วันเสาร์สบายๆ วันนี้ไปคุยเรื่องการกุศลบ้างดีกว่าครับ วันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคมนี้ ตี 4 ถึงสิบโมงเช้า นพ.ไตรรักษ์ พิสิษฐ์กุล หัวหน้าศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาเชิงระบบ คณะแพทยศาสตร์จุฬาฯ ร่วมกับ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สมาคมนิสิตเก่าจุฬาฯ คณะแพทยศาสตร์จุฬาฯ กองทุนวิจัยภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็ง โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภา กาชาดไทย จัดเดิน-วิ่งการกุศล “Chula cancer run ก้าว...ทันมะเร็ง” ที่ สนามกีฬาจุฬาฯ เพื่อหาเงินวิจัย ยารักษาโรคมะเร็งแบบภูมิคุ้มกันบำบัด ลดค่ายาจากเข็มละ 200,000 บาท เหลือ 20,000 บาท ขณะนี้สร้าง “ยาต้นแบบ” ได้แล้วแต่ยังต้องวิจัยอีก 2-3 ปี จึงใช้กับคนได้ ต้องใช้เงินวิจัยและพัฒนาอีกกว่า 1,000 ล้านบาท
ก็เลยต้องจัดเดินวิ่งการกุศลเพื่อหาทุนวิจัย ข้อมูลส่งมาให้ผมช้าไปนิด ปิดรับสมัครไปตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน มีทั้งการวิ่งแบบ มินิมาราธอน และ virtual run ใครสนใจเข้าไปดูในเว็บได้ www.chulacancerrun.com การวิ่งแบบ virtual run รับไม่จำกัดจำนวน วิ่งกันข้ามปีไปเลย ตั้งแต่ 15 ธันวาคมปีนี้ ไปสิ้นสุดวันที่ 4 กุมภาพันธ์ปีหน้า
เรื่องที่ผมจะเล่าสู่กันฟังในวันนี้ก็คือ วิธีการรักษาโรคมะเร็งแบบภูมิคุ้มกันบำบัด ท่านผู้อ่านทราบไหมว่า โรคมะเร็งคร่าชีวิตคนไทยมากเป็นอันดับหนึ่ง ปัจจุบัน มีผู้ป่วยโรคมะเร็งรายใหม่เพิ่มขึ้นปีละกว่า 130,000 คน และมีผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งปีละกว่า 70,000 คน เฉลี่ยชั่วโมงละ 8 คน ในอนาคตมีแนวโน้มที่จะมีผู้ป่วยมะเร็งเพิ่มขึ้นทุกปี การดูแลรักษาผู้ป่วยมะเร็งมีค่าใช้จ่ายสูงมาก ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน การทำงาน คุณภาพชีวิตผู้ป่วย และสร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจอีกมหาศาล เฉพาะค่ารักษาพยาบาล การขาดงานของผู้ป่วยและผู้ดูแล ค่าเดินทาง มีมูลค่าเกือบ 80,000 ล้านบาทต่อปี ยังไม่นับความสูญเสียทางเศรษฐกิจด้านอื่นอีก
...
คุณหมอไตรรักษ์ เปิดเผยว่า ด้วยเหตุนี้ คณะแพทยศาสตร์จุฬาฯ จึงได้มีการพัฒนา “วิธีการรักษาโรคมะเร็งแบบภูมิคุ้มกันบำบัด” ซึ่งเป็นการรักษาโรคมะเร็งแนวทางใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูง ผู้คิดค้นวิธีการรักษานี้ก็ได้รับรางวัลโนเบลสาขาการแพทย์ประจำปี 2018 (ผมไปค้นข้อมูลเพิ่มเติม ผู้คิดค้นวิธีการรักษาโรคมะเร็งแบบใหม่นี้คือ James P. Aliison และ Tasuku Honjo จึงขอเอ่ยชื่อเป็นเกียรติแก่ท่านทั้งสองตรงนี้) การรักษาแบบใหม่จะทำให้เซลล์ในระบบภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยสามารถจดจำและทำลายเซลล์มะเร็งเป้าหมายได้อย่างจำเพาะและมีประสิทธิภาพ ได้ผลดีแม้กระทั่งโรคมะเร็งที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาเคมีบำบัดหรือการฉายแสง โดยแทบไม่ส่งผลกระทบต่อเซลล์ปกติของร่างกายเหมือนวิธีการรักษาแบบเดิม ทำให้ประสิทธิภาพการรักษาดีขึ้น มีผลข้างเคียงน้อย
การรักษามะเร็งด้วยวิธีนี้มีหลายแนวทาง เช่น การรักษาด้วยเซลล์บำบัด การรักษาด้วยยาแอนติบอดี ปัจจุบันยากลุ่มนี้ได้รับการรับรองจาก องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐฯ (US FDA) เพื่อใช้รักษาโรคมะเร็งกว่า 20 ชนิด คาดว่าในอนาคตจะรักษาโรคมะเร็งได้เพิ่มขึ้น แต่ยาดังกล่าวมีราคาสูงถึงเข็มละ 200,000 บาท ผู้ป่วยต้องได้รับยาต่อเนื่องทุก 2-3 สัปดาห์ เป็นเวลาอย่างน้อย 2 ปี ทำให้ผู้ป่วยต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลสูงถึง 8-10 ล้านบาท ส่งผลให้ผู้ป่วยที่สามารถเข้าถึงการรักษาแบบนี้ในไทยน้อยมาก
คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตระหนักถึงปัญหาสำคัญนี้ จึงมีความตั้งใจที่จะ พัฒนาวิธีการรักษาโรคมะเร็งแบบภูมิคุ้มกันบำบัดขึ้นในประเทศไทย จึงเป็นที่มาของโครงการ “การพัฒนาเทคโนโลยีในการผลิตยาแอนติบอดี เพื่อใช้ในการรักษามะเร็งแบบภูมิคุ้มกันบำบัด” โดยมีเป้าหมาย จะผลิตยานี้ในราคาเข็มละ 20,000 บาท และยังมีประสิทธิภาพเท่าเทียมกับยาที่ผลิตในต่างประเทศ ซึ่งต้องใช้ทุนวิจัยมากกว่า 1,000 ล้านบาท ขณะนี้สามารถสร้างยาต้นแบบจากหนูได้แล้ว กำลังพัฒนาให้ปลอดภัยสำหรับมนุษย์ คาดว่าอีก 2-3 ปี จึงจะทดสอบในผู้ป่วยได้
ก็เป็นโครงการดีๆที่ผมนำมาฝากครับ ท่านสามารถบริจาคได้โดยตรงที่ “กองทุนภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็ง” ก็ได้นะครับ ช่วยชีวิตมนุษย์ ได้บุญกุศลแรงครับ ที่ผมแปลกใจก็คือ โครงการดีๆแบบนี้เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติ ทำไมรัฐบาลจึงไม่สนับสนุนงบวิจัย ทั้งที่มีงบประมาณมากมาย กลับไปสนับสนุนให้ปลูกกัญชา??
“ลม เปลี่ยนทิศ”