มีเหตุเปรียบเทียบให้ต้องคิดถึงพุทธศาสนา ผมเปิดหนังสือคู่มือมนุษย์ ของท่านอาจารย์พุทธทาส...ตั้งใจอ่าน บทแรก ท่านชอบพุทธศาสนาเหลี่ยมไหน
อาจารย์พุทธทาส เกริ่นว่า ศาสนาเกิดขึ้นมาในโลก ด้วยอำนาจของความกลัว พุทธศาสนาก็มีมูลมาจากความกลัว กลัวความทุกข์ ที่มาจากความเกิด แก่ เจ็บ ตาย
การทำพิธีรีตอง บูชาบวงสรวง อ้อนวอนบรรดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่พุทธศาสนา พระพุทธเจ้าไม่รับไว้ในศาสนาของพระองค์ เพราะเป็นสิ่งที่น่าขบขัน ถือเอาเป็นที่พึ่งอันแท้จริงไม่ได้
“ความรู้ ความฉลาด และความสามารถ ที่จะทำให้สำเร็จประโยชน์ เป็นตัวฤกษ์ที่ดีอยู่ในตัวเอง ดวงดาวในท้องฟ้าจะทำอะไรได้ ประโยชน์ที่ควรจะได้ ก็ผ่านพ้นคนโง่ๆที่มัวแต่นั่งคำนวณดวงดาวในท้องฟ้าเสียทั้งสิ้น”
อีกคำกล่าว “ถ้าน้ำศักดิ์สิทธิ์ในแม่น้ำคงคา ฯลฯ จะทำให้คนหมดบาปหมดทุกข์ได้แล้ว พวกเต่าปูปลาหรือหอยที่อาศัยอยู่ในแม่น้ำหรือสระศักดิ์สิทธิ์ก็จะหมดบาปหมดทุกข์ไปด้วยน้ำนั้น เหมือนกัน”
หลักสำคัญพุทธศาสนา คือวิธีปฏิบัติเพื่อเอาตัวรอดจากความทุกข์ โดยการทำให้รู้ความจริงว่าอะไรเป็นอะไร แต่คัมภีร์ทางศาสนา ย่อมมีอะไรๆเพิ่มขึ้นได้ทุกโอกาส ที่คนชั้นหลังเพิ่มเติมเข้าไป
พระไตรปิฎกของเราก็ตกอยู่ในฐานะเดียวกัน
คนชั้นหลังเพิ่มเติมข้อความตามที่เห็นว่าจำเป็นสำหรับยุคนั้นๆ เพื่อจะช่วยให้คนมีศรัทธา รักบุญ หรือกลัวบาปมากขึ้น อาจจะมากเกินขอบเขต จนกระทั่งเกิดการเมาบุญกันใหญ่
แม้แต่พิธีรีตองต่างๆ ที่เพิ่งเกิดขึ้น และเกี่ยวเนื่องกับพุทธศาสนาเพียงเล็กๆน้อยๆ ก็พลอยถูกนับเข้าไปเป็นพุทธศาสนาด้วยอย่างน่าสมเพช
เช่นการจัดสำรับคาวหวาน เพื่อเซ่นวิญญาณของพระพุทธเจ้า อย่างที่เรียกว่า ถวายข้าวพระ เป็นสิ่งที่มีไม่ได้ตามหลักพุทธศาสนา แต่พุทธบริษัทบางพวกเข้าใจว่านี่เป็นพุทธศาสนา สอนให้ถือกันเคร่งครัด
...
พิธีรีตองเหล่านี้ มีขึ้นหนาแน่นมากมาย จนหุ้มห่อของจริง หรือความมุ่งหมายเดิมให้สาบสูญไป
เช่นการบวชนาค เกิดมีพิธีทำขวัญนาค เชิญแขกมาเลี้ยงดูกันอย่างเมามาย บวชไม่กี่วันก็สึกออกมาแล้ว กลายเป็นคนเกลียดวัด
ไปยิ่งกว่าเดิมก็มี
ธรรมะหรือของจริงที่เคยมีมาแต่ก่อน ถูกหุ้มห่อโดยพิธีรีตองจนมิด เกิดมุ่งหมายผิดเป็นอย่างอื่น การบวชกลายเป็นเรื่องแก้หน้าเด็กหนุ่มที่ถูกหาว่าเป็นคนดิบ บางถิ่นเป็นโอกาสรวบรวมเงินคนมาช่วยงาน
ใครไปตำหนิติเตียนเข้า ก็จะถูกหาว่าไม่รู้จักศาสนา ทำลายศาสนา
อีกเรื่อง กฐิน พระพุทธองค์ทรงมุ่งหมายจะให้ภิกษุทำจีวรเป็นด้วยตัวเอง และให้พร้อมเพรียงกันทำในเวลาอันรวดเร็ว แล้วมอบให้ภิกษุองค์ใดองค์หนึ่งที่เห็นว่าเหมาะสม ไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าอาวาส
เดี๋ยวนี้ กฐินกลายเป็นเรื่องมีไว้ประกอบพิธีหรูหรา หาเงินเอิกเกริกเฮฮาสนุกสนาน ไปทอดกฐินเพื่อกินเหล้ากินปลา เล่นไพ่เฮฮา หรือไม่ก็มุ่งหน้าหาเงิน
เหล่านี้ ท่านอาจารย์พุทธทาส เรียกว่า พุทธศาสนาเนื้องอก มีขึ้นใหม่ๆมากมายหลายร้อยอย่าง เป็นเนื้อร้ายที่งอกขึ้นๆจนปิดบังหุ้มเนื้อดีหรือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาให้ค่อยๆลบเลือนไป
เกิดเป็นนิกายใหญ่ นิกายย่อย อีก 20-30 นิกาย กลายเป็นนิกายตันตระ ที่เนื่องกับกามารมณ์ก็มี
เนื้องอกนั้นได้งอกมาแล้ว นับแต่วันหลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพาน และยังงอกเรื่อยๆมา กระจายไปทุกทิศทุกทาง มองเห็นได้หลายเหลี่ยมหลายมุม เหมือนภูเขาลูกเดียวมองจากทิศทางต่างๆ เห็นรูปต่างๆ
เหลี่ยมเดียวที่เป็นตัวแท้ของพุทธศาสนา อาจารย์พุทธทาส ย้ำว่า คือการปฏิบัติด้วยกายวาจาใจ ชนิดที่จะทำลายกิเลสให้ร่อยหรอ หรือหมดสิ้นไปในที่สุด...เท่านั้นเอง.
กิเลน ประลองเชิง