สมาชิก

เกิดเป็นหงส์

ตอนที่ 4

ทิวยังคงจ้องมองหญิงมานศรีที่นอนกอดแขนเขาไว้ไม่วางตา เธอเพ้ออีกว่าทำไมทุกคนต้องเกลียดเธอด้วย จะทำอย่างไรให้ทุกคนเลิกเกลียดเธอ

“แค่เพียงคุณมีจิตใจที่ใสซื่อและบริสุทธิ์เหมือนกับหน้าตา...ก็จะไม่มีใครเกลียดคุณ แต่เพราะคุณร้อยเล่ห์มารยา” เขาได้สติ จับแขนเธอออกอย่างรังเกียจ แล้วลุกออกไปหลังบ้านซึ่งเป็นที่ที่เขาใช้ทำงานอดิเรก ทั้งวาดรูป งานปั้น และงานด้านศิลป์เล็กๆน้อยๆซึ่งตรงข้ามกับบุคลิกหยาบของเขาอย่างสิ้นเชิง

“เป็นอะไรของแกวะไอ้ทิว...ไปอ่อนไหวกับผู้หญิงแบบนั้นทำไม” เขาไม่พอใจตัวเอง หันไประบายใส่ข้าวของ แถวนั้นกระจุยกระจาย...

พักใหญ่ กว่าหญิงมานศรีจะรู้สึกตัว แต่ยังมึนๆเพราะฤทธิ์ยา กวาดตามองรอบตัว ต้องตกใจ จำได้ว่าเป็นบ้านของทิว รีบก้มดูเสื้อผ้าตัวเองเห็นอยู่ครบก็โล่งใจ พยายามยันตัวลุกขึ้นจะไปจากที่นี่ ทิวอยู่หลังบ้านกำลังถอดเสื้อที่เปื้อนคราบสีคราบดินออกได้ยินเสียงกุกกักในบ้าน รีบเข้าไปดู

หญิงสาวเห็นเขาเปลือยท่อนบนเดินเข้าหา คิดว่าจะทำมิดีมิร้าย แข็งใจจะวิ่งหนี แต่เขารวบตัวไว้เสียก่อน เธอกลัวจัดดิ้นสุดฤทธิ์ แถมกัดเขาจมเขี้ยวจนต้องปล่อยมือ หญิงมานศรีสบช่องรวบรวมแรงเท่าที่มีวิ่งหนี สวนกับเข้มที่กำลังเดินถือกุญแจรถของเธอเข้ามาพอดี เธอแย่งกุญแจไปจากมือ ทิวตะโกนสั่งให้เขาจับเธอไว้

เธอหนีรอดเงื้อมมือเข้มไปได้ โกยอ้าวไปที่รถ เข้มเห็นทิวไม่สวมเสื้อ โวยลั่นว่าทำอะไรคุณหญิง ถึงได้วิ่งหน้าตาตื่นไปแบบนั้น ทิวไม่สนใจจะตอบรีบวิ่งตามไปรวบตัวเธอไว้ได้อีกครั้ง เธอคิดว่าจะถูกข่มเหงร้องลั่นให้ปล่อย ทิวไม่ได้พิศวาสเธอขนาดนั้น ที่ห้ามไม่ให้กลับเพราะเธอลืมเอาถุงยาไปด้วย แล้วสั่งให้รออยู่ตรงนี้

“ฉันไม่รอ”

“ไม่รอก็ไม่มีใครเอาไปถวายให้ที่โน่นหรอกนะ” เขาพูดจบเดินเข้าบ้าน ทั้งคู่มัวแต่ฮึ่มๆใส่กันไม่ทันเห็นขวัญตาซุ่มดูอยู่ ก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์กลับไป เข้มยังคาใจไม่หาย เห็นทิวกลับเข้าบ้านต่อว่าเป็นการใหญ่ ทำไมทำแบบนี้ ไหนบอกว่าจะพาคุณหญิงมานอนพักเฉยๆ

“อะไรของแกไอ้เข้ม ฉันไม่ได้ทำอะไร เสื้อฉันเปื้อนเลยถอดออก ยัยนั่นตื่นตกใจโอเว่อร์เอง...ยัยนั่นลืมถุงยา...รอเอาไปให้ด้วย” ทิวเดินหงุดหงิดหายเข้าไปในบ้าน...

ขวัญตาได้ที เอาเรื่องระหว่างทิวกับหญิงมานศรีไปฟ้องเทพ แถมใส่ไข่จนเว่อร์ว่าสองคนนั่นกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันไม่อายเจ้าป่าเจ้าเขา เทพทำเป็นไม่สนใจ สั่งให้หยุดเม้าท์ได้แล้ว เรื่องส่วนตัวของคุณหญิง ไม่เกี่ยวกับเขา ขวัญตาใส่ไฟไม่เลิก จะไม่เกี่ยวได้อย่างไรในเมื่อคุณหญิงทำงานให้เขา ถ้าคนงานมาเห็นเข้า เอาไปนินทาจะเสียมาถึงเขาด้วย เทพทำเป็นเห็นคล้อยด้วย ทั้งที่แค้นอกแทบระเบิด

“ถ้าที่เธอพูดมาเป็นความจริง ทำแบบนั้นคงไม่เหมาะสมนัก เพราะคุณหญิงเป็นเลขาฯฉัน ไว้ฉันจะสอบถามคุณหญิงดูเอง หวังว่าเธอคงไม่ได้สร้างเรื่องขึ้นมาเพราะโกรธและยังมีเยื่อใยกับนายทิวหรอกนะ”

ขวัญตาตัดพ้อ เขาพูดแบบนี้ได้อย่างไร ในเมื่อเธอบอกหลายครั้งแล้วว่าไม่ได้รักพี่ทิว รักแต่เขาคนเดียว ที่เล่าให้ฟังก็เพราะไม่อยากให้เขาเสียหายในสายตาใครๆ เธอพูดพลางเข้ามากอดแขนอย่างเอาอกเอาใจ ล้วนยิ้มเยาะที่เธอสตรอได้เก่งมาก เทพตัดบทอ้างว่ามีนัดต้องไปคุยงานข้างนอก เธออยากได้ของฝากอะไรหรือเปล่า

