สมาชิก

ชื่นชีวา

ตอนที่ 12

ชื่นก้มหน้าซ่อนแววตาอึดอัดใจเพราะรู้ดีว่าตนไม่ได้วางแผนให้ต้นกับต่อทะเลาะกันด้วยความหึงหวง ชมจ้องหลานสาวที่นิ่งเฉยจึงเอะใจถามว่าเป็นอะไร หลานสาวส่ายหน้าปฏิเสธ แต่ชมไม่เชื่อตบโต๊ะโครมใหญ่

“โกหก! เหมือนนังช้อยแม่แกไม่มีผิด เสียแรงข้าเฝ้าอบรมสั่งสอนมาตั้งแต่เล็ก แต่ก็ยังถูกผู้ชายมันหลอกอีกจนได้”

“ตาไม่เข้าใจ...ชื่นไม่ได้ลืม ไม่เคยลืม...”

“หยุด! ระยะหลังๆมานี่เจ้าทำอะไรมั่ง! มีแต่ลอยหน้าลอยตาเฉิดฉายเป็นลูกหลานคนรวย ลืมกำพืด ลืมความแค้นไปจนหมดสิ้น ไหนล่ะผลงานของเจ้า ข้ายังเห็นไอ้พวกที่มันสมคบกันทำลายครอบครัวของเราอยู่กันเป็นสุขสบายดีทุกคน”

ชื่นเงยหน้ามองตาชมด้วยแววตาเจ็บช้ำ ชมชี้หน้าหลานสาวอย่างโมโหจัดเอ็ดว่าอย่านึกว่าตนไม่รู้เรื่อง มั่นคอยเป็นหูเป็นตาให้อยู่เสมอ หลานสาวแย้งทันควัน

“แล้วทำไมลุงมั่นถึงไม่รู้ว่าครอบครัวนั้นแตกร้าว... ไม่รู้ว่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของหม่อมหลวงนิวัฒน์ ชวาล กลายเป็นเด็กสำมะเลเทเมาหนีออกจากบ้านไปอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้”

ชมตวาดแค่นั้นยังไม่พอเพราะชีวิตต้องชดใช้ด้วยชีวิต แล้วไล่ชื่นกลับบ้านด้วยความผิดหวัง หลานสาวเดินออกไปหงอยๆ มั่นได้แต่มองตามอย่างสงสารเพราะรู้ดีว่าชมแค้นเคืองพวกชวาลมากเพียงไร

ต่อมาดักรอชื่นที่หน้าบ้าน พอเห็นรถรับจ้างแล่นมาจอดก็ลุกพรวดไปเปิดประตู

“ทำไมไปนานนัก รู้ไหมฉันเป็นห่วงแทบตาย”

ชื่นซ่อนแววตาเหนื่อยหน่ายฝืนยิ้มบอกเพียงว่าตนมีหลายเรื่องต้องคุยกับตา ต่อพยักหน้าเข้าใจก่อนจูงมือหญิงสาวเข้าไปในห้องโถง เจ้าคุณกับคุณหญิงวีณานั่งรอด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแล้วแจ้งชื่นกับต่อว่าฤกษ์หมั้นจะมีขึ้นในอีกสามเดือนข้างหน้า หญิงสาวหน้าซีดจนเจ้าคุณนึกสงสาร ก่อนจะรายงานว่าชมเองก็ไม่สะดวกมาร่วมงาน

ต้นก็มีอาการคล้ายกับคนอมทุกข์ นมอ่อนที่เฝ้าจับตาดูก็รู้สึกเป็นห่วงจึงเลียบๆเคียงๆถาม

“มีเรื่องอะไรไม่สบายใจก็บอกให้นมทราบบ้างสิคะ ทำตัวเหมือนคุณชื่นเลย เมื่อเช้าก็มีสีหน้าเหมือนคนเบื่อโลก”

“เป็นไปไม่ได้หรอกจ้ะ คนกำลังมีความรักและสมหวังขนาดนั้นจะมีสีหน้าเบื่อโลกได้ยังไง”

“คุณต้นไปรู้ใจคุณชื่นได้ยังไงคะ”

นมอ่อนจ้องตารอคอยคำตอบ ชายหนุ่มทำฮึดฮัดประชดว่าชื่นน่าจะมีใจให้ต่อไม่น้อย ไม่เช่นนั้นคงไม่รับหมั้นอย่างง่ายดายเช่นนี้แล้วเอ่ยปากลาโดยอ้างว่าไม่อยากทะเลาะด้วย นมอ่อนมองตามส่ายหน้าพึมพำว่าปากแข็งใจแข็งกันทั้งสองฝ่าย

ระหว่างเดินกลับตึก ต้นชะงักเมื่อเห็นเงาของใครคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงมุมมืดข้างตึก เขาตะโกนถามว่าใคร ...ร่างนั้นสะดุ้งแล้วลุกขึ้นยืนเผยให้เห็นเป็นชื่น ชายหนุ่มนิ่วหน้าแปลกใจ

“จะสี่ทุ่มแล้ว ทำไมยังไม่ขึ้นตึก นมอ่อนเพิ่งบอกฉันว่าเธอไม่สบาย”

“ชื่นไม่ได้เป็นอะไรค่ะ กำลังจะขึ้นตึกอยู่พอดี”

“นั่นสินะ ฉันก็บอกนมว่าเธอจะไม่สบายได้อย่างไรในเมื่อกำลังมีความสุขกับการหมั้น น่าจะยิ่งกว่าสบายดีอีก”

ชื่นเม้มปากแน่นข่มอารมณ์โกรธ แล้วแสดงกิริยาประหนึ่งว่าตัวเธอมีความสุขสุดแสนจะสบายใจ ต้นสวนกลับอย่างเย้ยหยัน

“แล้วทำไมไม่แต่งงานเสียให้รู้แล้วรู้รอดเลยล่ะ จะต้องมาหมั้นทิ้งไว้ให้เสียเวลาทำไมกัน”

“ชื่นกับคุณต่อก็อยากแต่งเลยเหมือนกัน แต่ติดที่ว่าชื่นยังเรียนไม่จบ...หากทำได้เช่นนั้น ชื่นคงทำอย่างคุณต้นพูด”

ต้นโมโหจัดคว้าแขนชื่นแล้วบีบอย่างแรง หญิงสาวนิ่วหน้าร้องด้วยความเจ็บจนเขาหมั่นไส้ถามเสียงเข้มว่า

“ร้องทำไม ถ้าอยากอวดเก่งต้องทำให้ได้ตลอด”

