หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยกคำร้อง พรรคอนาคตใหม่กลับมาคึกคักอีกครั้ง หัวหน้าพรรคประกาศว่าจะดำเนินกิจกรรมการเมืองแบบเข้มข้น ทั้งในและนอกสภา และพร้อมสู้คดียุบพรรคอีกคดีหนึ่ง ขณะที่เลขาธิการพรรคเปิดเผยว่า สัปดาห์นี้ ส.ส.ของพรรคได้ยื่นญัตติขอให้สภาตั้งคณะกรรมาธิการ เพื่อศึกษาแนวทางป้องกันรัฐประหารการเมืองยอดฮิตเหตุผลสำคัญเพราะว่าพรรคอนาคตใหม่ เห็นว่ารัฐประหารคือการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่ไม่ได้เสนอแนวทางว่าจะป้องกันรัฐประหารอย่างไร ในอดีตเคยมีนักวิชาการบางกลุ่มเสนอให้ออกกฎหมาย เพื่อต่อต้านการยึดอำนาจ แต่มีเสียงท้วงติงว่ากฎหมายป้องกันรัฐประหารไม่ได้ประเทศไทยมีกฎหมายต่อต้านรัฐประหารมาช้านาน นั่นก็คือ ป.อาญา มาตรา 113 ที่ระบุการล้มล้างรัฐธรรมนูญ อำนาจนิติบัญญัติหรืออำนาจตุลาการ เป็นความผิด “ฐานเป็นกบฏ” มีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต แต่คณะรัฐประหารไม่กลัว เพราะเมื่อยึดอำนาจได้แล้ว คณะรัฐประหารมีอำนาจออกคำสั่งนิรโทษกรรมให้ตัวเองได้รัฐธรรมนูญหลายฉบับมีบัญญัติว่าด้วย “สิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญ” เพื่อไม่ให้ใครฉีกเล่นได้ง่ายๆ เช่น รัฐธรรมนูญ 2540 บัญญัติว่าบุคคลมีสิทธิต่อต้านโดยสันติวิธี ซึ่งการกระทำใดๆเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ นอกเหนือวิถีทางรัฐธรรมนูญ รวมทั้งรัฐธรรมนูญ 2550 แต่รัฐธรรมนูญทั้งสองฉบับ ถูกคณะรัฐประหารฉีกทิ้งหลังการยึดอำนาจเห็นได้ชัดว่าการใช้ “หลักนิติศาสตร์” ไม่สามารถป้องกันหรือต่อต้านรัฐประหารได้ จึงต้องใช้ “หลักรัฐศาสตร์” ผสมผสานด้วยประชาชนและนักการเมืองจะต้องจับมือกัน เพื่อสร้างการเมืองภาคประชาชนให้เข้มแข็งให้บทบัญญัติในรัฐธรรมนูญกลายเป็นจริง อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนอย่างแท้จริงประชาชนมีสิทธิและเสรีภาพ ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญทุกประการไม่ใช่แค่ตัวอักษรบนแผ่นกระดาษ เริ่มตั้งแต่รัฐธรรมนูญ ประชาชนต้องมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของ เป็นรัฐธรรมนูญของประชาชน โดยประชาชนและเพื่อประชาชน สิทธิและ เสรีภาพในการพูด การแสดงความคิดเห็น การชุมนุมโดยสงบ ต้องเป็นของจริงส่วนนักการเมืองและพรรคการเมือง จะต้องสร้างภูมิคุ้มกันตนเอง ไม่ให้ถูกกล่าวหาทุจริตโกงกินประเทศชาติ สร้างความขัดแย้งในสังคม ซื้อสิทธิขายเสียงเป็นอาจิณไม่ให้ใครกล่าวหาเป็นพรรคเลี้ยงงูเห่าหรือแจกกล้วย ส.ส.ที่หิวโหยชอบ “ดูด” ส.ส.เข้าพรรค ด้วยอามิสสินจ้าง ไม่ให้ใครนำไปเป็นข้ออ้าง เพื่อยึดอำนาจของประชาชน.