“ขอแค่คุณเทพอยู่กับขวัญตาคืนนี้ แก้ตัวแทนเมื่อคืนได้ไหมคะ” เธอออดอ้อน เทพพยักหน้ารับ ขวัญตาดีใจโผกอดเขาแน่น เขาจูบหน้าผากเธอตอบแต่แววตากลับเหี้ยมเกรียมแค้นที่ทิวมาแตะต้องคุณหญิงของเขา

ooooooo

หลังเสร็จธุระ เทพกลับมานั่งรอหญิงมานศรีอยู่ที่ห้องโถงของคฤหาสน์อย่างกระวนกระวายใจ ทันทีที่เธอมาถึง เขาแกล้งกระเซ้าหายไปช็อปปิ้งตั้งนานไม่เห็นซื้ออะไรกลับมาสักอย่าง เธอแก้ตัวว่าแค่ไปเดินดูเล่นๆ ไม่ได้อยากซื้ออะไร แล้วขอตัวขึ้นห้อง เขาไม่ยอมปล่อยเธอไปง่ายๆ ซักโน่นถามนี่ จนเธอชักเคือง

“ทำไมคุณเทพต้องซักเหมือนหญิงเป็นนักโทษคะ หญิงทำงานเป็นเลขาฯ ให้คุณ แต่ไม่ได้หมายความว่า ต้องรายงานความเป็นส่วนตัวให้คุณรู้ทุกอย่างนะคะ”

เทพโกรธ แต่ต้องเก็บเอาไว้ รีบขอโทษที่ละลาบละล้วงความเป็นส่วนตัว เขาแค่เป็นห่วงเพราะเธอหายไปนานโทร. ไปหาก็ไม่รับสาย คงเป็นเวลาส่วนตัวที่เธอไม่อยากให้ใคร

รบกวนจริงๆ เธอยอมรับว่าใช่ แล้วเดินเลี่ยงขึ้นห้อง พลาง

ถอนใจโล่งอกที่เขาไม่ซักอะไรอีก ส่วนเทพกลับยิ่งเครียด...

ขณะหญิงมานศรีกำลังเดินขึ้นบันได ผ่องทิพย์ยังแค้นใจไม่หาย แกล้งเซไปชน หวังจะให้ตกบันได โชคดีที่หม่อมสรัสวดีคว้าตัวลูกสาวไว้ทัน ยัยจอมวีนทำไม่รู้

ไม่ชี้เดินเชิดลงบันได เธอจะตามไปเอาเรื่องแต่ลูกขอร้องไว้ ยิ่งทะเลาะเรื่องยิ่งไม่จบ เธอยอมทำตามที่ขอ แล้วบอกให้ลูกไปพักผ่อนก่อน เดี๋ยวจะไปเอาของว่างมาให้

แต่พอคล้อยหลังเท่านั้น เธอเร่งฝีเท้าตามผ่องทิพย์ทันตรงแปลงกุหลาบ กำพืดเดิมเปิดเผยออกมา จิกหัวแล้วเอาหน้ายัยจอมวีนทิ่มใส่แปลงกุหลาบที่เต็มไปด้วยหนาม ขยี้ๆๆ อย่างสาแก่ใจ พวงทองเดินผ่านมาเห็นเข้าตกใจรีบเข้าไปห้าม หม่อมสรัสวดีถึงได้ยอมรามือ ใบหน้าของผ่องทิพย์เป็นรอยหนามข่วนไปทั้งแถบมีเลือดไหลซิบๆ พวงทองสงสัยว่านี่มันเรื่องอะไรกัน

“น้องสาวเธอตั้งใจผลักลูกหญิงให้ตกบันได ฉันจึงต้องมาจัดการให้รู้สำนึก ถ้ายังไม่เข็ดหลาบจะเจอยิ่งกว่านี้” หม่อมสรัสวดีว่าแล้ว เดินเชิดออกไป ผ่องทิพย์ได้แต่มองตามด้วยความแค้น...

ในเวลาต่อมา ที่มุมพักผ่อนหลังโรงงานน้ำตาล เทพไม่ได้คำตอบเป็นที่พอใจจากหญิงมานศรี จึงต้องไปถามความจริงจากทิวว่าทำอะไรเธอหรือเปล่า เข้มเห็นท่าไม่ดี รีบไร่พวกคนงานออกไป แต่พวกนั้นไม่ไปไหนไกลพากันแอบดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น ทิวแกล้งยั่วไม่ยอมตอบคำถาม แต่พอโดนยั่วกลับ ทนไม่ไหวต่อยเทพล้มคว่ำเลือดกบปาก ทั้งสองคนเปิดศึกกำปั้นกันอุตลุด...

อีกมุมหนึ่งของไร่อ้อย หญิงมานศรีกำลังปรึกษาพิไลพรถึงปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น ต้องแปลกใจที่เห็นพวกคนงานพากันวิ่งกรูไปทางด้านหลังโรงงานน้ำตาล รีบตามไปดูด้วยความสนใจ เมื่อสองสาวมาถึงต้องตกใจที่เห็นเทพกับทิวต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย หญิงมานศรีไม่เข้าใจทำไมถึงไม่มีใครเข้าไปห้าม คนงานอ้างว่าเจ้านายสั่งไม่ให้ยุ่ง พิไลพรอยากรู้มีเรื่องอะไรกันถึงกับจะฆ่าจะแกงกันแบบนี้

“นายใหญ่มาเอาเรื่องนายทิวเพื่อปกป้องคุณหญิงเลขาฯ แต่โดนนายใหญ่พูดจี้ใจดำเขาเลยโมโหซัดนายใหญ่ก่อน นายใหญ่เลยต้องป้องกันตัว” คนงานเล่าไปลุ้นไปด้วย

หญิงมานศรีไม่พอใจทิว และไม่สบายใจที่ตัวเองเป็นต้นเหตุให้ทั้งคู่มีเรื่องกัน ตัดสินใจเข้าไปห้าม เป็นจังหวะเดียวกับที่ทิวเพลี่ยงพล้ำ เทพดึงอาวุธที่ปักอยู่กับพื้นเงื้อใส่หมายจะฆ่าให้ตาย แต่พอเห็นเธอวิ่งเข้ามาเขาเปลี่ยนท่าทีเป็นเทพบุตรใจพระ ยอมไว้ชีวิตทิว อ้างว่ารับปากพี่ทัดไว้จะดูแลลูกชายของเขาให้ดีที่สุด

ทิวเพิ่งเห็นหญิงมานศรี รู้ทันทีว่าไอ้เทพบุตรซาตานนั่นเล่นละครตบตา และก็ได้ผลเสียด้วย หญิงสาวเชื่อสนิทใจ รีบเข้าไปถามอาการเขาด้วยความเป็นห่วง เทพตีบทแตกกระจุย

“ผมไม่เจ็บ แต่นายทิวสิ เจ็บกว่าผมเยอะ”

“คนไม่มีเหตุผล อคติชอบใช้กำลังข่มเหงรังแกคนอื่นแบบนี้ มันน่าจะเจ็บกว่านี้อีกร้อยเท่า” หญิงมานศรีจ้องทิวอย่างรังเกียจ เข้มเข้าไปประคองเจ้านายให้ลุกขึ้น ทิวแกล้งถ่มเลือดในปากใส่เทพ ล้วนจะเข้าไปเอาเรื่องแต่เทพห้ามไว้ พิไลพรมองตามทิวที่เดินกะเผลกๆ ไปกับเข้มด้วยความสงสาร ขณะที่หญิงมานศรีมองเทพซาบซึ้งที่ต้องมาเจ็บตัวเพราะปกป้องเธอ

ooooooo

ไม่นานนัก หญิงมานศรีช่วยพยุงเทพกลับคฤหาสน์โดยมีพิไลพรเดินตามอย่างไม่ค่อยชอบใจ ไม่อยากให้คุณหญิงของตนอยู่ใกล้ชิดกับผู้ชายคนนี้ อาสาจะเข้าไปตามเหล่าภรรยาของเขามาให้ เทพไม่พอใจ แสร้งขอบคุณในความกรุณาของเธอ พอพิไลพรพ้นสายตา เขาทำเป็นเข่าอ่อน หญิงมานศรีต้องเข้าไปโอบตัวไว้ไม่ให้ล้ม ทั้งสองใกล้ชิดกันมาก เขาพยายามสื่อสายตาลึกซึ้งมาให้ เธอถึงกับอึ้ง

พิไลพรเดินตามพวกเมียๆของเทพจนทั่วกลับไม่พบใครสักคน เจอแต่หม่อมสรัสวดี แทนที่จะเห็นด้วยกับเธอว่าการให้หญิงมานศรีดูแลเทพเพียงลำพังเป็นการไม่เหมาะสม หม่อมกลับสั่งว่าไม่ต้องไปตามพวกเมียๆ

“ให้ลูกหญิงได้ดูแลเจ้านายเถอะ ถือเป็นความดีความชอบ...ไปทำธุระของตัวเองไป ทางนี้ฉันจะช่วย ลูกหญิงเอง” เธอมองตามพิไลพรที่ดูจะไม่เห็นด้วยนักเดินหายเข้าไปในครัว...

ฝ่ายเทพค่อยๆยื่นหน้าเข้าไปหาหญิงมานศรีที่ยังคงยืนประคองเขาไว้ แต่ยังไม่ทันจะได้จุมพิต หม่อมสรัสวดีเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน ถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง หญิงสาวได้สติรีบขอตัว เทพเจ็บใจ แต่จำเป็นต้องฝืนยิ้มให้

“ก็อย่างที่เห็นล่ะครับหม่อม”

“โถ...ดูสิ...ตายแล้ว ภรรยาคุณก็ไม่อยู่เลยสักคน ทำไงดีล่ะคะเนี่ย” หม่อมสรัสวดีนึกขึ้นได้เรียกพิไลพรมาช่วยทำแผลให้ เทพเก็บความไม่พอใจไว้รอจนกระทั่งพิไลพรทำแผลให้เขาเสร็จแล้วขอตัวออกไป ต่อว่าทันที

“หม่อมตั้งใจขัดจังหวะผม”

“คุยกันตรงนี้คงไม่เหมาะมั้งคะคุณเทพ เดี๋ยวเมียๆคุณมาได้ยิน สิ่งที่คุณลงทุนทำมาทั้งหมดจะสูญเปล่า” หม่อมสรัสวดียิ้มให้อย่างมีไมตรี ขณะเทพเห็นคล้อยตาม...

ในขณะที่หม่อมสรัสวดีมีแผนการบางอย่าง ทิวดูจะสะบักสะบอมมากกว่าศัตรูของเขาหลายเท่า จนเข้มออกตัว บาดเจ็บขนาดนี้ เขาไม่มีปัญญาทำแผลให้ พวงทองอาสาจะจัดการเรื่องนี้ให้เอง ทิวไม่พอใจรีบนอนหันหลังให้ เธอไม่สน เอาชุดปฐมพยาบาลมาทำแผลให้เขาจนเสร็จ พยายามชวนพูดคุยถึงเรื่องเก่าๆในวัยเด็กที่เราสองคนเคยมีความสุขด้วยกัน เขาไม่อยากฟัง จะพูดถึงทำไม พวงทองคิดถึงสายสัมพันธ์ของเราสองพี่น้อง

“มันขาดหายไปตั้งแต่วันที่พี่ยอมเป็นเมียมัน”

“ทิว...คุณเทพเป็นคนดี ทิวได้อ่านจดหมายของคุณพ่อแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมทิวยังไม่เชื่ออีก”

เขาลุกพรวดขึ้นนั่ง ฉุกคิดถึงข้อความในจดหมายของพ่อที่พวงทองเอาให้เมื่อคืน

“ถึง...มิตร...ฉันรู้ว่านายไม่พอใจที่ฉันไม่เอาเรื่องเทพ แต่ฉันเป็นผู้ใหญ่ที่ต้องให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่าย  ในเมื่อไม่มีหลักฐานอะไรที่จะแสดงได้ว่าเทพกำลังจะคิดโกงฉัน นอกจากคำพูดของนาย ฉันก็คงทำอะไรไม่ได้ เทพเป็นคนดี แกเชื่อฉันเถอะมิตร เลิกสงสัยในเจตนาของเทพได้แล้ว ฉันรอการกลับมาของแก คนที่ฉันไว้ใจมากที่สุด...จากทัด”

ทิวตื่นจากภวังค์ ตะคอกลั่นว่าจดหมายนั่นอาจจะเป็นของปลอม พวงทองแย้งว่าจำลายมือพ่อตัวเองไม่ได้หรือ เขาพาลไม่เลิก หาว่าเธอหลงเสน่ห์เทพ ส่วนพ่อก็หลงเล่ห์กลของมัน ไม่มีใครเชื่อเขาสักคน

“เพราะทิวมีอคติและไม่มีสติ ความบุ่มบ่ามของทิวมีแต่จะทำให้ตัวเองเดือดร้อนและไม่มีความสุข ฟังพี่บ้างสิ พี่มีแต่ความหวังดีให้ทิวนะ” สายตาที่เต็มไปด้วยความจริงใจของพี่สาว ทำให้ทิวต้องเบือนหน้าหนีไม่กล้าสบตาด้วยเกรงจะใจอ่อน พวงทองขอตัวกลับก่อน แล้วนึกขึ้นได้หันกลับมาบอกน้องชายว่า

“พี่ไม่ได้หลงเสน่ห์เขา แต่เมื่อเขาไม่ได้ทำอย่างที่ทิวกล่าวหา ในฐานะภรรยา พี่ก็ต้องปกป้องเขา”

ทิวโกรธปัดข้าวของใกล้มือตกแตก เธอมองน้องชายด้วยสายตาผิดหวัง ก่อนจะกลับออกไป เขาคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ คว้าจดหมายของพ่อขึ้นมาอ่านอีกครั้งหนึ่ง นี่แสดงว่าลุงมิตรต้องคิดเหมือนเขา แต่เสียดายที่ลุงมิตรตายไปแล้ว แล้วเขาจะทำอะไรได้ ทรุดตัวลงนั่งหน้าเครียด

ooooooo

หญิงมานศรียังคงคิดถึงสายตาลึกซึ้งของเทพเมื่อครู่ พยายามสลัดความคิดที่ว่าเขามีใจให้เธอทิ้ง จังหวะนั้น หม่อมสรัสวดีเดินเข้ามาในห้องของเธอ พอรู้ว่าหม่อมแม่ไปคุยกับเทพมา เธอหน้าแดงรีบหลบสายตา

“ลูกหญิง แม่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาก็หลายปี มีเหรอที่แม่จะดูสายตาคุณเทพไม่ออกว่าคิดอย่างไรกับลูก...ลูกหญิงเองก็เป็นคนฉลาดคงจะรู้ว่าเขาคิดยังไงเหมือนกันใช่ไหม”

“หญิงไม่กล้าคิดค่ะ”

“ไม่กล้าคิดน่ะดีแล้วลูก ถึงคุณเทพจะเป็นคนดีและเป็นสุภาพบุรุษแค่ไหน แต่เขาก็มีพันธะ ถึงจะไม่ใช่ ตามกฎหมาย  เพราะเกียรติและศักดิ์ศรีของลูกหญิง  ทำให้เขายับยั้งชั่งใจและให้สัญญาลูกผู้ชายกับแม่ว่าจะหยุดความคิดไว้เพียงเท่านี้ จะมีเพียงความเป็นพี่ชายและน้องสาวเท่านั้น ลูกหญิงเชื่อเขาไหม”

“ค่ะ...หญิงเชื่อคุณเทพ...เขาเป็นคนดี” เธอสบายใจที่หม่อมแม่ไม่ได้เป็นอย่างที่ผ่องทิพย์กล่าวหา โดยไม่รู้เลยว่าความจริงแล้ว หม่อมแม่ตัวแสบของเธอ สนับสนุนสุดตัวให้เทพได้ตัวเธอมาเป็นเมีย แถมแนะให้เขาค่อย

เป็นค่อยไป ห้ามแสดงความปรารถนาในตัวเธอออกนอกหน้าแบบนั้นอีก ไม่เช่นนั้น หงส์งามที่เขาหวังจะครอบครองคงจะหลุดมือ ได้กกแต่อีกาเหมือนเดิม...

ทางด้านเทพ คิดถึงคำพูดของหม่อมสรัสวดีเมื่อครู่แล้วอดเจ็บใจไม่ได้ เมื่อใดที่ได้ครอบครองหงส์งามตัวนี้สมใจจะเอาคืนยัยหม่อมตัวแสบให้สาสม พยายามสลัดความขุ่นใจออก นอนแช่น้ำในอ่างต่อไป ขวัญตา ในชุดนอนวาบหวิวย่องเข้ามาหา อาสาจะนวดคลายเครียดให้ เทพอารมณ์บูดตวาดลั่น ใครใช้ให้เข้ามาในนี้ แล้วไล่ให้ไปรอที่ห้องตัวเอง เดี๋ยวจะตามไปเอง ขวัญตาตกใจรีบออกจากห้องของเทพแทบไม่ทัน

ทันทีที่เปิดประตูห้องออกมา เจอผ่องทิพย์ยืนรออยู่ ทั้งสองสาวตบตีกันวุ่นวายแย่งชิงเทพไปกกกอด ขวัญตาเสียท่าโดนผ่องทิพย์ข่วนหน้าเลือดซิบ เสียงเอะอะทำให้เทพเปิดประตูออกมาตะเพิดทั้งคู่อย่างเหลืออด

“ไปตีกันที่อื่น...รำคาญ คืนนี้ฉันจะนอนคนเดียว... อ้อ...ผ่อง...อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีกนะจนกว่าแผลจะหาย” แล้วปิดประตูใส่หน้าสองสาวดังปัง หม่อมสรัสวดีแอบมองอยู่ ยิ้มพอใจ

ooooooo

ทิวมาถึงโรงงานน้ำตาลแต่เช้าต้องแปลกใจเมื่อเห็นขวัญตายืนหน้าเศร้ารออยู่ เขาเดินหนีไม่อยากยุ่งด้วย เธอตามติดมีเรื่องทุกข์ใจอยากจะปรึกษา เขา ไม่อยากฟัง ผลักเธอออกจากโรงงาน ไล่ให้ไปพ้นๆหน้า

“ใช่สิ...เพราะตอนนี้มีแต่หน้าของนังคุณหญิงนั่นอยู่เต็มสองตาล่ะสิ เลยไม่อยากเห็นหน้าขวัญตาอีก”

“ฉันยอมตาบอดซะดีกว่าที่จะต้องเห็นหน้าผู้หญิงมักมากอย่างเธอสองคน”

“คงจะไม่ได้หมายถึงฉันด้วยใช่ไหม” เสียงหญิงมานศรีดังขึ้นด้านหลัง ทั้งคู่ถึงกับชะงัก

เธอเอาเอกสารสำหรับกรรมการผู้ถือหุ้นมาให้ทิวเซ็นรับทราบ ขอให้รีบเซ็นให้ด้วย เธอจะรอรับกลับเลย เขาไม่เซ็น แถมปัดเอกสารกระจายแล้วเดินหนี ขวัญตา แดกดันหญิงมานศรี ลงทุนเอาเอกสารมาให้เซ็นเองถึงที่เพราะเป็นหน้าที่หรือเพราะติดใจรสสวาทของทิวกันแน่ เห็นกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันกลางป่ากลางเขาเมื่อวาน

“อ๋อ...ที่แท้ก็เป็นคุณนี่เอง อย่าคิดว่าหญิงจะเป็นเหมือนคุณนะ ที่หิวสวาทอยู่ตลอดเวลาจนไม่เป็นอันทำอะไร คนที่ติดใจนายทิวน่าจะเป็นคุณมากกว่า ถ่านไฟเก่าคุขึ้นมาหรือไงคะ อย่าสนุกจนลืมล่ะว่าตอนนี้ตัวเองเป็นภรรยาของใคร” เธอพูดจบ รีบเก็บเอกสารแล้ววิ่งตามทิวออกไป ขวัญตาได้แต่ยืนอึ้ง ด่าตอบไม่ทัน...

