ตอนที่ 10
บ่ายวันนั้น เหวินเยี่ยนั่งจิบน้ำชาอยู่กับลี่ผิง เหม่ยอิงเข้ามาขอปรึกษาเรื่องสำคัญ เธอเอ่ยปากถามลี่ผิง สังเกตบ้างไหม ว่าหมิงเทียนดูจะสนิทสนมกับเพกา ตนเห็นว่าคุณชายรองเป็นทายาทคนเดียวของตระกูลเจ้า ควรแต่งงานกับผู้หญิงที่คู่ควรเหมาะสม
“อะไรกัน ไหนหมิงเทียนบอกว่าแค่ล้อเล่นไง” เหวินเยี่ยไม่ชอบใจ
“คุณชายรองล้อเล่นกับเมย์ลีแค่คนเดียว จำไม่ได้หรือคะคุณพี่”
“อิจฉา ล่ะสิถึงมาฟ้อง ช่วยลูกสาวจับหมิงเทียนไม่สำเร็จ พยายามอยู่ตั้งหลายปี เพกามาเดี๋ยวเดียวจับหมิงเทียนติดหมัด มือตกไปเยอะนะเหม่ยอิง” ลี่ผิงเย้ยหยัน
เหวินเยี่ยทำไม่สนใจ เหม่ยอิงเน้นอยากได้สะใภ้เป็นเพกาหรือ ลี่ผิงรีบบอกว่า คนอย่างหมิงเทียนยิ่งว่าเหมือนยิ่งยุ อีกไม่นานเพกาก็กลับเมืองไทย คงเลิกราไปเอง เหม่ยอิงนิ่วหน้าไม่ได้ดังใจ ในขณะที่เหวินเยี่ยทำนิ่งเฉย แต่ในใจครุ่นคิด
วันต่อมา เหวินเยี่ยมาที่ห้องพิพิธภัณฑ์ เจออาหัวเอาเส้นไหมมาให้เพกาเลือกสีที่ยังไม่มี
“ขอบใจมาก ออกไปได้แล้ว อ้อ ให้อาซิ่วจัดยาบำรุงชุดใหญ่ติดมือไปด้วย บอกว่าฉันให้”
อา หัวค้อมตัวขอบคุณ เดินโขยกเขยกออกไปตามประสาคนแก่ เหวินเยี่ยไม่รอช้า เสียงเข้มใส่เพกา ตนจ้างมาซ่อมกี่เพ้า กลับทำเกินหน้าที่ หญิงสาวทำหน้างงๆ พอเขาบอกว่าเรื่องหมิงเทียน เพกาเข้าใจทันที คงไม่อยากให้คบกัน เธอจะอธิบาย เสียงอาหัวขัดขึ้น
“สุภาษิตจีนกล่าวว่า จงเก็บอารมณ์ไว้เถิด จะเห็นความสว่างข้างหน้า...ขอโทษครับ จู่ๆนึกได้” อาหัวหันมาขอโทษเหวินเยี่ยแล้วเดินออกไป
เพกา รู้ว่าอาหัวเตือนสติจึงใจเย็นลง “ดิฉันขอโทษที่ทำให้ท่านไม่พอใจ ดิฉันไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้วางแผนให้เกิดขึ้นค่ะ มันเป็นไปเองตามธรรมชาติ”
“ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในบ้านนี้ ฉันคนเดียวเท่านั้นเป็นผู้กำหนด เรื่องไหนฉันไม่ต้องการให้เกิด ก็ต้องไม่เกิด”
“ดิฉันตอบได้แค่ หัวใจคนไม่ใช่เครื่องจักร จะกดปุ่มให้เลิกคิด เลิกรู้สึกเป็นเรื่องยาก”
เห วินเยี่ยตวาดสั่งให้ต้องเลิก เพกาค้อมหัว “ขอโทษจริงๆค่ะ ดิฉันไม่ใช่สมาชิกตระกูลเจ้า คุณเยี่ยไม่มีอำนาจสั่งดิฉันนอกจากเรื่องงาน ดิฉันมีสิทธิ์คิด มีสิทธิ์ฝัน มีสิทธิ์ทำอะไรก็ได้ที่ใจต้องการ”
“เธอ เป็นคนที่สอง ที่กล้าท้าทายอำนาจฉัน รู้มั้ย คนแรกคือใคร...เมย์ลี” สีหน้าเหวินเยี่ยดูเหี้ยมจนน่ากลัว เพกาคิดในใจว่าเผด็จการชัดๆ
ooooooo
พอ หมิงเทียนยอมรับความจริงว่าชอบเพกา เขายิ่งรู้สึกผิดต่อเมย์ลี ซิ่วหลานปลอบใจ เพราะเขาจมอยู่กับความหลังเกินไป ตนรู้จักเมย์ลีดี เธอต้องดีใจมากกว่า ถ้าเขาคบกับเพกา
“ซิ่วคิดอย่างนั้นหรือ”
“อย่ากังวลอะไรอีกเลยนะคะ อย่าหยุดแค่นี้ ปล่อยใจไปตามที่มันปรารถนาเถอะนะคะ”
หมิงเทียนพยักหน้า จะพยายามทำตามที่ซิ่วหลานแนะนำ...
คืนนี้ เพกาวางแผนเข้าค้นหากำไลของเหม่ยอิง อยากรู้ว่าแตกหักหรือไม่ จึงสอดกระดาษนัดหมาย เจอกันที่สวนหลังบ้านตอนเที่ยงคืน เหม่ยอิงเข้าใจว่าเป็นจิ้น–เจิน จึงลุกขึ้นแต่งหน้าทาปาก เฉิดฉายออกไป เพกาแอบอยู่ในมุมมืด ย่องเข้ามาในห้องเหม่ยอิง ค้นทุกซอกทุกมุมไม่เจอ เห็นกล่องเซฟใต้เตียง แต่เปิดไม่ได้ มองนาฬิกาเห็นสมควรเวลาจึงกลับออกไป...เหม่ยอิงยืนกอดอกหนาวสั่นรอจิ้นเจินอ ยู่นาน ชักโกรธ ฮึดฮัดกลับไป
วันรุ่งขึ้น เหม่ยอิงลากจิ้นเจินมาที่สวนหลังบ้าน ต่อว่าต่อขานที่นัดแล้วไม่ไปตามนัด พาลหาเรื่องว่าคงพลอดรักกับแม่เลขา จนลืมนัดตน เธอขยำกระดาษปาใส่ จิ้นเจินงงเก็บกระดาษมาคลี่อ่าน เดาว่าต้องเป็นฝีมือเพกา เขาเดินหนีไปดื้อๆ
เพกากำลังซ่อมกี่เพ้าอยู่ จิ้นเจินโผล่เข้ามา สีหน้าโกรธข้ึง ยื่นกระดาษมาตรงหน้าเธอ
“แกล้งผมกับเหม่ยอิงอีก ผมจะเล่นงานคุณจนเผ่นกลับเมืองไทยแทบไม่ทัน”
เพกา รอรับสถานการณ์อยู่แล้ว แกล้งยั่ว “แผนนี้ฉันใช้ความพยายามมากเลยนะคะ ให้อาซิ่วเขียนเป็นภาษาจีนให้ดูก่อน แล้วไปพิมพ์ที่ห้องทำงาน อักษรจีนบนแป้นพิมพ์หาย๊ากยากค่ะ ประโยคเดียวฉันใช้เวลาพิมพ์ตั้งชั่วโมงกว่าแน่ะ”
จิ้นเจินโกรธ เกรี้ยว บีบแขนเพกาที่กล้าลองดี อวี้เหลียน มาเห็น “นี่หยุดนะคุณจิ้น คุณทำฉันได้เพราะฉันเป็นภรรยาคุณ แต่กับผู้หญิงอื่น คุณรังแกเขาไม่ได้”
เพกาแย้งว่า สามีรังแกภรรยาก็ไม่ได้ จิ้นเจินตวาดเรื่องของสามีภรรยา คนนอกอย่ายุ่ง ว่าแล้วเห็นอวี้เหลียนแต่งตัวชุดทำงานจึงเยาะ
“ไปทำงานได้แล้วเหรอ เห็นกินยาโรคจิต นึกว่าเป็นบ้าไปแล้วซะอีก”
“อันที่จริงฉันก็อยากเป็นบ้าไปจริงๆ จะได้กล้าแฉเรื่องคุณกับเหม่ยอิง”
จิ้น เจินโกรธเงื้อมือจะตบ เพกามาขวางสีหน้าเอาเรื่อง อวี้เหลียนเริ่มกล้าตอบโต้ อย่าให้ตนหมดความอดทน จะประจานความชั่วของเขาให้คนฮ่องกงได้รู้
จิ้น เจินขยาด ชี้หน้าขู่ อยู่คนเดียวเมื่อไหร่เจอดีแน่ เขาหัวฟัดหัวเหวี่ยงออกไป เพกาหันมาถามอวี้เหลียน ความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เธอจะทนได้หรือ อวี้เหลียนทรุดนั่ง คิดหนัก
ooooooo
ด้านหมิงเทียน เมื่อตัดสินใจจะสารภาพรักต่อเพกา จึงไปเลือกซื้อแหวนท่าทางมีความสุข นัดเพกาออกมาพบกันที่วิกตอเรียพีค วันนี้หมอกลงจัด อากาศค่อนข้างหนาว เขาทำกรุ้มกริ่มเตือนเธอว่าต้องปรับปรุงเรื่องเสื้อผ้า ถ้าคิดจะอยู่ที่นี่ตลอดชีวิต เพกาทำหน้าฉงนจะมาไม้ไหน
“แต่ที่อันตรายก็คือ ลมแรงมากในบางฤดู สามีภรรยาต้องขลุกอยู่แต่ในบ้าน ไปไหนมาไหนไม่ได้” หมิงเทียนจับมือเพกามากุมไว้
เพกา ขวยเขิน ดึงมือออกเปลี่ยนเรื่อง ถามเขาเคยมาที่นี่บ่อยไหม หมิงเทียนเศร้าลงทันที เพราะเขามาที่นี่กับเมย์ลีบ่อยๆ แต่ตอบเธอไปว่า ฮ่องกงเล็กแค่นี้ ก็ต้องเคย แล้วชวนหญิงสาวไปเดินที่อื่น...หมิงเทียนพาเพกามาที่โกลเด้น โบฮีเนี่ยน สัญลักษณ์ของที่นี่คือดอกชงโคสีทอง
เพกาศึกษามาว่า “เมื่อหลายปีก่อน คือสถานที่จัดงานส่งมอบเกาะฮ่องกงคืนสู่จีน ดอกชงโคเป็นดอกไม้ประจำชาติและมีปรากฏบนธงชาติฮ่องกงด้วย”
หมิงเทียน พยายามรวบรวมความกล้า จะบอกรักและมอบแหวนให้เพกา แต่แล้วดันเห็นภาพอดีตที่เคยอยู่กับเมย์ลีตรงจุดนั้นจุดนี้ ทำให้เขาไม่สามารถพูดคำว่ารักออกไปได้ เขาตัดใจชวนหญิงสาวกลับ เดินนำหน้าเธอไป เพกาเหวอ ไหนบอกจะพาไปทานข้าว
ถึงเวลาอาหารคํ่า ทุกคนพร้อมหน้าที่โต๊ะอาหาร จิ้นเจินมองเพกาอย่างแค้นเคือง เธอจึงแกล้งถามขึ้นว่าเขามีปัญหาอะไร ดูเครียดๆ เขาเผลอย้อนกลับ
“นิสัยประจำตัวเธอ ปากเปราะ ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน”
“ให้เกียรติคุณพิงก์บ้างสิคะ เธอเป็นแขก” อวี้เหลียนต่อว่า
ทุกคนแปลกใจที่อวี้เหลียนกล้าเสียงแข็งกับสามี จิ้นเจินถลึงตาใส่กระซิบ มีปัญหาอะไรไปคุยกันในห้อง เธอโต้เสียงดังให้ทุกคนได้ยิน
“ทำไมคะ จะทำอะไรฉันดีล่ะคะวันนี้ บีบแขนหรือตบ ถ้าคุณทำอะไรฉัน ฉันจะไม่ปิดปากเงียบ อยู่เฉยอีกแล้ว”
จิ้นเจินโมโห ใช้สายตาบังคับอวี้เหลียนไปห้องเดี๋ยวนี้ เหวินเยี่ยกระแทกตะเกียบลงโต๊ะ
“ห้ามทำอะไรเหลียน แกเป็นคนผิด อย่าคิดนะจิ้น ว่าฉันไม่รู้เรื่องแก...”
ทุกคนตื่นตระหนก เหม่ยอิงเริ่มระแวง มือไม้สั่นจะลุกเดินหนี เพ่ยเพ่ยดึงไว้ ลี่ผิงออกตัวขอโทษแทนน้องชาย จิ้นเจินคุกเข่าลงกุมมือต่อหน้าเหวินเยี่ย
“ผมผิดไปแล้วครับพี่เยี่ย ผมขอโทษ ผมเสียใจ”
“เลิกกับเลขาซะ” เหวินเยี่ยสั่งเสียงเฉียบ ทุกคนหน้าเหวอ “ฉันมีคนเป็นหูเป็นตาที่บริษัท เขารายงานเรื่องแก การมีความสัมพันธ์กับลูกน้องในที่ทำงาน ทำให้เสียงาน เสียความน่าเชื่อถือ”
จิ้นเจินกับคนอื่นๆเหวอไปอีกครั้ง ที่เหวินเยี่ยไม่ได้หมายถึงเรื่องเป็นชู้กับคุณนายรอง จิ้นเจินรีบก้มหัวคำนับแล้วคำนับอีก รับปากจะทำตามคำสั่งทุกอย่าง...
เหวินเยี่ยหันไปถามอวี้เหลียนว่าพอใจหรือยัง เธอกลํ้ากลืนรับคำ สายตามองเหยียดไปที่เหม่ยอิงจนหวาดระแวงไม่สบายใจ
หลังจากนั้น เหม่ยอิงเรียกจิ้นเจินมาเคลียร์เรื่องราว ตกลงเหวินเยี่ยระแคะระคายหรือเปล่า
“พี่เยี่ยรู้ ป่านนี้ผมกับคุณไม่ได้อยู่เป็นสุขหรอก”
“แล้วเหลียนกับเพกาล่ะ รู้หรือเปล่า สายตาที่พวกมันมองฉันดูแปลกๆ”
จิ้นเจินไม่อยากให้เรื่องวุ่นวายมากกว่านี้ จึงบอกว่าครั้งนี้ขอเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะพบกัน แล้วเดินหนีไปดื้อๆ เหม่ยอิงยิ่งหวาดระแวงเข้าไปใหญ่
ด้านเพกา ต้องการรู้ให้ได้ว่ากำไลของเหม่ยอิงหักหรือไม่ แต่จะเปิดเซฟนั่นได้อย่างไร จึงคิดแผนใช้คนใกล้ตัวช่วย ด้วยการหลอกให้เพ่ยเพ่ยมาได้ยินตนสนทนากับซิ่วหลาน
“อาซิ่วคะ อาซิ่วเคยนึกสงสัยคุณนายรองไหมคะ ว่าเธอรักคุณเพ่ยเพ่ยมาก อาจฆ่าคุณเมย์ลี เปิดทางให้คุณเพ่ยเพ่ยได้แต่งงานกับคุณหมิงซาน หรืออย่างน้อยคุณหมิงเทียน”
ซิ่วหลานตกใจ เป็นไปได้อย่างไร เพกาให้เหตุผลว่า ถ้าเมย์ลีได้เป็นสะใภ้ตระกูลเจ้า สิ้นคุณเยี่ย คุณนายรองต้องถูกเฉดหัวออกจากบ้านแน่...เพ่ยเพ่ยซึ่งแอบฟังอยู่คิดตาม
“อีกอย่างภาพนิมิตที่วิญญาณคุณเมย์ลีให้ฉันเห็นตอนเธอถูกฆ่า กำไลหยกฆาตกรแตก ฉันไม่เคยเห็นคุณนายรองใส่กำไลหยกเลย คงเป็นเพราะกำไลของเธอแตกตอนฆ่า เดี๋ยวนี้วิทยาการของตำรวจก้าวหน้าขึ้นทุกวัน หากมีการรื้อฟื้นคดีขึ้นมา แล้วพบว่าฆาตกรไม่ใช่เหว่ย แต่เป็นคุณนายรอง อนาคตคุณนายรองกับคุณเพ่ยเพ่ยคงแย่นะคะอาซิ่ว”
เพ่ยเพ่ยเครียดทันที รีบเดินกลับไปทางห้องแม่ พอเพกาเห็นก็ตัดบทสนทนากับซิ่วหลาน
“ไปล่ะอาซิ่ว ไม่กวนแล้ว”
“เอ้า ไม่คุยต่อหรือคะ ทีเมื่อกี้ล่ะพูดจ๋อยๆ” ซิ่วหลานมองตามหลังเพกาไปอย่างงงๆ
ในขณะที่เพ่ยเพ่ยรีบร้อนเข้ามาในห้องเหม่ยอิง ไม่ทันได้ปิดประตู ลากเซฟที่อยู่ใต้เตียงแม่ขึ้นมาหมุนรหัสเปิดออก ไม่มีกำไลหยกแต่อย่างใด เธอปิดเซฟเก็บเข้าที่เดิม เพกาแอบมองอยู่หน้าห้องรีบหลบ เห็นเพ่ยเพ่ย กลับออกจากห้องเดินไปอย่างรีบร้อน จึงรีบตาม
เข้ามาในห้องนั่งเล่นเห็นเหม่ยอิงนั่งอ่านหนังสืออยู่ เพ่ยเพ่ยปรี่เข้าถามว่ากำไลหยกแม่อยู่ที่ไหน เหม่ยอิงตอบว่าอยู่ในเซฟ เพ่ยเพ่ยบอกว่าเปิดดูแล้วไม่มี เหม่ยอิงแปลกใจมีอะไร
“คุณแม่ฆ่าเมย์ลีหรือเปล่าคะ”
“เพ่ยเพ่ย! เอาที่ไหนมาพูด แม่ไม่ได้ฆ่าเมย์ลี”
เพ่ยเพ่ยไม่เชื่อถามหากำไลหยก เหม่ยอิงตอบว่าหาย แต่พอลูกสาวถามว่าหายที่ไหน ท่าทางเหม่ยอิงอึกอักตอบลูกไปว่า จำไม่ได้ เพ่ยเพ่ยโพล่งขึ้น
“กำไลไม่ได้หาย แต่มันแตกตอนฆ่าเมย์ลีใช่ไหมคะ”
“เอ๊ะ...เพ่ยเพ่ยวันนี้เป็นอะไร ยัยเมย์ลีมันตายไปแล้ว ต่อให้แม่เป็นคนฆ่ามัน แล้วไง มันก็สมควรตายอยู่แล้วนี่”
“เพ่ยเพ่ยก็แค่อยากรู้ ยัยพิงก์มันยืนยันว่าเหว่ยไม่ได้ทำ เกิดคุณพ่อให้ตำรวจรื้อคดีขึ้นมาใหม่ แล้วพบว่าคุณแม่เป็นคนทำ คุณพ่ออาจเฉดหัวเราออกจากบ้าน ไปก็ได้ ถึงยังไงเมย์ลีก็ลูกคนหนึ่งนะคะ”
“โธ่นึกว่าอะไร ที่แท้ก็กลัวเรื่องนี้ อย่าบ้าตามยัยพิงก์ไปหน่อยเลยน่า ฆาตกรก็คือเหว่ยนั่นล่ะ”
เพ่ยเพ่ยมองอย่างชั่งใจ เหม่ยอิงย้ำกับลูกสาวให้จับหมิงเทียนให้ได้เสียที จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้...เพกาซึ่งแอบฟังอยู่เซ็ง ไม่มีหลักฐานว่าเหม่ยอิงเป็นฆาตกรเสียแล้ว
ooooooo
หมิงเทียนนั่งกลุ้มมองแหวนที่ซื้อให้เพกา ซิ่วหลานยกน้ำชามาวาง เขาเปรยขึ้นว่า สุดท้ายตนก็ยังไม่ได้ให้ ซิ่วหลานพลอยกลุ้มใจตามไปด้วย...พอมานั่งกินข้าวกับอี่และหลุน ซิ่วหลานบ่นสงสารคุณชายรอง อุตส่าห์ซื้อแหวนเพชรมาให้เพกา แต่ไม่ให้เสียทีเพราะรู้สึกผิด
“คราวที่แล้วกำไล คราวนี้แหวนเพชรเลยหรือ” หลุนตื่นเต้น
ซิ่วหลานพยักหน้าเซ็งๆ อี่ว่าเรื่องนี้พูดยาก ตั้งแต่เมย์ลีตาย คุณชายรองไม่คิดจะรักใครอีก นี่ถ้าไม่ใช่เพกา คงไม่มีทางได้แต่งงานแน่...เป่าหลินแอบได้ยิน รีบแจ้นไปรายงานเจ้านาย
เพ่ยเพ่ยหน้าเครียด เข้าไปค้นในห้องหมิงเทียน พบแหวนเพชรในลิ้นชักจริงๆ แค้นใจมากบุกมาทำลายข้าวของในห้องเพกาจนสะใจแล้วโทร.นัดเพกาไปพบที่ท่าเรือเซนทรัลเฟอร์รี่
เพกาไม่หวั่นรับนัดทันที มาถึงเห็นเพ่ยเพ่ยยืนรออยู่ เพกามองไปรอบๆ เธอถามมองอะไร
“นักเลง มือปืน อาวุธทำลายล้าง”
“เอามาฆ่าแกน่ะหรือ ก็อยากอยู่ เสียดาย...ประเทศนี้มีความปลอดภัยสูง”
เพกาจึงถามงั้นนัดตนออกมาทำไม เพ่ยเพ่ยยื่นเช็คเงินสดให้ คิดเป็นเงินไทยหนึ่งล้านบาท แลกกับให้เพกากลับเมืองไทยไป หญิงสาวเยาะ รวยจริง แจกเงินทีละล้าน
“ถ้าไม่มีแก สักวันหนึ่ง พี่หมิงเทียนก็ต้องเป็นของฉัน”
“ใช้กำลัง ใช้เงินซื้อความรัก ไม่สำเร็จหรอก”
“ใช้ความสงสารซื้อความรัก สำเร็จแน่ แค่ใช้เวลา พี่หมิงเทียนรักและสงสารฉันมาตลอดชีวิตของเขา เขาเห็นฉันเป็นน้องเสมอ ถ้าแกคบกับเขา แกจะมีฉันเป็นน้องสะใภ้ แกคิดว่าชีวิตของแกจะมีความสงบสุขหรือจะเอาชีวิตแบบนั้นจริงๆหรือ”
เพกาอึ้งไปสักพัก ก่อนจะย้อนถามว่า ขู่เมย์ลี แบบนี้เหมือนกันใช่ไหม เพ่ยเพ่ยเยาะหยัน อยากฟังไหมว่าเมย์ลีโดนอย่างไร...หญิงสาวเล่าว่า ตนรื้อข้าวของในห้องดอกไม้ ให้เมย์ลีต้องเก็บหลายตลบ จนเมย์ลีขอร้องให้เลิกแกล้ง ตนจึงบอกว่า
“ถ้าแกยังคงสถานะเป็นลูกบุญธรรมคุณพ่อ ฉันก็ จะอยู่บ้านนี้กับแกอย่างสันติ แต่เมื่อไหร่ที่แกพยายามเลื่อนฐานะเป็นคุณนายรอง ฉันก็จะทำแบบนี้กับแก...จำไว้นะ แกได้พี่รอง แกก็จะได้ฉันจองล้างจองผลาญแกไปชั่วชีวิต แกมีลูก ฉันก็จะรังแกลูกๆของแก ให้แกห่วงนอนไม่หลับ ผวาตื่นทุกวินาที...ยังอยากได้พี่รองอีกไหมล่ะ”
เล่าจบ เพ่ยเพ่ยยิ้มเยาะยื่นเช็คให้ ถามรู้แล้วยังอยากอีกไหม เพการู้สึกสงสารเมย์ลีจับใจ
“คุณนี่มันนางมารร้ายจริงๆ เมย์ลีต้องอยู่กับความกลัวตลอดชีวิต บทเรียนจากชีวิตแสนเศร้าของเมย์ลีสอนฉันเรื่องอะไรรู้ไหม...เขาสอนฉันให้เข้มแข็ง สอนให้เราอย่าตกเป็นเหยื่อความกลัว” เพกาดึงเช็คมาฉีกทิ้ง “ฉันจะไม่ไปจากฮ่องกงเพราะกลัวคุณ ไม่มีวัน”
เพกายิ้มเยาะแล้วเดินจากไป ปล่อยเพ่ยเพ่ยยืนเกร็งแทบจะร้องกรี๊ด
ooooooo
กลับถึงห้อง เพกาเจอข้าวของกระจัดกระจาย รู้ทันทีว่าเป็นฝีมือเพ่ยเพ่ย...วันรุ่งขึ้น เพกาโทร.นัดเหว่ยเหอออกมาพบ เธอแวะซื้อของกินไปฝากเขามากมาย เผอิญเพ่ยเพ่ยเดินช็อปปิ้งอยู่แถวนั้น เห็นเพกาก็สงสัยคิดว่านัดพบกับหมิงเทียน จึงตามดู
เพกามาพบเหว่ยเหอที่อเบอดีนสตรีท เขาซาบซึ้งกับความมีนํ้าใจของเพกา ช่างคล้ายกับเมย์ลี แต่เพกากลับบอกว่า ไม่เท่าความใจดีที่เขามีต่อตน ขนาดลำบากยังห่วงใย เสี่ยงอันตรายมาเตือน คนจิตใจดีอย่างนี้ไม่น่ามีชีวิตตกต่ำ เหว่ยเหอเศร้าลง เพราะคำถามนี้ เขาถามตัวเองบ่อยๆ
“ผมก็เหมือนหมิงซาน พยายามทำดีกับโลก เพื่อขอ ให้โลกทั้งโลกยกโทษให้เรา ยกโทษให้ความผิดปกติที่เราเลือกเกิดไม่ได้ แต่ดูเหมือน...โลกจะไม่ยอม ผมถึงเป็นแบบนี้”
เพ่ยเพ่ยเดินมองหาเพกา จนเห็นว่านั่งคุยกับผู้ชายสวมหมวก ทำให้ไม่เห็นหน้า จึงเดินอ้อมเพื่อหาทางมองตรงๆ...เพกากำลังรบเร้าให้เหว่ยเหอมาช่วยกันจับฆาตกรตัวจริง เพื่อเขาจะได้มีชีวิตปกติ เธอขอให้เขาเล่าว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในวันนั้น ไม่ทันจะเล่า...เพ่ยเพ่ยเดินเข้ามา เพกาทักทายยิ้มๆ โดยไม่มีใครนั่งอยู่ด้วย มีแต่ของกินวางอยู่ เพ่ยเพ่ยตะคอกถาม ผู้ชายที่นัดมาไปไหน เพกาตอบว่าตนนั่งคนเดียว มองอะไรไปเรื่อย แล้วชี้ไปที่กระจกมองข้างรถที่จอดอยู่
“เห็นคุณวิ่งหน้าตั้งมา คิดถึงฉันขนาดนั้นเลยหรือ”
เพ่ยเพ่ยรู้ว่าเสียที เพกายิ้มเยาะ บอกขนมพวกนี้อร่อยมาก ตนยกให้ แต่ผู้ชายอย่างหมิงเทียน ตนไม่ยกให้ ว่าแล้วก็หัวเราะเดินจากไป เพ่ยเพ่ยโกรธมากถีบขนมกระจาย โวยวายด่าลั่น
กลับถึงบ้าน เพ่ยเพ่ยเจอหมิงเทียนนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ รีบเข้ามาฟ้องว่าเพกานัดเจอกับผู้ชายสองต่อสอง ใส่ไฟว่ากอดรัดฟัดเหวี่ยงกันไม่อายใคร หมิงเทียนนิ่งๆเพราะคิดว่ารู้จักเพกาดีพอที่จะไม่ทำอะไรแบบนั้น เพ่ยเพ่ยกระทืบเท้าด้วยความขัดใจ
แม้ทำเป็นไม่เชื่อ แต่ในใจหมิงเทียนคุกรุ่น เขามาที่ห้องพิพิธภัณฑ์ เพกาคุยอยู่กับอาหัวจึงเดินดูนั่นนี่เรื่อยเปื่อย เห็นมือถือเพกาวางอยู่ เขาแอบหยิบไปกดดูเบอร์ที่โทร.ออก จนเจอเบอร์ที่เป็นของคนฮ่องกง ลองกดไปหา ได้ยินเสียงเหว่ยเหอรับสาย รีบกดทิ้ง มองไปที่หญิงสาวด้วยสีหน้าครุ่นคิด ตัดสินใจส่งข้อความนัดเหว่ยเหอมาพบที่สุสานวันพรุ่งนี้
ถึงเวลานัด เหว่ยเหอเห็นเพกายังไม่มา กำลังจะโทร. หา หมิงเทียนเข้ามาบอกว่าไม่ต้องโทร. เพราะตนเป็นคนส่งข้อความนัดเอง เหว่ยเหอตกใจที่เขารู้ว่าตนติดต่อกับเพกา หมิงเทียนหาว่าเหว่ยเหอหลอกลวงเพกา เขาพยายามจะอธิบายแต่หมิงเทียนไม่ฟัง เรียกตำรวจออกมาจับ เหว่ยเหอตกใจวิ่งหนี หมิงเทียนย้ำให้จับเป็น แต่เหว่ยเหอว่องไวมาก จึงถูกยิงถากที่ขา เขายังกระเสือกกระสนหนีไปได้...
คืนนั้น เหว่ยเหอนอนซมไข้ขึ้นแผลอักเสบ ไม่กล้าไปหาหมอ เพ้อหาหมิงซานว่าตนกำลังจะไปอยู่กับเขา เพราะโลกนี้ไม่มีที่ยืนสำหรับเราจริงๆ
ooooooo
พอเพการู้เรื่อง บุกต่อว่าหมิงเทียนถึงห้องทำงาน หลุนพยายามขวาง อธิบายแทนว่า คุณชายรองทำทุกอย่างเพื่อความปลอดภัยของเธอ เพกาโวยวายว่าเขาอำมหิตมาก ล่อเหว่ยเหอมาฆ่า หมิงเทียนเปิดประตูออกมาด้วยความโกรธ ใครบอกเรื่องนี้กับเพกา ซิ่วหลานรีบรายงาน
“ตำรวจมาขอตรวจสุสานอีกครั้ง คุณพิงก์อยู่ตรงนั้นพอดี เลยถามคุณตำรวจค่ะ”
หมิงเทียนหันมาตำหนิเพกาที่ติดต่อกับเหว่ยเหอ เชื่อคำยุยงว่าคนในครอบครัวตนเป็นฆาตกร หญิงสาวโต้ว่าตนเห็นทุกอย่างในนิมิตต่างหาก บอกเท่าไหร่ก็ไม่เชื่อ
“มีเหตุผลหน่อยสิคุณพิงก์ ผมทำเพราะเป็นห่วงคุณนะ เหว่ยปั่นหัวคุณ เขาเป็นฆาตกร”
“คุณนั่นแหละฆาตกร คุณฆ่าฉันทางอ้อม”
“ฆ่ายังไง ผมปกป้องคุณต่างหาก”
“คุณแอบใช้มือถือฉันส่งข้อความไปล่อเหว่ยออกมาให้ถูกยิง ถ้าเหว่ยเป็นอะไรไปเท่ากับฉันมีส่วนด้วยคุณทำให้ฉันมือเปื้อนเลือด เลือดของคนดีๆที่น่าสงสาร ฉันต้องอยู่กับความรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต เหมือนตายทั้งเป็น” เพกาน้ำตาคลอด้วยความเสียใจมาก
หมิงเทียนขอโทษที่ทำไปโดยพลการ เพกาสะบัดหนี กำชับอย่ามายุ่งกับตนอีก เราไม่ได้เป็นอะไรกัน ตนจะเป็นจะตายมันก็ชีวิตของตน...ซิ่วหลานกับหลุนตกใจ ไม่เคยเห็นเพกาโมโหขนาดนี้ หมิงเทียนเศร้าใจ ตราบใดที่เหว่ยเหอยังไม่ถูกจับ ตนกับเธอคงมีเรื่องกันไปตลอด
เพกาพยายามติดต่อกลับไปหาเหว่ยเหอ แต่เขาปิดเครื่อง เธอรู้ว่าเขาคงไม่ไว้ใจเธออีก เพกาออกตามหาเหว่ย– เหอที่ต่างๆ ที่คิดว่าเขาจะอยู่ สอบถามตามโรงพยาบาลก็ไม่มี...
ด้านเหม่ยอิงเห็นว่าวันนี้เหวินเยี่ยไม่อยู่ อวี้เหลียนออกไปซื้อของ หมิงเทียนพาลี่ผิงไปหาหมอ จึงเข้ามาหาจิ้นเจินในห้องนอน เพื่อถามว่าทำไมหมู่นี้ทุกคนทำท่าแปลกๆกับตน มีอะไรที่ตนไม่รู้หรือเปล่า พลันอวี้เหลียนกลับมา เปิดประตูห้องไม่ได้ควานหากุญแจในกระเป๋า เห็นเพกาเดินมาจึงชวนเข้าไปคุยในห้อง เข้ามาเห็นจิ้นเจินกำลังดันเหม่ยอิงอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า
“คุณนายรอง คุณเข้ามาในห้องฉันทำไม”
“ฉันเข้ามาคุยธุระกับคุณจิ้น” เหม่ยอิงลอยหน้าตอบไม่ยี่หระ
อวี้เหลียนตรงเข้าตบหน้าเหม่ยอิง “ที่ผ่านมา ฉันพยายามทำตัวเป็นคนหูหนวกตาบอด แต่ตอนนี้ฉันทนไม่ไหวแล้ว”
เหม่ยอิงตาเหลือกที่อวี้เหลียนรู้ว่าตนเป็นชู้กับจิ้นเจิน อวี้เหลียนขู่ ถ้าไม่เลิกตนจะฟ้องเหวินเยี่ย เหม่ยอิงลนลานถามว่าใครรู้อีกบ้าง เหลือบไปเห็นเพกา ถลาไปลากตัวเข้ามา
“นังเพกา แกได้ยินอะไรบ้าง”
“เรื่องคุณเป็นชู้กับคุณจิ้นน่ะหรือคะ ฉันรู้มาตั้งนานแล้ว โอ๊ย...เขารู้กันทั้งบ้าน มีแต่คุณเยี่ยกับลูกสาวคุณ แล้วก็เป่าเท่านั้นแหละที่ไม่รู้”
เหม่ยอิงช็อก หันไปเขย่าตัวจิ้นเจิน “ทำไมคุณไม่บอกฉัน แล้วฉันจะทำยังไง ทุกคนรู้ ฮึ่ย”
เหม่ยอิงสติแตก วิ่งออกจากห้องมาชนซิ่วหลาน อี่และหลุนที่ช่วยกันหิ้วผ้ามาเก็บ เธอบีบแขนซิ่วหลานอย่าบอกเหวินเยี่ย ห้ามบอกเด็ดขาด ซิ่วหลานงงเรื่องอะไร อวี้เหลียนตามออกมา
“บอกเรื่องคุณนายรองตระกูลเจ้า คบกันฉันชู้กับคุณจิ้นน่ะสิ”
ทั้งซิ่วหลาน อี่ และหลุนตกใจอ้าปากค้าง เหม่ยอิงหน้าซีดเผือด เพกายั่ว ทุกคนในบ้านนี้ไม่มีใครกล้าพูด แต่ตนเป็นคนนอก ถ้าไม่หยุดพฤติกรรมสกปรก ไม่หยุดแกล้งอวี้เหลียน ตนจะบอกเหวินเยี่ย...เพ่ยเพ่ยเดินมาเห็นคนล้อมหน้าล้อมหลังแม่ รีบเข้ามาถามเกิดอะไรขึ้น เพกาทำท่าจะเล่าให้เพ่ยเพ่ยฟัง เหม่ยอิงรีบขวางห้ามเพกายกใหญ่
“เลิกเขย่าประสาทพวกเราเล่นซะที มีความสุขนักรึไง เห็นคนคลั่งเพราะเธอ” จิ้นเจินโวย
อวี้เหลียนโต้แทนว่าสมควรโดนแล้ว เพ่ยเพ่ยยิ่งงง ถามอวี้เหลียนโดนอะไร เหม่ยอิงรีบดึงลูกให้กลับห้อง เพ่ยเพ่ยโวยวายทำไมต้องกลัว มีอะไรบอกตนมา เหม่ยอิงไม่ตอบลากเพ่ยเพ่ยออกไป...เข้ามาในห้อง เพ่ยเพ่ยคาดคั้นให้เหม่ยอิงบอกว่าเพกา อวี้เหลียนและจิ้นเจินมีเรื่องอะไร
“หรือ...เป็นเรื่องที่มันสงสัยคุณแม่ ว่าคุณแม่ฆ่านังเมย์ลี มันสืบจนเจอหลักฐานว่า คุณแม่เป็นฆาตกรตัวจริง”
เหม่ยอิงโกรธพลั้งมือตบหน้าลูก “ฉันเป็นแม่แกนะ อย่าบังอาจตราหน้าฉันเป็นฆาตกร”
“คุณแม่จะมีความลับอะไรก็ตาม แต่คุณแม่ห้ามทำให้คุณพ่อเสียใจ เพ่ยเพ่ยเป็นคุณหนูตระกูลเจ้า ถ้าคุณแม่ทำให้เพ่ยเพ่ยต้องกระเด็นไปจากบ้านนี้ คุณแม่จะไม่ได้เห็นหน้าเพ่ยเพ่ย เพ่ยเพ่ยจะโกรธคุณแม่ไปชั่วชีวิต ได้ยินไหม” หญิงสาวร้องไห้โฮวิ่งออกไป
เหม่ยอิงอึ้งนั่งจมอยู่กับความเครียด ทบทวนเรื่องต่างๆอย่างกดดัน จนค่ำมืด ใบหน้าเหม่ยอิงเหี้ยมขึ้น เข่นเขี้ยว
“ฉันไม่มีวันกลัวแกเหมือนจิ้น ฉันจะไม่ยอมนั่งหวาดระแวงเหมือนจิ้น นังเพกา แกต้องตาย...ตายเหมือนเมย์ลี...”
ooooooo










