สมาชิก

ชื่นชีวา

ตอนที่ 13

ระหว่างที่ต้นนั่งเศร้ากับข้อความในจดหมายต่อ คุณหญิงวีณามาตามให้ไปพบกับเจ้าคุณพ่อที่ห้องโถง

“อ่านจดหมายของนายต่อแล้วหรือยัง”

“เพิ่งอ่านเมื่อกี้นี้เองครับ”

“พ่อรู้ว่าอาจจะไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม แต่นายต่อต้องการให้พ่อจัดการเรื่องต้นกับชื่นโดยเร็วที่สุดเพราะเขาอยากแก้ตัวกับสิ่งที่กระทำ พ่ออยากรีบจัดการ...เพื่อดวงวิญญาณเขาจะได้หมดห่วงและสงบสุข พวกลูกทุกข์ทรมานกันมากพอแล้ว”

ต้นรีบทักท้วงเพราะเห็นว่าการตายของต่อเพิ่งผ่านพ้นได้ไม่ถึงเดือน เจ้าคุณพยักหน้ารู้ดีแต่ต้องการให้ลูกชายมีเวลาได้เตรียมตัวกับงานในอีกสามเดือนข้างหน้า ต้นยังคงคิดมากกลัวว่าชื่นไม่เต็มใจ เจ้าคุณจ้องหน้าลูกชายนิ่ง

“นายต่อคงดูไม่ผิด หรือว่าต้นมีคนอื่นแล้ว”

“ยังครับ ผมยังไม่มีใคร!”

“ถ้าอย่างนั้นพ่อจะได้ทำตามคำขอร้องของต่อ ต้นคงไม่ขัดข้องใช่ไหม”

คุณหญิงวีณามองต้นที่มีท่าทีนิ่งเฉยก็เข้าใจว่าเขาอึดอัดใจ จึงเสนอว่าจะเป็นคนเจรจากับชื่นในเบื้องต้นก่อน หากไม่ได้คำตอบค่อยให้เขาพูดเอง ต้นไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้ก็พยักหน้ารับ

คุณหญิงวีณาสบตาสามียิ้มพอใจแล้วเริ่มจัดการตามที่รับปากไว้เพราะอยากให้หลานสาวได้เปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเอง เธอพบชื่นนั่งอ่านจดหมายน้ำตาไหลพรากจึงถามไถ่อย่างห่วงใย

“ตั้งแต่ได้จดหมายฉบับนี้มา...ชื่นจะอ่านบ่อยๆ เพราะรู้สึกผิดที่คุณต่อรักชื่นมาก แต่ชื่นกลับไม่รักเธอ...”

“เรื่องของความรักไม่มีใครผิดหรอก เพราะเราไม่สามารถบังคับใจให้รักหรือไม่รักใครได้...ชื่นรักคุณต้น อารู้ดี”

ชื่นสะดุ้งคาดไม่ถึงว่าคุณหญิงวีณาจะล่วงรู้ถึงความรู้สึกนั้นของเธอ ได้แต่ก้มหน้านิ่ง

“อารู้เรื่องนี้นานแล้ว และชื่นเองก็ได้ตอบแทนความรักของคุณต่อด้วยการรับหมั้นเธอ ในเมื่อเหตุการณ์พลิกผันเช่นนี้ ชื่นไม่ควรต้องมานั่งโทษตัวเอง เจ้าคุณลุงได้รับจดหมายของคุณต่อขอร้องให้จัดการเรื่องหมั้นและการแต่งงานของคุณต้นกับชื่นโดยเร็วที่สุด น่าจะเป็นเรื่องที่คุณต่อนึกสังหรณ์ใจนะ”

ชื่นเบิกตากว้างตกใจกับปรารถนาสุดท้ายของต่อ... นี่คงเป็นสิ่งที่เขาเอ่ยถึงในจดหมายว่าจะคืนทุกสิ่งทุกอย่างให้เธอ

นิวัฒน์ถูกตามตัวให้มาพบกับเจ้าคุณเป็นรายต่อมาท่ามกลางความอยากรู้อยากเห็นของกานดาและสองบ่าว คนสนิท พอรู้ว่าเป็นเรื่องอะไร เขากลับปฏิเสธ

“ผมซาบซึ้งในความกรุณาของท่านเจ้าคุณมาก แต่ผมคงตกลงใจเองไม่ได้เพราะผมไม่มีสิทธิ์ ทางที่ดีคงต้องไปสู่ขอกับคุณตาของชื่น เนื่องจากท่านเป็นผู้ปกครองโดยตรง”

คุณหญิงวีณามองสามีด้วยความหนักใจ รู้ดีว่าเป็นเรื่องใหญ่และไม่ง่าย แต่เจ้าคุณกลับมีความมุ่งมั่นจะทำตามความประสงค์ของต่อให้สำเร็จไม่ว่าจะยากสักเพียงใดก็ตาม...

หลังจากคุยกับคุณอาหญิง ชื่นเฝ้าครุ่นคิดถึงความต้องการของต่อด้วยความสับสนเพราะไม่รู้ใจต้นว่าคิดเช่นไร พลันสะอาดนำจดหมายของต้นมามอบให้ เมื่อเปิดอ่านก็พบว่าชายหนุ่มขอให้ไปพบที่ศาลาริมน้ำเพื่อคุยเรื่องสำคัญ ชื่นปวดร้าวใจสำคัญผิดคิดว่าเขาอยากให้เธอล้มเลิกความตั้งใจที่จะปฏิบัติตามความปรารถนาสุดท้ายของต่อ ได้แต่นึกขุ่นเคืองใจ

“เสียใจด้วยนะ นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับฉันในการแก้แค้นแทนแม่...คุณเกศินีจะไม่มีวันได้แต่งงานกับคุณแน่!”

ooooooo

ต้นยืนรอชื่นเป็นเวลานานด้วยความกระวน กระวายใจ พอเห็นหญิงสาวเดินมาแต่ไกลก็รีบวางท่าเคร่งขรึม ชื่นขอโทษที่ลงมาช้าและเอ่ยถามเขาว่ามีธุระอะไร

“เธอคงอ่านจดหมายฉบับสุดท้ายของคุณต่อแล้วนะ ฉันอยากทราบว่าเธอคิดยังไง”

“แล้วคุณต้นคิดว่ายังไงล่ะคะ”

“ฉันไม่อยากทำให้ดวงวิญญาณของคุณต่อเป็นกังวล...เลยจะทำตามคำขอร้องนั่น แล้วเธอล่ะ”

ชื่นไม่ตอบเอาแต่ยืนนิ่งมองต้นไม้ใบหญ้าแถวนั้น จนต้นรำคาญ และตัดบทสรุปเรื่อง

“ถ้าเธอไม่ตอบ ฉันจะถือว่าเธอตกลงตามคำขอของคุณต่อ...ฉันจะเรียนให้เจ้าคุณพ่อทราบเพื่อจะได้หาฤกษ์หมั้นไว้ก่อน แล้วนี่จะไม่พูดอะไรบ้างหรือ ปล่อยให้ฉันพูดคนเดียวมาตั้งนาน”

“ชื่นคิดว่าเรื่องนี้เป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่จัดการค่ะ และเราคงต้องทำตามที่คุณต่อขอร้องเหมือนกันค่ะ!”

