ตอนที่ 9
พอหมิงเทียนเข้าใจความรู้สึกของเพกา ที่โกรธตนเพราะคิดว่าเอาเธอเป็นตัวแทนของเมย์ลี จึงครุ่นคิดจะทำอย่างไรดีให้เธอรู้ว่าตนชอบที่เธอเป็นเธอ จึงขอความร่วมมือจากซิ่วหลาน
วันรุ่งขึ้น ซิ่วหลานจูงมือเพกามาที่ห้องอาหาร หมิงเทียนนั่งอยู่โดยมีอี่และหลุนยืนใกล้ๆ บนโต๊ะมีถ้วยชาม แมกกาซีนสองเล่ม แจกันดอกไม้สามชนิด กระดานไวท์บอร์ดพร้อมปากกา อาซิ่วให้เพกานั่งลง บอกเธอว่าเราจะเล่นเกมกัน...ซิ่วหลานยกชามเก๊กฮวยร้อน กับเก๊กฮวยเย็นขึ้นถามว่า เธอชอบแบบไหน หลุนแทรกขึ้นว่า ไม่ต้องตอบคิดไว้ในใจ แล้วให้หมิงเทียนทาย
เขาชี้ไปที่เก๊กฮวยร้อน เพกาตอบว่าผิด ตนชอบเก๊กฮวยเย็น
อี่เขียนคะแนนลงบนไวท์บอร์ด “ศูนย์คะแนน...คำถามที่สอง”
หลุน ชูแมกกาซีนสองฉบับขึ้น ซิ่วหลานถามหมิงเทียนว่าเพกาชอบอ่านแบบไหน เขาชี้ไปที่ฉบับหนึ่ง ซึ่งเพกาตอบว่าถูก อี่กับหลุนร้องเย้...ดีใจที่หมิงเทียนได้หนึ่งคะแนนแล้ว
“ต่อไปเป็นดอกไม้บ้างนะคะ” ซิ่วหลานยกดอกไม้สามชนิดซึ่งมีกุหลาบ มะลิและดอกโบตั๋นขึ้นถาม
หมิงเทียนอึ้งเลือกไม่ถูก เพกาโพล่งขึ้น “โบตั๋นของคุณเมย์ลี แต่เพกาต้องดอกทานตะวันค่ะ เราสองคนแทบไม่มีอะไรเหมือนกันเลย”
ซิ่วหลานพยักหน้า “อืม...ดอกทานตะวันเหมาะกับคุณจริงๆด้วย หันสู้แสงแดดเสมอ ไม่เคยท้อถอย”
“ครับ ผมจะจำเอาไว้ไม่มีวันลืม ว่าแล้วเย็นนี้เราไปเปลี่ยนสถานที่เล่นเกม โดยไม่มีสามคนนี้มาเป็นกรรมการดีกว่านะครับคุณเพกา” หมิงเทียนทำตาเจ้าชู้...อี่กับหลุนร้องฮิ้ว
ตกเย็น หมิงเทียนพาเพกานั่งเรือท่องเที่ยว เขายังวางฟอร์มไม่กล้าสารภาพรักกับเธอ ทั้งที่การแสดงออกมันบ่งบอก เขาถ่ายรูปเล่นกับเธอ เพกาถามถึงเรือนี้ใช้ท่องเที่ยวอย่างเดียวหรือ
“ครับ จากบนเรือ เราจะมองเห็นความสวยงามของอ่าววิกตอเรียได้เกือบหมด ตัวเรือเป็นเรือสำเภาโบราณ สัญลักษณ์ของเกาะฮ่องกง”
“ด้วย ภูมิประเทศฮ่องกงเป็นท่าเรือน้ำลึก เป็นเมืองท่าที่สำคัญมาตั้งแต่อดีต คำว่าฮ่องกงหมายถึงท่าเรือหอม เพราะเป็นท่าเรือสำหรับค้าขายไม้หอม”
“ถูกต้อง ความรู้รอบตัวใช้ได้” หมิงเทียนชมเพกาอย่างจริงใจ
เพกา ศึกษามาถ่องแท้ว่า ตั้งแต่จีนและอังกฤษ กระทบกระทั่งกันเรื่องการค้าฝิ่น อังกฤษบังคับให้จีนลงนามให้เช่าเกาะฮ่องกงเป็นเวลา 99 ปี ระหว่างนั้นอังกฤษได้ช่วยพัฒนาฮ่องกงจนกลายเป็นเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญ ในปี 1997 อังกฤษได้ส่งคืนฮ่องกงให้แก่จีน
“เก่งมาก ทุกวันนี้เราเป็นเขตปกครองพิเศษ รัฐบาลปักกิ่งรับผิดชอบด้านการต่างประเทศ การทหารและความมั่นคงเท่านั้น ส่วนการบริหารยังคงให้อิสระแก่ชาวฮ่องกงเหมือนเดิม”
หลังจากวันนั้น หมิงเทียนพาเพกาเดินเที่ยวชมสถานที่ต่างๆบนเกาะฮ่องกง และเล่นเกมถามตอบทำให้รู้จักกันและกันมากขึ้น ทั้งสิ่งของ ชนิดของอาหารที่ชอบ เพกาชอบอาหารพวกผัด
“จริงหรือ คุณชอบอาหารผัด...อาหารจีนมักเป็นอาหารผัด คุณเหมาะที่จะแต่งงานกับคนจีนนะ” หมิงเทียนดึงเพกามากอดจากข้างหลัง “ผมมีความสุขจัง ฮ่องกงสวยเหลือเกิน”
เพกา ผลักไสเล็กน้อย แต่ก็รู้สึกอบอุ่นใจ สักพัก หมิงเทียนชะงัก ภาพในอดีตที่เขาเคยกอดเมย์ลีแบบนี้ผุดขึ้นมา เขามองเหม่อไปยังจุดที่เคยอยู่กับเมย์ลี จนเพการู้สึกตัว เหลียวมองและถามว่าเขาเป็นอะไร หมิงเทียนส่ายหน้า ตัดใจอย่างยากลำบาก แล้วชวนเพกาไปตรงอื่น...
ทั้งสองถ่ายรูปเล่นหน้าเก๋งจีนในสวน หมิงเทียนจะไปซื้อกาแฟให้หญิงสาวเพราะรู้ว่าเธอชอบ แต่เธอปฏิเสธขอให้เขาทำอย่างอื่นแทน
เพกายื่นซองตั๋วเครื่องบินให้เขาไปแลกเงินคืนและขอสัญญา ไม่ว่าจะเผชิญกับอะไร ต้องไม่ไล่ตนกลับเมืองไทยอีก
“ผม...ผมไม่แน่ใจ”
“ฉัน อยากบอกคุณเหมือนที่บอกแม่ ในขณะที่คุณห่วงฉัน ฉันกลับรู้สึกมั่นใจมากขึ้นทุกที ฉันจะหาฆาตกรที่ฆ่าเมย์ลีพบ ฉันจะปลอดภัย ฉันอยากให้แม่ อยากให้คุณเชื่อในสิ่งที่ฉันเชื่อ”
“คุณกำลังขอในสิ่งที่ผมกลัวที่สุด”
“เชื่อฉัน ฉันกำลังจะพบฆาตกรตัวจริง ฉันกับเมย์ลีีเราเข้าใกล้เป้าหมายของเราแล้ว”
แม้ หมิงเทียนจะไม่ค่อยมั่นใจ แต่กลบเกลื่อนความรู้สึกด้วยการพาเธอมาร้านอาหาร สอนให้รู้จักการรับประทานอย่างคนจีน เพกาเรียนรู้ได้ไวจนเขากระเซ้า ให้ทำเรื่องย้ายมาอยู่ฮ่องกงได้เลย เพกา ซดน้ำแกงเสียงดังซู้ด...เพราะเคยเห็นในหนังจีนกำลังภายใน เขาหัวเราะแกล้งว่าเธอทำมูมมาม เพกาหน้าเสีย หมิงเทียนมองที่โต๊ะถัดไป ภาพตนกับเมย์ลีนั่งกะหนุงกะหนิงกันในอดีตปรากฏขึ้น ชายหนุ่มรู้สึกผิด เพกาคิดว่าเขาเจอคนรู้จัก เขาส่ายหน้า ต่อสู้ความ รู้สึกตัวเอง
ooooooo
วันต่อมา เพกาเดินไปมาคิดเรื่องฆาตกร ตัดเพ่ยเพ่ย จิ้นเจิน และอวี้เหลียนออกจากการเป็นฆาตกร แล้วครุ่นคิดว่าเหลือใครบ้าง หมิงเทียนเข้ามาแขวะ ไหนว่าติดต่อเมย์ลีได้ทำไมไม่ถามเธอ เพกาตอบว่า เธอมาบอกในฝันว่าไม่รู้ หมิงเทียนไม่อยากเชื่อ
“คุณเมย์ลีไม่ได้มาหาฉันบ่อยๆ ต้องมีเหตุจำเป็น เอ้อ...แบบพลังจิตของเราหรือไม่ก็ของคุณเมย์ลีต้องแรงกล้า อะไรทำนองนั้น”
“ผมขอยืนยันอีกครั้ง คนในบ้านผมไม่มีใครทำเมย์ลีลงหรอก เราเป็นครอบครัวเดียวกัน”
เพกาไม่อยากเถียงให้เสียอารมณ์ จึงนิ่งเฉย...
ในขณะเดียวกัน เหวินเยี่ยเรียกจิ้นเจินไปพบ เพื่อถามเรื่องงาน ระหว่างนั้นเปิดทีวีรายการเด็กๆ จึงถามเรื่อยเปื่อยว่าไม่รักเด็กหรือมีผู้หญิงอื่น ถึงไม่ยอมมีลูกเสียที จิ้นเจินร้อนตัว ปากคอสั่นตอบว่าตนกับอวี้เหลียนรักกันดี แค่ไม่อยากมีลูก เหวินเยี่ยเตือน คำโบราณของจีน มีลูก จนไม่นาน ไม่มีลูก รวยไม่ยืด ต้องมีลูกไว้สืบทอดงาน ลองเก็บไปคิดดู
จิ้นเจินมาที่ห้องทำงานอวี้เหลียน กระชากแขนเธอเหวี่ยงล้มลง หาว่าบอกอะไรเหวินเยี่ย อวี้เหลียนตกใจปฏิเสธหนักแน่น จิ้นเจินโทษงั้นต้องเป็นเพกา หญิงสาวแย้ง
“คุณพิงก์รับปากแล้วจะไม่บอกคุณพี่คุณมันวัวสันหลังหวะ ระแวงไปเอง ต่อไปนี้ ชีวิตคุณคงอยู่อย่างสงบสุขไม่ได้ ต้องระแวงกลัวคุณพี่จะรู้ สมควรแล้ว ทำชั่วย่อมได้ชั่ว”
จิ้นเจินโมโหตบหน้าอวี้เหลียนล้มไปชนของตกกระจาย เลขาหน้าห้องวิ่งเข้ามา จิ้นเจินเยาะหยันเข้าโอบกอดเลขาชวนไปทำอะไรกันซักสองสามชั่วโมงอวี้เหลียนโกรธจัด ปรี่จะเข้าตบเลขา จิ้นเจินคว้ามือไว้ อวี้เหลียนต่อว่า
“คุณทำอย่างนี้กับฉันได้ยังไงคุณจิ้น คุณมีหัวใจรึเปล่า”
“มีสิ ผมมีหัวใจ แต่...ไม่ได้มีไว้เพื่อคุณ”
อวี้เหลียนผงะฟูมฟายอย่าเหยียบย่ำหัวใจตนนักเลย เขากลับเยาะว่าไม่น่าเลือกแต่งงานกับผู้หญิงอย่างเธอ อวี้เหลียนปล่อยโฮตบตีหน้าตัวเองอย่างคนโรคจิต พนักงานมามุงดูด้วยความงง
คืนนั้น เพกาช่วยทายาให้อวี้เหลียนไป ปลอบและเตือนสติให้เลิกทำร้ายตัวเองเพื่อเรียกร้องความสนใจเสียที เพราะมันจะพัฒนาไปสู่การฆ่าตัวตายได้ การที่จิ้นเจินทำแบบนี้เพราะต้องการแก้แค้น และคงไม่หยุดแค่นี้ อวี้เหลียนฟูมฟายว่าอยากให้เขาเจ็บเหมือนอย่างที่ตนเจ็บ
“ระหว่างคุณสองคน ไม่มีความรักเหลืออยู่แล้ว มีคู่แต่งงานหลายคู่ อยู่เพื่อสิ่งที่ไม่ใช่ความรัก แต่เพื่อทำร้ายกัน มันไม่เหมาะกับคุณ เพราะคุณจะเป็นคนที่ตายก่อน คุณต้องเข้ารับการรักษาอย่างเร่งด่วน คุณต้องออกจากสิ่งเร้าพวกนี้”
“ฉันก็ต้องถูกเหม่ยอิง ถูกผู้หญิงพวกนั้น โดยเฉพาะคุณจิ้นเยาะเย้ย เขาคงดีใจที่เอาคนอ่อนแออย่างฉันออกไปจากชีวิตได้”
“ชีวิตสุขหรือทุกข์ อ่อนแอหรือเข้มแข็ง อยู่ที่ใจตัวเองไม่ใช่ขี้ปากคนอื่น หน้าสวยๆจิตใจแสนดีดวงนี้ ต้องไปอยู่ที่ที่ดีกว่านี้เสียที ใช้ความกล้าเดินออกไปซะนะคะ”
อวี้เหลียนโผกอดเพการ้องไห้...จากนั้น หมิงเทียนมีโอกาสได้เจอกับเพกาลำพัง เขาถามทำไมยุให้อวี้เหลียนหย่า เธอตอบว่าเพื่อให้อวี้เหลียนได้พบความสุขสงบอย่างแท้จริง จู่ๆเพกาก็เปลี่ยนเรื่องหันมาให้หมิงเทียนเล่าเรื่องเมย์ลีให้ฟัง ว่าไปแอบรักกันได้อย่างไร หมิงเทียนเหวอ เพการบเร้า ถ้าไม่เล่า ตนจะถามไม่หยุด เขายกมือห้าม ตัดความรำคาญแลกกับความเชื่อใจ...
ooooooo
หมิงเทียนเริ่มเล่าเรื่องในอดีต ตั้งแต่หมิงซานรู้ว่าตัวเองต้องสืบทอดกิจการของตระกูล ภาระยิ่งใหญ่ก็ตกอยู่ที่เมย์ลีด้วย เธอถูกสอนให้ทำอาหารที่หมิงซาน ชอบทุกวันๆ หมิงเทียนไม่ค่อยพอใจ ถามแม่ ตนสู้พี่ใหญ่ไม่ได้ตรงไหน ทำไมพ่อกับแม่ถึงทุ่มเทความสนใจและยกทุกอย่างไปให้พี่ใหญ่คนเดียว ลี่ผิงตอบว่าหมิงซานเป็นลูกชายคนโต เป็นความหวังของพ่อแม่
“ไม่ยุติธรรม ผมแพ้เพราะผมเกิดทีหลัง แค่นี้เหรอครับ”
“หมิงเทียน ลูกเคยสอบได้ที่หนึ่งเหมือนพี่เขาไหม เคยเป็นประธานนักเรียนเหมือนหมิงซานหรือเปล่า มีอะไรที่ลูกเหนือกว่าพี่เขาบ้าง...ให้แม่ตอบเอง ลูกเหนือกว่าพี่หมิงซานตรงที่เกเรกว่า มีเรื่องที่โรงเรียนมาให้พ่อแม่ปวดหัวได้ทุกวัน หมิงเทียนเป็นซะอย่างนี้ จะให้พ่อกับแม่ฝากความหวังไว้ได้ยังไง”
“แล้วถ้าผมเปลี่ยนได้ ผมทำได้ ผมมีสิทธิ์ได้อะไรๆที่เป็นของพี่ใหญ่หรือเปล่า” หมิงเทียนชำเลืองมองเมย์ลี
ลี่ผิงส่ายหน้าไม่อยากเชื่อ บอกลูกชายทำให้ได้เสียก่อนค่อยมาพูดกัน หมิงเทียนมองหน้าเมย์ลี เธอรู้สึกเห็นใจ...หลังจากวันนั้น หมิงเทียนตั้งหน้าตั้งตาอ่านตำรา เขาถามเมย์ลีว่า เชื่อไหมว่าตนจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่อเมริกาเหมือนหมิงซานได้
“คุณชายรองเป็นคนเก่ง ลองตั้งใจทำอะไรจริงก็ทำได้ทุกอย่างค่ะ”
หมิงเทียนซึ้งใจ มีความมุ่งมั่นมากขึ้น...และแล้ว เมื่อหมิงซานกลับมาเยี่ยมบ้าน ลี่ผิงดีใจ หมิงซานบอกพ่อแม่ว่า กลับมาคราวนี้ตนคงอยู่นาน รอรับน้องไปด้วยกัน สองคนแปลกใจ
“อะไรกัน หมิงเทียนยังไม่ได้บอกคุณพ่อ คุณแม่หรือครับ”
หมิงเทียนเดินเข้ามาพร้อมกับพ่อบอกแม่ว่าตนสอบเข้าเรียนที่เดียวกับหมิงซานได้ สองคนดีใจ โดยเฉพาะเหวินเยี่ย...จากนั้น หมิงเทียนมาดักรอเมย์ลี เพื่อขอรางวัลที่ตนสอบได้ เขาขอให้เธอแอบไปเที่ยวเมืองไทยด้วยกัน ก่อนที่ตนจะต้องเดินทาง ระหว่างนั้น พ่อกับแม่สนใจแต่หมิงซาน เมย์ลีจึงขออนุญาตไปเยี่ยมญาติที่เมืองไทย ส่วนหมิงเทียนโกหกว่า ไปปีนเขาที่เนปาล
เมย์ลีพาหมิงเทียนมาดูบ้านที่เธอเคยอยู่ในกรุงเทพฯ เธอเล่าว่าบ้านเธอเต็มไปด้วยความรักความอบอุ่น มันเป็นความทรงจำที่ดีที่สุดของเธอ บ้านถูกปิดตายมานานจนไม่อาจเข้าพักได้...เมย์ลีนัดเจอดาวเพื่อนเก่าสมัยเรียน ดาวบอกว่าอาจารย์วลัยอยากพบ จึงพากันไปหาอาจารย์ที่โรงเรียน ระหว่างที่เมย์ลีคุยกับอาจารย์ หมิงเทียนขอร้องดาวทำบางอย่างให้เพื่อเมย์ลี
หลังจากคุยกับอาจารย์ หมิงเทียนพาเมย์ลีไปล่องแม่น้ำเจ้าพระยา ชมสถานที่สำคัญๆ ท่าทางเมย์ลีมีความสุขมาก หมิงเทียนจดจำภาพเมย์ลีไว้ทุกอิริยาบถ...
กลับจากเที่ยวเรือ หมิงเทียนพาเมย์ลีกลับมาที่บ้าน คราวนี้ บ้านดูสะอาด หน้าต่างประตูเปิดโล่ง สนามหน้าบ้านตัดแต่งเป็นระเบียบสวยงาม
“ทำไมบ้านสะอาดดูมีชีวิตชีวาอย่างนี้ล่ะ คุณทำได้ยังไงคะ”
“ฝีมือเพื่อนเธอน่ะ”
ดาวกับเพื่อนอีกสี่คนโผล่ออกมา ทุกคนยิ้มแย้มต้อนรับเมย์ลี ดาวบอกว่าเป็นไอเดียของหมิงเทียน ทั้งออกเงินและจ้างคนมาจัดการ โดยให้พวกตนคอยบอกว่า จัดบ้านอย่างไรให้เหมือนเดิมที่สุด เมย์ลีตะลึงเมื่อเห็นเฟอร์นิเจอร์เก่าๆ
“ไปซื้อต่อจากน้าเธอบ้าง ไปร้านขายของเก่าบ้าง เถียงกันแทบตายว่าอันเก่าของเธอหน้าตาเป็นไง”
เมย์ลีมองไปทั่วบ้าน ภาพความรักความอบอุ่นกับพ่อแม่ปรากฏขึ้นทุกจุด เธอถึงกับน้ำตาร่วง ขอบใจเพื่อนๆทุกคน หมิงเทียนสั่งอาหารมาทานที่บ้าน นั่งฟังเมย์ลีกับเพื่อนๆคุยความหลังกันอย่างสนุกสนาน
จนเย็น เพื่อนๆแยกย้ายกันกลับ
คืนนั้นพระจันทร์เต็มดวง สองคนนั่งชมจันทร์ เมย์ลีเล่าเรื่องครอบครัวให้หมิงเทียนฟังว่าตนเป็นลูกคนเดียว พ่อให้แม่ออกจากงานมาเลี้ยงลูก
“ปู่ย่าตายายไม่ช่วยเลี้ยงหรือ คนไทยเป็นครอบครัวใหญ่เหมือนคนจีนนี่”
“ครอบครัวพ่อเป็นคนจีนโพ้นทะเลค่ะ ทุกคนต้องทำมาค้าขาย ส่วนครอบครัวทางแม่ ไม่ยอมรับพ่อค่ะ...คุณตาฉันเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ไม่ปลื้มลูกเขยต่ำต้อยจนๆ คุณตาบังคับให้แม่แต่งงานกับข้าราชการคนหนึ่ง แม่เลยหนีมากับพ่อ คุณตาคุณยายโกรธมาก ตัดขาดแม่ ฉันไม่เคยเจอคุณตาคุณยายเลยค่ะ”
“แม่เธอกล้าหาญมาก เธอล่ะ ไม่คิดจะทำอย่างแม่บ้างหรือ”
“ทำอะไรคะ”
“ทำตามหัวใจตัวเองไง เธอไม่ได้รักพี่ใหญ่ เธอไม่ควรยอมแต่งงานกับพี่ใหญ่”
“การแต่งงานก็ไม่ใช่เพื่อความรักเพียงอย่างเดียวนะคะ แต่เพื่อความถูกต้อง ความเหมาะสมด้วย”
หมิงเทียนดึงเมย์ลีมาจูบหน้าผากอย่างอ่อนโยน “คบกับฉันนะเมย์ลี เหมือนที่พ่อแม่เธอดึงดันคบกัน แม้ถูกไล่ออกจากบ้าน ท่านก็ไม่กลัว ทั้งสองท่านถึงจะลำบากแต่ก็มีความสุข ฉันอยากมีความสุขกับเธอไปตลอดชีวิต เมย์ลี”
“คุณชายรอง...” เมย์ลีตื้นตันน้ำตาคลอ
หมิงเทียนย้ำให้เมย์ลีมั่นใจว่าเราใจตรงกัน ถ้าเธอไม่ยอมแต่งงานกับพี่ใหญ่ก็ไม่มีใครบังคับได้ ถ้าพ่อแม่ไล่เราออกจากบ้าน เราจะมาอยู่บ้านนี้ที่เมืองไทยด้วยกัน
“ฉันไม่กลัวหรอกนะที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ คุณพ่อกับคุณแม่มีพี่ใหญ่อยู่แล้ว ท่านไม่จำเป็นต้องมีเราสองคนก็ได้ สร้างครอบครัวกับฉันนะเมย์ลี เรามาสร้างชีวิตใหม่ของเราด้วยกัน”
ฟังมาถึงตรงนี้ เพกาสงสารหมิงเทียนที่วางแผนสร้างครอบครัว แล้วต้องมาผิดหวัง หมิงเทียนยอมรับว่า ตั้งแต่เมย์ลีตาย ตนไม่กล้าฝันอะไรอีก เพกาถามหมิงซานรู้เรื่องนี้ไหม หมิงเทียนตอบว่ารู้ แต่ไม่กล้าขัดใจพ่อแม่
“ไม่กล้าขัดใจนั่นเรื่องหนึ่ง แต่การที่ตัวเองเป็นเกย์ แล้วมาแต่งงานกับผู้หญิง เท่ากับหลอกใช้ผู้หญิงสร้างภาพ”
หมิงเทียนไม่พอใจห้ามพูดว่าพี่ตนเป็นเกย์ เพกายังเถียงว่าเป็นความจริง เขาโกรธเดินหัวเสียไปทันที...
คืนนั้น เพกานั่งสรุป ด้วยการขีดเขียนชื่อบนกระดาน
“ไม่ใช่คุณเพ่ยเพ่ย คุณเหลียน คุณจิ้น ผู้ต้องสงสัยที่เหลือคือหมิงเทียน ซึ่งกำไลแตก คุณอิง ยังไม่เห็นกำไล คุณผิง ยังไม่เห็นกำไล และคุณเยี่ย กำไลไม่แตก...
สืบใครต่อดี” เพกาวงชื่อเหม่ยอิง “วัดกันที่จิตใจแล้ว คนนี้แหละที่น่าจะเป็นฆาตกรที่สุด”
วันต่อมา เพกาจับตามองเหม่ยอิง ได้เห็นกิริยาเกรี้ยวกราดใส่สาวใช้ในบ้าน รู้สึกว่าช่างเป็นคนที่สวยแต่รูปลักษณ์ภายนอกเสียจริงๆ แต่ใจทราม วันๆเอาแต่ถลุงเงิน ทำตัวกรีดกรายวางท่ายิ่งกว่าคุณนายใหญ่เสียอีก...เหม่ยอิงทำถึงขนาด กลับจากช็อปปิ้ง เห็นอวี้เหลียนนั่งเศร้าอยู่ที่ห้องโถง แกล้งเข้าไปถากถางว่าชอบสวมแต่ชุดเก่าๆหรือ แล้วส่งถุงแบรนด์เนมให้ถุงหนึ่ง
“ฉันยกชุดนี้ให้ ชุดนี้เน้นหุ่นสวยๆของผู้หญิง อืม...ถึงจะแบนไปนิด แต่ก็พอได้ค่ะ ยกให้นะคะ ฮึๆ” เหม่ยอิงวางถุงลงบนโต๊ะแล้วเดินไป มีเป่าหลินถือข้าวของเดินตาม
ไม่ทันไร เสียงอวี้เหลียนกรีดร้อง เหม่ยอิงสะดุ้งหันมอง เห็นอวี้เหลียนเอาชุดออกมาโยนลงพื้น ใช้เท้าขยี้บนชุดราคาแพงนั่น
“นี่คุณทำบ้าอะไรของคุณ ชุดใหม่ราคาเป็นหมื่น ทำแบบนี้ได้ยังไง”
อวี้เหลียนมองเหม่ยอิงด้วยสายตาเกลียดชัง ไม่อาจพูดอะไรออกไปได้ เชิดหน้าเดินผ่านไป สองนายบ่าวมองตามอย่างงงๆ เหม่ยอิงฉุกคิดอะไรบางอย่าง
เพกาตามอวี้เหลียนมาที่ห้อง เห็นเธอกินยาคลายเครียด จึงถามว่าจะกินไปตลอดชีวิตหรือ
“สู้สิคะคุณเหลียน อย่าให้คนเลวได้ใจ สู้กับคนเลว เราต้องใจแข็ง ใจเด็ด แฉมันไปเลย”
อวี้เหลียนยอมรับว่าตนอาย เพกายุว่าเราไม่ใช่คนผิด ไม่เห็นต้องอาย คนที่อายคือจิ้นเจินกับเหม่ยอิง อวี้เหลียนล้มตัวลงนอนสายตาเหม่อลอย เพกาเจ็บใจแทน เข่นเขี้ยว อย่างคุณนายรองต้องเจอกับตน ว่าแล้วก็ครุ่นคิดแผนการ
ooooooo
พอถึงเวลาอาหาร ทุกคนนั่งทานตามปกติ เหวินเยี่ยเห็นจิ้นเจินร่วมโต๊ะ จึงถามขึ้นว่างานเยอะหรือถึงไม่ค่อยกลับมากินข้าวบ้าน จิ้นเจินตอบอ้อมแอ้มว่าใช่ เพกาหมั่นไส้ โพล่งขึ้น
“ท่าทางคุณจิ้นงานเยอะมากจริงๆค่ะ วันก่อนดิฉันออกไปซื้อของ เห็นคุณจิ้นนั่งกินข้าวกับผู้หญิงกลางค่ำกลางคืน ดิฉันรีบแจ้นมาฟ้องคุณเหลียน ปัดโธ่เอ๊ย ที่ไหนได้...”
จิ้นเจิน อวี้เหลียน หมิงเทียน และลี่ผิงผวาไปตามๆกัน โดยเฉพาะจิ้นเจินเหงื่อแตกกาฬ เหม่ยอิงถลึงตารอฟัง เหวินเยี่ยทนไม่ไหวที่เพกาหยุดไปเฉยๆ หันไปดื่มน้ำไม่เล่าต่อเสียที
“ที่ไหนได้...อะไร”
“ที่ไหนได้ ผู้หญิงคนนั้น เป็น...เลขาคุณจิ้นค่ะ นั่งรอลูกค้ากันอยู่” เพกายิ้มยั่วจิ้นเจิน
เหวินเยี่ยเอ็ด ไร้สาระ เพ่ยเพ่ยเสริมคนที่คิดว่าตัวเองเห็นผี พูดจาหาสาระไม่ได้...ส่วนเหม่ยอิงนั่งเข่นเขี้ยว แต่ต้องเก็บอาการ
สบโอกาส เหม่ยอิงลากจิ้นเจินมาที่สวนหลังบ้าน ซักถามเรื่องเลขา เขาโวยไปเชื่ออะไรกับคำพูดเพกา เหม่ยอิงโวยกลับว่าตนไม่โง่เหมือนอวี้เหลียน ตนดูออกเวลาที่เขาทำผิด กลัวถูกจับได้เป็นอย่างไร สั่งเสียงเฉียบให้เลิกกับนังนั่นเสีย ไม่อย่างนั้นตนจะไปอาละวาดถึงบ้านมัน เหม่ยอิงทุบตีจิ้นเจินด้วยความหึงหวง เขาให้เธอใจเย็น ตนมีเหตุผลที่ต้องห่างกับเธอ เหม่ยอิงชะงัก จิ้นเจินไม่บอกว่าอะไร เดินกลับเข้าบ้าน เหม่ยอิงครุ่นคิดทำไมมีเงื่อนงำขึ้นเรื่อยๆ
เพกาซึ่งแอบดูอยู่ ยิ้มสะใจ ต้องสรุปให้ได้ว่าเหม่ยอิงเป็นฆาตกรหรือเปล่า คิดหาผู้ช่วยจึงส่งข้อความนัดเหว่ยเหอมาพบที่มิวเซี่ยมออฟอาร์ต...
มาถึง เพกาเห็นเหว่ยเหอนั่งเหม่อลอย จึงถามว่ามีอดีตกับหมิงซานที่นี่หรือ เขาพยักหน้า ที่นี่ตนกับหมิงซาน มาอ่านหนังสือด้วยกันบ่อยๆ เหมือนโลกนี้มีแค่เราสองคน หมิงซานชอบกินขนม ตนรู้แกวจึงซื้อตุนไว้ในเป้ พอหมิงซานบอกให้ไปซื้อขนม ตนก็ล้วงในเป้ จู่ๆหมิงซานล้วงมือเข้ามาจับมือตน นับเป็นการจับมือกันครั้งแรกของเรา บอกรักกันเป็นนัยๆ
“หัวใจนายสั่นเหมือนฉันไหม สัมผัสแค่บางเบา โลกของนายเปลี่ยนเหมือนโลกของฉันไหม”
เพกาฟังแล้วซาบซึ้งไปด้วย เหว่ยเหอฮัมเพลงไพเราะที่เขาสองคนชอบ แล้วเล่าว่า หมิงซานเคยพูด...ถ้าโลกนี้ไม่มีที่ยืนสำหรับเรา ฉันจะไปยืนรอนายบนดวงจันทร์...ตนถามว่าเขาจะไปอย่างไร เขาตอบว่าไม่รู้ แต่เราจะไปเจอกันที่นั่น ที่ที่ไม่มีใครมองเราเหมือนตัวประหลาด
เหว่ยเหอน้ำตาไหลออกมา เพกาจับมือปลอบใจ ขอให้เล่าเรื่องหมิงซานต่อ เหว่ยเหอสูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนจะเล่าว่า...ตั้งแต่เล็ก หมิงซานเป็นคนมีความรับผิดชอบมาก ทั้งการเรียน การทำงาน การเป็นลูกที่ดีไม่มีขาดตกบกพร่อง เป็นความหวังของพ่อแม่ ทุกครั้งที่แม่ร้องไห้เสียใจเพราะพ่อ เขาจะให้แผ่นอกตัวเองเป็นที่ซบร้องไห้ของแม่เสมอๆ
“คุณหมิงเทียนรู้เรื่องคุณกับคุณหมิงซานไหมคะ”
เหว่ยเหอพยักหน้า...ตอนช่วงที่เตรียมตัวไปเรียนต่ออเมริกา หมิงซานดีใจบอกตนว่าจะพาเที่ยวซานฟรานซิสโก เพราะที่นั่นเป็นเมืองที่ไม่ปิดกั้น เราสามารถแสดงความรักต่อกันได้ หมิงซานกอดและจูบหน้าผากตน หมิงเทียนผ่านมาเห็น ตกตะลึง หมิงซานรู้ว่าน้องชายผิดหวัง
“รังเกียจพี่มากสินะ...พี่ไม่ได้อยากเป็นแบบนี้ แต่พี่บังคับตัวเองไม่ได้ พี่ไม่รู้ ความรักระหว่างชายหญิง กับชายรักชายต่างกันยังไง พี่รู้แต่ว่า...พี่รักเหว่ย ถ้าหมิงเทียนจะเลิกนับถือพี่ พี่ก็เข้าใจ พี่ไม่เป็นตัวอย่างที่ดีให้น้อง จะเกลียดพี่เลยก็ได้ พี่ไม่ว่า” หมิงซานเศร้า เสียใจมาก
“พี่ใหญ่เป็นพี่ชายที่ดีของผม คอยปกป้องผม สอนผม พี่ยังเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ ผมยึดพี่เป็นแบบอย่าง เรื่องส่วนตัวของพี่ผมไม่ก้าวก่าย ไม่ว่าพี่จะเป็นยังไง ผมก็รัก เคารพพี่ใหญ่ของผมเสมอครับ”
หมิงซานตื้นตัน สวมกอดน้องชาย ขอร้องอย่าบอกพ่อแม่เด็ดขาด หมิงเทียนสัญญาจะเก็บเป็นความลับจนตัวตาย เหว่ยเหอเช็ดน้ำตาป้อยๆซาบซึ้งใจไปด้วย...
เพกาเพิ่งรู้ เพราะอย่างนี้นี่เอง หมิงเทียนถึงไม่ยอมพูดเรื่องนี้ เหว่ยเหออดน้อยใจไม่ได้ที่สังคมให้ความสงสารกับคนพิการ แต่พวกตนก็พิการทางจิต ทำไมมีแต่คนเหยียดหยาม เพกาถามว่าคนในตระกูลเจ้ารู้แต่ไม่ยอมรับใช่ไหม
“สำหรับคนจีน เกย์ไม่ได้รับการยอมรับนักหรอก เจ้าหมิงซานคือประธานบริษัทยาที่ใหญ่ที่สุดในฮ่องกง หากใครรู้ว่าเขาเป็นเกย์ คงกระทบถึงภาพลักษณ์ขององค์กร ธุรกิจที่สืบทอดมาสามชั่วอายุคน จบสิ้นแน่”
เพกาเริ่มเข้าใจ...หญิงสาวเห็นเหว่ยเหอผอมมาก จึงพามาทานอาหารที่ร้านเล็กๆแห่งหนึ่ง ท่าทางเขาหวาดระแวงตลอดเวลา เธอบอกไม่ต้องกลัวอะไร แต่มันกลายเป็นนิสัยเขาไปเสียแล้ว
“ถ้าเราพบฆาตกร คุณจะมีชีวิตเหมือนคนอื่น นั่งที่ไหนก็ได้ อยู่ที่ไหนก็ได้ เหมือนคนบริสุทธิ์ทั่วไป วิญญาณของคุณเมย์ลีก็จะไม่มีอะไรค้างคาใจอีก คุณจะได้รู้ตัวฆาตกรเสียที”
เหว่ยเหอสะดุดหูที่เพกาพูดถึงวิญญาณเมย์ลี เธอบอกปัดเรื่องนี้เอาไว้ทีหลัง วันนี้ตนอยากถามความเห็นของเขา คิดว่าเหม่ยอิงจะเป็นฆาตกรได้ไหม เขาสงสัยว่าเธอเจอหลักฐานหรือ
“ฉันแค่อยากถามว่าเป็นไปได้ไหม แรงจูงใจน่ะค่ะมีไหม เช่น ถ้าคุณเมย์ลีตาย คุณนายรองจะได้อะไรบ้าง”
“ที่จริงก็มีแรงจูงใจอยู่ ตำแหน่งภรรยาประธานบริษัท มีทั้งเงินและอำนาจ เป็นประมุขของบ้านคนต่อไป ถ้าเมย์ลีแต่งงานกับคุณชายใหญ่ ก็จะมีอำนาจ ใครทำกับเธอไว้ คงอยู่ลำบาก”
เพกาพยักหน้าอย่างเห็นด้วย...
วันต่อมา ขณะที่เพกานั่งอ่านหนังสืออยู่ในสวน หมิงเทียนกลับจากทำงาน เดินยิ้มกรุ้มกริ่มเข้ามาหา มีกล่องช็อกโกแลตมาฝาก เธอยิ้มแก้มแทบปริเพราะเป็นของชอบ เพ่ยเพ่ยแอบมอง โกรธมากจะเข้าไปเอาเรื่อง แต่เหม่ยอิงมารั้งไว้และลากตัวออกไป...ระหว่างที่เพกากินอย่างเอร็ดอร่อย เธอป้อนให้หมิงเทียนทานด้วยกัน เขามองไปเห็นภาพตัวเองคุยกระหนุงกระหนิงกับเมย์ลีในสวน จึงรู้สึกผิดในใจ
ooooooo










