึกถึงคำเตือนของลูกสาวที่ให้อโหสิต่อกันเสีย ชาติหน้าจะไม่มีเวรกรรมต่อกันอีก แต่เขาก็ไม่เคยทำใจได้สักครั้ง แม้ว่านิวัฒน์จะพยายามมาหาหลายหนเพื่อหวังให้เขายกโทษและอภัยให้ จนกระทั่งวันนี้ การเฉียดตายทำให้เขาคิดได้ว่ามันถึงเวลาแล้วหรือยังที่เขาควรจะปล่อยวางกับทุกสิ่ง...

ooooooo

เกศินีก็เครียดเช่นกัน ตั้งแต่ถูกยุพาหลอกไปเสียตัวกับทรงวุฒิ หญิงสาวก็หวาดกลัวชายหนุ่มจนประสาทเสีย เธอไม่ต้องการให้ใครรู้ถึงความผิดพลาดครั้งนั้น พอสะอาดมาเคาะห้องแจ้งว่ามีแขกมารอพบที่ข้างล่าง เกศินีเดือดจัดตวาดเสียงดัง

“ก็ฉันสั่งแล้วว่าใครมาหา ให้บอกว่าไม่อยู่ นังพวกนี้สอนไม่จำ ไสหัวไปไล่มัน...เดี๋ยวนี้เลย!”

“ไล่คุณวรรณน่ะหรือคะ”

สะอาดงุนงง เกศินีถึงรู้สึกตัวผ่อนลมหายใจแล้วลงไปหาเพื่อนอย่างเสียไม่ได้ วรรณิภายิ้มดีใจ

“เพื่อนๆ เป็นห่วงที่เห็นเกศไม่ไปทำงาน วรรณเลยอาสามาเยี่ยมแทน”

“เกศลาออกแล้ว พอดีขี้เบื่อน่ะ คุณต้นจะฝากงานใหม่ให้เร็วๆ นี้”

“เอาอกเอาใจกันขนาดนี้ คงใกล้จะแต่งเต็มทีแล้วสินะ หรือว่าไม่บอกใคร ฉันเห็นมีช่างมาตกแต่งอะไรที่สนามหญ้าหน้าบ้านล่ะ จะมีงานอะไรเอ่ย”

เกศินีหน้าเสียแสร้งทำเป็นป่วยแล้วขอร้องให้เพื่อนกลับบ้าน วรรณิภาพยักหน้าเข้าใจดีแล้วนึกขึ้นได้เล่าว่าเมื่อวานมีคนชื่อทรงวุฒิมาตามหา เกศินีตกใจหน้าถอดสีถามว่าเขาซักถามอย่างอื่นหรือไม่ วรรณิภาส่ายหน้ายิ้มขัน

“ฉันคิดว่าเขาชอบเธอมากกว่า แหม...เธอนี่เนื้อหอมมีแต่คนมาหลงชอบ ยิ่งตอนนี้เหลือคุณต้นคนเดียว เธอคงสบายไปทั้งชาติที่จะมีสามีทั้งดี หล่อและรวยอย่างนี้ นังชื่นมันคงจะอกแตกตายที่กลายเป็นม่ายขันหมากไปเสียก่อน สมน้ำหน้า!”

เกศินีพยายามระงับอารมณ์ไม่ให้กรีดร้องใส่หน้าวรรณิภา แสร้งบอกว่าปวดหัวและขอตัวขึ้นห้องทันทีโดยไม่สนใจอะไรอีก วรรณิภามองตามอย่างแปลกใจ เกศินีอดใจไม่ไหวเดินไปดูที่หน้าต่าง พอเห็นพวกช่างอย่างที่วรรณิภาพูดก็กรีดร้องดังอย่างเจ็บปวดใจ กานดาวิ่งถลาขึ้นไปหาลูกสาวทันที เมื่อประตูเปิด เกศินีกำลังหงุดหงิดเลยพาลไปลงกับมารดา

“ไหนคุณแม่บอกว่าจะช่วยเกศ คุณแม่ผิดสัญญา ไอ้พวกนั้นมันมาตกแต่งสถานที่แล้ว...เห็นหรือเปล่าคะ”

“แม่ไม่ได้โกหก ถ้าทำได้แม่จะฆ่านังชื่นเสียตอนนี้ แต่ตอนนี้เราต้องใจเย็น ถึงนังชื่นจะแต่งงานไปแล้ว แม่ก็พรากมันจากคุณต้นได้ แม่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรให้ลูกเชื่อ แม่พยายามแล้วแต่อะไรไม่ได้ง่ายเหมือนอย่างที่เราต้องการ มันต้องใช้เวลา!”

