เท็จจริงอย่างไร ชาวบ้านทั่วไปไม่รู้ แต่นักการเมืองที่เกี่ยวข้องต้องรู้ กรณีที่มีการกล่าวหาว่าเหตุที่นักการเมืองบางคนย้ายพรรค มีเงื่อนไขขอให้ช่วยเหลือเรื่องคดี เช่น กรณีนายพรศักดิ์ เจริญประเสริฐ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ย้ายเข้าพรรคพลังประชารัฐ เจ้าตัวปฏิเสธว่าไม่มีเงื่อนไขใดๆ ไม่ได้ถูกบังคับหรือต่อรอง และไม่เคยมีคดี
แต่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ซึ่งเคยเป็น “ว่าที่” นายกรัฐมนตรี และขณะนี้เป็นประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ ของพรรคเพื่อไทย ยืนยันต่อสื่อมวลชนว่าได้รับแจ้งจากนายพรศักดิ์ว่าเป็นเรื่องคดีความ และกล่าวเสริมว่าการกระทำแบบนี้ไม่ใช่เป็นเพียงพรรคเพื่อไทย แต่พรรคอื่นๆก็มีเรื่องแบบนี้ ส่วนใหญ่เอาคดีความมาต่อรอง
กรณีแบบนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เคยเป็นข่าวโด่งดังในช่วงที่กลุ่มการเมืองบางกลุ่มออกเดินสายเพื่อ “ดูด” อดีต ส.ส.จากพรรคอื่นๆให้เข้าเป็นสมาชิกของพรรคใหม่ โดยเสนอให้ทั้งเงินและผลประโยชน์อื่นๆรวมทั้งสัญญาว่าจะช่วยเหลือด้านคดี เป็นการกระทำผิดกฎหมายถึงขั้นยุบพรรค แต่ไม่มีใครเอาความ
แต่หลังเสร็จสิ้นการเลือกตั้ง ก็ยังมีเรื่องแบบเดียวกันอีก หลังจากที่ประเทศมีรัฐสภาใหม่ประกอบด้วย ส.ว.แต่งตั้ง 250 คน และ ส.ส.จากการเลือกตั้ง 500 คน จะมีใครสนใจตรวจสอบ และทำความจริงให้ปรากฏหรือไม่ พรรครัฐบาลวิ่งเต้นให้นักการเมืองหลุดคดีอาญาได้จริงหรือ เป็นการกระทำที่ถูกต้องหรือไม่
ถ้าการกล่าวหาเรื่องช่วยเหลือคดีความเป็นเรื่องจริง น่าเป็นห่วงว่าพรรคแกนนำรัฐบาลจะกลายเป็นศูนย์รวมของบรรดานักการเมืองผู้ต้องหาคดีอาญา ถ้าศาลพิพากษาว่าทำผิดจริงจะกลายเป็น “อาชญากร” พรรคการเมืองจะกลายเป็นแหล่งฟอกตัวของนักการเมืองสีดำสีเทา พรรคการเมืองเป็นศูนย์วิ่งเต้นเรื่องคดีความ
...
ในการวิ่งเต้นเรื่องคดีความ อาจต้องอาศัยอำนาจบารมีของผู้หลักผู้ใหญ่ในรัฐบาลให้ช่วยวิ่งเต้นกระบวนการยุติธรรม เท่ากับดึงผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองให้ร่วมกระทำความผิด ฐานขัดขวางกระบวนการยุติธรรม ความผิดนี้สหรัฐอเมริกาถือเป็นเรื่องใหญ่มาก ประธานาธิบดีที่ถูกกล่าวหาต้องถูกรัฐสภาถอดถอนสถานเดียว
ส่วนในประเทศไทย อาจเป็นความผิดหลายด้าน รวมทั้งถูกกล่าวหาจงใจใช้อำนาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ จงใจไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญที่บังคับไว้ว่ารัฐบาลต้องปฏิรูปด้านกระบวนการยุติธรรม ให้มุ่งอำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชน แต่รัฐบาลจะถูกกล่าวหาจงใจทำลายกระบวน การยุติธรรมเสียเอง.