“วันลอยกระทง” มาเกี่ยวข้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศไทยครั้งแรกเมื่อ 33 ปีที่แล้ว ในคืนลอยกระทง ปี 2527

ช่วงนั้นเป็นช่วงที่รัฐบาลไทยภายใต้การนำของ “ป๋าเปรม” พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ โดยมี “ปู่หมาย” สมหมาย ฮุนตระกูล เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเพิ่งประกาศลอยตัวค่าเงินบาท ส่งผลให้ค่าเงินบาทลดลงถึง 15 เปอร์เซ็นต์

จากดอลลาร์ละ 23 บาท กลายเป็น 28 บาท แปลว่าคนไทยต้องใช้เงินบาทจำนวนมากขึ้น สำหรับการแลกเปลี่ยนเป็นเงินดอลลาร์

ทำให้ของจากต่างประเทศแพงกระฉูดขึ้นไปหมด นํ้ามันแพง รถยนต์แพง ค่าไปเที่ยวต่างประเทศแพง ค่าส่งลูกไปเรียนนอกแพง และข้าวของเครื่องใช้สารพัดที่คนไทยยังทำไม่ได้...แพงไปทุกอย่าง

คนไทยกลุ่มหนึ่งจึงโกรธป๋าเปรมโกรธปู่หมาย...มิใยปู่จะชี้แจงว่า การลดค่าเงินบาทอาจทำให้ของต่างประเทศแพงขึ้น แต่ก็จะทำให้ของไทยถูกลงในสายตาคนนอก...จะทำให้เขาหันมาซื้อสินค้าไทยมากขึ้นมาเที่ยวเมืองไทยมากขึ้นก็ตาม

อธิบายเท่าไรก็ไม่มีใครเชื่อ ส.ส.หลายคนในสภาลุกขึ้นมาเล่นงานป๋าเปรม+ปู่หมาย หนังสือพิมพ์ทุกฉบับก็ร่วมกันสับรัฐบาลจนเละเป็นชิ้นๆ...ทำให้สถานการณ์ของรัฐบาลน่าเป็นห่วง

แต่แล้วในคืนลอยกระทงต้นเดือนพฤศจิกายนปี 2527 นั้นเอง พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก ผู้บัญชาการทหารสูงสุดและผู้บัญชาการทหารบกก็มาออกทีวีให้สัมภาษณ์แสดงความเดือดเนื้อร้อนใจในเรื่องนี้

เผอิญท่านให้สัมภาษณ์อย่างใส่อารมณ์ไปหน่อย พูดเสียงดังเหมือนจะทำปฏิวัติ

เหตุการณ์ก็เลยพลิกผัน เมื่อคนไทยและหนังสือพิมพ์ไทยยุคนั้นซึ่งเบื่อการปฏิวัติเต็มที หันกลับมาเชียร์รัฐบาลในชั่วพริบตา

ทำให้ป๋าเปรมกับปู่หมายเอาตัวรอดมาได้ และอีกไม่นานนัก นโยบายการลดค่าเงินบาทของปู่สมหมายก็เริ่มออกผล

...

เมื่อสินค้าไทยราคาถูกลงในสายตาคนต่างประเทศ เขาก็หันมาซื้อของเราจนการส่งออกพุ่งกระฉูด ขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกว่ามาเที่ยวบ้านเราแล้วถูกลงเขาก็แห่กันมาเที่ยวจนล้น

เศรษฐกิจไทยกลับมาฟื้นตัว และเพียงปีเดียวจาก “วันลอยกระทง” ประวัติศาสตร์ปี 2527 ถึง “วันลอยกระทง” 2528 สัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจก็ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ

วันลอยกระทง 2528 กลายเป็นวันลอยกระทงที่สนุกที่สุดวันหนึ่งของประวัติศาสตร์การลอยกระทง

คนไทยออกมาสนุกในทุกๆแห่งหนที่มีการจัดงาน ทั้งใน กทม. และต่างจังหวัดทั่วประเทศ

อีกไม่นานถัดมาเศรษฐกิจไทยก็เข้าสู่ยุค “โชติช่วงชัชวาล” และได้รับการยกย่องให้เป็น “เสือตัวใหม่” ของเอเชีย

33 ปีผ่านไป เศรษฐกิจไทยมีขึ้นมีลงตามวัฏจักร ชีวิตคนไทยเรา ก็มีสุขมีเศร้าไปตามเหตุการณ์ต่างๆที่มีทั้งดีและร้าย แต่โดยเฉลี่ยแล้ว ดีมากกว่าร้าย เราจึงยืนหยัดมาได้จนถึงวันนี้

ขณะเดียวกัน วันลอยกระทงก็กลายเป็นเครื่องชี้วัดด้านเศรษฐกิจของประเทศอย่างไม่เป็นทางการตลอด 33 ปีที่ผ่านมา

นักเศรษฐศาสตร์กลุ่มหนึ่งจะจับตาดูความสนุกของคนไทยในวันลอยกระทงแล้วนำมาเป็นเครื่องชี้เล็กๆว่า เศรษฐกิจไทยดีขึ้นหรือแย่ลง

ถ้าคนไทยสนุกกันเต็มคราบ เที่ยวงานลอยกระทงกันอย่างสุดเหวี่ยง ใช้จ่ายกันอย่างเต็มที่ก็พอจะพูดได้ว่าเศรษฐกิจปีนั้นดี หรือไม่ก็กำลังจะฟื้นตัวไปสู่ทิศทางที่ดี ในตรงกันข้ามถ้างานลอยกระทงปีไหนกร่อยสุดๆ ก็แปลความได้เลยว่าเศรษฐกิจปีนั้นคงไม่ดีเท่าไรนัก

พรุ่งนี้ 3 พฤศจิกายนจะถึงวันลอยกระทงอีกแล้วครับ แต่ปีนี้เราอาจจะวัดอะไรไม่ได้มากนัก เพราะประเทศไทยและคนไทยเพิ่งจะผ่านพ้นภาระแห่งความทุกข์ใจ จากการส่งเสด็จในหลวง ร.9 สู่สวรรคาลัยมาหมาดๆ อาจจะอยู่ระหว่างปรับตัวปรับใจไม่สามารถจะสนุกสนานรื่นเริงได้เต็มที่

เพราะฉะนั้นปีนี้ขอให้เราสนุกอย่างสำรวม อย่างมีสติกันไปก่อน เพื่อรักษาและจรรโลงประเพณีอันยิ่งใหญ่ของประเทศไทยเอาไว้ ให้ยั่งยืนต่อไป...เรายังมีเวลาที่จะสนุกกันอย่างเต็มที่อีกหลายๆปีครับ ค่อยมาวัดเศรษฐกิจลอยกระทงในปีหน้าปีโน้นก็แล้วกัน.

“ซูม”