สองหนุ่มสาวต่างโต้เถียงไปมาโดยใช้คำขอร้องของต่อเป็นข้ออ้างเพื่อปกปิดความรู้สึกแท้จริงในจิตใจ

กานดากระเหี้ยนกระหือรืออยากรู้ว่าคุณหญิงวีณาเชิญสามีไปคุยเรื่องอะไร แต่นิวัฒน์ทำเหมือนไม่อยากให้เธอรู้เรื่องจึงคอยหลบหน้าตลอด แต่ในที่สุดก็หนีไม่พ้น กานดาได้จังหวะเมื่อสามีเปิดประตูเข้าห้องมา

“วันนี้น้องสาวคุณมาตามไปตึกใหญ่ทำไม...หรือว่าท่านเจ้าคุณสู่ขอลูกเกศให้คุณต้นใช่ไหม มันไม่มีเรื่องอะไรอีกแล้ว ความจริงควรจะเรียกฉันไปด้วยในฐานะเป็นแม่ของลูกเกศนะ จะหมั้นจะแต่งกันเมื่อไร ฉันช่วยหาฤกษ์ให้ดีกว่า”

“คุณกานดา...ท่านเจ้าคุณไม่ได้สู่ขอลูกเกศให้คุณต้น แต่ท่านสู่ขอยายชื่นแทน”

กานดาชะงักตะลึงค้างอยู่ครู่แล้วกรีดร้องก่นด่าสามีว่าเขาไม่รักเกศินี มัวแต่หลงลูกเมียน้อย นิวัฒน์ส่ายหน้าเอือมระอา พยายามอธิบายให้ภรรยาเข้าใจถึงความประสงค์ของเจ้าคุณ แต่กานดาเลือดขึ้นหน้าโต้ทันควัน

“ท่านเจ้าคุณจะพูดอย่างไรก็ช่าง มันอยู่ที่คุณต้องปฏิเสธ ถ้าคุณไม่ยกให้ก็ดูซิว่าหน้าไหนมันจะกล้า...ใครที่ไม่ยุติธรรม ฉันไม่กลัวทั้งนั้น...ลูกเกศของฉันกับคุณต้นรักกันมาตั้งหลายปี แล้วอยู่ดีๆนังชื่นจะมาชุบมือเปิบฉันไม่มีวันยอม!”

“นั่นคุณกำลังพูดถึงท่านเจ้าคุณพิชัยศรายุทธนะ ขอให้รู้เสียด้วยว่าคุณต้นไม่ได้รักยายเกศ เพราะถ้ารักแล้วเขาจะยินยอมแต่งงานกับชื่นทำไมกัน มีแต่ยายเกศฝ่ายเดียวที่หลงรักเขา!”

สิ้นเสียงนิวัฒน์ กานดาก็กรีดร้องราวกับคนบ้าจนสามีทนไม่ไหวเดินหนีออกจากห้อง จู่ๆกนกก็โผล่มาดักหน้าทำให้นิวัฒน์ทำหน้าไม่ถูก ลูกชายมองหมอนในมือพ่อแล้วชวนไปนอนด้วยกันที่ห้อง

นิวัฒน์กังวลใจกลัวว่ากนกจะคิดหนีออกจากบ้านอีกเมื่อเห็นพ่อแม่ทะเลาะกันอย่างรุนแรง พอได้ยินลูกชาย ยืนยันไม่หนีไปไหนเพราะชื่นสอนเขาหลายอย่างโดยเฉพาะเรื่องจะดีจะชั่วอยู่ที่ตัวเราเอง นิวัฒน์ก็ยิ้มโล่งใจ

เวลานั้น เกศินียังไม่รู้เรื่องการมั่นหมายของต้นกับชื่นจึงไม่พอใจเมื่อเห็นสองคนเดินกลับจากศาลาริมน้ำด้วยกัน หญิงสาวทำยิ้มแย้มเดินมาเกาะแขนต้นเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ ชื่นแสร้งยิ้มหวานใส่ต้นแล้วเอ่ยปากขอตัว เกศินีมองกิริยานั้นอย่างแค้นเคืองแล้วจัดการยุแยงทำให้ต้นโกรธ

“เกศยังใจหายเรื่องคุณต่ออยู่เลย แถมคุณพ่อคุณแม่ยังตึงๆใส่กันตลอด ทุกคนล้วนมีเรื่องเศร้าเสียใจทั้งนั้น ตอนนี้เกศเห็นใจชื่นเพราะรู้ว่าเขากับคุณต่อรักกันมากเหลือเกิน โชคยังดีที่เขาอายุน้อย หน้าตาสะสวยคงไม่ต้องเศร้าใจนานเหมือนพวกเรา ตั้งแต่คุณต่อเสีย คุณนัทกับคุณนันเทียวไปเทียวมาคอยปลอบใจชื่น ถ้าคุณนัทจะมาแทนที่คุณต่อ คุณต้นว่าดีไหมคะ”

“ฉันคงตอบแทนทั้งสองคนไม่ได้ คุณเกศคงต้องไปถามเขาดูเอง!”

ต้นหน้าตึงไม่พอใจสิ่งที่เกศินีพูดแล้วตัดบทขอตัวขึ้นห้อง แต่หญิงสาวกลับเข้าใจว่าตนทำสำเร็จที่ทำให้ชื่นดูแย่ในความคิดต้น

ooooooo

รุ่งเช้าเจือขมวดคิ้วแปลกใจเมื่อได้ยินเสียงยุพาอาเจียนดังลอดมานอกห้อง ครั้นถามไถ่อย่างห่วงใยกลับโดนตอกหน้าหงายไม่ให้ยุ่ง เจือเลยตัดสินใจไปรายงานกานดา แต่เจ้านายสาวก็ไม่อยู่ในอารมณ์รับฟังเรื่องอื่น


“แกยังมีคนให้ฉันใช้อีกไหม ฉันอยากได้คนไปฆ่านังชื่นชีวา...เอาให้โหดขนาดมหาโจรเลย มีไหมนังเจือ!”

“ไม่มีแล้วเจ้าค่ะ เจือว่าควรไปดูคุณยุพาหน่อยนะคะ เธออาเจียนหนักเหมือนคนป่วยเลยเจ้าค่ะ”

กานดาชะงักรีบไปหาหลานสาวที่ห้อง ยุพาหลบตาน้าสาวซ่อนพิรุธปฏิเสธไม่มีอะไรแล้วก่นด่าว่าเจือปากบอน กานดาไม่ได้สนใจยุพานัก มัวแต่คิดเรื่อง กำจัดชื่นจึงถามถึงทรงวุฒิ หลานสาวสะดุ้งตกใจ

“คุณน้ามีเรื่องอะไรหรือคะ เขาก็ติดต่อมาบ้างแต่ยุพากลัวตั้งแต่เกิดเรื่องคราวที่แล้ว เขาขู่จะจัดการพวกเรานะคะ”

“ฉันไม่กลัว...มันอยากได้เงินมากกว่า ถ้ามันติดต่อมาเมื่อไหร่บอกด้วยว่าฉันต้องการพบ จะให้กำจัดนังชื่น!”

ที่ร้านอาหาร ทรงวุฒิมองยุพาที่ทำท่าพะอืดพะอมกับอาหารตรงหน้า หญิงสาวหงุดหงิดบอกเพียงว่าจะไปรอข้างนอกและวิ่งออกไปทันที ชายหนุ่มยักไหล่มองตามเหมือนไม่สนใจอะไรมาก ก้มหน้ากินจนเสร็จแล้วเดินมาหา

“ทำไมถึงได้ทรุดโทรมขนาดนี้”

“ฉันแพ้ท้อง!”

ทรงวุฒิตกใจ ก่อนจะสั่งให้ไปเอาเด็กออกเพราะเขาไม่พร้อมจะรับผิดชอบเวลานี้ ยุพาร้องไห้ด้วยความกลัวและอับจนหนทาง จึงพยายามคิดหาทางออกอื่นที่ดีกว่า จู่ๆชายหนุ่มก็ยิ้มเจ้าเล่ห์นึกออกว่าจะแก้ไขอย่างไร

“ที่ฉันบอกให้เธอไปทำแท้งเพราะกลัวว่าไม่มีปัญญาจะดูแลเธอกับลูก...เธอก็รู้ว่าฉันยังเป็นนักโทษหนีคดี ถ้าวันหนึ่งถูกจับขึ้นมา...เธอกับลูกจะทำยังไง ยกเว้นเสียแต่ว่าทำตามแผนเดิม ใช้เกศินีเป็นบ่อเงินบ่อทองของเรา พานังนั่นมาหาฉัน!”

ยุพาลังเลตอนแรกเพราะกลัวถูกหลอกใช้ แต่พอโดนทรงวุฒิเกลี้ยกล่อมหนักเข้าก็คล้อยตาม...เชื่อเขาสนิทใจ

ooooooo

ข่าวการหมั้นและแต่งงานของต้นกับชื่นแพร่กระจายไปถึงพวกคนใช้ ยงดีใจออกนอกหน้าพร่ำเพ้อว่าคู่กันแล้วย่อมไม่แคล้วกัน จันทร์ผ่านมาได้ยินก็ตกใจแล่นไปหาเจือที่ตึกซ้าย แต่ยังไม่ทันพบก็ถูกกานดาเรียกหา

“แกรู้เรื่องแล้วใช่ไหม อย่าเพิ่งกระโตกกระตากให้ลูกเกศของฉันรู้เด็ดขาด ฉันจะหาวิธีบอกเขาเอง”

ตกเย็นวันนั้นกานดาฝืนทำตัวปกตินั่งรอเกศินีกลับจากทำงาน เจือยกของว่างมาให้และส่งสายตาเห็นอกเห็นใจให้หญิงสาวจนผิดสังเกต พอเกศินีถาม บ่าวคนสนิทก็แสร้งทำไขสือไม่รู้เรื่อง กานดาเห็นท่าไม่ดีตัดบทไล่ให้ออกไป

“วันนี้ทำไมเกศรู้สึกว่าทั้งคุณแม่และนังเจือมีอะไรแปลกๆ...บอกมาเถอะค่ะ ทำแบบนี้แล้วเกศไม่สบายใจ”

“ลูกจ๋า...คือว่า...คุณต้นกำลังจะหมั้นกับนังชื่นจ้ะ”

กานดาระงับใจไม่ไหวปล่อยโฮ ต่างจากเกศินีที่ตกตะลึงพรึงเพริดแล้วเดินกลับไปที่ตึกใหญ่ทันทีโดยไม่พูดอะไร เมื่ออยู่ตามลำพังในห้อง เกศินีน้ำตาไหลขบกรามแน่นพูดลอดไรฟันกับตัวเองอย่างเด็ดเดี่ยว

“ก็แค่หมั้น ยังไม่ได้แต่งกันเสียหน่อย แต่ถึงได้แต่งก็เลิกได้เหมือนกัน...คุณต่อนะ ตายแล้วยังไม่วายสร้างเรื่องเดือดร้อนให้เกศอีก ให้ตายเหอะ!”

ครั้นถึงเวลาค่ำ เกศินีวางแผนไปเดินเตร่แถวห้องสมุดหวังให้ต้นเห็นและคุยด้วย และแล้วก็สมใจ

“คุณเกศ...เมื่อเย็นไม่เห็นมาทานข้าว ไม่สบายหรือเปล่า”

“เกศไม่ค่อยสบาย ขอบคุณที่เป็นห่วง...จริงซีคะ คุณต้นกำลังจะเป็นญาติเป็นน้องเขยของเกศ มันทำให้เกศเศร้าเสียใจจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปอีก คนที่หัวใจสลายจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไรกัน คุณต้นเองก็รู้ว่าเกศมีความรู้สึกเช่นไรกับคุณต้น”

“ฉันรู้แล้ว แต่คุณเกศโตแล้วจะทำอะไรต้องคิดให้ดีก่อน ชีวิตเป็นของมีค่านะ”

เวลานั้นชื่นผ่านมาเห็นพอดี เกศินีสบโอกาสลอบยิ้มเจ้าเล่ห์ถามต้นเสียงดัง

“คุณต้นมีความจำเป็นต้องทำตามคำขอร้องของคุณต่อใช่ไหมคะ”

ต้นอึกอักคิดหาคำอธิบายให้เหมาะสม พอเห็นชื่นจะเดินเลี่ยงไปเหมือนไม่อยากฟังก็โพล่งถามว่าจะไปไหน เกศินีฉวยโอกาสพูดเหน็บ

“ตอนนี้ยังไม่ดึกมาก คงจะไปคุยกับคุณนัทกระมัง ระยะหลังนี่ยิ่งสนิทกันมากขึ้นไม่ใช่หรือ”

“ใช่ค่ะ...นี่เพิ่งจะทุ่มเดียว ชื่นจะเอาเจ้าสโนว์ไปเล่นกับพี่นัทแล้วก็พี่นัน ขอบคุณคุณเกศที่เตือน”

ชื่นเดินคอแข็งไปบ้านของสองพี่น้องเพื่อนบ้านโดยไม่เหลือบแลต้นที่มองอย่างไม่พอใจ ต่างจากเกศินีที่มีสายตาสะใจแล้วแกล้งสำทับว่าต่อให้หมั้นกับต่อหรือต้น ชื่นก็ไม่มีวันตัดขาดกับนัทที ต้นหน้าตึงรีบเดินตามชื่นออกไป ทิ้งให้เกศินีแค้นใจวิ่งกลับไปหามารดาแล้วร้องไห้ฟูมฟาย กานดาสงสารลูกสาวจับใจได้แต่โอบปลอบ

“ร้องเถอะลูก ร้องให้พอ แม่รู้ว่ามันเจ็บปวดแค่ไหน แต่อย่าแสดงความอ่อนแอให้ศัตรูรู้...เราจะเข้มแข็งพร้อมสู้!”

ระหว่างที่ชื่นคุยกับนัททีและนันทลีอย่างสนุกสนาน พลันก็ต้องเงียบเสียงเมื่อเห็นต้นเดินมาร่วมวงสนทนาด้วย นันทลีตัดพ้อที่เขามาตามชื่น ทั้งๆที่หญิงสาวเพิ่งมาถึง ต้นเห็นว่าเข้าใจผิดจึงชี้แจง

“ผมมารับไม่ได้มาตาม ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงให้พวกคุณไปส่งที่บ้าน แต่เดี๋ยวนี้ต้องขอทำเองเพราะเรากำลังจะหมั้นกัน”

ชื่นเม้มปากไม่พอใจที่ต้นประกาศเรื่องนี้ แล้วหันมายิ้มแห้งๆให้กับสองพี่น้องอย่างอึดอัดแล้วรีบจ้ำเท้าออกไป ต้นเร่งฝีเท้าตามจนทันคว้าแขนชื่นไว้ จะพูดด้วยแต่หญิงสาวทำท่าขัดขืน ชื่นจ้องหน้าเขาราวกับจะค้นหาความจริง

“คุณต้นไม่จำเป็นต้องไปรับชื่นให้ลำบากลำบน ใกล้แค่นี้กลับเองได้ และเลิกทำท่าห่วงใยหรือเคร่งครัดต่อคำขอร้องของคุณต่อได้แล้ว เราไม่ได้อยู่ต่อหน้าพวกเขาแล้ว แค่การหมั้นกัน...คุณต้นก็ยุ่งยากใจมากพอแล้ว”

“เรื่องนั้น มันน่าจะเป็นความรู้สึกของเธอมากกว่าฉัน”

“ชื่นเกิดมายากลำบากเพียงพอแล้ว ไม่อยากสร้างบาปทำลายความรักของคนอื่นอีก ชื่นกลัวกรรมตามสนอง”

ต้นโมโหขอคำอธิบายจากชื่นว่าที่พูดหมายความว่าอย่างไร หญิงสาวทำท่าฮึดฮัด

“คำพูดของชื่นมีความหมายในตัวแล้ว ไม่ต้องอธิบาย แต่ถ้ายังไม่เข้าใจ จะบอกอีกครั้งว่าชื่นยินดีเปิดทางให้คุณต้นแต่งงานกับคนรัก ชื่นไม่ต้องการเป็นมารทำลายความรักของใคร”

“ขอโทษ ฉันสงสัยว่าเธอเปิดทางให้ตัวเองหรือฉันกันแน่ แต่ฉันจะปิดทางของตัวเองด้วยการแต่งงานกับเธอให้เร็วที่สุด เสียใจด้วยที่อาจทำให้เธอและใครอีกคนต้องผิดหวัง ฉันจะแต่งกับเธอเท่านั้น...ชื่นชีวา”

พูดจบก็รวบตัวหญิงสาวมาจูบราวกับจะบอกถึงความในใจของตัวเอง ชื่นเหมือนตกอยู่ในความฝันชั่วครู่ พอรู้สึกตัวก็อายและโกรธที่เขาข่มเหงน้ำใจ ตบหน้าชายหนุ่ม อย่างแรง แล้ววิ่งขึ้นตึกไป

ooooooo

ด้วยความอึดอัดใจ ชื่นไปหาชมที่บ้านเพื่อแจ้งข่าวการหมั้นของตัวเองกับต้น ชมจ้องหน้าหลานสาวแค่นหัวเราะ

“งามหน้าเหลือเกินล่ะ เจ้าชื่น มั่นหมายกับน้อง... พอน้องตายก็เปลี่ยนไปหมั้นกับพี่ ช่างน่าทุเรศเสียจริง!”

