ตอนที่ 11
อัลบั้ม: "อาคม" ละเครแนวสืบสวน-แฟนตาซี ได้ "เจมส์ มาร์" ประกบ "มาร์กี้"
คิมหรือทรงกลดรวบรวมหลักฐานและข้อมูลธุรกิจทุกอย่างของวัฒน์ ทั้งอาบอบนวด ผับ บาร์ ยาเสพติดและบ่อนการพนัน แดนทึ่งและตื่นเต้นมากกับข้อมูล ก่อนจะหุบยิ้มฉับเมื่อเห็นภาพบ่อนแห่งหนึ่ง...
ภาพบ่อนการพนันแห่งหนึ่งของวัฒน์ทำให้แดนคิดถึงพ่อ ครอบครัวเขาถูกสังหารเพราะพ่อติดการพนันอย่างหนัก ต้องหนีเจ้าหนี้จนเจอคิมที่ช่วยชีวิตไว้ แต่กระนั้น...อดีตอันโหดร้ายและเจ็บปวดก็ทำให้ลืมไม่ลง!
อดีตอันเลวร้ายพาแดนกลับไปที่หน้าบ้านเก่า ฮันเตอร์รอจังหวะอยู่แล้ว ฉวยโอกาสใส่ไฟและปั่นหัวแดนให้เพลิงแค้นที่พ่อแม่ต้องตายเพราะวัฒน์เป็นคนสั่งฆ่าปะทุอีกครั้ง
แดนมีสีหน้าตกใจมาก ไม่เคยรู้ว่าวัฒน์เป็นตัวการเรื่องทั้งหมด และฮันเตอร์ก็รู้ดี อาสาล้างแค้นให้หากเขายอมฝึกอาคมเป็นลูกศิษย์อีกคนเหมือนคิม ข้อเสนอของฮันเตอร์เย้ายวนใจมาก แดนคิดหนัก ลังเลอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังไม่รับปากเพราะไม่อยากใช้อาคมทำร้ายใคร
คิมเป็นห่วงแดนมาก ท่าทางหลังเห็นข้อมูลของ วัฒน์คาใจเขาอย่างบอกไม่ถูก แต่กระนั้นก็ห่วงเอื้อกานต์มากกว่า จนต้องนัดพบทีเกื้อเพื่อเตือนให้เฝ้าระวังเธอดีๆ
“พี่จะขอให้เกื้อช่วยดูเอื้อด้วย พี่ไม่ไว้ใจคนอย่างวัฒน์ ไม่อยากให้เอื้อไปยุ่งกับคนพวกนั้น”
“ผมก็ไม่อยากให้เอื้อยุ่งกับมันเหมือนกัน แล้วพี่ไปสืบเรื่องลุงชูใช่ไหม”
“ใช่...มันอยู่ในบ้าน ไม่ได้อยู่ต่างจังหวัดอย่างที่ให้ข่าว”
“ผมว่าแล้วว่ามันโกหก”
“พี่ถ่ายคลิปเอาไว้ ส่งให้คุณภูมิไปทำข่าวแล้วสื่อจะได้บีบให้มันออกมายอมรับความจริง”
“เรื่องเอื้อไม่ต้องห่วงนะ ผมจะเตือนเอื้อเอง”
ทีเกื้อทำตามที่พูดในคืนเดียวกัน ตะล่อมอย่างใจเย็นเพราะไม่อยากให้แฝดพี่ผิดสังเกต หรือจับได้ว่าเขาแอบติดต่อคิม แต่ท่าทางแปลกๆของเขาก็ทำให้เอื้อกานต์สงสัยและเก็บไปคิดมากจนฝันถึงคิม...
คิมถอดจิตมาหาเอื้อกานต์ในความฝัน คุณหมอ
สาวดีใจมากที่เห็นหน้าเขา ถามไถ่ด้วยความคิดถึงและเป็นห่วง คิดว่าเขาหายหน้าหายตาเพราะรู้สึกผิดที่ทำร้ายคุณหญิงอัปสร
“ถ้าเป็นเรื่องนั้น...ไม่ต้องห่วงนะ เกื้อเล่าให้ฉันฟังหมดแล้วว่าคุณไม่ได้ตั้งใจ แต่โดนอาจารย์คุณบีบ”
“อย่าอยู่ใกล้ผมเลย ลืมไปเถอะนะว่าเคยรู้จักคนอย่างผม”
“ฉันจะลืมเรื่องคุณได้ยังไง ฉันไม่เคยลืมเรื่องอะไรเกี่ยวกับตัวคุณเลย”
“คุณจำอะไรได้บ้าง”
“ฉันจำได้ว่าคุณคือ...มนุษย์หน้ากากที่ช่วยคนกำลังลำบาก เป็นนักข่าว เป็นจิตอาสาที่ช่วยงานฉัน”
“แค่นี้เหรอ”
“มีอะไรอีกเหรอ มีอะไรอีกที่ฉันจำไม่ได้”
“ผมก็เป็นคนร้ายที่ตำรวจตามล่าไง เพราะฉะนั้น... คุณอย่าตามหาผมอีกเลยนะ”
พูดจบก็ตัดใจเดินหนี แต่ก็ถูกเอื้อกานต์ตามไปรั้งตัวไว้
“อย่าไปเลยนะ”
“ถ้าหมอรั้งผมไว้แบบนี้ ผมจะตัดใจปล่อยหมอไปได้ยังไง”
คิมเอ่ยเสียงเศร้าแล้วหายวับไป ทิ้งเอื้อกานต์ให้วิ่งตาม ก่อนจะสะดุ้งตื่น พร้อมความจริงว่าเธอแค่ฝันไป!
ooooooo
การตัดใจจากเอื้อกานต์เป็นเรื่องยากลำบากสำหรับคิม ต่างจากเรื่องเล่นงานวัฒน์ที่คิมทำได้ดี รวบรวมข้อมูลและหลักฐานทุกอย่างส่งให้ธีรภูมิกับสัตตบงกชทำข่าวแฉ
หลังตรวจสอบข้อมูลจนแน่ใจ ธีรภูมิก็ส่งสัตตบงกชกับทีมภาคสนามไปทำรายงานพิเศษถึงหน้าบ้านวัฒน์ แน่นอนว่าเจ้าตัวไม่ออกมาให้สัมภาษณ์ตามคาด แต่รายการก็ได้รับความสนใจอย่างน่าตกใจ จนศักดิ์ชายที่นิ่งเฉย
มาตลอดเริ่มใจไม่ดี ตัดสินใจส่งภรรยากับหลานชายไปพักที่อื่น เหลือแค่วัฒน์ที่กำลังประสาทเสีย
“พ่อต้องช่วยผมด้วยนะ ผมไม่รู้ต้องทำยังไงแล้ว พวกมันไม่มีทางหยุดแน่ ถ้าผมไม่สารภาพความจริง”
“งั้นแกก็ออกไปสารภาพความจริงกับสื่อซะ...เรื่องจะได้จบๆซะที!”
ศักดิ์ชายจัดงานแถลงข่าวเกี่ยวกับข้อกล่าวหาของลูกชายคนเดียวในวันต่อมา สวมบทนักธุรกิจพ่อพระและใจบุญยืนยันกับนักข่าวว่าทุกอย่างเป็นการเข้าใจผิด วัฒน์อยู่ในรถคันนั้นที่ชนลุงชูแต่ไม่ใช่คนขับ
“ผมกับลูกเสียใจกับครอบครัวลุงชูจริงๆครับ หลังเกิดเรื่อง เราก็พยายามติดต่อครอบครัวคุณลุงเพื่อช่วยเหลือ”
แน่นอนว่าคำให้การของศักดิ์ชายเป็นที่โจษจันทั่วประเทศหลังจากนั้น หลายคนเชื่อว่าเป็นการหาแพะมารับบาปแทนลูกชายคนเดียว คิมที่แฝงตัวมาดูเหตุการณ์เจ็บใจมาก แต่คงไม่เท่าวิญญาณลุงชูที่ประกาศลั่นจะเอาคืน!
ธีรภูมิกับสัตตบงกชก็ไม่เชื่อคำให้การของศักดิ์ชาย มั่นใจว่าคือการโกหกเพื่อปกป้องลูกชายเหมือนเคย ธีรนัฐผ่านมาได้ยินพอดี ประสบการณ์และเรื่องวุ่นวายที่ผ่านมาทำให้อยากเตือนสติลูกชายกับว่าที่ลูกสะใภ้
“มันเป็นกฎธรรมชาติ ปลาใหญ่ต้องกินปลาเล็ก คนมีอำนาจมักเป็นผู้ชนะ ถ้ายอมรับความจริงข้อนี้ได้ เราก็จะไม่เสียเวลากับความไม่ยุติธรรม”
สัตตบงกชอดค้านไม่ได้ “ยอมรับง่ายๆแบบนี้ก็เท่ากับสื่ออย่างเรายอมแพ้ เพิกเฉยต่อความจริงน่ะสิคะ”
“เราไม่ได้ยอมแพ้ แต่แทนที่จะขุดคุ้ยหาสาเหตุกับสิ่งที่ผิดพลาดไปแล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้ เราเอาเวลาไปทำข่าวที่เป็นประโยชน์ ป้องกันไม่ให้เรื่องร้ายๆแบบนี้เกิดขึ้นอีก เช่นข่าวรณรงค์ให้ออกกฎหมายเรื่องการขับรถ หรือข่าวอะไรที่เป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ...ไม่ดีกว่าเหรอ”
ธีรภูมิพยักหน้ารับรู้แต่ก็ไม่วายเสนอความเห็น “ผมรู้ครับว่าการที่ผมพยายามหาคนผิด มันอาจไม่ได้เป็นประโยชน์เท่ากับข่าวที่คุณพ่อว่า แต่ผมก็ไม่อยากเพิกเฉยต่อความไม่ยุติธรรมเล็กๆน้อยๆ”
สัตตบงกชรีบเสริมคู่หมั้นหนุ่ม “ใช่ค่ะ...บางที บทเรียนครั้งนี้ก็อาจทำให้คนอย่างวัฒน์ไม่กล้าทำผิด เพราะรู้ว่ายังมีหลายคนจับจ้อง พร้อมจะพิพากษาเขาก็ได้นะคะ”
“งั้นคงแล้วแต่อุดมการณ์ของนักข่าวแต่ละคนว่าจะเลือกทางไหน ขอแค่เรามีเจตนาที่ดีต่อสังคมก็พอ...จริงไหม”
การแถลงข่าวของศักดิ์ชาย แก้ต่างให้วัฒน์ ทำให้หลายฝ่ายไม่พอใจ โดยเฉพาะภรรยากับลูกชายลุงชูสมาชิกครอบครัวที่เหลือของเหยื่อที่ต้องตายเพราะความประมาท แต่หาตัวคนรับผิดไม่ได้
นภมาเยี่ยมญาติสาวกับหลานชาย เจ็บใจแทนพวกเขามาก
ทีเกื้อที่มาเป็นเพื่อนต้องช่วยปลอบ “คนมีเงินก็ใช้เงินสร้างสถานการณ์ซื้อทุกอย่าง ซื้อแม้แต่ความผิดของตัวเอง ส่วนคนจนก็ต้องก้มหน้าเป็นเหยื่อของคนพวกนี้ต่อไป”
เอื้อกานต์ที่ดูแลลูกชายลุงชูช่วยพูดอีกแรง“กฎหมายทำอะไรไม่ได้ แต่สักวัน...เขาก็ต้องได้รับกรรมของตัวเอง”
“แต่กฎแห่งกรรมจะทำงานช้าไปน่ะสิ”
“ถ้าคนคนนั้นอยู่ก็คงดี เขาคงไม่อยู่เฉยแน่”
ทีเกื้อเหลือบมองแฝดพี่เงียบๆ มั่นใจว่าคนคนนั้นที่เธอหมายถึงก็คือคิม...
ooooooo
ทีเกื้อเป็นห่วงแฝดพี่มาก ตามไปปลอบและหยั่งเชิงเรื่องคิม เอื้อกานต์ตอบไม่ถูก คิดถึงและ
โหยหาแต่กลับจำอะไรเกี่ยวกับเขาไม่ได้มาก นอกจากเขาเป็นนักข่าวและอาสาสมัครของโรงพยาบาล
คำตอบของเอื้อกานต์ทำให้ทีเกื้อถอนใจยาวโล่งอกที่แฝดพี่ไม่ได้ทุกข์ร้อนเรื่องคิม แต่ก็วางใจไม่ได้ โดยเฉพาะนิมิตกับสัมผัสพิเศษของอีกฝ่ายที่ไม่ธรรมดา...อาจคิดเรื่องคิมออกวันไหนก็ได้
การแถลงข่าวของพ่อทำให้วัฒน์ลำพองใจ ออกไปกร่างและเฉลิมฉลองกับกลุ่มเพื่อนในผับหรูใจกลางเมือง คิมคอยตามดูตลอด พยายามหาทางจับผิด แต่ไม่ทันลงมือ วิญญาณลุงชูที่ผูกใจเจ็บก็แผลงฤทธิ์เสียก่อน
นับตั้งแต่วันที่เกิดอุบัติเหตุ วัฒน์ก็มีอาการเมื่อยและปวดตามเนื้อตัวอย่างบอกไม่ถูก วิญญาณลุงชูนั่นเองที่ตามเกาะและทำให้เขามีอาการแบบนั้น และวันนี้ที่ผับหรู วิญญาณอาฆาตก็ทำให้วัฒน์เกิดนิมิต!
วัฒน์ดื่มฉลองจนหนำใจจึงไปที่รถ และโดยไม่คาดคิด...มีรถพุ่งชนเขาอย่างแรง วิญญาณลุงชูมองสภาพเลือดท่วมตัวและอาการตะเกียกตะกายเพื่อเอาตัวรอดของวัฒน์ด้วยแววตาเคียดแค้น แหวลั่น
“โดนรถชนแบบนี้รู้สึกยังไงบ้าง”
วิญญาณลุงชูพูดพลางส่งสายตาเอาเรื่อง วัฒน์ กลัวมาก หลับหูหลับตาไหว้ขอชีวิต คิดว่าต้องตายแน่พลันก็รู้สึกตัวในเวลาต่อมาว่าทั้งหมดเป็นแค่ภาพหลอน... แต่มันก็เหมือนจริงเหลือเกิน
แววตาอาฆาตและสภาพเลือดท่วมตัวของวิญญาณลุงชูทำให้วัฒน์นอนไม่หลับ คิดมากสารพัดจนต้องไปฟ้องพ่อในเช้าวันต่อมา ศักดิ์ชายไม่เชื่อ สั่งให้เลิกเพ้อเจ้อและกลับไปทำงานตามปกติ
วิญญาณลุงชูตามหลอนวัฒน์อีกหลายครั้ง ทำให้เขาประสาทเสียจนต้องนัดพบเอื้อกานต์ที่โรงพยาบาล เพราะจำได้ว่าเธอเคยพูดถึงเรื่องกรรมและวิญญาณอาฆาต
“จำที่คุณหมอเตือนผมได้ไหมครับ...คุณหมอบอกให้ผมทำบุญ ผมก็ไปทำบุญแล้ว แต่ผมก็ยังนอนไม่หลับ หวาดผวาไปหมด หมอมียาอะไรให้ผมไหมครับ”
“โรคนี้...ยาอะไรก็รักษาไม่ได้หรอกค่ะ มันอยู่ที่ใจคุณ”
“ยังไงครับ แล้วผมควรทำยังไง”
“ถ้าคุณไม่ได้ทำอะไรผิด คุณก็จะไม่เป็นแบบนี้ คุณควรจะทำสิ่งที่ถูกต้อง”
วัฒน์หงุดหงิดมากที่เอื้อกานต์ไม่ช่วย แต่คุณหมอสาวก็ไม่สนใจ มัวมองตามคิมที่จู่ๆก็โผล่มาโรงพยาบาล ความจริงก็คือคิมเฝ้าตามดูเธออยู่แล้ว หลังตัดสินใจจะออกจากชีวิตเธอ เขาก็คอยตามดูแลห่างๆ
เอื้อกานต์เห็นเขาพยายามเดินหนี ก็วิ่งไปดักหน้าและชวนทานข้าว
“คิดยังไงถึงชวนผมกินข้าว ผมเป็นฆาตกร เป็นคนที่พยายามจะทำร้ายครอบครัวคุณนะ”
“เกื้อเล่าให้ฉันฟังแล้วว่าคุณไม่ได้ตั้งใจทำ”
“แต่ผมก็คือคนร้าย”
“ฉันรู้ว่าคุณไม่ใช่คนดีอะไร แต่ฉันก็ยังอดคิดถึงเรื่องคุณไม่ได้”
“คุณจะมาคิดถึงผมทำไม”
“ฉันก็ไม่รู้ ตั้งแต่ฉันฟื้น ก็รู้สึกอยากตามหาคุณ...รู้สึกเหมือนเรารู้จักกันมานาน...คุณอย่าหายไปไหนอีกเลยนะ”
น้ำเสียงอ้อนวอนของเธอทำให้คิมเกือบใจอ่อน แต่ยังทำไม่รับรู้ แกล้งเย้า
“หมอคงไม่ได้หลงรักผมหรอกนะ ถ้าเป็นแบบนั้นผมคงลำบากใจแย่”
“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอก ฉันรักพี่กลดคนเดียว ถึงเขาจะตาย...แต่ฉันก็ไม่เคยลืมเขาเลย”
คราวนี้คิมอึ้งไปจริงๆ สงสารทั้งเธอและตัวเอง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก นอกจากทิ้งท้าย
“ผมตั้งใจจะไปกบดานไกลๆ คงไม่มาเจอหมออีก หมอก็อย่าติดต่อผมอีกเลยนะ”
ooooooo
ทีเกื้อแวะมาหาแฝดพี่พอดี ทันเห็นหลังคิมไวๆเลยตัดสินใจไปคุยด้วย ห่วงทั้งแฝดพี่กับอีกฝ่าย
จะต้องเผชิญหน้ากันบ่อยๆแล้วความจะแตกสักวัน
“พี่เลือกจะลบทุกอย่างระหว่างพี่กับเอื้อ เพราะ ฉะนั้น...พี่ก็ต้องทำใจให้ได้”
“แล้วตอนเกื้อเจอหนูดีกับพี่ชายเกื้อ...เกื้อทำใจได้ง่ายๆไหมล่ะ”
“ผมก็เตือนพี่ เพราะไม่อยากให้พี่เป็นเหมือนผมไง”
“พี่รู้ว่าควรทำยังไง แต่มันก็ทำใจไม่ได้”
“เอื้อก็คงทำใจไม่ได้เหมือนกัน ขนาดพี่ลบความทรงจำว่าพี่คือทรงกลด แต่เหมือนเอื้อก็ยังคิดถึงพี่ในฐานะคิม”
“พี่พลาดเอง พี่ไม่คิดว่าเอื้อจะพยายามตามหาคิมขนาดนี้”
ทีเกื้อมองมาด้วยความเห็นใจ คิมเลยได้สติ ทำเป็นเข้มแข็ง
“ที่ตามมาเพื่อจะแซวแค่นี้ใช่ไหม”
“ผมจะถามเรื่องความจำเอื้อเนี่ยแหละ พี่แน่ใจใช่ไหมว่าสะกดความทรงจำเอื้อไว้ดีแล้ว เอื้อเหมือนเริ่มสงสัยว่าตัวเองลืมอะไรไป พี่ระวังหน่อยก็ดีนะ ผมไม่อยากให้เอื้อจำพี่กลดได้”
คิมพยักหน้ารับรู้ รู้สึกหน่วงในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก และทีเกื้อก็เข้าใจดี
“ผมไม่ได้รังเกียจพี่ แต่ทางที่พี่เลือก...ไม่มีทางจะอยู่กับเอื้อได้ ผมไม่อยากให้เอื้อต้องเจ็บอีกตอนที่พี่จากไป...”
แดนมัวจมปลักกับความแค้นที่มีต่อวัฒน์จนไม่มีแก่ใจจะสนใจคนอื่น คิมเห็นแฮกเกอร์หนุ่มที่เคยยิ้มง่ายมีสีหน้าครุ่นคิดตลอดเวลาก็อดถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงไม่ได้
“ผมอยากล้างแค้นให้ครอบครัวผม พี่ช่วยผมทวงความยุติธรรมให้ครอบครัวผมด้วยได้ไหม”
“เรื่องครอบครัวแดน เราอาจจะจัดการอะไรไม่ได้เพราะมันก็นานมาก แล้วเราก็ไม่มีหลักฐาน”
“นั่นสิ...ขนาดเรื่องลุงชูยังทำอะไรมันไม่ได้เลย”
“แต่พี่จะจัดการเล่นงานมันจากธุรกิจมืดที่มันทำอยู่ตอนนี้แทน...พี่จะทำลายธุรกิจมืดของวัฒน์ทั้งหมดและจะทำให้มันโดนตำรวจจับให้ได้ เราต้องช่วยกันสืบว่ามันทำอะไรเลวๆไว้บ้าง”
“ครับพี่...ผมจะขุดเรื่องของมันให้หมด”
“สังคมต้องรับรู้เบื้องหลังเลวๆของมัน!”
ไม่ใช่แค่คิมกับแดนเท่านั้นที่จ้องจะเปิดโปงวัฒน์ ธีรภูมิกับสัตตบงกชก็มีความตั้งใจไม่ต่างกัน จะใช้อำนาจสื่อในมือหาข้อมูลแฉพฤติกรรมเลวร้ายของวัฒน์ให้ได้
“ถึงเราจะทำอะไรเรื่องลุงชูไม่ได้ แต่เราจะเล่นงานวัฒน์เรื่องธุรกิจผิดกฎหมายแทน เราต้องช่วยกันสืบเรื่องนี้”
สัตตบงกชรับปากแข็งขัน “หนูดีจะกัดมันไม่ปล่อยค่ะ หนูดีจะสืบมาให้ได้ว่ามันทำเรื่องชั่วๆอะไรไว้บ้าง เราต้องรีบเล่นข่าวนี้ ตอนนี้คนกำลังให้ความสนใจ”
“เราต้องตีเหล็กตอนกำลังร้อน ถ้ามัวชักช้า เกิดมีข่าวใหม่ คนจะลืมแล้วหันไปสนใจกับข่าวอื่นมากกว่า”
ไม่ทันขาดคำ...ฟ้าหนึ่งในทีมงานก็วิ่งกระหืด กระหอบมาแจ้งข่าวด่วน ซุบซิบจากวงในเกี่ยวกับธีรภูมิกับสัตตบงกชว่างานแต่งต้องล่มเพราะมีมือที่สามอย่างทีเกื้อ!
ooooooo
ทีเกื้อมองหน้าคนนั้นคนนี้งงๆ เพราะตั้งแต่เดินเข้าสถานีก็มีแต่คนส่งสายตาแปลกๆให้ นภมองมาด้วยความอึดอัดปนสงสารเพื่อนคู่หู ก่อนจะตัดสินใจบอกสาเหตุ
“มีข่าวลือว่าแกเป็นมือที่สามระหว่างหนูดีกับคุณภูมิ ทุกคนเลยเข้าใจว่าคุณภูมิยกเลิกงานแต่งเพราะคุณภูมิจับได้ว่าหนูดีนอกใจมาคบกับน้องชายต่างแม่ของ ตัวเอง...ซึ่งก็คือแก”
“ข่าวมันหลุดออกมาได้ยังไง”
“หลุดมาได้ไงไม่สำคัญหรอก ตอนนี้ทุกคนต่างก็อยากรู้ความจริงว่าแกไปแย่งแฟนพี่ชายแกมาใช่ไหม”
“ทำไมคนต้องให้ความสำคัญกับข่าวนี้มากขนาดนี้ด้วย มันน่าแปลกใจนะ ฉันไม่ใช่ดาราซะหน่อย”
“แกไม่ใช่ดาราแต่คุณหนูดีเป็นนักข่าวดัง แถมคุณภูมิก็ลูกเจ้าของสถานี เลยเป็นข่าวใหญ่แถมฉาวอีกต่างหาก”
คิมกับแดนก็ตกตะลึงกับข่าวนี้มาก มั่นใจโดยไม่ต้องเดาว่ามีคนปล่อยข่าวนี้เพื่อกลบกระแสเรื่องวัฒน์
“มีข่าวลือแบบนี้ได้ยังไง”
“ผมก็แปลกใจเหมือนกัน คนรู้เรื่องนี้กันได้ยังไง ทั้งๆที่แทบจะไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่าผู้กองทีเกื้อเป็นน้องชายคุณภูมิ แปลว่าต้องเป็นคนสนิทที่ปล่อยข่าว”
“ไม่ต้องสืบเลยว่าเป็นแผนการของใคร มีอยู่คนเดียวที่ได้ประโยชน์จากข่าวลือนี้...”
คิมเดาว่าคนปล่อยข่าวก็คือศักดิ์ชาย ซึ่งก็จริงดังคาด เขาจัดแจงสั่งงานลูกน้องอย่างเคร่งเครียด
“จัดการปล่อยข่าวฉาวของพวกมันต่อไปเรื่อยๆ ปั่นกระแสในโซเชียลซะว่าเป็นรักสามเส้าระหว่างพี่น้องสายเลือดเดียวกัน เอาให้แรงๆฉาวๆไปเลย”
ลูกน้องรีบไปจัดการตามคำสั่ง วัฒน์ที่ยืนฟังตลอดยังหวั่นใจ
“พ่อแน่ใจเหรอว่าข่าวเน่าๆของพวกมันจะกลบข่าวผมได้”
“พอมีข่าวใหม่ คนก็จะลืมข่าวเก่าไปเอง คนต้องสนใจเรื่องคนดังเป็นชู้กันมากกว่าจะสนใจเรื่องลุงชูที่เป็นใครก็ไม่รู้อยู่แล้ว...แกก็อย่าไปสร้างข่าวอะไรเพิ่มอีกล่ะ”
ข่าวโจมตีวัฒน์เริ่มซา นักข่าวพากันจิกทึ้งเรื่องธีรภูมิกับสัตตบงกชแทน ทีเกื้อเป็นห่วงอดีตคนรักมาก แอบตามไปดูสถานการณ์ถึงสถานีทีเอ็นนิวส์ทันเวลา เจอเธอถูกเหล่านักข่าวรุมล้อมถามเรื่องรักสามเส้า
การปรากฏตัวของทีเกื้อยิ่งทำให้กระแสข่าวรุนแรงขึ้น ยกระดับเรื่องงานแต่งล่มธรรมดาเป็นรักสามเส้าระหว่างพี่น้อง และกลายเป็นเรื่องฉาวภายในครอบครัวในที่สุด
ทีเกื้อโมโหมาก แหวลั่นต่อหน้าเหล่านักข่าว “ผมกับหนูดีไม่ได้เป็นอะไรกันทั้งนั้น และผมกับพี่ภูมิก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน เลิกให้ข่าวเสียๆหายๆพี่ชายผมได้แล้ว ถ้าพวกคุณยังตามมาอีก ผมจะจับพวกคุณให้หมด!”
ooooooo
สัตตบงกชมีท่าทีนิ่งสงบอย่างเหลือเชื่อ แม้จะปลื้มใจที่ทีเกื้อออกโรงปกป้อง แต่มีเรื่องหนักใจมากกว่าเพราะรู้ดีว่าเรื่องข่าวฉาวทั้งหมดมีที่มาที่ไปมาจากไหน
ทีเกื้อเป็นห่วงอดีตคนรัก หลังกันพวกนักข่าวออกไปได้จึงตามไปปลอบ
“ฉันเป็นนักข่าว ปกติเคยแต่สัมภาษณ์คนอื่น ไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งจะเจอแบบนี้ เข้าใจหัวอกคนที่ฉันตามสัมภาษณ์เลย เหมือนกรรมตามสนอง”
“ผมขอโทษนะ...ทำให้มีข่าวเสียๆหายๆแบบนี้”
“ไม่ใช่เพราะคุณหรอก แต่เป็นเพราะวัฒน์ต่างหาก”
“คุณพูดแบบนี้หมายความว่าไง”
บทสนทนาระหว่างเธอกับศักดิ์ชายถูกนำมาถ่ายทอด หลังจากที่เขาแถลงข่าวปกป้องลูกชายคนเดียว
“ถึงวันนี้คุณจะหาแพะมารับผิดแทนได้ แต่สักวันความจริงก็ต้องปรากฏว่าคุณทำอะไรไว้”
“ดูคุณนักข่าวจะขยันหาข่าวให้คนอื่นจริงๆนะ แบบนี้น่าจะลองเป็นข่าวเองดูบ้าง จะได้รู้ว่ามันเป็นยังไง”
“ฉันไม่เคยทำเรื่องชั่วๆให้เสื่อมเสีย ใครจะมาทำข่าวฉันคงยากหน่อย”
“ดูคุณจะแน่ใจจังนะ...”
สัตตบงกชไม่เคยคิดถึงคำพูดทิ้งท้ายนั้นอีก จนกระทั่งวันนี้...วันที่เธอกลายเป็นข่าวใหญ่
“ต้องเป็นฝีมือมันแน่ๆที่ปล่อยข่าวนี้ มันตั้งใจให้คนหันมาสนใจข่าวฉันเพื่อกลบข่าวฉาวของลูกตัวเอง”
“แล้วคุณเป็นยังไงบ้าง ตั้งแต่มีเรื่องตอนนั้น เราก็ไม่ได้เจอกันเลยนะ คุณคงไม่ได้ตั้งใจจะหลบหน้าผมใช่ไหม”
“คุณต่างหากที่ตั้งใจจะหลบหน้าฉัน”
“ถ้าคุณไม่ได้หลบหน้าผม ผมไม่ได้หลบหน้าคุณ ก็แปลว่าเราต่างคนต่างอยากเจอหน้ากันน่ะสิ”
“ไม่ได้หลบก็ไม่ได้หมายความว่าอยากเจอซะหน่อย”
“แต่ลึกๆผมกลับอยากเจอคุณนะ”
สัตตบงกชเขินมาก แต่ไม่ทันพูดอะไร ทั้งเธอและเขาก็ต้องรีบไปบ้านธีรนัฐเพราะคุณหญิงอัปสรเรียกพบ พิธีกรสาวมีท่าทางอึดอัดใจ ทีเกื้อเข้าใจดีสัญญาจะช่วยปกป้องเธอทุกทางไม่ให้เจอเรื่องวุ่นตามลำพัง!
คุณหญิงอัปสรไม่ได้กราดเกรี้ยวหรือโวยวายใส่ทีเกื้อกับสัตตบงกชเหมือนที่ทุกคนนึกกลัว แต่กลับรับฟังเรื่องราวด้วยสีหน้าสงบนิ่ง ก่อนจะประกาศง่ายๆให้ลูกชายแต่งงานกับคู่หมั้นสาว
ธีรภูมิตกตะลึงมาก คัดค้านแม่เต็มที่แต่กลับถูกตอกเสียงเข้ม
“ก็เรื่องมันเป็นแบบนี้ จะให้แก้ปัญหายังไงล่ะ ถ้าไม่ใช้วิธีนี้...”
เอื้อกานต์ตามมาสมทบแฝดน้องด้วยความเป็นห่วง ธีรภูมิเครียดมาก อาสาจะจัดงานแถลงข่าวตามที่แม่ต้องการ แต่ไม่ยอมบอกว่าจะแก้ต่างกับพวกนักข่าวว่าอะไร
ooooooo
งานแถลงข่าวของธีรภูมิจัดขึ้นในเช้าวันต่อมาที่สตูดิโอของสถานีทีเอ็นนิวส์ ทุกคนในครอบครัวธีรนัฐมากันพร้อมหน้าพร้อมตา สายตาจดจ้องไปทางธีรภูมิกับสัตตบงกชที่นั่งอยู่ด้วยกันท่ามกลางเหล่านักข่าว
“สาเหตุที่ผมกับหนูดียกเลิกงานแต่งงาน ไม่ได้เป็นเพราะน้องชายผมเป็นมือที่สามอย่างที่ข่าวออกมา”
คิมก็มาร่วมงานนี้ สีหน้านิ่งสงบ จนกระทั่งธีรภูมิโพล่งเรื่องความรักของทีเกื้อ
“คนที่มาทีหลังไม่ใช่เกื้อ แต่เป็นผมต่างหาก...ทั้งสองรักกันมาก่อนแล้ว”
คุณหญิงอัปสรเบิกตาโพลงเมื่อได้ยินคำบอกเล่าของลูกชาย ธีรนัฐต้องปรามด้วยสายตาให้เก็บอาการ เหล่านักข่าวฮือฮามาก แต่ธีรภูมิก็ยังรักษาท่าทีได้เป็นอย่างดี ก่อนจะเอ่ยถึงทีเกื้อน้องชายคนละแม่
“แม้เกื้อกับหนูดีจะเคยรักกัน แต่เกื้อก็ไม่เคยมีการกระทำอย่างที่ว่า มีแต่จะหลีกทางให้ผมกับหนูดี”
นักข่าวฮือฮาอีกรอบ โพล่งถามกันใหญ่ถึงสาเหตุการยกเลิกงานแต่งที่แท้จริง ธีรภูมินั่งเงียบอยู่นาน ก่อนจะตัดสินใจบอกว่าทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะตัวเขาเอง
“ผมไม่ได้ชอบผู้หญิง! ผมเป็นเกย์ ผมเลยแต่งงานกับหนูดีไม่ได้ เรื่องทั้งหมดเป็นความผิดของผมเองครับ”
เสียงฮือฮาดังจากหมู่นักข่าวอีกรอบ เอื้อกานต์ ทีเกื้อ รวมทั้งคิมก็ตื่นตะลึงไม่ต่างกัน ต่างจากสัตตบงกช ธีรนัฐและคุณหญิงอัปสรที่รู้ความจริงทุกอย่างอยู่แล้ว แต่ที่คาดไม่ถึงคือการตัดสินใจบอกความจริงต่อหน้านักข่าวของธีรภูมิ
สัตตบงกชเข้าใจเหตุผลธีรภูมิดี แต่ทีเกื้อไม่รู้เรื่องมาก่อน อดไม่ได้จะเปิดอกเคลียร์
“พี่ไม่ชอบผู้หญิง แล้วพี่จะแต่งงานกับหนูดีทำไม ผมงงไปหมดแล้ว”
“พี่ชอบผู้ชาย คุณแม่รับไม่ได้ เลยบังคับให้พี่แต่งงานกับหนูดีเพื่อปกปิดเรื่องนี้กับสังคม”
“แล้วหนูดีรู้เรื่องรึเปล่าครับ”
“หนูดีก็รู้เรื่องทั้งหมดและยินดีที่จะแต่งงานเพื่อช่วยพี่ ตอนแรกพี่ก็ไม่อยากยอมรับเงื่อนไข แต่พี่อยากช่วยครอบครัวหนูดีที่กำลังลำบากเรื่องเงิน หนูดีเองต้องการช่วยพี่และต้องการตอบแทนบุญคุณที่คุณหญิงช่วยเหลือครอบครัวหนูดีเอาไว้ พี่เห็นว่าเป็นหนูดี พี่ก็ยิ่งสะดวกใจ เพราะพี่ก็รักหนูดีเหมือนน้องสาว”
“ทำไมผมถึงไม่รู้เรื่องอะไรเลย”
“ตกใจมากใช่ไหมที่พี่ไม่ได้ชอบผู้หญิง พี่คงทำให้น้องชายผิดหวังมากใช่ไหม”
“ไม่ว่าพี่จะเป็นอะไร พี่ก็ยังเป็นพี่ชายของผมเสมอ...สิ่งที่พี่ทำวันนี้ มันแมนกว่าผู้ชายอย่างผมด้วยซ้ำ”
“ต้องขอบคุณเกื้อนะที่ทำให้พี่กล้าตัดสินใจ ทำอะไรให้มันถูกต้อง”
“ไม่ใช่ผมหรอกครับ เพราะตัวพี่เองต่างหาก”
“เกื้อต้องดูแลหนูดีให้ดีนะ ไม่ต้องเกรงใจหรือคิดมากเรื่องพี่อีกต่อไปแล้ว...”
ooooooo
เคลียร์กับทีเกื้อแล้ว ธีรภูมิก็ไปจัดการเรื่องแม่ที่เป็นลมหมดสติทันทีที่จบงาน โดยมีสัตตบงกชกับธีรนัฐตามไปคุยด้วย กลัวคุณหญิงอัปสรจะโกรธและอาละวาดใส่ธีรภูมิ
แต่คุณหญิงอัปสรก็ทำให้ทุกคนประหลาดใจด้วยการยอมรับการตัดสินใจของลูกชาย
“คุณแม่ไม่ว่า ไม่โกรธผมเลยเหรอครับ”
“ไม่โกรธก็แปลกใจ หรืออยากให้โกรธ”
ทุกคนมองหน้ากันอึ้งๆ ก่อนที่คุณหญิงอัปสรจะตัดบท
“ตั้งแต่ฉันเฉียดตายครั้งนั้นมาได้ ฉันก็ปลงแล้วล่ะ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เราได้มีลมหายใจ ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขก็พอแล้ว ถ้ามันคือความสุขของภูมิก็ทำเถอะ”
“ขอบคุณครับคุณแม่...”
ครอบครัวธีรนัฐเข้าใจกันได้ในที่สุด ทุกอย่างจบลงได้ดี แลกกับข่าวฉาวใหญ่โตบนสื่อแทบทุกสำนัก วัฒน์กับศักดิ์ชายยิ้มให้กันด้วยความสะใจ
“คิดไม่ถึงว่าภูมิจะเป็นเกย์”
“นั่นสิ...พ่อก็นึกไม่ถึงเหมือนกัน แต่ก็ต้องขอบคุณเขานะ เพราะข่าวนี้เลยทำให้คนลืมเรื่องของแกไปหมด”
“ผมคงต้องส่งผู้ชายไปขอบคุณมันซะหน่อยแล้ว”
ศักดิ์ชายไม่ต่อความยาว เปลี่ยนเรื่องถามถึงกิจการของเขาที่ให้ลูกชายดูแล
“ก็ดีครับ...เงินกำลังสะพัด มีหลายออเดอร์เข้ามา”
“แกเพิ่งมีเรื่องมาไม่นาน ช่วงนี้จะทำอะไรก็ระวังตัวด้วย อย่าเพิ่งทำอะไรเสี่ยงๆ”
“ผมไม่กลัวหรอก ช่วงนี้โกยได้ ผมก็ต้องโกย มัวแต่กลัวก็จนตายพอดี...”
วัฒน์ไม่สำนึกและใช้ชีวิตเสเพลต่อเรื่อยๆ ทีเกื้อไม่ได้สนใจนัก มัวตื่นเต้นกับความรู้สึกใหม่ที่ได้รู้ความจริงเกี่ยวกับอดีตคนรัก เอื้อกานต์เฝ้ามองท่าทางเหมือนหนุ่มคลั่งรักของแฝดน้องด้วยแววตาขำๆ ก่อนจะเย้าพอหอมปากหอมคอ ทีเกื้อเขินแต่ไม่เถียง เพราะเป็นความจริงทุกอย่างที่เขาคิดจะคืนดีกับสัตตบงกช
แต่กระนั้นเรื่องที่คาใจสองพี่น้องฝาแฝดก็คือการเสียสละของธีรภูมิ
“เพราะข่าวลือบ้าๆ พี่ภูมิเลยต้องออกมาพูดเรื่องส่วนตัว เรื่องที่พี่ภูมิไม่อยากให้ใครรู้ในที่สาธารณะแบบนี้”
“แต่ถ้ามองในแง่ดี ต่อไปนี้พี่ภูมิก็ไม่ต้องอึดอัดที่จะต้องปกปิดเรื่องนี้กับใครอีกนะ”
“แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องจะให้คนทั้งประเทศรับรู้ พวกมันทำให้พี่ภูมิต้องอับอาย ผมจะหาทางแก้แค้นพวกมันให้ได้”
“เกื้อคิดจะทำอะไร”
“เกื้อจะตามสืบเรื่องชั่วๆของพวกมัน จะเปิดโปงให้มันได้รับความอับอาย แล้วเอื้อต้องช่วยเกื้อสืบเรื่องนี้ด้วย!”
ooooooo
เอื้อกานต์อยากทึ้งหัวตัวเองเมื่อได้ยินความ ต้องการของแฝดน้อง จะให้เธอลงพื้นที่สืบเรื่องวัฒน์กับเขาด้วย และงานแรกของเธอก็คือตามเขากับนภไปหาข้อมูลในผับ
คุณหมอคนสวยแปลงโฉมเป็นสาวเซ็กซี่เพื่อให้กลมกลืนกับบรรยากาศ นภมองตามด้วยความหลงใหลและชื่นชม เลยถูกทีเกื้อปรามด้วยสายตา เพราะไม่อยากให้เพื่อนคู่หูถลำลึกไปกับแฝดพี่มากไปกว่านี้
คิมกับแดนก็มาหาข้อมูลที่ผับในเวลาเดียวกัน โดยหาทางล้วงความลับของวัฒน์ผ่านทางเชอรี่คู่ขาสาวที่ตามติดวัฒน์ตลอด คิมรับหน้าที่ชวนคุย ส่วนแดนจะแอบเอาเครื่องดักฟังใส่กระเป๋าถือของเธอ แต่คงหลอกล่อด้วยท่าทางถึงเนื้อถึงตัวมากไป คิมเลยไม่รู้ตัวระหว่างนัวเนียใกล้ชิดเชอรี่ เอื้อกานต์ก็โผล่มาเห็น!
ปฏิบัติการแอบใส่เครื่องดักฟังสำเร็จด้วยดี คิมโล่งใจมาก แต่ก็ต้องหนักใจด้วยเรื่องหึงหวง เมื่อเห็นเอื้อกานต์อยู่ในชุดสวยท่ามกลางชายหนุ่มในผับหรู และเขาก็ไม่รอช้าจะตามไปคุยให้รู้เรื่อง
“คิดไม่ถึงว่าคุณหมอจะมาเที่ยวที่แบบนี้”
“ทำไมฉันจะมาเที่ยวที่นี่ไม่ได้ล่ะ คุณเถอะ...ที่แท้ก็หนีมากบดานอยู่กับสาวๆที่นี่เอง”
“ผมจะกบดานที่ไหนก็เรื่องของผม”
“ฉันจะมาเที่ยวที่ไหนก็เรื่องของฉันเหมือนกัน!”
สองหนุ่มสาวสบตากันด้วยความไม่ชอบใจ หึงหวงกันและกันโดยไม่รู้ตัว
“ตกลงหมอคบกับตำรวจคนนั้นแล้วเหรอ”
“แล้วคุณจะอยากรู้ทำไม”
“โอเค...ผมไม่อยากรู้ก็ได้ งั้นหมอก็อย่ามาเจอผมอีกสิ”
“ได้...งั้นก็ต่างคนต่างไป ไม่ต้องมายุ่งกันอย่างที่คุณว่า”
“ได้...คุณก็อย่าตามผมอีกล่ะ”
พูดจบก็จะผละไป แต่ไม่ทันขยับ คิมก็ต้องโผกลับไปหาเอื้อกานต์อีกครั้ง เมื่อจู่ๆไฟในผับก็ดับ!
ฝีมือฮันเตอร์นั่นเองที่เห็นความโกรธแค้นของแดนเป็นเครื่องมือ ร่ายอาคมวางเพลิงผับหรู คิมเห็นหลังอาจารย์ไวๆเลยรีบตาม แต่ก็คลาดกันก่อน จึงรีบไปหาแดนซึ่งมีท่าทีอึกอัก ไม่กล้าบอกความจริงว่าตนมีส่วนรู้เห็น
กว่าทุกอย่างจะสงบ ทุกคนก็ถูกต้อนออกมาข้างนอก หมด วัฒน์โวยวายใหญ่โต ก่อนจะนิ่วหน้าหุบปากฉับเมื่อลูกน้องรายงานว่าไม่มีความเสียหาย และไม่มีร่องรอยไฟไหม้แม้แต่จุดเดียว
ศักดิ์ชายโกรธมาก หน่ายใจกับลูกชายคนเดียวที่หาเรื่องวุ่นวายมาให้ไม่หยุดหย่อน
“ฉันเตือนแกแล้วใช่ไหมว่าให้ระวังตัว ฉันอุตส่าห์ยกกิจการทั้งหมดให้แกดูแล แต่ก็ไม่ได้เรื่อง!”
“พ่อให้ผมออกหน้าทำธุรกิจเลวๆพวกนี้ เพราะพ่อไม่อยากดูแย่ในสายตาคนอื่นมากกว่า อย่าให้ผมพูดเลย”
“แล้วไม่ใช่เพราะฉันดูน่าเชื่อถือเหรอ ฉันถึงคอยเป็นแบ็กให้แกได้ ช่วงนี้แกคงต้องระวังตัวให้ดี ดูท่าตอนนี้แกคงเป็นเป้าของมัน สั่งลูกน้องทุกคน ช่วงนี้ให้ตรวจตราดูแลทุกอย่างอย่างเข้มงวด...เข้าใจไหม!”
ooooooo
แม้จะก่อเรื่องให้ทุกคนแตกตื่น แต่เหตุเพลิงไหม้หลอกๆฝีมือฮันเตอร์ก็ทำให้คิมกับทีเกื้อล้วงข้อมูลลับๆของวัฒน์ออกมาได้หลายอย่าง โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับธุรกิจมืด
ทีเกื้อฉวยจังหวะอลหม่านลอบเข้าห้องทำงานเพื่อขโมยข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ของวัฒน์ และเพื่อให้การเปิดโปงวัฒน์รวดเร็วขึ้น ตำรวจหนุ่มเลยนำข้อมูลทั้งหมดไปมอบให้คิม
“แล้วเอามาให้พี่ทำไม ทำไมไม่จัดการเอง”
“พี่อาจจะจัดการได้เร็วกว่าผม ผมอยากเป็นกองหนุนคอยช่วยพี่มากกว่า”
ข้อมูลจากทีเกื้อทำให้คิมกับแดนลงมือได้ง่ายขึ้น แอบตามไปส่งยาเสพติด ป่วนจนลูกค้าแตกกระเจิงและพาทั้งหมดส่งตำรวจ ซึ่งทีเกื้อตรึงกำลังรออยู่แล้วที่สถานี
วัฒน์โกรธมาก อาละวาดใหญ่โตเมื่อเห็นสัญลักษณ์ของชายสวมหน้ากากในโกดังเก็บของ คิมในคราบชายสวมหน้ากากรออยู่แล้ว และไม่รอช้าจะปรากฏตัวท้าทาย
“ฉันไปทำอะไรให้แกเจ็บช้ำน้ำใจนักหนา แกถึงได้ตามอาฆาตฉันขนาดนี้”
“อยากรู้ใช่ไหม ฉันจะทำให้แกรับรู้ความรู้สึกของคนที่แกทำร้ายเอง!”
คิมหรือชายสวมหน้ากากพาวัฒน์ย้อนอดีตเมื่อหลายปีก่อน สร้างนิมิตถึงเหตุการณ์ที่ครอบครัวแดนต้องประสบ โดยให้ศักดิ์ชายสวมบทเป็นพ่อของแดน วัฒน์เป็นตัวแดน วิ่งหนีพวกนักเลงที่มาทวงหนี้
นอกจากนี้คิมยังทำให้วัฒน์เห็นเหตุการณ์เลวร้ายอื่นๆ รวมทั้งอุบัติเหตุรถชนจนลุงชูตาย สภาพจมกองเลือดของทั้งพ่อและตัวเองทำให้วัฒน์ผวา ยิ่งเห็นวิญญาณลุงชูมาจ้องหน้าเอาเรื่องยิ่งกลัวสุดขีด
“อย่าทำอะไรฉันเลยนะ ฉันกลัวแล้ว”
“ขอโทษสิ่งที่ทำไว้กับครอบครัวลุงชูและครอบครัวแดนซะ ขอขมาให้พวกเขายกโทษให้แก”
“ฉันขอโทษ ฉันสำนึกแล้ว ปล่อยฉันไปเถอะนะ ฉันผิดไปแล้ว ให้อภัยฉันเถอะนะ”
พูดพลางคลานไปขอโทษ กราบขออภัยกับเรื่องที่ผ่านมาด้วยความกลัวตาย คิมสะใจมาก ก่อนจะดึงวัฒน์ออกจากอดีต จับมัดมือมัดเท้าไว้กับเสาไฟแดงกลางสี่แยก คล้องป้ายสำนึกผิด สารภาพความผิดทุกอย่าง
ภาพของวัฒน์ถูกแชร์บนโลกอินเตอร์เน็ต รวมทั้งสื่อทุกสำนัก ศักดิ์ชายโกรธมาก เรียกเอื้อกานต์มาดูอาการบอบช้ำทั้งทางกายและจิตใจของลูกชายคนเดียว ส่วนตัวเองสั่งการลูกน้องให้หาทางเล่นงานชายสวมหน้ากาก!
อาการทางกายของวัฒน์ไม่น่าห่วงมาก แต่อาการทางจิตที่คลุ้มคลั่งเพราะเห็นภาพหลอนทำให้เอื้อกานต์เป็นกังวล คิมคิดว่าให้บทเรียนแก่วัฒน์พอแล้ว แต่แดนยังไม่พอใจ
“บทเรียนแค่นี้มันยังไม่เท่ากับที่มันทำให้พ่อแม่ผมตายเลย”
“แล้วนายต้องการอะไร อยากให้เขาตายตามพ่อกับแม่นายไปงั้นเหรอ”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นได้ก็ดี”
“ตอนนี้วัฒน์ได้รับบทเรียนของตัวเองจนไม่เหลืออะไรแล้ว พี่ไม่อยากให้แกจมกับความแค้นแบบพี่ อยากให้แกจบความแค้นแค่นี้ ถือว่าขอร้องเถอะนะ...”
คำพูดเตือนสติของคิมทำให้แดนคิดหนัก ฮันเตอร์รอโอกาสนี้อยู่แล้ว ถอดจิตมาหาและเริ่มปั่นหัว
“วิธีของคิมที่จัดการล้างแค้นให้แก ฉันว่ามันยังน้อยไป มันไม่สาสมกับที่พวกมันทำกับแกเลย”
“ถ้าอาจารย์อยากล้างแค้น อาจารย์ก็ทำเองสิ ทำไมต้องใช้ผม ใช้พี่คิม”
“ถ้าฉันทำได้ ฉันทำไปนานแล้ว ฉันไม่มายืมมือพวกแกหรอก...แกก็รู้ว่าดวงฉันไม่แรงและแข็งพอจะฆ่าพวกมันได้ทั้งหมด เชื่อฉัน...ล้างแค้นตามวิธีของฉัน รับรองแกหายแค้นแน่!”
ooooooo