พลันมีเสียงลอยเรียกหาสโนว์ดังขึ้นใกล้ๆ ต้นจำใจปล่อยแขนชื่นแล้วเดินขึ้นตึกเงียบๆ ชื่นมองตามหงุดหงิด ลอยมองปฏิกิริยาของสองคนอย่างแปลกใจ

ooooooo

เพราะคำพูดแดกดันของชื่นทำให้ต้นครุ่นคิดอย่างหนัก ก่อนตัดสินใจไปพบเจ้าคุณในตอนค่ำ

“แหวนวงนี้พ่อให้ต้นตั้งนานแล้ว...เรื่องอะไรถึงจะเอามาคืนพ่อในเมื่อต้นก็รู้แล้วนี่ลูกว่าแหวนนี้คือแหวนสำหรับต้นจะใช้หมั้นผู้หญิงที่ต้นรักเหมือนที่พ่อเคยหมั้นแม่”

“ผมจะให้คุณต่อใช้หมั้นชื่นชีวา เพราะผมคงไม่ได้ใช้แล้ว”

เจ้าคุณสบตาภรรยาอย่างหนักใจ คุณหญิงวีณาทักท้วงว่าควรเก็บไว้ใช้หมั้นกับผู้หญิงที่ต้นรักเพราะของต่อ ตนรับเป็นธุระจัดหาให้ใหม่แล้ว ต้นมีสีหน้าหมองหม่นเอ่ยเสียงเศร้า

“คงอีกนาน หรือผมอาจจะไม่ได้เจอผู้หญิงคนนั้นเลยก็ได้ ผมอยากมอบให้ต่อใช้หมั้นลูกสะใภ้คนแรกของศรายุทธ”

“ถ้าต้นต้องการอย่างนั้นก็ตามใจ พ่อน่ะตั้งใจให้แหวนวงนี้ไว้ใช้หมั้นสะใภ้ใหญ่...ไม่ใช่สะใภ้เล็ก!”

ต้นฝืนยิ้มยืนยันว่าต่อคงพอใจที่ได้ใช้แหวนของเจ้าคุณพ่อ เจ้าคุณถอนใจ เข้าใจในสิ่งที่บุตรชายคนโตต้องการทำโดยใช้แหวนเป็นสื่อแทนความในใจ ไม่กี่ชั่วโมงถัดมา ต่อมาหาต้นด้วยสีหน้าลำบากใจ รู้ดีว่าพี่ชายหวงแหนแหวนวงนี้มาก

“ผมเพิ่งทราบจากเจ้าคุณพ่อว่าคุณต้นเอาแหวนของคุณแม่มาให้ผมใช้หมั้นชื่น ขอบคุณมากครับ...แต่คุณต้นไม่เสียดายหรือครับ ผมรู้สึกเกรงใจมาก”

“ถ้าเสียดาย พี่ก็คงไม่ให้ พี่ยินดีมอบให้สะใภ้คนแรกของตระกูลเรา คุณต่อเป็นน้องชายคนเดียวของพี่ อย่าว่าแต่แหวนวงนั้นเลย พี่ให้คุณต่อได้ทุกอย่าง! แต่มีสิ่งหนึ่งที่พี่อยากขอร้องคืออย่าบอกใครเด็ดขาดโดยเฉพาะชื่น ขอให้เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับระหว่างเรา”

เมื่อพูดจบ แววตาต้นไหววูบราวกับสลดใจ ส่วนต่อมัวแต่ชื่นชมแหวนจนลืมสังเกตอาการโศกเศร้าของพี่ชาย

เช้าวันหมั้น นิวัฒน์แต่งตัวเรียบร้อยตั้งแต่ตีห้าด้วยความตื่นเต้น กานดาหมั่นไส้สามีที่ดูกระฉับกระเฉงอยากมีส่วนร่วมจนออกนอกหน้า นิวัฒน์เอ่ยเตือนเสียงเข้ม

“คุณจะนอนต่อก็ตามใจ แต่อย่าลืมไปให้ทันฤกษ์ อย่างน้อยงานนี้เป็นงานหมั้นของลูกชายท่านเจ้าของบ้านนี้”

กานดามองค้อน ประชดประชันว่าถ้าถึงวันที่เกศินีหมั้นกับต้น ตนจะรีบตื่นตั้งแต่ตีหนึ่ง นิวัฒน์ส่ายหน้า ไม่เชื่อว่าจะมีวันนั้น ภรรยาเลือดขึ้นหน้าตวาดเสียงกร้าว

“นี่คุณคิดว่ามีแต่นังชื่นลูกเมียน้อยเท่านั้นรึที่จะได้หมั้น...ได้แต่งงานกับผู้ชายดีๆ คอยดูไปเถอะ ลูกเกศของฉันจะต้องได้ดีกว่าเพราะแกจะได้แต่งงานกับลูกชายคนโตของพระยาพิชัยศรายุทธในขณะที่นังชื่นอาจจะได้แค่หมั้น!”

นิวัฒน์ส่ายหน้าเบื่อหน่ายกับความเพ้อฝันของภรรยา พอเดินมาถึงข้างล่าง เขาตกใจเมื่อเจอกนกที่ผงะถลันหนี นิวัฒน์ดีใจพยายามร้องเรียกลูกชายแล้ววิ่งตาม เพียงครู่เดียวเขาก็หายลับไป นิวัฒน์ถอนใจยาวผิดหวังที่ไม่อาจรั้งตัวบุตรชายไว้ได้

ไม่กี่ชั่วโมงถัดมาก็ถึงฤกษ์หมั้น ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายพร้อมด้วยบ่าวสาวก็นั่งประจำที่ในห้องโถงของตึกใหญ่ที่ถูกจัดไว้อย่างสวยงาม ชื่นนั่งก้มหน้าสงบนิ่ง ตรงกันข้ามกับต่อที่ดูสดชื่นสมหวัง พิธีการเริ่มขึ้นอย่างเรียบง่ายและเสร็จสิ้นหลังจากต่อบรรจงสวมแหวนลงบนนิ้วมือของชื่นเรียบร้อย

ทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใส ตรงกันข้ามกับต้น แววตาหมองเศร้าแทบเก็บอาการเจ็บปวดไว้ไม่ไหว นมอ่อนมองอากัปกิริยาของชื่นกับต้นอย่างสะเทือนใจเพราะรู้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงของทั้งสองคน

กานดากับเกศินีออกอาการริษยาเมื่อเห็นแหวนหมั้น ทนดูได้เพียงชั่วครู่ กานดาก็สั่งให้เกศินีพากลับไปพักผ่อนโดยอ้างว่าปวดศีรษะ ขณะที่อยู่กันตามลำพังกานดาก็พรั่งพรูความในใจ

“หมั่นไส้ตานิวัฒน์นัก หน้าบานเป็นจานเชิง เที่ยวอวดใครต่อใครว่าเป็นพ่ออีนังชื่น นังนั่นก็เสแสร้งยิ้มคุยกันต่อหน้าแขกเหรื่อ ปกติสองตามันเคยแลไหม...ไม่มีหรอก!”

“เกศเองก็หมั่นไส้คุณต้น ทำหน้าเหมือนจะตายเสียให้ได้ตอนที่คุณต่อสวมแหวนให้นังชื่น”

เจือที่นั่งรับใช้ เห็นเจ้านายโวยวายก็ผสมโรงพูดแทงใจดำว่าต้นเป็นคนรักเดียวใจเดียวไม่เคยเหลียวแลเกศินีเลย จันทร์สะกิดเตือนก็ไม่เป็นผล ยังคงเจื้อยแจ้วจนสองแม่ลูกเดือดดาลตบอย่างแรงแล้วไล่ตะเพิด สองบ่าวตัวสั่นด้วยความตกใจรีบคลานหนี เกศินีร้องไห้โฮกอดมารดา เจ็บใจที่คนรับใช้ยังดูออกว่าต้นรักชื่นมากกว่าตน กานดาปลอบลูกสาวให้ใจเย็น

“อย่าไปฟังมัน นังสองคนมันมีปากสักแต่ว่าพูด ...ลูกต้องไม่สนใจ มุ่งมั่นทำในสิ่งที่แม่บอกเท่านั้นเข้าใจไหม”

ภายในงานต้นลอบมองชื่นอยู่ตลอดเวลาจนเสียสมาธิคุยกับแขกเหรื่อไม่รู้เรื่อง ยิ่งเห็นชื่นลุกเดินเข้าไปในตึกด้วยสีหน้าไม่ดีก็กังวลใจ พยายามจะปลีกตัวไปหาแต่ก็ไม่มีจังหวะ เมื่ออยู่ตามลำพังในห้องนอน ชื่นน้ำตาไหลพรากสะอึกสะอื้นระบายความอัดอั้นตันใจ ก้มมองแหวนหมั้นพึมพำด้วยน้ำเสียงประชด

“ชื่นจะพยายามรักคุณต่อให้ได้ เพื่อให้สมใจทุกๆคน ถึงจะรักเขามากเพียงใด ชื่นจะไม่ยอมให้ใครรู้เด็ดขาดว่าเป็นผู้หญิงโง่เง่าอย่างน่าสมเพชที่เฝ้ารักผู้ชายไม่มีหัวใจเหลือไว้รักใคร ความรักนี้จะต้องตายไปพร้อมกับตัวชื่น!”

ต่อรู้สึกกังวลที่เห็นชื่นหายไปนานจึงขึ้นมาตาม หญิงสาวถอนใจอย่างเบื่อหน่ายพลางบอกให้เขาลงไปก่อนแล้วสูดหายใจลึกๆเพื่อเรียกความเข้มแข็งให้กลับคืนมาอีกครั้ง

ขณะเดียวกันนั้นที่ร้านอาหาร ยุพาเจ็บใจที่เสียรู้ให้กับกานดาและเกศินีจึงชวนทรงวุฒิมากินข้าวเพื่อวางแผนเอาคืน ชายหนุ่มประหลาดใจกับกิริยาเอาอกเอาใจของหญิงสาว ทั้งๆที่ปกติแทบจะไม่อยากเสวนาหรือมาสุงสิงด้วย

“วันนี้เป็นวันหมั้นของคุณต่อกับนังชื่นซึ่งเป็นแผนที่คุณน้ากับเกศินีช่วยกันทำจนสำเร็จ มันทำให้ฉันรู้สึกตัวว่าถูกหลอกใช้ พวกเขาเคยบอกว่าจะสนับสนุนให้ฉันได้แต่งงานกับคุณต่อ แต่มาวันนี้คำสัญญานั่นเลือนหายไปจนหมดสิ้น ฉันตั้งใจว่าต่อไปนี้จะไม่ยอมโง่ให้ใครจูงจมูกอีกแล้ว แผนแรกที่ฉันจะเอาคืนสองแม่ลูกนั่นคือทำให้เธอได้สมรักกับเกศินี”

ทรงวุฒิแสยะยิ้มกว้างถูกใจ ยุพาแค่นหัวเราะบอกว่าวิธีนี้จะทำให้ตนมีโอกาสใกล้ชิดต้นแล้วพัฒนาความสัมพันธ์ถึงขั้นแต่งงาน สองคนสบตากันอย่างพอใจ

ตกค่ำที่ศาลาริมน้ำ นิวัฒน์มาหาเจ้าคุณและคุณหญิงวีณาเพื่อขอบคุณที่เป็นธุระจัดการงานหมั้นให้ชื่น เจ้าคุณยิ้มรับและบอกว่ามันเป็นหน้าที่ของคนเป็นพ่อ นิวัฒน์หน้าเจื่อนเล่าเรื่องที่พบกนกตอนเช้ามืดแต่ไม่อาจรั้งตัวเขาไว้ได้เหมือนเคย

“ผมไม่รู้ว่าแกกลับบ้านมาทำไม หรือมาเอาอะไร แต่พอเจอหน้าผม กนกก็หน้าตื่นแล้วหนีไปทันที จะตามก็ไม่ทัน”

“ไม่เป็นไรนะ อย่างน้อยพวกเราก็สบายใจได้ว่าแกไม่เป็นอะไร”

เจ้าคุณปลอบโยนให้กำลังใจและเชื่อว่าวันหนึ่งกนกจะกลับมาอย่างแน่นอน นิวัฒน์ฝืนยิ้มแต่ยังมีสีหน้ากังวลใจ...

