สมาชิก

กี่เพ้า

ตอนที่ 12

คนในบ้านตระกูลเจ้าร่อยหรอลง เพกาขีดฆ่าชื่อคนที่ตนสงสัยว่าเป็นฆาตกรออกทีละคนๆ จนเหลือเพียง เหวินเยี่ย หมิงเทียน และลี่ผิงซึ่งไม่คิดว่าจะเป็นลี่ผิงเพราะรักเมย์ลีเหมือนลูกไม่น่าจะทำร้าย เธอ ส่วนหมิงเทียนตัดออก เหลือเพียงเหวินเยี่ยที่น่าสงสัยที่สุด...

ด้าน เหวินเยี่ย เครียดกับเรื่องที่เกิดขึ้น จึงเก็บเสื้อผ้าจะไปพักผ่อนคลายเครียดที่ญี่ปุ่น ลี่ผิงขอตามไปดูแล ด้วยคิดว่าตอนนี้เหลือตนเพียงคนเดียวจะได้มีความสุขแบบครอบครัวเสียที

“ให้ฉันไปด้วยเถอะค่ะ ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำให้คุณพี่รำคาญ เราไปญี่ปุ่นแล้วเลยไปเที่ยวยุโรปเลยดีกว่าค่ะ ช่วงนี้บรรยากาศกำลังสวยเชียว”

“ผิง ฉันให้เธอเป็นใหญ่ในบ้าน แต่ไม่ได้ให้เธอเป็นใหญ่เหนือฉัน เธอไม่มีอำนาจคิดแทนฉัน ว่าฉันควรหรือไม่ควรทำอะไร” เหวินเยี่ยพูดจบเดินไปโดยไม่สนใจความรู้สึกภรรยา

ลี่ผิงมองอย่างน้อยใจ น้ำตาร่วงเผาะ เพกาแตะมือปลอบใจ ลี่ผิงเดินหนีขึ้นห้อง เพกาสงสารยกน้ำชาตามไปให้ เห็นเธอนั่งกอดรูปหมิงซานร้องไห้รำพัน จึงหาเรื่องชวนคุย เห็นปิ่นปักผมวางอยู่ก็ชมว่าสวย ซื้อที่ไหน วันหลังพาตนไปซื้อบ้าง แต่เธอกลับร่ำไห้เรียกหาแต่หมิงซาน

“คุณนายใหญ่ยังมีคุณหมิงเทียนอีกคนนะคะ”

“หมิงเทียนไม่มีทางแทนที่หมิงซานได้”

“ทำไมล่ะคะ ในเมื่อคุณหมิงเทียนก็รักคุณมากเหมือนกัน”

“เพกา เธอไม่ใช่คนจีน เธอไม่เข้าใจวัฒนธรรมเราหรอก สำหรับเรา ลูกชายคนโตคือความหวัง ลูกชายคนรองคือความรัก ฉันฝันว่าหมิงซานจะเป็นผู้สืบสกุลเจ้า เป็นประธานบริษัท แต่แล้วความหวัง ความฝันของฉันก็จบไปพร้อมกับชีวิตของหมิงซาน”

เพกาฟังแล้วสงสารหมิงเทียน ที่ไม่เคยอยู่ในใจพ่อแม่ได้เท่าพี่ชายเลย...เธอจึงคลายความโกรธหมิงเทียนลง นัดเขามาพบที่สวนโบตั๋นหลังเขากลับจากทำงาน ขอบคุณเขาที่ช่วยตอนเหม่ยอิงทำร้าย เขากลับบอกว่า ถึงไม่ช่วยก็ไม่เป็นอะไรอยู่ดี เพราะเหม่ยอิงแค่ขู่ไม่คิดทำร้ายจริง

เพกา ถอนใจแทบหมดอารมณ์จะโรแมนติก“ฟังแล้วยิ้มเฉยๆก็ได้ค่ะ...คุณคงเคยชินกับการ ทำเพื่อคนอื่นแต่ไม่เคยชินกับการฟังคำขอบคุณจากคนที่คุณช่วยเหลือใช่ไหมคะ”

เพกาพยายามบอกให้เขารู้ว่า ตนซาบซึ้งใจกับสิ่งที่เขาทำ ไม่ว่าใครมองไม่เห็นแต่ตนเห็น

“ไม่เป็นไร ผมขอแค่ให้คุณไม่โกรธ เข้าใจผมเรื่องเหว่ยก็พอ”

“ค่ะ ฉันจะพยายามเข้าใจคุณ แต่คุณก็ต้องเข้าใจฉันกับคุณเมย์ลีด้วย คุณเมย์ลีทำให้ฉันเห็นกำไลหยกของฆาตกร แต่เหว่ยไม่มีกำไลหยก ฉันถึงมั่นใจว่าเหว่ยไม่ใช่ฆาตกร”

“คุณอยากรู้ไหมว่าใครฆ่าเมย์ลี...ผมนี่แหละ ฆ่าเมย์ลี”

เพกา หน้าเจื่อน หมิงเทียนพูดด้วยความสะเทือนใจว่า ตนเป็นคนให้เมย์ลีขัดคำสั่งพ่อแม่ เธอถึงต้องตาย น้ำตาชายหนุ่มรื้นขึ้นมาอย่างเจ็บปวดกับเรื่องในอดีต

“เล่าให้ฉันฟังเถอะค่ะ เราจะช่วยกันทำลายความเจ็บปวดของคุณ”

หมิงเทียนสบตาหญิงสาว เห็นความแน่วแน่ในแววตาเธอ จึงตัดสินใจเล่า

“ผม พี่ใหญ่ เหว่ย เรียนที่อเมริกา พอผมจบผมไม่อยากเรียนต่อ ก็เลยกลับมาทำงานที่ฮ่องกง ผมเริ่มสานต่อความสัมพันธ์กับเมย์ลี นับวันเรายิ่งรักและมั่นใจในกัน

และกันมากขึ้น แต่พี่ใหญ่เรียนจบเตรียมจะกลับบ้าน”

ช่วง ที่หมิงซานกับเหว่ยเหอเรียนปริญญาเอกจบ ตนต้องไปดูงานที่อเมริกาสองเดือน ตนกังวลเกรงพ่อจะจับเมย์ลีแต่งงานกับพี่ใหญ่ จึงขอร้องให้เมย์ลีจดทะเบียนสมรสด้วย แต่เธอไม่สบายใจเพราะเป็นการทรยศต่อผู้มีพระคุณ

“ท่านต่างหากที่บงการ ชีวิตเรา บงการมากไปแล้ว... มานี่” หมิงเทียนดึงเมย์ลีมาที่หน้าตึก Mariage Registry “สำนักงานตรงนั้น เราแค่เข้าไปเซ็นชื่อนะเมย์ลี แต่งงานกันเถอะ”

“ให้ฉันพูดกับคุณพ่อคุณแม่ก่อนเถอะ ท่านมีบุญคุณท่วมหัว”

“เขา จะยิ่งเร่งการแต่งงานให้เร็วขึ้น เชื่อฉัน วันที่ฉันกลับจากอเมริกา ฉันจะยังไม่กลับบ้าน ฉันจะมารอเธอที่นี่ ที่ตรงนี้ เราจะเข้าไปจดทะเบียนสมรส เราจะแต่งงานกัน”

หมิงเทียนเล่ามาถึงจุดนี้ น้ำตาเขาคลอเบ้าด้วยความเสียใจ โทษตัวเอง ถ้ารู้จักเสียสละความสุขส่วนตัว ปล่อยเมย์ลีไปแต่งงานกับพี่ใหญ่ เธอก็คงไม่ตาย เพกาปลอบ ไม่มีใครรู้อนาคต

“ไม่ ผมผิด ผมไม่ละความพยายามโทร.มากล่อมเธอทุกวัน ให้ทำตามแผนของผม ในที่สุดเธอก็ตกลง เธอยอมแต่งงานกับผม แต่เธอบอกว่า ก่อนจะถึงวันนั้น เธอมีเรื่องสำคัญต้องทำให้เสร็จ ผมมารู้จากอาซิ่วทีหลังว่าเรื่องอะไร”

เมย์ลีขออนุญาตพ่อกับแม่ไปไหว้เจ้าแม่ทับทิมที่เกาะฉางโจวบ้านพ่อของซิ่วหลาน เพื่อขอพรก่อนแต่งงาน เธออยากขอพรให้หมิงซานมีสุขภาพดี แต่ที่จริงแล้ว เมย์ลีให้ซิ่วหลานพาไปหาอาหัว เพื่อขอให้ตัดกี่เพ้าให้ โดยห้ามบอกใครเด็ดขาด อาหัวกับอาฟ่งรับปากทั้งที่กังวลใจ

“ผู้ชายที่หนูจะแต่งงานด้วย คือคุณหมิงเทียนค่ะ”

“ที่ผ่านมา ผมดูออก คุณชายรองกับคุณหนูรักกัน แต่ไม่คิดว่าคุณหนูจะกล้าขัดคำสั่งคุณเยี่ย”

“เพื่อคุณหมิงเทียนหนูต้องกล้าค่ะ เราวางแผนจะแอบจดทะเบียนสมรสกัน แต่อาหัวคะ แต่งงานทั้งที หนูก็อยากมีชุดแต่งงานสวยๆเหมือนเจ้าสาวคนอื่น อาหัวตัดชุดกี่เพ้าเป็นชุดแต่งงานให้หนูได้ไหมคะ หนูจะใส่วันจดทะเบียนสมรส”

“คุณเยี่ยไม่ใช่คนที่ให้อภัยใครง่ายๆนะครับ” อาหัวหวั่น

“หนูเข้าใจค่ะ ถ้าอาหัวไม่อยากเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้”

ซิ่วหลานช่วยเกลี้ยกล่อมพ่อ อาหัวถอนใจ “สุภาษิตว่า อย่ายอมแพ้ ตราบเท่าที่ยังมีความหวัง แต่อย่าหวังจนเกินเหตุผล เพราะนั่นสะท้อนให้เห็นถึงความปรารถนา มากกว่าการพินิจพิจารณา”

“อาหัวกำลังจะบอกว่าหนูฝันเกินเอื้อมใช่ไหมคะ”

“ถ้าคุณชายใหญ่รักคุณหนูก็ว่าไปอย่าง แต่นี่... เฮ้อ...กางแขนสิครับคุณหนู ผมจะวัดตัว”

เมย์ลีดีใจมาก อาหัววัดตัวแล้ววาดแบบกี่เพ้าที่จะตัดเย็บให้ดู เป็นกี่เพ้าสีแดงเลือดนก ปักลายดอกโบตั๋นสีชมพู และย้ำว่าจะตัดเย็บด้วยมือทั้งหมด

“ผมเริ่มหูตาฝ้าฟาง อีกไม่กี่ปีคงตัดกี่เพ้าไม่ได้ กี่เพ้าของคุณหนูจะเป็นชุดสุดท้ายของผม ผมอยากให้งานชิ้นนี้เป็นผลงานทรงคุณค่าที่สุดในชีวิตช่างตัดกี่เพ้า เพื่อฝากให้คนรุ่นหลังได้จดจำ...จำไว้นะซิ่ว กี่เพ้าของพ่อชุดนี้จะประกาศความเป็นเราให้โลกรู้ ไม่ว่าเราจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร กี่เพ้าจะอยู่คู่กับคนจีน”

ซิ่วหลานน้ำตาไหล เข้าใจถึงปณิธานของพ่อ เมย์ลีก็พลอยน้ำตาซึมไปด้วย...

หลังจากนั้นไม่นาน เจ้าเหวินเยี่ยก็ระแคะระคายเรื่องราว คงมาจากท่าทีมีความสุขของเมย์ลี เขาโทร.เช็กไปที่อเมริกา จนรู้ว่าหมิงเทียนจะกลับฮ่องกงก่อนกำหนด จึงจัดการเลื่อนการแต่งงานของหมิงซานกับเมย์ลีเร็วขึ้นมา แม้หมิงซานจะคัดค้านอย่างไรก็ไม่เป็นผล

เมย์ลีพยายามโทร.ติดต่อหมิงเทียน หมิงซาน

กลัดกลุ้มดื่มเหล้าจนเมามาเล่นงานเมย์ลี โทษเป็นความผิดของเธอที่มาเป็นลูกบุญธรรมตระกูลเจ้า เมย์ลีย้อนถามทำไมเขาไม่ปฏิเสธคุณพ่อไปตรงๆ ว่าไม่ต้องการแต่งงาน

“ถ้าฉันทำได้ ฉันทำไปนานแล้ว”

“คุณชายใหญ่ทำได้ แต่ไม่กล้า”

หมิงซานโกรธ คว้าแขนเมย์ลีบีบแน่น “ถ้าเธอกล้า เธอก็ทำสิ ถ้าเธอไม่ทำ ฉันจะทำให้ชีวิตเธอเจ็บปวดกว่านี้ร้อยเท่าพันเท่า ฉันจะไม่แตะต้องเธอแม้แต่ปลายเล็บ ฉันจะทำให้เธอรู้ว่า ฉันรังเกียจเธอแค่ไหน ฉันจะทำให้วิญญาณพ่อเธอรู้ว่า เขาคิดผิดที่ยกเธอให้กับตระกูลเจ้า วิญญาณพ่อเธอจะต้องนอนตายตาไม่หลับ คอยดูก็แล้วกัน”

หมิงซานเหวี่ยงเมย์ลีล้มลง ซิ่วหลานเข้าประคองปลอบโยนด้วยความสงสาร

ooooooo

และแล้ว กี่เพ้าลายโบตั๋นก็ตัดเย็บเสร็จ เมย์ลีเห็นแล้วน้ำตาร่วงเผาะ ความฝันของตนไม่เป็นจริงแล้ว ซิ่วหลานปลอบใจ คนดีไม่เคยคิดร้ายกับใคร เสียสละเพื่อคนอื่นมาตลอดอย่างเธอ จะต้องได้รับสิ่งดีๆอย่างเช่น ความรักจากคุณชายรอง

เมย์ลีฮึดสู้ “คุณหมิงเทียนมอบความรักให้หนู

แล้ว หนูจะต้องทำหน้าที่รักษามันไว้ให้ได้ ใช่ไหมคะอาซิ่ว”

“คุณหนูจะทำอะไรคะ”

“หนูจะทำเพื่อทุกคน และเพื่อตัวหนูเองค่ะ” แววตาเมย์ลีดูมุ่งมั่น

วันต่อมา เมย์ลีสวมกี่เพ้าโบตั๋น  ตัดสินใจเข้าไปบอกเหวินเยี่ยและลี่ผิงว่า ตนไม่อยากแต่งงานกับหมิงซาน ถ้าพ่อกับแม่บังคับ ตนจะให้คนทั้งฮ่องกงรู้ว่าคุณชายใหญ่เป็นเกย์...

“คุณเมย์ลีกล้าทำถึงขนาดนั้นเลยเหรอคะ” เพกาได้ฟังแล้วไม่อยากจะเชื่อ

“ความอดทนของคนเรามีขีดจำกัด เมย์ลีคงอดทนมามากพอแล้ว เธอคงไม่อยากจะทนอีกต่อไป” เพกาถาม คุณท่านทั้งสองว่าอย่างไรบ้าง หมิงเทียนส่ายหน้า

“ไม่มี ใครรู้ว่าพวกท่านคิดอะไร แต่ท่ีแน่ๆ สิ่งที่เมย์ลีพูด ทำให้ใครหลายคนเดือดร้อน เมย์ลีถึงต้องตาย เมย์ลี...ผมขอโทษ ผมผิดเอง ผมผิดเอง...” หมิงเทียนปิดหน้าร้องไห้

“เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของคุณ คุณต้องลืมเรื่องทั้งหมด อย่าให้อดีตมาหลอกหลอนคุณ เพราะไม่ใช่ แค่คุณที่เป็นทุกข์ แต่ทั้งคุณเมย์ลีและฉัน ก็จะไม่เป็นสุขไปด้วย เราต่างอยากเห็นคนที่เรารักมีความสุข คุณทำเพื่อเราได้ไหมคะ”

หมิงเทียนเงยหน้ามองเพกาด้วยความดีใจที่ได้ยินคำว่ารักจากเธอ เขาดึงเธอมากอดแนบแน่น กำแพงของอดีตพังทลายลง

“ถ้าคุณติดต่อกับวิญญาณเมย์ลีได้จริง ผมฝากขอบใจเมย์ลีด้วย ที่ช่วยส่งคุณมาให้ผม”

เพกายิ้มปลื้มอยู่ในอ้อมกอดของเขา...

คืนนั้น เพกาครุ่นคิดถึงเรื่องที่หมิงเทียนเล่า ถ้าสิ่งที่เมย์ลีพูดทำให้ใครหลายคนเดือดร้อน แล้วใครล่ะที่เดือดร้อนที่สุด พอดีซิ่วหลานถือถาดนมเข้ามา บอกว่าคุณนายใหญ่ให้เอามาให้

“คุณนายใหญ่ดูเผินๆเหมือนดุ แต่จริงๆแล้วใจดีมากเลยนะคะ มีน้ำใจด้วย”

“คุณนายใหญ่ต้องวางตัวให้น่าเกรงขามเอาไว้ค่ะ ไม่อย่างงั้นก็ปกครองคนในบ้านไม่ได้”

“แล้วคุณเยี่ยล่ะคะ ที่จริงแล้วเป็นคนยังไง”

“อย่างที่เห็นเลยค่ะ คุณเยี่ยให้ความสำคัญอยู่สองอย่างคือ งาน ชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล ใครหน้าไหนทำให้ชื่อเสียงตระกูลเจ้ามัวหมอง ท่านไม่เอาไว้หรอกค่ะ ดูคุณจิ้นกับคุณเหม่ยอิงเป็นตัวอย่างสิคะ”

เพกาคิดในใจอย่างเชื่อมั่น “งั้นถ้าคุณเมย์ลีจะแฉเรื่องคุณหมิงซานเป็นเกย์ ทำให้ชื่อเสียงตระกูลเจ้าย่อยยับ คุณเยี่ยก็คงไม่ปล่อยคุณเมย์ลีไว้เหมือนกัน”

ooooooo

วันนี้มีชายแปลกหน้าชื่ออาเฉินมาคุยกับลี่ผิงในห้องรับแขก แต่พอเหวินเยี่ยกลับมา อาเฉินก็รีบออกไปทางประตูข้าง ลี่ผิงมารับหน้าสามีที่เพิ่งกลับจากญี่ปุ่นทางประตูหน้า

“คุณพี่กลับมาแล้ว หิวไหมคะ เดี๋ยวฉันจะให้อาซิ่ว หาของว่างมาให้”

“ไม่ต้อง...ฉันจะไปห้องพิพิธภัณฑ์ ห้ามใครรบกวน...” ลี่ผิงหน้าเสียมองตามหลังสามีไป

เพกากำลังให้หย่งซานดูกี่เพ้าโบตั๋นที่ตนจะซ่อมรอยขาด เขาชมฝีมือตัดเย็บและการปักชั้นบรมครู เพกา บอกว่าเป็นฝีมือพ่อของซิ่วหลาน และขอคำปรึกษาเรื่องสีที่จะใช้ย้อมเส้นไหม

“ผมว่าคุณน่าจะไปขอคำปรึกษาจากคนตัดชุดดีกว่าครับ เขาต้องรู้ว่าเขานำเส้นไหมมาจากที่ไหน”

เพกานึกได้ยิ้มดีใจ พลันเหวินเยี่ยเข้ามาเห็นกี่เพ้าของเมย์ลีก็โกรธ ให้เอาชุดอัปมงคลออกไป

“ชุดมงคลต่างหากค่ะ นี่ชุดแต่งงานคุณเมย์ลีกับ... คุณหมิงเทียนไม่ใช่หรือคะ”

“ไม่ใช่...สองคนนั่นไม่มีวันได้แต่งงานกัน เมย์ลีแต่งงานกับหมิงซาน”

“แต่ที่ฉันรู้ กี่เพ้าโบตั๋นเป็นชุดแต่งงานในฝันของเธอ ถ้าซ่อมเสร็จ ฉันตั้งใจเอาไปให้เธอที่สุสาน”

“พอกันที ฉันอดทนกับเธอมามากพอแล้ว ฉันจะไม่ทนกับเธออีกแล้ว...เพกา ขึ้นไปเก็บเสื้อผ้า เธอต้องกลับเมืองไทยเดี๋ยวนี้”

หย่งซานรีบแย้งแล้วใครจะซ่อมชุดมาดามซ่ง เหวินเยี่ยเสียงขุ่น ซ่อมได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้น แล้วไล่เพกาซ้ำ เธอสบตาเขาอย่างไม่เสียใจที่จะต้องจากไป

เก็บของเสร็จ เพกาเดินลงมาไหว้ล้ำลาลี่ผิง ตน ต้องคิดถึงเธอมาก ลี่ผิงมอบปิ่นปักผมให้

“ฉันก็จะคิดถึงเธอ อ่ะฉันให้ ฉันเห็นว่าเธอชอบ หมิงเทียนซื้อให้ฉันจากเมืองนอก ฉันคงจะพาเธอไปซื้อไม่ได้ ฉันให้เธอ”

เพกาไม่กล้ารับเพราะเป็นของที่หมิงเทียนซื้อให้ แต่ลี่ผิงกำชับคราวหน้าต้องปักมาให้ตนดู เหวินเยี่ยรำคาญไล่ให้ไปเร็วๆ เพกาหน้าหงิก หันมาลาซิ่วหลานและกระซิบข้างหู

“บอกคุณหมิงเทียน ฉันจะเอากี่เพ้าโบตั๋นไปซ่อมที่บ้านอาหัว ค้างอยู่ที่นั่นจนซ่อมเสร็จ”

เหวินเยี่ยสั่งสตาร์ตรถเป็นการเร่งให้เพกาไปเร็วๆ หญิงสาวยกมือไหว้เขา ขอโทษที่ทำอะไรให้ไม่พอใจ ตนไม่ได้เจตนา แค่อยากช่วยเมย์ลีตามหาฆาตกรเท่านั้น

“งั้นเธอก็ไปตามจับไอ้เหว่ยซะสิ”

“คุณและฉันรู้ดีว่าฆาตกรไม่ใช่เหว่ย สักวันเหว่ยจะต้องพ้นจากข้อกล่าวหา เพราะฉันเชื่อเรื่องเวรกรรม ไม่มีใครหนีเวรกรรมพ้น” เพกาปักใจว่าเหวินเยี่ยเป็นฆาตกร

ในขณะที่ลี่ผิง สีหน้าไม่พอใจกับคำพูดของเพกา เหวินเยี่ยคำราม ปากเก่งไปเถอะ...

ooooooo

เหวินเยี่ยไม่รู้ว่าเพกาไม่ได้เดินทางกลับเมืองไทย แต่กลับไปที่บ้านอาหัว โดยอี่ให้เม่งหงแฟนสาวของตัว ไปรอรับที่สนามบิน เพื่อพาเดินทางต่อไปยังบ้านอาหัว... มาถึง อาหัวและอาฟ่งออกมาต้อนรับเพกา

“คุณเพกา อาซิ่วโทร.มาบอก ผมก็ห่วงแทบแย่”

“อาอี่เขาแอบให้เม่งหงไปรับที่สนามบิน ไม่เคยรู้เลย ว่าอี่มีแฟนสวยขนาดนี้”

“ฉันเพิ่งเรียนจบค่ะ เลยกลับมาอยู่กับพ่อแม่ที่นี่ บ้านฉันอยู่ห่างไปสองถนนนี่เองค่ะ”

เพกานึกได้ “อาหัวคะ ฉันมีอะไรให้คุณดู”

เพกาหยิบกี่เพ้าออกมาจากกระเป๋า อาหัวลูบคลำ รอยขาด สีหน้าเศร้าลงด้วยความเสียดาย

“ภัณฑารักษ์คุณเยี่ย แนะนำให้เอาชุดมาให้อาหัวช่วยซ่อมค่ะ”

“ผมตัดกี่เพ้าชุดนี้มากับมือ รักมาก แต่คุณหนูเมย์ลีใส่ชุดนี้ตอนถูกฆ่าตาย อาถรรพ์ ลางร้าย ครอบงำกี่เพ้าชุดนี้อยู่ ไม่ควรเก็บไว้นะครับ...เผาทิ้งซะ”

“คนที่อยากให้ซ่อมกี่เพ้าคือคุณหมิงเทียนค่ะ”

อาหัวแปลกใจ เพการับว่าไม่น่าเชื่อใช่ไหม ว่าในใจลึกๆของหมิงเทียนอยากแก้ปัญหาเหมือนกับตน เพียงแต่เป็นเรื่องยากลำบากสำหรับเขา...

ขณะเดียวกัน หมิงเทียนกลับมา ซิ่วหลานกับอี่รีบรายงาน

“คุณพิ้งก์รีบออกไป คงอยากให้คุณเยี่ยสบายใจ เธอว่าเธอจะอยู่ที่หมู่บ้านประมง ซ่อมกี่เพ้าโบตั๋นจนเสร็จ ท่าทางคงใช้เวลาหลายวัน”

“อาอี่โทร.หาเม่งหง ฝากไปหาโรงแรมให้คุณพิ้งก์ด้วย บอกเขาว่า ให้รอฉันอยู่ที่หมู่บ้านประมง ฉันจะตามไปทีหลัง”

อี่รับคำและรีบปฏิบัติ...ตลอดเวลาที่เม่งหงพาเพกา มาที่โรงแรมและเดินทางไปบ้านอาหัว สองสาวไม่รู้เลยว่ามีคนสะกดรอยตาม

ทางบ้านตระกูลเจ้าเงียบเหงาไร้ผู้คนเหมือนก่อน

ลี่ผิงยกน้ำชามาให้เหวินเยี่ย เขากำลังคุยโทรศัพท์และสั่งฝากจัดการให้เรียบร้อย ลี่ผิงได้ยินถามว่าใครโทร.มา เหวินเยี่ยนิ่งเฉยไม่ตอบ แถมเดินหนีไม่สนใจของว่างที่เธอยกมา

ooooooo

วันใหม่ อาหัวสอนให้เพกาย้อมสีเส้นไหมที่จะใช้ซ่อมกี่เพ้า อาฟ่งนำดอกโบตั๋นที่เก็บมาวางให้หลายสิบดอก เพกาม้วนผมใช้ปิ่นปักผมที่ลี่ผิงให้ เพื่อความคล่องตัว ลงมือหั่นดอกโบตั๋นเป็นฝอยตามที่อาหัวบอก อาหัวต้มน้ำรอ

“ตำให้ละเอียดเลยครับ แล้วใส่ในห่อผ้าขาวบาง ก่อนจะใส่ลงในหม้อ”

สักพัก สีชมพูเริ่มปรากฏ เพกาตื่นเต้น อาหัวบอกว่า นี่เป็นเพียงสีชมพูพื้นๆ ช่างตัดกี่เพ้าแต่ละคนมีเคล็ดลับ เปลี่ยนสีดอกโบตั๋นเป็นสีชมพูเฉดต่างๆ เคล็ดลับของตนคือ...

“นี่ครับ ขี้เถ้าต้นผักขมหนาม สมุนไพรของจีน ต้นผักขมหนามใช้รักษาโรค แต่ผมเอามาย้อมเส้นไหม เลือกเอาต้นแก่มาตากให้แห้ง เผาจนเป็นขี้เถ้า ผมเผาไว้ตั้งแต่เมื่อวานจะได้ทุ่นเวลา ผสมขี้เถ้าต้นผักขมหนามกับน้ำสะอาด น้ำที่ได้เรียกว่าน้ำด่าง”

“น้ำด่าง...”

“น้ำด่างมีหลายชนิด โซดาไฟก็เป็นน้ำด่างชนิดหนึ่ง ยังมีด่างทับทิม แล้วก็น้ำด่างขี้เถ้า น้ำด่างแต่ละอย่าง ทำให้ได้สีดอกโบตั๋นคนละเฉดสี”

พอน้ำด่างขี้เถ้าต้นผักขมหนามตกตะกอน อาหัวให้เพกาเทน้ำขี้เถ้าต้นผักหนามลงหม้อ เอาเฉพาะที่เป็นน้ำใสๆ อย่าให้ตะกอนตกลงไป สักพักสีชมพูในหม้อ เปลี่ยนเป็นสีชมพูสด

“โอ้...มหัศจรรย์”

“ธรรมชาติมอบความงดงามให้มนุษย์มาหลายร้อยหลายพันปี ภูมิปัญญาพวกนี้ดูเชยล้าสมัย คนเดี๋ยวนี้จึงไม่สนใจ”

“ฉันคนหนึ่งค่ะ สนใจ ทึ่งมาก”

อาหัวยิ้มอย่างพอใจ “นี่เรายังไม่ได้สีไหมที่ต้องการนะครับ ต้องต้มแก่นไม้ฝาง เคี่ยวอีก 6 ชั่วโมง”

เพกายืนมองดูอย่างเพลิดเพลิน พลันมีเสียงคนตะโกนเรียกอาหัวหน้าบ้าน อาฟ่ง อาหัว และเพกาเดินออกมา เห็นอาจือเพื่อนบ้านยืนอยู่ ไม่ทันที่อาจือจะพูดอะไร เห็นหน้าเพกาก็ร้องลั่นว่าผี...ผงะถอยกรูด

“ไม่ใช่ผี อาจือ นี่คุณเพกา ช่างซ่อมกี่เพ้าจากเมืองไทย เธอมาทำงานที่บ้านคุณเยี่ย”

“คนบ้านตระกูลเจ้า...ฮึ่ย” อาจือยิ่งไม่พอใจ ผลุนผลันกลับไป

“อาจือหาว่าตระกูลเจ้าใส่ร้ายเหว่ยเหอลูกชาย จนหมดอนาคต” อาหัวอธิบาย

เพกาฟังไม่ถนัด ถามย้ำว่าลูกชายอาจือชื่ออะไร อาหัวตอบว่าชื่อเหว่ยเหอ...เพกาถึงกับอึ้งที่ได้พบแม่ของเหว่ยเหอ

หลังจากนั้น เพกามากับอาหัว เอาอาหารและยามาหาอาจือที่บ้าน อาหัวเล่าว่า อาจือมีลูกชายคนเดียว สามีไม่อยู่แล้ว เรื่องของเหว่ยเหอทำให้เธอเสียใจมาก จนร่างกายอ่อนแอ โรคไตกำเริบ หลายครั้งที่อาจือคิดฆ่าตัวตาย ตนต้องคอยเตือนสติว่า ความตายไม่ได้แก้ปัญหา แต่เป็นการหนีปัญหาต่างหาก เพกาสลดใจ นี่เป็นอีกชีวิตที่ต้องทรมาน เพราะหาฆาตกรตัวจริงไม่พบ

อาจือเดินออกมาจากหลังบ้าน เห็นเพกาก็ตกใจ ไล่ให้กลับไป เพกาพยายามอธิบาย

“อาจือคะ ฉันอยู่ข้างเหว่ย ฉันเชื่อว่าเหว่ยบริสุทธิ์ อาจือช่วยติดต่อเหว่ยให้ฉันได้ไหมคะ”

“เจ้าเหวินเยี่ยส่งคุณมาหลอกถามที่อยู่อาเหว่ยล่ะสิ ต่อให้ฆ่าฉันให้ตายฉันก็ไม่บอก”

“คุณเพกาเธอไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลเจ้าเลยสักนิด หนำซ้ำเธอยังเป็นเพื่อนอาเหว่ย คุณเพกาเธอหวังดี อยากช่วยอาเหว่ย”

“คนตระกูลเจ้าสอนบทเรียนฉัน อย่าเชื่อใจใครง่ายๆ อาเหว่ยเข้าออกบ้านตระกูลเจ้าตั้งแต่เด็ก เหมือนเป็นสมาชิกในบ้าน แล้วดูสิ...คนบ้านตระกูลเจ้าทำกับอาเหว่ยยังไง” อาจือเสียใจเซจะเป็นลม เพกาตกใจเข้าประคอง แต่เธอปัดแล้วเดินหนีไปหลังบ้าน เพกาจ๋อยมองหน้าอาหัว

ooooooo

กี่เพ้า

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด