สมาชิก

พรพรหมอลเวง

ตอนที่ 4

เมื่อสุดนภารู้สึกตัวขึ้นมา เจอน้องเมย์นั่งดูอยู่เรียกให้ลุกขึ้นมาคุยกันเดี๋ยวนี้ พอเธอเรียก “น้องเมย์” ก็ถูกปฏิเสธว่าไม่ใช่ แต่พอเรียก “หยง” น้องเมย์ กลับพยักหน้า

“ไม่จริง...ไม่จริง...ฉันต้องฝันไปแน่นอน เป็นไปไม่ได้ อย่าล้อเล่นกันแบบนี้นะ” สุดนภาลนลาน

“ฉันไม่ได้ล้อเล่นนะบี๋ นี่เรื่องจริง ฉัน...ตันหยง”

คราวนี้สุดนภาสุดทนคว้ากระเป๋าวิ่งออกจากห้องไปอย่างขนลุกขนพอง น้องเมย์มองตามอย่างแสนเศร้า...

แล้วก็ต้องผวาอีกเมื่อน้องเมย์ตามมาบอกว่า “พรุ่งนี้พบกันใหม่นะคะ” เธอไม่ตอบรีบไหว้ลาประภัสสร แต่พอหันเดินไปก็ถูกน้องเมย์มาดักหน้า คราวนี้พูดหน้าตาขึงขัง

“พรุ่งนี้แกต้องมานะ”

เมื่อไปขึ้นรถแล้ว สุดนภาตั้งสติถามตัวเองว่านี่เรื่องจริงหรือเนี่ย?!

กลับถึงคอนโดฯแล้วก็ยังสยอง คิดอย่างไรก็หาคำตอบไม่ได้ แต่พอฉุกคิดอีกทีว่า ถ้าตันหยงอยู่ในร่างน้องเมย์จริงๆ แล้วใครอยู่ในร่างตันหยงล่ะ?! หรือเป็นน้องเมย์ และถ้าเป็นน้องเมย์แล้วทำไมไม่ฟื้น?? ยิ่งคิดก็ยิ่งสับสน

แล้วเธอก็ต้องปวดหัวหงุดหงิดยิ่งขึ้นเมื่อนาวินโทร.มาถามสภาพการไปสอนพิเศษน้องเมย์ เธอบอกว่าเรียบร้อยดีไม่มีปัญหา ก็ถูกซักรายละเอียดอีก พอเธอบ่นว่านี่เป็นเวลาพักผ่อน ทำไมต้องรายงานด้วย นาวินก็อ้างกวนๆว่า

“อ้าว...ก็น้องเมย์เป็นนักเรียน คุณก็เป็นครู ผมเป็นผู้บริหาร”

สุดนภาตัดบทว่าอย่าเพิ่งถามอะไรตอนนี้ได้ไหมตนยิ่งเครียดๆ อยู่  แล้วกดตัดสายเลย นาวินมองโทรศัพท์พึมพำ

“อะไรของเขาเนี่ย...วี้ดเกินเหตุหรือเปล่า”

ตัดสายจากนาวินแล้ว สุดนภาก็กลับมาสับสนปนสยองกับเรื่องน้องเมย์อีกว่า ถ้าน้องเมย์ไม่ได้โกหกล่ะ? คิดแล้วก็เครียด แต่ก็ยังหาคำตอบไม่ได้อยู่ดี

ooooooo

คืนนี้ ตันหยงในร่างน้องเมย์คิดหนักที่สื่อให้เพื่อนรู้ไม่ได้ว่าตนคือตันหยงในร่างน้องเมย์ ลงไปนั่งปล่อยใจที่ริมสระว่ายน้ำ

“ได้อยู่คนเดียวแบบนี้ค่อยยังชั่วหน่อย...พรุ่งนี้แกจะมาหาฉันรึเปล่าเนี่ยบี๋ แกอย่าเพิ่งทิ้งฉันไปนะ” นั่งชันเข่าเอาคางเกยรำพึง “เมื่อไหร่นะฉันจะตื่นจากความฝันเสียที เมื่อไหร่ฉันจะกลับเป็นตันหยงคนเดิมเสียที...”

ปฐวีกลับมาเจอน้องเมย์นั่งอยู่ริมสระว่ายน้ำ ย่องเข้ามากอดจากข้างหลังถามว่า แอบลงมาอีกแล้วทำไมยังไม่นอน แล้วพาน้องเมย์นอนบนเก้าอี้ยาวชวนนอนดูดาวกัน ตันหยงอึดอัดบอกให้ปล่อย ถามว่าทำไมต้องนอนชิดกันแบบนี้ด้วย ปฐวีถอนใจยาว พอถามว่าไม่สบายใจหรือ ก็รับว่าใช่ ตัดบทว่า

“ช่างเถอะ...เรื่องของผู้ใหญ่ น้องเมย์ฟังไปก็ไม่รู้เรื่องหรอก”

“ก็ใช่สิ...เพราะฉันติดอยู่ในร่างเด็ก ใครจะอยากคุยกับเด็กล่ะ” ตันหยงนึกในใจอย่างหงุดหงิดเบื่อหน่าย

นอนดูดาวกันพักใหญ่ น้าวีก็ชวนน้องเมย์กลับไปนอน อุ้มน้องเมย์ขึ้นอย่างที่เคยทำ ตันหยงอึดอัดมาก นึกเซ็งๆ

“ทำไมต้องอุ้มกันด้วยนะ...”

เช้าวันรุ่งขึ้น ปฐวีไปดูตันหยงที่ห้องพักคนป่วย มองร่างที่นอนนิ่งพึมพำอย่างเป็นห่วง

“ทำไมคุณยังไม่ฟื้นนะ...คุณตันหยง”

สุดนภาเองก็ไปเยี่ยมตันหยงแต่เช้า เดินไปคิดไป “ถ้าแกอยู่ในร่างน้องเมย์ แล้วใครอยู่ในร่างแกตอนนี้ มันเป็นไปได้ยังไง มันจะเป็นไปได้ยังไง...ไม่รู้ล่ะ เป็นไงเป็นกัน ต้องดูให้รู้”

พอผลักประตูเข้าไปเจอปฐวีอยู่ในห้องแล้ว เธอบอกเขาว่ามาเยี่ยมตันหยงก่อนแล้วค่อยไปสอนน้องเมย์ เขาพูดอย่างอัธยาศัยดีว่างั้นเย็นนี้เราอาจจะเจอกันที่บ้าน สุดนภาร่ำๆว่าจะพูดเรื่องตันหยงในร่างน้องเมย์แล้ว แต่เลี่ยงถามว่า หมอเคยเชื่อเรื่องคนตายแล้วฟื้น หรือพวกวิญญาณอะไรทำนองนี้ไหม

“ตายแล้วฟื้น ทางการแพทย์ไม่มีหรอกครับ เป็นการเข้าใจผิด ส่วนเรื่องวิญญาณ น่าจะเป็นความเชื่อทางศาสนาไม่ใช่วิทยาศาสตร์ ทำไมคุณบี๋ถามเรื่องนี้ล่ะครับ”

ได้รับคำตอบแบบนี้ เธอเลยเปลี่ยนใจบอกว่าไม่มีอะไร ตนแค่สงสัยเท่านั้น ก็พอดีจริญทิพย์มาบอกว่ามีผู้ป่วยอุบัติเหตุรถยนต์บาดเจ็บรุนแรงที่ศีรษะ เขาจึงขอตัว

“เกือบแล้วไหมล่ะ ขืนพูดไปมีหวังหน้าแตกยับ...” สุดนภาถอนใจพึมพำอย่างโล่งอก

ooooooo

ปรางค์ทิพย์ได้ยินบุญศรีเล่าเรื่องน้องเมย์มีครูมาสอนพิเศษที่บ้านก็ริษยา บอกว่าลูกคนอื่นได้ลูกตนก็ต้องได้ รุ่งขึ้นก็ไปหาประภัสสรขอฝากลูกเรียนพิเศษกับน้องเมย์ด้วย ประภัสสรเกรงใจครูบี๋แต่ทนรบเร้าไม่ได้จึงรับปากพาไปฝากเรียน

ระหว่างเรียน น้องเมย์แสดงให้เห็นว่าตนรู้มากกว่าที่ครูสอน พอครูบี๋หยิบตำราขึ้นมาพลิกให้อ่านตาม น้องเมย์ก็หยิบขึ้นมาบอกว่าตนจะอ่านให้ฟังเอง แล้วอ่านตำราภาษาอังกฤษเป็นไฟจนครูบี๋มองอึ้ง

บุญศรีที่ปรางค์ทิพย์ให้มาคอยดูว่าครูบี๋จะสอนลูกตนเหมือนสอนน้องเมย์หรือเปล่าก็ถึงกับมึน น้องเมย์ถามอย่างท้าทายว่าจะให้อ่านอะไรอีกไหม ครูบี๋รีบบอกว่าไม่ต้องแล้ว น้องเมย์เสนอให้พักเรียนก่อนตนเหนื่อย พอครูบี๋อนุญาตเด็กสองคนก็เฮที่จะได้ไปเล่นกัน

หลังจากนั้น ตันหยงในร่างน้องเมย์ พาสุดนภาเข้าไปทดสอบกันในห้อง โดยสุดนภาเป็นคนถามให้น้องเมย์ตอบ ถามตั้งแต่ชื่อครูสมัยเรียน ม.1 จนถึงฉายาตอนเรียนปี 1 และแฟนแต่ละคนระหว่างเรียน จนสุดท้ายถามว่าสเปกแฟนล่ะ?

“หน้าตาดี สุภาพอ่อนโยน ต้องเป็นคนเก่ง ที่สำคัญรักเด็ก ซึ่งคนคนนั้นน่าจะเป็นหมอปฐวี” ตันหยงตอบคล่องปรื๋อ ทำเอาสุดนภากระโดดกอดร้องด้วยความดีใจสุดๆ

“แกเป็นหยงจริงๆด้วย ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าแกเหลือตัวแค่เนี้ย...ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย นี่มันเรื่องจริงเหรอเนี่ย ฉันอยากจะเป็นลมจริงๆ”

ขณะทั้งสองกอดกันด้วยความดีใจนั่นเอง ปฐวีเปิดประตูเข้ามามองงงๆแกล้งถามน้องเมย์ว่าอยากไปโรงเรียนแล้วหรือยัง น้องเมย์ส่ายหน้าแทบไม่ต้องคิด แต่สุดนภากลับบอกว่า “น้องเมย์พร้อมแล้วค่ะ” ถูกตันหยงถลึงตาใส่ จึงพูดต่อว่า “พร้อมไปอยู่กับครูบี๋ไงคะ น้องเมย์”

“แล้วให้ฉันไปเรียนกับเด็กเนี่ยนะ” น้องเมย์ทำหน้ามุ่ย ปฐวีมองหน้าคนโน้นทีคนนี้ทีงงๆ

เมื่อไปเดินคุยกันที่สนาม ตันหยงบอกสุดนภาว่าต้องช่วยตนให้พ้นจากสภาพแบบนี้ สุดนภาถามว่าแล้วทำไมไม่บอกใครๆเหมือนอย่างที่บอกตน ตันหยงชี้แจงว่าตนเคยบอกแล้วแต่ไม่มีใครเชื่อ แต่ถึงตอนนี้ไม่แน่ใจแล้วว่าจะกล้าบอกใครไหม ไม่แน่ใจว่าบอกแล้วพวกเขาจะรู้สึกอย่างไร จะเสียใจแค่ไหน ตนไม่กล้าทำร้ายจิตใจพวกเขา

“งั้นแกก็อยู่ในร่างน้องเมย์ไปก่อน แล้วตัวแกก็อยู่ที่โรงพยาบาลนอนเป็นเจ้าหญิงนิทราที่นั่นแหละ”

ตันหยงไม่แน่ใจว่าตนจะกล้าพอที่จะไปดูร่างตัวเองไหม ถามว่าแล้วพ่อกับแม่เป็นยังไงบ้าง สุดนภาเล่าว่าท่านพยายามทุกวิถีทางที่จะทำให้เธอฟื้น ย้ำกับเพื่อนว่าตอนนี้ต้องอดทนรอไปก่อน ขอให้เข้มแข็งตนจะช่วยเอง

“ฉันจะพยายามรับมันให้ได้” ตันหยงรับปากเศร้าๆ

ooooooo

พิรามตัดสินใจเอาโฉนดคอนโดและเงินสดไปให้พัดชาบอกเธอว่า ตนไม่อาจเสียตันหยงไปได้ ขอให้เธอรับไว้เพื่อจะได้ไปตั้งต้นชีวิตใหม่

พัดชาไม่ต้องการสิ่งเหล่านั้นแต่ต้องการตัวเขา พิรามยืนกรานว่าตนไปต่อกับเธอไม่ได้จริงๆ ทุกวันนี้ตนไม่มีความสุขเลยรู้สึกผิดต่อตันหยงมาก ที่ตันหยงเป็นแบบนี้ก็เพราะตน ถึงเราอยู่ด้วยกันต่อไปก็ไม่มีความสุข บอกเธอก่อนกลับไปว่า

“ผมไม่อยากทำผิดพลาดอีก...และผมจะไม่อ่อนแอหรืออ่อนไหวอีก ผมเสียใจนะพัดชา”

พัดชาทรุดนั่งร้องไห้เงียบๆแต่เจ็บช้ำหัวใจแทบสลาย...

เพื่อชดเชยความผิดของตัวเอง พิรามไปดูแลตันหยงที่โรงพยาบาล เจอพินิจกับบุหงา เขาขอโทษและขอโอกาสได้ดูแลตันหยง ยอมรับกับทั้งสองว่า

“ผมขอโทษ...ผมขอโอกาสแก้ไขในสิ่งที่ผม

ทำผิด ผมทำลายความไว้ใจของตันหยงและคุณพ่อ

คุณแม่ เป็นเพราะไม่หนักแน่นพอ ตั้งแต่เกิดเรื่องไม่มีวันไหนที่ผมจะไม่เสียใจ ผมเหมือนตกนรกทั้งเป็น...

ใจผมจะขาดอยู่แล้วครับ”

“พ่อรู้ว่าพิรามไม่ใช่คนเลวร้าย มนุษย์เราทำผิดพลาดกันได้ คนเราถ้ายอมรับผิดอย่างลูกผู้ชายได้ เขาก็ควรได้รับโอกาสที่สอง และที่หยงต้องเป็นแบบนี้ มันก็เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุ อย่าไปโทษพิรามเขาเลย” พินิจพูดอย่างเห็นใจเยี่ยงผู้ใหญ่

“ขอบคุณมากครับ ผมสัญญาว่าจากนี้ไปผมจะดูแลตันหยงไปตลอด และผมจะไม่ทำอะไรผิดพลาดอีก ผมสัญญาครับ” พิรามพูดอย่างสำนึกผิดจริงๆ

ooooooo

เพื่อเอาใจน้องเมย์ให้พรุ่งนี้ยอมไปโรงเรียน วันนี้ปฐวีจึงมารับไปทานไอศกรีมเจ้าประจำที่น้องเมย์ชอบ ตันหยงไม่อยากไปแต่สุดนภารีบตอบรับ

ไม่ทันได้ออกไปกัน นาวินก็โผล่มาถามหน้าระรื่นว่ากำลังจะไปไหนกันหรือ พอรู้ว่าจะไปทานไอศกรีมกันก็ขอเอี่ยวด้วยคน สุดนภาเซ็งจนบอกไม่ถูก ซ้ำนาวินยังจัดแจงให้สุดนภามานั่งรถตนเพราะรถปฐวีนั่งได้แค่สองคน

พอทานไอศกรีมเสร็จ นาวินก็อาสาจะไปส่งสุดนภา อ้างว่าต้องให้เธอไปช่วยซื้อแฟ้มใช้ในโรงเรียน

ส่วนตันหยงก็ชวนปฐวีกลับบ้านอีกทางดีไหม ตนจะบอกทางเอง แล้วบอกทางที่ผ่านหน้าบ้านตัวเอง ตันหยงน้ำตาไหลมองบ้านตัวเองจนเหลียวหลัง ปฐวีถามว่าเป็นอะไร

“เปล่าค่ะ...เมย์คิดถึงคุณแม่ค่ะ”

“???...” ปฐวีมองหลานงงๆว่าเป็นอะไร แล้วหันมองบ้านหลังนั้น...

ooooooo

คืนนี้ ส่งน้องเมย์เข้านอนแล้ว ประภัสสรมารอเมธี รอตั้งแต่ที่โต๊ะอาหาร จนดึกก็เข้าไปอ่านหนังสือรอที่ห้องนอนจนหลับไป หนังสือตกจากมือและโทรศัพท์ยังวางอยู่ข้างตัว
เมธีทำงานอย่างทุ่มเท เพื่อสร้างฐานะให้สมกับเป็นหัวหน้าครอบครัว ไม่ให้ใครตราหน้าได้ว่าเกาะเมียกิน แต่ประภัสสรไม่ต้องการและไม่เข้าใจ เธอต้องการให้เขาให้เวลากับครอบครัวให้มาก มีเวลาอยู่กับลูกเมียมากกว่านี้

เมื่อเมธีกลับมาเอาตีสาม เธอรู้สึกตัวขึ้นมาเห็นเขาเก็บเสื้อผ้าเตรียมเดินทางไปไซต์งานที่มีปัญหาแต่เช้า เธอก็สุดทนพูดอย่างมีอารมณ์ว่า

“ชีวิตคุณมันก็มีแต่งานกับงาน งานมักมาก่อนภัสกับลูกเสมอ ภัสเริ่มจะหมดความอดทนแล้วนะคะ”

เมื่อเขาจะชี้แจงเธอตัดบทว่า “ถ้าคุณเบื่อนัก คุณก็ไปสิคะ อยากจะกลับเมื่อไหร่ก็เชิญ คุณจะทำอะไรก็ตามใจคุณ ไม่ต้องสนใจภัสกับลูกก็ได้”

เมื่ออารมณ์รุนแรงต่อกัน จึงนอนหันหลังให้กัน ต่างคนต่างคิดพลุ่งพล่านไปคนละทาง

รุ่งขึ้นเมธีก็ยังพยายามที่จะสร้างบรรยากาศดีๆในครอบครัว แต่ก็มีเหตุให้ตึงเครียดอีกจนได้ เมื่อลงมาที่โต๊ะอาหารก็มีโทรศัพท์เข้ามาให้ต้องรีบออกไปจัดการงานที่มีปัญหาจนไม่มีแม้แต่เวลาที่จะทานข้าว ทำให้ประภัสสรสะเทือนใจจนร้องไห้

ปฐวีมารับน้องเมย์ไปโรงเรียนแต่เช้า เห็นพี่สาวเช็ดน้ำตาแต่พอถามก็บอกว่าไม่มีอะไร

น้องเมย์หาเรื่องโยเยอีกจนได้ ปฐวีต้องใช้ไม้เดิม เอาหนวดถูแก้มและจั๊กจี๋จนน้องเมย์ต้องยอมลุกขึ้นมาแต่งตัวไปโรงเรียน น้าวีย้ำว่าเย็นนี้จะไปรับกลับด้วย

ปรางค์ทิพย์เห็นปฐวีพาน้องเมย์ไปส่งโรงเรียน หาเรื่องแขวะประภัสสรอีกจนได้ว่า สำหรับลูกตนเสกสรรต้องไปส่งด้วยตัวเองเป็นประจำ ทำเป็นถามถึงเมธีเตือนว่าต้องคอยสอดส่องสามีให้ดีเดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน

ฝ่ายน้องเมย์ไปถึงโรงเรียนแล้วทั้งเบื่อทั้งเซ็งที่ต้องมาเรียนกับเด็ก 5-6 ขวบ เลยทำตัวเหมือนพี่เลี้ยงที่ต้องคอยดูแลน้องๆซ้ำยังไม่รู้จักกับเด็กแม้แต่คนเดียว จนเพื่อนๆพากันแปลกใจ

ระหว่างที่เด็กๆนอนกลางวันนั้น ตันหยงถามสุดนภาว่า

“นี่ฉันจะต้องทนมาเรียนกับเด็กเล็กอย่างนี้อีกนานแค่ไหนเนี่ย”

“ก็จนกว่าจะปิดเทอมนั่นแหละ” ตันหยงบอกว่าตนต้องบ้าตายแน่ๆ “เอาน่า ทนอีกหน่อย เดี๋ยวก็ปิดเทอมแล้ว อดทนหน่อยนะเพื่อน”

“ใช่สิ....แกก็พูดได้สิ ลองมาเป็นฉันสักอาทิตย์ แกต้องไม่พูดแบบนี้แน่” ตันหยงเซ็งมาก สุดนภาก็ได้แต่มองเพื่อนอย่างเห็นใจเท่านั้น

ooooooo

เสกสรรที่ปรางค์ทิพย์คุยนักคุยหนาว่าตนชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้นั้น คืนนี้เขาย่องกลับมาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วจะออกไป เธอถามว่าจะไปไหน ตนมีเรื่องจะพูดด้วย

“เรื่องอะไรหรือ สั้นๆนะผมรีบ”

“ตอนนี้แม่ภัสกำลังมีปัญหา นายเมธีไม่กลับบ้าน อ้างแต่เรื่องงานตลอด คนอะไรมันจะทำงานหนักได้ขนาดนั้น ถ้าไม่ได้มีเรื่องอย่างว่าน่ะ คุณว่าไหม”

เสกสรรแอบถอนใจโล่งอก ชี้แจงว่าเพราะเมธีเป็นเจ้าของบริษัทก็ต้องทำงานหนักเป็นธรรมดา แต่ก็ทำเพื่อครอบครัว ประภัสสรเองก็ไม่น่าคิดมาก เลยถูกปรางค์ทิพย์ตำหนิว่าไม่เหมือนเขาทำอะไรก็ไม่ก้าวหน้า

“ก็ผมมันเป็นแค่ลูกจ้างนี่คุณ จะไปหาความก้าวหน้าได้แค่ไหนกันเชียว เพราะอย่างนี้ไงครับ ผมถึงอยากลาออกมาทำธุรกิจของตัวเอง ทำเองรวยเอง ไม่ต้องไปช่วยคนอื่นรวยแต่ตัวเองได้เงินเดือนแค่ไม่เท่าไหร่”

ปรางค์ทิพย์ถามว่าแล้วทำไมไม่ลาออก เสกสรรถามทันทีว่าตนจะไปเอาเงินทุนจากไหน ยุว่า ทำไมเธอไม่ขอมรดกจากคุณย่ามาลงทุนล่ะ คุยโวว่าถ้าตนเปิดบริษัทจะมีคนเอาโครงการดีๆมาเสนอเยอะแยะ แล้วไปหยิบเอกสารให้ดูบอกว่าโปรเจกต์นี้ดีมากเลย แต่เราขาดเงินลงทุน

ปรางค์ทิพย์เปรยว่า ขอมรดกนี่เรื่องใหญ่เลยนะ

“เชอะ! เมธีท่านยังช่วยเลย ผมก็หลานเขยเหมือนกันนะ หรือท่านรักแต่หลานย่าจนไม่เห็นหัวหลานยาย”

เสกสรรเดินหงุดหงิดจะออกไป ปรางค์ทิพย์เรียกไว้ เขาหันมาพูดอย่างไม่พอใจว่า

“ผมต้องรีบไป ผมเป็นลูกจ้างนะ ไม่ใช่เจ้าของกิจการ” พูดแล้วเดินอ้าวออกไปเลย

ปรางค์ทิพย์มองตามคิดหนัก...

ooooooo

ประภัสสรไปที่บ้านคุณหญิง ปรางค์ทิพย์จะไปคุยเรื่องขอมรดกมาทำทุน พอเจอประภัสสรนั่งอยู่ก็ทำเป็นหวังดีเข้าไปแสดงความเห็นใจเรื่องเมธี จนคุณหญิงถามว่าวันนี้ไม่มีงานทำหรือ

ปรางค์ทิพย์ได้ทีบอกว่าพอลูกไปโรงเรียน ตนก็ว่างทั้งวันไม่เหมือนประภัสสร อ้างกับคุณหญิงว่า เด็กในบ้านยังพูดกันเลยว่าคุณหญิงไม่ยุติธรรม ให้ประภัสสรทำงานช่วยเหลือสังคมมีหน้ามีตา

คุณหญิงกระหนาบว่ามีอะไรก็ว่ามาตรงๆดีกว่าอย่าพูดกระทบกระเทียบให้เสียเวลา ปรางค์ทิพย์ได้โอกาสเสนอทันทีว่า “ปรางค์อยากจะมารบกวนขอทุนจากคุณยายให้คุณสรรไปเปิดบริษัทจะได้มีกิจการเป็นของตัวเอง ไม่ต้องไปเป็นลูกจ้างคนอื่นน่ะค่ะ”

เพื่อบีบให้ประภัสสรช่วยตน ขณะเดินออกมาด้วยกันยังพูดขู่ๆว่า

“แม่ภัส เธอต้องช่วยพี่นะ เงินแค่นี้ถ้าเธอสนับสนุนพี่ คุณยายต้องยอม ถ้าเธอไม่ช่วยแสดงว่าเธอไม่อยากให้พี่ได้ดี ถ้าเธอช่วยพูด คุณย่าต้องฟังเธออยู่แล้วเพราะเธอมันหลานรัก”

“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะพี่ปรางค์ คุณย่าน่ะยุติธรรมเสมอล่ะค่ะ แต่ท่านจะมีเหตุผลของท่านน่ะค่ะ ว่าอะไรเหมาะ อะไรควร ท่านถึงได้ประสบความสำเร็จมาจนถึงทุกวันนี้ไงคะ”

“ไม่รู้ล่ะ ถ้าคุณย่าไม่ยอมช่วยพี่ แสดงว่าเธอกับคุณย่าไม่สนับสนุนพี่กับคุณสรร พี่จะได้จำเอาไว้!”

ooooooo

ปฐวียังคงค้นคว้าอาการของตันหยงและหาทางรักษาเต็มที่ วันนี้ก็ไปดูตันหยงอีก หมอหนึ่งบอกว่ายังเหมือนเดิม

บุหงาและพินิจที่เฝ้าลูกอยู่อย่างเป็นห่วง ได้ยินปฐวีเล่าว่าเขาอ่านพบเคสคล้ายๆกับของตันหยงที่อเมริกามีการทดลองให้คนใกล้ชิดหรือคนที่ผูกพันกับคนไข้มาก พูดคุยกับคนไข้บ่อยๆอาจจะทำให้อาการดีขึ้น แต่นั่นเป็นเพียงการทดลองเท่านั้น ยังไม่มีสถิติที่แน่ชัดว่าได้ผลแค่ไหน ขอเพียงมีความหวังเพียงน้อยนิด ทั้งบุหงาและพินิจต่างพร้อมที่จะทำเพื่อลูก

เมื่อน้องเมย์เลิกเรียน ปฐวีไปรับที่โรงเรียนตามนัด สุดนภายิ้มปลื้มกับผู้ปกครองของน้องเมย์ เวลาเดียวกันนาวินก็มาแทรกเป็นยาดำจนได้ แซวปฐวีกระทบสุดนภาว่า

“ไม่ต้องมาบ่อยก็ได้นะ มาที ครูแถวนี้สติสตังค์ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว”

น้องเมย์รบเร้าน้าวีว่าอยากกลับบ้าน ปฐวีจึงพาหลานกลับ เหลือนาวินอยู่กับสุดนภา เขาก็ยังพูดเหน็บเธอขำๆว่า

“จะมองส่งกันถึงบ้านเลยเหรอ” ได้ยินเธอถอนใจเฮือกอย่างรำคาญ ก็มองหน้า “พูดแค่นี้ต้องทำถอนหายใจ”

“หมดเวลางานแล้ว ขอตัวกลับก่อน” สุดนภาคร้านที่จะต่อล้อต่อเถียง เดินเชิดไปอย่างไม่แยแส

ขณะประภัสสรกำลังคิดหนักว่าจะทำอย่างไรดีกับเรื่องที่ปรางค์ทิพย์ขอให้ช่วย คิดจะปรึกษาเมธี ก็พอดีน้องเมย์กลับมาถึง ปฐวีเห็นสีหน้าพี่สาวไม่ดีถามว่ามีอะไรหรือเปล่า เธอยังไม่พร้อมจะพูดจึงเฉไฉชวนทานของว่างด้วยกัน เขาขอกลับไปอาบน้ำก่อนเดี๋ยวจะมาทานด้วย

แต่ขณะประภัสสรดูแลน้องเมย์ทานของว่างอยู่นั่นเอง ปรางค์ทิพย์ก็นวยนาดเข้ามาถามว่าช่วยพูดเรื่องนั้นกับคุณย่าแล้วหรือยัง พอรู้ว่ายัง ก็เปลี่ยนเสียงเป็นไม่พอใจว่า เรื่องแค่นี้จะไม่ช่วยหรือ เสียแรงที่ฝากความหวังไว้

ประภัสสรบอกว่าตนตัดสินใจไม่ได้ รอปรึกษาเมธีก่อน พลางหยิบโทรศัพท์จะโทร.ปรางค์ทิพย์ปรี๊ดแตกกระชากโทรศัพท์พูดอย่างไม่พอใจว่าแค่นี้ก็ต้องปรึกษาผัว มีสมองก็หัดคิดบ้าง คิดอะไรไม่เป็นแบบนี้แหละผัวถึงเบื่อ

“ป้าปรางค์ทำไมทำแบบนี้ล่ะคะ ไม่น่ารักเลย”

น้องเมย์ทนความหยาบคายของป้าไม่ได้ กลับถูกเอ็ดว่าเป็นเด็กไม่ต้องมายุ่งเรื่องของผู้ใหญ่ “น้องเมย์ต้องยุ่งถ้าเป็นเรื่องของคุณแม่”

ปรางค์ทิพย์โมโหด่าว่ายุ่งมากเกินไปแล้ว ประภัสสรเกรงจะมีเรื่องบอกลูกว่า เดี๋ยวแม่คุยกับป้าเองหนูไปทานของว่างเถอะ กระนั้นก็ยังถูกปรางค์ทิพย์ด่าไม่เลิกว่า นิสัยเหมือนพ่อไม่มีผิด ไม่ยำเกรงผู้ใหญ่ ชอบยุ่งนัก

“จริงๆก็ไม่ได้อยากยุ่งหรอกค่ะ แต่ที่ป้าปรางค์ทำมันเป็นกิริยาที่ไม่ดี ดูแล้วไม่น่าเชื่อว่าป้าปรางค์กับคุณแม่จะมีสายเลือดเดียวกัน”

ความปากกล้าจัดจ้านของน้องเมย์ทำให้ปรางค์– ทิพย์โกรธจนขาดสติกระชากแขนน้องเมย์เข้าไปฟาดไม่ยั้ง จนประภัสสรต้องเข้าขวางร้องห้ามและขอโทษแทนลูก แต่ปรางค์ทิพย์ก็ยังฟาดไม่หยุด จนกระทั่ง...

“หยุดเดี๋ยวนี้นะพี่ปรางค์” เสียงปฐวีร้องห้าม ปรางค์ทิพย์จึงชะงัก น้องเมย์สะบัดจากป้าวิ่งไปหาน้าวีอย่างหวังเป็นที่พึ่ง ปฐวีกอดหลานรักไว้อย่างปกป้อง จ้องหน้าปรางค์ทิพย์อย่างเอาเรื่อง

ooooooo

ทั้งหมดไปนั่งเบื้องหน้าคุณหญิงปรงทอง ปรางค์-ทิพย์ฟ้องว่าน้องเมย์พูดจาก้าวร้าวผู้ใหญ่ตนจำเป็นต้องสั่งสอน ปฐวีติงว่าที่ตนเห็นนั้นไม่ใช่การสั่งสอน

ถูกปฐวีโต้เช่นนั้น ปรางค์ทิพย์พาลว่าเพราะโอ๋กันอย่างนี้เองน้องเมย์ถึงได้เป็นแบบนี้ ตนเห็นว่าเป็นลูกเป็นหลานถึงได้อบรมเพราะถ้าไปทำกับคนอื่นเขาก็ว่าเอาได้ว่าพ่อแม่ไม่สั่งสอน

คุณหญิงเห็นปรางค์ทิพย์ถือโอกาสด่ากราดไปทั่ว จึงขอให้พอ เตือนว่าคราวหลังอย่าทำรุนแรงกับหลาน ปรางค์ทิพย์ก็พาลไปอีกว่าเพราะตนไม่ใช่หลานรักของคุณยายทำอะไรก็ผิดไปหมดไม่เคยดีในสายตาคุณยายเลย ว่าแล้วทำเป็นบีบน้ำตา

ในที่สุด คุณหญิงให้ทั้งสองฝ่ายขอโทษกัน แล้วจึงบอกปรางค์ทิพย์ว่าเรื่องที่ขอเดี๋ยวจะจัดการให้ ทำให้ปรางค์ทิพย์สงบทันที รีบกราบขอบพระคุณแอบยิ้มอย่างเก็บไม่อยู่

แต่เรื่องไม่จบเพียงเท่านั้น เพราะเมื่อเมธีกลับมารู้เรื่องน้องเมย์ถูกป้าตี เขาจะไปเอาเรื่องปรางค์ทิพย์ ตำหนิประภัสสรว่าดูแลลูกไม่ดี บอกว่าปรางค์ทิพย์จะทำอย่างไรกับตนไม่ว่าแต่ทำกับลูกตนไม่ยอม ประภัสสรทั้งน้อยใจที่ถูกตำหนิและกลัวเมธีไปเอาเรื่องพี่สาว ขอร้องว่าอย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่เลยตนเหนื่อยเหลือเกินแล้ว

แล้วเรื่องที่ทำท่าจะลุกลามก็กลายเป็นไม่มีเรื่อง เมื่อน้องเมย์เข้าไปอ้อนพ่อเร่งให้ไปอาบน้ำทานข้าวกันดีกว่า วันนี้ตนหิวมากและคุณแม่ก็ทำของโปรดไว้ให้คุณพ่อด้วย เมธีจึงเย็นลงยอมกลับไปกับน้องเมย์ ทำให้ทุกคนโล่งใจ

“โห...น้องเมย์หลานน้าวีนี่สุดยอดจริงๆ” ปฐวีชมหลานสาว น้องเมย์ยิ้มให้แบบอวดๆ

แม้เรื่องกับปรางค์ทิพย์จะแก้ตกไปแล้ว แต่ ประภัสสรยังไม่หายเคืองเมธี เมื่อเขาขอโทษที่ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่พูดรุนแรงกับเธอ ประภัสสรรื้อฟื้นอีกว่าถ้าเขาอยู่เรื่องแบบนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น ไม่ทันที่เมธีจะพูดอะไรก็ได้รับโทรศัพท์จากลูกค้าให้ไปพบ เขาจึงต้องรีบไป ทำให้ประภัสสรยิ่งเชื่อคำพูดของปรางค์ทิพย์ที่ว่าเมธีไม่เคยให้เวลากับครอบครัวเลย

แต่ครั้งนี้เธอรุนแรงถึงขั้นไล่เขาจะไปไหนก็ไปเลย เมธีชะงักหันมาถาม “คุณไล่ผมหรือภัส” เธอรู้ตัวตอบไม่ออก เมื่อได้สติก็เสียใจพึมพำ “ภัสขอโทษ...” แต่เมธีก็ออกไปแล้ว

ที่แท้โครงการไม่มีปัญหาอะไรเพียงแต่บอสพอใจผลงานของเขามาก ก่อนกลับญี่ปุ่นจึงอยากตอบแทนน้ำใจ ลูกค้าคนนั้นพาไปที่คลับ เมธีปฏิเสธไม่ออกทั้งที่ไม่อยากไปสถานที่นั้น แต่ระหว่างนั้นเขาก็รู้สึกผ่อนคลายกับการร้องเพลงของฉัตรพรบนเวที...

แต่เมื่อกลับถึงบ้านในตอนเช้า เมธีก็เจอศึกหนักไม่เพียงถูกปรางค์ทิพย์พูดประชดประชัน ประภัสสรเองก็มีปฏิกิริยาไม่พอใจ เมธีบอกเธอว่า งานหนักแค่ไหนตนไม่เคยท้อ แต่ที่ตนทนไม่ได้คือเธอไม่เคยเชื่อมั่นตนเลย พูดอย่างสะเทือนใจว่า

“จะมีผัวคนไหนทนอยู่กับภรรยาที่ไม่เคยไว้เนื้อ เชื่อใจในตัวสามีแม้แต่น้อยได้”

เมธีออกจากบ้านไปทันที ปรางค์ทิพย์มายุว่าอย่าใจอ่อนเด็ดขาด แต่ประภัสสรก็ตาลอยเป็นลมไปแล้ว...

ฝ่ายปฐวียังมุ่งมั่นค้นคว้าที่จะรักษาตันหยงให้ได้ วันนี้เขาเข้าไปดูตันหยงอีก แต่พอผลักประตูเข้าไป ปฐวี ชะงักอึ้งเมื่อเห็นพิรามนั่งกุมมือตันหยงอยู่ พูดกับร่างที่ไร้ความรู้สึกของเธอว่า

“หยง...ที่แล้วมาผมผิดเอง ผมขอรับโทษทั้งหมด ขอให้ผมได้มีโอกาสอีกสักครั้งนะ ให้ผมได้ดูแลคุณในฐานะคู่หมั้นเถอะนะครับ...”

ปฐวียืนตะลึงกับสิ่งที่เห็นและได้ยินอยู่ตรงประตูนั่นเอง...

ooooooo

พรพรหมอลเวง

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด