สมาชิก

ตะวันเดือด

ตอนที่ 9

รานีพาสมใจหนีไปครู่หนึ่ง เห็นพวกกรณ์กับไกรและสมุนหนีไปก็ชักม้าหยุดรอ จนได้สมทบกับสิงห์ พลอยขวัญและพร เธอจึงเผยตัว เมื่อพลอยขวัญรู้จากสมใจว่าพวกมันจับเพชรรุ้งไป เธอจะรีบไปช่วย รานีติงว่า

“อย่ารนหาที่ตายดีกว่าคุณหนู ขืนทะเล่อทะล่าไปแบบนี้รับรองต้องเสร็จมันแน่”

หลังการหารือ ทุกคนรู้จากสมใจว่างานนี้ไม่ใช่ฝีมือจรัญแต่เป็นพวกเดชา สิงห์เสนอว่าเราต้องรีบหาทางช่วยเพชรรุ้งกับภูตะวันด้วยตัวเราเองเพราะนาย อำเภอก็หายตัวไปแต่เช้าแล้ว ปรึกษากันแล้วพลอยขวัญเชื่อว่าพวกมันต้องมีแหล่งกบดานแน่ๆ

“ฉันรู้จักอยู่ที่นึง” รานีนึกขึ้นได้ แต่พอจะออกเดินทาง พลอยขวัญไม่อยากให้รานีไปด้วยเพราะเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเธอ ย้ำว่า “คุณไม่จำเป็นต้องมาเสี่ยงตายเพื่อไร่ฟ้ารุ่ง”

“ฉันไม่ได้ทำเพื่อไร่ฟ้ารุ่ง แต่ฉันทำเพื่อนายเสือต่างหาก” รานีตัดบทแล้วขึ้นหลังม้าเลย

พลอยขวัญอดหึงไม่ได้ สิงห์สังเกตอยู่ด้วยความน้อยใจแต่ทำเฉไฉมองนกมองไม้ไปอย่างปลงๆ

ooooooo

เพชรรุ้งกับภูตะวันถูกนำตัวไปทางโรงนา ทั้งสองถูกลากไปมัดไว้มุมหนึ่ง ภูตะวันชำเลืองมองที่รองเท้า เดชาเห็นเข้ามันรู้ทันทีว่าต้องมีอะไรในนั้น ค้นตัวภูตะวันเจอมีดที่ซ่อนอยู่ มันดึงออกมาปาไปปักที่เสาไม้ต้นหนึ่ง พูดอย่างสะใจเย้ยหยันว่า

“โชคไม่ได้เข้าข้างแกทุกครั้งหรอกไอ้เสือ”

ศรกำลังจะขี่ม้าไปเอาเอกสารสัญญาใหม่ที่บ้านจรัญ

เดชาตามออกมามันหันไปสั่งกรณ์กับไกรว่า

“สั่งเวรยามว่าห้ามประมาท พวกไร่ฟ้ารุ่งอาจบุกมาเมื่อไหร่ก็ได้”

หารู้ไม่! พลอยขวัญ หลง รานี สิงห์ พร และสมใจมาซุ่มอยู่แล้ว พวกเขาได้ยินคำสั่งนั้นชัดเจน พอเดชาห่างออกไป สิงห์หันมากระซิบแผนการกับพรรคพวกที่ซุ่มอยู่

เพชรรุ้งกับภูตะวันถูกมัดอยู่ใกล้ๆกัน เธอบอกเขาว่าท่าทางเราคงไม่รอดแน่ ภูตะวันเชื่อว่าต้องมีคนมาช่วยแต่ไม่ว่าอย่างไร ตนจะไม่ยอมตายแบบนี้เด็ดขาด เขามองมีดพกที่ปักเสาอยู่อย่างคิดหาทาง

ทันใดนั้น เสียงปืนดังขึ้น เป็นการโจมตีของรานี หลง พร และสมใจ พวกเดชาหาที่หลบกันจ้าละหวั่น มันสั่งสมุน “ฆ่ามันให้หมด” แต่ขณะเดชานำสมุนโผล่ออกมายิงตอบโต้นั่นเอง มันเห็นพวกรานีควบม้าหนี

“ตามไปลากคอมันมา!” เดชาตะโกนลั่น

สิงห์ซุ่มอยู่กับพลอยขวัญ สิงห์มองตามรอยแตกของฝาเข้าไปเห็นภูตะวันกับเพชรรุ้งถูกมัดอยู่แต่ก็ยังมีเวรยามคุมเชิงอยู่อีกสองคน สิงห์แอบคลานเข้าไปตอนมันเผลอรวบตัวอุดปากและแทงมันกลางหลัง อีกคนหันมาก็ถูกปามีดปักกลางอก

สิงห์รีบเข้าไปแก้มัดให้ภูตะวัน โดยไม่รู้ว่าสมุนเดชาคนแรกที่ถูกแทงข้างหลังยังไม่ตาย มันเล็งปืนใส่สิงห์แต่พลอย– ขวัญเห็นก่อนพุ่งเข้าผลักสิงห์ ทำให้กระสุนยิงเฉียดหัวสิงห์ไปและคนร้ายก็ถูกพลอยขวัญยิงสวนจนตายคาที่

ทันใดนั้นเดชาผลักประตูนำสมุนเข้ามา สิงห์จึงหันไปยิงต่อสู้กับพวกเดชาเสียงปืนสนั่นหวั่นไหว

กรณ์กับไกรได้ยินเสียงปืนที่โรงนามันรู้ว่าถูกหลอกแล้ว ชวนกันรีบกลับไป

ooooooo

ในโรงนาภูตะวันวิ่งไปคว้ามีดพกของตัวเองมาถือไว้ เพชรรุ้งกับพลอยขวัญช่วยกันลากศพยามไปปลดอาวุธส่งให้ภูตะวัน ในขณะที่สิงห์ร้องท้าเดชาให้ออกมาสู้กันอย่ามัวมุดหัวอยู่

ภูตะวันบอกพลอยขวัญกับเพชรรุ้งให้รีบหนีไปก่อนทางนี้ตนกับสิงห์จะจัดการเอง สองพี่น้องพากันวิ่งหลบไป เดชาสั่งสมุนว่า “พวกมันต้องเผ่นทางด้านหลังแน่ รีบอ้อมไปดักเร็วเข้า” สมุนมันจึงแบ่งกำลังกันออกไป

ที่หลังโรงนา สิงห์พาพลอยขวัญขี่ม้าไปกับตน ภูตะวันพาเพชรรุ้งขี่ม้ากับตน แล้วพากันควบม้าไป พริบตาเดียวเดชากับสมุนก็โผล่มาถึงช้าไปแค่เสี้ยวนาทีเดียว!