ด้านกานดาเรียกประชุมบ่าวเพื่อวางแผนกำจัดมารหัวใจของลูกสาวและตัวเองให้พ้นจากบ้านนี้โดยเร็วที่สุด

“ไอ้จาบ ฉันรู้ว่าตาของนังชื่นย้ายมาอยู่กรุงเทพฯแล้ว เอ็งต้องไปสืบมาให้ได้ว่าอยู่ที่ไหน จะได้หลอกนังชื่นได้ง่ายๆตามแผน ถ้ามันไปหาพวกนั้นเมื่อไร เอ็งก็รีบสะกดรอยตามทันที แล้วมารายงานฉันจะได้เริ่มแผนขั้นต่อไป”

ooooooo

ต่อมีความสุขหลังงานหมั้นได้ไม่นานก็ได้รับคำสั่งให้ไปร่วมรบที่เกาหลี ทั้งเจ้าคุณและคุณหญิงวีณารู้สึกใจหายกลัวจะไม่ได้พบกันอีก ต่อชี้แจงว่ารู้มาสักพักแล้วแต่ไม่อยากให้ทุกคนเป็นกังวลเพราะมันเป็นหน้าที่ของชายชาติทหาร

“คิดในแง่ดี ต่อจะได้มีโอกาสรับใช้ประเทศชาติในขณะที่หลายๆคนไม่มี พ่อภูมิใจในตัวลูกมากนะ”

คุณหญิงวีณาก็ภูมิใจในตัวต่อเช่นเดียวกัน ต่อกล่าวขอบคุณด้วยแววตามุ่งมั่นและรอคอยเวลาจะบอกชื่นในเรื่องนี้

เมื่อถึงเวลาค่ำ ต่อชวนชื่นไปข้างนอกแต่ได้รับการปฏิเสธ ชายหนุ่มตัดสินใจบอกว่าตนมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย หญิงสาวจ้องหน้าเขาสังหรณ์ใจลึกๆแล้วก็เป็นไปตามคาด

“คุณต่อต้องไปร่วมรบที่เกาหลีปลายเดือนนี้”

ชื่นใจไม่ดี รู้ดีว่าการสู้รบในสงครามนั้นรุนแรงโหดร้ายมากเพียงใด ต่อฝืนยิ้มพยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่น

“ถ้าชื่นเรียนจบแล้ว คุณต่อคงจะเลื่อนให้การแต่งงานเร็วขึ้นก่อนไปที่โน่นเพราะไม่แน่ใจว่าจะได้กลับมาเมื่อไร”

“อย่าพูดอย่างนั้นซิคะ ทุกคนเป็นห่วงคุณต่อไม่ใช่แค่ชื่นคนเดียว ยังไงก็ต้องได้กลับมาแน่...ชื่นจะรอคุณต่อ”

ต่อรู้สึกดีที่อย่างน้อยชื่นก็เป็นห่วง แต่ยังกังวลใจจึงไปฝากต้นให้ช่วยดูแลชื่นระหว่างที่ตนไม่อยู่ พี่ชายอึดอัดใจหัวเราะกลบเกลื่อนอ้างว่าชื่นโตแล้วน่าจะดูแลตัวเองได้ แถมยังมีคนอื่นๆในบ้านคอยช่วยเป็นหูเป็นตาอีก

“ผมพูดจริงๆนะว่าทุกคนที่คุณต้นเอ่ยถึงสามารถดูแลชื่นได้เป็นอย่างดี แต่ไม่สามารถตามเธอได้ตลอดเวลา”

“ถ้าพี่ต้องคอยสอดส่องชื่นแทนคุณต่อ มีหวังเขาคงต้องเกลียดขี้หน้าพี่มากกว่านี้”

“ชื่นไม่ได้เกลียดขี้หน้าคุณต้นหรอกครับ แต่เขาเกรงใจคุณต้นมาก...อาจจะมากกว่าผมเสียอีก”

ต้นอึกอัก บอกน้องชายว่าจะทำเท่าที่ทำได้แล้วรีบลุกไปต่อคิดไม่ตกกับความสัมพันธ์ของพี่ชายกับชื่น ได้แต่เดินวนเวียนอยู่ในห้องแล้วตัดสินใจไปเคาะประตูห้องชื่นเพื่อบอกความจริงเรื่องแหวน

“คุณต่อไม่ได้มาต่อว่าที่ชื่นไม่ได้ใส่แหวนหมั้น แต่จะมาบอกชื่นว่าแหวนวงนั้น...คุณต้นยกให้คุณต่อหมั้นชื่น”

ชื่นอึ้งไปอึดใจ ก่อนจะตั้งสติได้บุกไปหาต้นและตัดพ้อด้วยความน้อยใจ

“ชื่นเพิ่งทราบว่าแหวนที่คุณต่อหมั้นชื่นเป็นของคุณต้น...ที่เก็บไว้ใช้หมั้นคนรักซึ่งน่าจะเป็นคุณเกศไม่ใช่ชื่น”

“ไม่เป็นไร ฉันหาแหวนวงใหม่ได้...ตอนแรกฉันเข้าใจว่าเธอจะมาขอบใจเสียอีก”

“ขอบคุณในความหวังดีของคุณต้นมากที่สุด แต่ว่ามันดีเกินไปสำหรับชื่น”

ต้นจ้องหน้าชื่นเอ่ยเสียงหนักแน่นว่าไม่มีอะไรดีเกินไปสำหรับเธอ หญิงสาวหัวใจพองโตด้วยความตื้นตันใจ แต่แล้วก็ผิดหวังเมื่อเขาบอกว่าจำประโยคนี้ได้แม่นเพราะน้องชายชอบพูดอยู่เสมอ

ooooooo

วันเวลาผ่านไป สงครามในเกาหลีทวีความรุนแรงทุกขณะ ชื่นใจเสียทุกครั้งที่ได้รับจดหมายจากต่อเล่าการใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางพวกทหารด้วยกันโดยหลีกเลี่ยงไม่เล่าสถานการณ์ที่แท้จริง

“ชื่นสุดที่รัก ถ้าคุณต่อจะบอกว่าสบายดี...ชื่นก็คงไม่เชื่อ เอาเป็นว่าตอนนี้คุณต่อยังปลอดภัยและคิดถึงมาก คุณต่อคลายเหงาด้วยการมองรูปชื่นทุกครั้งที่มีโอกาส มันเป็นกำลังใจในยามคิดถึงบ้าน ไม่รู้ว่าสงครามจะสิ้นสุดเมื่อไร...แต่ขอให้ชื่นแน่ใจและภาคภูมิใจว่าคุณต่อจะทำหน้าที่ของชายชาติทหารให้ดีที่สุด”

ชื่นน้ำตาคลอภาวนาขอให้พระพุทธองค์คุ้มครองเขาให้อยู่รอดปลอดภัยจนถึงวันได้กลับบ้าน

เมื่อถึงเวลากินข้าว เจ้าคุณถอนใจบ่นถึงลูกชายคนเล็กว่าไม่เขียนมาเล่าอะไรเลยในจดหมายทุกฉบับทำให้รู้สึกเป็นห่วง ทั้งต้นและคุณหญิงวีณาต้องคอยปลอบใจไม่ให้คิดมาก ทั่วทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ ทุกคนจมอยู่ในความคิดตัวเอง

ด้านจาบ...เฝ้าจับตาความเคลื่อนไหวของชื่นตามคำสั่งของกานดา กระทั่งวันนี้เขาสบโอกาสเมื่อมั่นแวะมาเยี่ยมชื่นที่บ้านพิชัยศรายุทธจึงรีบติดตามและทราบที่อยู่ของตาชมในเวลาต่อมา กานดายิ้มร้ายสั่งให้จาบลงมือโดยเร็ว

สองวันต่อมา จาบมาบอกชื่นด้วยท่าทีสุภาพว่ามีคนจากบ้านตาชมมาขอพบ หญิงสาวไม่ได้นึกเอะใจจึงรีบเดินไปหา

“คุณชื่นชีวาใช่ไหมครับ ผมอยู่ซอยเดียวกับคุณตาชม ลุงมั่นให้มาแจ้งว่าตอนนี้คุณตาไม่สบายมากครับ อยู่ดีๆก็เป็นลม ลุงมั่นอยากมาเองแต่เป็นห่วงคุณตาเลยใช้ผมมาแทน”

ด้วยความเป็นห่วงตาชม ชื่นตัดสินใจตามเพื่อนบ้านคนนั้นไปโดยไม่นึกระแวงภัยที่กำลังคืบคลานเข้ามา จาบมองตามยิ้มสมใจ เช่นเดียวกับเจือและจันทร์แล่นไปรายงานกานดาอย่างกระหยิ่มยิ้มย่องว่าแผนดำเนินไปอย่างเรียบร้อยไม่มีใครสงสัยที่ชื่นหายตัวไป

กานดาสะใจมาก เช่นเดียวกับเกศินีที่หัวเราะร่วนอย่างถูกใจ

“คุณแม่ขา...เกศอยากดูหน้ามันนักว่าจะทำยังไง จะอับอายแค่ไหนที่ต้องตกเป็นเมียคนอย่างไอ้จาบ”

“แม่เองก็อยากจะรู้ว่าคุณนิวัฒน์จะรับขวัญลูกเขยยังไง”

รถรับจ้างคันนั้นแล่นไปเรื่อยๆ ชื่นเริ่มระแวงเพราะรถออกนอกเส้นทาง ร้องสั่งให้จอดรถ ลูกสมุนจาบสองคนสบตาส่งสัญญาณให้เตรียมตัวแล้วชักปืนมาขู่

“ฉันไม่น่าโง่เลย น่าจะสังหรณ์ใจแต่แรกแล้ว พวกแกนี่ไม่ยอมล้มเลิกความคิดชั่วสักที แผนคุณนายกานดาใช่ไหม”

“คิดได้มันก็สายไปแล้ว หุบปากนั่งไปนิ่งๆ!”

ไม่นานนัก รถก็จอดหน้าบ้านจาบ ชื่นรีบมองหาทางหนีทีไล่ ลูกน้องจาบรู้ทันขู่ไม่ให้ร้องหรือทำอะไรให้ใครสงสัย ชื่นถึงกับคิดหนัก พลันก็ตาโตอย่างมีความหวังเมื่อเห็นประตูบ้านข้างๆเปิดออก

นิกรนั่นเองที่ออกมาดู เมื่อเห็นว่าเป็นเพื่อนบ้านพร้อมหญิงสาวคนหนึ่งก็หมุนตัวกลับเข้าบ้าน

“ไอ้พวกนั้นพาผู้หญิงหน้าตาสวยมาก ท่าทางก็ดีเข้าไปในบ้านละ...แต่มาคิดอีกที เธออาจจะถูกจับตัวมาก็ได้นะ”

กนกย้อนถามว่าแน่ใจหรือ นิกรพยักหน้า ในขณะที่ปรีชาเตือนไม่ให้เข้าไปยุ่ง นิกรมองเพื่อนทั้งสองอย่างชั่งใจ

“เห็นแล้วนึกถึงน้องสาว ถ้าโดนแบบนี้จะทำยังไง เอ็งก็มีพี่สาวเหมือนกันไม่ใช่เหรอ กนก”

ที่บ้านจาบ สมุนสองคนช่วยกันมัดมือเท้าและปากของชื่นที่นั่งบนเก้าอี้อย่างแน่นหนา แม้ว่าหญิงสาวจะขอร้องว่าตนเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆคงหนีไปไม่ได้ หนึ่งในลูกสมุนก็ไม่สนใจ แสยะยิ้ม

“ต้องกันไว้ก่อน เขาบอกว่าแกฤทธิ์มาก รอดมาได้หลายครั้งหลายครา”

ชื่นพยายามตะล่อมถามว่าใครเป็นผู้บงการ แต่สองสมุนก็ไม่ตอบและปล่อยหญิงสาวให้เผชิญชะตากรรมตามลำพังในห้องนั้น

เวลาเดียวกันนั้นที่บ้านพิชัยศรายุทธ เกิดความโกลาหลเมื่อหาชื่นไม่เจอ ทุกคนมีแต่ความวิตกกังวลยกเว้นพวกกานดาที่ไม่อนาทรร้อนใจ

ยงสงสัยแต่ไม่มีหลักฐานเอาผิดคนพวกนี้ แต่ไม่วายค่อนขอดเจือกับจันทร์

“คงสะใจพวกแกล่ะสิ ถึงได้กินเหมือนตายอด ตายอยากขนาดนี้”

“แกพูดอย่างนั้นก็ไม่ถูก ฉันกับเจือต้องกินเยอะๆเผื่อคุณชื่นชีวาเป็นอะไรไปจะได้มีแรงร้องไห้”

ยงโกรธจัดคว้าของใกล้มือปาเข้าใส่สองป้าไม่ยั้ง จาบได้ยินเสียงดังโหวกเหวกจึงโผล่มาดูแต่ดันหลบไม่ทันโดนลูกหลง ทั้งหมดพากันวิ่งโวยวายออกไป เมื่อล้างหน้าล้างตาเสร็จ จันทร์นึกได้ก็ร้องเสียงลั่นถามจาบว่ากลับมาทำไม แล้วใครจัดการชื่นตามแผน

“ฉันนึกได้กลางทาง ขืนหายตัวไปพร้อมกับคุณชื่น อาจมีใครทางนี้สงสัย แล้วมันจะลามไปถึงพวกป้าด้วยนะ”

จันทร์พยักหน้าเห็นคล้อยตาม จาบยิ้มร้ายบอกว่าเวลานี้ สิ่งที่ควรทำคือแสร้งช่วยคนอื่นตามหาคุณชื่น...

ooooooo

หลังจากครุ่นคิดอยู่นานในสิ่งที่นิกรพูด กนกตัดสินใจจะช่วยเหลือผู้หญิงคนนั้นเพราะมั่นใจว่าเธอกำลังตกอยู่สถานการณ์อันเลวร้าย เขาชักชวนเพื่อนๆ ร่วมมือกันโดยทำทีไปเคาะประตู เมื่อลูกน้องจาบเปิดรับ พวกกนกก็จู่โจมเข้าไปค้นข้างใน

“เมื่อกี้เพื่อนฉันเห็นแกพาผู้หญิงเข้ามา...เธออยู่ที่ไหน บอกมาเดี๋ยวนี้”

“ผู้หญิงที่ไหน เพื่อนแกตาฝาดแล้ว มีใครที่ไหนนอกจากพวกข้า”

ชื่นได้ยินเสียงคนโต้เถียงกันจึงพยายามเอียงตัวให้เก้าอี้ล้ม กนกกับปรีชาแน่ใจว่าเสียงนั้นดังมาจากข้างในห้องนอนเลยจะไปดู ลูกสมุนจาบเห็นท่าไม่ดีคว้าไม้แถวนั้นจะตี ปรีชารีบผลักกนกให้พ้นทาง ส่วนนิกรตรงเข้าตะลุมบอนกับลูกสมุนพลางร้องบอกให้กนกกับปรีชาเข้าไปช่วยผู้หญิง

แม้ว่าจะมีกันถึงสามคน แต่เพราะไม่คุ้นกับการต่อสู้แบบนักเลงหัวไม้ เพียงไม่นานกลุ่มเด็กหนุ่มก็พ่ายแพ้ถูกซ้อมจนน่วมและหมดสติในที่สุด ชื่นงัดวิชาเอาตัวรอดมาใช้จนหลุดจากพันธนาการสำเร็จแต่ไม่กล้าบุกออกไปรอดูเงียบๆ จนเห็นประตูเปิดจึงเข้าจู่โจมทันที หญิงสาวต่อสู้จนสุดแรงก่อนจะเสียทีพวกโจร โชคดีที่กนกและเพื่อนฟื้นคืนสติเข้ามาช่วยไว้ทัน ชื่นถอนหายใจโล่งอก

“ขอบใจมากนะกนก รวมทั้งเพื่อนเธอด้วย ไปตามตำรวจมาจับไอ้สองคนนี้เร็วเข้า เดี๋ยวเราค่อยมาคุยกัน”

ระหว่างที่นั่งรอตำรวจมาจัดการ ชื่นมองหน้ากนกแล้วเอ่ยปากถามถึงสาเหตุที่หนีออกจากบ้านเป็นเพราะตนใช่ไหม

“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพี่ชื่น แต่เป็นเพราะผมไม่ชอบความอยุติธรรมในบ้านหลังนั้น เรื่องก็เลยบานปลายไปใหญ่โต”

เท่านั้นเอง กนกก็พรั่งพรูความน้อยใจที่มีมาแต่หนหลังด้วยน้ำเสียงเศร้าและขมขื่น หญิงสาวได้แต่นิ่งเงียบเพราะรู้ดีว่ากานดากับนิวัฒน์เอาแต่ทะเลาะกันจนลืมนึกถึงจิตใจของลูกชาย

หลังจากนั้นไม่นาน ตำรวจก็บุกไปที่บ้านพิชัย ศรายุทธแล้วจับกุมจาบ ท่ามกลางความตกใจของพวกกานดาที่หวั่นวิตกว่าจะติดร่างแหไปด้วย นิวัฒน์โกรธกานดาถึงขีดสุดประกาศก้องต่อหน้าทุกคน

“พอกันที ผมจะไม่ทนอีกต่อไปแล้ว ผมจะไล่เขา...”

ชื่นนึกถึงความดีของกนกที่ช่วยเหลือจนรอดพ้นจากคนร้ายมาได้หวุดหวิด รีบทักท้วง

“ไม่ได้นะคะ...ไม่ใช่ว่าชื่นเป็นคนดีนะคะ แต่งานนี้ชื่นเห็นแก่น้องกนก ถ้าไม่ได้เขาช่วย ชื่นคงไม่รอด ถึงยังไงคุณกานดาก็เป็นแม่แท้ๆของเขา ชื่นใจไม่ร้ายพอที่จะส่งเธอเข้าคุก”

ชื่นขอร้องให้ทุกคนคิดให้ดี เวลานี้หากทำอะไรบุ่มบ่ามรังแต่จะมีผลเสีย นิวัฒน์ฮึดฮัดแต่ต้องยอมตามเหตุผลของลูกสาว คุณหญิงวีณาเป็นห่วงหลานชายจึงถามว่าเมื่อไรกนกจะกลับบ้าน ชื่นถอนใจยาว

“ชื่นว่าจะชวนคุณอาหญิงไปรับเขาพรุ่งนี้ แต่ไม่รับรองว่าเขาจะยอมกลับไหม...คงต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเขา”

ตลอดเวลา ต้นนั่งฟังชื่นเงียบๆ...นัยน์ตาฉายแววพอใจลึกๆที่สัมพันธภาพระหว่างพี่น้องดีขึ้นตามลำดับ พอสบโอกาสเจอชื่นที่หน้าห้อง ชายหนุ่มเอ่ยปากชมว่าชื่นเป็นคนดี ต่อคงภูมิใจในตัวเธอไม่น้อย หญิงสาวยิ้มรับ

“ขอบคุณค่ะ ชื่นเห็นแก่น้องกนกและเป็นหนี้บุญคุณเขามาก แต่ยังไงชื่นก็ไม่ใช่คนดีเพราะยังโกรธคุณกานดาอยู่”

นิวัฒน์กลับไปที่ตึกซ้าย เมื่อเปิดประตูเข้าไปในห้องนอน พวกกานดาสะดุ้งเฮือก กานดาตั้งสติได้ เอ่ยด้วยน้ำเสียงเยาะว่าไม่จำเป็นต้องมาไล่ ตนไปเองได้ สามีส่ายหน้าอ่อนใจ

“ฉันไม่ได้มาไล่เธอ...อยู่ที่นี่ต่อได้ ชื่นเขาไม่ได้ติดใจเอาความเพราะเห็นแก่ตากนก แต่ฉันขอไล่นังสองบ่าวนี่ออก!”

แต่ละคนมีสีหน้าประหลาดใจจนพูดไม่ออก นิวัฒน์เลื่อนสายตามาที่เจือกับจันทร์สั่งให้เก็บข้าวของ สองบ่าวร้องไห้โฮอ้อนวอนขอร้องให้เห็นใจ กานดามองหน้าทั้งคู่อย่างใช้ความคิดหนัก

ooooooo

เช้าวันรุ่งขึ้น นิวัฒน์กับชื่นไปรับกนกและเพื่อนถึงบ้านเช่า พวกเด็กหนุ่มมีท่าทีลังเลในตอนแรกเพราะไม่แน่ใจว่าพ่อแม่หายโกรธหรือยังที่หนีออกจากบ้าน ชื่นยิ้มให้กำลังใจสำทับว่า

“พวกท่านให้อภัยทุกอย่าง ขอเพียงให้น้องๆกลับบ้านไปเริ่มต้นชีวิตใหม่เท่านั้นเป็นพอ”

นิวัฒน์พยักหน้ายืนยันแล้วบอกว่าความรักของพ่อแม่เป็นความรักที่ไม่มีข้อแม้ ไม่ว่าลูกจะทำอะไรหรือเป็นอย่างไรก็พร้อมจะให้อภัย พวกกนกตื้นตัน แต่ชื่นมีสีหน้าเฉยเมยไม่สนใจ รู้ดีว่านิวัฒน์หมายรวมถึงเธอด้วย ก่อนตัดบทชวนกลับบ้าน

ที่ตึกใหญ่ เจ้าคุณขอร้องกานดาไม่ให้ทำอะไรรุนแรงกับกนกอีก กานดายังตั้งแง่กับลูกชายจนเจ้าคุณให้เลือกว่าอยากจะเสียเครื่องเพชรหรือว่าเสียลูก กานดานิ่งอึ้งไม่กล้าเถียง คุณหญิงวีณาเหลือบมองพี่สะใภ้

“ดิฉันคิดว่าเราเริ่มต้นกันใหม่ดีกว่านะคะ ทรัพย์สินเงินทองต่างๆย่อมมีค่าเทียบไม่ได้กับสายเลือดของเรา”

กานดานิ่งเงียบไม่ตอบโต้...เวลานั้นรถของนิวัฒน์นำกนกกลับมาถึงแล้ว เด็กหนุ่มมีท่าทีไม่มั่นใจ เลยชะงักนิ่งไม่ยอมก้าวลงจากรถ ชื่นจับแขนเขาถามว่าเป็นอะไร

“ผมกลัวคุณแม่เพราะรู้ดีว่าท่านเป็นคนใจแข็ง คงไม่หายโกรธและให้อภัยง่ายๆ”

“แต่พ่อเชื่อว่าพ่อแม่ทุกคนต่างก็รักลูกและพร้อมให้อภัยได้ตลอดเวลา”

นิวัฒน์ยิ้มให้กำลังใจลูกชาย กนกก้าวลงไปช้าๆแล้วเดินเข้าไปยังห้องโถง เมื่อถึงที่นั้น กนกมองกานดาอย่างไม่แน่ใจ กานดานั่งคอแข็งปั้นปึ่งแต่มีน้ำตาคลอเบ้า นิวัฒน์สั่งกนกให้กราบขอโทษทุกคน เด็กหนุ่มทำตามโดยคลานไปกราบทีละคน กานดาลอบมองลูกชายด้วยสายตาตัดพ้อชั่วครู่แล้วทำเมินไปทางอื่น

“ผมกราบขอประทานโทษครับ คุณแม่...ผมเสียใจจริงๆ”

“แม่ก็เสียใจ กนกไม่ควรทำกับแม่ขนาดนี้ อย่าคิดว่าแม่ไม่รักลูก เพราะแม่มีแกกับพี่เกศเท่านั้น ทำไมแม่จะไม่รัก”

กนกสัญญาจะประพฤติตัวใหม่ กานดาจ้องหน้าลูกชายนิ่งแล้วถอนใจยาววางมือบนศีรษะลูก กนกกอดเอว มารดาร้องไห้ ทุกคนยิ้มโล่งอกที่กานดาไม่ตีโพยตีพายให้บุตรชายเตลิดไปอีก

หลังจากเรื่องกนกจบลงด้วยดี นิวัฒน์พยายามจะเชื่อมสัมพันธภาพกับชื่นโดยหวังว่าเหตุการณ์ต่างๆอาจช่วยเยียวยาแผลใจของลูกสาวให้ใจอ่อนลง แต่เขาก็ต้องผิดหวังเพราะชื่นยังมีทีท่าเฉยเมย

“ทำไมลูกไม่อภัยพ่อเลย...ลูกชื่น อย่าเพิ่งไป”

“พ่อดิฉันมีคนเดียวและท่านก็เสียไปนานแล้ว ดิฉัน ไม่มีวันเรียกใครว่าพ่ออีก ส่วนท่านนิวัฒน์ก็ไม่เคยเกี่ยวดอง กับดิฉัน ดิฉันคงไม่บังอาจให้อภัยหรือไม่ให้อภัยหรอกค่ะ”

นิวัฒน์จ้องหน้าลูกสาวอย่างตัดพ้อ แต่ชื่นไม่ใจอ่อนเดินเลี่ยงออกไป

ooooooo

สงครามเกาหลีไม่มีทีท่าจะสงบลงง่ายๆ ข่าวการรบอันดุเดือดทำให้ทหารทั้งสองฝ่ายล้มตายเป็นจำนวนมาก ต่อเขียนจดหมายมาหาชื่นพร่ำพรรณนาถึงความคิดถึงที่มีอย่างมากมาย

“เผลอไม่เท่าไหร่ คุณต่อก็มาอยู่ที่นี่ได้เกือบจะสามเดือนแล้ว...แต่ก็เหมือนกับสามปีเพราะคุณต่อคิดถึงชื่นเหลือเกิน...อีกไม่กี่วันก็จะถึงปีใหม่...ถ้าคุณต่ออยู่ที่บ้าน พวกเราก็คงได้ฉลองกันอย่างมีความสุขมากกว่าทุกปี เพราะชื่นเป็นคู่หมั้นของคุณต่อ...ผู้ชายที่โชคดีที่สุดในโลกรูปของชื่นคือกำลังใจสำคัญของคุณต่อให้ผ่านวันเวลาที่แสนจะโหดร้ายนี้ไปได้!”

ชื่นน้ำตาไหลด้วยความสงสาร จดหมายหลายฉบับที่ส่งมาต่อไม่เคยเอ่ยถึงการสู้รบแม้แต่ครั้งเดียว นั่นทำให้ชื่นยิ่งไม่สบายใจ เมื่ออดรนทนไม่ได้หญิงสาวจึงหันหน้าปรึกษาต้น

ชายหนุ่มนึกน้อยใจแต่ข่มใจปลอบชื่นไม่ให้คิดมาก และแนะให้ตั้งใจเรียนรอวันต่อกลับมา หญิงสาวตัดพ้อ

“อย่างน้อยก็ควรจะเล่าให้ชื่นทราบถึงสถานการณ์บ้าง”

“ทำใจให้สบายเถอะ คุณต่อไม่เป็นอะไรหรอก”

ชื่นถอนใจยาวทอดสายตามองไปข้างหน้าอย่างกังวลแล้วลุกออกไปเงียบๆ ต้นมองตามอย่างเศร้าใจเพราะรู้ดีว่าสถานการณ์เลวร้ายลงทุกวัน เขาไม่กล้าบอกหญิงสาวให้กังวลใจจนเสียการเรียน

ด้วยเพราะชื่นมีจิตพะวงถึงต่อ ตกดึกคืนนั้นระหว่างที่หญิงสาวเหนื่อยล้าจากการอ่านหนังสือ เธอหลับฝันไปว่า ได้ยินเสียงเรียกของต่อ จึงขยับตัวตื่นแล้วเดินตามเสียงไปข้างล่าง เธอวิ่งมาที่สนามหญ้ามองหาต่อ ก็เห็นเขายืนอยู่ในมุมมืด ชื่นถอนใจเฮือกพยายามจะเดินเข้าหาแต่เหมือนมีบางอย่างตรึงเท้าเธอเอาไว้

ต่อดูแปลกไปและบรรยากาศรอบตัวก็ดูหม่นเศร้า

“คุณต่อกลับมาแล้วหรือคะ ทำไมไม่เห็นบอกล่วงหน้าเลย จดหมายฉบับสุดท้ายที่ส่งมาก็ไม่เห็นพูดถึง”

“คุณต่อจะมาลาชื่น...มีเวลาไม่มากนัก คุณต่อต้องไปแล้ว”

“คุณต่อจะไปไหน เข้าบ้านก่อนเถอะค่ะ ทุกคน คงจะดีใจ...คุณต่อ...คุณต่อ!”

ต่อหันหลังกลับแล้วเดินจากไป ชื่นจะตามแต่เหมือนจะยกเท้าไม่ขึ้น ได้แต่มองตามจนเขาหายลับ ไปในเงามืด...

เสียงไก่ขันบอกเวลารุ่งสางทำให้ชื่นสะดุ้งตื่น

หญิงสาวมองรอบห้องงงๆก่อนนึกได้ว่ามันเป็นเพียงความฝัน ชื่นไม่สบายใจเลยเพราะความฝันนั้นเหมือนจริงมาก เมื่อนมอ่อนรู้ก็มีอาการกังวลไม่ต่างกัน

ความฝันของชื่นกลายเป็นเรื่องจริงในเวลาต่อมา เมื่อค่ำวันเดียวกันนั้นเจ้าคุณก็ได้รับโทรศัพท์แจ้งข่าวร้ายเรื่องต่อจากเจ้าคุณเดชาผู้เป็นทั้งเพื่อนสนิท และเจ้านายของลูกชาย

คุณหญิงวีณาตกใจกับสภาพของสามีที่ยืนนิ่งอึ้ง ใบหน้าซีดเผือดราวกับไร้ชีวิตจิตใจ

“เจ้าคุณพี่! มีอะไรหรือคะ”

“คุณหญิง...นายต่อ...ตายแล้ว แกถูกระเบิดของฝ่ายตรงข้าม”

คุณหญิงวีณาน้ำตาไหลพรากทรงตัวแทบไม่อยู่ ต้นถึงกับเซด้วยความตกใจเมื่อรู้ข่าวการตายของน้องชาย และยิ่งลำบากใจมากขึ้นเพราะจะต้องเป็นคนนำข่าวนี้ไปบอกชื่น

“คุณต้นจะพูดอะไรกับชื่นหรือคะ”

“ชื่นทำใจดีๆนะ...พวกเราเพิ่งได้รับข่าวร้ายว่าคุณต่อเสียชีวิตแล้ว”

ชื่นตกใจจนหมดสติในอ้อมแขนของต้น เมื่อฟื้น หญิงสาวก็สะอื้นไห้ไม่หยุด ต้นพยายามปลอบแต่ไม่เป็นผล ชื่นนอนนิ่งเหมือนคนไร้วิญญาณ ชายหนุ่มได้แต่ถอนใจยาว...นัยน์ตาแดงก่ำด้วยความเสียใจอย่างยิ่ง

วันเวลาผ่านไป ชื่นได้รับจดหมายของต่อที่เขียนไว้ ในวันสุดท้ายของชีวิตโดยมีเนื้อความที่บ่งบอกว่าเขารับรู้ถึงความรักระหว่างต้นกับชื่นมากมายเพียงไร

“สงครามทำให้ได้เห็นคนเจ็บคนตายต่อหน้า อยู่ทุกวัน คุณต่อเริ่มคิดถึงความไม่แน่นอนของชีวิตและอาจไม่มีโอกาสได้กลับไปหาใครที่บ้านอีก เพราะความรักที่มีต่อชื่นมากเหลือเกินจนไม่ยอมรับรู้ว่าความสุข สมหวังที่ได้หมั้นหมายกับชื่นคือการทำลายความสุขและหัวใจของชื่นและคุณต้น...สีหน้าและแววตาเจ็บปวดทุกข์ทรมานตามมาหลอกหลอนทุกครั้งที่วางปืนลง ด้วยเหตุนี้จึงต้องลุกขึ้นมาเขียนจดหมายเพื่อที่จะคืนทุกสิ่งทุกอย่างให้กับคนที่คุณต่อรักมากที่สุดทั้งสองคน”

ต้นก็ตะลึงงันกับเนื้อความในจดหมายของต่อไม่แพ้ชื่น เพราะที่ผ่านมาเขาเข้าใจว่าตัวเองเก็บงำความรู้สึกได้ดี สามารถปกปิดน้องชายได้ ต้นไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้วต่อรับรู้ถึงความรักที่ตนและชื่นมีให้แก่กันเป็นอย่างดี แต่ทำเป็นไม่รับรู้อะไร...และสิ่งสุดท้ายที่ต่อปรารถนา...นั่นก็คือให้ต้นหมั้นหมายและแต่งงานกับชื่น

ชื่นชีวา

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด