เมื่อหลายวันก่อนมีความเคลื่อนไหวที่สื่อมวลชนและสังคมชาวอเมริกันเฝ้าติดตามให้ความสนใจมากเป็นพิเศษ กรณีผู้พิพากษาศาลโอ๊กแลนด์ เคาน์ตี รัฐมิชิแกน สหรัฐฯ มีคำตัดสินครั้งสำคัญให้ผู้ต้องหาชายหนุ่มวัย 17 ปี “อีธาน ครัมบ์ลีย์” จำเลยคดีอาญาอุกฉกรรจ์ รับโทษจำคุกตลอดชีวิตโดยไม่มีโอกาสได้รับทัณฑ์บน จากการสังหารโหด ใช้ปืนกระหน่ำยิงเพื่อนนักเรียนที่โรงเรียนมัธยมออกซ์ฟอร์ด เมืองออกซ์ฟอร์ด รัฐมิชิแกน เมื่อปี 2564

เหตุการณ์สะเทือนขวัญในวันนั้นเกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมงหลังจากพ่อแม่ของครัมบ์ลีย์ถูกเรียกไปพูดคุยที่โรงเรียน เพื่อให้นำตัวบุตรชายรับคำปรึกษา จากผู้เชี่ยวชาญ จากพฤติกรรมน่ากังวลที่ครูพบว่า ครัมบ์ลีย์หาข้อมูลเกี่ยวกับกระสุนในชั้นเรียน รวมทั้งยังเห็นวาดปืนพก กระสุนปืน และตัวอักษร ที่เขียนว่าหยุดความคิดไม่ได้ ช่วยด้วย รวมทั้งคำว่าเลือดไหลนองไปทั่ว เมื่อพูดคุยเสร็จก็ไม่ได้พาลูกกลับบ้าน ปล่อยให้อยู่ที่โรงเรียนต่อไป

จากนั้นไม่นานครัมบ์ลีย์ก็ออกมาจากห้องน้ำ ของโรงเรียน ใช้ปืนพกซิกซาวเออร์ SP2022 ขนาด 9 มม.สาดกระสุนใส่เพื่อนนักเรียนและครู เหยื่อส่วนใหญ่ถูกจ่อยิงเผาขนและโดนกระหน่ำยิงหลายนัด สังหารเพื่อนร่วมชั้น 4 คน บาดเจ็บ 6 คน เมื่อพอใจก็หยุดและนั่งรอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาคุมตัวอย่างใจเย็น ต้องเหี้ยมขนาดไหน

หลังถูกอัยการตั้งข้อหาคดีอาญารวม 24 กระทง รวมถึงเจตนาฆาตกรรมและการก่อการร้าย รวมทั้ง ดำเนินคดีเช่นเดียวกับบุคคลบรรลุนิติภาวะ ไม่ใช่ผู้เยาว์ ให้สมกับการกระทำสุดอำมหิต

กระทั่งผู้พิพากษาตัดสินให้ครัมบ์ลีย์ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่หลังลูกกรง เป็นผู้เยาว์คนแรกที่ได้รับโทษจำคุกตลอดชีวิตโดยไม่ได้รับทัณฑ์บน ผู้พิพากษายังเน้นย้ำว่าแม้จะก่อเหตุในวัย 15 ปี เป็นผู้เยาว์ แต่ได้ไตร่ตรองมาอย่างดี มีการวางแผน อย่างเป็นระบบ และไม่ยอมเปลี่ยนใจล้มแผนชั่ว ทั้งที่สามารถทำได้ทุกเมื่อ แต่ยังคงเดินหน้าลงมือ “เข่นฆ่า” และ “ทรมาน” ผู้คนที่ในชุมชน ให้เหมือนตายทั้งเป็น ศาลไม่เชื่อว่าจะกลับตัวกลับใจเป็นคนดีขึ้นกว่านี้ได้

...

ผลกรรมยังไม่จบเพียงเท่านี้ ต้องรอดูว่า เจมส์และเจนนิเฟอร์ ครัมบ์ลีย์ ผู้เป็นพ่อแม่รังแกฉัน จะได้รับโทษสถานใด ทั้งคู่ถูกดำเนินคดีอาญาฐานฆ่าผู้อื่นโดยไม่เจตนา 4 กระทง ซึ่งเจมส์เป็นผู้ซื้อปืนให้ก่อเหตุ ยังถูกกล่าวหาว่าเพิกเฉยละเลยต่อปัญหาด้านสุขภาพจิตของบุตรชายทั้งที่มีพฤติกรรมเด่นชัดมาตลอด เสี่ยงโทษจำคุกสูงสุด 15 ปี.

อมรดา พงศ์อุทัย

คลิกอ่านคอลัมน์ “หน้าต่างโลก” เพิ่มเติม