“นั่นเป็นความประสงค์ของคุณต่อค่ะ”

“แล้วไอ้เจ้าต่อน่ะ มันเป็นพ่อของเจ้ารึ”

มั่นสงสารชื่นจึงช่วยพูดทำนองว่าสิ่งที่ชื่นทำน่าจะเป็นการแก้แค้นทางหนึ่งเพราะลูกสาวนิวัฒน์อีกคนก็หวังในตัวต้นถึงขนาดอยากแต่งงานด้วย เพราะเขาจะเป็นทายาทคนเดียวที่รับมรดกของพิชัยศรายุทธ ชมนิ่งคิดตาม

วันเวลาผ่านไปจนถึงวันหมั้นของชื่นกับต้น พิธีถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายและมีแขกมาร่วมงานไม่มากนักด้วยยังอยู่ในความเศร้าโศกกับการจากไปของต่อ เมื่อถึงฤกษ์ ต้นบรรจงสวมแหวนให้ชื่นท่ามกลางความตื้นตันใจของทุกคนในที่นั้น ต่างจากเกศินีที่ร้องไห้ปิ่มว่าจะขาดใจอยู่ที่ตึกซ้าย กานดาปลอบประโลมลูกสาวด้วยความสงสารจับใจ

“ไม่ต้องกลัวลูก ถึงหมั้นกันแม่ก็จะแย่งคุณต้นกลับมาให้ลูกจนได้ แล้วนี่ยุพาไปไหนกัน ไม่ออกมาดูดำดูดีน้องบ้าง”

จันทร์เหนื่อยใจ รายงานว่าหมู่นี้ยุพาเอาแต่เก็บตัวในห้องเหมือนคนไม่สบายมาก กานดาชะงักแต่ไม่ทันได้เอะใจเพราะเกศินีสะอึกสะอื้นเรียกร้องความสนใจอย่างหนัก

หลังพิธีการเสร็จสิ้น ต้นกับชื่นมีท่าทีขัดเขินเมื่อถูกผองเพื่อนกะเกณฑ์ให้ถ่ายรูปในอิริยาบถต่างๆ บรรยากาศงานเต็มไปด้วยความสนุกสนาน นิวัฒน์นึกเป็นห่วงเกศินีจึงไปถามไถ่แต่ก็ถูกลูกสาวเมินด้วยความน้อยใจ กานดาค่อนขอด

“คุณจะมาเยาะเย้ยฉันกับลูกเหรอ เห็นหน้าบานเป็นจานเชิง กุลีกุจอรับแขกให้นังชื่นทั้งๆที่มันมองไม่เห็นหัวคุณ”

“ชื่นก็เป็นลูกผมเท่าๆกับยายเกศและตากนก”

เกศินีกรีดร้องลั่นอย่างระงับอารมณ์ไม่ไหวเมื่อได้ยินประโยคนี้ พลางก่นด่าชื่นอย่างเจ็บแค้น นิวัฒน์น้ำตาคลอสงสารลูกแต่มองไม่เห็นหนทางแก้ไขเรื่องนี้

ด้านยุพานอนสลบไสลด้วยอาการแพ้ท้องอย่างหนัก กานดากลุ้มใจเรื่องลูกสาวเลยมาคุยด้วย แต่ก็ต้องตกใจกับสภาพของหลานสาวแทน ยุพาทำกลบเกลื่อนไม่สนใจในตัวเองถามถึงเกศินี แล้วปล่อยให้น้าสาวระบายความอึดอัดใจ

“นังชื่นมันแย่งคุณต้นไปจากลูกเกศ หน้าด้านเสียไม่มี ทั้งที่มันรู้ว่าสองคนรักมากจนเกือบจะหมั้นแล้ว นังวีณาคงกดดันคุณต้นให้รีบหมั้น นังคุณหญิงตาต่ำเห็นลูกนังชีวันดีกว่าลูกฉัน...แล้วนี่ไอ้ทรงวุฒิติดต่อมาหรือยัง”

ยุพาหลบตากานดาอย่างมีพิรุธ น้าสาวไม่ทันสังเกต ย้ำให้ตามตัวทรงวุฒิให้เจอเพราะอยากกำจัดชื่นให้สิ้นซาก หลานสาวลอบทำหน้าเยาะเนื่องจากวางแผนกับทรงวุฒิจะจัดการกับเกศินีก่อน

ooooooo

หลังพิธีหมั้นไม่นาน คุณหญิงวีณาบอกชื่นให้เตรียมตัวแต่งงานเพราะพระให้ฤกษ์มาแล้วช่วงปลายเดือนหน้า หญิงสาวมีสีหน้ากังวลปนอึดอัดใจ

“มันไม่เร็วไปหรือคะ ชื่นเพิ่งเรียนจบได้ไม่เท่าไรเลยและก็ไม่อยากให้คุณต้นรู้สึกว่าถูกบีบบังคับจนเกินไป”

“อาคิดว่าคุณต้นอยากจะให้เร็วกว่านั้นอีก ถ้าอย่างนั้น พรุ่งนี้เราไปตัดชุดแต่งงานกัน”

จันทร์รู้เรื่องก็กระวีกระวาดไปรายงานกานดากับเกศินีว่าคุณหญิงวีณาพาชื่นไปตัดชุดแต่งงาน เกศินีร้องไห้คร่ำครวญจนกานดาอดดุไม่ได้ สั่งน้ำเสียงเฉียบขาดให้หยุดร้อง ลูกสาวตกใจนิ่งเงียบทันควัน

“ตอนรู้ว่าเขาจะหมั้นจะแต่งกันยังทนได้ไม่ร้องไห้ ฉะนั้นฟังแม่ให้ดี...เกศจะไม่มีวันเสียคุณต้นไปเพราะแม่จะทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้นังชื่นได้แต่งงานกับเขา ส่วนลูกก็ต้องช่วยด้วยวิธีของลูก นั่นคือทำอะไรก็ได้ให้คุณต้นกับมันเข้าใจผิดกัน พูดเอาความดีใส่ตัว อะไรไม่ดียกให้นังชื่นเสียให้หมด ก้อนหินถูกน้ำเซาะทุกวันมันยังกร่อน นับประสาอะไรกับหัวใจมนุษย์”

เกศินีพยักหน้าอย่างหมายมั่น ส่วนกานดาสีหน้าเต็มไปด้วยความมุ่งร้าย

ที่ศาลาริมน้ำ กนกกำลังฝึกทำข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัยอย่างขะมักเขม้น เกศินีเห็นแล้วหงุดหงิดใจเพราะน้องชายเป็นหนึ่งในตัวแปรที่ทำให้ชื่นได้แต่งงานกับต้น

“ฉันเจ็บปวดที่นังชื่นจะได้แต่งงานกับคุณต้นทั้งๆที่มันควรจะเป็นฉัน ถ้าเพียงแต่วันนั้นแกไม่สะเออะไปช่วยมัน...”

“นี่พี่เกศรู้เรื่อง...รู้เห็นเป็นใจกับไอ้จาบจริงๆหรือครับ ผมเคยนึกสงสัย พี่เกศทำได้ยังไง เคยคิดถึงคำว่าเวรกรรมไหม ผมคิดว่าพี่เกศไม่รู้เพราะถ้ารู้...ก็คงจะห้ามคุณแม่...เพราะถึงอย่างไรพี่ชื่นก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน...ซ้ำยังเป็นลูกคุณพ่อด้วย”

“ฉันนี่แหละรู้เห็นเป็นใจกับคุณแม่ตลอด ถ้ามีทางใดจะทำให้นังชื่นพินาศย่อยยับไปได้ ฉันไม่เคยลังเลที่จะทำ”

“ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผู้หญิงที่ถูกจับมาเป็นพี่ชื่น แต่ช่วยเพราะเห็นใครถูกรังแกไม่ได้โดยเฉพาะผู้หญิงเหมือนพี่สาวผม”

เกศินีโมโหโยนหนังสือของกนกลงน้ำเพื่อสนองอารมณ์โกรธ กนกขบกรามแน่นข่มใจไม่ตอบโต้และไปปรับทุกข์กับนัททีซึ่งเตือนสติว่ามันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ต้องปล่อยให้แก้ไขปัญหาเอง เวลานี้หน้าที่ของกนกคือเรียนเท่านั้น เด็กหนุ่มพยักหน้าเข้าใจและยืนยันว่าจะไม่มีวันทำร้ายตัวเองเหมือนที่แล้วมา นัททีกับนันทลียิ้มโล่งอก

ระหว่างที่ชื่นกำลังเลือกตัดกุหลาบไปให้นมอ่อน กนกมาถึงพอดีจึงอาสาตัดให้ก่อนและเดินไปเรือนเล็กด้วยกัน ครั้นชื่นเห็นต้นคุยอยู่กับนมอ่อนก็ชะงักไม่ยอมเดินเข้าไป

“กนกเอาไปให้ป้านมแทนพี่ทีเถอะ พี่จะกลับแล้ว ...ทำไมคุณต้นต้องมาในเวลานี้ด้วยนะ”

กนกส่ายหน้าขำชื่น ส่วนต้นเหมือนรู้แกวว่าหญิงสาวหลีกเลี่ยงการพบกับเขาจึงรีบขอตัวตามไป

“รู้แล้วใช่ไหมว่างานของเราวันไหน...หลังจากนั้น เราจะไปฮันนีมูนที่บ้านสายชลหัวหิน เธอชอบใช่ไหม”

ชื่นยืนนิ่งไม่ตอบ ต้นเลยถามซ้ำอีกหน ยังไม่ทันได้คำตอบเสียงเกศินีก็ดังขึ้น

“มาอยู่ที่นี่กันเอง เกศเข้ามาขัดจังหวะหรือเปล่าคะ ...แล้วนั่นชื่นจะรีบไปไหน”

ต้นนิ่วหน้าสั่งให้รอ แต่ชื่นไม่สนใจเดินลิ่วเข้าบ้านทันที เกศินีลอบยิ้มรู้ว่าสองคนยังมีเรื่องกินแหนงแคลงใจกัน จึงฉวยโอกาสนั้นเปรยว่าน่าแปลก...ต้นเบือนหน้ามองเกศินีรอให้พูดจบ แต่หญิงสาวกลับทำเป็นปฏิเสธ

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เกศ...ไม่ควรหลุดปากออกมาเลย”

“ฉันไม่ชอบคนพูดอะไรครึ่งๆกลางๆ”

“เกศต้องยอมให้คุณต้นไม่ชอบเพราะเกศไม่ต้องการให้คุณต้นกับชื่นมีปัญหากัน หนำซ้ำนี่ก็ใกล้วันแต่งงานแล้วด้วย”

เกศินีทำเป็นมีลับลมคมในและรีบเดินเข้าบ้าน ปล่อยให้ต้นขบคิดไปไกลถึงเรื่องอื่นจนเกิดความระแวง จากนั้นเธอก็ตรงไปหาชื่นที่ห้องเพื่อเจรจาตามแผนที่วางเอาไว้

“ฉันต้องขอโทษเธอเรื่องคุณต้น...เราพยายามจะตัดใจจากกันเพื่อเห็นแก่คุณต่อ ก็อย่างที่รู้กัน...คุณต่อรู้ว่าเธอรักคุณต้นและคะเนแล้วว่าคงไม่มีโอกาสจะกลับมา ก็เลยขอร้องคุณต้นให้รับผิดชอบเธอแทน เขารักเธอมากจนลืมคิดถึงความรู้สึกของฉันและคุณต้น...แต่ฉันอยากให้รู้ว่าเธอจะได้แค่ตัวเขา แต่ไม่มีวันได้หัวใจไป เพราะมันอยู่ที่ฉัน!”

ชื่นฟังแล้วนึกน้อยใจต้นและอยากเอาชนะพี่สาวต่างมารดาจึงประกาศเสียงกร้าว

“ไม่ว่าคุณกับคุณต้นจะทุกข์ทรมานใจยังไง ฉันก็จะแต่งงานกับเขา เพราะฉะนั้นคุณไม่ต้องมาพูดกับฉันอีก”

พูดจบแล้วชื่นวางท่าราวกับผู้ชนะแต่ในใจปวดร้าวที่ต้องมารับรู้ความสัมพันธ์ของคนทั้งสอง เกศินีจ้องหน้าคู่ปรับอย่างกินเลือดกินเนื้อก่อนสะบัดหน้าออกไป เธอเจ็บใจฝ่ายตรงข้ามที่ดูไม่อนาทรร้อนใจกับคำพูดที่เสี้ยมไว้

“ให้มันรู้ไปว่าฉันกับแก...ใครจะอดทนมากกว่ากัน แกแต่งได้ ฉันนี่แหละจะแยกแกให้ออกจากคุณต้นจนได้!”

ooooooo

รุ่งเช้าเกศินีจะออกไปทำงาน ยุพาคอยอยู่แล้วเดินมาเรียกไว้และชักชวนไปเที่ยวโดยอ้างว่าไม่ได้ไปไหนด้วยกันมานานแล้ว เกศินีไม่ทันเล่ห์ของพี่สาวจึงตกปากรับคำอย่างง่ายดาย

และในบ่ายวันเดียวกัน ยุพาก็หายตัวออกจากบ้านไปพร้อมกับข้าวของส่วนตัวทั้งหมด เจือเข้ามาทำความสะอาด พอเห็นสภาพห้องที่โล่งก็รีบแจ้นไปรายงานเจ้านายหน้าตาตื่น ขณะนั้นกานดากำลังค้นหาเงินในกระเป๋าให้จันทร์ไปซื้อของแล้วพบว่าเครื่องเพชรและเงินทองอันตรธานหายไป

“โอ๊ย ฉันอยากจะเป็นลม...ต้องเป็นไอ้กนกเจ้าลูกไม่รักดีแน่ๆ”

“ไม่ใช่คุณกนกเจ้าค่ะ แต่เป็นคุณยุพา...เธอหาย

ตัวไปพร้อมข้าวของเกลี้ยงห้องเลยเจ้าค่ะ” เจือรายงานเสียงสั่น

กานดาชะงัก รีบวิ่งไปที่ห้องยุพาก่อนจะสบถด่าเสียงดังด้วยความเจ็บใจที่เสียรู้กลลวงของหลานสาวคนโปรด แต่นั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของแผน เพราะตกเย็นของวันเดียวกัน ยุพาก็มายืนรอรถเกศินีตรงหน้าที่ทำงานตามนัด

“พี่ยุพามารอนานหรือยังคะ วันนี้เกศจะเลี้ยงให้เต็มที่สมกับที่ไม่ได้ออกมาเที่ยวนานแล้ว”

ยุพาแอบยิ้มร้ายแล้วพาเกศินีมาภัตตาคารที่นัดกับทรงวุฒิไว้ พออาหารและน้ำทยอยมาเสิร์ฟ ยุพาก็ทำทีเห็นทรงวุฒิแล้วจะวิ่งตามแต่แสร้งล้มให้ข้อเท้าพลิก เกศินีส่ายหน้าทักท้วงไม่ให้ตาม

“พี่ต้องไปตามเขา คุณแม่น้องเกศเป็นคนสั่งให้ตามตัวมาพบให้ได้นะคะ”

“อ้าว ถ้ายังงั้นเดี๋ยวเกศไปตามเอง พี่ยุพารออยู่ที่นี่แหละ”

ระหว่างที่เกศินีวิ่งตาม ยุพาก็ฉวยโอกาสเอายานอนหลับใส่ในแก้วน้ำของเกศินี พอญาติสาวกลับมาบอกว่าตามไม่ทัน ก็แกล้งถอนหายใจด้วยความเสียดาย

“ช่างมันเถอะ ตามไม่ทันก็เอาไว้วันหลัง น้องเกศรีบดื่มน้ำดับกระหายก่อน นี่น้ำแข็งจะละลายหมดแล้ว!”

เกศินีทำตามอย่างว่าง่าย เพียงไม่นานหลังจากนั้น เธอก็เริ่มง่วงงุนจนทรงตัวนั่งบนเก้าอี้แทบไม่ไหวและขอให้พากลับบ้าน ยุพาลอบยิ้มสะใจประคองน้องสาวมาถึงลานจอดรถที่มีทรงวุฒิยืนคอยอยู่แล้ว

ชายหนุ่มอุ้มเกศินีที่เวลานั้นหมดสติเข้าไปนอนในรถ เสียงยุพาสั่งการ

“กุญแจรถอยู่ในกระเป๋า ส่วนเงินของมันฉันขอเก็บไว้เลี้ยงลูกนะ”

“โธ่เอ๊ย เอามาให้ฉันก่อน เดี๋ยวไม่พอ ไหนจะค่าน้ำมัน ค่าเช่าบังกะโล แล้วค่าอาหารอีก พอคุณเกศเป็นเมียฉัน...เราจะไถเงินได้เยอะแยะ ไม่ต้องห่วง”

ทรงวุฒิกระชากกระเป๋าจากยุพาแล้วหยิบเงินไปเกือบหมด ก่อนจะยิ้มหวานโบกมือลาและขับรถออกไปอย่างเบิกบาน ตรงกันข้ามกับยุพาที่มองตามด้วยความเจ็บใจ

ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ทรงวุฒิก็ขับรถมาจอดหน้าบังกะโลหลังหนึ่งแถวชายทะเลและจัดแจงอุ้มร่างไร้สติของเกศินีเข้าไปด้านในด้วยความกระหยิ่มใจ

ด้านกานดาเดินวนเวียนไปมาอยู่ในบ้านอย่างกังวล เกศินีไม่เคยกลับบ้านผิดเวลาขนาดนี้ กนกที่เพิ่งกลับจากบ้านนัททีมองท่าทีของมารดาด้วยความสงสัย

“เกิดอะไรขึ้นครับ แล้วนี่พี่ยุพากับพี่เกศหายไปไหน”

“ให้มันได้ยังงี้ซิ ทุกคนมัวแต่สนใจเรื่องของตัวเอง จนไม่สังเกตว่ายายเกศยังไม่กลับบ้านจนกระทั่งถึงตอนนี้”

“ผมจะไปเรียนคุณพ่อให้ทราบเรื่อง!”

กนกรีบวิ่งไปตึกใหญ่ และคุกเข่าข้างนิวัฒน์ที่กำลังคุยกับทุกคนเรื่องการจัดงานแต่งของชื่นกับต้น กิริยาลุกลี้ลุกลนของเขาทำให้ทุกคนมองอย่างสนใจ

“คุณพ่อครับ พี่เกศยังไม่กลับเข้าบ้านเลยครับ คุณแม่เป็นห่วงมากนั่งไม่ติดที่แล้ว”

“เขาไม่ได้บอกก่อนเหรอว่าจะไปไหน...หวังว่าคงไม่ได้หนีออกจากบ้านเหมือนยุพาหรอกนะ”

ทั้งเจ้าคุณและคุณหญิงวีณาตกใจกับเรื่องของยุพา แต่นิวัฒน์เองก็ไม่รู้รายละเอียดการหายตัวของยุพามากนัก รีบขอตัวไปจัดการเรื่องนี้ เจ้าคุณส่ายหัวอ่อนใจกับเรื่องยุ่งๆทั้งหลายที่มีไม่ได้หยุดหย่อน ต้นพยายามปลอบใจบอกว่าเกศินีอาจไปบ้านเพื่อน ไม่นานคงกลับมา ส่วนคุณหญิงวีณารีบเดินตามนิวัฒน์เพราะเกรงจะถูกกานดาครหาว่ารักหลานไม่เท่ากัน

ooooooo

ขณะที่ทุกคนในบ้านพิชัยศรายุทธตามหาเกศินีกันอย่างเคร่งเครียด หญิงสาวเพิ่งตื่นมาพบความจริงอันโหดร้ายว่าตัวเองตกเป็นเมียของทรงวุฒิเรียบร้อยแล้ว เกศินีร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความแค้นใจที่ถูกยุพาหลอกให้มาเสียตัว

“ไปให้พ้น ไอ้คนเลว ไอ้คนฉวยโอกาส แกสมคบคิดกับนังยุพาใช่ไหม”

“ไม่เอาน่า เราไม่ใช่คนอื่นคนไกลกันแล้ว ยุพาเป็นเมียผม...ผมสั่งให้เขาทำอะไรก็ต้องทำทุกอย่าง”

เกศินีตะลึงกับข่าวใหม่ เธอไม่ระแคะระคายมาก่อนเลยว่าพี่สาวจะทำตัวเหลวแหลกขนาดนี้ ทรงวุฒิตาเป็นประกายแล้วกระชากเกศินีมากอดจูบ หญิงสาวพยายามต่อสู้ขัดขืนแต่ก็สู้แรงชายไม่ไหวต้องยอมโอนอ่อนในที่สุด

หลังเสร็จกิจทรงวุฒิสั่งเกศินีแต่งตัวเพื่อพากลับบ้าน หญิงสาวแสร้งทำตามอย่างว่าง่ายแล้วแอบขับรถหนี

กลับกรุงเทพฯคนเดียว ระหว่างทางเกศินีนึกเจ็บใจที่หลงเชื่อยุพาพลางขบคิดหาข้อแก้ตัวเมื่อไปถึงบ้าน

กานดาแทบคลั่งเพราะไม่รู้ว่าลูกสาวเป็นตายร้ายดีเช่นไร ส่วนเจ้าคุณกับนิวัฒน์ช่วยกันออกตามหาเกศินีทั่วเมืองด้วยความร้อนใจไม่แพ้กัน ชื่นก็เป็นห่วงปรารภกับนมอ่อนว่าถึงเกศินีจะร้ายกับตนมากเพียงไร ก็ไม่อยากให้มีเหตุร้ายเกิดขึ้นกับเธอ สักพักเดียวสะอาดก็มารายงาน

“คุณเกศกลับมาแล้วค่ะ สะอาดเห็นเธอขับรถไปที่ตึกซ้ายเลยรีบมาเรียนให้คุณนมกับคุณชื่นทราบค่ะ”

นมอ่อนกับชื่นถอนใจอย่างโล่งอก ไม่เหมือนกับคุณหญิงวีณาที่โมโหเกศินีจึงดุแกมตำหนิ

“รู้หรือเปล่าว่าทำให้คนอื่นเป็นห่วงกันแทบตาย โทรศัพท์ที่บ้านก็มี จะไปเที่ยวกับเพื่อนก็โทร.มาบอกเสียหน่อย...ทุกคนเขาจะได้ไม่ต้องทุกข์ร้อนกระวนกระวายขนาดนี้”

“เกศกราบขอประทานโทษค่ะ...ต่อไปเกศจะไม่ทำอย่างนี้อีก เกศยอมรับเลยว่ามัวแต่สนุกจนลืมเวลาไปหน่อย”

กานดาเดือดร้อนแทนลูกสาวออกโรงปกป้องไล่ไปอาบน้ำ แล้วค่อยลงมาขอโทษพวกผู้ใหญ่

คุณหญิงวีณานึกขวางพี่สะใภ้ที่ตามใจลูกสาวจนทำอะไรไม่ไตร่ตรอง เกศินีออดอ้อนมารดาต่อรองขอผัดผ่อนการขอโทษเป็นวันรุ่งขึ้น กานดาสบตาคุณหญิงวีณาอย่างท้าทายแล้วเอ่ยปากอนุญาตไม่เห็นเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องรีบกระทำ

คล้อยหลังคุณหญิงวีณา กานดาเห็นลูกสาววิ่งร้องไห้ขึ้นข้างบนก็รู้สึกสังหรณ์ใจว่าจะมีเหตุร้าย รีบตามไปคาดคั้น

“ลูกเกศ หนูเป็นอะไร ร้องไห้ทำไมลูก”

“คุณแม่ขา เกศหมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว เกศอยากตาย เกศไม่กล้าสู้หน้าใครได้อีก...ไอ้ทรงวุฒิมันข่มเหงลูก”

ที่ตึกใหญ่ พวกนิวัฒน์และเจ้าคุณเพิ่งกลับ พอรู้ว่าเกศินีไปเที่ยวกับเพื่อนเพลินจนลืมเวลา นิวัฒน์ก็หัวเสียตามไปเอาเรื่องลูกสาวถึงตึกซ้าย กานดาซึ่งนั่งรอที่ห้องโถงข้างล่างก็ห้ามไม่ให้ใครรบกวนเพราะเกศินีเข้านอนแล้ว ทั้งที่ความจริงเธอไม่อยากให้สามีรู้เรื่องเกศินีถูกยุพาหลอกไปเสียตัวกับทรงวุฒิ

“นอนแล้วเนี่ยนะ ไปเที่ยวกลับมาดึกดื่นทำให้ผู้คนเดือดร้อนออกตามหา พอกลับมาถึงก็นอนโดยไม่ขอโทษใครสักคำเลยเรอะ...รู้ตัวว่าผิดละซิถึงได้หลบมานอนที่นี่ แล้วอยู่ไหนกัน...ฉันจะอบรมสั่งสอนมันให้เข็ดหลาบ!”

“ดึกป่านนี้นะ เสียใจค่ะ...ฉันให้คุณคุยกับแกไม่ได้ ไม่ได้ยินเรอะที่ฉันบอกว่าลูกเกศหลับไปแล้ว”

กนกเห็นพ่อแม่ทะเลาะกันเลยรีบไกล่เกลี่ยให้นิวัฒน์ไปนอนแล้วค่อยมาจัดการเรื่องพี่สาวในวันรุ่งขึ้น กานดาสบตาลูกชายเหมือนจะขอบใจ ส่วนนิวัฒน์สำทับเสียงเข้ม

“พรุ่งนี้อย่าให้ยายเกศหลบหน้าไปไหนนะ ผมจะพาไปกราบขอโทษทุกคนที่ตึกใหญ่ตั้งแต่เช้าทีเดียว”

กานดาถอนใจยาวอย่างกลัดกลุ้มแล้วเดินขึ้นไปหาเกศินีที่ห้องนอน ลูกสาวกระซิบถามถึงนิวัฒน์ด้วยความหวาดหวั่น กานดาโอบกอดลูกสาวน้ำตาคลอเบ้า พลางปลอบโยน

“แม่จะปกป้องลูกด้วยชีวิต อย่ากลัวหรือกังวลอะไร ตราบใดที่แม่ยังอยู่...แม่จะไม่ยอมให้ใครมาทำอันตรายลูกอีก”

ooooooo

ชื่นชีวา

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด