ตอนที่ 13
ในที่สุดบุญเหลือถูกจับส่งตัวไปสถานีตำรวจแต่โชคดีหน่อยที่ไม่โดนจับยัดห้องขัง ได้นอนในห้องทำงานของจ่าสมหมาย พอเช้าขึ้นเลอสรรก็เดินทางมาพร้อมสร้อยเพชร เดือน และดาว
สร้อยเพชรระแวงว่าบุญเหลือจะหนีจึงพูดแล้วพูดอีกจนเลอสรรเริ่มรำคาญ
“คุณไม่น่าไปใจดีกับพวกมันเลย น่าจะจับนังดาวกับญาติของมันยัดห้องขังไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว”
“ถ้าหลักฐานยังไม่ชัดเจน ผมจะไม่มีวันกล่าวหาใครเด็ดขาด”
“ยังไงฉันก็เชื่อว่ามันสองคนนี่แหละที่เป็นหัวขโมย”
“รอผลพิสูจน์ลายนิ้วมือก่อนดีกว่าค่ะคุณแม่”
“ก็ได้ยายเดือน จับตาดูให้ดีนะ ระวังมันจะหนี”
“หนูไม่ใช่ขโมย จะหนีไปทำไม เดี๋ยวความจริงก็พิสูจน์ออกมาเอง”
เดือนแอบสบตาดาวเพื่อให้กำลังใจ แต่สร้อยเพชรมองมาอย่างหมั่นไส้ ครั้นได้ยินว่าผลการพิสูจน์ลายนิ้วมือไม่เป็นไปอย่างที่คิดก็ฮึดฮัดขัดใจเป็นที่สุด
“ผลลายนิ้วมือบนสร้อยเพชรเส้นนี้กับลายนิ้วมือของสองคนนี้ไม่ตรงกัน แสดงว่าคุณดาวกับคุณบุญเหลือไม่ใช่คนร้ายครับ”
“อะไรนะ ตรวจผิดหรือเปล่า กลับไปตรวจใหม่เดี๋ยวนี้”
“หยุดนะสร้อยเพชร ห้ามก้าวก่ายในงานราชการ ไม่งั้นอย่ามาหาว่าผมใจร้าย...ยังไงฉันต้องขอโทษเธอสองคนด้วย ที่เข้าใจผิดและทำให้เดือดร้อน”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ พิสูจน์หลักฐานกันแบบนี้ดีแล้ว พวกเราจะได้ไม่ต้องโดนใครกล่าวหาลอยๆอีก ถ้าไม่มีอะไรแล้วดาวกับพี่บุญเหลือขอตัวก่อนนะคะ”
“ดาว...จะไปไหนกัน”
“ดาวกับพี่บุญเหลือยังไม่ได้คุยกันเลยตั้งแต่เมื่อคืน ยังไงคงต้องขอตัวสักครู่นะคะคุณเดือน”
“ได้จ้ะ แต่ว่าดาวห้ามหนีกลับไปลานเทนะ เดือนอยากให้ดาวอยู่ที่กรุงเทพฯ”
“ค่ะ” ดาวรับคำไม่ต็มเสียงแล้วเดินนำหน้าบุญเหลือออกไป
“ท่านรองครับ ผมมีร่องรอยบางอย่างของคนร้ายที่อยากจะปรึกษา ทั้งหมดอยู่ในเอกสารฉบับนี้ แต่ผมขอแนะนำให้ท่านรองไปดูที่ห้องส่วนตัวดีกว่าครับ”
เลอสรรเดินนำลูกน้องและลูกเมียเข้าไปในห้องทำงานแล้วนั่งดูหลักฐานผลการพิสูจน์ลายนิ้วมือของทุกคนในบ้าน ปรากฏว่ามีลายนิ้วมือเกียรติกล้าอยู่บนของกลางมากที่สุด สร้อยเพชรไม่พอใจโวยวายทันที
“นี่แกจะหาว่าลูกชายฉันเป็นหัวขโมยงั้นเหรอ”
“ผมไม่ได้พูดแบบนั้นนะครับ เพียงแต่สงสัยว่าทำไมลายนิ้วมือของคุณเกียรติกล้าถึงไปอยู่บนของกลางมากมายขนาดนั้น”
“ก็เกียรติกล้าเป็นคนพบของกลาง ลายมือก็ต้องติดอยู่เป็นธรรมดา ไม่เห็นจะแปลก”
“แต่ว่าลายนิ้วมือมันเยอะมากผิดปกตินะครับ”
“อย่ามากล่าวหาลูกชายฉันนะ”
“ใจเย็นๆ ไม่มีใครกล่าวหาใครทั้งนั้น ทุกคนทำไปตามหน้าที่ คุณกลับไปก่อน เดี๋ยวเรื่องนี้ผมจัดการเอง”
ทันทีที่ลูกน้องเลอสรรคล้อยหลัง เดือนพูดโพล่งว่าตนเชื่อเรื่องนี้เป็นฝีมือของเกียรติกล้า...สร้อยเพชรไม่พอใจแว้ดใส่ลูกสาวว่าเห็นคนอื่นดีกว่าน้องตัวเองได้ยังไง
“เอาละ ถ้าหลักฐานยังไม่ชัดเจน เราก็จะเก็บเรื่องนี้ไว้ก่อน ถือว่ายกประโยชน์ให้จำเลยไป” เลอสรรตัดบท แต่สร้อยเพชรยังยืนยันหัวชนฝาว่าเกียรติกล้าไม่ได้ขโมย ยังไงตนก็ไม่ยอม!
ooooooo
บุญเหลือขอร้องให้ดาวกลับลานเทเพราะอยู่กรุงเทพฯก็รังจะมีแต่เรื่องไม่จบสิ้น แต่ดาวยังน้อยใจศรีนวลจึงปฏิเสธทั้งน้ำตา ทำให้บุญเหลืออดซักถามไม่ได้ว่าน้อยใจแม่เรื่องอะไร
“พี่บุญเหลือ...ดาวรู้แล้วว่าดาวเป็นเด็กกำพร้า ดาวไม่ใช่ลูกแท้ๆของแม่”
“ดาวรู้ได้ยังไง ใครบอก”
“ดาวได้ยินแม่พูดกับคุณเลอสรร แม่บอกว่าดาวเป็นเด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้า เป็นลูกใครก็ไม่รู้ แม่ไม่ได้รักดาวเลย”
“ไม่เอาน่าดาว อย่าร้องไห้ พี่เองก็เป็นเด็กกำพร้า ไม่ได้ต่างอะไรจากดาวนักหรอก”
“แล้วทำไมแม่ต้องโกหกดาว แม่บอกมาตลอดว่าดาวเป็นลูกของแม่ แล้วจู่ๆแม่ก็สารภาพกับคุณเลอสรรว่าดาวไม่ใช่ลูก แม่โกหกดาวทำไม”
“แม่อาจมีเหตุผลบางอย่างที่ต้องโกหกก็ได้ ดาวกลับลานเทกับพี่แล้วไปถามแม่ด้วยกัน”
“ดาวไม่ไป ดาวไม่อยากเจอหน้าใครที่ลานเท”
“ก็ได้ ถ้าดาวยังไม่พร้อมตอนนี้ พี่ก็จะให้เวลาและรอดาวอยู่ที่วัดนี่แหละ วันไหนดาวพร้อมเราก็จะกลับไปด้วยกัน”
ดาวไม่พูดอะไรอีก เอาแต่สะอื้นไห้จนบุญเหลือต้องเข้ามาลูบหลังไหล่ปลอบใจ...หลังจากนั้นดาวแยกตัวกลับบ้านท่านผู้ว่า และเข้าไปพบศรีสอางค์เมื่อสาวใช้มาตาม
“ที่ย่าเรียกมาวันนี้ ก็เพราะย่าอยากจะขอโทษที่พวกเราเข้าใจหนูดาวกับญาติผิดไป”
“อย่าขอโทษดาวเลยค่ะคุณย่า เรื่องที่เกิดขึ้น ดาวถือเป็นการพิสูจน์ตัวเอง จะได้ไม่มีใครสงสัยดาวกับพี่บุญเหลือได้อีก”
“แล้วนี่นายบุญเหลือเขามาตามกลับบ้านใช่ไหม”
ดาวตอบรับเสียงแผ่ว ศรีสอางค์อยากรู้ว่าเธอตัดสินใจยังไง พอได้ยินคำตอบก็ยิ้มไม่หุบเลยทีเดียว
“ดาวยังไม่อยากกลับบ้านค่ะ”
“ดีแล้วลูก ย่าเองก็ไม่อยากให้หนูไปไหน อยากให้อยู่ที่นี่กับย่า”
ท่านผู้ว่านั่งฟังมาตลอด เสริมขึ้นอย่างรู้ใจภรรยา “รู้ไหมว่าเมียฉันน่ะเขารักเธอเหมือนลูกเหมือนหลานของเขาเลยนะ”
“ก็ฉันรักของฉันจริงๆ ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน แค่เห็นหน้า แค่อยู่ด้วยกันใกล้ๆ ย่าก็รักดาวของย่าเหลือเกิน รักเหมือนเราเป็นสายเลือดเดียวกันยังไงก็ไม่รู้”
ศรีสอางค์ดึงดาวเข้ามาโอบกอดด้วยความรัก...
สร้อยเพชรแอบมองจากมุมหนึ่งด้วยสายตาริษยา
เช้าวันถัดมา เลอสรรเรียกเกียรติกล้าที่อยู่ในชุดนักเรียนเข้ามาหาเพื่อจะคุยธุระบางอย่าง
“คุณพ่อมีอะไรครับ”
“ก็เรื่องขโมยที่ขโมยเครื่องเพชรคุณย่าไง แกไม่อยากรู้เหรอว่าใครเป็นขโมยกันแน่”
เกียรติกล้าหลบตาวูบ รู้สึกว่าพ่อกำลังส่งสายตาจับผิดมาที่ตนเอง
“แต่ผม...ผมไม่ได้ขโมยนะ”
“พ่อยังไม่ได้ว่าแกเป็นคนขโมยสักหน่อย ร้อนตัวไปได้”
“ผมเปล่า คุณพ่อกำลังกล่าวหาผม”
สร้อยเพชรผ่านมาได้ยินพอดี ปกป้องลูกชายอีกตามเคย หาว่าเลอสรรกำลังตั้งแง่กับลูก ทั้งที่ลูกไม่ผิด
“นี่ผมเป็นพ่อนะ ผมแค่จะคุยกับลูก จะอบรมสั่งสอนมันไม่ได้เชียวเหรอ”
“เกียรติกล้าต้องรีบไปโรงเรียน ถ้าจะอบรมสั่งสอนก็เอาไว้เลิกเรียนแล้ว”
“คุณก็รู้ว่าเลิกเรียนกว่ามันจะกลับบ้านก็มืดค่ำ แล้วผมจะเอาเวลาที่ไหนมาคุยกับมัน”
“นั่นมันเรื่องของคุณ...ไปเกียรติกล้า ไปโรงเรียนได้แล้ว เดี๋ยวออกไปพร้อมแม่เลย”
สร้อยเพชรดึงแขนเกียรติกล้าออกไปโดยไม่สนใจเลอสรรซึ่งยืนมองตามด้วยความไม่พอใจ ครั้นพ้นสายตาสามีมาแล้ว สร้อยเพชรก็บังคับให้ลูกชายไปเรียน ห้ามเถลไถลอย่างเด็ดขาด
ooooooo
หลังจากวันก่อนช่วยเหลือเสือเฮี้ยนที่ถูกยิงบาดเจ็บกลับผาช่องลมไม่ได้...
วันนี้สมิงกับศรีไพรพาลูกน้องจำนวนหนึ่งไปซุ่มจับตาความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม พบว่าบัดนี้พวกมเหศักดิ์ปรับเปลี่ยนที่ตั้งของตนให้กลายเป็นค่ายทหารย่อมๆ มีหน่วยลาดตระเวนเดินตรวจตราไปมา และมีการติดตั้งอาวุธยุทโธปกรณ์ตามจุดต่างๆจนดูน่าเกรงขาม
“พวกมันกำลังปรับยุทธวิธีไว้ต้อนรับพวกเรา”
“แล้วเห็นไหมว่ามันจับพ่อเอาไว้ที่ไหน”
สมิงยกกล้องส่องทางไกลอีกครั้งและเห็นเต็นท์หนึ่งมีทหารรับจ้างคุ้มกันอย่างแน่นหนา เข้าใจว่าเสือเฮี้ยน ต้องอยู่ในนั้นแน่
“ศรีไพรจะบุกเข้าไปช่วยพ่อ”
“อย่าผลีผลาม...มันคงไม่ปล่อยให้เราบุกเข้าไปง่ายๆแน่”
ขวดวิ่งมาจากอีกทาง รายงานสมิงว่าหน่วยลาดตระเวน ของศัตรูกำลังมาทางนี้ สมิงจึงสั่งทุกคนหลบเข้าที่กำบัง อย่าเพิ่งปะทะกับพวกมัน
ทุกคนซ่อนตัวเงียบแต่ก็ไม่รอดพ้นหูตาของทหารรับจ้าง...เสียงปืนปะทะกันของสองฝ่ายทำให้มเหศักดิ์กับบันลือตื่นตัวพาสมุนทั้งหมดออกมาสมทบ พวกสมิงเลยต้องหนีหัวซุกหัวซุน กระจัดกระจายกันไปคนละทาง
ในยามคับขันศรีไพรไม่อยากแยกจากสมิง แต่จำเป็นต้องทำเพราะสมิงกำชับว่ายังไงเธอต้องรอดเพื่อไปช่วยเสือเฮี้ยน
“สมิง...ศรีไพรอยากจะพูดบางอย่าง ก่อนที่จะไม่มีโอกาส”
“มีอะไร”
“ชีวิตโจรอย่างเราแขวนอยู่บนเส้นด้าย วินาทีนี้เราอยู่ วินาทีต่อไปอาจตาย แต่ก่อนตายศรีไพรอยากจะบอกสมิงว่าศรีไพรรักสมิง...ศรีไพรอาจจะเป็นผู้หญิงหน้าด้าน แต่อย่างน้อยก่อนตายศรีไพรก็ได้ทำในสิ่งที่ปรารถนาแล้ว”
“ศรีไพรจะไม่ตาย เราจะต้องไปเจอกันที่ผาช่องลม”
“สมิงก็เช่นกัน สัญญานะ”
“สัญญา”
ทันใดนั้นกระสุนสาดเข้ามาจากทุกทิศทาง สมิงกับศรีไพรพากันหลบ และเมื่อสบโอกาสเขาก็ให้สัญญาณเธอหนี โดยตัวเองคอยยิงคุ้มกันจนมั่นใจว่าเธอรอดแน่
แต่แล้วสมิงกลับหนีไม่ทัน โดนระเบิดตูมใหญ่ ศรีไพรจะวิ่งย้อนกลับไปแต่ถูกขวดกับเหิมรั้งไว้ ก่อนจะพาเธอกลับผาช่องลมในสภาพโศกเศร้าเสียใจ แน่ใจว่าสมิงจากพวกเราไปแล้ว...
ooooooo
ที่กรุงเทพฯ หมออนุญาตให้ระพีออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว แต่ยังกำชับไม่ให้เขาทำงานหนัก... ระพีรับปากแข็งขันแล้วตรงกลับบ้าน ก่อนจะกลับออกมาอีกเพื่อไปหาดาวที่บ้านท่านผู้ว่าฯ
ขณะที่ระพีเดินทาง ดาวเตรียมตัวไปหาบุญเหลือที่วัด เดือนไปด้วยไม่ได้เพราะต้องอยู่อ่านหนังสือให้ย่าฟัง แต่แล้วเมื่อระพีมาถึง เดือนก็มีโอกาสชวนระพีตามไป แต่สิ่งที่เดือนเห็นภายในห้องพักของบุญเหลือคือเขากับดาวนอนกอดกัน!
เดือนรับไม่ได้ วิ่งหน้าซีดออกมาหาระพีแล้วอึกอักว่าตนไม่ค่อยสบายอยากกลับบ้าน ระพีเป็นห่วงรีบพาเธอกลับมาส่งบ้านโดยไม่ซักถามอะไรเพิ่มเติม...
สิ่งที่เดือนเห็นความจริงคือบุญเหลือนอนซมจับไข้แล้วดาวเสียหลักขณะเช็ดตัวให้พี่ชาย จึงล้มลงไปกอดกันกลมโดยที่เธอไม่เห็นเดือน
เดือนเข้าใจผิดอย่างแรง กลับมาเล่าให้แม่ฟังทั้งน้ำตา สร้อยเพชรชิงชังสองพี่น้องอยู่แล้ว ได้ทีใส่ไฟยุแหย่ลูกสาวเป็นคุ้งเป็นแคว
“นึกแล้วเชียวว่าเด็กสองคนนั่นมันต้องเป็นมากกว่าพี่น้อง”
“บางทีเดือนอาจจะเข้าใจผิดไปก็ได้ค่ะคุณแม่”
“เข้าใจผิดอะไร ก็ในเมื่อแกบอกว่าแกเห็นตำตาว่าสองคนนั้นมันนอนกอดกัน”
“ค่ะ เดือนเห็น แต่บางทีเขาอาจจะเป็นแค่พี่น้อง ไม่ได้คิดอะไร”
“แกเป็นพี่น้องกับเกียรติกล้า แล้วแกเคยไปนอนกกกอดกับน้องแกแบบนั้นไหมล่ะ”
“ไม่ค่ะ แต่เดือนไม่อยากเชื่อเลยนะคะว่าพวกเขาจะทำได้”
“สองคนไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้นแหละ แกอย่าอ่อนต่อโลกไปหน่อยเลย”
“แล้วเดือนจะทำยังไงดีคะคุณแม่”
“ไม่เห็นจะต้องทำอะไรเลยนี่ หน้าที่ของแกก็คือคอยดูแลเอาใจคุณระพีให้เขารักแกมากๆก็พอ”
“แต่เดือนไม่ได้รักคุณระพีนี่คะ”
“รักหรือไม่รัก ยังไงแกก็ต้องแต่งงานกับเขา อย่างน้อยแกจะได้แก้แค้นนังดาวให้มันได้ลิ้มรสความเจ็บปวดซะบ้าง มันทำแกร้องไห้ได้ แกก็ต้องทำให้มันร้องไห้บ้างสิ”
เดือนลังเลไม่รู้จะทำอย่างไร สร้อยเพชรรีบเข้ามาปลอบโยนพร้อมเป่าหูยุแหย่ไม่หยุดหย่อน...ฝ่าย
ระพีที่แยกตัวกลับไปพักใหญ่ เขามุ่งหน้าไปรายงานตัวที่กองปราบหลังจากหยุดงานนานเกือบเดือน จ่าสมหมายต้อนรับลูกพี่ด้วยความยินดี พร้อมกันนี้ก็มีข่าวสำคัญมารายงานผู้บังคับบัญชาด้วย
“จากครั้งที่แล้วที่สายรายงานเรื่องแก๊งโจรของไอ้สมิงมันติดต่อหาซื้ออาวุธเถื่อนเพื่อไปเปิดศึกกับพวกไอ้บันลือ ไอ้มเหศักดิ์ แต่เมื่อวันก่อนมีสายรายงานมาว่าสมิงโดนระเบิดตาย”
“อะไรนะ สมิงน่ะเหรอโดนระเบิดตาย ดูมันง่ายเกินไป”
“ข่าวคอนเฟิร์มครับท่านรอง ว่าตอนนี้สมิงตายแล้วจริงๆ คาดว่าพวกของสมิงที่เหลืออยู่คงจะเอาคืนเร็วๆนี้แน่”
“ถ้างั้นศึกครั้งนี้ต้องเป็นศึกใหญ่แน่นอน”
“ใช่ ลูกน้องสมิงคงสู้จนตัวตาย...เพื่อแก้แค้นให้หัวหน้า”
“ท่านรองมีแผนจะทำอะไรครับ”
“พวกคุณทุกคนเตรียมตัวออกเดินทางใน 24 ชั่วโมง เราจะปล่อยให้เสือกัดกันไปก่อน พอมันเหนื่อยเมื่อไหร่ เราก็ให้เขาจัดการพวกมันทันที”
ooooooo
บ่ายนั้น ศรีสอางค์หน้ามืดเป็นลม ดาวกลับจากวัดมาเจอจึงอาสาไปละลายยาหอมให้ แต่สร้อย-เพชรพยักพเยิดให้เดือนเข้าไปแย่งจนถ้วยยาหล่นแตกกระจาย
“ทำไมซุ่มซ่ามแบบนี้ล่ะยายเดือน นี่ยาหกหมดแล้ว”
“เดือนขอโทษค่ะคุณปู่”
“ย่าแกกำลังไม่สบาย ทำแบบนี้มันไม่เหมาะ”
“คุณพ่อคะ ยายเดือนไม่ได้ตั้งใจ ใจเย็นๆนะคะ”
“งั้นเดี๋ยวดาวไปเอามาให้ใหม่ค่ะ”
ดาวลุกออกไป ขณะที่เดือนเริ่มไม่ค่อยชอบใจในตัวดาว แล้วเลี่ยงออกจากห้องพร้อมสร้อยเพชรที่พยายามเสี้ยมลูกสาวให้มีอคติกับดาว
“เห็นมั้ย พออยู่ต่อหน้าคุณปู่คุณย่า แกก็เป็นหมาหัวเน่า ระวังเถอะสมบัติของบ้านนี้แกจะไม่ได้อะไรเลยสักอย่าง”
“แล้วเดือนจะทำยังไงดีคะคุณแม่”
“หาทางกำจัดมัน เราต้องทำให้มันกระเด็นไปจากบ้านนี้ให้เร็วที่สุด”
ดาวหายไปครู่เดียวก็กลับมาพร้อมยาหอมถ้วยใหม่ สร้อยเพชรดึงเดือนเข้ามาดักหน้าแล้วสั่งดาวส่งถ้วยยามาให้ตน แถมไม่ยอมให้ดาวขึ้นไปอ่านหนังสือให้ศรีสอางค์ฟัง ทั้งหมดเดือนจะเป็นคนทำเอง
ดาวหน้าจ๋อยเดินเลี่ยงไป...สร้อยเพชรมองตามสะใจแล้วหันกลับมากำชับลูกสาว
“แกเอายาหอมไปให้คุณย่า แล้วจากนั้นก็อ่านหนังสือให้คุณย่าฟัง อย่าปล่อยให้มันใกล้ชิดคุณปู่คุณย่าเด็ดขาด”
“ค่ะคุณแม่” เดือนรับคำโดยดีไม่มีอิดออดเหมือนแต่ก่อน...
สร้อยเพชรไม่หยุดกลั่นแกล้งรังแกดาวแค่นั้น...อีกพักใหญ่เห็นระพีขับรถเข้ามาจอดหน้าบ้านก็ฉุดเดือนให้รีบไปคุยกับเขากันท่าดาวเอาไว้ อย่าให้เขาแอบไปหามันได้เป็นอันขาด
“แต่คุณแม่คะ คุณระพีไม่ได้มาหาเดือน”
“จำไม่ได้หรือไง นังดาวมันทำแกร้องไห้ วันนี้แกต้องเอาคืน มันทำแกเจ็บยังไง แกก็ต้องเอาคืน เข้าใจมั้ย”
สร้อยเพชรจูงมือลูกสาวมาที่ห้องรับแขก หลังจากแอบไล่ดาวไปทำอาหาร แถมเจ้ากี้เจ้าการให้เดือนนั่งชิดติดระพี
“มาแล้วค่ะ แม่ศรีเรือนของบ้าน วันๆเอาแต่ปรน– นิบัติพัดวีคุณปู่คุณย่า...คุยกับพี่เขาไปก่อนนะลูกนะ เดี๋ยวแม่มา จะไปดูของว่างมาให้”
พอสร้อยเพชรลับตา ระพีก็หันมายิ้มให้เดือนก่อนจะกระซิบว่า “เมื่อกี้ผมเห็นดาว แต่ยังไม่ทันจะได้คุยกัน พอดีคุณแม่มาเจอ”
เดือนไม่รู้จะตอบยังไง ได้แต่ยิ้มแห้งๆ เพราะเธอเองยังทำใจให้รักระพีไม่ได้ แต่ต้องทนนั่งต่อไปเพราะไม่อยากขัดใจแม่...ฝ่ายดาวพอทำอาหารเสร็จก็จัดแจงจะลำเลียงไปขึ้นโต๊ะ แต่โดนสร้อยเพชรที่ยืนคุมเชิงปรี่เข้ามาสกัดไว้อีก
“ไม่ต้องกระตือรือร้นมากนักหรอกย่ะ เดี๋ยวให้บัวทำแทนได้ ส่วนเธอเข้าไปหลบที่เรือนคนใช้ ไม่ต้องเสนอหน้าจนกว่าคุณระพีจะกลับ”
ดาวหน้าสลดเพราะเสียดายที่ไม่ได้พบระพี แต่ไม่อยากมีปัญหาจะเดินกลับไปตามคำสั่ง จู่ๆระพีส่งเสียงดังมาจนเธอหยุดชะงัก
“ดาว...อย่าเพิ่งไป”
สร้อยเพชรชักสีหน้าอย่างขัดใจ ถามระพีว่าออกมาทำไม
“ผมกำลังจะกลับแล้วครับ พอดีมีธุระอยากคุยกับดาวหน่อย”
“แล้วยายเดือนล่ะคะ”
“เดือนอยู่นี่ค่ะคุณแม่”
ระพีไม่ได้สนใจเดือนที่เดินตามมา จดจ่ออยู่กับดาวเพียงคนเดียว
“ผมขออนุญาตคุยกับดาวหน่อยนะครับ” พูดจบเขาไม่รอคำตอบจากใคร พาดาวเดินห่างออกไปมุมหนึ่ง โดยมีสายตาดุดันของสร้อยเพชรมองตาม ก่อนจะหันมาเล่นงานเดือนที่ยืนอยู่ข้างกัน
“แกปล่อยคุณระพีออกมาทำไม”
“ก็คุณระพีไม่คุยกับเดือนนี่คะ”
“แกนี่มันโง่จริงๆ ไม่ได้ดังใจฉันเลย” สร้อยเพชรกระแทกเสียงหงุดหงิดไม่พอใจในความซื่อของลูกสาว
ดาวไม่สบายใจนักที่ระพีทำแบบนี้ เธอบ่นอุบว่าไม่เหมาะที่เราจะคุยกันตามลำพัง
“ไม่เหมาะยังไง ก็ในเมื่อเราไม่ได้ทำอะไรผิด แล้วเราสองคนก็อยู่ในที่เปิดเผย”
“แต่ดาวไม่อยากขัดใจกับแม่ของคุณเดือนนะคะ ท่านคงไม่พอใจนักที่เรามาคุยกันแบบนี้”
“รออีกสักหน่อยแล้วผมจะบอกความจริงกับทุกคนว่าผมอยากแต่งงานกับดาวไม่ใช่เดือน ที่มาหาดาววันนี้ก็เพราะผมอยากจะมาลา”
“คุณระพีจะไปไหนคะ”
“ผมกำลังจะไปทำงานต่างจังหวัด เป็นงานสำคัญ”
“ไปที่ไหนคะ บอกดาวได้ไหม”
“ดาวอย่าเพิ่งรู้เลย เอาไว้กลับมาแล้วจะบอก”
สร้อยเพชรแอบเดินมาเมียงมองดาวด้วยสายตาชิงชัง แม้ไม่ได้ยินว่าทั้งคู่คุยอะไรกัน แต่เธอก็เกลียดดาวเข้าไส้จนไม่อยากให้มีชีวิตอยู่อีกต่อไป
“ถ้าไม่มีแกสักคน ยายเดือนลูกฉันก็จะหมดคู่แข่ง”
สร้อยเพชรพึมพำกับตัวเอง จากนั้นก็วางแผนเร็วจี๋แล้วออกไปพบวิชัยเจ้าเก่า คุยรายละเอียดกันครู่หนึ่งก่อนที่วิชัยจะเรียกขจรศักดิ์เข้ามาพบ
“หวัดดีครับ มีอะไรให้ผมช่วยเหรอครับ”
“ฉันมีงานให้เธอทำ...งานง่ายๆ ไม่ได้ยุ่งยากอะไร เพียงแต่งานนี้เธอต้องทำคนเดียว”
“งานอะไรครับ”
“งานสบาย รับรองสนุกแล้วก็เบาตัว” พูดจบวิชัยก็หัวเราะร่า ขณะที่สร้อยเพชรยิ้มกริ่ม มั่นใจมากว่างานครั้งนี้ไม่มีพลาด!
ค่ำนั้นเอง บุญเหลือสะดุ้งตื่นจากฝันร้าย เหงื่อกาฬแตกพลั่ก หันมองรอบตัวเห็นหลวงพ่อยืนมองมา จึงก้มกราบท่านพร้อมทั้งตอบคำถามว่าตนฝันไม่ดี...ฝันว่าน้องสาวโดนปองร้าย
“น้องสาว? อ้อ...แม่หนูคนที่มาเช็ดตัวให้ใช่ไหม”
“ดาวมาที่นี่เหรอครับ”
“ใช่ เขามาเช็ดตัวแล้วก็ป้อนยาให้ ไม่งั้นเอ็งคงไม่ฟื้นเร็วอย่างนี้หรอก”
“งั้นผมขอตัว”
“เดี๋ยวๆ จะไปไหน”
“ไปหาน้องสาวผมครับหลวงพ่อ”
“ใกล้จะมืดค่ำแล้ว อย่าออกไปไหนเลย”
“แต่ว่าผมฝัน...”
“ฝันร้ายกลายเป็นดี เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยไปเถอะ เพิ่งฟื้นไข้แบบนี้เดี๋ยวจะเป็นลมเป็นแล้ง เชื่อหลวงพ่อเถอะ”
บุญเหลือลังเลเพราะเป็นห่วงดาว แต่ที่สุดก็เชื่อฟังด้วยความเกรงใจหลวงพ่อ
ooooooo
เมื่อข่าวการตายของสมิงรู้ถึงหูชาวลานเท ศรีนวลจึงเป็นแกนนำรวมพลคนรักสมิงเตรียมตัวเดินทางไปผาช่องลมเพื่อช่วยเหลือเพื่อนพ้องพี่น้องที่ยังอยู่รอดแต่อาจไม่ปลอดภัยจากพวกมเหศักดิ์ที่จ้องบุกโจมตี
ขณะที่คณะของศรีนวลออกเดินทาง เป็นเวลาที่เลอสรร ระพี และสมหมายมุ่งหน้าสู่ผาช่องลมเช่นกัน แต่เพราะไม่คุ้นชินเส้นทางจึงค่อนข้างยากลำบาก กระทั่งบังเอิญแอบเห็นกลุ่มชาวบ้าน พวกเขาจึงสะกดรอยตามไปห่างๆ โดยไม่รู้ว่าผู้นำที่คลุมหน้าคือศรีนวล
ผ่านไปสักพัก ศรีนวลรู้สึกเหมือนมีคนตามมาจึงกระซิบบอกพี่น้อยให้รู้ตัวและให้พาชาวบ้านล่วงหน้าไปก่อน ตนจะซุ่มดูอยู่แถวนี้ ถ้าได้ยินเสียงปืนเมื่อไหร่ทุกคนต้องหนีให้เร็วที่สุด
น้อยให้สัญญาณชาวบ้านออกเดินทาง ส่วนศรีนวลรีบเข้าซ่อนตัวในพุ่มไม้และคิดไม่ถึงว่าคนติดตามมาจะเป็นเลอสรรกับลูกน้อง ขณะเดินผ่านพุ่มไม้เลอสรรรู้สึกได้ว่ามีคนแอบอยู่ แต่เขาไม่กระโตกกระตาก หันมาบอกระพีกับสมหมายให้ล่วงหน้าไปก่อน ตนขอทำธุระส่วนตัวสักครู่
เมื่อทั้งคู่คล้อยหลัง เลอสรรก็ตรงไปยังพุ่มไม้แล้วชักปืนเล็งพร้อมทั้งสั่งให้คนที่ซ่อนตัวออกมาเดี๋ยวนี้ ศรีนวลใจคอไม่ดีและจำใจปรากฏตัว เลอสรรเห็นหน้าเธอชัดๆถึงกับอึ้งไปหลายอึดใจ
“คุณตามพวกเรามาทำไม”
“ผาช่องลมกำลังมีเรื่อง บางทีถ้าตำรวจไปที่นั่นทุกอย่างก็น่าจะดีขึ้น”
“คุณจะไปจับพวกที่ผาช่องลม”
“จับทุกคนที่ทำผิดกฎหมาย”
ศรีนวลไม่พอใจและอาศัยจังหวะที่เลอสรรเผลอรีบวิ่งหนีแล้วชักปืนยิงขึ้นฟ้าเพื่อเป็นสัญญาณให้กับพวกของตน ครั้นเลอสรรวิ่งตามมาเธอก็เล็งปืนใส่อย่างน่ากลัว
“อย่าเข้ามานะ”
“ถึงกับจะฆ่าแกงกันเชียวเหรอศรีนวล”
“ศรีนวลจะไม่ยอมให้คุณทำอะไรคนที่ผาช่องลมเด็ดขาด”
“คุณจะปกป้องพวกที่ได้ชื่อว่าเป็นโจรเพื่ออะไร”
ศรีนวลไม่ตอบแต่ออกวิ่งหนีเขาต่อไป เลอสรรไล่ตามไม่ลดละ ส่วนกลุ่มชาวบ้านก็ตื่นตัวกับเสียงปืน รีบพากันวิ่งหนีโดยมีน้อยนำทาง ผู้กองระพีกับจ่าสมหมายซึ่งแอบติดตามมาเริ่มร้อนรนเป็นห่วงเลอสรร จึงตัดสินใจกันว่าต้องปล่อยชาวบ้านไปก่อน
ผู้กองกับจ่าพากันวิ่งกลับมาทางเดิม แต่ไม่เห็นใครเพราะก่อนหน้านี้ครู่เดียวศรีนวลกับเลอสรรตกลงไปในหลุมดักสัตว์ โชคดีไม่ได้รับบาดเจ็บ เลอสรร ถือโอกาสกอดรัดศรีนวลด้วยความรักและคิดถึง พอเธอดิ้นรนก็โดนเขาประกบปากจูบอย่างดูดดื่ม
เมื่อไม่พบร่องรอยหัวหน้า สมหมายทำท่าจะตะโกนเรียกแต่ระพีรีบปิดปากห้ามเพราะกลัวชาวบ้านรู้ตัวแล้วจะเสียงาน
“ขอโทษครับ...ผมลืมไป แล้วทีนี้เราจะเอาไงกันดี ท่านรองก็ไม่รู้ไปไหน ถ้ามัวแต่ตามหากันแบบนี้พวกชาวบ้านเดินไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้”
“ถ้างั้นก็ทำตามภารกิจเดิมคือสะกดรอยตามชาวบ้านไป ส่วนเรื่องท่านรอง ผมว่าถ้าเราทำเครื่องหมาย ทิ้งเอาไว้ท่านคงหาเราเจอแน่นอน”
ระพีกับสมหมายผละไปได้ไม่นาน เลอสรรก็ปีนขึ้นจากหลุม ศรีนวลอยากขึ้นมาเหมือนกันแต่ยังอิดออดไม่ยอมให้เขาช่วยเหลือ จนกระทั่งโดนเขาขู่ว่าจะกลับลงไปใหม่เพื่อกอดจูบให้หายคิดถึง เธอจึงยอมยื่นมือให้เขาดึงขึ้นมาและตกอยู่ในอ้อมกอดของเขาอีกครั้ง
เลอสรรอดใจไม่ไหวทำท่าจะหอมแก้มศรีนวลแต่เธอห้ามปรามและผลักไสจนเขาโอดครวญว่า
“เราไม่ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้มา 20 ปีแล้วนะ ไม่เห็นใจกันบ้างเลย”
“ไม่ค่ะ ศรีนวลไม่ใช่ของเล่นที่ใครนึกจะมาก็มา นึกจะไปก็ไป”
“เมื่อไหร่ศรีนวลจะลืมเรื่องในอดีตแล้วยกโทษให้ผมซะที”
“เรื่องของเรามันกลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้วค่ะ ศรีนวลไม่อยากได้ชื่อว่าทำลายชีวิตครอบครัวของคนอื่น”
“แต่ถึงผมจะแต่งงานกับสร้อยเพชร แต่หัวใจของผมก็ยังรักศรีนวลอยู่เสมอ ไม่มีวันที่ผมจะลืมศรีนวลได้”
“ขอบคุณค่ะคุณเลอสรร แต่ความรักความรู้สึกของเรา...ศรีนวลขอให้เก็บไว้แค่ในใจ อย่าล้ำเส้นศีลธรรมไปมากกว่านี้เลย ไม่อย่างนั้นมันจะเป็นตราบาปติดตัวศรีนวลไปตลอดชีวิต”
สองคนมองหน้ากันนิ่ง...ฝ่ายหญิงพยายามตัดใจ แต่ฝ่ายชายส่งสายตาเว้าวอนเหลือเกิน
ooooooo
ระพีกับสมหมายแกะรอยกลุ่มชาวบ้านมาตลอด แต่แล้วก็คลาดกันจนได้เพราะความหัวไวของน้อยที่แอบลบรอยเท้าแล้วพาทุกคนรีบหนีไป
ด้านศรีนวลยังคงถูกเลอสรรประกบแจ ไม่ว่าเธอจะไปทางไหนเขาก็ก้าวตามไม่ลดละ นานเข้าเธออึดอัดจึงหันมาบอกให้เขาหยุดตามเสียที เราควรแยกกันตรงนี้
“แยกกันทำไมล่ะ ก็ในเมื่อเราจะไปผาช่องลมเหมือนกัน”
“แต่ศรีนวลจะไม่มีวันพาคุณไปที่ผาช่องลมเด็ดขาด”
“ไม่เป็นไร ศรีนวลไปไหน ผมไปด้วย”
“ถ้างั้นศรีนวลจะกลับลานเท”
“ดีเหมือนกัน ผมจะได้ไปขออาศัยนอนที่ลานเทด้วย”
“ก็ได้ค่ะ ถ้างั้นเราจะกลับลานเทกัน”
ศรีนวลหันหลังเพื่อกลับลานเท แต่ต้องชะงักเมื่อบันลือกับสมุนสองคนก้าวมายืนขวางทาง เลอสรรรีบฉุดแขนศรีนวลวิ่งหนี โดยมีพวกบันลือสาดกระสุนไล่หลังอย่างเอาเป็นเอาตาย
เสียงปืนทำให้ระพีกับสมหมายวิ่งมายังที่เกิดเหตุและสามารถสกัดพวกบันลือจนล่าถอยไปในที่สุด...ศรีนวลมองสองหนุ่มอย่างไม่ชอบใจนัก ทักทายด้วยถ้อยคำประชดประชันกลายๆ
“มากันพร้อมหน้าพร้อมตาเลยนะคุณระพี คุณสมหมาย”
ระพีกระอักกระอ่วนจนไม่รู้จะพูดยังไง เลอสรรเลยออกตัวแทน
“สองคนนี้ฝีมือดี ถ้ามีงานสำคัญผมเรียกเขามาทุกครั้ง”
“ขอบคุณนะคะที่มาช่วยเราไว้ทันเวลา” จบคำศรีนวลก็ออกเดินเพื่อกลับลานเท ทิ้งทั้งสามคนยืนงงตัดสินใจไม่ถูก
“เอาไงดีครับท่านรอง”
“ผมจะไปกับศรีนวล ส่วนคุณสองคนรีบตาม ชาวบ้านแล้วทำเครื่องหมายบอกทางเอาไว้ พวกเราที่ตามมาจะได้ไม่หลง”
เลอสรรแยกตัวตามศรีนวลไป ขณะที่ระพีและสมหมายกระตือรือร้นปฏิบัติตามคำสั่ง
ooooooo