กานดาถอนใจยาวอย่างอ่อนใจ พอลูกสาวตวัดเสียงบอกว่าคงนานจนตัวเธอตายก่อน กานดาน้อยใจจนทนไม่ไหวก็ร้องไห้ออกมา เกศินีรู้สึกตัวว่าทำเกินไปจึงก้มกราบขอโทษมารดาพร้อมกับอารมณ์พลุ่งพล่านที่ค่อยสงบลง

ฉับพลัน หญิงสาวแสยะยิ้มนึกแผนการบางอย่างได้ ละล่ำละลักบอกมารดาอย่างดีใจ

“เกศจะไปหัวหิน...ไปพักที่สายชล เกศรู้ว่าคุณต้นจะพานังชื่นไปฮันนีมูนที่นั่น เกศมีแผนจัดการแล้ว”

พอตกค่ำ เกศินีไปหาชื่นที่ห้องแล้วแสร้งแต่งเรื่องหลอกเพื่อหวังให้คู่ปรับเกิดความระแวงในตัวต้น

“ฉันจะมาบอกว่าไม่ได้รู้สึกยินดีกับการแต่งงานของเธอ เพราะมันทำให้ฉันหัวใจสลาย คุณต้นเองก็คงไม่ต่างกัน แต่เพราะความเป็นสุภาพบุรุษเลยเลือกทำตามความต้องการทั้งของคุณต่อและเจ้าคุณพ่อ เขาขอร้องไม่ให้ฉันก่อกวนอะไรเธออีก และบอกให้ฉันไปพักที่บ้านสายชลในวันแต่งงาน นี่เป็นการยืนยันว่าเธอจะได้แค่ตัวของเขา ส่วนหัวใจคุณต้นอยู่ที่ฉันเท่านั้น”

ooooooo

แล้ววันแต่งงานก็มาถึง ชื่นกับต้นเข้าพิธีแต่งงานท่ามกลางความยินดีของทุกคน ยกเว้นกานดากับเกศินีที่ล่วงหน้าไปพักที่บ้านสายชลแล้ว และเฝ้ารอเวลาที่คู่บ่าวสาวไปถึงเพื่อขัดขวางความสัมพันธ์

ชมกับมั่นปรากฏตัวในงาน ทำให้ชื่นถึงกับน้ำตาคลอด้วยความดีใจ

“ขอบคุณมากค่ะ ตา...ชื่นถือว่าเป็นมงคลสูงสุดของชีวิตแล้วที่ตามาอวยพร”

“ตาจะไม่มาได้อย่างไรในเมื่อเจ้าเป็นหลานคนเดียว แม่ช้อยคงดีใจที่เจ้าเป็นฝั่งเป็นฝาเสียที ตาฝากชื่นด้วยนะคุณต้น และขอให้หลานทั้งสองจงครองรักกันตลอดไป ขอให้จำสามคำนี้...ความรัก ความเข้าใจ และให้อภัยกัน”

“ครับ...ผมจะรักและดูแลชื่นตลอดไป” ต้นขานรับ อย่างหนักแน่น

ชื่นเหลือบตาขึ้นมองเขาอย่างดีใจที่ได้ยินคำว่ารักออกจากปากต้น ชมยิ้มมองดูคู่บ่าวสาวก้มลงกราบด้วยความปีติ เมื่อถึงฤกษ์ส่งตัว เจ้าคุณและคุณหญิงวีณารวมทั้งนิวัฒน์ก็พร้อมใจกันทำหน้าที่จนผ่านพ้นไปได้ด้วยดี

หลังจากพวกผู้ใหญ่ออกจากห้อง ชื่นจะลุกแต่เพราะนั่งนานทำให้เป็นเหน็บเซจะล้ม ต้นรวบร่างไว้ทัน ทั้งคู่ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นชั่วครู่ราวกับต้องมนต์ ชื่นรู้สึกตัวและผลักหนีด้วยความประหม่าและเขินจัด

ต้นชะงัก เข้าใจผิดคิดว่าเธอรังเกียจเพราะก่อนหน้าที่เกศินีจะไปหัวหินได้มาเล่าว่าเห็นชื่นแอบร้องไห้ จึงคาดคั้นจนได้ความว่าเสียใจที่ต้องแต่งงานกับต้น ทั้งๆที่ชอบพอกับนัทที ชายหนุ่มนึกถึงเรื่องนี้เลยปล่อยตัวชื่นทันที

“ขอโทษ...จะสบายกว่าไหม ถ้าฉันจะออกไปข้างนอก”

ชื่นพยักหน้ารับอย่างโล่งใจ ทำให้ต้นหน้าเจื่อนเดินออกไปทันที หญิงสาวนึกเข่นเขี้ยวในใจว่า หากเปลี่ยนจากเธอเป็นเกศินี ต้นคงไม่ทำหน้าบึ้งหน้างอเป็นม้าหมากรุกเช่นนี้ แล้วคืนนั้น คู่บ่าวสาวป้ายแดงก็แยกย้ายกันนอนด้วยทิฐิที่มีในใจ

เช้ามืดวันถัดมา ชื่นรีบตื่นไปช่วยยงทำอาหารเช้าเพราะไม่อยากเผชิญหน้าสามีหมาดๆ ต้นหงุดหงิดเมื่อไม่เห็นหน้าเธอ เขาอดทนรอจนกินข้าวเสร็จจึงลากตัวมาสอบถาม

“ทำไมต้องหนีออกไปแต่เช้า กลัวฉันหรือ....ไหนว่าไม่กลัวไงล่ะ”

“ชื่นไม่ได้หนี แล้วก็ไม่ได้กลัวด้วย คนอย่างชื่น ชาวนาไม่เคยกลัวอะไรทั้งนั้น”

ต้นดึงชื่นเข้ามากอดและก้มหน้าลงมาจะจูบ หญิงสาวตัวสั่นพยายามเบี่ยงหน้าหนีแล้วถามว่าเมื่อไรจะพาเธอไปซื้อของ ชายหนุ่มยิ้มเจ้าเล่ห์ตอบยียวนว่าตนไม่รีบ มีเวลาทั้งวัน ก่อนจะฉวยโอกาสจูบ ชื่นตกใจนึกหาทางเอาตัวรอด

“เมื่อคืนชื่นฝันเห็นคุณต่อ...”

พูดไม่ทันจบ ต้นก็คลายแขนออกพร้อมกับบอกว่าจะไปคอยข้างล่าง ชื่นมองท่าทางของเขาที่เปลี่ยนไปกะทันหันอย่างประหลาดใจ

ด้านเกศินีและกานดานั่งจิบกาแฟอย่างสบายโดยไม่มีท่าทีรีบร้อน เจือกับจันทร์สงสัยอดถามไม่ได้

“คุณนายของบ่าวเจ้าขา วันนี้พวกเราจะกลับกันกี่โมงคะ พรุ่งนี้คุณต้นกับแม่ชื่นชีวาจะมากาลีมูนที่นี่แล้วนะคะ”

“เขาเรียกฮันนีมูนย่ะ ใครอยากกลับก็หาทางกันเอง ส่วนฉันกับลูกเกศจะอยู่เป็นก้างขวางคอพวกข้าวใหม่ปลามันที่นี่”

สองบ่าวพยักหน้าหงึกหงักรับทราบแล้วมองตามเกศินีและกานดาเดินไปที่ชายหาด สองแม่ลูกนัดแนะวางแผนทำลายความสัมพันธ์ของต้นและชื่น โดยจะยุแยงให้แต่ละฝ่ายเกิดหึงหวงระแวงกันเอง

ค่ำวันเดียวกัน คุณหญิงวีณาเริ่มวิตกกังวลที่ไม่เห็นวี่แววว่ากานดากับเกศินีจะกลับมาตามที่บอก นิวัฒน์ก็ไม่พอใจนึกสังหรณ์ว่าภรรยากับลูกสาวอาจวางแผนก่อเรื่องไม่ดีกับต้นและชื่นก็เป็นได้ คุณหญิงวีณาพยายามนึกในทางดีว่าทั้งคู่อาจกลับมาตอนเช้า นิวัฒน์ส่ายหน้าไม่เชื่อ

ทันใดนั้น มีเสียงกดกริ่งที่หน้าประตู แล้ววิงก็วิ่งมารายงานว่า

“เขาบอกว่าเป็นเพื่อนคุณเกศทำงานอยู่กระทรวงเดียวกันครับ...พอทราบว่าเธอไม่อยู่ เลยฝากจดหมายไว้ให้แทน”

คุณหญิงวีณารับจดหมายแล้วเดาว่าคงเป็นคนที่มาชอบหลานสาว นิวัฒน์อมยิ้มไม่เห็นเป็นเรื่องแปลก และแนะนำให้เอาจดหมายไปไว้ในห้องเกศ เผื่อเป็นเรื่องสำคัญ

รุ่งเช้า ต้นกับชื่นหิ้วกระเป๋าเดินทางออกจากตึกใหญ่โดยมีคุณหญิงวีณามาส่ง หลานสาวขึ้นรถโบกมือลาอย่างสบายใจ ผิดกับคุณหญิงที่เริ่มวิตกกังวลเพราะรู้มาว่ากานดากับเกศินียังไม่กลับ จนต้องไปปรึกษานิวัฒน์ว่าควรทำเช่นไร

กนกร้อนใจเมื่อเห็นสว่างขับรถกลับมาคนเดียว พอถามไถ่ก็ทราบว่ามารดาสั่งให้นำรถกลับมาเผื่อจะมีคนทางนี้ต้องการ เด็กหนุ่มนึกเอะใจรีบเดินไปตึกใหญ่ ระหว่างทางเจอนมอ่อน เขาเลยตัดสินใจเล่าเรื่อง

“ผมไม่ทราบว่าคุณแม่กับพี่เกศมีความประสงค์อย่างไรที่ให้น้าสว่างขับรถกลับมาก่อน ส่วนพวกเขาจะกลับพร้อมคุณต้นและพี่ชื่น ทั้งสองคนนั่นไปฮันนีมูนนี่ครับแล้วทำไมคุณแม่ถึงทำเช่นนี้”

นมอ่อนไม่อยากให้กนกรู้สึกไม่ดีกับมารดา ตัดบทว่าเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ส่วนตัวเองก็รีบนำเรื่องไปรายงานคุณหญิงวีณาที่ถอนใจเฮือกด้วยความหงุดหงิด

“ช่างไม่มีความคิดกันเสียเลย ทั้งผู้ใหญ่ทั้งเด็ก...นี่ถ้าคุณพี่นิวัฒน์รู้ละก็คงจะตามไปลากตัวกลับมาทั้งแม่ทั้งลูกแล้ว!”

“ทีนี้ก็อยู่ที่คุณต้นแล้วล่ะค่ะ ว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไร”

ooooooo

ต้นยังไม่ทราบเรื่องสองแม่ลูกก็คาดหวังว่าจะได้อยู่กับชื่นตามลำพังสองคน เขานึกครึ้มใจจึงแกล้งหยอกภรรยา

“ที่สายชล จะมีแค่เราสองคนกับแม่บ้านที่มาทำความสะอาดเท่านั้น ฉันคงไม่ต้องไปนอนห้องอื่นแล้ว เธอจะว่าไง”

“คุณต้นพูดผิดแล้ว...จริงๆต้องบอกว่าคุณต้นไม่ต้องรีบตื่นเพื่อกลับมาห้องต่างหาก คุณต้นจะนอนตื่นสายเท่าไรก็ได้ในห้องของคุณต้น”

ชื่นยิ้มอย่างผู้ชนะ แต่พอต้นบอกว่าจะไม่ยอมแยกห้อง หญิงสาวก็ชะงักแล้วแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน เมินมองข้างนอกรถแทน ต้นเหลือบตามองภรรยาด้วยความน้อยใจและเกิดระแวงว่าเรื่องที่เกศินีบอกน่าจะมีเค้ามูลความจริง

เมื่อไปถึงบ้านสายชล ต้นกับชื่นรู้สึกอ่อนใจที่เห็นกานดาและเกศินีพร้อมกับสองบ่าวออกมาต้อนรับ

“ผมนึกว่าคุณน้ากับคุณเกศจะกลับกรุงเทพฯแล้วเสียอีก”

“เกศต้องขอโทษนะคะ พอดีคุณแม่ไม่สบาย...”

“อย่าตำหนิแม่เกศเลยเป็นความผิดของน้าเอง เขาเตือนน้าแล้วว่าพวกคุณต้นจะมาฮันนีมูนกันวันนี้ แต่พอดีน้าเกิดอาการคลื่นเหียนเวียนหัวจนเดินทางไม่ไหว ก็เลยจำเป็นต้องขออนุญาตอยู่ต่ออีกค่ะ”

เจือกับจันทร์เสนอหน้าช่วยเจ้านายบอกว่าทำความสะอาดห้องให้ต้นกับภรรยาเรียบร้อย ชื่นเหนื่อยใจไม่อยากมีเรื่องจึงขอตัวไปพักผ่อน จันทร์แสยะยิ้มมองตาม

“คุณต้นอยู่ห้องใหญ่ ส่วนคุณชื่นอยู่ห้องเล็กนะคะ”

“ใครบอกให้จัดแยกห้องนอนกัน”

ต้นนิ่วหน้าไม่พอใจ ส่วนจันทร์หน้าเสียตั้งท่าจะบอกว่าใครคนสั่ง แต่กานดาก็โพล่งขัดขึ้นก่อน

“นั่นสิ ใครสั่งให้จัดห้องแบบนั้น สู่รู้ ฉันสั่งแล้วสั่งอีกว่าให้จัดห้องนอนใหญ่ห้องเดียว!”

เจือจะเถียงแต่จันทร์ก็ส่งสัญญาณให้เงียบแล้วยกกระเป๋าขึ้นชั้นบนทันที ส่วนเกศินีแสร้งขอโทษแล้วพยักพเยิดให้คู่ข้าวใหม่ปลามันไปอาบน้ำจะได้กินข้าวด้วยกัน ชื่นสบโอกาสเอาคืนจึงสอดแขนตัวเองเข้ากับแขนต้น

“เชิญคุณเกศไปไล่จับปูลมกับคุณกานดาแล้วก็ยายจันทร์ยายเจือเลยค่ะ คุณต้นกับฉันจะไปเล่นปูไต่กัน”

ต้นกลั้นยิ้มแทบแย่แล้วเดินตามภรรยา สองแม่ลูกเกือบระงับอารมณ์ไม่ไหวได้แต่มองตามอย่างริษยา

เช่นเดียวกับสองบ่าวรุ่นป้าที่เกือบจะปะทะคารมกับชื่น เมื่อเปิดกระเป๋าเดินทางอย่างกระแทกกระทั้นแล้วถามอย่างไม่มีหางเสียง ชื่นหน้าตึงเตือนให้รู้จักสถานะตนเองแล้วสั่งให้ทั้งคู่ออกไป

ระหว่างที่รอชื่นอาบน้ำ ต้นเดินมาที่เฉลียงแล้วทอดสายตามองออกไปที่ทะเลราวกับครุ่นคิดถึงเรื่องบางอย่าง เกศินีกับกานดาผ่านมาเห็นก็ดีใจ รีบทำตามแผนโดยเกศินีแสร้งปั้นหน้าทำเป็นบังเอิญเดินมาเจอชายหนุ่ม

“อ้าว...คุณต้นมาทำอะไรตรงนี้คะ เกศชอบมายืนตรงนี้เหมือนกัน มันช่วยให้คิดเรื่องต่างๆได้ดีเชียว...วันแต่งงาน ชื่นคงสวยมากนะคะ งานก็คงน่าประทับใจ...เอ๊ะ! นั่นอะไร”

ต้นที่ยืนนิ่งหันหน้ามองตามมือเกศินีชี้ ชื่นเดินเข้ามาในบริเวณนั้นพอดีทันเห็นเกศินีเคลื่อนตัวเข้าหาสามีของเธออย่างแนบเนียน ชื่นชะงักจ้องจนสองคนรู้สึกตัวหันมอง เกศินีหน้าเจื่อนรีบขอตัวไปนอน ชื่นมองตามอย่างรู้ทัน

ชื่นก็ไล่สามีไปอาบน้ำ ส่วนตัวเองนั่งชมวิวทะเล แต่แท้จริงแล้วเป็นแผนของชื่นที่ไม่อยากอยู่ตามลำพังกับต้นในห้องนอน เธอรอจนไฟในห้องปิดแล้วจึงย่องเข้ามาเอาหมอนไปนอนที่โซฟา แต่ก็ถูกต้นเหนี่ยวเอวลงมานอนบนเตียงด้วยกัน

“จะไปไหน...ทำไมต้องไปนอนที่โซฟา หรือว่ารังเกียจฉัน”

“ไม่ได้รังเกียจ แต่ชื่นเกรงใจคุณต้นกลัวว่าจะเบียดจนคุณต้นอึดอัด”

“เตียงออกกว้าง นอนกันสองคนได้สบาย แล้วไหนบอกคุณน้ากานดากับคุณเกศว่าจะเล่นปูไต่กับฉัน!”

ชื่นอายหน้าแดงก่ำพยายามคิดหาคำตอบ ต้นยังคงจับแขนเธอไว้พร้อมกับยื่นหน้าไปใกล้ ชื่นพยายามเบี่ยงหน้าหนีทำให้ต้นน้อยใจ แล้วเขาก็ปล่อยแขนเธอง่ายดายจนชื่นรู้สึกใจหาย

“เมื่อเธอไม่ต้องการให้ฉันแตะต้องก็ไม่เป็นไร ฉันจะไปนอนที่โซฟาเอง เธอนอนที่นี่แหละ”

ต้นไม่พูดไม่จาหยิบหมอนเดินไปที่โซฟา ปล่อยให้ชื่นงุนงงกับพฤติกรรมของเขาที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน

ooooooo

รุ่งเช้ากานดากับเกศินีนั่งรอคู่ข้าวใหม่ปลามันอย่างกระหยิ่มใจที่ห้องอาหาร พอเห็นทั้งคู่ลงมากานดาก็ชวนกินข้าว ต้นปฏิเสธบอกว่าจะพาภรรยาไปหาของกินที่ตลาด เกศินีเลยตัดสินใจขอตามไปด้วย

ต้นมีสีหน้าลำบากใจ ส่วนกานดาไม่ห้ามกลับยุให้ลูกสาวตามไปทันที ชื่นส่ายหัวเบื่อหน่ายใช้ไม้แข็งเข้าต่อกร

“ความจริงฉันก็ไม่ได้อยากจะใจร้ายหรอกนะคะ ...แต่นี่เป็นช่วงฮันนีมูนของเรา...เราก็เลยอยากจะอยู่กันสองคน...ถ้าคุณเกศเหงาก็ไปเที่ยวกับคุณกานดาซีคะ”

เกศินีหน้าง้ำกระชากเสียงตอบอย่างน้อยใจว่าไม่มีรถ แต่ถ้าไม่สะดวกให้ไปก็ยินดีอยู่บ้าน ชื่นจ้องหน้ายิ้มท้าทายแล้วหันไปดึงสามีให้เดินตาม กานดากับเกศินีสบตากันแทบจะร้องกรี๊ดด้วยความเจ็บใจ

ด้านนิวัฒน์พอรู้ว่ากานดาและเกศินีไม่ยอมกลับก็เดือดดาลประกาศเสียงกร้าวจะไปรับสองคนนั่นกลับมาวันนี้ให้ได้ คุณหญิงวีณาได้แต่ปลอบให้พี่ชายใจเย็นและสั่งให้วิงขับรถไปเป็นเพื่อน

กนกรับคำสั่งจากคุณหญิงวีณานำผลไม้ไปเยี่ยมชมที่บ้านแต่ไม่พบ มั่นทำท่าอึกอักก่อนตัดสินใจบอก

“ตอนนี้คุณตาบวชแล้วอยู่ที่วัด ท่านไม่อยากให้เอิกเกริกเลยไม่ได้บอกใคร เป็นการบวชเงียบๆ ไปหาด้วยกันไหม”

“ไปครับ จะได้เอาผลไม้นี่ไปถวายหลวงตาด้วย”

เจ้าคุณและคุณหญิงวีณาดีใจมากเมื่อรู้เรื่องชมบวช กนกเล่าให้ทั้งคู่ฟังว่าตนเลื่อมใสในจริยวัตรของหลวงตามากเลยปวารณาตัวเป็นลูกศิษย์ คุณอาหญิงฟังแล้วปลาบปลื้มกับความคิดของหลานชายพร้อมสนับสนุนเต็มที่ กนกยิ้มสุขใจ

“ดิฉันจะโทรเลขไปบอกชื่น เธอรักและเคารพคุณหลวงมากที่สุด ถ้ารู้ว่าไม่ได้ไปร่วมงานบวชคงจะเสียใจมาก อาจจะโทษเราอีกว่ารู้แล้วทำไมไม่บอก”

เจ้าคุณอมยิ้มกับความรีบร้อนของภรรยา คุณหญิงวีณารีบชักชวนหลานชายให้ไปส่งโทรเลขด้วยกัน

ไม่กี่ชั่วโมงถัดมา นิวัฒน์กับวิงก็ไปถึงบ้านสายชล จันทร์และเจือเห็นท่าทางเจ้านายหนุ่มแล้วเสียวสันหลังวาบมั่นใจว่าจะต้องเกิดเรื่อง จันทร์ทำใจดีสู้เสือรายงาน

“คุณนายกับคุณเกศตามคุณต้นกับแม่ชื่นไปเดินเล่นที่ชายหาดเจ้าค่ะ ป่านนี้ไม่รู้ว่าเจอกันหรือยัง”

“งั้นฉันจะไปตามหานายผู้หญิงกับยายเกศ ไปกันนายวิง...วันนี้ยังไงต้องเอาสองคนนั่นกลับบ้านให้ได้!”

พอคล้อยหลัง เจือกับจันทร์รีบเผ่นไปจัดกระเป๋าเตรียมตัวกลับกรุงเทพฯ

ขณะนั้นที่ชายหาด เกศินีกับกานดาเดินตามหาต้นและชื่นอย่างเหนื่อยอ่อนพลางบ่นกระปอดกระแปด

“เดินหาจนทั่วหาดแล้วก็ไม่เจอ แม่ว่าคุณต้นหลอกนังเจือนังจันทร์ว่ามาเดินเล่นแน่ๆ”

“นั่นซิคะ ยิ่งโง่ๆทั้งสองคนเลย แต่เกศว่าต้องเป็นอุบายของนังชื่นที่หลอกเรามากกว่า กลับกันเถอะค่ะ”

สองแม่ลูกเดินกลับบ้านพลางสาปแช่งชื่น วิงมองเห็นนายผู้หญิงแต่ไกลก็ตะโกนบอกนิวัฒน์

“มาทำไม ฉันกับลูกไม่กลับหรอกนะ” กานดาวางหน้าเชิดพูดเสียงห้วน

“ต้องกลับทั้งสองคน มีอย่างที่ไหน คุณต้นกับชื่นมาฮันนีมูน แต่พวกคุณกลับมาสอดแทรก”

กานดายืนยันว่าหัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ไม่กลับ แต่พอมาถึงบ้าน สองแม่ลูกก็ต้องอ้าปากค้างเมื่อจันทร์รายงานว่าคู่ฮันนีมูนเก็บข้าวของกลับไปแล้ว นิวัฒน์ลอบยิ้มสะใจสั่งวิงให้กลับบ้านโดยไม่รอภรรยาและลูกสาว

“เดี๋ยวคุณนิวัฒน์รอด้วย พวกฉันไม่มีรถ นังเจือนังจันทร์ไปเก็บข้าวของให้ฉันโดยด่วน ส่วนพวกแกกลับรถไฟนะ”

คุณหญิงวีณาประหลาดใจเมื่อเห็นต้นกับชื่น กลับมาจากฮันนีมูนก่อนกำหนด จึงถามว่าเกิดอะไรขึ้น ต้นถอนใจยาวแล้วปัดให้ชื่นเล่าแทน

“คุณต้นคงโกรธชื่นที่กลับมาโดยทิ้งคุณเกศไว้ที่นั่นค่ะ”

“นึกแล้วทีเดียวว่าต้องมีเรื่อง แต่ไม่ต้องห่วงคุณพี่นิวัฒน์ตามไปรับแล้ว เดี๋ยวคงจะกลับมาพร้อมกัน ความจริงถ้าไม่กลับวันนี้ ชื่นต้องกลับพรุ่งนี้แน่เมื่อได้รับโทรเลขจากอาเพื่อส่งข่าวว่าคุณตาชมบวชแล้วนะ”

ชื่นยิ้มตาเป็นประกายดีใจ คุณหญิงวีณาไล่ให้ไปพักผ่อนเพราะวันรุ่งขึ้นจะไปใส่บาตรแต่เช้า หญิงสาวเดินอารมณ์ดีกลับห้องแล้วชะงักเมื่อเห็นต้นรออยู่

“คุณต้นจะนอนหรือยังคะ ชื่นจะได้ช่วยขนหมอนกับผ้าห่มไปให้”

“ไม่ต้อง ฉันจะนอนที่นี่ แปลกใจอะไร ฉันไม่ได้บอกว่าจะนอนห้องโน้นตลอดไป ทำไมตอนอยู่บ้านสายชล เราถึงนอนด้วยกันได้ล่ะ หรือตอนนั้นเธอจะเอาชนะคุณเกศ ถ้าเธออึดอัดนัก ฉันจะแยกไปนอนห้องเก่า!

พูดจบก็ผละไป ทิ้งชื่นให้มองตามงงๆแล้วพึมพำกับตัวเอง

“อยู่ดีๆก็พูดถึงคุณต่อ คงหงุดหงิดที่ต้องทิ้งคุณเกศมาล่ะซิ”

กานดากับนิวัฒน์ทะเลาะกันตลอดทางทำให้เกศินียิ่งหดหู่ พอถึงบ้านก็รีบขอตัวทันทีโดยไม่รู้เลยว่ากำลังจะเผชิญกับปัญหาที่ตัวเองพยายามหลีกเลี่ยงมาตลอด นับตั้งแต่เกิดเรื่องในวันที่หายตัวไปพร้อมกับทรงวุฒิ

เกศินีทรุดลงนั่งที่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้งอย่างเหนื่อยหน่าย พลันเห็นมีจดหมายวางอยู่ก็หยิบอ่าน หญิงสาวหน้าซีดราวกับเห็นผีปรากฏขึ้นตรงหน้าเพราะมันเป็นจดหมายจากทรงวุฒิ

“คุณเกศยอดรัก...เพราะคุณไม่ยอมให้ผมพบจึงต้องใช้วิธีนี้ วันเสาร์นี้ผมจะไปรอหน้าปากซอยบ้านตอนเก้าโมงเช้า ถ้าไม่ยอมออกมาพบ...ผมมีรูปคู่สวยๆของเราที่พร้อมจะส่งให้คุณต้นและคนอื่นที่บ้านรวมทั้งพวกเพื่อนดูทันที!”

ooooooo

ชื่นชีวา

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด