ตอนที่ 10
ปฐวีพาน้องเมย์กลับมาที่ห้องทำงาน ให้นั่งอยู่ในห้องแล้วตัวเองก็ก้มหน้าก้มตาทำงาน บรรยากาศ อึดอัด จนเมื่อปฐวีถามขึ้นว่าหิวไหม น้องเมย์บอกว่า ไม่หิว ถามว่าน้าวีงานยุ่งมากหรือ
“ใช่ อยากช่วยน้าวีไหมล่ะ” น้องเมย์ไม่ทันตอบเขาก็ส่งไอแพดให้ “ช่วยหาข้อมูลเรื่องการปลูกถ่ายอวัยวะหน่อย คนไข้ของน้าวีเขาสนใจ”
“ได้ค่ะ” น้องเมย์รับไอแพดไปค้นหาข้อมูลอย่างคล่องแคล่ว ครู่เดียวก็เสร็จ ปฐวีสั่งให้ปรินต์ออกมาด้วยตนกำลังยุ่งไว้ค่อยอ่านทีหลัง น้องเมย์ก็ปรินต์ให้อย่างชำนาญ เสร็จแล้วเอาไปวางไว้บนโต๊ะ ปฐวีแอบสังเกตตลอดเวลา
“ขอบคุณมาก น้องเมย์ช่วยได้เยอะเลย” แล้วเขาก็กดอินเตอร์คอมเรียกจริญทิพย์เข้ามา ขอกาแฟหนึ่งที่ ถามน้องเมย์จะเอาอะไร น้องเมย์ขอชา
จริญทิพย์ท้วงติงว่าน้องเมย์ดื่มชาเดี๋ยวท้องผูก เสนอให้เอาโกโก้แทนดีกว่า น้องเมย์นึกได้เปลี่ยนเป็นเอาโกโก้ แล้วหันมองปฐวีเห็นเขาก้มหน้าก้มตาทำงานจึงขออนุญาตไปหาครูบี๋
“จะไปทำไมล่ะ น้องเมย์อยากมาหาน้าวีไม่ใช่หรือ”
“ก็น้าวีทำงาน คุยกับน้องเมย์ไม่ได้นี่คะ”
“งั้นน้องเมย์อยากคุยอะไรล่ะ” เจอคำถามนี้ น้องเมย์ก็ตอบไม่ออก พอดีจริญทิพย์เอาเครื่องดื่มเข้ามา เลยได้โอกาส “เอ่อ...น้องเมย์ไปหาครูบี๋ดีกว่า จะได้ไม่กวนน้าวีด้วย ให้ป้าทิพย์พาไปก็ได้นะคะน้าวี”
จริญทิพย์หน้าตึงที่ถูกเรียกป้า พอดีปฐวีอนุญาตแต่ต้องมาเจอกันที่นี่เพื่อกลับบ้านพร้อมกัน น้องเมย์ดีใจมากรีบตามจริญทิพย์ออกไป ปฐวีมองตามอย่างสังเกต
เมื่อจริญทิพย์พาน้องเมย์ไปถึงห้องตันหยง ทำท่าจะพาเข้าไปส่งในห้อง น้องเมย์รีบเบรก
“ไม่เป็นไรค่ะ ถึงแล้ว พี่ทิพย์กลับเข้าไปดูแลน้าวีเถอะนะคะ” จริญทิพย์ยิ้มแก้มแทบปริที่น้องเมย์เปลี่ยนมาเรียกพี่ ทำอิดออดนิดหน่อยแล้วเดินกระชุ่มกระชวยกลับไป
ooooooo
พอตันหยงในร่างน้องเมย์เข้าไปในห้อง เห็นพิรามกุมมือตันหยงอยู่ เธอเลือดขึ้นหน้า ตรงไปชี้หน้าสั่งให้ปล่อยมือตนเดี๋ยวนี้ พิรามมองงงๆถามว่าเราเคยรู้จักกันหรือ
“ไปให้พ้น คุณทำให้ฉันเป็นแบบนี้ ตอนนี้จะมาทำดีเพื่ออะไร ออกไปนะ ออกไป!” ตันหยงกระชากแขนพิรามออก
สุดนภาปรี่เข้ามาขอร้องตันหยงในร่างน้องเมย์ให้ใจเย็นๆ บอกเพื่อนรักว่าถึงพูดไปพิรามก็ไม่เข้าใจหรอก แล้วขอร้องพิรามให้กลับไปก่อน เดี๋ยวตนจะอธิบายทุกอย่างให้ฟังเอง
พิรามยังติดใจถามว่าเด็กคนนี้เป็นใคร สุดนภาตัดบทเร่งให้เขารีบออกไปก่อน จนพิรามออกไปอย่างไม่เต็มใจ เธอจึงหันมาบอกตันหยงที่ปิดหน้าร้องไห้อยู่ว่า
“ใจเย็นหยง แกต้องตั้งสติไว้ก่อน...จนป่านนี้แกยังไม่ให้อภัยเขาอีกหรือหยง” ตันหยงถามว่าแล้วไม่เห็นหรือว่าเขาทำอะไรไว้กับตน “ฉันเห็น และเข้าใจแกทุกอย่าง แต่ฉันก็เห็นสิ่งที่พิรามเขาพยายามทำด้วย แก รู้ไหมเขามาอ่านหนังสือ มานั่งคุยกับแกทุกวัน ฉันเห็นกระทั่งวันที่เขาตัดเป็นตัดตายกับแม่พัดชา”
ตันหยงหาว่าเพื่อนเข้าข้างพิราม สุดนภาชี้แจงว่าตนแค่อยากบอกให้เธออภัยให้พิรามได้แล้ว เพราะเขาน่าสงสารมาก เขาสำนึกผิดแล้วจริงๆ
“ฉันไม่อยากฟัง เขาทรยศความรักของฉัน เขาทำลายความรู้สึกดีๆทุกอย่าง”
“ถ้าแกจะไม่อภัยให้พิราม ฉันก็เข้าใจ แต่คนที่จะทุกข์ที่สุดคือแกนะหยง คิดดีๆนะเพื่อน...ฉันพูดในสิ่งที่ฉันรู้ แต่แกจะตัดสินใจยังไง ฉันเคารพการตัดสินใจของแกนะหยง”
พิรามออกไปแล้วยังบ่นอย่างเข้าใจไม่ได้ว่า “เด็กคนนี้เป็นใคร จู่ๆก็มาไล่เรา ทำอย่างกับโกรธแค้นอะไรกันมา”
อีกมุมหนึ่ง ปฐวียืนกอดอกมองพิรามที่เดินออกไป สีหน้าเครียดๆ
ooooooo
จนเมื่อได้เวลากลับบ้าน น้องเมย์นั่งปั้นปึ่งมองไปนอกรถตลอดทาง ส่วนปฐวีก็คอยชำเลืองอย่างสังเกต พอถึงบ้านน้องเมย์เปิดประตูรถลงเองแล้วเดินปึ่งเข้าบ้าน จนเมธีที่มารับถามว่างอนอะไรน้าวีหรือเปล่า
ปฐวีถามถึงประภัสสร เมธีบอกว่าเห็นบ่นๆว่าเวียนหัวสงสัยจะไม่ค่อยสบาย ปฐวีจึงขึ้นไปดู ซักถามอาการแล้วความห่วงใยก็กลายเป็นยินดีเมื่อประภัสสรบอกว่า อาจเป็นข่าวดี ตนอาจจะมีน้องให้น้องเมย์ก็ได้
“จริงหรือครับ ผมดีใจด้วย แล้วพี่เมธีรู้หรือยังครับเนี่ย”
“พี่จะรอให้แน่ใจก่อนค่อยบอก” สองพี่น้องยิ้มให้กันอย่างปีติยินดี
แต่ความมาแตกเสียก่อน เมื่อถึงเวลาอาหารเย็น ประภัสสรเข้านั่งโต๊ะได้กลิ่นกระเทียมในผัดผักแล้วคลื่นไส้ คุณหญิงทักอย่างผู้มีประสบการณ์ว่าสงสัยจะมีข่าวดี เมธีมองหน้าประภัสสรอย่างตื่นเต้น เธอเลยต้องยอมรับว่าอยากรอให้แน่ใจก่อนค่อยบอก
เมธีดีใจมากเตือนประภัสสรว่าต่อไปนี้ต้องระวังตัว อยากทานอะไรเป็นพิเศษให้บอก ส่วนคุณหญิงหันไปทางน้องเมย์พูดอย่างยิ้มแย้มยินดีว่า “งานนี้เจ้าเมย์คงจะไม่เหงาแล้วล่ะสิ”
ตันหยงในร่างน้องเมย์ทั้งดีใจทั้งเศร้าระคนกัน
เย็นนี้ปฐวีให้สายแก้วจัดอาหารขึ้นไปให้ข้างบน เพราะค้นคว้าครุ่นคิดติดพันเรื่องตันหยงในร่างน้องเมย์ เขาทบทวนเหตุการณ์เกี่ยวกับน้องเมย์ที่ผ่านมาที่น้องเมย์บอกหลายครั้งว่าตนไม่ใช่น้องเมย์ กระทั่งบอกตรงๆ ว่าตนคือตันหยง
แต่ตลอดมา เขาไม่ได้เอะใจ จนมาถึงวันนี้พฤติกรรมและความจริงหลายอย่างทำให้เขาต้องมาคิดทบทวน เขาถามตัวเองว่า
“คนที่อยู่ในร่างน้องเมย์ คือคุณหรือตันหยง...”
ooooooo
บุญศรีมาได้ยินเรื่องประภัสสรมีน้องที่ห้องครัว คาบข่าวจะไปบอกปรางค์ทิพย์ที่กำลังเครียดเรื่องถูกเสกสรรหลอกเอาเงินไปผลาญจนขาดทุนย่อยยับ แต่บอกได้แค่เรื่องคุณหญิงให้ไปหาที่บ้าน ปรางค์ทิพย์ก็หัวเสียพรวดพราดออกไปจนบุญศรีไม่ทันบอกเรื่องประภัสสรมีน้อง
คุณหญิงให้ปรางค์ทิพย์มาพบเพราะเห็นเสกสรรไม่กลับบ้านมาหลายวันแล้ว ปรางค์ทิพย์กล้ำกลืนบอกช่วงนี้เขามีงานยุ่ง
“จนป่านนี้เจ้ายังคิดจะปกปิดยายอีกหรือ เฮ้อ...แม่ปรางค์เอ๊ย ยายอยากจะเตือนสติเจ้านะว่าอย่าใช้แต่อารมณ์ ต้องมีเหตุผล ดูครอบครัวแม่ภัสกับพ่อเมธีเป็นตัวอย่างสิ มีปัญหากันไม่เข้าใจกันจนมีคนอื่นเข้ามาแทรก แต่สุดท้ายสองคนก็ยอมลดทิฐิกลับมาปรองดองกันเหมือนเดิม ยายอยากเห็นครอบครัวเจ้าเป็นแบบนั้นบ้างนะแม่ปรางค์”
“ค่ะคุณยาย ปรางค์จะจำไว้” ปรางค์ทิพย์รับคำอย่างกดดัน แต่พอคุณหญิงบอกว่าครอบครัวประภัสสรกำลังจะมีสมาชิกใหม่เร็วๆนี้ ปรางค์ทิพย์ตะลึงอึ้ง พึมพำหน้าเครียด “ยัยภัสจะมีลูกอีกคนหรือ”
ออกจากบ้านคุณหญิง ปรางค์ทิพย์เจอเมธี ประภัสสรและน้องเมย์เดินจูงกันมา ประภัสสรชวนพี่สาวทานข้าวกลางวันด้วยกันไหม
“ฉันกินไม่ลงหรอก ถ้าต้องทนร่วมโต๊ะกับหล่อน” ปรางค์ทิพย์ตะคอกตีหน้ายักษ์ใส่
เมธีทนไม่ได้ติงว่าบอกกันดีๆ ก็ได้ ทำไมต้องตะคอกด้วย ก็ถูกตวาดกลับมาว่า “ฉันพูดกับน้องฉันแกมาเกี่ยวอะไรด้วย ไอ้บ้านนอก” เมธีฉุนจะเอาเรื่อง ประภัสสรรีบฉุดแขนไว้บอกให้ใจเย็นๆ แล้วชวนกันเข้าบ้าน ยังไม่วายถูกปรางค์ทิพย์พูดดูถูกตามหลังว่า
“ก็เพราะเธอเป็นแบบนี้น่ะสิ ไม่ว่าผัวจะชั่วจะเลวแค่ไหน หล่อนก็ทนรับสภาพอยู่ได้ ไม่เรียกโง่แล้วเรียกอะไร ฉันละสมเพชหล่อนจริงๆแม่ภัส”
“คุณปรางค์ พูดแบบนี้ต่อหน้าลูกผมหรือ” เมธีจะเอาเรื่อง
“ทำไมฉันจะพูดไม่ได้ แกมันก็ไอ้แค่เด็กบ้านนอกมาพึ่งใบบุญบ้านฉัน ถ้าคุณยายไม่เมตตา นังภัสไม่ใฝ่ต่ำคว้าแกมาเป็นผัว แกจะมีวันนี้หรือ” เมธีโมโหจ้องหน้าเขม็ง “มองทำไม มองแล้วแกจะทำอะไรฉันได้ ไอ้กระจอก!”
ประภัสสรรีบดึงเมธีไว้มองเขาอย่างขอร้องไม่อยากให้มีเรื่อง เมธีจึงสงบลง พูดอย่างรับไม่ได้ว่า
“ผมไม่อยากเชื่อเลยว่า คุณภัสจะมีพี่น้องนิสัยต่างกันขนาดนี้ และก็ขอบคุณที่คุณดูถูกเหยียดหยามผม ทำให้ผมต้องพิสูจน์ตัวเอง คุณทำให้ผมมีวันนี้ และผมก็ดีใจที่มีภรรยาอย่างคุณภัสไม่ใช่คุณ”
ปรางค์ทิพย์อึ้งอย่างคาดไม่ถึงว่าจะถูกย้อนเอาอย่างเจ็บแสบ เมธีไม่สนใจชวนประภัสสรกับน้องเมย์ไปทานข้าวกันดีกว่า แล้วโอบเมียจูงลูกเดินเข้าบ้านไป
ปรางค์ทิพย์มองตาลุกก่อนที่จะแผดเสียงกรี๊ดออกมา พอกลับถึงบ้านตัวเองก็ค้นหานามบัตรออกมา ยิ้มร้าย
“หน็อยแน่ะ...อย่าคิดว่าแกจะมีความสุขได้เลย คราวนี้ละ ตาฉันบ้าง!”
ooooooo
สุดนภาเป็นห่วงตันหยง วันนี้จึงโทร.มาถามว่าจะทำอย่างไรต่อไป ตันหยงในร่างน้องเมย์บอกว่าต้องไปเริ่มต้นที่ร่างของตนอีกที สุดนภาท้วงติงว่าเธอเคยเริ่มแล้วไม่ได้ผลไม่ใช่หรือ
“หรือถ้ามีเหตุการณ์มันซ้ำรอยเดิมอีกครั้งหนึ่ง ฉันกับน้องเมย์เกิดอุบัติเหตุพร้อมกัน แล้วฉันก็เจอกับน้องเมย์ ถ้าฉันทำให้มันเกิดอีกครั้ง ทุกอย่างก็อาจจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม”
สุดนภาตกใจถามว่า แล้วถ้าไม่สำเร็จล่ะ ตันหยงคิดแล้วเปลี่ยนใจ เพราะถ้าไม่สำเร็จนอกจากตนจะไม่ฟื้นแล้ว อาจจะทำร้ายน้องเมย์อีกด้วย สุดนภาให้กำลังใจว่าเราค่อยหาทางกันไปเรื่อยๆดีกว่า
“ฉันว่าคงต้องอยู่อย่างนี้ไปตลอดชีวิตแล้วล่ะ” สุดนภาบอกว่าอย่าเพิ่งสิ้นหวัง เอะใจถามว่าคิดว่าหมอปฐวีรู้เรื่องนี้ไหม “ไม่น่านะ เขาเป็นคนไม่เชื่อเรื่องอะไรแบบนี้อยู่แล้ว”
หารู้ไม่ว่า ปฐวีกำลังคิดค้นคว้าเรื่องนี้จนไม่เป็นอันกินอันนอน วันนี้เลิกงานแล้วก็ยังค้นคว้าอยู่ในห้องทำงานที่โรงพยาบาล
ooooooo
ปรางค์ทิพย์ไปหาฉัตรพรตามนามบัตรที่ค้นเจอ เพื่อจ้างเธอทำอะไรสักอย่าง และคืนนี้เมื่อฉัตรพรกลับถึงบ้านก็ถูกชัยน้องชายมาขอเงินค่างวดรถ เธอจึงจ้างชัยทำงานเพื่อแลกกับเงิน
รุ่งขึ้น ปรางค์ทิพย์นัดพบกับฉัตรพรและชัยที่ร้านอาหารในซุปเปอร์มาร์เกตใกล้บ้าน แนะนำให้รู้จักกัน ปรางค์ทิพย์นัดคราวหน้าจะเอาเงินและแผนที่มาให้
บังเอิญประภัสสรพาน้องเมย์ออกมาซื้อของ น้องเมย์เห็นปรางค์ทิพย์คุยกับฉัตรพร ชัยและขวด เธอจำทั้งสองคนได้นึกสงสัยว่าปรางค์ทิพย์คุยอะไรกัน พอดีประภัสสรชำระเงินเสร็จมาจูงน้องเมย์กลับ เห็นน้องเมย์ยังเหลียวหลังมองพวกปรางค์ทิพย์อยู่ ถามว่า มองอะไร น้องเมย์บอกว่าเปล่า แต่ก็ยังเหลียวมองพวกนั้นจนลับตา
ooooooo
หมอหนึ่งชวนปฐวีไปทานข้าวกลางวันกันที่ร้านอาหารในโรงพยาบาล เห็นเขาเครียดๆ ถามว่าหนักใจอะไรหรือ?
“เราเรียนแทบตาย เมื่อก่อนผมคิดว่าอะไรที่วิทยาศาสตร์อธิบายไม่ได้เป็นเรื่องเหลวไหล แต่ความจริงแล้วสิ่งที่เราเรียนรู้มาทั้งชีวิต อาจตอบไม่ได้ทุกเรื่อง”
หมอหนึ่งรู้สึกเขาพูดแปลกๆ ปฐวีบอกว่า บาง สิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้ ใช่ว่าจะไม่มีจริง
“เรื่องบางเรื่องวิทยาศาสตร์อธิบายไม่ได้ ไม่ใช่มันไม่มีจริงนะคะ แต่อาจเป็นเพราะเรายังมีความรู้ไม่พอก็เป็นได้”
หมอหนึ่งยกเรื่องโลกเป็นศูนย์กลางของจักรวาลมาอธิบาย ปฐวีถามว่าแล้วถ้าเป็นเรื่องวิญญาณล่ะเราจะเอาอะไรมาอธิบาย หมอหนึ่งถามงงๆ ว่าเขาเชื่อเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ ปฐวีตัดบทว่าตนก็แค่คิดเรื่อยเปื่อย ชวนทานอาหารกันดีกว่า
ทานอาหารเสร็จผ่านร้านขายดอกไม้ในโรงพยาบาล ปฐวีให้หมอหนึ่งขึ้นไปก่อนตนขอทำธุระสักประเดี๋ยว หมอหนึ่งทำทีเดินไปแต่แอบมองอยู่ เห็นเขาซื้อดอกไม้แล้วเอาไปเสียบที่แจกันห้องตันหยง พึมพำกับร่างที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง...
“จริงๆ คุณฟื้นแล้ว แต่ไปฟื้นในร่างของหลาน สาวผม แล้วหลานของผมล่ะ อยู่ที่ไหน”
หมอหนึ่งแอบดูแอบฟังอยู่ที่หน้าห้อง เธอมองเขาอย่างกังวลใจ แล้วค่อยๆ เลี่ยงไป
เมื่อกลับถึงบ้าน เจอน้องเมย์รออยู่ เขาถามน้ำเสียงเป็นการเป็นงานว่าดึกแล้วยังไม่นอนหรือ น้องเมย์บอกว่ารอน้าวีอยู่ เขาฝืนยิ้ม บอกน้องเมย์อย่างห่างเหินว่า “ไปนอนเถอะครับ น้าวีขอตัวไปพักก่อน” ทำให้น้องเมย์แปลกใจถามว่าโกรธอะไรตนหรือ ปฐวีได้แต่มองนิ่ง แล้วเดินต่อ
“หรือ...เขารู้ความจริงแล้ว...” น้องเมย์ฉุกคิดแล้วตกใจ...กลัวความจริงจะถูกเปิดเผย
รุ่งขึ้นเมื่อไปทานอาหารที่บ้านคุณหญิง ปฐวีกับตันหยงในร่างน้องเมย์มองหน้ากันนิ่งแล้วเขาก็เมินไปทางอื่นแทน น้องเมย์ได้แต่ก้มหน้าใจคอไม่ดี
ที่แท้ ปฐวีค้นคว้าเคสคนไข้ที่มีอาการแบบเดียวกับตันหยง มีหลายรายที่คนไข้ฟื้นขึ้นมาด้วยการรักษาโดยวิธีการต่างกัน แต่เขาไม่เปิดเผยเรื่องนี้กับหมอหนึ่งซึ่งเป็นเจ้าของไข้ จนวันหนึ่ง หมอหนึ่งมาเห็นแฟ้มเอกสารนี้ของเขา เธอจึงแอบเอาไปให้พิราม แนะนำว่าที่ต่างประเทศ เคยมีกรณีอย่างตันหยงและบางรายก็รักษาได้
บุหงา พินิจ และพิรามมีความหวังขึ้นมา วางแผนจะพาตันหยงไปรักษาที่ต่างประเทศ แต่พอปฐวีรู้ เขาขอหมอหนึ่งให้โอนตันหยงมาอยู่ในความดูแลของตน หมอหนึ่งติงว่าทางครอบครัวตันหยงกำลังเตรียมจะพาเธอไปรักษาที่ต่างประเทศแล้ว
“ไม่ว่ามันจะมีเวลาแค่ไหนก็ตาม ผมอยากจะรักษาคุณตันหยง ผมจะเริ่มต้นใหม่ตั้งแต่ต้น...ถ้ามันยังมีเวลาเหลือ ผมจะไม่มีวันยอมแพ้”
รุ่งขึ้น ปฐวีมายืนอย่างใช้ความคิดที่ริมน้ำสวนหลังบ้าน เขาถามตัวเองว่าจะทำอย่างไรตันหยงถึงจะฟื้นแล้วน้องเมย์จะกลับเข้าร่างเดิมได้ พอดีน้องเมย์มาเจอทักว่าเมื่อคืนกลับดึกจัง ปฐวีเผลอชวนน้องเมย์เดินเล่น แต่พอนึกได้ว่านั่นไม่ใช่น้องเมย์หลานรักของตน เขาก็ทำตัวห่างเหิน จนน้องเมย์ถามว่า
“น้าวีขา น้องเมย์คิดว่าน้าวีกำลังหลบหน้าน้องเมย์นะคะ มันเกิดอะไรขึ้น ตอบน้องเมย์สิคะ”
“งั้นตอบน้าวีมาก่อน น้องเมย์มีเรื่องอะไรปิดบังอยู่บ้าง หรือมีอะไรอยากจะบอกน้าวีไหม”
ตันหยงถามตัวเองในใจว่าถ้าตนพูดความจริงออกไปเขาจะเกลียดตนไหม ตัดสินใจพูด “น้าวีคะ... ฉันไม่ใช่...”
น้องเมย์หยุดกึก พูดไม่ออก จนปฐวีเตือนว่า “พูดสิ น้าวีรอคำตอบอยู่นะ” น้องเมย์มองหน้าเขาหวาดๆ แล้วส่ายหน้า “งั้นเราคงไม่มีอะไรต้องพูดกัน” ปฐวีดึงมือน้องเมย์ออกแล้วลุกไป
“น้าวี!...” น้องเมย์อุทานเรียก มองตามหน้าเศร้า...
ooooooo










