โลกการสื่อสารยุคใหม่ คนไทยจากอังกฤษจะด่ากับคนฝรั่งเศส จะท้าตีท้าต่อยกับคนฟินแลนด์ด้วยเรื่องทางการเมือง ดุเด็ดเผ็ดมัน อ่อนหวานหรือหยาบช้า อุลามกแค่ไหนก็ทำได้
แวดวงเสวนาของผมตั้งใจฟังอภิปรายคำด่า ศึกษาวิถีมนุษย์ที่คับแค้นเพราะแรงกดดัน พลัดบ้านพลัดเมือง อยู่หลายวัน หลายคำด่า ตรงไปตรงมา ไม่วกวน
จนเพื่อนหญิงคนหนึ่งถาม “เธอๆพูดหยาบคายขนาดนั้นได้ยังไง?”
คนที่เติบโตมาในสังคมสมัยใหม่...ไม่เคยได้ยินคำด่า หยาบคายสุดขั้วแบบชาวบ้านร้านตลาดมาก่อน ผมพยายามอธิบาย นิสัยมนุษย์ ซ่อนอารมณ์ดิบหยาบถ่อยเอาไว้ คนมีการศึกษาก็จะมีกลไกปิดกั้น ถ้าไม่มีการศึกษาก็ระเบิดออกมา กำพืดมาทางไหนก็ไปทางนั้น
คำลามกหยาบคายระดับเดียวกัน ถ้าเป็นคนรุ่นเก่า เขาจะกลบเกลื่อน...ให้เบาลงด้วยการใช้คำผวน
คนที่ใช้คำผวน ได้คมคาย...ไม่เพียงจะลดความหยาบคาย ยังได้อารมณ์ขันตามมา
คุณเธอเพื่อนผมยังเยาว์ ไม่เคยรู้ว่าคำผวนเป็นอย่างไร ผมจึงต้องนำร่อง คนรุ่นเก่าในภาคใต้เก่งทางเล่นเพลงบอก พากย์หนังตะลุง มโนราห์ บางคนเก่งเล่นคำผวนจนเลื่องลือ
เด็กหนุ่มคนหนึ่งฝึกวิชาคำผวน รู้ว่ามียอดฝีมือคำผวนอยู่ที่ไหน ต้องตามไปท้าประลอง
จอมยุทธ์คำผวนรุ่นใหญ่กำลังนั่งก้มหน้าจักตอก...ไม่ถามสักคำ มาทำไม เด็กหนุ่มบอกความตั้งใจ ขอมาทดสอบวิชาคำผวน จอมยุทธ์เงยหน้า ตอบคำแรก “อ๋อได้”
ออได้ เป็นทั้งคำตอบรับ และใช้เป็นคำหยอกเอินด่า “ไอ้ดอ”
สองคำแค่นี้ เจ้าหนุ่มก็รู้ว่าเจอสุดยอดฝีมือไร้เทียมทาน ไม่มีทางสู้ ก้มกราบแล้วลากลับ
การใช้คำผวน...เป็นหลักเป็นฐาน อาจารย์เปลื้อง ณ นคร
เคยอ่าน หนังสือ “ศัพท์ลี้หวน” ที่หอพระสมุด แต่ ดิเรก พรตตะเสน ชาวนครศรีธรรมราช พบต้นฉบับเป็นสมุดฝรั่ง ที่วัดเขาน้อย อ.สิชล เมื่อ 2515
...
สืบหาคนแต่งก็ไม่รู้ว่าใคร ระยะเวลาที่แต่งก็ไม่ปรากฏ เข้าใจว่าแต่งสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น เพราะแต่งเป็นกลอนแปด
อาจารย์อุดม หนูทอง ผู้เรียบเรียงเรื่อง สรรพลีหวน ในสารานุกรมวัฒนธรรมภาคใต้ ฉบับ พ.ศ.2529 บอกว่า ถ้าอ่านอย่างผ่านๆก็อาจเห็นเป็นเรื่องลามก สกปรก เพราะผู้แต่งมุ่งใช้คำผวนเกี่ยวกับเรื่องเพศอย่างเดียว
แต่เมื่ออ่านอย่างพิจารณา ก็จะเห็นความเป็นกวีของผู้แต่ง...ที่สามารถใช้คำผวนได้เกือบทุกถ้อยคำ เกือบทุกวรรคตอน ทั้งยังดำเนินเรื่องไปได้อย่างเข้าใจ ไม่ทิ้งธรรมเนียมนิยม นิยายคำกลอน
เรื่องย่อท้าวโคตวย และคีแหม ครองเมืองห้างกวี (คำสุดท้ายอ่านกฺวี) มีโอรสชื่อไดหยอ อยากให้โอรสมีคู่ครอง จึงส่งทูตไปสู่ขอนางไหยยี ธิดาท้าวโบตักและหิ้นปลี แห่งเมืองห้างชี...
รวบรัดตัดความ ถึงตอนนางไหยยีคลอดลูก ลองอ่านบทหนึ่งในลีลากลอน
พอยามดีบีหายเกือบได้การ พวกแม่ทานหำดีนั่งมีหอง ลมกำมัดดัดพอเป็นคลอดอง น้ำนีหองตีหามคลอดตามกัน
ได้ทั้งคำผวนที่แต่งได้คล้องจอง ได้ทั้งเรื่องราวที่ดำเนินไปอย่างราบรื่น ไพเราะทั้งลีลาโวหารและสัมผัส
จึงกล่าวได้ว่า สรรพลีหวนไม่ใช่หนังสือลามก แต่เป็นหนังสือสัปดนที่มีศิลปะ ถึงระดับเรียกว่าวรรณกรรมคำผวน อ่านแล้วอมยิ้มได้ เหมือนที่คุณลุงประยูร จรรยาวงศ์ พูดบ่อยๆ สับปดนวันละนิด จิตแจ่มใส
แต่มาถึงยุคสมัยที่มีเสียงเรียกร้องความเท่าเทียมทางเพศ คงเอามาใช้ไม่ได้ นอกจากไม่มีใครหัวเราะด้วยแล้ว คงมีเสียงด่า เพราะขนาดคำเรียกธรรมดา “คนสวย” หลุดจากปากนายกฯในสภา ยังต้องรีบถอนคำพูด
สภาอันทรงศักดิ์ของท่าน ส.ส.ผู้ทรงเกียรติ คำเหยียดก็ไม่ได้ คำหยาบก็ไม่ได้ คำผวนก็ยิ่งไม่ได้ วรรณกรรมคำผวนเก็บไว้อ่านกันเองสนุกครื้นเครงกันเองกับคนสองคนก็น่าจะพอ.
กิเลน ประลองเชิง