พอดีกรณ์กับไกรกลับมา เดชากระชากสมุนคนหนึ่งตกจากหลังม้าแล้วขึ้นควบไล่ตามพวกภูตะวันไป สิงห์หันมา เห็นร้องบอก ภูตะวันจึง ให้แยกกันหนีแล้วไปเจอกันที่จุดนัด จากนั้นชักม้าหนีไปคนละทาง

เดชาเห็นดังนั้นสั่งสมุน “ไม่ต้องสนนังพลอยขวัญ ไปลากตัวนังเพชรรุ้งมาให้ได้”

เช้าวันต่อมา สิงห์พาพลอยขวัญกลับมาถึงจุดนัดพบ เจอรานีกับหลงคอยอยู่ รานีถามว่าแล้วนายเสือล่ะ สิงห์บอกว่าพวกเราพลาดแล้ว พลอยขวัญบอกว่านายเสือกับพี่รุ้งถูกพวกมันต้อนไปอีกทาง

เดชานำสมุนไล่ตามภูตะวันกับเพชรรุ้งไปจนถึงริมแม่น้ำ ภูตะวันกระโดดลงจากหลังม้าลงไปสำรวจทาง เพชรรุ้งถามว่าเรามาผิดทางหรือเปล่า ภูตะวันจำได้ว่าตรงนี้เคยมีสะพาน

“สะพาน? นายรู้ได้ยังไง สะพานนั่นเขารื้อไปตั้งหลายปีแล้วนะ” เพชรรุ้งมองอย่างสงสัย

เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ ภูตะวันตัดสินใจชวนเพชรรุ้งกระโดดน้ำว่ายข้ามแม่น้ำไป แม้เพชรรุ้งจะไม่แน่ใจแต่ไม่มีทางเลือก เมื่อเวลากระชั้นเข้ามาทั้งสองจึงถอดหมวกกระโดดลงไปด้วยกัน

ขณะว่ายไปเกือบถึงฝั่งแล้วนั่นเอง เพชรรุ้งหมดแรงภูตะวันจึงหันมาประคองพาว่ายขึ้นฝั่ง เป็นเวลาที่เดชากับสมุนตามมาทันพอดี มันยกปืนเล็งที่หัวภูตะวัน แต่ภูตะวันยิงใส่สมุนของมันคนหนึ่งกระเด็นไป ส่วนกระสุนของเดชาเจาะเข้าที่เอวภูตะวันจนเขากลิ้งตกลงไปในน้ำอีกครั้ง เพชรรุ้งตัดสินใจกระโดดตามไปทันที ร่างทั้งสองถูกกระแสน้ำเชี่ยวพัดหายไปด้วยกัน

“โธ่เว้ย!” เดชาสบถอย่างหัวเสีย

ooooooo

ที่ลานบ้านจรัญ ก้อนกำลังรายงานจรัญว่า เพชรรุ้งหนีไปได้ซ้ำเธอยังรู้ว่าเดชาอยู่เบื้องหลังงานนี้ถ้าซัดทอดมาถึงเรามีหวังได้โกลาหลกันแน่

“คอยสังเกตการณ์ให้ดี ถ้าไอ้เดชาทำพลาดเมื่อไหร่ ก็เก็บมันเสีย” จรัญสั่ง

บุหลันแอบฟังอยู่ รอจนก้อนออกมาจึงเข้าไปถามว่าทำแบบนี้เพื่ออะไร เพราะเดชาไม่ใช่คนที่จะเล่นงานได้ง่ายๆ ถามยั่วว่าหรือลงทุนทำเพื่อตน ถูกก้อนย้อนเย้ยว่า อย่าประเมินตัวเองสูงเกินไป เพราะถึงตนจะต้องการเธอแต่ก็ไม่โง่เหมือนผู้ชายคนอื่น ย้ำว่า

“แล้วที่สำคัญ ผมมันชอบของฟรีซะด้วย...คุณยัง

ติดหนี้ผมอยู่นะ เมื่อไหร่เราจะได้เจอกันเสียที”

“คืนนี้ ฉันจะรอในสวนดอกไม้” บุหลันนัดทันที

ooooooo

สมใจกับพรมาสมทบที่จุดนัดพบ รานีถามว่าเจอเบาะแสบ้างหรือยัง สมใจกับพรช่วยกันเล่าว่าไม่มีวี่แววเลยเห็นแต่รอยเท้าม้าของพวกเดชาเลาะไปตามฝั่งแม่น้ำ

พลอยขวัญเสนอให้ตามไป สิงห์ติงว่าพวกมันมากกว่าเราตามไปก็ช่วยอะไรไม่ได้ รานีนึกได้บอกว่า

“ยังมีอีกคนที่ช่วยเราได้”

นั่นคือณรงค์ ดังนั้น พลอยขวัญกับสิงห์จึงไปที่โรงนาเพราะเชื่อว่าณรงค์ต้องไปที่นั่น แล้วก็เจอจริงๆ ณรงค์กำลังแค้นถาวรว่าเพชรรุ้งอยู่ที่ไหน ถาวรหูตาเหลือกบอกว่าตนไม่รู้จริงๆ เรียวเอาปืนจ่อจะยิง เสียงพลอยขวัญร้องห้ามบอกให้ปล่อยไปเสียแล้วปรากฏตัวออกมาพร้อมกับสิงห์

“คนอย่างหมอนี่ ยิงไปก็เสียดายลูกปืนเปล่าๆ” พลอยขวัญบอกเรียว สิงห์ช่วยพูดว่าถาวรคงไม่ได้โกหกเพราะ

เมื่อคืนเพชรรุ้งถูกขังอยู่ที่นี่จริงๆ ณรงค์ถามอย่างหัวเสียว่าแล้วตอนนี้เพชรรุ้งอยู่ไหน

หลังจากคุยกันแล้ว ณรงค์เดินนำเรียวกับถาวรออกมาขึ้นม้า บอกสิงห์ว่า ถ้าจะสู้กับจรัญเราต้องมีคน

มากกว่านี้ ตนกับเรียวจะไปหาคนมาเพิ่ม จากตรงนี้ไปกลับไม่เกินสี่ชั่วโมง

“ถ้างั้นฉันกับพวกคนงานจะออกตามหาพี่เพชรรุ้งไปพลางๆ” พลอยขวัญเสนอ ณรงค์พยักหน้าเห็นด้วย แต่ย้ำว่า เรื่องระหว่างเราเอาไว้ค่อยเคลียร์กันทีหลัง แล้วหันไปสั่งเรียวให้ออกเดินทาง

“พวกเรารีบกลับไปที่ไร่เถอะครับ” สิงห์กับพลอยขวัญรีบควบม้ากลับไป ทิ้งถาวรที่ถูกมัดมืออุดปากอยู่ตรงนั้นเป็นการลงโทษและกันไม่ให้ไปส่งข่าวจรัญอีก

ooooooo

ภูตะวันถูกยิงท้องได้รับบาดเจ็บ เมื่อพากันมาถึงริมลำน้ำในป่า เพชรรุ้งรีบลากเขาขึ้นฝั่งแล้วทรุดนั่งอย่างหมดแรง พยายามเรียกแต่เขาหมดสติ เขย่าเรียกอยู่นานเขาจึงลืมตาขึ้น

“นายเสือ นายยังไม่ตาย นายเป็นยังไงบ้าง” เพชรรุ้งดีใจมาก ภูตะวันถามว่าตอนนี้เราอยู่ไหน “ในป่า แต่ฉันคิดว่าพอจำทางได้นะ ถ้าเราข้ามเขาลูกนั้นไปก็จะเจอทางกลับไร่ฟ้ารุ่ง”

ภูตะวันบอกให้เธอรีบไปเสียไม่ต้องห่วงตน แต่เพชร–รุ้งทิ้งเขาไปไม่ได้ถ้าจะไปก็ต้องไปด้วยกัน ทันใดนั้น เสียงฟ้าร้องครืนๆภูตะวันบอกว่าเดี๋ยวเราคงต้องใช้ฟืน เพชรรุ้งบอกว่าตนจัดการเองพลางลุกไป

ที่ริมแม่น้ำในป่าอีกมุมหนึ่ง เดชา กรณ์ และไกรขี่ม้าลัดเลาะค้นหาภูตะวันและเพชรรุ้ง แต่ฝนตกหนักทำให้แกะรอยลำบาก กระนั้นเดชาก็สั่งให้แกะรอยต่อไป

ระหว่างนั้นเองศรขี่ม้าตามมาถึง เล่าว่า

“ท่าจะยุ่งแล้วครับคุณเดชา ดูเหมือนไอ้นายอำเภอมันจะรู้เบาะแสของเรา แถมพ่อเลี้ยงจรัญก็ไม่พอใจมากเสียด้วย”

“ได้ยินแล้วใช่ไหม” เดชาหันไปตะคอกกรณ์ “งานนี้ถ้าเราล่าตัวนังเพชรรุ้งไม่สำเร็จ มีหวังได้จบเห่แน่”

ส่วนที่เรือนใหญ่ไร่ฟ้ารุ่ง พลอยขวัญกับสิงห์ควบม้ากลับมา สมใจถามว่าเจอนายอำเภอหรือเปล่า พลอยขวัญบอกว่านายอำเภอจะไปตามคนมาช่วยพวกเรา แต่ตอนนี้เราต้องหาทางช่วยเพชรรุ้งให้ได้ก่อน

พรบอกว่าตนเตรียมกะเกณฑ์คนไว้พร้อมแล้ว รานีติงว่าคนงานธรรมดาจะสู้พวกมือปืนได้หรือ พรย้อนถามว่าจะกลัวมันทำไม มันมีปืนพวกเราก็มีปืน พวกคนงานพากันส่งเสียงเห็นด้วย

สมใจกับสิงห์ต่างรู้สึกไม่สบายใจนัก เพราะหากเกิดปะทะกันจริงๆโอกาสแพ้มีมากกว่าชนะแน่ แต่ไม่พูด พลอย–ขวัญสรุปด้วยการหันไปบอกรานีว่า

“ขอบใจในความหวังดีของคุณนะคุณรานี แต่คุณไม่จำเป็นต้องช่วยพวกเรามากไปกว่านี้”

ooooooo

ที่ห้องพักของศักดาในเรือนนายพลเรืองฤทธิ์ ยศมาเคาะประตูบอกว่านายพลเชิญที่ห้องรับแขก ศักดาถามอย่างระแวงว่ามีเรื่องอะไรรึเปล่า ยศบอกแต่เพียงว่าดูเหมือนจะมีข่าวไม่ดี

เมื่อเข้าไปในห้องโถงรับแขกเจอทั้งณรงค์ เรืองฤทธิ์ เรียวอยู่ที่นั่น ฟังเรื่องราวจากณรงค์แล้ว ศักดาเชื่อว่าต้องเป็นฝีมือของจรัญแน่ๆ ณรงค์บอกว่าเรายังไม่มีหลักฐาน แต่ที่แน่ๆคนลงมือคือเดชากับลูกน้อง

ยศสบถอย่างละอายใจว่าไอ้ลูกไม่รักดี เรืองฤทธิ์บอกให้เก็บเรื่องนั้นไว้ก่อน ตอนนี้ให้หาทางช่วยเพชรรุ้งก่อน ถามณรงค์ว่ามีแผนยังไง ณรงค์จึงขอกำลังเสริมไปช่วยพลอยขวัญกับคนงานที่กำลังออกตามหาเพชรรุ้งอยู่

“ได้เวลาออกโรงแล้วสินะ ตกลง!” เรืองฤทธิ์แววตาแข็งกร้าว หันไปสั่งธนา “ธนา เดี๋ยวแกจัดทหารหน่วยแม่นปืนของเราให้ติดตามณรงค์ไปที่ภูพระกาฬ งานนี้ถ้าใครกล้าลูบคมฉันละก็...มันได้เจอดีแน่!”

ooooooo

เพชรรุ้งหาฟืนมากองไว้แล้วลงไปหาปลาด้วยการใช้ท่อนไม้ไล่ฟาดนอกจากไม่ได้ปลาแล้วตัวเองยังล้มคว่ำไปด้วย โมโหเลยชักปืนออกมายิงปลา

ได้ปลากลับมาก่อไฟย่าง ภูตะวันยังนอนหลับอยู่เขาฝันร้าย เห็นศักดาเดินตรงเข้ามาหาเขาละเมอ “ศักดา...ศักดา” เพชรรุ้งได้ยินไม่ถนัดถามว่าพูดอะไร แต่ภูตะวันยังหลับไม่ตื่นละเมออีก “ในที่สุดฉันก็เจอแกจนได้” พลางก็ชักมีดเงื้อขึ้นสุดแขน

เพชรรุ้งกำลังก้มมองเขาพอดี เธอตกใจร้องเสียงหลง “อย่า!!” ภูตะวันจึงตกใจตื่นเมื่อเห็นเพชรรุ้งผงะอยู่ตรงหน้า เธอถามเขาว่าเป็นอะไร เมื่อกี้ได้ยินเขาเรียกชื่อพ่อตน

“ผมจำไม่ได้” ภูตะวันตอบเลี่ยงไป แต่เพชรรุ้งยังคะยั้นคะยอ เขาโมโหเลยเสียงดังใส่ว่า “ผมบอกว่าจำไม่ได้...”

