ตอนที่ 12
สมิงตัดสินใจบุกฐานที่ตั้งของมเหศักดิ์ในวันถัดมา ทั้งๆที่รู้ว่าอีกฝ่ายมีอาวุธยุทโธปกรณ์จำนวนมาก... การเสี่ยงครั้งนี้ทำให้ลูกน้องสมิงบาดเจ็บล้มตายนับสิบจากแรงระเบิด จนเขาต้องพาที่เหลือถอยร่นไม่เป็นขบวน
บันลือกับเถ้าแก่ชิ้นย่ามใจรีบไล่ล่าพวกสมิงไปโดยไม่ฟังเสียงทัดทานของมเหศักดิ์ที่ห้ามออกนอกเขตของเรา นี่เองทำให้สองพ่อลูกเกือบเอาชีวิตไปทิ้งถ้าไม่ได้มเหศักดิ์ตามมาช่วยไว้ แต่ถึงกระนั้นเถ้าแก่ชิ้นก็บาดเจ็บโดนแทงที่ไหล่จนเลือดโชก ต้องรีบหอบหิ้วกันกลับไปรักษาตัวยังฐานที่ตั้ง
เสือเฮี้ยนไม่พอใจสมิงที่ถอนกำลังหนีศัตรู ทั้งที่พวกเราตายไปจำนวนมาก ศรีไพรมองออกว่าพ่อรู้สึกยังไง จึงพยายามเข้ามาไกล่เกลี่ยไม่ให้พ่อโกรธสมิง
“ข้าไม่ได้โกรธ แต่ข้าไม่ชอบคนขี้ขลาด”
“ทำไมพ่อพูดแบบนั้นล่ะ”
“จะรบทั้งทีมันต้องรบให้ถึงที่สุด ปล่อยพวกมันไว้แบบนี้ อีกหน่อยพวกมันคงมายึดผาช่องลมแน่”
สมิงยืนฟังอยู่แต่แรกก้าวเข้ามาอธิบายอย่างใจเย็น “ผู้นำที่ดีต้องมองเห็นคุณค่าของชีวิตลูกน้อง พวกเขาไม่ใช่หมากรุก ไม่ใช่ตุ๊กตา สมิงจะไม่สั่งให้พวกเขาตายเพื่อเรา”
“แต่เสี้ยนหนามแบบมันอยู่แค่คืบ เผลอเมื่อไหร่มันเอาเราตายแน่”
“เรื่องนี้สมิงรู้ดี แต่ถ้าจะรบแตกหัก อาวุธของเราจะต้องดีกว่านี้” สมิงสรุปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแต่ทรงอำนาจ ขณะที่เสือเฮี้ยนอ่อนลงเล็กน้อย แต่ก็ยังคงมีทิฐิอยู่บ้าง...
เหตุการณ์ปะทะกันของสองฝ่ายแว่วไปถึงชาวลานเท ผู้คนร่ำลือกันจนถึงหูกำนันธงกับผู้ใหญ่ด้อง เมื่อรู้ว่าพวกสมิงบาดเจ็บหลายคนและกำลังต้องการยากับอาหาร ศรีนวลจึงอาสาเป็นแกนนำพาชาวบ้านไปผาช่องลม
“เอ็งไปเถอะศรีนวล สมิงกับพวกที่ผาช่องลมมันก็ญาติพี่น้องเราทั้งนั้น”
“แล้วถ้าฉันจะไปด้วย กำนันจะว่าอะไรมั้ย”
“ผู้ใหญ่กับฉันไปไม่ได้ อย่าลืมสิ เรามันเป็น เจ้าหน้าที่ของบ้านเมือง แล้วในสายตาของกฎหมาย พวกที่ผาช่องลมมันก็คือโจร จะเข้าไปช่วยเหลืออย่างที่ชาวบ้านเขาทำน่ะมันไม่ได้”
ผู้ใหญ่ด้องพยักหน้าเข้าใจในเหตุผลของกำนันธง
ooooooo
ศรีนวลเดินทางพร้อมชาวบ้านสองสามคนขนอาหาร ยาและของใช้จำเป็นหลายอย่างมุ่งหน้าผาช่องลม ซึ่งใช้เวลาไม่นานก็ถึงที่หมายเพราะศรีนวลรู้เส้นทางลัดเป็นอย่างดี
เมื่อได้พบหน้าศรีนวล...สมิงดีใจมาก พูดคุยกับเธอด้วยความคิดถึง โดยไม่รู้ว่าศรีไพรเฝ้ามองอยู่ห่างๆด้วยความน้อยใจ จนเมื่อศรีนวลแยกจากสมิงมาเห็นเข้าก็สงสัย ถามศรีไพรว่าเป็นอะไร ทำไมดูซึมๆเศร้าๆพิกล
ศรีไพรโกหกว่าตนไม่ได้เป็นอะไร พร้อมกันนี้ก็แสร้งทำตัวร่าเริงปกปิดความเศร้าเพื่อให้ศรีนวลหมดข้อสงสัย และเลิกซักถามไปในที่สุด
บ่ายนั้นเอง เสือเฮี้ยนเตรียมอาวุธหลากหลายชนิดเหมือนจะออกเดินทาง ศรีไพรเข้ามาเห็นโดยบังเอิญ ถามหน้าตาตื่นว่าพ่อจะไปไหน?
“เอ็งก็น่าจะรู้นะศรีไพร”
“พ่อจะออกไปสู้กับพวกไอ้มเหศักดิ์เหรอ”
“ใช่ ใครไม่สู้แต่ข้าจะสู้ ข้าไม่ปล่อยปัญหาให้คาราคาซังแบบนี้”
“ทำไมพ่อดื้อแบบนี้ สมิงกำลังสั่งอาวุธมาแล้ว รออีกหน่อยไม่ได้เหรอจ๊ะ”
“แล้วเอ็งจะรอให้มันบุกเข้ามาฆ่าพวกเราที่นี่หรือไง”
“แต่ถ้าพ่อไปคนเดียวแบบนี้ ก็เท่ากับพ่อกำลังจะไปตาย พ่อจะทิ้งศรีไพรให้อยู่คนเดียวไม่ได้นะ”
“ยังไงพ่อก็จะตายอยู่แล้ว ไม่วันใดก็วันหนึ่ง เอ็งต้องอยู่คนเดียวให้ได้”
“ถ้าขาดพ่อไป ชีวิตศรีไพรก็จะไม่เหลือใครอีก”
“สมิงไง สมิงเป็นคนดี เขาคงไม่รังเกียจเอ็ง”
“ใช่...เขาไม่รังเกียจศรีไพร แต่เขาก็ไม่ได้รักศรีไพรเลยเหมือนกัน พ่ออย่าเพิ่งไปเลยนะจ๊ะ อยู่กับศรีไพรก่อน ศรีไพรไม่อยากสูญเสียคนที่ศรีไพรรักไปอีกแล้ว”
“พ่อไม่โง่เอาชีวิตไปแลกหรอกน่ะ พ่อแค่จะแอบไปเด็ดหัวไอ้มเหศักดิ์ทิ้ง ถ้าพวกมันไม่มีแม่ทัพ ต่อให้มีอาวุธดียังไงก็สู้พวกเราไม่ได้แน่”
“แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ พ่อบุกไปคนเดียวมันอันตราย ฉันไม่ยอมให้พ่อไปหรอก อย่าทิ้งฉันไปเลยนะพ่อนะ ฉันกราบละ” ลูกสาวก้มลงกราบเท้าผู้เป็นพ่อทั้งน้ำตานองหน้า...เสือเฮี้ยนลังเลครู่หนึ่งก็ใจอ่อน
“ก็ได้ ข้าไม่ไปก็ได้”
ศรีนวลแอบฟังอยู่มุมหนึ่ง เพิ่งรู้ว่าแท้จริงแล้วศรีไพรแอบรักสมิงนี่เอง เธอรู้สึกสงสารและเห็นใจศรีไพรจนไม่อาจนิ่งเฉยได้ ตัดสินใจไปคุยกับสมิงตรงๆ ว่าอยากให้เขาลองเปิดใจมองคนอื่นบ้าง
“จริงๆนะสมิง ยังมีผู้หญิงอีกหลายคนที่พร้อมจะรักสมิงอย่างสุดหัวใจ สมิงไม่ควรจมปลักอยู่กับศรีนวลคนเดียว”
“เรื่องนี้เราพูดกันมาหลายครั้งแล้ว ทำไมศรีนวลไม่ยอมเข้าใจสมิงเลย ถึงสมิงจะเจ็บปวดที่ศรีนวลไม่รัก แต่สมิงก็มีความสุขกับการที่ได้รักผู้หญิงดีๆอย่างศรีนวล”
“แต่ยังมีผู้หญิงดีๆอีกมากมายที่เขาพร้อมจะรักสมิง เพียงแต่สมิงต้องหัดเปิดใจตัวเองบ้าง”
“ศรีนวลกำลังหมายถึงใคร”
“ศรีไพรไงล่ะ สมิงก็น่าจะรู้ว่าศรีไพรแอบรักสมิงอยู่”
“รู้สิ ทำไมสมิงจะไม่รู้ แต่สมิงบอกไปแล้วไง ว่าหัวใจของสมิงมีแค่ศรีนวลคนเดียว อย่าพยายามยัดเยียดผู้หญิงคนอื่นมาให้สมิงอีกเลย” สมิงตัดบทแล้วเดินเลี่ยงไปด้วยความน้อยใจที่ศรีนวลไม่เคยเข้าใจความรักของตนเลย
ooooooo
ทั้งที่รับปากลูกสาวไว้เมื่อวานว่าจะไม่บุ่มบ่ามไปฆ่ามเหศักดิ์ แต่พอเช้าวันใหม่เสือเฮี้ยนก็อดรนทนไม่ไหวบุกเข้าไปยังฐานที่มั่นของฝ่ายนั้น แล้วฉวยโอกาสฆ่าเถ้าแก่ชิ้นที่กำลังบาดเจ็บจนสิ้นใจ
บันลือกับมเหศักดิ์โกรธแค้นมาก พาลูกน้องไล่ล่าเสือเฮี้ยนอย่างกระชั้นชิด โดยบันลือกำชับทุกคนว่าต้องจับเป็นเท่านั้น เพื่อที่ตนจะได้ทรมานมันให้สาสมกับความแค้น
เสือเฮี้ยนหลบหนีการไล่ล่าของอีกฝ่าย แต่ก็ไว้ลายความเป็นเสือเก่าด้วยการนำปืนและอาวุธลับต่างๆ ออกมาใช้เป็นระยะ จนสามารถวิ่งหลบคมกระสุนห่างจากกลุ่มผู้ไล่ล่า แล้วไปเจอศรีไพรกับศรีนวลที่เอะใจติดตามมา
“ฉันนึกแล้วว่าคนอย่างพ่อไม่เลิกล้มความคิดอะไรง่ายๆแน่”
“พ่อฆ่าไอ้เถ้าแก่ชิ้นมันตายแล้ว ตอนนี้พวกมันกำลังระส่ำระสาย”
“รีบหนีเถอะจ้ะ พวกมันกำลังมาทางนี้แล้ว...ตามมา”
ศรีนวลวิ่งนำหน้าสองพ่อลูกออกไป แต่ไม่ช้าพวกบันลือก็ตามมาทัน สองฝ่ายยิงตอบโต้กันหูดับตับไหม้ สักพักศรีนวลตัดสินใจว่าเราต้องรีบหนีออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ก่อนที่จะตายกันหมดเพราะอีกฝ่ายคนเยอะกว่า
เสียงปืนทำให้พวกสมิงตื่นตัวและพากันออกจากผาช่องลมเมื่อรู้ว่าเสือเฮี้ยน ศรีไพร และศรีนวลหายไป แต่กว่าจะไปเจอคนทั้งสาม เสือเฮี้ยนก็ถูกบันลือยิงจนทรุดแล้วตั้งใจจะเอาตัวกลับไปทรมานยังฐานที่มั่นของตน ศรีไพรพยายามช่วยเหลือพ่อแต่ก็ไม่ถนัดนักเพราะพวกมันข่มขู่จะฆ่าตัวประกันเดี๋ยวนี้ถ้ามีใครบุกเข้ามา
บันลือเอาปืนจ่อหัวเสือเฮี้ยนตลอดเวลา สมิงคิดหนักหาทางช่วย แต่ในที่สุดศรีไพรก็ขอร้องทุกคนให้ยุติ
“สมิง ศรีนวล...ศรีไพรขอร้องนะ ปล่อยพวกมันไปก่อน อย่าให้พ่อของศรีไพรเป็นอะไรไปเลย”
สมิงพยักหน้าเข้าใจก่อนตะโกนบอกพวกบันลือ “เอาละ ตราบใดที่เสือเฮี้ยนยังมีชีวิตอยู่ เราจะไม่ทำอะไรพวกแก”
บันลือจับเสือเฮี้ยนเป็นตัวประกันแล้วค่อยๆถอยหนีไปพร้อมมเหศักดิ์และลูกน้อง สมิงกับศรีนวลทำท่าจะตามแต่ศรีไพรรีบเข้ามากันไว้
“อย่า....ปล่อยพวกมันไปก่อน ศรีไพรไม่อยากให้พ่อเป็นอะไร”
“ใจเย็นๆนะศรีไพร เราจะหาทางช่วยเสือเฮี้ยนให้ได้” ศรีนวลเอ่ยจริงจังแล้วเข้าไปกอดปลอบโยนศรีไพร
ooooooo
ที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ ระพียังคงนอนรักษาตัว โดยมีเดือนมาเยี่ยมทุกวันตามคำสั่งของสร้อยเพชร แต่คนที่ระพีอยากเจอคือดาวต่างหาก เขาเพียรถามเดือนบ่อยครั้งแต่ก็ได้คำตอบเดิมๆว่าดาวไม่ว่าง ต้องไปเรียนพิเศษ
แต่แล้ววันนี้พอระพีคาดคั้นหนักเข้า เดือนก็ต้องพูดความจริงแต่ไม่ใช่ทั้งหมด...เธอยอมรับว่ามีคนสั่งห้ามดาวไม่ให้มาที่นี่ แต่ไม่ยอมบอกว่าใคร
“คุณระพีไม่ต้องรู้หรอกค่ะ เอาเป็นว่าผู้ใหญ่ท่านเห็นว่าไม่เหมาะสมที่คุณระพีกับดาวจะพบปะกัน โดยที่ยังมีเดือนเป็นคู่หมั้นแบบนี้”
“งั้นคุณเดือนต้องช่วยผมนะ ผมคิดถึงดาว อยากพบ อยากเห็นหน้า คุณเดือนช่วยพาดาวมาหาผมที เห็นใจผมเถอะนะ” ระพีพยายามอ้อนขอให้เดือนช่วย แต่ท่าทางเธอยังอิดออดไม่กล้าขัดคำสั่งมารดา
วันเดียวกันที่บ้านท่านผู้ว่าฯ บุญเหลือตั้งใจมาพบดาว แต่โดนสร้อยเพชรกีดกันขัดขวางไม่ยอมให้เข้าบ้านแถมยังไล่ตะเพิดไม่ไว้หน้า บัวยืนมองด้วยความสงสารก่อนจะเดินบ่นเข้าไปหลังบ้านจนลุงมหาได้ยินแล้วซักถาม ได้ความว่ามีผู้ชายชื่อบุญเหลือมาขอพบดาว
ลุงมหารีบวิ่งออกไปเรียกบุญเหลือและยืนคุยกันหน้าบ้านอยู่พักหนึ่ง
“ผมมาหาดาวครับลุงมหา แต่ผู้หญิงคนเมื่อกี้เขา...”
“เออ...ข้ารู้แล้ว นั่นน่ะคุณสร้อยเพชรเป็นแม่ของคุณเดือน”
“ท่าทางดูเขาจะไม่ชอบดาวเลยนะลุง”
“มันก็ธรรมดา”
“แล้วดาวอยู่ไหนจ๊ะลุง ฉันจะเจอดาวได้ไหม”
“ตอนนี้คุณดาวไม่อยู่ ไปเรียนพิเศษ กว่าจะกลับ ก็คงค่ำ”
บุญเหลือเห็นว่าอีกหลายชั่วโมงจึงขอกลับไปช่วยงานหลวงพ่อที่วัดก่อน แล้วจะกลับมาใหม่อีกครั้งในตอนค่ำ ลุงมหาเห็นดีด้วยพร้อมรับปากว่าถ้าดาวกลับมาจะบอกให้...บุญเหลือไหว้ลาลุงมหาแล้วมุ่งหน้ากลับวัด แต่ระหว่างทางเจอเดือนโดยบังเอิญ ต่างฝ่ายต่างดีใจนั่งคุยกันอยู่นานก่อนที่เดือนจะกลับไปพร้อมคำสัญญาว่าจะทำให้บุญเหลือได้พบดาว...
ถึงเวลาอาหารเย็น ทุกคนพร้อมหน้ายกเว้นเกียรติกล้าที่ยังไม่กลับ ศรีสอางค์ถามสร้อยเพชรก็ได้รับคำตอบเดิมๆว่า ลูกชายขอกลับเย็นหน่อยเพราะเล่นกีฬา
“ถ้าเล่นกีฬาน่ะไม่มีใครว่าหรอก ผมกลัวจะไปเล่นอย่างอื่น”
“แหมคุณ...มองลูกในแง่ดีบ้างสิคะ” สร้อยเพชรแหวสามี...เดือนเห็นท่าไม่ดีรีบเปลี่ยนเรื่อง
“ได้ข่าวว่าวันนี้ดาวทำกับข้าวเองด้วย น่ากินจังเลย”
“งั้นก็มาลองชิมฝีมือแม่ครัวใหม่กันดีกว่า”
“นั่นสิคะคุณพ่อ ดาวทำอาหารรสชาติอร่อยเหมือนที่แม่ศรีนวลทำเลย”
“ยายเดือน” สร้อยเพชรปรามลูกสาวเสียงเขียว
“ก็จริงนี่คะคุณแม่ แม่ศรีนวลทำอาหารอร่อยมาก ถ้าคุณพ่อไปที่ลานเทครั้งต่อไป ลองให้แม่ศรีนวลทำอาหารให้ทานสิคะ รับรองว่าจะติดใจ”
เลอสรรฟังแล้วคิดถึงศรีนวล อยากพบอยากกลับไปหาอีกครั้ง...ตรงข้ามกับสร้อยเพชรที่หน้าหงิกไม่สบ อารมณ์เอาเสียเลย
หลังอาหารมื้อนั้น เลอสรรเรียกดาวมาคุยตามลำพัง เขาอยากรู้ว่าเธอมีปัญหาอะไรกับทางบ้านหรือเปล่าถึงได้มากรุงเทพฯ หรือว่าทะเลาะกับศรีนวล
“คุณเลอสรรรู้ได้ยังไงคะ”
“ฉันก็แค่เดาเอา ไหนลองบอกหน่อยซิว่าเธอกับแม่มีปัญหาอะไรกัน”
“เปล่าค่ะ...ไม่มี...เพียงแต่ดาวน้อยใจ”
“น้อยใจเรื่องอะไร”
“ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครบอกดาวเลยว่าพ่อของดาวเป็นใคร ตาก็ไม่บอก แม่ก็ไม่บอก แต่วันนั้นดาวได้ยินคุณเลอสรรกับแม่คุยกันที่ท่าเรือ แม่บอกว่าดาวเป็นเด็กกำพร้า ไม่มีหัวนอนปลายตีน ดาวน้อยใจที่แม่รังเกียจ ไม่ได้รักดาวเลย” ดาวพูดไปสะอื้นไป
“อย่าคิดมากแบบนั้น มันน่าจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน”
“แต่ดาวรู้จักแม่ดี แม่เป็นคนพูดคำไหนคำนั้น ถ้ารักใครแม่ก็จะรักอยู่คนเดียว ขนาดลุงสมิงมาขอแม่แต่งงานตั้งหลายครั้งแต่แม่ก็ไม่เคยใจอ่อน”
“แล้วศรีนวลรักใคร”
“ทุกครั้งที่ไปนั่งตรงท่าน้ำ ท่าทางแม่จะดูเศร้าๆ แม่บอกว่าคนรักของแม่ขึ้นเรือจากไป แล้วก็ไม่กลับมา ตอนแรกดาวเข้าใจว่าคนคนนั้นเป็นพ่อของดาว แต่ตอนนี้ดาวรู้แล้วว่าดาวเป็นเด็กกำพร้า ไม่มีพ่อมีแม่”
ดาวน้ำตาคลอเสียใจ ขณะที่เลอสรรรู้สึกได้ถึงความรักที่ศรีนวลมีต่อเขา...สร้อยเพชรแอบมองอยู่มุมหนึ่ง ความชิงชังดาวยิ่งทวีคูณ เธอไม่รู้หรอกว่าสองคนคุยอะไรกัน แต่เธอไม่ชอบที่ดาวบีบน้ำตาเหมือนเรียกร้องความ สงสารจากเลอสรร
เมื่อเลอสรรผละไปแล้ว ดาวได้ยินเสียงผิวปากก็เลยจะเดินออกไปดูหน้าบ้าน แต่ต้องชะงักเมื่อสร้อยเพชรโผล่พรวดมาดักหน้าถามว่าเมื่อกี้เธอคุยอะไรกับเลอสรร
“คุณเลอสรรเรียกมาถามว่าดาวมีปัญหาอะไรกับที่บ้านค่ะ”
“แล้วหล่อนร้องไห้สะอึกสะอื้นทำไม สำออยเรียกร้องความสนใจใช่มั้ย”
“ดาวไม่เคยทำแบบนั้น”
“เห็นอยู่ตำตา พูดมาได้ว่าไม่เคยทำ”
ดาวพยายามสะกดอารมณ์ไม่ให้ทำกิริยาก้าวร้าว แต่กลับโดนอีกฝ่ายตะคอกใส่
“ยังจะมามองหน้าอีก จะไปไหนก็ไป”
ดาวเหนื่อยใจเดินหนีขึ้นห้องนอน สักครู่เดือนตามเข้ามาถามเธอว่าพบบุญเหลือหรือยังเพราะตนนัดไว้ให้มาตอนค่ำๆ ดาวดีใจรีบกลับลงไปพร้อมเดือนแต่ก็ไม่เห็นบุญเหลือที่เพิ่งกลับไปได้สักครู่
“หรือว่าจะมาแล้ว แต่พอเห็นดาวอยู่กับคนอื่นก็เลยกลับ จริงสิ ตอนดาวจะเข้าตึกได้ยินเสียงผิวปาก ต้องเป็นพี่บุญเหลือแน่เลย”
“เสียดายจัง น่าจะอยู่รออีกหน่อย แต่ไม่เป็นไร เอาไว้เดือนจะพาดาวไปหา”
“คุณเดือนรู้เหรอคะว่าพี่บุญเหลืออยู่ที่ไหน”
“รู้จ้ะ เอาไว้พรุ่งนี้นะดาว” เดือนรับปากแข็งขันแล้วพากันกลับเข้าบ้าน
ooooooo










