ตอนที่ 14
พระอาทิตย์เริ่มส่องแสงรำไร สองสาวพี่น้องช่วยกันฝังร่างอาจารย์เมฆเสร็จพอดี ผ่องทิพย์ยังตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กลัวจะถูกตำรวจจับเข้าคุกฐานฆ่าคนตาย พวงทองรับปากจะไม่แจ้งตำรวจ เธอไม่เชื่อกล่าวหาว่าพี่สาวจะอาศัยโอกาสนี้แจ้งตำรวจจับเธอเพื่อแก้แค้น
“ผ่องเป็นน้องพี่ พี่ไม่มีวันทำร้ายน้องของพี่ได้ พี่จะปกป้องผ่อง”
“ฉันคิดฆ่าพี่ แต่พี่ยังให้อภัยฉัน...ทำไม...ทำไมต้องดีกับฉัน”
“พี่เคยสัญญาต่อหน้าศพคุณพ่อคุณแม่ ว่าพี่จะดูแลน้องๆให้ดีที่สุด และที่สำคัญ...พี่รู้ว่าความเลวร้ายที่ผ่องทำไปเพราะผ่องขาดสติ จิตใจน้องพี่ยังมีสำนึกแห่งความดี ไม่เช่นนั้นผ่องคงฆ่าพี่ไปนานแล้ว”
ผ่องทิพย์โผกอดพี่สาวด้วยความซาบซึ้งใจ แต่ยังไม่วายเป็นกังวล หากเทพรู้ว่าเธอถูกหมอผีชั่วย่ำยีอาจจะทิ้งเธอไปก็ได้ พวงทองรับรองว่าความลับเรื่องนี้จะถูกฝังไว้กับศพในหลุมนี้ตลอดไป...
ที่บ้านพักของทิวในกรุงเทพฯ ตั้งแต่ที่ทิวได้ยินหญิงมานศรีพูดว่าเต็มใจจะแต่งงานกับเทพ ก็เอาแต่นั่งซึมไม่เป็นอันทำอะไร ชายธีรพลกับเข้มยืนดูด้วยความเป็นห่วง เข้มสงสารเจ้านายที่ต้องอกหักรักคุดอีกครั้ง
“สงครามยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร เรายังไม่รู้เลยว่าตกลงเรื่องราวและเหตุผลทั้งหมดคืออะไรกันแน่”
“แต่ที่รู้ๆ อาการของนายผมที่นั่งอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อคืนยันเช้า เรียกว่าหัวใจสลายครับ” เข้มว่าแล้วถอนใจ...
หญิงมานศรีก็มีอาการไม่ต่างจากทิว คิดถึงช่วงเวลาดีๆที่ตนเองกับทิวเคยมีให้กันแล้วถึงกับน้ำตาซึมชายคำรณเห็นน้องสาวทุกข์ใจ คิดหาทางช่วย...
ไม่นานนัก ชายคำรณตามมาสมทบกับชายธีรพล ทั้งคู่พยายามจะอธิบายให้ทิวฟังว่าทำไมหญิงมานศรีถึงพูดไปแบบนั้น แต่เขากลับเดินหนีไม่สนใจ เท่านั้นไม่พอยังแกล้งเปิดทีวีเสียงดังเพราะไม่อยากได้ยินเสียงสองคนนั่น ชายคำรณหมดความอดทน กระชากรีโมตทีวีไปจากมือทิวแล้วกดปิดเครื่อง ขู่ถ้าไม่ฟัง เขาจะต่อย
ทิวจำต้องฟังเขาอธิบายว่าที่น้องหญิงทำแบบนั้นเพราะเป็นคนที่มีจิตใจสูงส่ง ความสุขของคนที่เธอรักต้องมาก่อนหัวใจตัวเองเสมอ และเธอไม่ต้องการให้ใครเดือดร้อนจึงยอมแบกความทุกข์ไว้คนเดียว ทิวฟังแล้วจะเชื่อหรือไม่ก็ตามใจ เตือนว่าพรุ่งนี้เธอจะเข้าพิธีแต่งงาน ถ้าคิดจะทำอะไรก็ให้รีบๆทำ จากนั้นสองคุณชายก็ขอตัวกลับ ปล่อยให้ทิวครุ่นคิดอยู่เพียงลำพัง...
ณ คฤหาสน์ของเทพ พวงทองชะงักเมื่อเห็นคอลัมน์หน้าสังคม ใน นสพ.ลงรูปภาพคู่ของหญิงมานศรีกับเทพ มีข้อความเขียนไว้ใต้ภาพว่าทั้งสองคนกำลังจะเข้าพิธีสมรสที่วังกฤตยา เธอนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพับ นสพ.วางไว้ที่เดิม แล้วขึ้นไปดูอาการของผ่องทิพย์ เห็นน้องสาวกำลังอาละวาดขว้างปาหมอนใส่บุญปลูกเนื่องจากไม่ต้องการกินอาหารที่เธอยกมาให้ จนต้องเผ่นออกจากห้องแทบไม่ทัน
“ไม่เอาน่าผ่อง เลิกใช้อารมณ์ได้แล้ว นอนพักผ่อนก่อนนะ พี่ต้องออกไปธุระ”
ผ่องทิพย์จะขอตามไปด้วย พวงทองโกหกว่าจะไปสั่งงานที่โรงงาน ครู่เดียวก็กลับ ดึงผ้ามาห่มให้รอจนเธอหลับ แล้วจึงออกมา สบายใจที่น้องไม่รู้เรื่องเทพจะแต่งงาน...
ขวัญตายังไม่ยอมรามือ ซุ่มรออยู่หน้าคฤหาสน์ของเทพ พอเห็นปลอดคนรีบตรงไปที่ห้องผ่องทิพย์ ตั้งใจจะมาสมน้ำหน้าที่เธอโดนยาเสน่ห์จันทราเล่นงานเหมือนที่เคยทำกับคนอื่นไว้ ผ่องทิพย์แค้นใจมากปรี่เข้าไปจะตบ แต่ขวัญตาหลบทันแล้วตบสวน เธอไม่มีเรี่ยวแรงจะสู้เพราะเมื่อคืนถูกอาจารย์ชั่วซ้อม ขวัญตาได้ทีไล่ตบตีไม่ยั้ง
“ฉันไม่ฆ่าแกเพื่อแก้แค้นหรอก แต่ฉันจะให้ความชั่วของแกฆ่าตัวแกเอง ฉันจะบอกให้ทุกคนรู้ แล้วเรื่องก็จะเข้าหูคุณเทพว่าแกมีผัวเป็นหมอผี อยากรู้นักเชียวว่าคุณเทพจะทำยังไงกับแก ไล่แกออกจากบ้านหรือฆ่าแก” ขวัญตาเดินหัวเราะสะใจออกจากห้อง พร้อมกับตะโกนลั่นบ้านว่า “เจ้าข้าเอ๊ย นังผ่องทิพย์คนสวยมีผัวเป็นหมอผี ใครอยากได้ยาเสน่ห์ น้ำมันพราย มาขอได้ที่ผัวนังผ่อง–ทิพย์จ้า”
จังหวะที่ขวัญตากำลังจะเดินลงบันได ผ่องทิพย์ตามมาตบตีแก้แค้น คู่อริไม่ทันตั้งตัว จึงเสียหลักกลิ้งหลุนๆลงไปกองกับพื้น บุญปลูกได้ยินเสียงเอะอะวิ่งมาดู ต้องตกใจแทบช็อกเมื่อขวัญตานอนจมกองเลือด
ooooooo
ในวันแต่งงาน วังกฤตยาถูกตกแต่งไว้อย่างสวยงาม หญิงมานศรีในชุดเจ้าสาวกำลังรอจะเข้าพิธี แต่ใจกลับลอยไปถึงทิว พอพิไลพรเข้ามาเรียกว่ามีคนมาพบ เธอดีใจคิดว่าเป็นเขารีบลงไปหา กลับเจอเสกสรรยืนรออยู่พร้อมกับเช็คเงินสดจะมาไถ่วังคืน แต่ยังไม่ทันจะยื่นเช็คให้ คุณหญิงพันทิพาเข้ามาขัดขวาง
“คุณแม่ครับ ผมขอร้องล่ะครับ ผมต้องการช่วยคุณหญิง”
“เป็นการตัดสินใจที่แย่ที่สุด ใช้เงินร้อยกว่าล้านซื้อตัวผู้หญิงคนเดียว ผลลัพธ์ที่ได้มีแต่ขาดทุน ใช้เงินแค่แสนสองแสนก็ขี้คร้านจะมีผู้หญิงตามมาเป็นพรวน...หากเป็นคนดีที่รักจริงก็พิสูจน์ความรักสิ ไม่ต้องเรียกเงินสักสลึงเดียว แต่ไอ้ที่เรียกเงินเป็นร้อยล้าน มันพวกขายตัวแลกเงิน” คุณหญิงพันทิพาด่าลั่น
หญิงมานศรีไม่พอใจที่ถูกหยามเกียรติ ขอร้องให้เธอไปจากที่นี่ เพราะที่นี่ไม่ต้อนรับคนใจคับแคบและไม่มีมารยาท เธอเองก็ไม่คิดจะมาเหยียบที่นี่ให้เสียราคามหาเศรษฐี ถ้าไม่ได้เป็นเพราะมาตามลูกชาย แล้วเรียกเสกสรรกลับ เขาแข็งข้อไม่ยอมไป แม้จะรักแม่เพียงใด แต่คราวนี้เขาขอทำในสิ่งที่ตนเองต้องการบ้าง
คุณหญิงพันทิพาโกรธมาก ขู่จะตัดลูกตัดแม่ถ้าเขาจะให้เงินช่วยเหลือคนพวกนี้ เสกสิทธิ์ฟังอยู่นานทนไม่ไหว ครั้งนี้ขอเข้าข้างลูกและจะไม่ยอมให้เธอใช้เงินตราตีค่าความเป็นคนอีกต่อไป ความสุขของคนเราอยู่ที่ใจไม่ใช่ ที่เงินตรา ถ้าเธอยังยืนยันความคิดเดิม เราสองคนคงไปด้วยกันไม่ได้อีกแล้ว คุณหญิงตัวแสบช็อกที่ถูกผัวกับลูกรุมต่อต้าน เป็นล้มลมพับไปทันที เสกสรรเข้าไปดูแม่ แต่พ่อห้ามไว้
“ลูกไม่ต้องห่วง พ่อดูแลแม่เอง ลูกมีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจทำในสิ่งที่ต้องการ”
เขาขอบคุณพ่อที่เข้าใจ แล้วหันไปหาหญิงมานศรียังไม่ทันจะพูดอะไร เธอเดินหนีไปเสียก่อน เขารีบตามไปคว้าแขนเธอไว้ ตัดพ้อว่าทำไมถึงปฏิเสธความช่วยเหลือจากเขา เธอไม่อยากเป็นตัวการให้ครอบครัวของเขาหมางใจกัน และขอชื่นชมที่เขาหลุดจากร่มเงาของแม่ได้สักที แต่ มันก็สายเกินไป คราวนี้เขาไม่ฮึดฮัดจะยื้อเธอไว้เหมือนที่เคยทำ กลับยืดอกยอมรับความจริงอันแสนเจ็บปวดอย่างลูกผู้ชาย เธอจับมือเขาไว้
“เสกทำดีที่สุดแล้ว เสกเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของหญิง...ถึงเวลาที่เพื่อนควรไปดูแลคุณแม่นะคะ”
“ครับ...ขอให้คุณหญิงโชคดี และขอให้มีปาฏิหาริย์ทำให้คุณหญิงรอดพ้นจากความชั่วร้ายที่กำลังเข้าครอบงำกฤตยา” เขาอวยพรจบผละจากไป เธอมองไปรอบๆวัง น้ำตาคลอเบ้ายอมรับในชะตากรรมของตัวเอง
ooooooo
เทพเริ่มหงุดหงิด ใกล้ถึงฤกษ์แล้วแต่เจ้าสาวของเขายังไม่ปรากฏตัวสักที หม่อมสรัสวดีอ้างว่าเหลืออีกตั้งเกือบหนึ่งชั่วโมงจะรีบร้อนไปไหน เขาไม่พอใจเข้ามากระชากแขน ตะคอกใส่จะถ่วงเวลาให้ไอ้ผู้ชายคนไหนเอาเงินมาไถ่ตัวคุณหญิงอีกหรือ เธอตอบอย่างไม่เกรงกลัวว่า รอปาฏิหาริย์
“งั้นก็รู้ไว้ด้วยว่า ปาฏิหาริย์ไม่เคยมีจริง”
“ก็ไม่แน่หรอกคุณเทพ ลูกหญิงของฉันเป็นคนดี ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นได้เสมอ สำหรับคนดีที่ศรัทธาต่อความดีมาตลอดชีวิต คุณต่างหากที่จะไม่มีปาฏิหาริย์มาช่วยให้รอดพ้นจากกฎแห่งกรรม”
เขาไม่เห็นว่าตัวเองจะมีกรรมตรงไหน ในเมื่อมีทุกอย่างพรั่งพร้อมขนาดนี้ หญิงมานศรีเดินผ่านมาพอดีรีบหลบมุมแอบฟัง หม่อมสรัสวดีแดกดันว่าสวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ ใครทำอะไรไว้ย่อมรู้ตัว
“อ๋อ...รู้แล้ว หม่อมคงกำลังแค้นที่ผมขู่เอาไว้ว่าถ้าผมไม่ได้แต่งงานกับคุณหญิง หม่อม...ลูกชายหม่อมทุกคนในชีวิตหม่อมหรือแม้แต่ลูกสาวแสนสวยของหม่อม จะถูกฆ่าล้างโคตร” เขาหัวเราะสะใจ
หญิงมานศรีแอบฟังอยู่ถึงกับตกใจที่ได้รู้ความจริง รีบเข้าไปขัดจังหวะ ตีหน้าซื่อตาใส ขอคุยกับหม่อมแม่เป็นการส่วนตัว เทพลีลาท่ามากกว่าจะยอมปล่อยให้สองแม่ลูกอยู่กันตามลำพัง ทันทีที่คนชั่วช้านั่นลับสายตา เธอทรุดลงนั่งกับพื้น กราบเท้าขอโทษท่าน
“หญิงเข้าใจหม่อมแม่ผิดเสมอมา คิดว่าหม่อมแม่ไม่รักหญิง หม่อมแม่ผลักไสไล่ส่งหญิง และคิดขายหญิงกิน แต่ความจริงแล้ว หม่อมแม่ทำไปเพื่อรักษาชีวิตของทุกคนและชีวิตหญิง หม่อมแม่ให้อภัยลูกคนนี้ด้วยเถอะค่ะ” เธอโผกอดแม่แล้วร้องไห้ไปด้วยกัน ชายคำรณมาทันได้ยินพอดี รีบเข้ามากราบขอโทษท่านเช่นกัน
สามคนแม่ลูกปรับความเข้าใจกันได้ในที่สุด หญิงมานศรีตระหนักแล้วว่าถึงเวลาที่เธอต้องทำหน้าที่ของตัวเองบ้าง เพราะทั้งแม่และพี่ชายเสียสละเพื่อเธอมามาก เช็ดน้ำตา เชิดหน้าพร้อมรับชะตากรรมที่จะเกิดขึ้น แล้วเดินนำแม่และพี่ชายไปเข้าพิธีแต่งงาน...
ขณะเดียวกัน อรอนงค์เตรียมเช็คเงินสดจะเอาไปให้ทิวไว้ใช้หน้ีแทนหญิงมานศรี นพดลไม่เห็นด้วยแย่งเช็คไปจากมือ ต่อว่าเธอที่เห็นคนอื่นดีกว่าน้องชายตัวเอง เธอหมดหนทางจำต้องเปิดเผยความเลวของเทพให้นพดลฟังว่าเป็นคนฆ่าพ่อแม่ของทิว เพื่อฮุบทรัพย์สินของทั้งคู่มาเป็นของตัว นพดลจึงยอมคืนเช็คให้
จากนั้น อรอนงค์รีบตรงมาหาทิวที่บ้าน ขอร้องให้รับเช็คฉบับนี้ไว้ อย่างน้อยเพื่อทดแทนบาปที่น้องชายของเธอทำไว้กับเขาและครอบครัว และที่สำคัญเงินจำนวนนี้จะช่วยหยุดยั้งไม่ให้เทพทำร้ายคนที่เขารักอีก ทิวยืนนิ่งไม่ตอบรับหรือปฏิเสธใดๆทั้งสิ้น
“ทุกครั้งที่ฉันยื่นความปรารถนาดีให้ ทิวมักปฏิเสธฉันเสมอ แต่สำหรับครั้งนี้ ฉันขอวิงวอนจากใจ หากทิวให้อภัยฉัน โปรดรับมันไว้ด้วยเถอะ” เธอยื่นเช็คให้ ในที่สุดเขาตัดสินใจรับไว้
“ผมจะไม่มีวันคิดว่านี่เป็นเงินในการชดใช้บาป เพราะมันไม่สามารถทดแทนสิ่งที่ผมสูญเสียไปได้ แต่ที่ผมยอมรับไว้ เพราะผมนับถือและรักคุณอรอนงค์เสมือนญาติผู้ใหญ่ของผมครับ”
อรอนงค์โผกอดเขาไว้ แล้วเร่งให้รีบไปทำหน้าที่ของตัวเอง เขาพยักหน้ารับคำ ชวนเข้มไปวังกฤตยาทันที
ooooooo
ได้เวลาฤกษ์งามยามดี เทพกล่าวขอบคุณ
แขกผู้มีเกียรติทุกท่านที่มาร่วมงาน และขออนุญาตหม่อมสรัสวดีให้เขาเริ่มพิธีสวมแหวน
“อะไรที่คุณเทพคิดว่าดี เชิญได้เลยค่ะ”
เขาไม่ค่อยพอใจที่เธอประชดประชัน แต่อีกไม่กี่นาทีข้างหน้าเขาจะได้ครอบครองหงส์งามที่นั่งอยู่ข้างๆ จึงไม่คิดจะเอาเรื่องอะไร หยิบแหวนขึ้นมารอให้หญิงมานศรียื่นมือมาให้ เธอกลับนั่งนิ่ง ทุกคนในงานพากันแปลกใจ เขาหน้าเครียดขึ้นมาทันที ยื่นมือไปรอรับมือของอีกฝ่าย เธอจำต้องยื่นมือให้
หลังจากเจ้าบ่าวสวมแหวนให้แล้ว หม่อมสรัสวดีส่งกล่องแหวนให้เจ้าสาว เธอลังเลก่อนจะกลั้นใจสวมแหวนให้เขา แล้วลุกขึ้นขอตัวไปพักผ่อน อ้างว่าไม่ค่อยสบาย เขาคว้าแขนเธอไว้
“จะรีบไปไหนล่ะครับ พิธีทางประเพณีเสร็จสิ้นแต่ผมต้องการให้ถูกต้องตามกฎหมาย...ขอเชิญทุกคนร่วมเป็นสักขีพยานในการจดทะเบียนสมรสที่ด้านโน้นได้เลยครับ” เขาจูงมือเธอไปหาเจ้าหน้าที่เขตซึ่งรอจดทะเบียนสมรสอยู่ที่อีกมุมหนึ่ง เธออ้างโน่นอ้างนี่
จะไม่ยอมจดทะเบียน แต่ท่าทีแข็งกร้าวของเขาทำให้เธอไม่กล้าหือ...
ระหว่างที่หญิงมานศรีพยายามซื้อเวลาสุดฤทธิ์ ที่ด้านหน้าวัง ทิวกับเข้มพยายามฝ่าวงล้อมของล้วนกับพวกสมุนเข้ามาในงาน ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างดุเดือด พวกล้วนเสียทีถูกอัดกระเด็น เข้มตะโกนลั่น
“นายรีบเข้าไปช่วยคุณหญิงเถอะครับ ทางนี้เข้มจัดการเอง”
ทิวไม่รอช้ารีบวิ่งเข้าไปในตัวตึก ล้วนจะตามไปขวางแต่เข้มกระชากไหล่เขาเข้ามาต่อยหน้าหงาย พวกสมุนรีบเข้ามาช่วยลูกพี่ ล้วนจึงฉวยโอกาสไล่ตามทิวเข้าไปข้างใน
ooooooo
อีกมุมหนึ่งในห้องโถง เทพเซ็นชื่อในทะเบียนสมรสด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แต่ฝ่ายหญิงยังจดๆจ้องๆไม่ยอมเซ็น เขาเข้ามาจับมือเธอทำเหมือนจะให้กำลังใจ แต่กลับข่มขู่ว่าถ้าทำให้เขาไม่พอใจ ทุกคนอาจจะเดือดร้อนได้
“ฉันทราบดีว่าคุณอาจจะฆ่าเราทั้งครอบครัว” เธอมองสบตาเขาด้วยสายตากร้าว
ก่อนที่เธอจะเซ็นชื่อ ทิวในสภาพหน้าตาฟกช้ำกระชากทะเบียนสมรสไป พร้อมกับประกาศลั่นว่า เทพไม่มีสิทธิ์มาอ้างกรรมสิทธิ์ในวังแห่งนี้ เพราะเขามาไถ่วังคืนให้คุณหญิงแล้ว พร้อมกับยื่นเช็คเงินสดให้หม่อมสรัสวดี เขาเห็นสีหน้าแปลกใจของเธอ รีบบอกว่าเช็คฉบับนี้ได้มาจากอรอนงค์ เทพถึงกับหน้าเครียด
“มันน่าแปลกใจนะที่พี่สาวแกให้เงินฉัน จะด้วยเหตุผลอะไร แกคงรู้ดี ฉันไม่อยากเสียเวลาพูด เพราะฉันต้องการให้แกออกไปจากวังแห่งนี้ให้เร็วที่สุด” ทิวพูดจบ ทำมือทำไม้เป็นทำนองไล่ส่ง เทพกลับหัวเราะ
“ถึงนายจะไถ่ถอนวังได้ แต่คุณหญิงก็เป็นภรรยาของฉันอย่างถูกต้องตามประเพณีแล้ว” เขาดึงมือของเธอขึ้นมาโชว์แหวนให้ดู เธอชักมือกลับ ห้ามเขาใช้คำว่าภรรยากับเธอเด็ดขาด แหวนวงนี้แค่เป็นการมั่นหมายและเธอขอปลดตัวเองจากพันธนาการนี้ แล้วถอดแหวนปาใส่หน้าเขา ทิวหัวเราะสะใจ
“ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ เจ้าบ่าวหม้ายขันหมาก...แกรีบออกไปได้แล้ว”
เทพหันไปสั่งให้หม่อมสรัสวดีโทร.แจ้งตำรวจให้มาลากคอทิวออกไป ข้อหาบุกรุกและขู่กรรโชก เธอลังเลไม่รู้จะทำอย่างไรดี ทันใดนั้น พวงทองเดินนำตำรวจเข้ามา เทพสงสัยว่าเธอมาทำอะไรที่นี่
“ถึงเวลาแล้วที่ฉันจะกระชากหน้ากากคุณออกมา คุณคือคนที่ฆ่าพ่อแม่ฉัน...ฉันได้ยินคุณคุยกับนายล้วนเรื่องฆ่าลุงมิตรซึ่งเกี่ยวข้องกับการตายของพ่อแม่ฉัน เพื่อชิงทุกอย่าง ถ้าคุณยังเป็นลูกผู้ชายใจนักเลง สารภาพความจริงมาสิ...หรือไม่ใช่” พวงทองกร้าว
เทพปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง เธอเข้ามาก่อกวนงานแต่งงานเพราะอยากเป็นเมียเขาเสียเอง ชายธีรพลปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับแผ่นดีวีดีในมือ อ้างว่านี่คือหลักฐานจากกล้องวงจรปิดของ รพ.ในวันที่ลุงมิตรถูกฆ่า ภาพชี้ชัดว่าล้วนกับสมุนของเทพเป็นฆาตกร เทพไม่ยอมจำนน ดึงหญิงมานศรีมาเป็นตัวประกัน ชักปืนขู่ให้ทุกคนถอยไป ไม่เช่นนั้นจะฆ่าเธอ ตำรวจจำต้องเปิดทางให้ ทิวเป็นห่วงหญิงคนรัก ไล่ตามไม่ลดละ
หญิงมานศรีขอร้องให้ปล่อยตนไป เทพไม่ยอม แม้วันนี้จะไม่ได้วังกฤตยาแต่เขาต้องได้ตัวเธอ แล้วลากเธอไปยังลานจอดรถ เข้มเข้ามาขวางไว้พยายามเบนความสนใจของเขา ทิวได้จังหวะโดดเข้าแย่งปืน แต่ปืนลั่นเทพทรุดลงกับพื้น ทิวชะล่าใจคิดว่าจัดการเขาได้แล้ว จะวิ่งไปดูหญิงมานศรีว่าได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า
เขาลุกขึ้นคว้าปืนยิงใส่ทิวล้มคว่ำ แล้วจะเข้าไปจับตัวเธอ ตำรวจตามมาทันเสียก่อน ล้วนเห็นท่าไม่ดี รีบหิ้วปีกนายใหญ่ขึ้นรถซิ่งออกไปทันที หญิงมานศรีตั้งสติได้ปรี่เข้าไปประคองร่างชายคนรักที่นอนหายใจรวยริน ขนาดเจ็บปางตายเขากลับเป็นห่วงความปลอดภัยของเธอมากกว่าของตัวเอง ทำเอาเธอซึ้งใจน้ำตาคลอเบ้า
“นายต้องปลอดภัย ฉันจะพานายไปส่ง รพ. ...ฉันไม่ยอมให้นายตาย”
เขายังไม่ทันจะบอกว่ารักเธอมากแค่ไหน ลมหายใจเฮือกสุดท้ายหมดลงเสียก่อน หญิงมานศรีร้องไห้โฮ
เขย่าตัวเขาให้ฟื้น สั่งให้เขาสู้ต่อไป จับหน้าเขาขึ้นมาเผชิญหน้ากับเธอ
“นายทิว...นายยังตายไม่ได้นะ ฉันไม่ยอมให้นายตายได้ยินไหม ฉันเกลียดนายมาก เกลียดที่สุดในโลก และนายก็เกลียดฉันไม่ใช่หรือ นายกล้าปล่อยให้คนที่นายเกลียดยังมีลมหายใจ ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายได้ยังไง ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้” เธอเขย่าร่างที่นอนไม่ไหวติงของเขาอีกครั้ง น้ำตาแห่งความอาลัยรักร่วงพรูใส่ใบหน้าเขา ราวกับปาฏิหาริย์ มือของเขาค่อยๆขยับ ปรือตามองหน้าหญิงคนรักอีกครั้ง เธอกอดเขาไว้แน่นด้วยความปีติ
“ผม...จะต้อง...อยู่...เพื่อ...ป่วนชีวิต...คุณต่อไป” เขาอยากจะกอดเธอตอบ แต่ไร้เรี่ยวแรง
ooooooo
ล้วนพาเทพหนีไปรักษาตัวในโรงแรมจิ้งหรีดแห่งหนึ่ง ทันทีที่ได้สติ เทพถามเขาว่าทิวตายแล้วใช่ไหม
“มันรอดตายครับนาย...มันกลับไปพักรักษาตัวที่โน่นแล้ว”
“ต่อไปมันก็ต้องยึดสมบัติทัดเทพ เอาของของฉันไปจนหมด...ไอ้ทิว แกทำลายความฝันและชีวิตฉัน ต่อให้แกกระดูกแข็งแค่ไหน ฉันก็จะเอาชีวิตแกให้ได้” เทพแค้นจัดหันไประบายอารมณ์กับข้าวของใกล้มือ กระเทือนบาดแผลจนร้องโอดโอย ล้วนขอให้เขาใจเย็นๆ พักรักษาตัวให้หายก่อน เรื่องแก้แค้นทิวไว้ค่อยว่ากัน...
ในเวลาไล่เลี่ยกัน ที่ห้องพักฟื้นใน รพ.ซึ่งชายธีรพล เป็น ผอ.ทิวค่อยๆ รู้สึกตัวลืมตาขึ้น หญิงมานศรีที่มาคอยเฝ้าไข้ ดีใจมากที่เขาพ้นขีดอันตรายเข้ามาจับมือเขา ขอบใจที่ช่วยชีวิตเธอไว้ เขายังปากแข็งไม่เลิก
“ไม่ต้องขอบใจหรอก สถานการณ์มันบังคับ ต่อให้ เป็นพิไลพรหรือแม่แล่ม ผมก็ต้องช่วยแบบนี้เหมือนกัน”
“แต่อย่างน้อยฉันก็ต้องขอบใจที่นายหาเงินมาช่วยไถ่ถอนวังกฤตยา”
เขานิ่งไม่พูดอะไรอีก เธอมัวแต่ขยับผ้าห่มให้ จึงไม่ทันเห็นสายตาที่เขามองอย่างสุขใจที่มีเธอปรนนิบัติอยู่ใกล้ๆ แต่พอเธอเหลือบมอง เขากลับเบือนหน้าหนี เธอต้องเรียกให้หันกลับมา เขาทำเป็นหงุดหงิดถามเสียงเขียวว่าเรียกทำไม เธออยากตอบแทนน้ำใจที่เขาคอยช่วยเหลือ หากมีอะไรที่อยากให้ทำ เธอยินดีทำให้ทุกอย่าง
“ผมต้องการให้คุณ...กลับไปได้แล้ว คุณได้วังกฤตยาคืนแล้ว ไม่ควรมาใช้ชีวิตลำบากลำบนที่นี่อีก”
“ได้...ในเมื่อเป็นความต้องการของนาย...ฉันก็จะไป” เธอพูดจบ ขยับไปที่ประตูห้อง เขาจะเรียกไว้แต่ปากหนักไม่พูดอะไร ได้แต่มองตามเธอจากไปจนลับสายตา...
พิไลพรเพิ่งเสร็จจากดูแลคนไข้ เห็นหญิงมานศรีกำลังจะออกจาก รพ. ปรี่เข้ามาถามว่าจะไปไหน พอรู้ว่าจะกลับวัง อดแปลกใจไม่ได้จะกลับไปทำไม ในเมื่อเธอบอกเองว่าจะอยู่ดูแลทิวจนกว่าจะหายดี
“แต่นายทิวเขาไม่ต้องการ เขาไล่หญิงให้กลับ เขาคงอยากให้ภรรยาเขามาคอยดูแล หญิงกลับดีกว่า...อ้อ
พรไม่ต้องไปส่งหญิงหรอก ทำงานเถอะ หญิงกลับเองได้...ฝากดูแลเขาด้วยนะ” เธอว่าแล้วจ้ำพรวดๆออกไป
“คนหนึ่งปากหนักอีกคนก็ปากแข็ง แล้วเมื่อไหร่จะลงเอยกันสักทีนะ” พิไลพรส่ายหน้าเหนื่อยใจ...
ขณะที่ความสัมพันธ์ของหญิงมานศรีกับทิวยังไม่รู้จะออกหัวหรือก้อย อุบัติเหตุรถชนคราวนั้น ทำให้หม่อมรัชนิกรรู้ซึ้งแล้วว่า ความรักและกำลังใจของคนในครอบครัวคือสิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่ทรัพย์สมบัตินอกกาย จึงชวนท่านชายพหลนำเช็คมามอบให้หม่อมสรัสวดีไว้ปลดหนี้สิน จังหวะนั้น ชายคำรณตามเข้ามาสมทบ
“หม่อมแม่ไม่ต้องรบกวนท่านลุงกับหม่อมป้าหรอกครับ นายเทพกำลังตกเป็นผู้ต้องหาฉ้อโกงธุรกิจและเงินของครอบครัวบรรณา ดังนั้นเงินที่นายเทพนำมาให้หม่อมแม่ คือเงินของนายทิว ทายาทที่แท้จริงของทัดเทพ ซึ่งได้ยกหนี้ทั้งหมดให้เราครับ” เขามองแม่สีหน้ายิ้มแย้ม หม่อมสรัสวดีตั้งใจจะไปขอบคุณผู้มีพระคุณคนนี้ให้ได้
ooooooo
ทั้งที่ยังไม่หายดี แต่ด้วยความแค้นสุมอก เทพอยู่เฉยต่อไปไม่ไหวตามไปเอาเรื่องอรอนงค์ถึงบ้าน ตรงเข้าขย้ำคอแล้วดันเธอติดข้างฝา นพดลเตือนสติว่านั่นคือพี่สาวแท้ๆของเขาเอง เทพไม่สน ประกาศกร้าวพี่สาวที่คิดทำร้ายน้องไม่สมควรจะเป็นพี่ นพดลพุ่งไปที่โทรศัพท์จะโทร.แจ้งตำรวจ ล้วนเข้าไปต่อยกระเด็น
“ดีมากล้วน...จัดการแทนฉันหน่อย ฉันไม่อยากเสียมือกับไอ้พี่เขยที่กลัวเมียจนขึ้นสมอง”
ล้วนจะเข้าไปทำร้ายเขาซ้ำตามที่นายใหญ่สั่ง อรอนงค์ร้องห้ามลั่น เทพต้องการอะไรจากเธอก็บอกมาได้เลย ไม่ต้องมาข่มขู่แบบนี้ เขาปล่อยมือจากคอพี่สาว แล้วสั่งให้เอากุญแจตู้เซฟมาให้ เธอยืนกรานไม่ยอมทำตาม เขาโกรธจัดชักปืนขึ้นมาจ่อหัว ถ้าไม่ให้กุญแจจะให้เธอกินลูกปืนแทนข้าว
“เทพ...นี่พี่สาวสายเลือดเดียวกันกับนายนะ” นพดลเตือนสติอีกครั้ง
ทันใดนั้น เสียงไซเรนรถตำรวจดังขึ้น ล้วนรีบวิ่งไปดูที่หน้าต่าง เห็นรถตำรวจแห่กันมาเต็มพรืด แนะให้นายใหญ่เผ่นก่อนดีกว่า เขาไม่ไปจะขอฆ่าพี่ทรยศคนนี้
ก่อน นพดลเห็นท่าไม่ดีพุ่งชนเขาเสียหลัก แล้วยื้อแย่งปืนกันไปมา ปืนลั่นถูกพี่เขยทรุดฮวบ โชคดีที่กระสุนไม่ถูกอวัยวะสำคัญ เขาตัดสินใจวิ่งหนีไปทางหลังบ้านกับล้วน ตำรวจแยกกำลังกันส่วนหนึ่งไล่ล่าพวกคนชั่ว อีกส่วนหนึ่งเข้ามาคุ้มครองสองผัวเมีย...
ในขณะที่อรอนงค์กับสามีรอดตายอย่างหวุดหวิด พวงทองแวะมาเยี่ยมน้องชายที่อาการดีวันดีคืนขึ้นจนเกือบจะเป็นปกติ ทิวยังคาใจไม่หาย ทำไมพี่สาวถึงตามไปช่วยเขา ทั้งๆที่ผ่านมาเธอเลือกช่วยเทพมาโดยตลอด เธอปฏิเสธว่าไม่เคยเลือกข้างคนชั่ว แม้จะได้ชื่อว่าเป็นเมียของเขา แต่เพราะถูกเขาข่มขืนไม่ใช่ด้วยความเต็มใจ
ทิวสะเทือนใจมาก ตัดพ้อว่าทำไมถึงเพิ่งมาบอก เธอไม่กล้าพูด เพราะกลัวเขาจะระงับอารมณ์ไม่อยู่ แล้วทำอะไรที่ตัดอนาคตของตัวเอง และที่สำคัญ ถ้าเธอพูดก็เท่ากับประจานตัวเอง เขาถึงกับน้ำตาซึมสงสารเธอจับใจ
“ให้อภัยผมด้วย...ที่ผมเข้าใจผิด และทำร้ายจิตใจพี่ตลอดเวลา”
“พี่ไม่เคยถือโทษโกรธน้องของพี่แม้แต่ครั้งเดียว” สองพี่น้องกอดกันด้วยความรักและเข้าใจ...
บรรยากาศแห่งความรักและความเข้าใจอบอวลไปทั่ววังกฤตยาเช่นกัน ตั้งแต่ผ่านมรสุมชีวิตมาได้ หม่อมสรัสวดีรู้สำนึกแล้วว่าตนเองเดินทางผิดจนเกือบทำให้ครอบครัวต้องวิบัติ ถ้าไม่ได้ลูกสาวช่วยไว้ พวกเราคงฝ่าวิกฤติครั้งนี้มาไม่ได้ หญิงมานศรีออกตัวว่าไม่ใช่เธอคนเดียว เราทุกคนต่างช่วยกันทำเพื่อกฤตยา โดยเฉพาะหม่อมแม่ที่ยอมโดนประณามเพื่อรักษาชีวิตเราสองคนพี่น้องจากน้ำมือคนเลว
“ต่อไปนี้ แม่จะคิดถึงหัวใจของลูกทั้งสองคนให้มากกว่าที่แม่เคยคิด ความรักที่พวกเรามีต่อกัน จะเป็นสิ่งป้องกันความเลวร้ายที่จะเข้ามาแผ้วพานครอบครัวของเรา” สามคนแม่ลูกกอดกันอย่างมีความสุขต่อหน้ารูปภาพของท่านชายอมรเทพ
ooooooo
ในที่สุดหม่อมสรัสวดีหาโอกาสมาเยี่ยมทิวที่ รพ.จนได้ สร้างความประหลาดใจให้ทิวกับพวงทองเป็นอย่างมาก เธอไม่พูดพล่าม ขอบคุณเขาที่ช่วยเหลือพวกเราสามแม่ลูกมาตลอด และต้องขอโทษที่เข้าใจผิดว่าเขาเป็นซาตานชั่วช้า ทั้งที่เขาคือสุภาพบุรุษตัวจริง ขอให้เขาอภัยให้เธอด้วย
“ผมคงให้อภัยหม่อมไม่ได้หรอกครับ เพราะผมไม่ได้เป็นเจ้าชีวิตหม่อม แต่ผมอยากให้หม่อมให้อภัยตัวเอง แล้วเริ่มต้นใหม่ครับ”
“จริงสิ ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการรู้จักให้อภัยตัวเอง ฉันสัญญา ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อความถูกต้อง แต่ถึงอย่างไรฉันก็เป็นหนี้บุญคุณคุณ หากคุณต้องการอะไรขอให้บอกมา ฉันยินดีทำตามความปรารถนาของคุณ” เธอสีหน้าจริงจัง เขามองเธอนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้...
ทันทีที่กลับถึงวัง หม่อมสรัสวดีขอให้ลูกสาวช่วยไปดูแลทิวให้ ตอนนี้คนที่ไร่ติดงานกันหมด เลยไม่มีคนมาดูแลเขา เธอรีบโยนให้พิไลพรไปดูแลแทนเพราะต้องกลับไปทำงานที่นั่นอยู่แล้ว พยาบาลสาวปฏิเสธทันทีว่าไม่ได้ ตนงานยุ่งต้องช่วยหมอธีดูแลคนไข้อีกนับร้อยชีวิต หญิงมานศรีฮึดฮัดขัดใจทำไมต้องเป็นตนเองด้วย
“คงเป็นเพราะน้องหญิงเคยทำงานกับคุณทิว น่าจะเข้าอกเข้าใจกันได้ดี” ชายคำรณตั้งข้อสังเกต
“แม่ไม่ได้บังคับใจหญิงนะ ขอให้หญิงพิจารณาให้ดี หากหญิงไม่เต็มใจ แม่จะไปขอโทษคุณทิวที่ไม่สามารถทำตามที่ตกปากรับคำได้” หม่อมสรัสวดีมองลูกสาวอย่างรอคำตอบ ขณะที่เธอเองมีสีหน้าหนักใจ
ooooooo
หญิงมานศรีตัดสินใจมาดูแลทิวตามที่หม่อมแม่ตกปากรับคำไว้ แต่พบว่าเขาไม่อยู่ในห้องพักฟื้นออกไปช่วยงานอยู่ที่สวนหย่อม เธอตามไปดู เห็นเขากำลังเล่านิทานเรื่องโฉมงามกับเจ้าชายอสูรให้พวกเด็กๆฟัง แบบติดๆขัดๆเพราะจำเรื่องราวไม่ค่อยได้ เธอเลยเข้าไปช่วย โดยให้เขาแสดงเป็นอสูรร้าย ส่วนเธอจะเล่นเป็นโฉมงาม
ทั้งสองคนแสดงไปเล่าเรื่องไปได้ลื่นไหลพวกเด็กๆ พากันหัวเราะสนุกสนาน หญิงมานศรีเล่ามาใกล้ถึงฉากสุดท้ายของเรื่องเป็นตอนที่โฉมงามขออสูรร้ายกลับไปเยี่ยมพ่อแล้วสัญญาว่าจะกลับมา เขาจึงถอดแหวนวิเศษให้เธอ เมื่อใดที่สวมแหวนวงนี้เธอจะได้กลับมาที่นี่ในพริบตา แต่เธอไม่กลับเพราะกลัวเขา อสูรร้ายรอคอยโฉมงามวันแล้ววันเล่าจนตรอมใจตาย ทิวลงนอนทำเป็นตาย เด็กๆพากันเศร้า แต่ก็ตั้งอกตั้งใจฟังนิทานต่อไป
“โฉมงามรู้สึกผิดที่ไม่ทำตามสัญญา ตัดสินใจสวมแหวนวิเศษเพื่อกลับไปยังปราสาทของอสูรร้าย แต่พบว่าเขาตายแล้ว เธอเสียใจมากกอดร่างเขาร่ำไห้” หญิงมานศรีเข้าไปกอดทิวตามบท “อสูรร้าย...ฉันขอโทษที่ฉันผิดสัญญากับท่าน ฉันรู้ว่าท่านรักฉันมาก และฉัน...ฉันก็รักท่าน...น้ำตาของโฉมงามหยดลงบนร่างอสูรร้าย พลันร่างนั้นก็กลายร่างเป็นเจ้าชายรูปงาม” เธอเล่าจบ ทิวลุกขึ้น เก๊กหล่อให้สมบทเจ้าชาย
“ข้าคือเจ้าชายที่ถูกแม่มดสาปไว้ หากวันใดที่ข้าพบรักแท้ที่ไม่ได้มองข้าแค่รูปร่างหน้าตา ข้าก็จะกลับมาเป็นเจ้าชายดังเดิม...ขอบใจเจ้ามากนะ...สุดที่รักของข้า” เขาคิดมุกสดแกล้งหญิงสาวขึ้นมาได้แต่งเรื่องว่า โฉมงามต้องโผกอดเจ้าชายสุดหล่อด้วยความรัก แล้วอ้าแขนรอ เธอถึงกับอึ้ง ไปไม่เป็น
เด็กๆส่งเสียงเชียร์ลั่น เธอจนแต้มจำต้องเข้าไปโอบเอวเขาหลวมๆ แต่เขากลับกอดเธอแน่น แล้วบรรจงจูบหน้าผาก เด็กๆตบมือกันเกรียวชอบอกชอบใจ เธอเขินจัดขอตัวออกไปทันที
ทิวตามไปคว้ามือไว้ ไม่ยอมให้ไป ถึงนิทานจะจบแล้วแต่กิจกรรมกับเด็กๆยังไม่จบ จะมาทิ้งครึ่งๆกลางๆ อย่างนี้ไม่ได้ ชวนเธออยู่ช่วยเขาทำมงกุฎดอกไม้ให้เด็กๆ ก่อน เธอยังงอนเขาไม่หายที่ไล่ตะเพิดตนเมื่อวันก่อนจึงไม่ยอมอยู่ช่วย แต่สุดท้ายก็ทนเห็นสภาพมงกุฎแสนจะเยินของเขาไม่ไหว ยอมมาช่วยสอนพวกเด็กๆให้
ooooooo
ที่กรุงเทพฯ ชายคำรณนัดเสกสรรมาซื้อของไปจะเยี่ยมอาการป่วยของคุณหญิงพันทิพา บังเอิญเจอล้วนออกมาหาซื้อของกิน ทั้งคู่วิ่งกลับที่รถ รีบขับตามจน กระทั่งมาถึงโรงแรมซึ่งเป็นที่ซ่อนตัวของเทพ เสกสรรคว้าปืนจากที่เก็บของหน้ารถจะตามล้วน ชายคำรณขอร้องให้รอตำรวจมาจัดการดีกว่า เขาโทร.ไปแจ้งไว้แล้ว
“นายรอตำรวจอยู่ที่นี่เถอะ ฉันไม่อยากให้มันคลาดสายตา” เสกสรรตามสมุนของเทพเข้าไปในโรงแรม
ล้วนรู้ตัวว่าถูกสะกดรอยตาม แกล้งเข้าห้องผิด เสกสรรหลงกลตามเข้าไป ล้วนออกจากที่ซ่อนตรงเข้าเตะต่อยอุตลุดก่อนจะวิ่งหนี เขาวิ่งตามออกมาเป็นจังหวะเดียวกับประตูห้องฝั่งตรงข้ามเปิดออก เทพสาดกระสุนใส่เป็นชุด เขาไวทายาดโดดหลบได้ทัน พวกคนชั่วอาศัยจังหวะนั้นพากันหนีไปทางด้านหน้าโรงแรม
เจอตำรวจนำกำลังมาถึงพอดี พวกนั้นรีบวิ่งหลบเข้าไปในซอยเปลี่ยว เสกสรรวิ่งตามพวกตำรวจที่ไล่ล่าคนร้าย ขณะที่ชายคำรณแยกไปอีกด้านหนึ่ง ล้วนเห็นท่าไม่ดีแนะให้นายใหญ่ไปซ่อนตัวก่อน ตนกับสมุนจะล่อพวกตำรวจไปทางอื่น เทพรอจนตำรวจไปกันหมดแล้วจึงวิ่งลัดเลาะไปด้านตรงกันข้าม เสกสรรไม่เสียรู้ซ้ำสองสะกดรอยตามเขาไปจนถึงริมน้ำ เทพเห็นทางตันจะหันกลับ ต้อง ชะงักที่เจอเสกสรรถือปืนเล็งมาทางตน
“แกจนตรอกแล้ว ยอมรับชะตากรรมของแกได้แล้ว...ทิ้งปืนซะ”
เทพแกล้งยอมจำนนทิ้งปืน แต่พออีกฝ่ายจะเข้ามาคุมตัว เขาเตะปืนในมือกระเด็น ทั้งสองคนต่อสู้กันอย่างดุเดือด เทพฝีมือเหนือกว่าเตะคู่ต่อสู้ล้มคว่ำ แล้ววิ่งไปคว้าปืนจะยิง ชายคำรณตามทันหยิบปืนอีกกระบอกหนึ่งยิงใส่ขาไอ้คนชั่วทรุด ก่อนจะหงายหลังตกแม่น้ำหายไปอย่างไร้ร่องรอย ด้านล้วนกับสมุนหนีรอดเงื้อมือตำรวจไปได้ โดยไม่ล่วงรู้ว่าเจ้านายใหญ่ถูกยิงจมหายไปกับสายน้ำ...
ทางฝ่ายหญิงมานศรีกับทิวสนุกสนานกับเด็กๆจนดวงอาทิตย์เริ่มอ่อนแสง ทุกคนมีมงกุฎดอกไม้ฝีมือคุณหญิงวางไว้บนหัวเป็นเจ้าหญิงเจ้าชายตัวน้อย ทิวเข้ามาโค้งเธอขอเต้นรำฉลองความสุข เธอนึกสนุกออกไปเต้นด้วย โดยมีพวกเด็กๆคอยตบมือให้จังหวะ ทั้งคู่เต้นรำกันท่ามกลางสวนสวย พิไลพรยืนมองอย่างเอาใจช่วย
“ขอให้ชีวิตจริง เจ้าหญิงได้สมหวังกับเจ้าชายด้วยเถอะ” พูดจบเธอเหลือบไปเห็นชายธีรพลบ่ายหน้าไปทางโรงอาหารรีบเดินตาม มานั่งร่วมโต๊ะด้วย เธอมีใจให้เขาเต็มเปี่ยมหวังว่าเขาจะมีใจตอบ แต่เขากลับไม่สนใจกินอาหารเสร็จรีบลุกออกไปทันที ทิ้งให้เธอเดียวดาย เธอพยายามสลัดความผิดหวังทิ้ง ยิ้มให้กำลังใจตัวเอง...
หลังจากวิ่งเล่นกันจนหมดเรี่ยวแรงถึงเวลาต้องกลับ เด็กๆขอบคุณทิวกับหญิงมานศรี สำหรับนิทานสนุกๆกับมงกุฎดอกไม้ เขาชวนทุกคนให้มาเจอกันใหม่พรุ่งนี้ พี่สาวคนสวยมีนิทานและมงกุฎดอกไม้แจกให้ทุกวัน เด็กๆติดใจรับปากว่าจะมาอีก หญิงสาวรอจนพวกเด็กๆไปกันหมด หันมาต่อว่าทิวทำไมไปบอกเด็กๆแบบนั้น เสร็จจากที่นี่ เธอจะกลับวังแล้วไม่กลับมาอีก เขาไม่ยอมจะกลับได้อย่างไรในเมื่อเธอมีหน้าที่ต้องดูแลเขา
“ตอนแรกก็คิดอย่างนั้น แต่คุณก็หายดีเป็นปกติแล้วนี่ คงไม่ต้องการคนดูแล”
“ใครบอก...ภายนอกเหมือนจะหาย แต่ภายในมันเจ็บ...เจ็บตรงนี้” เขาจับมือเธอมาทาบกับอกด้านซ้าย เธอหมั่นไส้แกล้งกดแรงๆ เขาถึงกับร้องโอ๊ยลั่น ตกใจรีบเข้าไปดู ทั้งสองคนใกล้ชิดกันมากตาสบตานิ่งราวกับตกอยู่ในภวังค์ เขายื่นหน้าจะเข้าไปจูบเธอ แต่เสกสรรมาขัดจังหวะเสียก่อน มีข่าวล่าสุดของเทพมาบอก
“นายเทพจมหายไปกับแม่น้ำ ทางตำรวจช่วยกันระดมกำลังออกตามหา แต่ยังไม่เจอ”
หญิงมานศรีคาดว่าเขาอาจจะตายไปแล้วก็ได้ ทิวไม่เชื่อ คนชั่วอย่างเทพไม่ตายง่ายๆ เขาจะเป็นคนฆ่ามันด้วยมือของเขาเอง จากนั้น หญิงมานศรีเดินมาส่งเสกสรรที่รถ ขอบใจเขามากที่มาบอกความคืบหน้า เขาได้ยินมาว่าเธอมาเป็นพยาบาลส่วนตัวให้ทิวแล้วอิจฉาอยากป่วยบ้าง เธอแปลกใจที่เขาทำเหมือนยังมีเยื่อใย เขาเข้าใจดีและยอมรับได้แล้วว่าเธอให้ได้แค่ความเป็นเพื่อน เพียงแต่ยังทำใจไม่ได้ แล้วจับมือเธอมากุมไว้
“ให้เวลาผมหน่อยนะ มันเร็วเกินไปที่จะเปลี่ยนสถานภาพจากคนรักมาเป็นเพื่อน”
“หญิงเชื่อว่าเสกต้องทำได้” เธอจับมือให้กำลังใจเขาตอบโดยไม่รู้ว่าทิวแอบซุ่มดูอยู่ ยืนส่งเสกสรรจนลับสายตา เธอหันกลับมาอีกทีเห็นหลังทิวไวๆ แต่ไม่แน่ใจ รีบตามไปดูที่ห้องพักฟื้น เห็นเขานอนห่มผ้าทำไม่รู้ไม่ชี้ ถามยียวนว่าแฟนกลับไปแล้วหรือ เธอยืนยันว่าเสกสรรเป็นแค่เพื่อน
“เพื่อนสนิท” ทิวแดกดัน
เธอชักฉุน เขาอยากให้เธอกับเสกสรรเป็นอะไรกันก็เชิญตามสบาย ทั้งคู่ต่อล้อต่อเถียงกันพอหอมปากหอมคอ จนเขาหมดอารมณ์จะเถียงด้วยขอตัวพักผ่อน เธอเหลือบเห็นเขานอนทั้งที่สวมรองเท้าอดแขวะไม่ได้
“หลังจากออกไปนอกห้อง ก่อนขึ้นเตียงควรถอดรองเท้าด้วยนะคะ” เธอขำกลิ้ง เขาพลอยหัวเราะไปด้วย
ooooooo