เพชรรุ้งจึงตัดบทว่างั้นก็ให้ทานอะไรก่อนหิวมาทั้งวันแล้ว พลางเอาปลาเผามาแบ่งกัน แต่ภูตะวันทานปลาไปได้ไม่กี่คำก็เจอหัวกระสุนในเนื้อปลา จึงรู้ว่าเธอยิงปลา เพชรรุ้งยอมรับเขินๆทำให้ภูตะวันเห็นถึงความน่ารักของเธอในยามที่เป็นตัวตนจริงๆผิดกับตอนเป็นนายหญิงลิบลับ

ครู่หนึ่งภูตะวันเอากระสุนของเขาที่เหลืออยู่ให้เพชร–รุ้งเพราะปืนของตัวเองตกน้ำไปแล้ว เหลือไว้สองสามนัด เขาจัดแจงใช้มีดเลาะหัวกระสุนออกแล้วเทผงที่ปลอกกระสุนลงบนแผลที่ท้องจนพูน

ภูตะวันบอกว่าต้องทำให้เลือดหยุดไหลก่อนเราถึงจะเดินทางได้ แล้วให้เพชรรุ้งเอาไฟจ่อดินประสิวที่อัดปากแผล เขาเองกำรากไม้ข้างตัวไว้แน่นอย่างพร้อมรับความเจ็บปวดทันทีที่ไฟลุก

พอดินประสิวลุกฟู่ เพชรรุ้งผงะร้องวี้ดส่วนภูตะวันกัดฟันแน่นตัวเกร็งเหงื่อท่วมตัวถีบเท้าพล่านๆเมื่อไฟมอดลง ภูตะวันหายใจหอบเหมือนจะขาดใจ เพชรรุ้งสงสารจับใจโผเข้ากอดเขาไว้แน่นราวกับจะช่วยรับความเจ็บปวดนั้นไว้ ใช้มือลูบเหงื่อบนใบหน้าเขาอย่างนุ่มนวล

อ้อมกอดจากความรักที่อบอุ่นนี้ ทำให้ภูตะวันปล่อยมือจากรากไม้มาโอบกอดเพชรรุ้งไว้ ต่างกอดกันแนบแน่นราวกับจะหลอมความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกัน...

ooooooo

เดชาให้กรณ์ ไกร และศร พาเดินทางลัดไปถึงภูเขาลูกที่ข้ามไปก็ถึงไร่ฟ้ารุ่ง แต่เป็นเขาชัน

ป่ารกทึบมากม้าไม่อาจผ่านไปได้ เดชาสั่งทุกคน

ลงเดินไป แม้จะไม่เห็นด้วยแต่ก็ไม่มีใครกล้าทัดทาน

เวลาเดียวกัน นายพลเรืองฤทธิ์ให้จัดกำลังพลไปกับณรงค์ กำชับว่าลงทุนขนาดนี้แล้วยังไงก็พลาดไม่ได้ต้องหาทางช่วยเพชรรุ้งให้ได้ ณรงค์ย้อนถามว่าเกิดเธอตายไปก่อนจะให้ทำยังไง

“งานนี้ไอ้จรัญมันต้องชดใช้” เรืองฤทธิ์คำราม ทันใด

นั้นเอง ศักดาถือปืนนำยศมาขอตามไปด้วย

เป็นเวลาที่เพชรรุ้งกับภูตะวันเตรียมออกเดินทางแล้ว ภูตะวันทำอาวุธไว้ต่อสู้กับศัตรู เขาตัดไม้มาทำคันธนูใช้เชือกเอ็นที่ติดตัวมาทำสายธนู ส่วนเพชรรุ้งก็ช่วยทำลูกธนู เสร็จแล้วจึงพากันออกเดินทาง

ไม่นานนัก พวกเดชาก็มาถึง มาพบกองไฟที่เพิ่งดับ พบกองเลือดที่เพิ่งแห้ง ไกรบอกว่า พวกภูตะวันแวะทำแผลแถวนี้ ท่าทางคงไปได้ไม่ไกล แล้วพวกมันก็รีบออกติดตามไปทันที

เพชรรุ้งกับภูตะวันเดินมาจนถึงถ้ำภูอุษา เธอเล่าว่า พ่อบอกว่าลุงภูผากับเมียถูกโจรฆ่าตายในนั้นพ่อเลยให้คนฝังศพแล้วปิดปากถ้ำเอาไว้ ภูตะวันถามหยั่งเชิงว่าท่าทางพ่อเธอกับภูผาคงสนิทกันมาก

“เราเป็นเหมือนครอบครัวเดียวกัน ตอนเด็กฉันกับลูกของลุงภูผาก็โตมาด้วยกันเลยนะ น่าเสียดายไม่รู้ว่าตอนนี้เขาไปอยู่ที่ไหนแล้ว”

ภูตะวันต้องพยายามเก็บพิรุธไม่ให้เพชรรุ้งเห็น แต่ทันใดนั้นเองมีเสียงหินร่วงกราว ปรากฏว่าเดชาตามมาทัน มันสั่งสมุน “ฆ่าไอ้เสือทิ้งเสีย แล้วจับผู้หญิงมา”

ภูตะวันให้เพชรรุ้งรีบหนีไปตัวเขาเองใช้ธนูยิงสู้กับเดชา ปรากฏว่าเพชรรุ้งไม่ยอมทิ้งเขาไปจนเมื่อเห็นจวนตัวภูตะวันรีบฉุดเธอหนี วิ่งไปจนถึงลานโล่งบนภูเขา เพชรรุ้งเสียหลักล้มลง เธอบอกเขาว่าเราหนีไม่ทันแล้ว ภูตะวันจึงหันไปเล็งธนูใส่เดชาแบบแลกกันด้วยชีวิต

พริบตานั้น ราวกับปาฏิหาริย์ แผ่นดินสะเทือน

เลื่อนลั่น แอ่งน้ำที่มีอยู่น้ำเหือดหายไปทันที  ศรร้องเสียงหลง “ฉิบหายแล้วธรณีสูบ!” เดชาสั่งให้หนี

แผ่นดินตรงที่ภูตะวันกับเพชรรุ้งยืนอยู่กับลูกศรดอกสุดท้ายทั้งหมดถูกดูดหายไปในร่องแผ่นดินที่แยกออก ไม่นาน เดชาก็ถูกแผ่นดินสูบไปด้วยอีกคน ศรพยายามช่วยแต่เดชาหลุดมือร่วงลงไปในความมืดต่อหน้าต่อตา

ooooooo

ที่ห้องนอนของจรัญกับบุหลัน คืนนี้บุหลันนอนไม่หลับลุกขึ้นนั่งอย่างหวาดผวา บอกจรัญว่าตนฝันร้าย ครั้นจรัญให้เล่าเธอทำเป็นพูดว่า กลัวเล่าแล้วพ่อเลี้ยงจะไม่เชื่อ ทำให้จรัญยิ่งอยากรู้

บุหลันใช้มารยาและเจ้าเล่ห์พูดจนหลอกให้จรัญตามตนไปพบก้อนตามนัด เมื่อเจอตัวก้อนก็หื่นเข้ากอดปล้ำทันที บุหลันโวยวายร้องขอความช่วยเหลือ จรัญกับลูกน้องปรากฏตัวทันที ด่าก้อนว่ากินบนเรือนขี้บนหลังคา ก้อนพยายามชี้แจง

“แกทรยศฉัน” จรัญชักปืนออกมา ก้อนร้องเสียงหลงขออย่าฆ่าตน ทำให้จรัญลังเล บุหลันเห็นเช่นนั้นแย่งปืนจากจรัญ ก้อนเห็นท่าไม่ดีแผ่นแน่บ บุหลันยิงตามหลังไป

หลายนัด ก้อนถูกยิงทรุดลงแต่ยังตะเกียกตะกายหนีไปได้

“บุหลัน นี่เธอเป็นบ้าอะไรของเธอ” จรัญแย่งปืนจากบุหลัน ปรามว่า ถึงยังไงก้อนก็เป็นลูกน้องตนย้ำว่า “นอกจากฉันแล้ว ใครก็ห้ามฆ่ามันเด็ดขาด!”

บุหลันมองจรัญอย่างไม่พอใจ ทำให้จรัญเริ่มเอะใจว่าระหว่างบุหลันกับก้อนใครโกหกกันแน่

ooooooo

พลอยขวัญกับสิงห์ สมใจ พร และคนงาน ตามมาจนเจอม้าของพวกเดชาผูกอยู่ที่ชายป่าแต่ไม่เจอตัวคน  สมใจคาดว่าพวกมันต้องขึ้นภูเขาไปแล้วแน่ๆ

“จริงสิ ถ้าข้ามเขาลูกนี้ไป ก็จะเจอทางลัดกลับไปไร่ฟ้ารุ่ง” พลอยขวัญรู้ทาง สิงห์เสนอให้รีบตาม “ไม่...พวกนั้นล่วงหน้าไปนานแล้ว เราขี่ม้าอ้อมไปดักอีกทางจะเร็วกว่า” พลอยขวัญชักม้ากลับทุกคนรีบตามไป

ศร กรณ์ และไกรยังพยายามจะช่วยเดชาขึ้นมา แต่รอยแยกลึกมากจนแม้แต่เชือกก็หย่อนไม่ถึง โยนคบเพลิงลงไปก็หายวูบ ศรมองโพรงแล้วพึมพำ “ไอ้โพรงนี่มันโพรงอะไรของมันวะ หรือว่า...”

ที่แท้ทั้งสามคนร่วงลงโพรงตกลงไปในถ้ำ เดชาลุกขึ้นอย่างเจ็บปวดจากที่ร่วงลงมาตะโกนเรียกหาคนก็ไม่มีเสียงตอบ จนกระทั่งเดินไปเจอภูตะวันถูกกองดินทับช่วงล่างอยู่ เดชาชักปืนตรงไปจะยิงทิ้ง

“ทิ้งปืน” เสียงเพชรรุ้งสั่งจ่อปืนอยู่ข้างหลังมัน เดชาทำเป็นยอมทิ้งปืนแล้วตลบหลังเล่นงานเพชรรุ้ง ภูตะวันพยายามกระดืบตัวจากกองดินที่ทับอยู่ครึ่งตัว ชักมีดออกจากรองเท้ากำแน่น

ขณะที่เดชากำลังจะพุ่งไปคว้าปืนที่หล่นอยู่ ก็ถูก

ภูตะวันปักมีดเข้ากลางฝ่ามือมันตรึงไว้กับพื้น เดชาร้องโหยหวน เพชรรุ้งหันไปเห็นภูตะวันลุกขึ้นมาได้ เธอเรียกด้วยความดีใจ

“นายเสือ...”

เดชาสู้อย่างจนตรอก มันใช้อีกมือหนึ่งหวดใส่หลังภูตะวันจนเขาพลิกหงาย เพชรรุ้งฉวยโอกาสพุ่งเข้าตะปบปืนกระบอกนั้นแล้วยิงลงพื้นจนดินกระจุย

ไกรได้ยินเสียงปืน ศรสั่งให้รีบไปหาเถาวัลย์มาเร็วๆจะได้ปีนลงไปช่วยเดชา

สิงห์ก็ได้ยินเสียงปืน พลอยขวัญเชื่อว่าเพชรรุ้งยังมีชีวิตอยู่เร่งทุกคนให้รีบตามไปช่วย

ส่วนในถ้ำ เดชาอ้อนวอน ขอร้อง อย่าฆ่าตนเลยถ้าจะตายก็ขอได้พบพ่อสักครั้งก่อน ภูตะวันพยายามเตือนสติเพชรรุ้งอย่าปล่อยมันไป แต่เพชรรุ้งตัดสินใจหวดด้ามปืนใส่เดชาจนมันพับไป เธอทำได้แค่นั้นบอกภูตะวันว่า ที่เหลือปล่อยให้ยศมาจัดการเอง ส่วนเรารีบหาทางออกกันดีกว่า

เมื่อพวกกรณ์ไปหาเถาวัลย์มาได้จำนวนหนึ่งแต่ต่อแล้วก็ยังไม่ถึงก้นถ้ำ ศรสั่งให้ไปหามาอีกส่วนตัวเองจะไปขอกำลังเสริมจากจรัญ เพราะเชื่อว่าอีกประเดี๋ยวพวกไร่ฟ้ารุ่งต้องแห่มากันแน่ๆ

สมุนของจรัญกลุ่มหนึ่งตามมาเจอถาวรถูกมัดอยู่ในป่าจึงพาตัวกลับไป ถาวรรายงานจรัญหูตาเหลือกว่า

“ท่าจะยุ่งแล้วครับพ่อเลี้ยง ไอ้ณรงค์มันรู้แล้วครับว่า พวกเราอยู่เบื้องหลัง ตอนนี้มันกำลังไปตามคนมาช่วยครับ”

ข่าวนี้ทำให้จรัญหน้าเครียดขึ้นมาทันที

ooooooo

ภูตะวันกับเพชรรุ้งมืดแปดด้านไม่รู้ว่าทางออกอยู่ที่ไหน เลยต้องเสี่ยงดวงกันดู ทางไหนมีลมพัดเข้ามาก็คาดว่าต้องมีทางเชื่อมไปที่อื่น ภูตะวันให้เพชรรุ้งตามหลังแล้วตัวเองก็คลำทางไป

ฝ่ายเดชาเห็นภูตะวันกับเพชรรุ้งพากันเดินไป มันพยายามแก้มัดตัวเองโดยถูสายเข็มขัดที่มัดมือกับแง่งหิน ระหว่างนั้นมันก็แทบหัวใจวายตายเมื่อเห็นงูเห่าตัวเขื่องแผ่แม่เบี้ยขู่ฟ่อๆแต่งูก็เลื้อยหนีไปเอง

ศรกลับไปหาจรัญที่บ้าน รายงานว่าเกิดอุบัติเหตุนิด หน่อยขณะปฏิบัติการ ตอนนี้เดชาติดอยู่ในถ้ำกับเพชรรุ้งและภูตะวัน จรัญฟังแล้วสั่งการอย่างเลือดเย็นว่า

“ฟังให้ดีนะ ตอนนี้เราต้องเปลี่ยนแผนแล้ว ก่อนที่พวกทหารจะมาถึงที่นี่ เราต้องเก็บกวาดพยานหลักฐานทุกอย่างให้เกลี้ยง”

ศรถามว่าเราจะฆ่าเพชรรุ้งกับภูตะวันหรือ จรัญยิ้มเหี้ยมบอกว่าไม่เพียงเท่านั้น รวมถึงพวกไร่ฟ้ารุ่งทุกคนที่รู้เห็นเรื่องนี้ด้วย แล้วสั่งถาวรให้ไปสกัดพวกณรงค์ที่ปากทาง จะใช้วิธีไหนก็ได้ถ่วงเวลาไว้ให้นานที่สุด พึมพำอย่างพร้อมที่จะแตกหักว่า

“มาถึงขั้นนี้แล้ว ยังไงก็ต้องฟัดกับมันสักตั้ง”

ooooooo

ถาวรที่ปกติขี้ขลาดตาขาวอยู่แล้ว จำต้องไปสกัดพวกณรงค์คนเดียว แต่หาทางแก้ด้วยการไปซื้อปืนที่ร้านขายปืนของเฮียโชติ

รานีกับหลงอยู่ที่วิไลบาร์ หลงเห็นรานีเป็นห่วงภูตะวัน ปลอบใจว่านายอำเภอตามไปช่วยแล้วคงไม่เป็นอะไรหรอก

“ภูตะวันเป็นคนมีฝีมือ ฉันคิดว่าเขาคงเอาตัวรอดได้ แต่ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้คงไม่จบง่ายๆหรอกนายหลง ถ้านายอำเภอพาพวกทหารเข้ามาในเมืองเมื่อไหร่ พ่อเลี้ยงจรัญก็คงต้องพาคนมาช่วยเหมือนกัน ถึงตอนนั้นคงต้องเกิดสงครามแน่”

ระหว่างนั้นหลงเห็นถาวรขี่ม้าผ่านไปที่ร้านขายปืน ของเฮียโชติ ตามไปแอบดู เห็นถาวรขนระเบิดไปมากมาย ถามรานีว่า เขาจะขนไปทำอะไรตั้งมากมายขนาดนั้น

“ท่าจะไม่ดีแล้วล่ะนายหลง นายรออยู่นี่นะ ฉันคงต้องตามไปดู” ราวีผละไปที่ม้า หลงเตือนอย่างเป็นห่วงว่าให้ระวังตัวด้วย

ooooooo

พลอยขวัญ สิงห์ พร สมใจ และคนงานมาถึงปากถ้ำภูอุษาแล้วไม่มีวี่แววของเพชรรุ้งกับภูตะวันเลย สมใจคาดว่าพวกเขาอาจจะยังอยู่บนภูเขาก็ได้ พรเสนอให้รีบไปจะได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแน่

พวกสิงห์ขึ้นมาเจอไกรกำลังตัดเถาวัลย์อยู่ จึงคุมตัวกลับไปหาพลอยขวัญ สอบถามแล้วมันบอกว่า เพชรรุ้งกับภูตะวันติดอยู่ในถ้ำรวมทั้งเดชาด้วย

พลอยขวัญจำได้ว่าถ้ำภูอุษามีทางเข้าได้สองทาง บางทีรอยแยกข้างบนอาจจะเป็นทางเข้าอีกทางก็ได้ สมใจเร่งให้รีบไปหาทางเข้าก่อนเราต้องทำเวลาแข่งกับลูกน้องเดชา

แต่ปากถ้ำภูอุษาถูกปิดตาย พลอยขวัญสั่งให้ลงมือเปิดปากถ้ำกันเดี๋ยวนี้เลย

ส่วนภายในถ้ำ ภูตะวันคลานนำเพชรรุ้งหาทางออกไปตามอุโมงค์แคบๆ จนกระทั่งได้ยินเสียงแปลกๆพากันหยุดมองหาที่มาของเสียง เจอฝูงค้างคาวเกาะที่เพดานถ้ำ พอเห็นแสงไฟก็แตกฮือบินกันวุ่น โฉบเฉี่ยวกันชุลมุน

เพชรรุ้งทั้งตกใจทั้งถูกชนเจ็บ เธอชักปืนออกมายิงด้วยความโกรธ เสียงปืนก้องสะเทือนไปทั้งถ้ำ แรงสะเทือนทำให้เกิดหินถล่ม ภูตะวันบอกว่าเราต้องรีบไปจากที่นี่ แล้วพากันรีบคลานหนี จนกระทั่งเห็นแสงสว่างอยู่รำไร ภูตะวันบอกว่าเราเจอทางออกแล้ว

แต่พริบตานั้นเอง หินถล่มลงมาขวางทางซ้ำยังเบียดร่างเพชรรุ้งเข้าไปในซอก ทำให้เธอขยับตัวไม่ได้ บอกภูตะวันว่าตัวชาไปหมดแล้ว ภูตะวันบอกให้เธอคลานออกมาแต่เธอคลานไม่ไหว บอกให้เขารีบหนีไปก่อนทิ้งตนไว้ที่นี่ เพราะอุโมงค์กำลังจะถล่มอีกแล้ว

“ผมจะไม่ทิ้งคุณ ไม่มีทาง ผมจะดึงคุณออกมา แต่คุณต้องอดทนนะ”

“อย่า เราจะตายด้วยกันทั้งคู่!”

“ถึงตายผมก็ยอม ผมจะพาคุณไปจากที่นี่” อุโมงค์สั่นสะเทือนมากขึ้น เพชรรุ้งมองไปอย่างหวาดกลัว ภูตะวันเตือนสติเธอว่า “คุณหนู มองผมสิ เพชรรุ้ง มองผม! ผมจะไม่ยอมเสียคุณไปเด็ดขาด ไม่มีทาง เราต้องออกไปด้วยกัน”

ภูตะวันปลุกใจจนเพชรรุ้งฮึดขึ้นมา เขาถามเธอว่าพร้อมหรือยัง เมื่อเธอพยักหน้า เขาออกแรงกระชากแขนเธอสุดแรงเกิด เพชรรุ้งหลุดออกมาได้ แต่เธอก็เจ็บปวดอย่างแสนสาหัส

พอหลุดออกมาได้ ทั้งคู่ก็โผเข้ากอดกันแน่น ภูตะวันพร่ำบอกว่า “เรารอดตายแล้ว เรารอดตายแล้ว...” ส่วนเพชรรุ้งก็มองเขาด้วยความซาบซึ้งใจ ต่างสบตากันในความเงียบงันภูตะวันบรรจงจูบที่หน้าผากเธออย่างทะนุถนอม

ไม่มีคำพูดใดๆ...มีแต่อ้อมแขนที่กอดกันแน่น...มีแต่แววตาที่มองกันอย่างซาบซึ้ง ลึกซึ้งถึงความรู้สึกของกันและกันเท่านั้น...

ooooooo

กรณ์โหนเถาวัลย์ลงไปกับสมุนบางคน พอเจอกันถูกเดชาด่าว่ามัวทำอะไรอยู่กว่าจะโผล่มาได้ แล้วถามถึงศรกับไกรว่าหายไปไหน

“พี่ศรกลับไปรายงานพ่อเลี้ยงจรัญครับ ส่วนไอ้กรณ์ไม่รู้ว่าหายไปไหนเหมือนกัน”

เดชาฟังแล้วเอะใจนิดหนึ่ง แต่ทั้งหมดก็รีบหาทางออก โดยพากันคลานไปตามทางที่ภูตะวันกับเพชรรุ้งมาเจอก่อนแต่ไม่มีทางออก จึงเปลี่ยนทิศทาง เจออุโมงค์ที่มีลมพัดเข้ามา กรณ์บอกอย่างดีใจว่า

“คุณเดชา ทางนี้ครับ”

เวลาเดียวกันนั้น ที่ปากทางเข้าถ้ำภูอุษา สมใจกับสิงห์และพรกำลังช่วยกันเปิดปากถ้ำ เอาแค่พอให้ลอดเข้าไปได้ พลอยขวัญบอกให้แบ่งกำลังเป็นสองส่วน ตนกับสิงห์จะเข้าไปข้างใน ส่วนพรกับสมใจให้คอยเฝ้าแถวนี้

ระหว่างนั้นไกรที่ถูกจับตัวมาคอยจ้องปืนที่มือของพรที่ถืออย่างไม่ระวังนัก มันมองอย่างใจจดใจจ่อ

ooooooo

ภูตะวันกับเพชรรุ้งมาจนเกือบถึงปากถ้ำก็เจอหลุมศพสองหลุมคือหลุมศพของภูผากับอุษานั่นเอง เพชรรุ้งบอกว่า พ่อเคยเล่าว่าป้าอุษาเป็นคนสั่งให้ฝังศพของตัวเองกับสามีไว้ในถ้ำ ภูตะวันถามว่าทำไมป้าอุษาถึงต้องการแบบนั้น

“ใครๆก็รู้ว่าครอบครัวของลุงภูผาถูกพวกโจรฆ่าตาย” พูดแล้วเห็นภูตะวันนิ่งงัน เธอเอะใจถามว่า “นายเสือ นายเป็นอะไรหรือเปล่า”

“ผมแค่สงสัยว่าตอนนั้นพ่อของคุณหนูไปอยู่เสียที่ไหน ทำไมถึงปล่อยให้เพื่อนรักของตัวเองต้องตายแบบนี้” ภูตะวันพยายามสะกดกลั้นเสียงไม่ให้สั่นสะท้าน

เพชรรุ้งอ้างว่าสถานการณ์ตอนนั้นมันสับสนมาก อย่าว่าแต่พ่อเลยตนเองก็คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่อง

ภูตะวันไม่ถามอะไรอีก เอาคบเพลิงปักไว้กับซอกหิน ทรุดลงนั่งมือค่อยๆกำดินไว้แน่น เพชรรุ้งถามว่าจะทำอะไร เขาบอกว่าแค่ให้เกียรติคนตาย พวกเขาไม่มีใครมาเยี่ยมนานแล้ว

ภูตะวันยังเทน้ำรดป้ายชื่อให้ภูผาและอุษา ทันทีที่น้ำไหลไปถึงพื้นฝุ่นผงสีขาวก็กระจาย เสียงเพชรรุ้งอุทานอย่างตื่นเต้นว่า “นี่มันเพชรน้ำค้างนี่” ภูตะวันจึงเดินไปดู เธออธิบายว่า

“ฉันเคยได้ยินชาวบ้านเขาพูดกันว่า ถ้าขุดเจอแร่เหล็กหรือเพชรน้ำค้างเมื่อไหร่ ก็แปลว่ามีสายแร่พลอยอยู่แถวนั้น นายเสือ เราจะให้ใครรู้เรื่องนี้ไม่ได้นะ ถ้าเกิดทุกคนรู้ว่ามีพลอยอยู่ในถ้ำนี้ละก็...”

เพชรรุ้งชะงักกึกเมื่อภูตะวันเอานิ้วจุ๊ที่ปากให้หยุดพูด และดึงตัวเธอไปหลบหลังโขดหิน อึดใจเดียวเดชากับกรณ์และสมุนก็เดินใกล้เข้ามา เดชาหันไปสั่งเสียงเข้ม

“ไอ้กรณ์ไปค้นให้ทั่ว พวกมันต้องอยู่แถวนี้”

“ไอ้เดชา นึกอยู่แล้วเชียว” เพชรรุ้งพึมพำ ภูตะวันได้แต่มองเดชาอย่างใช้ความคิดเพราะสภาพเขาตอนนี้ไม่มีทางที่จะต่อกรกับมันได้เลย

ooooooo

ถาวรเอาระเบิดหลายมัดมาฝังไว้ที่ปากทางเข้าเมืองภูพระกาฬหมายสังหารพวกณรงค์ทั้งหมดฝังระเบิดเสร็จลากสายไปหลบหลังก้อนหิน เตรียมไฟแช็กพร้อมจุดทันทีที่เหยื่อมาถึง

ขณะที่ขบวนของณรงค์กำลังมุ่งหน้ามาภูพระกาฬนั่นเอง รานีขี่ม้าออกมาขวางบอกว่าทางข้างหน้าผ่านไม่ได้มีคนกำลังดักรออยู่

เหตุนี้เอง ทำให้คณะของณรงค์มาจนใกล้ถึงทางเข้าเมืองภูพระกาฬ ถาวรถือไฟแช็ก กระเหี้ยนกระหือรือจะจุด แต่พอมาใกล้ขบวนของณรงค์ก็เลี่ยงเส้นทาง แต่ถาวรจุดไฟแช็กแล้วและไฟกำลังลามเกือบถึงไดนาไมค์ที่ฝังไว้แล้ว กว่ามันจะนึกได้ระเบิดก็ทำงาน มันโดดหนีไม่ทัน ถูกแรงระเบิดกระเด็นกระดอนไปไกล

เลี่ยงจุดระเบิดไปได้แล้ว ณรงค์ขอบคุณรานีที่ช่วยเหลือทางการ รานีตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า ตนทำไปเพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของศักดาต่างหาก ศักดาถามทีเล่นทีจริงว่า เราสนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่

“เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นแหละค่ะ ถ้าคุณเปิดโอกาส” รานีหว่านเสน่ห์ยิ้มหวานให้ ศักดายิ้มตอบแต่ก็ยังมองอย่างระแวง

ooooooo

ระหว่างที่สมใจกับพรและคนงานคอยพลอย-ขวัญกับสิงห์อยู่ที่ปากถํ้านั้น ถูกไกรที่จ้องจะชิงปืนอยู่แล้ว ฉวยโอกาสที่พรเผลอแย่งปืนไป มันยกปืนขู่ทุกคนห้ามตาม แต่พรสั่งให้ตาม คนงานจึงพากันยกปืนเล็งยิงตามหลังไกรกันปึงปัง...ปึงปัง

เดชากับกรณ์และสมุนตามไปเจอหลุมศพของภูผากับอุษาที่ยังเปียกๆอยู่ เดชาบอกว่าพวกนั้นคงไปได้ไม่ไกลเพราะรอยยังใหม่ๆ กรณ์บอกว่าปากถํ้าปิดตายอยู่คงไปไหนไม่ได้ พวกมันจึงช่วยกันค้นหาแถวนั้น

แต่ภูตะวันกับเพชรรุ้งถอยไปจนถึงปากถํ้าแล้ว เจอพลอยขวัญกับสิงห์และคนงานเข้าพอดี ภูตะวันถามสิงห์ว่าเข้ามาได้ยังไง สิงห์พูดอย่างภูมิใจว่า “พวกเราเปิดปากถํ้าเข้ามา รีบไปกันเถอะ” แล้วพากันถอยไปทางปากถํ้า โดยมีพวกคนงานถือปืนคอยระวังหลังให้

เสียงปืนที่คนงานไล่ยิงไกรดังเข้าไปถึงในถํ้า เดชามองขวับไปตามเสียงปืนเห็นพวกเพชรรุ้งกำลังถอยไปทางนั้นพอดี มันสั่งสมุน

“พวกมันอยู่ทางโน้น ฆ่ามัน!”

สิ้นเสียงสั่ง พวกเดชากับพวกเพชรรุ้งก็ยิงใส่กันอย่างดุเดือด ลูกน้องที่มากับพลอยขวัญถูกยิงร่วงไปทีละคน...ทีละคน ภูตะวันก็ยิงต้านจนกระสุนที่ติดตัวมาหมดเกลี้ยง

สิงห์ให้พลอยขวัญพาเพชรรุ้งออกไปก่อน ทางนี้ตนกับภูตะวันจัดการเอง พลอยขวัญเตือนให้ระวังตัวด้วยแล้วโยนปืนยาวของตัวเองให้ภูตะวัน อวยพรให้โชคดี

ooooooo

พรกับสมใจพาพวกคนงานไล่ยิงไกรที่วิ่งไปตามไหล่เขา แต่ปรากฏว่าคนงานที่ไล่ตามถูกยิงร่วงไปทีละคนจนหมด พรกวาดตามองหาจึงเห็นว่า เป็นฝีมือของพวกจรัญนั่นเอง ส่วนไกรพอเห็นจรัญก็วิ่งไปหา

“รีบกลับไปเตือนคุณหนูกันก่อนเถอะครับ” สมใจเสนอเมื่อเห็นพวกจรัญมากันเป็นฝูง

ภายในถํ้า สิงห์กับภูตะวันช่วยกันยิงต้านพวกเดชาคุ้มกันให้พลอยขวัญพาเพชรรุ้งหนีออกไป แต่พอทั้งหมดออกมาถึงปากถํ้าก็แปลกใจที่ไม่เหลือใครอยู่ที่นั่นเลย ครู่หนึ่งจึงเห็นพรกับสมใจวิ่งมาหาบอกว่าพวกจรัญแห่มากันแล้ว เพชรรุ้งเร่งให้ต้องรีบไปจากที่นี่ ภูตะวันบอกว่าสิงห์ยังอยู่ข้างใน ทันใดนั้นเองสิงห์ก็คลานพรวดออกมา ทุกคนรีบเข้าช่วยพยุงสิงห์ลุกขึ้น ภูตะวันถามว่าแวบออกมาได้ยังไง

สิงห์หอบแฮ่กพูดไม่ออก แต่เอานิ้วชี้ที่หัวซึ่งตอนนี้ไม่ได้สวมหมวกแล้ว

ooooooo

ตะวันเดือด

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด