กรณีผู้โดยสารเชื้อชาติเอเชียถูกพนักงานสายการบินยูไนเต็ด แอร์ไลน์สลากลงจากเครื่องบิน เพราะที่นั่งไม่พอ ทำเอาเครือข่ายสังคมออนไลน์ของจีนลุกเป็นไฟ โดยคนจีนมากกว่า 180 ล้านคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นผ่านโซเชียลมีเดียรายใหญ่ ชักชวนกันต่อต้านการใช้บริการของสายการบินอเมริกันแห่งนี้

นอกจากจะสร้างความขุ่นเคืองใจให้แก่ผู้โดยสารในสหรัฐอเมริกาแล้ว คลิปวีดิโอที่แสดงพฤติกรรมป่าเถื่อน ด้วยการลากผู้โดยสารลงจากเครื่องอย่างไร้ความปรานี ยังทำให้สายการบินยูไนเต็ด แอร์ไลน์สแห่งสหรัฐอเมริกาถูกประณามจากทั่วโลก

ยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส ซึ่งเพิ่งเปิดตัวแคมเปญออนไลน์ #UNITEDJOURNEY เมื่อสัปดาห์ ก่อนหน้า โดยหวังให้ผู้โดยสาร โพสต์ภาพการเดินทางกับยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส กำลังเซ็งหนักเมื่อแฮชแท็กที่คิดขึ้นมา ถูกนำไปใช้ในการเผยแพร่คลิปวีดิโอที่สร้างความโกรธขึ้งให้กับคนทั่วโลก แทนที่จะเป็นภาพการเดินทางแห่งความประทับใจ

ซีเน็ตรายงานว่า ทันทีที่คลิปวีดิโอถูกเผยแพร่ไปถึงเมืองจีน ผู้คนบนโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่ของจีน Weibo ก็แทบคลั่งจากความโกรธเกรี้ยว เพราะผู้โดยสารที่ถูกลากลงเป็นคนเอเชีย

...

ในบรรดาสมาชิก Weibo ซึ่งมีอยู่กว่า 500 ล้านราย ปรากฏว่ามีถึง 180 ล้านราย ที่แสดงความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าว เนื่องด้วยจากการศึกษาเมื่อปี 2556 พบว่าคนจีนนิยมแสดงความคิดเห็นบนคอนเทนต์ที่พวกเขาไม่ชอบ มากกว่าชอบ และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมกระแสเรื่องนี้จึงได้ร้อนแรงนัก นอกจากนั้น คลิปวีดิโอเจ้าปัญหาดังกล่าว ยังถูกกดเข้าไปรับชมถึง 210 ล้านครั้ง เฉพาะ บน Weibo ที่เดียว

สมาชิกสังคมออนไลน์ของจีน ยังชักชวนกันยกเลิกการใช้บริการของยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส โดยเฉพาะเมื่อมีการส่งต่อคอมเมนต์หนึ่งผ่านเว็บไซต์ Washington Post ที่อ้างว่าเป็นผู้อยู่ในเหตุการณ์ ระบุว่าผู้โดยสารถูกนำออกจากเครื่องเพราะเป็นคนจีน อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบของหนังสือพิมพ์ Louisville ในรัฐเคนตักกี ระบุ นายแพทย์ David Dao ผู้โดยสารที่ตกเป็นเหยื่อนั้น เป็นคนเวียดนาม

กระแสการบอยคอตยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส มีตั้งแต่คำด่าทอ ไปจนถึงการหัก เผา ทำลายการ์ดสมาชิกสายการบิน โดยสำหรับคนจีนนั้น สายการบินดังกล่าวถือว่าได้รับความนิยม เมืองจีนเป็นตลาดใหญ่ ที่สำคัญ และยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส เป็นสายการบินสหรัฐฯที่มีเที่ยวบินตรงจากจีนไปสหรัฐฯมากที่สุดด้วย

กรณีดังกล่าวจึงทำให้มูลค่าตลาดหรือมาร์เก็ตแคปของหุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส ปรับลดลงในแต่ละวันมากกว่า 600 ล้านเหรียญสหรัฐฯแล้ว แม้ซีอีโอของสายการบินจะออกมาขอโทษ และสั่งให้มีการตรวจสอบเรื่องนี้ให้เสร็จภายในวันที่ 30 เม.ย.นี้ก็ตาม.