หญิงมานศรีวิ่งตามทิวไปที่ห้องทำงานของเขา พยายามตื๊อให้เซ็นเอกสารให้ได้ เขามีธุระต้องไปทำ สั่งให้เธอหลีกทาง เธอจะหลีกต่อเมื่อเขาเซ็นเอกสารให้ก่อน ทิวชักรำคาญ อุ้มเธอขึ้นบ่าแล้วเดินออกจากห้อง หญิงสาวร้องให้คนช่วยลั่น แต่คนงานไม่กล้าเข้ามายุ่ง ได้แต่มองเจ้านายแบกคุณหญิงเลขาฯออกไปที่ลานจอดรถ เธอดิ้นรนทุบหลังเขามาตลอดทางจนระบมไปหมด ต้องปล่อยเธอลง แล้วเดินไปขึ้นรถ

“นายไปไหนฉันก็จะตามไปด้วย คอยดูสิ จนกว่านายจะยอมเซ็นเอกสารให้ฉัน”

“ตามใจ อยากไปก็ไปไม่ได้ห้าม” ทิวสตาร์ตเครื่องแล้วออกรถ หญิงมานศรีเกือบจะขึ้นรถไม่ทัน...

ในขณะที่หญิงมานศรีตามติดทิวเหมือนเป็นเงา พิไลพรซึ่งเข้าเวรดูแลชายแก่พิการคนนั้น ละสายตาแค่อึดใจเดียว เขาหายตัวไปแล้ว เธอวิ่งวุ่นตามหาไปทั่ว รพ. แต่ไม่พบ ชายแก่ปวดหัวอย่างหนักวิ่งหนีไปซุกตัวอยู่ในตรอกแคบๆเห็นเสื้อเก่าขาดวิ่นเหมือนที่คนงานใส่ตัดอ้อยกองอยู่ที่พื้น หยิบขึ้นมาสวม พิไลพรกับเพื่อนพยาบาลออกตามหาตามที่ต่างๆรอบ รพ.ก็ไม่พบ ถึงกับกุมขมับกลุ้มใจ...

ทางด้านทิวแกล้งขับรถเร็วปาดซ้ายป่ายขวา จนหญิงมานศรีต้องยึดตัวเองไว้กับที่จับประตูรถด้วยความกลัว ทั้งสองคนมัวแต่ต่อปากต่อคำกันไม่ทันเห็นชายแก่วิ่งตัดหน้าเพื่อจะข้ามไปยังทุ่งนาที่อยู่อีกฟากถนน หญิงสาวร้องลั่นด้วยความตกใจ ทิวเท้าไวกระแทกเบรกหยุดรถได้ทัน ทั้งคู่ได้สติรีบลงไปดูเห็นชายแก่ไม่เป็นอะไรต่างถอนใจโล่งอก หญิงมานศรีจำได้ว่าเป็นชายแก่จาก รพ.คนนั้น ขณะที่ทิวหัวเสียเอ็ดตะโรลั่น

“จู่ๆวิ่งตัดหน้ารถทำไมลุง...เกือบตายแล้วเห็นไหมเนี่ย”

“อย่าเสียงดังได้ไหม แค่นี้ลุงก็ตกใจจะแย่แล้ว”

ชายแก่กลัว วิ่งเตลิดหายเข้าไปในทุ่งหญ้ารก เธอพยายามร้องเรียกให้กลับมาก่อนแต่แกไม่หยุดหนี ทิวไม่สนใจจะกลับขึ้นรถ หญิงสาวขอร้องให้ช่วยไปตาม ลุงคง หลงทางจาก รพ.เราต้องพาแกกลับ ทิวไม่ช่วย ถ้าเธออยาก ช่วยก็เชิญตามไปคนเดียว หญิงมานศรีตัดสินใจวิ่งตามชายแก่

“เฮ้ย...ไปจริงหรือเนี่ย เดี๋ยวก่อน...จะไปไหน... กลับมานี่” ทิวตะโกนเรียกแต่เธอไม่สนใจ จำต้องวิ่งตาม...

ที่ออฟฟิศของเทพ เทพถึงกับตบโต๊ะทำงานดังปังด้วยความโมโหเมื่อรู้จากล้วนว่าหญิงมานศรีออกไปกับทิว โดยไม่มีใครรู้ว่าไปไหนกัน สั่งให้ล้วนเอาสมุนออกไปตามหา เขาไม่ไว้ใจทิว เกิดคิดจะทำร้ายคุณหญิงเพื่อแก้แค้น เขา ล้วนรีบไปปฏิบัติตามคำสั่งทันที...

ทางฝ่ายชายแก่วิ่งไปแอบในทุ่งหญ้า ทิ้งเพียง รอยเท้าบนโคลนไว้ ทิวสังเกตเห็นชวนหญิงมานศรีตามรอยเท้าไป ระหว่างทางทั้งคู่เถียงกันไม่รู้จักเบื่อ ทิวนำทางมาจนถึงริมน้ำเห็นชายแก่ทิ้งรอยหักของกิ่งไม้เป็นทางรีบวิ่งข้ามลำธารไปอย่างรวดเร็ว แต่เธอไม่คล่องแคล่วเหมือนเขา เหยียบพลาดลื่นล้ม เขารีบวิ่งกลับมายื่นมือให้

“ไม่ต้อง...ฉันไม่อยากเป็นภาระของใคร” เธอพยายามยันตัวขึ้นเองอย่างทุลักทุเล ทิวแอบมองอยู่ตลอดอยากจะช่วย แต่ต้องทำใจแข็ง ปล่อยให้เธอช่วยตัวเอง

ooooooo

เทพกำลังนั่งหน้าบอกบุญไม่รับรอฟังข่าวจากล้วนตอนที่พวงทองจะเข้ามาแจ้งว่ากำลังจะไปทำบุญให้พ่อกับแม่ของเธอ แต่ยังไม่ทันจะอ้าปากพูด เทพชิงพูดก่อนว่าตอนนี้ไม่มีอารมณ์จะฟังอะไรทั้งนั้น ถ้าอย่างนั้น ครั้งต่อไปที่เธอไปทำบุญให้พ่อกับแม่ก็ไม่จำเป็นต้องบอกเขาอีกแล้วใช่ไหม เทพพาลใส่ทันทีทำไมต้องประชดกันด้วย

“ฉันไม่ได้ประชด แค่ตั้งคำถาม”

“นั่นแหละที่เขาเรียกว่าประชด...ทำไม...พูดดีๆกับฉันไม่เป็นเลยใช่ไหม” เขาจับเธอมานั่งที่เก้าอี้แล้วบีบหน้าเธอไว้ สั่งให้พูดกับเขาดีๆ พวงทองปิดปากเงียบไม่พูด พลันมีเสียงเคาะประตูห้องทำงานดังขึ้น ล้วนมีเรื่องจะรายงาน เทพชะงัก พวงทองอาศัยจังหวะนั้นเดินออกไปทันที

“ลูกน้องผมรายงานว่า เจอรถนายทิวจอดทิ้งไว้ที่ข้างทาง ใกล้กับที่นาของผู้ใหญ่เดชครับ...พวกเรากำลังกระจายกำลังกันตามหาอยู่ครับ นายใหญ่”

“ตามหาให้เจอเร็วที่สุด ถ้าคุณหญิงถูกนายทิว ทำอะไรแม้แต่เพียงปลายเล็บ ลูกน้องแกตาย” เทพเดินออกไปอย่างฉุนเฉียว ส่วนล้วนถอนใจ หนักใจแทนลูกน้องตัวเอง...

ขณะที่เทพกำลังจะอกแตกตายที่หญิงซึ่งเขาหมายปองหายไปกับศัตรูหมายเลขหนึ่ง ทิวชักรำคาญที่หญิง มานศรีมัวแต่ชักช้า เร่งให้ข้ามลำธารไวๆ ถูกเร่งหนักเข้า เธอเริ่มลนลาน ก้าวพลาดเซเข้าหาชายหนุ่ม เขาเอื้อมมือจะรับ แต่นึกขึ้นได้ว่าเธอสั่งห้ามไว้ จึงชักมือกลับ หญิงสาวหน้าคะมำศอกกระแทกหินเลือดซิบ โวยลั่นทำไมไม่รู้จักช่วยรับ คนอะไรใจร้ายใจดำ

“ไหนบอกว่า ไม่ชอบทำตัวเป็นภาระของใคร

ไงครับคุณหญิง”

“นายแกล้งฉัน” หญิงมานศรีพยายามยันตัวลุกขึ้นอย่างยากลำบาก

เขาไม่ได้แกล้ง แต่เอาจริง สั่งให้เธอลุกขึ้นเร็วๆ อย่ามัวสำออย ขืนรํ่าไรจะทิ้งไว้คนเดียว แล้วจํ้าพรวดๆ

ออกไป เธอรีบวิ่งตามจนเห็นชายแก่นั่งพักอยู่ในเถียงนาเบื้องหน้า อ้าปากจะเรียก ทิวรีบเอามือปิดปากไว้ ขืนเรียกตอนนี้ แกเกิดตกใจวิ่งหนีไปอีก รอเฉยๆอยู่ตรงนี้ก่อน เดี๋ยวเขาจัดการเอง เธอขยับจะตาม เขาหันขวับ

“บอกว่าให้อยู่เฉยๆ เดี๋ยวก็โดนจัดการก่อนหรอก” เขาว่าแล้วค่อยๆย่องไปที่เถียงนา เห็นชายแก่นอนนิ่งไม่ไหวติง เขย่าตัวเรียกก็เงียบ รีบตรวจชีพจรกับลมหายใจ ยังปกติดี หญิงมานศรีวิ่งตามมาสมทบ ถามว่าเกิดอะไรขึ้น ทิวสงสัยชายแก่คงจะสลบไป ไม่รู้สึกตัวเลย ทั้งสองคนร้อนใจรีบช่วยกันหิ้วปีกเขากลับไปที่รถ...

ผ่านไปไม่นาน สมุนทั้งสองคนของล้วนตามหาทิวกับหญิงมานศรีรอบป่าละเมาะข้างทางแต่ไม่พบ เดินกลับมาที่ถนน เห็นรถของทิวหายไปถึงกับตาเหลือก มองหน้ากันเลิ่กลั่กไม่รู้จะทำอย่างไรดี...

ในเวลาเดียวกัน บริเวณเจดีย์เก็บอัฐิหลังวัด พวงทองวางพวงมาลัยดอกมะลิพร้อมกับจุดธูปไหว้อัฐิพ่อกับแม่ แล้วบอกให้กลิ่นคนสนิทของเธอไปรอที่รถ ทันทีที่อยู่เพียงลำพัง เธอปล่อยโฮอย่างกลั้นไม่อยู่

“คุณพ่อ คุณแม่คะ...วันที่หนูหมดกรรมและตามคุณพ่อคุณแม่ไป วันนั้นหนูคงไม่ต้องร้องไห้เสียนํ้าตาให้ผู้ชายคนนั้นอีก...ต่อให้เขาทำดีกับหนูมากแค่ไหน แต่หนูจะไม่มีทางใจอ่อน ยอมให้ความเกลียดชังกลายเป็นความรักเด็ดขาด...หนูจะไม่มีวันรักเขา...ไม่มีวัน” เธอเช็ดนํ้าตา รวบรวมความเข้มแข็ง ไหว้ลาอัฐิพ่อกับแม่ แล้วกลับไปที่รถ...

หลังจากพาชายแก่ส่งถึงมือพิไลพรเรียบร้อย หญิงมานศรีพยายามตื๊อให้ทิวเซ็นเอกสารให้ แต่เขาอ้างว่าไม่มีอารมณ์เซ็น แล้วเดินกลับไปขึ้นรถ เธอรีบวิ่งตามขึ้นไปนั่งเบาะข้างคนขับ ชายหนุ่มขับรถออกจาก รพ.ไปได้พักใหญ่เบนรถจอดข้างทาง แล้วเดินอ้อมมาเปิดประตูรถฝั่งที่หญิงมานศรีนั่ง บอกว่าตอนนี้มีอารมณ์แล้ว หญิงสาวตกใจ คิดว่าเขาจะข่มเหงถอยกรูดพร้อมกับเอามือปัดป้อง ทิวส่ายหน้าเซ็ง

“มีอารมณ์เซ็นเอกสาร...เอาปากกามาด้วย...เร็วๆ” เซ็นเอกสารเสร็จ ส่งคืนให้ แล้วลากเธอลงจากรถ จากนี้ไปเขาจะไปคนเดียว เธอตัดพ้อ ทำอย่างนี้แล้วเธอจะกลับอย่างไร ทิวไม่สน เธอมาเองได้ก็ควรจะกลับเองได้ แล้วเดินไปขึ้นประจำที่นั่งคนขับ หญิงมานศรีจะตาม เขาเปิดกระจกรถตะคอกใส่

“ขืนคุณขึ้นมา...ผมไม่รับประกันความปลอดภัย อารมณ์เซ็นเอกสารที่ผมมีเมื่อกี้ อาจจะเปลี่ยนเป็นอารมณ์อื่น...หรืออยากเจอ” แล้วกระชากรถออกไปทันที หญิงสาว มองไปรอบตัวอย่างหวาดๆ เห็นแต่ทุ่งนาเวิ้งว้างไร้ผู้คน แล้วจะหารถที่ไหนกลับ

ooooooo

ในขณะที่หญิงมานศรีถูกทิ้งเพียงลำพังอยู่บนถนนสายเปลี่ยว หม่อมสรัสวดีไม่พอใจมากที่สมุนของเทพตามหาลูกหญิงของเธอไม่พบ เธอต้องการรู้ตื้นลึกหนาบางเกี่ยวกับนายทิวคนนี้ เทพอึกอักไม่อยากเอ่ยถึง

“ฉันต้องการรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับทุกคนที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับลูกหญิงค่ะ ไม่ว่าจะมาดีหรือมาร้าย”

เขาจึงเล่าเรื่องของทิวให้เธอฟังเท่าที่จำเป็น หม่อมสรัสวดียิ่งไม่พอใจ ทิวแค้นเขาขนาดนี้ ยังปล่อยให้เข้าใกล้ลูกหญิงของเธอได้อย่างไร ตำหนิติเตียนต่างๆนานาจนเทพทนไม่ไหวต้องปรามให้ใจเย็นๆก่อน เขาสัญญาไว้แล้วว่าจะไม่ปล่อยให้ใครทำอะไรคุณหญิง เขาต้องทำตามสัญญาแน่นอน

“คุณคงให้ค่ากับสัญญานี้น้อยเกินไป ถึงได้ปล่อยให้ลูกหญิงไปเจอกับคนอันตรายแบบนั้น ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจ...ฉันจะพาลูกหญิงกลับ”

เขารู้ทันว่าเธอต้องการจะขึ้นค่าตัวลูกสาว แต่หนีไม่ออกจำต้องทำตามที่เธอเรียกร้อง...

ทิวแวะไปไหว้อัฐิพ่อกับแม่เห็นพวงมาลัยดอกมะลิวางอยู่ก่อนแล้ว นึกชมพี่พวงทองที่ไม่เคยขาดตกบกพร่องเรื่องนี้ แต่ไม่เข้าใจพี่สาวทั้งสองคนของตัวเอง ทำไมถึงปล่อยให้ความรักบังตาจนมองข้ามความเลวทรามของเทพได้ขนาดนี้ ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งแค้น...

ตะวันเริ่มอ่อนแสงลงเรื่อยๆหญิงมานศรียังคงเดินไปตามถนนสายเปลี่ยวเส้นเดิมอย่างเหนื่อยล้าเต็มทีระหว่างนั่งพักเอาแรง มีรถคันหนึ่งแล่นมาแต่ไกล เธอดีใจ ลุกขึ้นโบกมือจะขอไปด้วย แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นว่าเป็นรถของทิว นอกจากไม่ยอมให้เธอติดรถกลับด้วย ยังแดกดันเธอต่างๆนานาอย่างสนุกปาก ยิ่งทำให้เธอทั้งเกลียดทั้งชิงชังเขาเพิ่มเป็นทวีคูณ...

ใจจริงแล้วทิวอดเป็นห่วงหญิงมานศรีไม่ได้ พอกลับถึงที่พัก สั่งให้เข้มไปบอกคนงานให้เอารถไปรับเธอกลับไม่นานนัก คนงานขับรถพาคุณหญิงเลขาฯ มาส่งหน้าคฤหาสน์

“ขอบใจมากนะจ๊ะ...คุณเทพให้ตามหาฉันใช่ไหม”

คนงานดันหลุดปากว่า คนที่สั่งให้มารับเธอคือทิว หญิงสาวนิ่วหน้าแปลกใจ...

ทันทีที่หม่อมสรัสดีเห็นหน้าลูกสาว เข้ามากอดด้วยความดีใจ ซักถามเป็นการใหญ่ว่านายทิวนั่นทำอะไรลูกหรือเปล่า เธอไม่อยากกล่าวโทษเขา จึงบอกทุกคนว่าเขาไม่ได้ทำอะไรเธอ แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครเชื่อ เธอจึงยืนยันกับทุกคนอีกครั้งหนึ่ง

“หญิง...ตามไปให้นายทิวเซ็นเอกสาร จนเรียบร้อย หญิงก็กลับ แต่หลงทาง นายทิวเป็นคนส่งคนไปรับหญิงกลับมา...ทุกอย่างจบนะคะ”

“ไม่มีอะไรก็ดีแล้วจ๊ะ แต่ทีหลังจะไปไหนมาไหน อย่าลืมเอามือถือติดตัวไปด้วยสิจ๊ะลูกหญิง ทุกคนเป็นห่วงนะลูก” หม่อมสรัสวดีลูบหัวลูกด้วยความรัก หญิงมานศรีเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าลืมมือถือไว้ในรถของทิว

“ค่ะ...คราวหลังหญิงจะไม่ลืมค่ะ...หญิงขอตัว

นะคะ” เธอยิ้มกลบเกลื่อนก่อนที่จะเดินขึ้นห้อง พิไลพรรีบตามไปคาดคั้นให้บอกความจริงเพราะรู้ว่าที่เธอเล่ามาเมื่อครู่โกหกทั้งเพ หญิงมานศรีจนแต้มยอมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังอย่างละเอียด พิไลพรสรุปว่าโดยเนื้อแท้แล้วทิวเป็นคนดี

“พร...ดูคนต้องดูให้นานๆ” หญิงมานศรีแย้ง

“พรดูคนที่การกระทำไม่ใช่คำพูด คุณทิวพูดว่าเกลียดคุณหญิงต่อว่าต่างๆนานาให้เจ็บช้ำใจ แต่กลับช่วยตามหาลุงพามาส่ง รพ. ...สั่งให้คนงานไปรับคุณหญิงกลับหรือคุณหญิงคิดว่า คนที่ปากหวานพูดจาดีคือคนดี”

“หญิงไม่ได้คิดอย่างนั้น...ก็บอกแล้วไงว่าดูคนต้องดูให้นานๆ”

พิไลพรยื่นมือถือตัวเองให้หญิงมานศรี บอกให้โทร.ไปทวงมือถือคืนจากทิว เธอมองลังเล

ooooooo

ขณะทิวกำลังไล่ดูเบอร์ที่ไม่ได้รับสายนับสิบเบอร์ในมือถือของหญิงมานศรี ทั้งหมดเป็นเบอร์ของเทพถึงกับยิ้มสะใจ จังหวะนั้น มีสายเรียกเข้า เบอร์โชว์หน้าจอเป็นชื่อพิไลพร คิดว่าโทร.ตามหามือถือรีบกดรับสาย ปรากฏว่าเจ้าของมือถือโทร.มาเอง เขาได้ทีพูดจายั่วประสาทเธอเล่นจนโกรธ สั่งให้เอามือถือมาคืน

“ไม่...อยากได้คืนมาเอาเอง”

“ฉันจะไปแจ้งความว่าถูกนายลักพาตัว มือถือของฉันที่อยู่กับนายคือหลักฐานเอาผิด คิดว่าตำรวจจะเชื่อใคร หม่อมราชวงศ์อย่างฉันหรือคนกักขฬะอย่างนาย”

“ได้...ผมจะเอาไปให้ถึงห้องนอนเลย...รอนะจ๊ะทูนหัว เดี๋ยวจะไปหา”

หญิงสาวตกใจ รีบวางสาย รู้สึกไม่ไว้ใจทิวขึ้นมา รีบชวนพิไลพรมานอนเป็นเพื่อน...

ฝ่ายเทพอกแทบระเบิดด้วยความแค้น ดื่มเหล้า

ดับอารมณ์ แต่กลับยิ่งโมโห บีบแก้วแตกคามือ ขวัญตาเห็นพอดี ตกใจรีบเข้ามาดูแล เขากลับรำคาญผลักเธอกระเด็น รู้สึกตัวว่าทำรุนแรงเกินไปรีบเปลี่ยนท่าที

“ไปก่อนไป...ฉันกำลังไม่สบายใจ”

ขวัญตารู้ทันว่าเขาไม่สบายใจเรื่องหญิงมานศรี เพราะตั้งแต่แม่ผู้ดีนั่นมาที่นี่ เขาเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม ความสนใจทั้งหมดของเขาพุ่งไปที่เธอคนเดียว สงสัยจะเป็นจริงอย่างที่ผ่องทิพย์ว่า เขากับหม่อมสรัสวดีกำลังร่วมมือกันหาทางเอานังคุณหญิงนั่นมาเป็นเมีย เทพ

ชักเดือด สั่งให้หยุดพูด

“ขวัญตาหยุดพูดก็ได้ แต่ขวัญตาจะไม่หยุดคิด จำสัญญาที่ให้ไว้ได้ไหมคะ...ขวัญตาจำแม่นค่ะ และจะไม่มีวันเป็นคนที่ถูกลืม ใครหน้าไหนก็มาทำให้คุณเทพผิดสัญญาที่เคยให้ไว้กับขวัญตาไม่ได้เด็ดขาด” พูดจบวิ่งหนีไปด้วยความน้อยใจ เขาจะตาม แต่หงุดหงิดเรื่องหญิงมานศรีเกินกว่าจะทำอย่างนั้น...

ครู่ต่อมา ขณะขวัญตากำลังจะเดินขึ้นห้อง ได้ยินเสียงบุญปลูกบอกพวงทองว่าจะเอาสมุนไพรสมานแผลไปให้ผ่องทิพย์ทาหน้า คิดแผนชั่วร้ายขึ้นมาได้ คนแรกที่จะถูกกำจัดให้พ้นทางก็คือผ่องทิพย์ จึงตามไปหาเรื่องบุญปลูก ลงมือตบตีอุตลุดจนถุงใส่ยาสมานแผลหล่น วิ่งหนีกระเจิดกระเจิง

เธอฉวยโอกาสนั้นเปลี่ยนยาสมานแผลเป็นยาหม่อง เอาใส่ถุงยาวางไว้อย่างเดิม สักพัก บุญปลูกค่อยๆย่อง

กลับมาเก็บถุงยาเอาไปให้ผ่องทิพย์ ทันทีที่ยาถูกแผล เธอกรีดร้อง พร้อมกับเต้นเร่าๆทั้งแสบทั้งร้อน...

ทางด้านเทพยังคงนั่งดื่มเหล้าดับอารมณ์อยู่ที่เดิม ล้วนเข้ามารายงานว่าเงินที่ให้ไปโอนให้หม่อมสรัสวดีเรียบร้อยแล้ว เทพบ่นอุบเจ็บใจที่หม่อมสรัสวดีใช้ลูกสาวหาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองอย่างหน้าไม่อาย

“นายใหญ่จะปล่อยให้มันข่มขู่อยู่อย่างนี้หรือครับ”

“ไม่หรอก...ปล่อยมันไปก่อน แต่อาจจะหาทางให้มันกลับกรุงเทพฯไปก่อนเพื่อที่ฉันจะได้ทำอะไรสะดวกๆ หน่อย...แต่ไอ้ทิวนี่สิ มันทำตัวเป็นจระเข้ขวางคลองขึ้นทุกวัน”

“นายใหญ่จะเก็บมันไว้ทำไมให้เป็นหอกข้างแคร่”

ทันใดนั้น มีเสียงพวงทองโวยวายดังขึ้น “จะทำอะไรทิว...คุยอะไรกัน...ทิวทำไม จะทำอะไรน้องชายฉัน”

เจ้านายใหญ่กับสมุนตกใจ หันมองตามเสียงเห็นพวงทองจ้องมองมาทางพวกตนอย่างเอาเรื่อง

ooooooo

เกิดเป็นหงส์

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด