สมาชิก

เลือดเจ้าพระยา

ตอนที่ 2

กำนันธงกับลุงมหาไปธุระในเมืองเพิ่งกลับถึงบ้านท่ามกลางฝน ที่ยังโปรยปราย ทั้งคู่หิวข้าวจนไส้กิ่วเรียกหาศรีนวลถามว่าทำอะไรกิน เสียงนั้นได้ยินถึงในห้องเลอสรร ศรีนวลตกใจรีบลุกขึ้นแต่งตัวพลางปลุกเลอสรรที่ยังหลับอย่างมีความสุขให้แต่ง ตัวเพราะพ่อของตนกลับมาแล้ว

“งั้นเดี๋ยวผมจะไปบอกพ่อของศรีนวลเองว่าเรารักกัน”

“ไม่ได้นะคะ คุณทำแบบนั้นไม่ได้”

“ทำไมล่ะ ผมบริสุทธิ์ใจแล้วก็รักศรีนวลจริงๆนี่”

“แต่มันไม่เหมาะ คือเรายังไม่ได้แต่งงานกัน หากใครรู้เข้าศรีนวลจะเสียหาย พ่อก็คงเดือดร้อนแน่”

“ก็ได้ งั้นผมจะรอให้ศรีนวลพร้อม แล้วจะมาทำให้ถูกต้องตามประเพณี”

เลอ สรรดึงศรีนวลเข้ามากอดและจูบลา เสียง กำนันธงใกล้เข้ามา ศรีนวลผละออกจากห้องหลบเข้าครัวทำทีอุ่นแกงแล้วเฉไฉเมื่อพ่อเข้ามาถามว่า เรียกตั้งนานทำไมไม่ตอบ

“อ้าว...พ่อเรียกเหรอ ศรีนวลไม่ได้ยิน”

“ตะโกนลั่นบ้านแบบนี้ ไม่ได้ยินได้ไง”

“พอดีศรีนวลกำลังคิดอะไรเพลินๆน่ะจ้ะพ่อ เลยไม่ได้ยิน”

“เอ็งคิดอะไรของเอ็ง”

ศรีนวล เอาตัวรอดอ้างว่าคิดเรื่องกลอนลำตัด กำนันธงไม่ติดใจ สั่งการเรื่องอาหารแล้วกลับออกมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ารอกินข้าวพร้อมลุง มหา...

ฟ้าเริ่มสางฝนหยุดตก สมิงตัดสินใจไปจากบ้านกำนันโดยแวะมาอุ้มทารกน้อยเพื่อสั่งลา ศรีนวลทันรู้เห็นก็ตอนจะเอาข้าวมาให้ จึงทักท้วงสมิงว่าจะไปทำไมในเมื่อแผลที่ขายังไม่หายดี ชายหนุ่มเบือนหน้าหนี ในใจปวดร้าวและน้อยใจ ศรีนวลสังเกตและรับรู้ได้ เริ่มรู้ความหมายของดวงตาคู่นั้น

“สมิงรู้...” เธอพึมพำออกมาก่อนจะน้ำตาคลอเมื่อสมิงตัดพ้อด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจว่า ถึงหัวใจของตนถูกเหยียบย่ำแต่ตนก็ยังภักดีต่อเธอเหมือนเดิม “ศรีนวลเสียใจมากเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน...ศรีนวลเป็นคนผิดเอง...ศรีนวล ใจง่ายทำให้ทุกคนผิดหวัง”

“ เรื่องมันผ่านไปแล้ว ศรีนวลเอามันกลับคืนมาไม่ได้หรอก ว่าแต่กำนันยังไม่รู้ใช่ไหม”

ศรีนวลพยักหน้า สมิงจึงถามต่อไปว่าเลอสรรจะจัดการเรื่องนี้ยังไง

“เขาบอกว่าจะมาสู่ขอศรีนวลแล้วก็แต่งงานตามประเพณี”

“ถ้า งั้นพี่ก็ขออวยพรให้ศรีนวลมีความสุข และขอให้คุณเลอสรรเขารักษาสัญญากับศรีนวล อย่าทำให้ศรีนวลผิดหวัง ไม่อย่างงั้นพี่กับคุณเลอสรรก็คงจะต้องขาดกัน”

ขณะที่สมิงกับศรีนวล คุยกันอยู่นั้น ลูกน้องคนหนึ่งของบันลือแอบดูหลังพุ่มไม้แล้วรีบไปบอกเจ้านายก่อนทั้งหมดจะ พาตำรวจมาที่บ้านกำนันธงเพื่อจับสมิงให้ได้คาหนังคาเขา ถ้าจับเป็นไม่ได้ก็จะจับตาย

โชคดีที่ศรีนวลไหวตัวให้สมิงหลบไปก่อน ขณะที่เลอสรรกับกำนันธงก็คอยช่วยเหลือจนทำให้บันลือไม่พอใจและมีปากเสียงกับ เลอสรร หลังจากค้นหาสมิงทั้งในบ้านและตามไปถึงชายป่าก็ไม่เห็นแม้แต่เงา

“แต่ถึงไม่เจอ กำนันธงก็ควรถูกแจ้งข้อหาให้ความช่วยเหลือโจรนะสารวัตร”

“ขอโทษนะครับคุณบันลือ ถ้าไม่มีหลักฐานกรุณาอย่ากล่าวหากัน ไม่งั้นคุณโดนฟ้องกลับแน่”

“แต่คนของฉันเห็นว่าไอ้สมิงมันอยู่กับศรีนวลเมื่อเช้า”

“ถ้าแน่ใจอย่างนั้นก็แจ้งข้อหาไปเลย แต่ถ้าพลาดขึ้นมาผมจะเล่นคุณข้อหาสร้างพยานเท็จ”

“แต่ถึงไม่เจอ กำนันธงก็ควรถูกแจ้งข้อหาให้ความช่วยเหลือโจรนะสารวัตร”

“ขอโทษนะครับคุณบันลือ ถ้าไม่มีหลักฐานกรุณาอย่ากล่าวหากัน ไม่งั้นคุณโดนฟ้องกลับแน่”

“แต่คนของฉันเห็นว่าไอ้สมิงมันอยู่กับศรีนวลเมื่อเช้า”

“ถ้าแน่ใจอย่างนั้นก็แจ้งข้อหาไปเลย แต่ถ้าพลาดขึ้นมาผมจะเล่นคุณข้อหาสร้างพยานเท็จ”

“เอา ละๆ ครั้งนี้ขอให้เลิกแล้วต่อกัน ไม่เจอคนร้ายก็ถือซะว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น คุณเลอสรรพากำนันธงกับพวกกลับได้แล้วครับ ไม่มีอะไรแล้ว”

“ขอบคุณมากครับสารวัตรที่ให้ความยุติธรรมกับพวกเรา”

เมื่อคณะของกำนันธงพากันกลับไปแล้ว บันลือหงุดหงิดไม่หายถามสารวัตรสมภพว่าทำไมต้องยอมมันด้วย

“แล้ว คุณมีหลักฐานอะไรไหมล่ะที่จะไปกล่าวหาเขา อย่าลืมสิว่ากำนันธงน่ะมันมีแบ็กอัพคือท่านผู้ว่าฯทรงยศ แล้วคุณเลอสรรลูกชายท่านผู้ว่าฯ ก็ยังเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจอีกด้วย”

“แสดงว่าสารวัตรจะเลิกล้มเรื่องไอ้สมิงแล้วใช่มั้ย ผมยินดีจะจ่ายค่าหัวไอ้สมิง 5 หมื่นบาท ไม่ว่าจะจับเป็นหรือจับตาย”

“วางใจ เถอะคุณบันลือ ผมไม่ทิ้งเรื่องไอ้สมิงแน่นอน เพียงแต่วันนี้จังหวะเราไม่ดีก็ควรถอยออกมาก่อน ไม่งั้นพวกมันจะไหวตัวทัน ยังไงผมจะส่งสายสืบมาคอยจับตาความเคลื่อนไหวของพวกมัน ครั้งหน้าต้องไม่พลาดแบบนี้”

ได้ยินสารวัตรยืนยันอย่างนั้นบันลือ ค่อยเย็นลง ด้านสมิงที่หลบหนีไปอาศัยกระท่อมในป่าตามคำแนะนำของศรีนวล ผ่านไปพักใหญ่บัวก็นำอาหารมาให้ บอกว่ามีน้ำพริกป่าฝีมือศรีนวลที่สมิงชอบด้วย

“ตอนนี้สมิงคงชอบไม่ได้แล้วล่ะบัว”

“อ้าว...ไม่อร่อยเหรอ”

สมิง ไม่ตอบ ก้มหน้าก้มตากินข้าวไปเงียบๆ ตรงกัน ข้ามกับเลอสรรที่กำลังล้อมวงกับกำนันธง ลุงมหาและศรีนวลอยู่ที่บ้านอย่างมีความสุข เขาเอร็ดอร่อยกับอาหารพลางส่งสายตาให้ศรีนวลเป็นระยะจนกำนันธงเริ่มทะแม่ง แล้วตัดสินใจลุกตามลูกสาวเข้าไปในครัวเพื่อเตือนให้ระมัดระวังตัวเองไว้บ้าง หากมีอะไรเกินเลยน้ำตาจะเช็ดหัวเข่า

“ทำไมล่ะจ๊ะพ่อ สมมติถ้าฉันกับคุณเลอสรรรักกัน ทำไมต้องน้ำตาเช็ดหัวเข่าด้วย”

“เอ็ง คิดว่าคนป่าคนดงอย่างเราใครเขาจะมาจริงจัง ในเมืองมีผู้หญิงสาวๆสวยๆอีกมากมาย ก้าวเท้าจากลานเทไปใจคนมันก็เปลี่ยน พ่อเห็นมานักต่อนักแล้ว”

“ไม่ยกเว้นแม้แต่คุณเลอสรรเลยเหรอจ๊ะพ่อ”

“ผู้ชายมันก็เหมือนๆกันทั้งนั้น ถ้าเอ็งไม่อยากเสียใจก็ห่างๆเขาเอาไว้ดีกว่า”

ศรีนวลไม่ตอบได้แต่ครุ่นคิดและไม่อยากรับคำ กำนันธงเลยถามย้ำอีกทีว่าได้ยินที่พ่อพูดหรือเปล่า

“จ้ะพ่อ ฉันได้ยินแล้วจ้ะ”

กำนัน ธงเดินออกไป ขณะที่ศรีนวลรู้สึกหนักใจ เกรงสิ่งที่พ่อเตือนจะเป็นจริง...แต่แล้วคืนนั้นเอง เลอสรรก็รวบตัวศรีนวลเข้าห้องคลอเคลียอย่างรักใคร่ หญิงสาวปัดป้องพร้อมกับเล่าให้ฟังว่าเมื่อเย็นพ่อเพิ่งมาเตือนไม่ให้ตน ใฝ่สูง เลอสรรชะงักอย่างไม่เข้าใจถามว่าใฝ่สูงยังไง

“พ่อกลัวว่าคุณเลอสรรจะไม่จริงใจกับคนบ้านนอกอย่างศรีนวล หากกลับไปกรุงเทพฯเมื่อไหร่คุณก็จะลืม ศรีนวลคนนี้”

“ศรีนวลคิดว่าผมจะเป็นคนใจโลเลอย่างนั้นเหรอ หรือจะให้ผมสาบานต่อหน้าพระให้ตายในสามวันเจ็ดวัน”

“ไม่ค่ะ อย่าพูดอย่างนั้นสิคะ”

“แต่ผมอยากให้ศรีนวลเชื่อใจและรู้ว่าผมรักศรีนวลมากแค่ไหน ชาตินี้ผมจะไม่มีวันลืมเมียคนสวยของผมที่ชื่อศรีนวลได้เป็นอันขาด”

เลอ สรรกอดจูบศรีนวลด้วยความรัก ไม่ช้าหญิงสาวก็โอนอ่อนผ่อนตามเพราะรักเขามากเช่นกัน...เช้าวันรุ่งขึ้น ศรีนวลกับบัวเตรียมตัวเอาอาหารไปให้สมิง เลอสรรรู้เข้า ก็ขอตามไปด้วย แต่ระหว่างทางเขาเหนื่อยอ่อนเพราะไม่ชินกับการเดินป่า พอเจอลำธารจึงแวะล้างหน้าล้างตาแล้วทำท่าจะเดินต่อ

“ไม่ต้องเดินแล้วค่ะ กระท่อมอยู่ข้างหน้านี่เอง คุณชมธรรมชาติแถวนี้ไปก่อนนะ ศรีนวลกับพี่บัวจะเข้า ไปเยี่ยมสมิงเอง”

เลอ สรรตกลง สองสาวจึงผละไป แต่ไม่นานบัวก็ต้องกลับออกมาอีกเพราะสมิงไม่มีน้ำกินสักหยด ส่วนศรีนวลอยู่ดูแลสมิงที่ตัวร้อนมีไข้เพราะแผลอักเสบ เธอตักข้าวจะป้อนแต่เขาไม่ยอมกิน เธอเลยชะงักหน้าเสียถามเขาว่ารังเกียจตนเหรอ

“เปล่า...สมิงไม่ได้รังเกียจ เพียงแต่ศรีนวลมีเจ้าของแล้วไม่สมควรที่จะให้ป้อน มันจะเป็นการทำลายจิตใจของศรีนวลและคุณเลอสรรเอง”

“แต่สมิงเจ็บไข้ไม่สบาย ศรีนวลต้องดูแล เพราะศรีนวลรักและยกย่องสมิงเหมือนพี่ชายของศรีนวล”

“พี่ชาย...”

“จ้ะสมิง ถึงชาตินี้เราจะรักกันไม่ได้ แต่สมิงก็จะอยู่ในใจของศรีนวลเสมอ”

“ก็ได้...ต่อ ไปสมิงจะดูแลในฐานะผู้ชายคนหนึ่งที่รอคอยผู้หญิงที่มันรัก หากวันใดที่ศรีนวลและคุณเลอสรรเป็นอิสระจากกัน สมิงก็จะมาขอโอกาสจากศรีนวลอีกครั้ง”

“ปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคตเถอะสมิง แต่สำหรับตอนนี้สมิงกินข้าวก่อนเถอะ”

ไม่ทัน ที่สมิงจะกินข้าว เสียงปืนดังมาจากลำธาร ศรีนวลเป็นห่วงเลอสรรรีบวิ่งออกไปโดยมีสมิงติดตามมาด้วย ปรากฏว่าขวดกับเหิมนั่นเอง ทั้งคู่เข้าใจผิดคิดว่าเลอสรรเป็นพวกเดียวกับตำรวจจึงเกิดการต่อสู้กัน โชคดีไม่มีใครเป็นอะไร พอรู้ว่าเป็นพวกเดียวกันก็โล่งใจแล้วตามศรีนวลกับสมิงไปกินข้าวที่กระท่อม

ขวด กับเหิมเอร็ดอร่อยกับอาหารของศรีนวล เพราะที่ผ่านมากินแต่เผือกมันเป็นประจำก็เลยอยากให้สมิงป่วยหลายๆวัน พวกตนจะได้ไม่ต้องกลับไปอดๆ อยากๆอยู่กลางป่าอีก

“ถ้าเอ็งตะกละเห็นแก่กินก็กลับไปอยู่ในหมู่บ้านสิไอ้ขวด ไม่ต้องมาทนลำบากกับข้า”

“แหมพี่...ฉันก็แค่ล้อเล่น พี่สมิงอยู่ไหนฉันก็อยู่นั่น ไม่ทิ้งกันอยู่แล้ว”

“แล้วนี่สมิงจะพักอยู่สักกี่วัน หรือกินเสร็จจะออกเดินทางกันเลย”

“ไม่ ได้นะ สมิงยังไปไหนไม่ได้ แผลยังไม่หายดีเลย น่าจะพักอีกสักวันสองวัน” ศรีนวลท้วงขึ้นอย่างเป็นห่วง เลอสรรเห็นด้วย กำชับสมิงให้กินยาแก้อักเสบที่ตนฝากศรีนวลมาให้ครบแผลจะได้ไม่ติดเชื้อ

“ก็ได้ สมิงจะพักที่นี่อีกสองวัน หลังจากแผลแห้งแล้วก็ค่อยเข้าป่า”

แต่ ไม่ทันสมิงกับลูกน้องจะเข้าป่าก็เกิดเหตุการณ์ปล้นทรัพย์ที่บ้านเศรษฐีราย หนึ่งในบางไทร ซึ่งเป็นฝีมือของมเหศักดิ์กับบันลือนั่นเอง แต่พวกเขาสวมรอยใส่ร้ายสมิงเหมือนเคย และการปล้นจวนเจียนจะสำเร็จอยู่แล้วถ้าพวกกำนันธงไม่แห่กันมาขัดขวาง แต่ถึงกระนั้นก็ไม่เห็นหน้าค่าตาไอ้โจรร้ายเพราะมันพรางหน้ากันทุกคน

ศรีนวล กับเลอสรรเพิ่งแยกจากสมิงมาถึงหมู่บ้าน ทั้งคู่จึงยืนยันว่าโจรไม่ใช่สมิงอย่างแน่นอน แล้วก็เห็นใจสมิงที่ต้องมารับกรรมเพราะการกระทำของคนอื่น วันรุ่งขึ้นเธอและเขาออกไปพบสมิงอีกครั้ง เป็นเวลาที่สมิงกับลูกน้องกำลังจะเข้าป่าพอดี

“ได้เวลาแล้ว สมิงคงรบกวนศรีนวลแค่นี้ ส่วนเรื่องไอ้โจรที่แอบอ้างเป็นสมิง ศรีนวลไม่ต้องห่วงนะ สมิงต้องสืบรู้ให้ได้ว่ามันเป็นใคร”

“แต่กว่าจะรู้ ชื่อเสียงของสมิงก็ป่นปี้ไปหมด” เลอสรรหนักใจแทน

“ใคร จะเข้าใจยังไงก็ช่าง สมิงขอแค่ให้คุณเลอสรร ศรีนวล ลุงกำนัน และพี่น้องชาวลานเททุกคนเข้าใจสมิงเป็นพอ...สมิงยินดีที่ศรีนวลได้ผู้ชายดีๆ อย่างคุณ

เลอสรรเป็นคู่ครอง ขอให้คุณเลอสรรรักและทะนุถนอมศรีนวลไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ ถึงศรีนวลจะเป็นผู้หญิงบ้านป่าแต่ก็คืออัญมณีล้ำค่าของบ้านป่าที่คุณจะหาจาก ที่อื่นไม่ได้อีกแล้ว”

“วางใจเถอะสมิง ผู้ชายที่ชื่อเลอสรรคนนี้จะรักและซื่อสัตย์ต่อศรีนวลไปจนวันตาย และขอสัญญาว่าจะไม่มีวันทำให้ศรีนวลต้องเสียน้ำตาแม้แต่หยดเดียว”

“ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือและบุญคุณที่คุณเลอสรรเคยช่วยสมิงเอาไว้ สมิงจะจดจำเอาไว้จนวันตาย”

“เรา เป็นเพื่อนกันนะสมิง ถึงจะมีเวลาคบหากันไม่มาก แต่ฉันและสมิงต่างก็จริงใจต่อกัน ฉันจะจดจำความเป็นเพื่อนของเราไว้จนวันตายเช่นกัน”

สมิงจับมือร่ำลากับเลอสรรแล้วหันไปยิ้มให้ศรีนวลก่อนเดินนำขวดกับเหิมเข้าป่า

ooooooo

คราวก่อนปล้นบ้านเศรษฐีในบางไทรไม่สำเร็จเพราะถูกพวกกำนันธงขัดขวาง เสือมเหศักดิ์กับบันลือจึงหมายมั่นปั้นมือว่าครั้งนี้ต้องปล้นเอาเงินผ้าป่าจากชาวบ้านลานเทเพื่อหักหน้าตัวตั้งตัวตีอย่างกำนันธงให้จงได้ โดยลงมือในเวลาที่ชาวบ้านรวมตัวกันแห่กองผ้าป่าที่มีเงินหลายหมื่นบาทไปวัด

กำนันธงกับลุงมหาติดธุระกับชาวบ้านรายหนึ่งจึงไม่ได้ร่วมขบวนมาด้วย แต่พอรู้ข่าวว่ามีโจรปล้นเงินก็รีบตามมาช่วยแต่ไม่ทันการณ์ อีกทั้งศรีนวลก็บุ่มบ่ามบ้าบิ่นเพราะไม่ต้องการสูญเงินผ้าป่าจึงถูกบันลือจับตัวไป

แม้บันลือจะพรางตัวปิดบังหน้าตาแต่ศรีนวลก็จำเสียงของมันได้ มันเลยคิดจะฆ่าปิดปากเธอแต่ไม่สำเร็จเพราะเลอสรรกับพวกกำนันธงตามมาช่วยทัน เลอสรรเอาตัวเองบังกระสุนให้ศรีนวลจนได้รับบาดเจ็บ ลุงมหาต้องรีบผ่ากระสุนออกให้อย่างเร่งด่วน ส่วนพวกโจรห้าร้อยก็หอบเงินผ้าป่าหนีลอยนวลไปได้
เลอสรรเสียเลือดมากสลบไปข้ามวัน ศรีนวลดูแลอย่างใกล้ชิดและเมื่อเขาฟื้นขึ้นมาก็รีบนำอาหารมาบำรุงร่างกาย ดูแลปรนนิบัติตอบแทนที่เขาช่วยชีวิตเธอไว้

“ศรีนวลต้องขอโทษคุณเลอสรรที่ต้องมาบาดเจ็บเพราะศรีนวล”

“จะมีสามีคนไหนที่ปล่อยให้เมียตัวเองโดนยิงต่อหน้าต่อตาล่ะ”

“ศรีนวลขอร้องอย่าพูดแบบนี้อีกเลยค่ะ ศรีนวลไม่อยากให้พ่อรู้”

“ก็ได้จ้ะ ผมจะไม่พูดให้ศรีนวลไม่สบายใจอีก เพียงแต่ผมแค่อยากจะบอกให้ศรีนวลรู้ว่าชีวิตของผมทั้งชีวิต ยอมสละได้เพื่อศรีนวลของผม ทีนี้เชื่อหรือยังว่าผมรักศรีนวลจริงๆ”

“ค่ะ...ศรีนวลเชื่อแล้ว ทานข้าวก่อนเถอะค่ะ คุณจะได้หายเร็วๆ”

ขณะที่ศรีนวลป้อนข้าวเลอสรรอยู่ในห้อง กำนันธงกับลุงมหานั่งคุยกันข้างนอกด้วยสีหน้าอย่างหนักใจ

“ถ้าท่านผู้ว่าฯ รู้ว่าคุณเลอสรรโดนยิง ฉันคงโดนเล่นงานแน่เลย”

“มันไม่ใช่ความผิดของกำนัน เรื่องนี้ท่านผู้ว่าฯ คงเข้าใจดี กำนันอย่าโกรธฉันนะ ฉันมันบ่าวท่าน เกิดเหตุใหญ่กับลูกชายท่านอย่างนี้ ฉันก็ต้องรีบรายงานให้ท่านทราบด่วนที่สุด และคิดว่าท่านคงจะรีบส่งหมอส่งเรือมารับลูกชายไปดูแลต่อที่กรุงเทพฯ เป็นแน่”

ศรีนวลกลับออกมาได้ยินแล้วหน้าเศร้าอย่างเห็นได้ชัดแต่รีบกลบเกลื่อนเดินหนีเข้าครัวเมื่อเห็นแววตาสงสัยของพ่อกำนัน

ooooooo

ลุงมหากลับไปถึงบ้านท่านผู้ว่าฯในเย็นนั้น คุณนายศรีสอางค์ฟังข่าวลูกชายถูกยิงแล้วโวยวายด้วยความตกใจ แม้ลุงมหาจะบอกว่าตอนนี้เลอสรรปลอดภัยแล้วแต่เธอก็ยังเป็นห่วงอยู่ดี ส่วนท่านผู้ว่าฯ ก็อดตำหนิลุงมหาไม่ได้ แถมบ่นไปถึงกำนันธงด้วยว่าดูแลพื้นที่ยังไงถึงมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น

ค่ำวันเดียวกันที่บ้านกำนันธง เลอสรรอยากใกล้ชิดศรีนวลจึงส่งสัญญาณด้วยการผิวปากก่อนทำมือบอกว่าตนจะไปรอในห้องนอน ศรีนวลยิ้มรับพลางเหลียวซ้ายแลขวากลัวพ่อเห็น สักครู่กำนันธงก็เดินออกจากมุมหนึ่งทำ เหมือนไม่รู้เห็นอะไร แต่แอบสั่งสอนลูกสาวทางอ้อมเมื่อเธอถามว่าพ่อไปไหนมา

“ไปพาอีเผือกมันเข้าคอกน่ะสิ”

“อีเผือกมันทำไมหรือจ๊ะพ่อ”

“อีเผือกมันไม่รักดี ชอบหนีไปหาพวกควายตัวผู้ น่าขายหน้าจริงๆ”

“ควายมันคงรักกันน่ะพ่อ”

“จะควายหรือคนถ้าเป็นตัวเมียมันก็ไม่ควรวิ่งแร่ไปหาตัวผู้เหมือนพวกไร้ยางอาย ทำแบบนี้พ่อไม่ชอบ”

ศรีนวลฟังแล้วรู้สึกหนาวๆร้อนๆ แต่คิดเข้าข้างตัวเองว่าคำพูดของพ่อเป็นเรื่องบังเอิญและพ่อคงไม่รู้เรื่องของเธอกับเลอสรรเป็นแน่ ตกดึกเธอจึงย่องเข้าห้องเลอสรรแล้วกลับออกมาอีกทีตอนเช้ามืด และตกใจแทบช็อกเมื่อพบว่าพ่อนั่งอยู่บนเตียงนอนของเธอ

กำนันธงมานั่งรอศรีนวลในห้องนอนจนถึงเช้าและจับได้คาหนังคาเขาจนศรีนวลปฏิเสธไม่ออก คนเป็นพ่อมองลูกสาวด้วยความผิดหวังและเสียใจที่ลูกใจง่ายไม่รักนวลสงวนตัว

“สมใจแล้วใช่ไหมศรีนวล ผักตบชวาใฝ่หาแจกันแก้ว ไม้งามถูกกระรอกเทวดาเจาะเสียแล้ว”

ศรีนวลร้องไห้ไม่กล้าสบตาด้วยละอายใจ ขณะที่กำนันธงก็น้ำตาคลอเบ้าเช่นกัน

“เสียใจหรือดีใจละลูกเอ้ย...เนื้อสาวถูกขยี้ ลูกไม่เจ็บแต่พ่อเจ็บ ลูกไม่ช้ำแต่พ่อช้ำ ลูกเป็นสุขแต่พ่อเป็นทุกข์กับสิ่งที่ลูกทำ ลูกเห็นพ่อเป็นเพียงหุ่นไล่กาที่ไม่มีความหมาย”

ศรีนวลยอมรับผิดเข้ามานั่งคุกเข่าก้มกราบเพื่อเป็นการขออภัย “พ่อจ๋า...ศรีนวลผิดไปแล้ว ศรีนวลปล่อยให้หัวใจอยู่เหนือเหตุผล พ่อลงโทษศรีนวลเถอะจ้ะ จะเฆี่ยนตีจะลงโทษยังไงก็ได้”

“คนเป็นพ่อมีสิ่งที่ทำได้อยู่อย่างเดียวก็คือต้องคอยให้อภัยลูกดื้อ แต่จากนี้ไปจงจำคำพ่อเอาไว้ว่าชีวิตเอ็งจะต้องเตรียมตัวพบกับความผิดหวัง”

“พ่อพูดถึงอะไร ศรีนวลไม่เข้าใจ”

“คิดหรือว่าแจกันแก้วเขาจะยอมรับเอาผักตบไร้ราคาอย่างเอ็ง ผู้หญิงใจง่ายมันก็ไม่ต่างอะไรกับดอกไม้ริมทางถูกดอมดมแล้วคุณค่ามันก็หายไป”

ทันใดนั้น เลอสรรเปิดประตูเข้ามาหลังจากยืน ฟังอยู่แต่แรก เขารับรองแข็งขันว่าจะไม่ทำให้ศรีนวลต้องผิดหวังอย่างแน่นอน

“คุณแน่ใจเหรอ”

“เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของผมแต่เพียงผู้เดียว ผมยอมรับว่าได้ทำร้ายน้ำใจของกำนันจนไม่อาจให้อภัยได้ แต่ผมขอยืนยันว่าสิ่งที่ผมทำลงไปผมทำด้วยความรักและความบริสุทธิ์ใจ ผมรักศรีนวลอย่างแท้จริง ไม่เคยคิดที่จะหลอกลวงหรือเหยียบย่ำทำลาย ผมกราบขอขมา”

เลอสรรคุกเข่าลงกราบแทบเท้ากำนันธง...สองพ่อลูกตกใจไม่น้อย ไม่คาดคิดว่าลูกเจ้าลูกนายอย่างเขาจะทำแบบนี้กับกำนันจนๆคนบ้านนอก

“ความรักของผมกับศรีนวลเป็นรักที่บริสุทธิ์ จะเป็นความรักครั้งแรกและครั้งเดียว ผมสัญญาว่าจะยกย่องและดูแลศรีนวลเป็นเมียผมอย่างถูกต้อง”

“แล้วท่านผู้ว่าฯ คุณพ่อของคุณกับคุณนายล่ะ คุณคิดว่าท่านจะยอมรับศรีนวลเป็นสะใภ้เหรอ”

“ไว้ใจเถอะครับ ผมจะทำทุกวิถีทางให้คุณพ่อกับคุณแม่ยอมรับศรีนวลในฐานะลูกสะใภ้ได้อย่างแน่นอน” เลอสรรยืนยันกับกำนันธงอย่างจริงจังและมั่นใจ
แล้วเช้าวันใหม่ลุงมหาก็กลับมาลานเทอีกครั้งพร้อมท่านผู้ว่าฯ ที่ต้องการมารับตัวลูกชายกลับไปรักษาต่อที่บ้าน แต่พอท่านได้ยินเลอสรรสารภาพเรื่องบางอย่างก็อดบ่นไม่ได้

“ทีแรกพอได้ยินว่าโดนยิงฉันก็เป็นห่วงแทบตาย พอมาถึงกลับต้องมาเจอเรื่องแบบนี้อีก นี่มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลยนะเจ้าเลอสรร”

“ครับคุณพ่อ ผมรู้ดีว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ผมถึงอยากจะให้คุณพ่อจัดการสู่ขอศรีนวลมาแต่งงานกับผมให้ถูกต้องตามประเพณี”

“จะแต่งได้ยังไง ก็ในเมื่อแกยังเรียนไม่จบเลย”

“เหลืออีกแค่เทอมเดียวผมก็จะจบได้เป็นนายร้อยตำรวจแล้ว แต่งงานก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรนี่ครับ”

“เรื่องแต่งงานมันไม่ใช่แค่ทำบุญเลี้ยงพระ ถ้าคิดจะหาสะใภ้เข้าบ้าน แกต้องผ่านด่านแม่ของแกไปให้ได้ซะก่อน”

“แต่ผมรักศรีนวลนะครับ ผมเป็นคนแต่งงาน ผมก็น่าจะเป็นคนเลือกเมียของผมเอง”

“พูดแบบนี้ก็เท่ากับแกไม่เห็นหัวพ่อกับแม่”

“ไม่ใช่อย่างนั้นครับคุณพ่อ แต่ผมเป็นลูกผู้ชาย ในเมื่อได้เสียกับศรีนวลไปแล้วผมก็ต้องรับผิดชอบ”

“อะไรนะ นี่แกได้แม่ศรีนวลเป็นเมียแล้วรึ”

“ครับคุณพ่อ ศรีนวลเป็นเมียผมแล้ว”

ท่านผู้ว่าสีหน้าไม่สู้ดี รู้ว่าสิ่งที่เลอสรรทำลงไปเป็นสิ่งที่ผู้เป็นพ่อจะต้องรับผิดชอบด้วยการยอมรับศรีนวลมาเป็นลูกสะใภ้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นสองพ่อลูกจึงกลับเข้ามาเจรจากับกำนันธงโดยมีลุงมหาและศรีนวลนั่งฟังอยู่ด้วย

“เมื่อเรื่องเลยเถิดมาถึงขนาดนี้ ในฐานะที่ฉันเป็นพ่อมัน ฉันก็ต้องรับผิดชอบมาสู่ขอแม่ศรีนวลมาเป็นลูกสะใภ้ของฉัน กำนันว่ายังไง”

“ผมคงว่าอย่างไรไม่ได้แล้วครับท่าน นอกจากจะต้องยินยอมยกศรีนวลให้กับคุณเลอสรร ยังไงเรื่องนี้ผมต้องกราบขอบพระคุณท่านเป็นอย่างสูงที่กรุณาและให้เกียรติลูกสาวของผมในฐานะลูกสะใภ้”

“กำนันเป็นคนดี ถึงแม้จะมีฐานะเป็นผู้เช่าที่ดินของฉัน แต่กำนันก็ซื่อสัตย์และคอยเป็นหูเป็นตาแทนฉันมาตลอด เอาเป็นว่าฉันจะขอยกที่ดินแถวลานเททั้งหมดให้กับศรีนวลแทนสินสอดทองหมั้น กำนันตกลงมั้ย”

“นับเป็นบุญของศรีนวลมันอย่างสูงแล้วครับท่าน ศรีนวลกราบขอบพระคุณท่านผู้ว่ากับคุณเลอสรรสิลูก”

ศรีนวลพนมมือก้มกราบสองพ่อลูกอย่างนอบน้อม “กราบขอบพระคุณท่านและคุณเลอสรรเป็นอย่างสูงค่ะ ที่กรุณาศรีนวล”

“แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ฉันอยากจะขอเอาไว้ คือเรื่องพิธีแต่งงานฉันอยากจะขอผลัดเอาไว้จนกว่าลูกชายของฉันจะเรียนจบเสียก่อน”

“ตอนนี้เหลือแค่สามเดือนผมก็จะจบแล้ว คุณพ่อท่านอยากให้ชะลอเรื่องงานแต่งเอาไว้รอให้ผมเข้ารับพระราชทานกระบี่ติดยศนายร้อยก่อนแล้วจึงค่อยจัดงานแต่งน่ะครับ”

“ผมเชื่อในเกียรติและศักดิ์ศรีของท่านและลูกชาย อีกเพียงแค่สามเดือนยังไงศรีนวลมันคงรอได้ หรือว่าไงลูก”

“คุณเลอสรรกลับไปเรียนต่อให้จบเถอะค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วง อยู่ทางนี้ศรีนวลจะดูแลตัวเอง ศรีนวลรับรองด้วยเกียรติค่ะ”

“ฉันเองก็ขอรับรองด้วยเกียรติเช่นกันว่าจะทำทุกอย่างตามที่สัญญากันไว้” ท่านผู้ว่าฯตกปากรับคำมั่นเหมาะทำให้สองพ่อลูกแห่งลานเทมั่นใจและสบายใจ

ถึงเวลาเดินทาง เลอสรรล่ำลาศรีนวลอีกครั้งที่ท่าน้ำก่อนลงเรือไปกับพ่อและลุงมหา ผ่านไปสักพักเมฆฝนก่อตัวแล้วเทลงมาอย่างหนักจนศรีนวลอดเป็นห่วงคณะของเลอสรรไม่ได้

ทั้งลมทั้งพายุทำให้เรือของท่านผู้ว่าเกิดอุบัติเหตุจนเลอสรรตกน้ำหัวกระแทกตอไม้สลบเหมือด ลุงมหากับผู้ว่าช่วยกันปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนเร่งเดินทางกลับบ้านแล้วให้ศรีสอางค์โทร.ตามหมอมาดูอาการเพราะผ่านมาเป็นชั่วโมงเลอสรรก็ยังไม่ฟื้น หมอตรวจแล้วบอกว่าอาการภายนอกไม่เป็น อะไรมากคิดว่าไม่กี่วันก็คงหาย แต่ศรีสอางค์ยังข้องใจว่าทำไมลูกของตนถึงไม่ฟื้นสักที หรือว่าจะย้ายไปรักษาที่โรงพยาบาล

“อย่าเพิ่งย้ายเลยครับ การเคลื่อนย้ายอาจทำให้กระทบกระเทือนคนไข้ได้ ผมว่าให้คุณเลอสรรนอนดูอาการที่บ้านไปก่อน ผมจะจัดพยาบาลมาดูแลให้อย่างเต็มที่ คุณนายไม่ต้องเป็นห่วงครับ”

หลังจากหมอกลับไปแล้ว ลุงมหาสอบถามท่านผู้ว่า ถึงอาการของเลอสรรก่อนจะอาสาไปส่งข่าวศรีนวลที่ลานเท ศรีสอางค์ผ่านมาได้ยินก็สงสัยว่าศรีนวลเป็นใครแล้วทำไมต้องไปส่งข่าว พอซักจนรู้ความจริงจากสามีก็รับไม่ได้ประกาศชัดว่าตนไม่รับสาวที่ไหนเป็นสะใภ้นอกจากสร้อยเพชรลูกของโฉมศรีซึ่งเป็นเพื่อนสนิท ที่สำคัญตนได้ไปทาบทามเธอให้เลอสรรแล้ว ถ้าไปยกเลิกตนจะเอาหน้าไว้ที่ไหน

“แต่ถ้าฉันจะไปบอกเลิกกับกำนันธง ฉันก็เสียคนน่ะสิ”

“ไม่รู้ไม่ชี้ ลูกสาวกำนันธงฉันไม่เคยรู้จักหัวนอน ปลายตีน จู่ๆจะให้มาเป็นลูกสะใภ้ฉันไม่ยอมรับ”

ท่านผู้ว่ารู้สึกหนักใจ หันมาขอความช่วยเหลือลุงมหาให้ช่วยพูด แต่ไม่ทันที่แกจะอ้าปากก็ถูกศรีสอางค์สั่งให้เงียบ ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้นตนไม่อยากฟัง แต่แล้วทุกคนต้องยุติเมื่อสาวใช้มาบอกว่าเลอสรรฟื้นแล้ว

เลอสรรฟื้นขึ้นมาแต่จำใครไม่ได้แม้แต่ตัวเอง พ่อกับแม่เลยต้องตามตัวหมอมาอีกครั้ง ผลปรากฏว่าเขาความจำเสื่อมเนื่องจากได้รับความกระทบกระเทือนที่ศีรษะ ต่อจากนี้ไปเขาอาจจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้ แต่หมอส่งตัวเขาไปเช็กสมองที่โรงพยาบาลอีกที

ooooooo

ผ่านไปเกือบสามเดือนที่ตามตกลงกันไว้... ศรีนวลมานั่งรอเลอสรรทุกวันที่ท่าน้ำพร้อมกับมีอาการคลื่นไส้อาเจียนจนกำนันธงมั่นใจว่าเธอแพ้ท้อง

ศรีนวลดีใจมากโดยไม่รู้เลยว่าเลอสรรกำลังจะแต่งงานกับสร้อยเพชรผู้หญิงที่ศรีสอางค์จัดการให้ เลอสรรเรียนจบและเข้ารับราชการตำรวจเรียบร้อยแล้ว โฉมศรีแม่ของสร้อยเพชรเป็นปลื้มว่าที่ลูกเขยมาก แต่ยังอดกังขาไม่ได้ว่าเมื่อหลายเดือนก่อนได้ข่าวเลอสรรเข้าโรงพยาบาลและได้ยินว่าความจำเสื่อม

“เสื่อมอะไรที่ไหน ไม่จริงหรอกค่ะ ไม่งั้นโรงเรียนนายร้อยคงไม่รับให้เรียนต่อหรอกจ้ะ นั่นไงพูดถึงก็มาพอดี”

เลอสรรเดินเข้ามาในชุดนายร้อยตำรวจ โฉมศรีรีบแนะนำสร้อยเพชรว่าเคยเจอกันตอนเด็กๆ แต่เลอสรรจำไม่ได้เพราะความทรงจำยังไม่เข้าที่...

ท่านผู้ว่าเข้ามาได้ยินศรีสอางค์พูดคุยกับสองแม่ลูกเรื่องแต่งงานก็หนักใจ ผละออกมาปรึกษาลุงมหาว่าตนจะทำยังไงดีเพราะเลอสรรจำเรื่องราวที่ลานเทไม่ได้เลย จำไม่ได้แม้กระทั่งศรีนวล

“แล้วทำไมเรื่องเรียน เรื่องอื่นๆ คุณเลอสรรถึงจำได้ล่ะครับ”

“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน เห็นหมอบอกว่าตั้งแต่สมองกระเทือนคราวนั้นความจำของเจ้าเลอสรรมันจะไม่สามารถกลับมาได้เหมือนเดิมร้อยเปอร์เซ็นต์ บางเรื่องก็จะจำได้ แต่บางเรื่องความทรงจำก็จะสูญหายไปเลย”

“หายไปจากความทรงจำเลยเหรอครับ”

ศรีสอางค์ผ่านมาได้ยินพอดี เธอตอบคำถามแทนสามีอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ใช่ ต่อไปนี้เรื่องที่ลานเทจะต้องหายไปจากความทรงจำของตาเลอสรรตลอดกาล ห้ามใครรื้อฟื้น เรื่องนี้อีกเป็นอันขาด โดยเฉพาะเรื่องผู้หญิงที่ชื่อศรีนวล”

“แต่ฉันรับปากกับกำนันธงเอาไว้แล้วนะแม่ศรีสอางค์ ฉันอยากให้เธอเข้าใจฉันบ้าง”

“แต่สิ่งที่ฉันทำลงไปก็เพื่อลูก ฉันต้องการให้ตาเลอสรรมีครอบครัว มีชีวิตที่สมบูรณ์แบบ ไม่ต้องมาจมปลักอยู่กับนังบ้านนอกคนนั้น ฉันผิดตรงไหนคะ บอกฉันหน่อยว่าฉันผิดตรงไหน”

“แต่ว่าเรากำลังทำร้ายจิตใจของผู้หญิงที่ชื่อศรีนวลอยู่นะ”

“แล้วจิตใจฉันล่ะ ไม่มีความสำคัญเลยใช่ไหม สิ่งที่ฉันทำไม่มีความหมายเลยใช่ไหม”

ศรีสอางค์ตะเบ็งเสียงจนโรคหัวใจกำเริบมีอาการมือเกร็งตัวเกร็งเกือบล้มทั้งยืนถ้าท่านผู้ว่าเข้ามารับไว้ไม่ทัน จากนั้นท่านก็ตามหมอมาตรวจ หมอจึงเตือนอย่าให้เธอโกรธจัดเพราะหัวใจอาจหยุดเต้นกะทันหัน การรักษาโรคนี้ต้องค่อยเป็นค่อยไปและโอกาสหายมีน้อยมาก

นี่เองเป็นเหตุผลที่ท่านผู้ว่าขัดใจภรรยาไม่ได้ ต้องปล่อยเลยตามเลยเรื่องแต่งงานระหว่างเลอสรรกับสร้อยเพชร ขณะที่เลอสรรก็ค่อนข้างงงเพราะจำสร้อยเพชรไม่ได้แต่ก็ไม่กล้าขัดเมื่อพ่อส่งสายตาแกมบังคับ...เมื่อชัดเจนเช่นนี้แล้วลุงมหาจึงรีบไปส่งข่าวกำนันธงที่ลานเท กำนันธงโกรธมากถึงกับพาศรีนวลมาบ้านท่านผู้ว่าในวันแต่งงานของเลอสรร

เลอสรรจำทั้งคู่ไม่ได้จึงยกมือไหว้ต้อนรับเหมือนเป็นแขกทั่วไป ท่านผู้ว่าแทบไม่กล้าสู้หน้าและหวั่นเกรงจะมีเรื่อง ส่วนลุงมหาคอยสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ

“ขอบคุณนะครับที่ให้เกียรติมางานนี้” คำพูดห่างเหินของเลอสรรทำให้ศรีนวลน้ำตาคลอ

“คนอย่างผมกับลูกสาวไม่มีเกียรติมากพอสำหรับงานนี้หรอกครับ เกียรติของเรามันถูกย่ำยีจากหมาเทวดาจนไม่มีชิ้นดี ลูกสาวของผมมันก็ถูกหมาเทวดาเยี่ยวรดจนท้องไม่มีพ่อหมดสิ้นคุณค่าไปแล้ว”

“นี่ลุงพูดอะไรกันครับ ผมไม่เข้าใจ”

“พวกเทวดาเขาเก่งนะพ่อ แสดงละครได้ทุกบทบาท เมื่ออยู่กับควายอย่างเราเขาก็เข้าใจภาษาควายดีอยู่หรอก แต่พอกลับมาอยู่ในหมู่เทวดาเขาก็ไม่เข้าใจภาษาควายซะแล้ว”

“นี่เธอเป็นใครกันทำไมฉันจำไม่ได้...คุณพ่อครับ พวกนี้เป็นใครกัน”

ท่านผู้ว่าอ้ำอึ้งไม่ตอบ ศรีนวลจึงตัดบททั้งน้ำตา “ไม่ต้องไปถามใครหรอกค่ะ ถ้าคุณจำศรีนวลแห่งลานเทไม่ได้ มันก็หมดประโยชน์ที่ฉันจะฉุดรั้งคุณไว้”

“ไม่ต้องกลัวหรอกครับว่าพวกเราจะมาทำลายความสุขของพวกคุณ ที่ผมกับลูกสาวมาก็แค่มาให้เห็นกับตา ว่าคำมั่นสัญญาที่ให้กับเราไว้มันก็แค่ลมปากเหม็นๆ ของพวกเทวดา”

“ไปเถอะพ่อ กลับบ้านเรา ที่นี่ไม่มีคนที่เราเคยรู้จักอีกแล้ว”

สองพ่อลูกพากันเดินออกจากงานไปท่ามกลางความแปลกใจของทุกคน เลอสรรงงหนักถามพ่อไม่ได้คำตอบจึงหันไปถามแม่ที่ยืนอยู่โฉมศรีและสร้อยเพชร

“คนบ้าน่ะลูก พวกเราไม่มีใครรู้จักหรอก ไม่รู้ใคร ปล่อยให้เข้ามาในงานนี้ได้ยังไง”

โฉมศรีกับสร้อยเพชรได้ยินอย่างนั้นก็รีบกระจายข่าวบอกแขกเหรื่อเพื่อไม่ให้ตกใจ แล้วงานก็ดำเนินต่อไปอย่างราบ รื่น แต่ลึกๆท่านผู้ว่ารู้สึกผิดอย่างมากต่อสองพ่อลูกแห่งลานเท...

เลือดเจ้าพระยา

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด