ตอนที่ 11
คืนนี้ น้องเมย์นอนคว่ำหน้ากับหมอนร้องไห้สะอึกสะอื้น ประภัสสรมาเจอตกใจถามว่าน้องเมย์ร้องไห้ทำไม
“น้าวีโกรธน้องเมย์ ไม่ยอมพูดกับน้องเมย์ค่ะ”
ประภัสสร ปลอบใจว่าน้าวีไม่มีวันโกรธหรือเกลียดน้องเมย์ ปะเหลาะว่าน้องเมย์มีอะไรพูดกับคุณแม่ก็ได้ แต่น้องเมย์กลับบอกว่าง่วงอยากนอนแล้ว ประภัสสร กลับไปเล่าให้เมธีฟัง คิดว่าคงเป็นเรื่องน้าหลานงอนกันตามปกติ
“พรุ่งนี้ผมจะต้องจัดการต่อว่าตาวีเสียหน่อยแล้ว มารังแกลูกสาวผมจนร้องไห้ได้ไงเนี่ย” เมธีพูดขำๆแล้วบอกให้เธอนอนเสีย รักษาสุขภาพดูแลลูกในท้องให้แข็งแรง
และในคืนนี้เอง ประภัสสรนอนหลับฝันไปว่าน้องเมย์ขอกลับมาอยู่กับแม่ แต่พอเธอจะกอด ลูกกลับถอยห่าง ประภัสสรตกใจตื่นเล่าให้เมธีฟัง เขาเชื่อว่าเธอคงกังวลที่น้องเมย์ร้องไห้เลยเก็บไปฝันมากกว่า บอกให้นอนพักผ่อนเสีย
“คุณนั่นแหละค่ะนอนเถอะ พรุ่งนี้ต้องเดินทางแต่เช้าไม่ใช่เหรอคะ”
ฝ่าย ปฐวี คร่ำเคร่งกับการค้นคว้าเรื่องตันหยงในร่างน้องเมย์จนเครียด โทรศัพท์นัดนาวินมาพบกันที่ผับในโรงแรม นาวินแปลกใจที่จู่ๆเขาก็ชวนพบกันในผับทั้งที่ปกติไม่เคยข้องแวะสถานที่เหล่า นี้เลย
แต่พอไปเจอกัน แทนที่จะชวนดื่มกิน ปฐวีกลับบอกว่า
“ฉัน มีเรื่องจะปรึกษา แกเชื่อเรื่องวิญญาณไหมวะ มีจริงหรือเปล่า” นาวินทำท่าสะดุ้งถามว่าเขาเจอผีหรือ “เปล่าแค่อยากรู้ว่าแกเชื่อหรือเปล่า”
“เชื่อ”
“ไอ้บ้า เชื่อง่ายไปไหมเนี่ย เรียนถึงด็อกเตอร์ยังงมงายเรื่องพวกนี้อีกหรือ”
“อย่า ดูถูกนะโว้ย วิญญาณ กรรมดีกรรมชั่ว การเวียนว่ายตายเกิด ศาสนาพุทธสอนเรื่องนี้มา 2,000 กว่าปีแล้ว นี่ตอนเด็กไม่ได้เรียนวิชาพุทธศาสนารึไงวะ... ถามจริงๆแกมีปัญหาอะไรกันแน่”
ปฐวีไม่ตอบแต่หน้าเครียด
ooooooo
รุ่งขึ้น ประภัสสรกับน้องเมย์เดินมาส่งเมธีขึ้นรถเดินทางไปแต่เช้า เมธีฝากน้องเมย์ดูแลคุณแม่ด้วย บอกลูกล้อๆว่า
“เดี๋ยวพ่อกลับมาจะจัดการน้าวีให้ มารังแกลูกสาวคุณพ่อได้ไงเนี่ย”
บุญ ศรีแอบดูอยู่ แจ้นไปรายงานปรางค์ทิพย์ว่าเมธีเดินทางไปต่างจังหวัดเห็นมีกระเป๋าเสื้อผ้า ไปด้วย ปรางค์ทิพย์บอกบุญศรีให้ดูแลลูกทั้งสองของตนให้ดีแล้วเอาแผนที่ใส่กระเป๋า ถือรีบออกจากบ้านไปพบชัยที่ร้านอาหาร
ชัยรับเงินและแผนที่แล้วถามอย่างไม่พอใจว่าเงินแค่นี้ไม่น้อยไปหน่อยหรือ
“แก อยากได้เท่าไหร่ก็เอาสมบัติในบ้านไปขายได้เลย ฉันขอแค่ขู่ให้มันตกใจ ไม่ต้องถึงกับช็อกตายล่ะ รอเวลาลงมือ ฉันจะโทร.มาบอก อย่าให้พลาด”
เมื่อ กลับถึงบ้าน ฉัตรพรถามชัยว่าเตรียมพร้อมแล้วใช่ไหม ย้ำอย่าให้พลาด โกยทรัพย์สินมาให้หมด ทำทั้งทีก็เอาให้คุ้ม ชัยบอกว่าไม่ต้องห่วง แต่ไม่รู้ว่าปรางค์ทิพย์จะเปลี่ยนใจอะไรหรือเปล่า เพราะดูท่าทางลังเล
“ช่างหัวมัน แกก็ทำงานของแกไป แผนที่อยู่ในมือเราแล้วนี่”
สองพี่น้องมองหน้ายิ้มร้ายให้กัน
ooooooo
หลังจากคุยกับปฐวีแล้ว รุ่งขึ้นนาวินไปหาสุดนภาที่คอนโด ขอเข้าไปคุยในห้องเพราะจะพูดเรื่องตันหยง เธอจึงยอมให้เข้าห้อง
กว่าจะเริ่มเรื่องได้ก็โอ้เอ้หยอกนั่นแหย่นี่ จนสุดนภาปรามว่า“อย่าลีลามาก มีอะไรก็รีบพูดมา”
“ก็ได้...คุณ ตันหยง อยู่ในร่างน้องเมย์ใช่ไหม”สุดนภาถึงกับเข่าอ่อนทรุดนั่ง ถามว่าเขารู้ได้ไง นาวินจึงเล่าให้ฟัง พอเสร็จเธอรีบไปหาตันหยงที่บ้าน นาวินวิ่งตามไปขึ้นรถด้วยแทบไม่ทัน
พอถึงบ้าน สุดนภาไหว้ประภัสสรแล้วคว้ามือน้องเมย์พาไปที่สวน ประภัสสรที่นั่งคว้านสละอยู่มองงงๆนาวินรีบแก้ให้ว่า ครูบี๋คิดถึงน้องเมย์มากอยากคุยด้วยเท่านั้น
“งั้นเหรอคะ...แปลกจัง”
“ครับแปลก”นาวินตอบยิ้มๆแอบบ่น“ยังมีแปลกกว่านี้อีกเยอะ ผมขอตัวนะครับ”พูดแล้วเดินตามสุดนภาไป
ประภัสสรมองนาวินไปส่ายหน้าเบาๆ แล้วคว้านสละต่อ
สุดนภาบอกตันหยงอย่างตื่นเต้นว่า“คุณหมอวีเขารู้เรื่องแกหมดแล้ว เขารู้ว่าแกเป็นตันหยงในร่างของน้องเมย์”
ตันหยง ตกใจถามว่าเธอรู้ได้ไง สุดนภาบอกว่านาวินเป็นคนบอก นาวินเดินมาถึงพอดีบอกว่า“ไอ้วินมันไปปรึกษาผม”ตันหยงถึงกับซึมไป สุดนภากับนาวินมองเธออย่างเห็นใจ
“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังคุณวีหรอก นะ ตอนแรกฉันพยายามจะบอกว่าฉันไม่ใช่น้องเมย์ แต่ไม่มีใครยอมฟัง”ถามนาวินกับสุดนภาว่า“น้าวีจะโกรธฉันรึเปล่า ที่ฉันไม่ได้พูดความจริงกับเขา”
สุดนภาบอกว่าถ้าจะโทษก็ต้องโทษพรหม ลิขิตที่ล้อเล่นอะไรแบบนี้ นาวินบอกว่าปฐวีคงทำใจยากที่จะรับเรื่องนี้ ขอให้ตันหยงเข้าใจเขาหน่อย ตันหยงบอกว่าตนแค่ไม่อยากให้เขาเข้าใจผิดและเกลียดตนเท่านั้น
“ให้เวลาเขาทำใจอีกนิด อย่างที่คุณนาวินบอกเถอะหยง”
“ครับคุณตันหยง เจ้าวีเป็นคนมีเหตุผล ในไม่ช้าเขาต้องเข้าใจคุณแน่นอน” นาวินให้กำลังใจ แต่ตันหยงก็ยังเศร้า...
ooooooo
ประภัสสร คว้านสละเสร็จก็ให้สายแก้วไปทำสละลอยแก้ว สั่งให้เตรียมของว่างรับแขกด้วย ให้จัดอีกส่วนแล้วเอาไปให้ปรางค์ทิพย์ที่บ้าน ทำให้ปรางค์- ทิพย์เห็นถึงความรักความผูกพันที่น้องมีต่อตนอย่างเสมอต้นเสมอปลาย
ครู่ ใหญ่ปรงแก้วกับปรงขวัญกลับมาบอกแม่ว่าไปทานขนมที่บ้านน้าภัสมา น้าภัสยังใจดีให้ตุ๊กตามาด้วย ปรางค์ทิพย์ชะงักไปนิดหนึ่ง สั่งบุญศรีให้พาเด็กๆขึ้นนอนและอย่าให้ออกมาเพ่นพ่านนอกบ้าน ปิดประตูลงกลอนให้เรียบร้อยด้วย
เมื่อบุญศรีพาเด็กๆขึ้นไปแล้ว ปรางค์ทิพย์ถอนใจยาว หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทร.ออก พอปลายสายรับเธอบอก
“ฉัน เปลี่ยนใจแล้ว ฉันขอยกเลิก”ฉัตรพรเป็นคนรับสายโวยวายว่าทำอย่างนี้ได้ยังไงตนจ้างคนมาช่วย งานแล้ว“ไม่เป็นไร ฉันจะชดเชยให้หล่อน แต่งานเอาเป็นว่าฉันยกเลิก”
“งั้น จ่ายเท่าเดิมไม่ได้แล้ว ต้องมากกว่า”ปรางค์ทิพย์ฉุนถามว่าขู่หรือ“ไม่ได้ขู่ แต่จะทำจริงๆ ถึงยังไงฉันก็ไม่ต้องพึ่งแกอยู่แล้ว”ปรางค์ทิพย์ขู่ว่าตนจะแจ้งความ“เชิญ เลย! ดูซิว่าฉันจะเข้าคุกคนเดียวไหม ลำพังแค่ฉันมันไม่เท่าไหร่หรอก แต่คุณนายน่ะ คนใหญ่คนโตไม่กลัวเสียหน้าก็ให้มันรู้ไป”
ปรางค์ทิพย์วางโทรศัพท์อย่างหัวเสีย ฉัตรพรบอกชัยว่าลงมือได้เลย กวาดให้คุ้ม
“ได้เลยพี่ฉัตร เรื่องแบบนี้ฉันถนัดอยู่แล้ว”ชัยมองหน้าพี่สาวแล้วหัวเราะชอบใจกัน
ส่วนปรางค์ทิพย์ พอวางสายแล้วพึมพำอย่างร้อนใจ“จะทำยังไงดี มันต้องลงมือทำแน่...โธ่เอ๊ย...”
ooooooo
คืน นี้น้องเมย์คอยปฐวีกลับอย่างร้อนใจ บ่นจนประภัสสรบอกว่าน้าวีคงงานยุ่ง พรุ่งนี้ค่อยเจอกันก็ได้อย่างอนน้าเขาเลย ยังไงน้าวีก็ไม่มีวันโกรธน้องเมย์หรอก บอกให้ไปนอนเสียพรุ่งนี้จะได้ตื่นมาสดชื่นแจ่มใส น้องเมย์จึงยอมไปนอน
ปฐวี ยังอยู่ห้องทำงานที่โรงพยาบาล เขาได้รับโทรศัพท์จากปรางค์ทิพย์ ถามพี่สาวอย่างแปลกใจว่ามีอะไรหรือเปล่า ปรางค์ทิพย์ที่เดินอยู่ในสวนหลังบ้านพูดอย่างร้อนใจว่า
“วี...รีบกลับมาบ้านเร็วเข้า” ปฐวีบอกพี่สาวใจเย็นๆ ค่อยๆพูด ปรางค์ทิพย์ไม่อาจใจเย็นได้เร่งแต่ให้กลับมาเร็วๆ
ชัย กับขวดที่จ้างมา พากันลักลอบข้ามรั้วเข้าไป แล้วแอบเข้าไปในบ้านประภัสสร เห็นทรัพย์สินแล้วตาลุกวาว ขวดถึงกับออกปากว่า “แสดงว่ารวยจริง”
ประภัสสร เข้าไปดูน้องเมย์ที่ห้องนอน ถูกชัยกับขวดโดดล็อกอุดปาก ประภัสสรดิ้นร้องขอความช่วยเหลือ ขวดหยิบมีดออกมาขู่ ส่วนชัยรีบไปหยิบทรัพย์สิน ร้อนรนจนทำของตกเสียงดัง น้องเมย์ได้ยินเสียงเอะใจว่ามีอะไรหรือเปล่า ลุกเดินไปดู ถูกขวดคว้าตัวไปอีกคน!
ปรางค์ทิพย์ร้อนใจมองขึ้นไปบนห้องประภัสสร แล้วหันมองทางประตูว่าเมื่อไรปฐวีจะมาสักที ไม่นานปฐวีก็มาถึง พอรู้ว่ามีขโมยเข้าบ้านประภัสสร พอดีมี
เสียงกรีดร้องจากบนบ้าน ปฐวีก็กระโจนพรวดเข้าบ้านไป
ประภัสสรเห็นน้องเมย์ถูกล็อกจนหายใจไม่ออก เธออ้อนวอน
“อย่าทำลูกฉัน แกจะเอาอะไรก็เอาไป ปล่อยลูกฉันเถอะ”
น้องเมย์ตาเหลือกจะขาดใจอยู่แล้ว วิญญาณตันหยงออกจากร่าง มองน้องเมย์อย่างตกใจ
“หยุดนะ” ตันหยงวิ่งเข้าไปตะโกน แล้วร่างก็จางหายไป
“เฮ้ย...ไอ้ขวด เดี๋ยวเด็กก็ตายพอดี พอได้แล้ว”
ชัยร้องบอก ขวดจึงคลายมือจากคอน้องเมย์ แต่น้องเมย์ก็หมดสติไปแล้ว
เวลาเดียวกันนั้น พิรามกุมมือตันหยงอยู่ที่โรง-พยาบาล เขาดีใจมากเมื่อรู้สึกมือที่จับมือตันหยงอยู่กระตุกบีบมือเขา
“หยง...หยง...หยง...” พิรามจับมือตันหยงอีก แต่ไม่มีปฏิกิริยาใดๆแล้ว เขามองงงๆ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ชัยตกใจถามขวดว่าน้องเมย์ตายหรือเปล่า เร่งเผ่นกันเถอะ ขวดบอกว่ายังไม่ได้ของเลย แต่พอเห็นชัยกระโดดหน้าต่างหนีเลยรีบโดดตาม ประภัสสรคลานไปกอดน้องเมย์แน่น พอดีปฐวีวิ่งเข้ามา
“วี...ช่วยน้องเมย์ด้วย...ช่วยน้องเมย์ด้วย!”
“ผมจะพาน้องเมย์ไปโรงพยาบาล พี่ภัสเดินไหวไหมครับ” ประภัสสรบอกว่าไม่ต้องห่วงตน ปฐวีจึงอุ้มน้อง เมย์ออกไป ประภัสสรประคองตัวเองตามไป
ไปถึงโรงพยาบาลไม่นาน น้องเมย์ก็รู้สึกตัว เห็นปฐวียืนอยู่ หนูน้อยร้องเรียกเบาๆ ปฐวีหันมาผวาเข้ากอดหลานรัก หมอหนึ่งที่ยืนดูอยู่ถอนใจโล่งอกแล้วค่อยๆ เลี่ยงออกจากห้องไป
“ฉันอยู่ที่ไหน...” น้องเมย์มองไปรอบๆ ปฐวีฟังแล้วอึ้ง ถอยออกมาพึมพำ
“คุณไม่ใช่น้องเมย์...”
“ฉันขอโทษ...” ตันหยงในร่างน้องเมย์ทำท่าจะร้องไห้ ปฐวีมองด้วยความสงสาร ค่อยๆเข้าไปดึงร่างน้องเมย์ไปกอดไว้แน่น... ตันหยงร้องไห้ด้วยความอัดอั้นในอ้อมกอดปฐวี...
คุณหญิงรู้เรื่องขโมยขึ้นบ้านประภัสสร ท่านเป็นห่วงสองแม่ลูก พอรู้ว่าปลอดภัยและปฐวีพาน้องเมย์ส่งโรงพยาบาลแล้วก็จะไปเยี่ยม
“คุณวีสั่งว่าอย่าเพิ่งไปเลยค่ะ ไว้พรุ่งนี้ดีกว่า ให้คุณภัสกับคุณเมย์พักให้หายตกใจก่อน” แม่วาดบอก
ทันใดนั้น ปรางค์ทิพย์ร้องไห้โฮออกมา ทั้งคุณหญิงและแม่วาดต่างตกใจแปลกใจ คุณหญิงถามว่าเป็นอะไร ประภัสสรกับน้องเมย์ปลอดภัยแล้ว ไม่ต้องร้อง
“คุณยายขา...ปรางค์ขอโทษ...ปรางค์ไม่ดีเอง ปรางค์ขอโทษ...” ปรางค์ทิพย์ร้องไห้ฟูมฟาย
ooooooo
ที่ห้องพักน้องเมย์ ปฐวีนั่งที่โซฟามองตันหยงในร่างน้องเมย์ที่หลับอยู่บนเตียง ถามในใจอย่างเจ็บปวด...
“น้องเมย์...หนูอยู่ไหน...”
พอดีเมธีผลักประตูเข้ามาอย่างร้อนใจถามว่าน้องเมย์เป็นอย่างไรบ้าง
“ปลอดภัยดีครับพี่เมธี หลับไปแล้ว” เมธีถามว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร แล้วประภัสสรล่ะ “พี่ภัสกับลูกในท้องปลอดภัยดีครับ อยู่ห้องถัดไปนี่เอง”
เมธีขอไปดูประภัสสร ฝากเขาดูน้องเมย์ด้วย ปฐวี ถอนใจ ลุกไปที่โต๊ะนั่งมองน้องเมย์อย่างสับสน
ปฐวีนั่งมองอยู่อย่างนั้น จนตันหยงในร่างน้องเมย์ตื่นขึ้นมา เธอถามเขาอย่างสะเทือนใจว่าไม่ได้นอนเลยหรือ
“ผมเป็นห่วงคุณ”
ตันหยงมองเขาอย่างซาบซึ้งใจ ในขณะที่ปฐวีเมินหน้าไปทางอื่นอย่างไม่อาจทนกับสายตาคู่นั้นได้ พอดีสุดนภาผลักประตูพรวดเข้ามาอย่างตกใจ เธอถลาเข้าถามตันหยง
“หยง...แกเป็นไงบ้าง” ร้องทักแล้วชะงักเมื่อเห็นปฐวีนั่งอยู่ด้วย พอนาวินตามเข้ามาก็ทักปฐวีว่าอยู่นี่หรือ
“ผมขอตัวก่อนนะครับคุณบี๋” ปฐวีลุกเดินออกไป สุดนภายิ้มเจื่อนๆ อย่างรู้สึกผิด นาวินมองปฐวีแล้วเดินตามไปและเมื่อสองหนุ่มลับตาไปแล้ว สุดนภาถามตันหยง “มันเกิดอะไรขึ้น ฉันเป็นห่วงแกแทบแย่...โชคดีที่แกไม่เป็นอะไร”
“บี๋...ตอนที่ฉันโดนทำร้าย วิญญาณฉันออกจากร่างน้องเมย์ ไปเข้าร่างฉัน...”
“ถ้างั้น...ก็หมายความว่า...”
“ใช่...ถ้าฉันจะกลับร่างเดิม เราก็ต้องเสียน้องเมย์ไป” ตันหยงเศร้ามาก สุดนภาถึงกับทรุดนั่งอย่างหมดแรง
ooooooo
นาวินไปดื่มกาแฟกับปฐวีที่ห้องทำงานของเขา ถามว่าเขามีศัตรูที่ไหนหรือเปล่าถึงมีคนคิดปองร้ายครอบครัวแบบนี้
ปฐวีคาดว่าอาจจะเป็นโจรทั่วไปที่หวังชิงทรัพย์ เมื่อรู้ว่าปฐวียังไม่ได้ไปแจ้งความ นาวินจึงอาสาไปแจ้งความให้ ปลอบใจเพื่อนว่า
“แกอย่าเพิ่งคิดอะไรเลย กลับไปดูพี่สาวกับหลานแกก่อนเถอะ” พอปฐวีมองหน้า นาวินรีบบอก “เฮ้ย ยังไงตอนนี้เขาก็ยังเป็นหลานแกอยู่น่า ไปสอบถามเหตุการณ์ด้วย ไป...” แล้วพากันออกไป
ปฐวีเข้าไปในห้องน้องเมย์ เห็นประภัสสรนั่งอยู่ด้วย เธอถามว่าน้องเมย์ต้องอยู่โรงพยาบาลไหม เขาบอกว่าคงต้องอยู่ดูอาการให้แน่ใจสักสองสามคืน ส่วนตัวเธอไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
นาวินบอกว่าไม่ต้องห่วงตนแจ้งความไว้แล้ว เมธีถามว่าเธอจำหน้าคนร้ายได้ไหม ประภัสสรไม่แน่ใจ
“น้องเมย์จำได้แล้วค่ะ” ตันหยงในร่างน้องเมย์บอกว่าเคยเห็นชัยกับขวดที่ลานจอดรถซุปเปอร์มาร์เกต บอกทุกคนว่า “วันนั้น...ผู้ชายคนนั้น อยู่กับป้าปรางค์!!”
ปฐวีมองหน้าน้องเมย์ตะลึง!
ooooooo










