สมาชิก

อาคม

ตอนที่ 13

อัลบั้ม: "อาคม" ละเครแนวสืบสวน-แฟนตาซี ได้ "เจมส์ มาร์" ประกบ "มาร์กี้"

คิมมีอาการทุรนทุรายเพราะพลังมืด แดนตกใจมาก พยายามยับยั้งอาการคลุ้มคลั่งแต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้มาก โชคดีที่คิมสลบและสงบไปเอง พร้อมการปรากฏตัวของฮันเตอร์

แดนเป็นห่วงคิมมาก กว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกตัวก็ลุ้นแทบแย่

“เกิดอะไรกับพี่กันแน่ ผมว่าอาการพี่คิมแปลกๆนะ”

ฮันเตอร์ถอนใจยาว ก่อนอธิบายเสียงเรียบ “เพราะแกฝึกพลังตอนช่วยหมอคนนั้นไง จำได้รึเปล่าฉันเคยเตือนแกแล้วว่าถ้าจะฝึกวิชานี้มันเสี่ยง ถ้าแกฝึกไม่สำเร็จ แกอาจจะกลายเป็นปีศาจหรือเสียสติได้”

“แต่เรื่องมันผ่านไปตั้งนานแล้ว ทำไมอยู่ๆผมถึงเพิ่งมีอาการแบบนี้ได้ล่ะครับ”

“ตอนนั้นแกไม่เป็นอะไรเพราะแกไม่ได้ใช้อาคมในทางไม่ดี แต่พอแกกลับมาล้างแค้น พลังด้านมืดในจิตใจของแกเลยกลับมาครอบงำจิตใจของแก แกจะกลายเป็นครึ่งคนครึ่งปีศาจและจะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้”

เพราะอาการดังกล่าวทำให้คิมเปลี่ยนใจไม่ไปพบเอื้อกานต์ คุณหมอสาวเสียใจแต่คาใจมากกว่าเพราะเชื่อว่าเขาไม่ใช่คนโลเล ต้องมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้เขาไม่มาตามนัด...

คิมกลุ้มใจมากเรื่องอาการผีเข้าผีออกของตน ฮันเตอร์ต้องเตือนให้ตั้งสติดีๆ

“แกต้องระวัง...โดยเฉพาะเวลาที่แกโกรธ ถ้าแกไม่สามารถกดจิตใจด้านมืดได้ ปีศาจก็จะครอบงำ แกจะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้แล้วจะกลายเป็นอีกคนหนึ่ง แกต้องพยายามข่มจิตตัวเองให้เป็นกลางให้ได้”

“แล้วทำยังไงผมถึงจะหาย”

“ไม่มีวิธีที่แน่นอน แต่คงต้องใช้พลังที่ตรงข้ามกับพลังมืดในตัวของแก”

“พลังที่ตรงข้ามเหรอ...”

พลังตรงข้ามคือแบบไหน คิมก็คิดไม่ตก พยายามฝึกสมาธิด้วยวิธีต่างๆแต่ก็ยังควบคุมพลังด้านมืดได้

ไม่ดีนัก และวันหนึ่งพลังมืดก็แผลงฤทธิ์ ทำให้คิมสติแตกและคลุ้มคลั่งจะออกไปฆ่าศักดิ์ชาย!

แดนที่มาดูแลด้วยความเป็นห่วงพยายามขัดขวาง แต่ก็ถูกเล่นงานสะบักสะบอม ต้องโทร.ตามเอื้อกานต์ไปช่วย คุณหมอสาวตกใจมาก รีบผละไปห้องพักของศักดิ์ชาย ทันเวลาที่คิมในสภาพชายสวมหน้ากากมาถึงพอดี

เสียงร้องห้ามของคุณหมอสาวทำให้คิมได้สติ วิ่งหนีไปถึงสวนสาธารณะ เอื้อกานต์รีบตามไปด้วยความเป็นห่วง เห็นเขาดิ้นพล่านด้วยความทรมานก็อยากช่วยรักษา แต่เขาก็ผละหนี

“คุณคงกลัวผมแล้วใช่ไหม...ผมไม่ใช่คนเดิมแล้ว คุณรีบไปเถอะ ก่อนที่ผมจะทำร้ายคุณ”

“เอื้อไม่กลัวพี่กลดหรอกค่ะ...เอื้อจำได้ว่าพี่คือพี่กลด เอื้อไม่ได้ถูกลบความจำ”

“เอื้อจำพี่ได้เหรอ”

“ค่ะ...พี่กลดยังมีเอื้อนะคะ กลับมาเป็นคนเดิมเถอะนะคะ”

พูดพลางขยับไปใกล้ คิมรีบถอยหลัง ห้ามเสียงหลง

“อย่าเข้ามานะ...พี่ขอร้อง พี่ไม่อยากทำร้ายคนที่ตัวเองรัก”

เอื้อกานต์ไม่ถอย แต่โผไปกอดเขาจากด้านหลัง

“พี่กลดเป็นแบบนี้เพราะรักษาเอื้อ เอื้อจะทิ้งพี่กลดไปได้ยังไง”

น้ำตาของเอื้อกานต์ทำให้คิมใจอ่อนยวบ ค่อยๆ หมุนตัวไปเผชิญหน้า

“ตอนเอื้อไม่สบาย พี่กลดก็ใช้อาคมรักษาเอื้อ เอื้อจะรักษาพี่กลดเอง”

“เอื้อจะมารักษาพี่ได้ยังไง...”

เอื้อกานต์ไม่บอก แต่โถมตัวจูบเขาด้วยความรักสุดหัวใจ คิมตะลึงมาก ก่อนจะเคลิ้มจูบตอบอย่างดูดดื่ม ถ่ายทอดความรักลึกซึ้งที่มีให้กันและกันตลอดมา

ooooooo

ที่แท้พลังตรงข้ามของฮันเตอร์ก็คือพลังแห่งรัก คิมไม่อยากเชื่อแต่ก็ได้สัมผัสด้วยตัวเองเมื่อความรักบริสุทธิ์ของเอื้อกานต์ทำให้เขาได้สติจากพลังมืดและสงบลงในที่สุด

แต่กระนั้น...พลังมืดของเขาก็ไม่น่าตกใจเท่าเรื่องเอื้อกานต์ปกปิดความจริงที่ไม่ได้ถูกเขาลบความทรงจำมาตลอด แม้เธอจะอ้างว่าไม่อยากให้เป็นห่วง แต่เขาก็อดฉิวไม่ได้

“พี่กลดอยากหลอกเอื้อ ล้างสมองเอื้อก่อนทำไม เอื้อแค่รอ...อยากให้พี่กลดบอกความจริงกับเอื้อเอง”

“ความจริงที่พี่นัดเอื้อ พี่ก็ตั้งใจจะบอกความจริง พี่อยากจะเริ่มต้นชีวิตใหม่กับเอื้อ...แต่ก็ดันเกิดเรื่องซะก่อน พี่เลยไม่ได้ไปหาเอื้อ คงเป็นเวรกรรมของพี่ เป็นบทลงโทษที่พี่ต้องรับ ต้องชดใช้กรรมในสิ่งที่พี่เคยทำร้ายคนอื่น”

“ทุกคนต่างก็ต้องมีกรรมของตัวเองทั้งนั้น เพียงแต่ได้รับในรูปแบบที่แตกต่างกัน”

“ขอโทษนะที่ผิดสัญญาว่าจะไม่ทำร้ายใคร สุดท้ายพี่ก็ไม่ต่างจากคนชั่วที่ทำร้ายคนอื่น”

“แต่พี่กลดไม่ได้ใช้อาคมเพื่อทำร้ายใคร แต่ใช้อาคมเพื่อปกป้องคนที่ไม่มีทางสู้”

กำลังใจจากเอื้อกานต์ทำให้คิมปลื้มใจมาก

“ขอบคุณนะ ฟังเอื้อพูด...พี่ก็รู้สึกดีขึ้นมาหน่อย”

“ไม่ว่าพี่กลดจะเป็นแบบไหน ต่อไปนี้เอื้อจะดูแลเอง เอื้อจะรักษาพี่จนกว่าพี่จะหายเป็นปกติ”

“รักษาแบบนี้น่ะเหรอ...”

พูดจบก็โน้มตัวจูบเธออีกรอบ เอื้อกานต์ไม่ทันตั้งตัวตกใจมาก ผละจากเขาเขินๆ คิมชอบใจ ยินดีที่ได้ปรับความเข้าใจกับเธอ และเขาก็ตัดสินใจจะไม่แยกจากเธออีกต่อไปแล้ว...

คิมกับเอื้อกานต์กลับมาเป็นคนรักกัน คนรอบข้างโดยเฉพาะทีเกื้อกับแดนดีใจมาก ยินดีที่ทั้งสองฝ่าฟันอุปสรรคจนถึงวันนี้ แต่กระนั้นเรื่องพลังมืดของคิมก็ยังเป็นปัญหา เจ้าตัวพยายามฝึกจิตทุกทางแต่ก็ยังควบคุมไม่ได้ดี เอื้อกานต์เห็นใจเขามาก แวะเวียนมาหาและให้กำลังใจเขาตลอด

กำลังใจจากคนรักทำให้คิมฮึดสู้ แต่ก็อดบ่นไม่ได้

“พี่อุตส่าห์ล้างมลทินให้ครอบครัวได้ อยากเริ่มต้นชีวิตใหม่แบบคนปกติ แต่ก็เหมือนมีกรรมต้องมาเจอเรื่องนี้ กลายเป็นคนครึ่งดีครึ่งร้าย ควบคุมตัวเองไม่ได้...นี่ใช่ไหมที่เขาบอกว่าถ้าขี่หลังเสือแล้วจะลงยาก”

“แทนที่จะคิดว่าเป็นบทลงโทษ ทำไมไม่คิดว่าเป็นบทพิสูจน์ความพยายามจะกลับตัวเป็นคนดีของพี่กลดล่ะคะ”

“บทพิสูจน์การเป็นคนดีเหรอ”

“ทุกคนก็มีด้านดีด้านไม่ดีเป็นของตัวเอง ไม่มีใครดีไปหมด ต่างที่เรารู้ตัวแล้วข่มจิตใจด้านมืดตัวเองไม่แสดงออกมาได้ไหม พี่กลดยังรู้ตัวและพยายามข่ม แก้ไข ไม่ปล่อยให้สิ่งไม่ดีครอบงำ”

“ขอบคุณนะเอื้อ...พี่จะพยายามจัดการกับจิตด้านมืดของตัวเองให้ได้ เพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตกับเอื้อ”

“เอื้อจะรอค่ะ”

ooooooo

ความสัมพันธ์ของคิมกับเอื้อกานต์หวานชื่นอีกครั้ง เป็นกำลังใจ หยอกล้อและดูแลกันและกันเหมือนในวันวาน ฮันเตอร์เฝ้ามองทุกอย่างด้วยความไม่วางใจและคิดว่าควรจะเตือนสติศิษย์เอก

คิมไม่ยอมตัดใจจากเอื้อกานต์ เหตุการณ์ในอดีตทำให้คิดได้ว่าจะไม่ยอมสูญเสียเธออีกแล้ว เขายืนยันกับอาจารย์ว่าเธอคือคนในครอบครัวและหนึ่งในไม่กี่คนที่เขาไว้ใจมากที่สุด

แต่กระนั้นฮันเตอร์ก็ไม่ไว้ใจ ตัดสินใจเด็ดขาดจะกำจัดเอื้อกานต์ให้ได้ และเริ่มลงมือทันทีในเช้า

วันต่อมา ด้วยการสะกดจิตแดนให้โทร.ล่อคุณหมอสาวออกมาพบ โดยอ้างว่าคิมคลุ้มคลั่งจะกระโดดสะพานฆ่าตัวตาย!

ทั้งคิมและทีเกื้อพยายามติดต่อเอื้อกานต์แต่ก็ไม่ได้ผล แดนก็เช่นกัน คิมเลยโทร.หาเอื้อกานต์เตือนให้ระวังตัว แต่เธอก็ลังเลเพราะดูไม่ออกว่าคิมที่กำลังอาละวาดคือฮันเตอร์ปลอมตัวมา

คิมเห็นท่าไม่ดี ใช้พลังจิตสะกดรอยจนถึงสะพาน ทันเวลาฮันเตอร์ในคราบคิมจับตัวเอื้อกานต์เป็นตัวประกัน

“อาจารย์...ปล่อยเอื้อเดี๋ยวนี้! อาจารย์ต้องฆ่าอีกกี่คน อาจารย์ถึงจะหยุดได้”

“เพราะฉันจะหยุดไง ฉันถึงต้องทำแบบนี้”

“ผมไม่เข้าใจ”

“ฉันฆ่ามันก็เพื่อตัวแกเอง หมอคนนี้รู้เรื่องเรามากเกินไป มันจะทำให้เราเดือดร้อน ฉันต้องกำจัดมัน!”

ท่าทางของฮันเตอร์ทำให้คิมต้องใช้อาคมแย่งตัวเอื้อกานต์ แต่พลังของมันก็ทำให้ฮันเตอร์ดึงตัวเอื้อกานต์ตกลงสะพานไปด้วย คิมเลยต้องใช้อาคมเรียกตัวต่อแตนมาช่วยทั้งสองไว้ แต่กลับช่วยได้แค่เอื้อกานต์ คิมรอจนสาวคนรักปลอดภัย จึงได้กระโจนตามลงไปช่วยฮันเตอร์

อาการของฮันเตอร์น่าเป็นห่วง เพราะฝืนทำของใส่เหยื่อหลายต่อหลายครั้ง ทำให้ร่างกายย่ำแย่เต็มไปด้วยพลังชั่วร้ายที่ค่อยๆกัดกลืนร่างกายและจิตวิญญาณของเขา เอื้อกานต์เลยใช้พลังของตัวเองช่วยจนอาการดีขึ้น แต่ฮันเตอร์ก็ยังอ่อนเพลียมาก ต้องพักรักษาตัวอีกสักระยะ

หมดเรื่องฮันเตอร์ คิมก็หันไปดุเอื้อกานต์ที่ทำให้ต้องเป็นห่วงแทบบ้า

“ถ้าพี่ตามมาช่วยไม่ทันจะเป็นยังไง ทำไมไม่ระวังตัว”

“ก็เอื้อมัวแต่เป็นห่วงพี่กลดนี่คะ แล้วพี่ช่วยเอื้อได้ไงคะ”

“พี่เห็นแดนโดนสะกดจิตก็เลยพอเดาได้ แล้วทำไมตอนที่พี่โทร.ไปบอกยังจะเข้าไปช่วย ทั้งๆที่รู้ว่าไม่ใช่พี่ตัวจริง”

“หมอไม่มีทางทิ้งคนที่กำลังจะตายหรอก...ต่อให้เป็นพี่กลดหรืออาจารย์ก็คือคน เห็นคนจะตาย เอื้อก็ต้องช่วย”

“แต่เขาหลอกเอื้อนะ”

“ถึงเขาจะหลอก แต่มันก็คุ้มที่เสี่ยง ดีกว่ามาเสียใจทีหลังนะคะ”

ฮันเตอร์รู้สึกตัวเพราะเสียงทุ่มเถียงของสองหนุ่มสาว คิมกลัวใจอาจารย์เลยไล่เอื้อกานต์ออกไปก่อน คุณหมอสาวเลยได้โอกาสรับสายทีเกื้อที่เพียรโทร.หาด้วยความเป็นห่วง

เมื่อเหลือกันตามลำพัง คิมก็ไม่รอช้าต่อว่าเป็นชุดที่ทำร้ายเอื้อกานต์ ฮันเตอร์ไม่เถียง แต่ท่าทีนิ่งๆของเขาก็ทำให้คิมระแวง กลัวอาจารย์จะไม่ละความพยายามทำร้ายเธออีก

“ไม่ต้องกลัวหรอก ฉันไม่ลดตัวลงไปทำร้ายเหยื่อรอบสองหรอก...โดยเฉพาะถ้าเหยื่อคนนั้นใช้พลังช่วยฉันเอาไว้”

“ผมเคยบอกอาจารย์แล้วใช่ไหมว่าเอื้อเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ผมไว้ใจ เป็นเหมือนคนในครอบครัวที่ยังเหลืออยู่ของผม แต่อาจารย์กลับจะฆ่าเขา”

“ฉันทำเพราะหวังดีกับแก แต่สุดท้ายแกก็ทรยศเลือกทำร้ายฉันเพราะผู้หญิงคนนี้”

“ถ้าเพื่อปกป้องคนที่ผมรัก ผมทำได้ทุกอย่าง อาจารย์ก็รู้ว่าตั้งแต่ผมฝึกพลัง ผมมีจิตที่แข็งกว่าอาจารย์หลายเท่า ถ้าอาจารย์คิดจะทำอะไรเอื้ออีก ต่อให้อาจารย์เป็นอาจารย์ผม ผมก็ไม่ยอม!”

แววตาดุดันเอาจริงของศิษย์เอกทำให้ฮันเตอร์เริ่มเครียด แหวลั่น

“แกคิดจะเนรคุณฉัน จะล้มครูตัวเองอย่างนั้นเหรอ”

“อาจารย์บีบให้ผมต้องทำแบบนี้เอง”

“เลือกเอาว่าแกจะเลือกผู้หญิงคนนี้ หรือเลือกคนที่ช่วยชีวิตแกเอาไว้ ลืมไปแล้วเหรอว่าแกรอดตายมาได้ยังไง”

“ถ้าอย่างงั้นอาจารย์ก็เอาชีวิตของผมไปเถอะ แต่อย่าฆ่าใครอีก”

คำท้าทายของศิษย์เอกทำให้ฮันเตอร์เกือบพลั้งมือ แต่สุดท้ายก็ตัดใจทำไม่ลง

“ไปซะ...แล้วอย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก ฉันเคยตัดแกจากการเป็นศิษย์มาครั้งหนึ่ง แต่ฉันก็ตัดแกไม่ได้ เราถึงต้องวนเวียนมาเจอกันอีก แต่ต่อไปนี้...แกไม่ต้องเรียกฉันว่าอาจารย์ แกไม่ใช่ลูกศิษย์ของฉันอีกต่อไป!”

ooooooo

คิมเสียใจมากที่ต้องตัดขาดจากอาจารย์ ฮันเตอร์ ก็มีสภาพไม่ต่างกันแต่ด้วยเหตุผลที่แตกต่าง และแดนก็เป็นคนที่ดูออกเพราะคลุกคลีกับสองหนุ่มมานาน

“ที่อาจารย์ตั้งใจจะกำจัดหมอเอื้อเพราะกลัวว่า ความรักของหมอที่มีต่อพี่คิมจะทำให้จิตใจพี่คิมอ่อนโยนลง ทำให้พี่คิมด้านมืดตายลงใช่ไหม ถ้าด้านมืดในใจพี่คิมตายไป อาจารย์ก็จะไม่มีใครมาล้างแค้นให้”

“ใช่! ฉันยอมรับว่าการล้างแค้นของฉันยังไม่จบ ต้องให้ตายไปข้างฉันถึงจะพอใจ”

ฮันเตอร์พูดพลางหัวเราะ ก่อนจะย้อนแดนอย่างรู้ทัน

“แกเองก็ยังลังเล คิดจะล้างแค้นวัฒน์อยู่เหมือนกันไม่ใช่เหรอ...ฉันพูดถูกใช่ไหม”

แดนอึ้งไปนิดเดียวก่อนจะยอมรับแบบเสียไม่ได้

“ใช่! ผมอยากล้างแค้นพวกมัน”

แต่กระนั้นความแค้นก็ไม่ได้ทำให้เขาขาดสติ พยายามหว่านล้อมให้เลิกใช้คิมเป็นเครื่องมือ

“ผมขอร้อง...อาจารย์ปล่อยพี่คิมไปได้ไหม ให้พี่คิมใช้ชีวิตอิสระกับคนที่เขารัก ผมจะเป็นตัวแทนพี่คิมล้างแค้นให้เอง...ผมจะเรียนอาคมล้างแค้นครอบครัวศักดิ์ชายให้ตายไปข้าง!”

ฮันเตอร์พอใจข้อเสนอของแดน ยอมรามือจากคิมชั่วคราว ปล่อยให้ศิษย์เอกมีช่วงเวลาที่ดีกับคนรัก เอื้อกานต์รับรู้เรื่องราวทุกอย่างด้วยความสบายใจมากขึ้น ก่อนจะเปลี่ยนไปห่วงทีเกื้อแทนที่ยังไม่ปรับความเข้าใจกับสัตตบงกช

ธีรภูมิก็กลุ้มใจไม่ต่างจากเอื้อกานต์ ไม่เว้นแม้แต่คุณหญิงอัปสรที่ทำใจเรื่องทีเกื้อได้แล้ว และอยากให้ลูกเลี้ยงหนุ่มอดีตคู่ปรับลงเอยกับสัตตบงกชเสียที สองแม่ลูกเลยร่วมกันคิดแผน โดยมีเอื้อกานต์เป็นตัวช่วย หลอกล่อทีเกื้อให้แต่งตัวหล่อไปกินข้าวที่โรงแรม เช่นเดียวกับสัตตบงกชที่โดนธีรภูมิหลอกมา

ทีเกื้อกับสัตตบงกชควรจะได้ใช้ช่วงเวลาดีๆและปรับความเข้าใจกัน แต่กลับต้องวิ่งไปสมทบกับบรรดาไทยมุงในโรงแรมเสียก่อน เมื่อมีเสียงตะโกนโหวกเหวกว่ามีคนถูกฆ่าตาย!

แต่ที่น่าตกใจกว่าคงเป็นสัญลักษณ์ของชายสวมหน้ากากที่ถูกทิ้งในที่เกิดเหตุ แถมยังไม่ใช่แค่เหตุการณ์เดียว แต่ยังตามมาด้วยเหตุฆาตกรรมแบบอุกอาจอีกหลายครั้ง ในอีกไม่กี่วันต่อมาสัญลักษณ์ของชายสวมหน้ากากถูกทิ้งไว้ทุกครั้ง ทำให้เหล่าตำรวจมั่นใจว่าเป็นฝีมือเขา แถมเมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าเหยื่อทั้งหมดเป็นนักธุรกิจของกลุ่มทุนทีบี เลยยิ่งมั่นใจว่าคนร้ายต้องเป็นเขา

เหล่าตำรวจหันมาสนใจคดีของชายสวมหน้ากาก ทีเกื้อใจไม่ดี เป็นห่วงคิมจนต้องปรับทุกข์กับเอื้อกานต์ คิมก็ร้อนใจพยายามสืบตามสถานที่เกิดเหตุ แต่ก็ไม่พบอะไร นอกจากเห็นนิมิตพิเศษว่าเดชาคือพยานคนสำคัญ

ooooooo

คิมพยายามตามรอยเดชาแต่ก็ไม่คืบหน้านัก เลยโทร.หาแดนให้ช่วยสืบด้วย แต่ท่าทางแปลกๆของหนุ่มรุ่นน้องก็ทำให้เอะใจ แอบตามไปจนรู้ว่าแดนแอบฝึกอาคมกับฮันเตอร์จะไปฆ่าศักดิ์ชาย!

พลังจิตของแดนยังอ่อนหัด แข็งแกร่งสู้พลังของคิมไม่ได้ แต่ฮันเตอร์ก็ไม่มีทางเลือกจะให้ลงมือในคืนแรมที่จะมาถึง เขาจัดการหาของรักของหวงที่อาจไม่รักมากเท่าวัฒน์แต่ก็ทำฤทธิ์เดชได้ไม่น้อย คิมพอเดาทางอาจารย์ได้เลยรีบไปยับยั้ง พร้อมกับโทร.บอกเอื้อกานต์ให้ไปดูแลศักดิ์ชาย

ฮันเตอร์รับสารภาพอย่างไม่ยี่หระ คิมโกรธมากแต่ไม่มีเวลาจะโวยวาย ต้องรีบไปห้ามแดน แต่เพราะพลังยังไม่แข็งพอ เมื่อพิธีถูกขัดขวาง แดนเลยถูกอาคมวิ่งเข้าร่างอย่างจัง!

ศักดิ์ชายรอดตายหวุดหวิด แต่ก็อาการหนักไม่น้อย เอื้อกานต์ต้องช่วยดูแลไม่ห่าง ส่วนแดนก็อาการเป็นตายเท่ากัน คิมเลยต้องใช้พลังจิตช่วยดึงอาคมออกจากร่าง กว่าจะฟื้นก็ต้องลุ้นแทบแย่

“ทำไมแกต้องทำแบบนี้ ทำไมต้องฝึกของสกปรกแล้วทำเรื่องแบบนี้”

“ผมอยากล้างแค้น...ผมไม่ลืมความแค้นที่พวกมันทำกับครอบครัวผม ผมจะทำให้พวกมันทรมานเหมือนที่มันเคยทำไว้กับครอบครัวของผม”

ความแค้นของแดนทำให้คิมสะเทือนใจมาก และสภาพของแดนเวลานี้ก็ทำให้คิดถึงตัวเองในอดีต

“พี่ไม่อยากให้ชีวิตแกต้องมาแปดเปื้อนมนต์ดำแบบพี่ แกอยากมีชีวิต มีจุดจบแบบพี่เหรอ”

“ผมยอมทำทุกอย่าง ถ้ามันจะทำให้หายแค้น”

“พูดแบบนี้หมายความว่าจะไม่หยุดใช่ไหม ถ้าแกไม่หยุด ไม่เชื่อฟังพี่แล้ว ก็ไม่ต้องมาเรียกพี่ว่าพี่อีก”

“ผมขอโทษครับพี่คิม...แต่ผมคงทำตามที่พี่พูดไม่ได้”

พูดจบก็เดินหนี ทิ้งคิมให้มองตามเครียดๆ และไม่รอช้าจะไปเจรจากับฮันเตอร์ เพราะเชื่อว่าแดนไม่ใช่คนหัวแข็ง คงไม่ยอมทำขนาดนี้หากไม่มีคนปั่นหัว!

ฮันเตอร์รออยู่แล้วอย่างใจเย็น ไม่มีท่าทีทุกข์ร้อนเลยด้วยซ้ำเมื่อคิมมาหา

“ขอร้องเถอะครับอาจารย์ เลิกยุ่งกับแดน อย่าให้เขาต้องมาทำอะไรแบบนี้เลย อาจารย์กำลังทำให้เด็กบริสุทธิ์คนหนึ่งต้องเดินทางผิดนะครับ”

“แกสองคนคงรักกันมาก...ที่แดนตัดสินใจทำงานให้ฉันก็เพราะต้องการให้ฉันเลิกยุ่งกับแกเหมือนกัน”

คิมถึงกับอึ้งไป เป็นห่วงแดน แต่ก็อยากช่วยศักดิ์ชายด้วย

“แต่ตอนนี้ศักดิ์ชายก็ได้รับกรรมแล้ว”

“แต่ฉันไม่พอใจ ฉันอยากจะฆ่ามัน บรรดาเมียเล็กเมียน้อยและลูกของมันจะได้ตีกันแย่งสมบัติ วิญญาณมันจะต้องช้ำใจกับความพินาศของสิ่งที่มันพยายามสร้างมาทั้งชีวิต!”

ความแค้นของฮันเตอร์ฝังรากลึกมากกว่าที่คิด คิมเหนื่อยหน่ายใจมาก แต่เพียรพยายามหว่านล้อมเท่าไหร่ก็ไม่ได้ผล เอื้อกานต์เข้าใจความรู้สึกเขาดี ช่วยปลอบและให้กำลังใจจนเขามีแรงฮึดมากขึ้น

แต่ความกังวลใจของเขาก็ก่อผลร้ายจนได้ เมื่อพลังมืดเข้าครอบงำเขาอีกครั้ง ทำให้เกิดนิมิตเห็นตัวเองทำร้ายและฆ่าคนในร้านอาหารแห่งหนึ่งจนไม่มีเหลือ แต่ที่ทำให้ทุกอย่างย่ำแย่ก็เมื่อเขาตื่นมาแล้วพบว่าเหตุฆาตกรรมหมู่นั้นไม่ใช่แค่เรื่องในนิมิต แต่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก่อน!

ooooooo

ตำรวจฟันธงว่าเหตุฆาตกรรมต่อเนื่องที่ผ่านมาเป็นฝีมือของชายสวมหน้ากาก ทั้งพยานและสัญลักษณ์ของเขาในที่เกิดเหตุกลายเป็นหลักฐานมัดตัวแน่นหนาให้ดิ้นไม่หลุด

นภเสนอตัวทำคดีและอาสาจะจับตัวชายสวมหน้ากากมาลงโทษ ทีเกื้อที่มั่นใจว่าไม่ใช่ฝีมือคิมพยายามบ่ายเบี่ยงเปลี่ยนประเด็น แต่ก็ถูกท่านรองฯตัดบทให้จับตัวชายสวมหน้ากากมาสืบสวนให้ได้!

ธีรภูมิรับฟังข่าวเกี่ยวกับชายสวมหน้ากากด้วยความเห็นใจ มั่นใจว่าฝ่ายนั้นต้องไม่ใช่คนร้าย เมื่อดูจากหลายเหตุการณ์ที่ผ่านมา

สัตตบงกชกับธีรนัฐก็คิดไม่ต่างกัน เลยวางแผนร่วมกันจะทำข่าวพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้เขา

ระหว่างที่ทุกคนหาทางช่วย คิมกลับเก็บตัวในที่ซ่อนด้วยความหวาดระแวง กลัวพลังมืดจะทำให้เขาออกไปฆ่าคนอีกครั้ง เอื้อกานต์ที่เชื่อมั่นในตัวเขาต้องตามไปปลอบและให้กำลังใจ

“พี่กลัว กลัวไปหมด ไม่กล้านอน ไม่กล้าออกไปไหน พี่กลัวตัวเองไม่มีสติแล้วจะไปทำร้ายใคร”

“แล้วพี่จะขังตัวเองไปตลอดแบบนี้เหรอคะ”

“พี่ไม่รู้”

“เอื้อเชื่อว่าพี่กลดไม่ได้เป็นคนทำแน่นอน พี่กลดต้องพิสูจน์ตัวเองโดยการจับคนร้ายตัวจริงให้ได้สิคะ”

คำพูดปลอบประโลมของเธอทำให้คิมมีพลังใจขึ้นมาก

“พี่กลดออกไปข้างนอกกับเอื้อนะคะ เกื้อรอจะช่วยพี่อยู่เหมือนกัน”

ทีเกื้อรออยู่แล้วที่ร้านกาแฟ พร้อมเอกสารเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมต่อเนื่องก่อนหน้านี้

“นี่เป็นข้อมูลเหยื่อที่ถูกฆาตกรรมโดยคนที่สวมรอยเป็นพี่ ทุกคนล้วนเป็นนักธุรกิจและคนในบริษัทกลุ่มทีบีกรุ๊ป”

“พี่จะลองสืบดูว่าเหยื่อแต่ละรายเชื่อมโยงกัน ยังไงบ้าง เผื่อจะหาตัวคนร้ายได้ง่ายขึ้น”

“ผมเองก็ลองพยายามหาข้อมูลให้แล้ว แต่ก็ยังมืดแปดด้าน”

“พี่ต้องรู้ให้ได้ว่าเป็นฝีมือใคร ใครสวมรอยเป็นพี่...”

นอกจากข้อมูลจากทีเกื้อ ธีรภูมิกับสัตตบงกชก็อีเมลข้อมูลเกี่ยวกับเหยื่อส่งให้เขาด้วย คิมพยายาม

วิเคราะห์สถานการณ์ต่างๆ แต่ไม่ทันได้เรื่อง ก็มีบุคคลปริศนาส่งจดหมายมานัดเขาไปพบ

“ถ้าอยากรู้ว่าใครสวมรอยมนุษย์หน้ากากให้มาที่หอศิลป์ตอนเที่ยงคืน”

คิมไม่มีทางเลือก ออกไปพบบุคคลปริศนาตามนัด ก่อนจะพบว่าตัวเองติดกับ เมื่อที่นัดหมายไม่มีบุคคลปริศนา มีแต่ร่างทุรนทุรายของเดชาที่กำลังจะขาดใจตาย!

นอกจากเดชา นภก็เป็นอีกคนที่โผล่มาจับเขา คิมตกใจมากแต่ก็หนีไปได้ ทิ้งนภให้กลับสถานีตำรวจด้วยความเจ็บใจที่พลาดจับตัวชายสวมหน้ากากไม่ได้อีกแล้ว

ทีเกื้อคาใจมากที่มีคนส่งข่าวถึงนภ เช่นเดียวกับคิมที่สับสน กลัวว่าตนจะเป็นคนฆ่าเดชาเพราะถูกพลังมืด ครอบงำ แต่แดนที่แวะมาหาเขาเช้าวันต่อมากลับบอกว่า ไม่ใช่

“พี่ไม่ได้เป็นคนฆ่าเดชาหรอก”

“รู้ได้ยังไง”

“ผมเป็นห่วงพี่ ผมเลยตามพี่ แอบดูพี่อยู่ห่างๆ ผมเลยเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น”

“แล้วเราหายไปไหนมาตั้งนาน”

“ผมละอายใจ ไม่กล้ามาหาพี่ ผมขอโทษนะที่ผมไม่เชื่อฟังที่พี่เตือน”

“พี่ไม่อยากให้เราเดินทางผิด จมอยู่กับความแค้นเหมือนพี่ ตอนนั้นพี่ก็ไม่สามารถออกมาจากบ่วงกรรมนี้ได้”

“แต่ผมคงไม่สามารถลืมความแค้น ความทรงจำแย่ๆได้จริงๆ”

“พี่เข้าใจ...มันคงต้องใช้เวลา กว่าพี่จะผ่านจุดนั้นมาได้ก็นานเหมือนกัน นายเองก็ต้องทำให้ได้”

“คงจะยาก...ถ้าผมไม่เห็นพวกมันได้รับบทเรียน ผมก็คงไม่มีทางหายแค้นได้”

“พี่จะพิสูจน์ให้เองว่าวันหนึ่งกฎแห่งกรรมจะทำงานลงโทษพวกมัน”

“ก่อนที่พี่จะพิสูจน์ได้ ถ้าผมมีโอกาสฆ่าพวกมัน ผมคงไม่ทิ้งโอกาสที่ผมรอมาตลอดแน่ๆ”

ooooooo

นภไม่ละความพยายามจะจับตัวชายสวมหน้ากาก ทีเกื้อลำบากใจมาก บ่ายเบี่ยงเลี่ยงประเด็นทุกทาง แต่เพื่อนคู่หูก็ไม่ถอย แถมสเกตช์ภาพผู้ต้องสงสัยออกมาเหมือนคิมมากอีกต่างหาก

ทีเกื้อเครียดมาก กลัวคิมถูกจับ ตัดสินใจแสดงความเห็นอย่างตรงไปตรงมา

“แต่เราไม่มีหลักฐานนะครับว่ามนุษย์หน้ากากเป็นคนฆ่าเหยื่อแต่ละราย อาจเป็นมนุษย์หน้ากากคนอื่นก็ได้”

“แต่หลักฐานมันก็คาตา ตำรวจที่ไปกับผมทุกคนก็เห็นมนุษย์หน้ากากอยู่กับเหยื่อรายล่าสุด”

“แต่เราก็ไม่ได้เห็นตอนเขาลงมือสังหารนะ”

ท่านรองฯเห็นสองหนุ่มตั้งหน้าตั้งตาเถียงเลยตัดบท

“พอๆ เอาเป็นว่า...ประกาศจับตัวมนุษย์หน้ากากคนนี้ให้ได้ก่อน เรื่องอื่นเราค่อยมาสอบสวนทีหลัง”

การจับตาของพวกตำรวจทำให้คิมไปไหนมาไหนลำบาก ต้องหวาดระแวงตลอดเวลา กลัวถูกจับได้ เอื้อกานต์เห็นชายคนรักเครียดก็แวะไปหา ปลอบประโลมให้ตั้งสติ ก่อนจะถามถึงความคืบหน้าเรื่องตามหาคนสวมรอย

คิมสงสัยศักดิ์ชายเพราะเคยได้ยินฝ่ายนั้นกล่าวอาฆาต “เงินทำได้ทุกอย่าง มันสามารถซื้อให้ใครถูกหรือผิดก็ได้ ฉันสามารถชี้ให้ใครเป็นแพะก็ได้ ไม่เว้นแม้แต่แก สักวันฉันจะทำให้แกเป็นแพะแทนฉันให้ได้!”

ไม่น่าเชื่อว่าคำขู่ของศักดิ์ชายในตอนนั้นจะทำให้คิมจิตตกขนาดนี้

“พี่มั่นใจว่ามันตั้งใจจัดฉากใส่ร้ายพี่”

“แต่เขานอนไม่รู้สึกตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนะคะ”

“พี่ว่ามันต้องมีเบื้องหน้าเบื้องหลัง พี่จะต้องไปพิสูจน์ให้แน่ใจ”

“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้”

“ศักดิ์ชายพูดถูก...คนที่มีอำนาจเท่านั้นจะชี้เป็นชี้ตาย ยัดเยียดความผิดให้คนที่อ่อนแอกว่าได้ ถ้ามีเงินก็สามารถทำให้ใครถูกหรือผิด ทำให้ผิดเป็นชอบ ดีเป็นเลวได้”

“ถึงแม้ความอยุติธรรมจะกลายเป็นเรื่องถูกต้อง แต่สักวันความจริงก็ต้องปรากฏ พี่กลดต้องอดทนรอนะคะ”

คิมแชร์เรื่องข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับศักดิ์ชายกับแดน และเมื่อฮันเตอร์รู้เรื่องก็หัวเสียมาก

“คิมบอกว่าเป็นฝีมือไอ้ศักดิ์ชายเหรอ”

“วันนั้นเราไม่น่าพลาดเลย มันเลยกลับมาเล่นงานพี่คิมจนได้”

“ฉันบอกแล้วไงว่าคนเลวๆแบบนี้ ถ้าเราไม่ฆ่ามันก่อน มันก็จะฆ่าพวกเรา งานนี้ต้องตายไปข้างถึงจะจบ”

“แต่เราไม่สามารถทำของใส่มันได้แล้วนะครับ”

“ถ้าฆ่าด้วยอาคมไม่ได้ก็ฆ่ามันตรงๆไปเลย ครั้งนี้ฉันไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว”

ฮันเตอร์ตัดสินใจจะฆ่าศักดิ์ชายเพื่อจบปัญหาและความแค้น แดนมีท่าทีเหมือนไม่แน่ใจ แต่ก็จำต้องทำตามคำสั่งยอมขับรถไปส่งอาจารย์ถึงโรงพยาบาล

แผนทุกอย่างถูกวางอย่างดี ฮันเตอร์สะกดจิตเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบที่เฝ้าหน้าห้อง บุกเข้าไปหมายจะฆ่าศักดิ์ชายที่นอนเป็นผักในนั้น แต่ต้องผงะแทนเมื่อถูกหมออาคมที่ศักดิ์ชายจ้างไว้เล่นงาน!

ooooooo

คิมสังหรณ์ใจอยู่แล้วเรื่องศักดิ์ชาย ตามไปสังเกตการณ์ เลยช่วยฮันเตอร์ไว้ทันเวลา ศักดิ์ชายเลยพาหมออาคมที่จ้างก่อนหน้านั้นมาเปิดตัว พร้อมประกาศกร้าวจะเปิดศึกกับคิมและฮันเตอร์

“แกคิดว่าฉันนอนรอให้แกมาฆ่าอยู่ที่นี่เฉยๆ เหรอ...สุดท้ายแกก็โง่ติดกับฉันจนได้!”

หมออาคมร่ายคาถาสร้างกำแพงอาคมไว้รอบศักดิ์ชาย ทำให้ฮันเตอร์กับคิมทำอะไรไม่ได้

“อย่าพยายามเลย อาคมแกเสื่อมแล้ว”

ฮันเตอร์กัดฟันกรอด เจ็บใจมาก ศักดิ์ชายเห็นดังนั้นก็เย้ยด้วยความสะใจ

“รู้ไหมว่าฉันต้องอดทนนานแค่ไหนเพื่อรอให้อาคมแกเสื่อม ฉันจะได้ฆ่าแกได้ง่ายขึ้น ฉันต้องแกล้งทำเป็นโดนอาคม ตายทั้งเป็น นอนเป็นผัก ตามที่หมออาคมของฉันแนะนำ”

คิมยืนฟังทุกอย่าง สมองครุ่นคิด เลยถึงบางอ้อว่าหมออาคมคงอยู่ในเหตุการณ์ก่อนหน้ามาตลอด

“งั้นแกก็สวมรอยเป็นมนุษย์หน้ากากด้วยใช่ไหม”

“ฉลาดมาก ฉันอาศัยช่วงที่พวกแกคิดว่าฉันไม่รู้สึกตัว จัดการฆ่าตัดตอนทุกคนที่รู้ความลับเรื่องธุรกิจของฉัน เดชารู้ทันฉัน มันตั้งใจจะแฉ ฉันเลยนัดมันมาฆ่าแล้วโยนความผิดทั้งหมดให้แก”

“แกทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร”

“ฉันก็ต้องการให้แกรู้ไงว่าต่อให้แกเก่งแค่ไหน ฉันก็ทำให้แกเป็นแพะได้...จัดการลงมือฆ่ามันเลย!”

หมออาคมเตรียมทำตามสั่ง คิมกับฮันเตอร์อยากสู้แต่รู้ว่ายากเพราะอยู่ในกำแพงอาคมของอีกฝ่าย โชคดีที่แดนโผล่มาช่วยทันเวลา ขัดจังหวะพิธีหมออาคม คิมกับฮันเตอร์เลยรอดมาได้ แต่ก็อาการเพียบหนัก โดยเฉพาะคิมที่ดันโถมตัวไปรับอาคมจากหมออาคมที่ตั้งใจทำใส่ฮันเตอร์

ศักดิ์ชายฉวยโอกาสนี้หนีออกจากโรงพยาบาล ส่วนแดนก็พาคิมกลับที่ซ่อน โดยมีฮันเตอร์ตามมาด้วย พร้อมกับส่งสารถึงเอื้อกานต์เรียกตัวเธอมาช่วยรักษาชายคนรัก

เอื้อกานต์รักษาคิมด้วยพลังบริสุทธิ์เหมือนเคย เธออยากช่วยฮันเตอร์ด้วย แต่เขาไม่ยอม กลับไปนั่งสมาธิรักษาตัวเองตามลำพัง วิญญาณของเกริกภพปรากฏตัว ยืนมองด้วยความสมเพช กว่าฮันเตอร์จะรู้สึกตัวก็หลายอึดใจต่อมา

“ฉันมาตั้งนานแต่แกกลับไม่รู้ อาคมคงจะเสื่อมลงจริงๆสินะ”

“ไม่ต้องมาแสดงความคิดเห็น ไปตามหาศักดิ์ชายให้เจอ ไปสืบมาว่ามันซ่อนตัวอยู่ที่ไหน”

วิญญาณเกริกภพแสยะยิ้ม หัวเราะเยาะ “ยังคิดว่าตัวเองจะสั่งฉันได้อีกเหรอ เพราะแกฝืนร่างกายตัวเอง ทำอาคมไปหลายครั้ง พลังเลยไม่พอจะควบคุมวิญญาณฉันแล้ว”

ฮันเตอร์โกรธมาก พยายามท่องคาถาจะสั่งสอนวิญญาณเกริกภพ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้

“ไม่ใช่แค่ใช้อาคมไม่ได้เหมือนเดิมแต่อายุขัยของแกเริ่มสั้นลงเรื่อยๆ อีกไม่นาน...แกก็จะได้มาอยู่กับฉันแล้ว!”

ooooooo

แม้เอื้อกานต์จะใช้พลังรักษาถอนอาคมให้คิมจนหมด แต่คิมก็อ่อนเพลียต้องนอนให้น้ำเกลือในห้อง เอื้อกานต์อาสาเฝ้าเขาตลอดคืน คิมตื่นมาเห็นเธอนอนฟุบข้างเตียงก็อดเอื้อมมือไปจับด้วยความเอ็นดูไม่ได้

เอื้อกานต์รู้สึกตัวตื่น เห็นชายคนรักฟื้นก็รีบถามด้วยความเป็นห่วง

“พี่กลดเป็นยังไงบ้างคะ”

“ได้รับพลังจากเอื้อ แถมตื่นมาก็เจอเอื้อคนแรก พี่ก็หายเป็นปลิดทิ้งเลย”

“แน่ใจนะคะ”

“ไม่แน่ใจหรอก ตอนพี่หลับไป พี่เห็นตัวเอง

ด้านมืดชัดขึ้น...มันพยายามควบคุมตัวพี่ ไม่ให้พี่รู้สึกตัว”

“คงเป็นเพราะร่างกายพี่อ่อนแอลง มันถึงพยายามควบคุมตัวพี่ได้ง่ายขึ้นเรื่อยๆ”

“แต่พี่คงหายเร็วกว่านี้ ถ้าเอื้อรักษาด้วยวิธีพิเศษแบบครั้งที่แล้ว”

เอื้อกานต์รู้ดีว่าหมายถึงจูบรักษา เขินแต่ก็ทำเป็นดุเสียงเข้ม

“ยังจะพูดเล่นอีก”

“ไม่ต้องกังวลหรอก พี่พยายามนั่งสมาธิรักษา จิตที่สงบนิ่งรู้ทันตัวเองคงทำให้ควบคุมจิตด้านลบของตัวเองได้”

“เอื้อสัญญาว่าจะหาทางรักษาให้หายขาดให้ได้”

“ขอบใจเอื้อมากนะ...”

ข่าวการหลบหนีออกจากโรงพยาบาลของศักดิ์ชายกลายเป็นข่าวใหญ่ ผู้คนมากมายให้ความสนใจ ไม่เว้นแม้แต่ครอบครัวของธีรนัฐที่รู้จักมักคุ้นกับศักดิ์ชายมานาน ธีรภูมิอยากช่วยชายสวมหน้ากาก พยายามหาข้อมูลจากพ่อแม่ แต่ก็ไม่รู้อะไรมาก นอกจากศักดิ์ชายอาจไปกบดานในบ้านพักสักหลัง แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าที่ไหน

สัตตบงกชก็ช่วยทำข่าว ให้ข้อมูลเผื่อมีใครพบเห็นศักดิ์ชายจะได้แจ้งตำรวจ โดยมีทีเกื้อเฝ้ามองตามด้วยความชื่นชม ปลื้มใจที่เธอเป็นคนเอาการเอางานและเห็นแก่ส่วนรวมมากขนาดนี้

ศักดิ์ชายนั่งฟังรายงานข่าวเกี่ยวกับตัวเขาด้วยท่าทางหัวเสีย ลูกน้องคนสนิท รวมทั้งหมออาคม ต้องพยายามปลอบให้ใจเย็น เพราะอาคมที่กำบังบ้านพักหลังนี้แน่นหนา ไม่มีทางที่ใครจะหาเจอง่ายๆ

เรื่องหลบหนีว่าแย่แล้ว ศักดิ์ชายยังต้องประสาทเสียกับข่าวเกี่ยวกับบรรดาเมียๆ ทั้งเมียหลวง เมียน้อย เมียเก็บที่ตบตีกันให้วุ่นวายเพื่อแย่งทรัพย์สมบัติของเขา

“ตอนฉันปกติไม่เคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น อยากจะได้ของของฉันนัก คอยดูฉันจะยกมรดกให้หลานฉันให้หมด”

“ผมว่าท่านหนีไปต่างประเทศก่อนดีกว่านะครับ”

“ฉันไปแน่ แต่ก่อนไปฉันขอคิดบัญชีกับพวกมันก่อนที่มันทำให้ฉันกลายเป็นแบบนี้”

และวิธีก็มาถึงมือเขาง่ายๆในเวลาต่อมา เมื่อลูกน้องนำภาพจากกล้องวงจรปิดของโกดังร้างมาให้ดู เลยเห็นว่าเอื้อกานต์เป็นคนขับรถมาช่วยชายสวมหน้ากาก ศักดิ์ชายนิ่งคิดก่อนแสยะยิ้มร้าย หาทางเอาคืนได้แล้ว...

ooooooo

ศักดิ์ชายมั่นใจว่าชายสวมหน้ากากต้องมีความสำคัญบางอย่างกับเอื้อกานต์ เลยส่งลูกน้องไปลักพาตัวคุณหมอสาว แล้วจัดการโทร.ไปขู่ชายสวมหน้ากากให้ออกมาเจอ

แต่ศักดิ์ชายก็ดันโทร.เข้าเบอร์มือถือที่คิมไม่ได้ใช้แล้ว แดนเป็นคนรับสายแทนแต่ไม่ยอมพูดอะไรให้จับได้ และรีบนำเรื่องไปบอกทีเกื้อให้หาทางไปช่วยเอื้อกานต์แทนคิมที่ยังบาดเจ็บ

“ผมไม่อยากให้พี่คิมรู้ กลัวพี่คิมจะโมโหแล้วกลายเป็นอีกคน เรื่องอาจจะยิ่งวุ่นวาย ผมไม่รู้จะบอกใคร ก็เลยมาบอกผู้กอง...ยังไงหมอเอื้อก็เป็นพี่ของผู้กอง”

“ฉันต้องลากคอไอ้ศักดิ์ชายมารับโทษให้ได้”

“แล้วเราจะทำยังไงกันดี ดูก็รู้ว่าเป็นกับดักเรียกพี่คิมไปฆ่า แต่ถ้าพี่คิมไม่ไปก็ไม่รู้หมอเอื้อจะเป็นยังไงบ้าง”

ทีเกื้อกลุ้มใจมาก ต้องการตัวช่วยเลยไปหาธีรภูมิกับสัตตบงกช แต่เรื่องก็ดันรู้ถึงหูธีรนัฐ ทำให้เรื่องยุ่งมากขึ้นเพราะคนหลังสุดตั้งท่าจะบุกบ้านศักดิ์ชายเพื่อหาตัวลูกสาวคนเดียว

“ตั้งแต่เล็กจนโต พ่อไม่เคยปกป้องลูกเลย ครั้งนี้ภูมิจะให้พ่ออยู่เฉยๆอีกเหรอ”

“ผมรู้ครับว่าพ่อเป็นห่วงเอื้อ ทุกคนก็ห่วงเอื้อไม่แพ้กัน เกื้อหาทางช่วยเอื้ออยู่แล้ว คุณพ่อเชื่อใจเกื้อนะครับ”

“ตอนนี้เราต้องทำตัวตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นนะคะ”

ธีรภูมิกับสัตตบงกชกล่อมให้ธีรนัฐตั้งสติ เพราะการบุกถึงบ้านศักดิ์ชายอาจทำให้สถานการณ์ของเอื้อกานต์หนักหนากว่าเดิม ธีรนัฐเป็นกังวลมาก แต่ก็ต้องยอมเพราะเหตุผลของทั้งสองฟังขึ้นไม่น้อย

ระหว่างที่พวกทีเกื้อหาทางช่วยเอื้อกานต์ คิมก็รักษาตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีฮันเตอร์แวะมาเยี่ยม ความสัมพันธ์ที่เคยเคืองกันดีขึ้นมาก แต่ไม่ทันได้เคลียร์กัน คิมก็ต้องผลุนผลันออกจากที่ซ่อนเพราะเห็นเอื้อกานต์จากนิมิตพิเศษว่าเธอกำลังตกอยู่ในอันตราย

คิมไม่รอช้า บุกไปคาดคั้นทีเกื้ออย่างร้อนรนด้วยความเป็นห่วงเอื้อกานต์

“เกิดอะไรขึ้นกับเอื้อ...เอื้อโดนไอ้ศักดิ์ชายจับตัวไปใช่ไหม”

ทีเกื้อมีท่าทีอึกอัก รู้ดีว่าคิมต้องอ่านใจเขาได้เลยยอมสารภาพ

“ใช่...มันบอกให้พี่ไปตามนัดเพื่อแลกกับตัวเอื้อ”

“มันรู้ว่าเอื้อรู้จักพี่...มันนัดที่ไหน เมื่อไหร่ บอกมาให้หมด”

“ยังไม่ได้บอกสถานที่ คงกลัวพี่จะมาบอกตำรวจและเตรียมการได้ ผมให้เพื่อนช่วยจับสัญญาณโทรศัพท์ที่มันโทร.มาแต่ก็จับสัญญาณไม่ได้”

“พี่จะไปตามนัดของมัน พี่จะใช้ตัวเองล่อมันออกมา เกื้อต้องให้ตำรวจตามสะกดรอยพี่ไปเรื่อยๆ ถ้าถึงที่นัดหมาย เกื้อก็เรียกตำรวจไปจับศักดิ์ชาย”

“แล้วพี่กลดมั่นใจได้ยังไงว่าศักดิ์ชายจะอยู่ที่นั่น”

“มันแค้นพี่มาก พี่เชื่อว่ามันคงอยากจะเห็นหน้าพี่”

“โอเค...ผมจะลองคุยกับท่านรองฯดูว่าท่านจะยอมร่วมมือกับพี่เพื่อช่วยเอื้อไหม”

ท่านรองฯเห็นด้วยกับข้อเสนอจากชายสวมหน้ากาก แต่นภยังไม่ไว้ใจ กลัวจะถูกหักหลังแล้วแผนจะเหลวอย่างที่ผ่านมา ทีเกื้อตั้งท่าจะอธิบายแต่ก็ช้ากว่าท่านรองฯที่ตัดบทเสียงเรียบ

“เขายื่นข้อเสนอมาปรากฏตัวทั้งที่รู้ว่าเสี่ยงโดนจับเพื่อช่วยตัวประกัน แล้วเราจะปฏิเสธเขางั้นเหรอ”

“งั้นเราก็ร่วมมือกับเขา แต่หลังจากจับศักดิ์ชายช่วยหมอเอื้อแล้ว เราก็ควรจะจับเขาด้วย ยังไงเขาก็คือคนร้าย”

ooooooo

แม้รู้ตัวว่าจะถูกตำรวจจับกุมหลังช่วยเอื้อกานต์ คิมก็ยอมทำตามแผน ทีเกื้อลำบากใจมาก แต่ก็จำต้องพักเรื่องนี้ไว้ก่อนเพราะกลุ้มใจมากกว่าที่แฝดพี่กำลังตกอยู่ในอันตราย

สัตตบงกชเห็นท่าทางทีเกื้อก็เป็นห่วง ตัดสินใจโทร.ไปปลอบและให้กำลังใจ

“ฉันรู้เรื่องหมดแล้วนะ คุณเป็นยังไงบ้าง”

“ก็ไม่ค่อยโอเค”

“นั่นสิ...ฉันก็ถามอะไรโง่ๆ”

น้ำเสียงเก้อๆของเธอทำให้ทีเกื้อรู้สึกตัว แกล้งแหย่เพื่อให้เธอหมดห่วง

“จะโทร.มาให้กำลังใจผมเหรอ...แค่คุณโทร.มา ผมก็ได้กำลังใจแล้ว”

“ฉันเป็นกำลังใจให้ พี่เอื้อต้องปลอดภัย ถ้ามีอะไรให้ฉันช่วยได้ก็บอก คุณยังมีฉัน...ฉันอยู่ข้างคุณเสมอ”

หลังคุยแผนกับทีเกื้อ คิมก็ไปเอาเรื่องแดน โทษฐานรู้เรื่องก่อนแต่ไม่ยอมบอก

“คราวหน้าอย่าทำอะไรแบบนี้อีกนะ ถ้าเอื้อเป็นอะไรขึ้นมา นายจะรับผิดชอบไหวไหม”

“ขอโทษครับ...ผมไม่อยากให้พี่ต้องไปเสี่ยงอีก”

“แล้วทางนั้นติดต่อมาอีกรึเปล่า”

“ผู้กองบอกว่าพี่จะร่วมมือกับตำรวจเหรอ แล้วถ้าเราโดนพวกตำรวจหักหลังล่ะจะทำยังไง มันไม่เสี่ยงไปเหรอ”

“เกื้อบอกพี่แล้วว่าหลังจากช่วยเอื้อได้ ตำรวจจะจับพี่ แต่ถ้าจะช่วยเอื้อกับจับคนร้ายได้...พี่ก็ยอม”

แดนเครียดมาก เป็นห่วงคิมจะถูกจับหรือถึงแก่ชีวิต เลยบากหน้าไปขอให้ฮันเตอร์ช่วย

“มันเป็นกับดักแน่ ผมบอกพี่คิมแล้วแต่พี่คิมยืนยันจะไปตามนัด อาจารย์เป็นคนเดียวที่ห้ามและช่วยพี่คิมได้”

“ที่ผ่านมา...มันเคยฟังฉันที่ไหน”

“ถ้าไม่งั้น...อาจารย์ก็ช่วยตามไปช่วยพี่คิมเถอะนะครับ อาจารย์ก็อยากล้างแค้นไม่ใช่เหรอ”

“ใช่...แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา ฉันทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น”

“แต่พี่คิมกำลังตกอยู่ในอันตรายนะครับ”

“คิมเลือกจะเดินไปในหลุมพรางเอง เขาเลือกที่จะตายเอง ฉันก็ช่วยอะไรไม่ได้”

ฮันเตอร์ไม่ได้บอกว่าช่วยไม่ได้เพราะตัวเองก็อาการแย่ แดนเลยเข้าใจผิดไปกันใหญ่

“ผมไม่คิดเลยว่าอาจารย์จะใจดำขนาดนี้ พี่คิมช่วยอาจารย์ไว้ตั้งหลายครั้ง ขนาดอาจารย์หลอกใช้พี่คิม...ทำกับเขาไว้สารพัด แต่พี่คิมก็ไม่เคยทิ้งอาจารย์เลย เสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยอาจารย์ตลอด”

แดนแหวอย่างเหลืออด ก่อนจะทิ้งท้ายเสียงห้วน “อาจารย์ไม่ช่วยพี่คิมก็ไม่เป็นไร...แต่ผมจะไม่ยอมให้พี่คิมตายเด็ดขาด ผมอาจมีอาคมไม่เท่าอาจารย์ แต่ผมก็จะหาทางช่วยพี่คิมให้ได้ ต่อให้ต้องตายผมก็ยอม!”

ooooooo

อาคม

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด