วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีที่ต่อท่ออำนาจมาจาก คสช. จะแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ก่อนที่จะไปอภิปรายนโยบายรัฐบาล ผมขอฝาก ส.ส. ฝ่ายค้าน ช่วยถาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะ นายกฯรัฐบาลประยุทธ์ 1 และ ประธานสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ที่รวบอำนาจดูแลน้ำในประเทศทั้งระบบ 25 ลุ่มน้ำ มาไว้ในมือ พร้อมงบประมาณอีก 3 แสนล้านบาท ทำไมจึงปล่อยให้ชาวนาและเกษตรกรประสบปัญหาภัยแล้งมายาวนานถึง 8 เดือน จนถึงขั้นวิกฤติ
วันอังคารที่ 23 กรกฎาคม คุณฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เพิ่งออกมาแถลงว่า พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี มีข้อห่วงใยสถานการณ์ภัยแล้ง จึงสั่งการให้ทุกเหล่าทัพสนับสนุนเครื่องบินและกำลังพลในการทำฝนเทียม
คุณฉัตรชัย เปิดเผยด้วยว่า สถานการณ์ภัยแล้งและฝนทิ้งช่วง ได้เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนธันวาคม 2561 จนถึงปัจจุบัน แสดงว่า ภัยแล้ง ได้เริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่ รัฐบาลประยุทธ์ 1 ตั้งแต่ยังไม่ได้เลือกตั้งด้วยซ้ำ แต่รัฐบาลกลับไม่ได้แก้ไขปัญหาอะไรเลย คงปล่อยเลยตามเลย ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2561 จนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 8 เดือนที่ประเทศไทยเจอภัยแล้ง แต่รัฐบาลไม่ได้แก้ไขปัญหาที่เป็นรูปธรรมนอกจากพึ่งฝนหลวง

...
ที่น่าเศร้าใจก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เพียงเป็น นายกรัฐมนตรี แต่ยังเป็น ประธานสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ มีงบประมาณแก้ปัญหาน้ำท่วมภัยแล้งอยู่ในมือ 300,000 ล้านบาท เป็นงบที่ตั้งกันมาสมัย คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกฯ หลังน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 และมี กรมทรัพยากรน้ำ กรมชลประทาน ที่รู้เรื่องน้ำทั้งสองกรมอยู่ในสังกัด
วันวาน คุณประพัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยเกษตรฯ ได้เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำขณะนี้อันตรายมาก ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยามีระดับต่ำมาก เพราะ เขื่อนเจ้าพระยา ระบายน้ำลงมาน้อย ส่งผลให้เกิดน้ำไม่ไหลเข้าไปในระบบชลประทาน เช่น คลองมะขามเฒ่า–อู่ทอง มีความยาว 104 กม. แต่ไม่มีน้ำส่งไปถึงพื้นที่เกษตรหลายแสนไร่ มีน้ำไม่พอที่จะแบ่งให้กับ 24 คลอง จึงเกิดปัญหาทะเลาะแย่งน้ำกันตลอด
เวลานี้ ต้องเร่งจัดหาน้ำให้นาข้าวในลุ่มเจ้าพระยากว่า 17 ล้านไร่ ที่จะเก็บเกี่ยวในช่วงกลางเดือนสิงหาคม จึงสั่งให้ กรมชลประทาน เพิ่มน้ำจาก เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ น้ำจากสองเขื่อนได้ออกเดินทางมาตั้งแต่เย็นวันที่ 21 กรกฎาคม คาดว่าจะมาถึง เขื่อนเจ้าพระยา ในวันที่ 25 กรกฎาคม เพื่อช่วยเลี้ยงนาข้าวกว่า 17 ล้านไร่
ข้อมูลทั้งหมดนี้สะท้อนถึง ความล้มเหลวในการแก้ปัญหาภัยแล้งของรัฐบาล ตั้งแต่ รัฐบาลประยุทธ์ 1 เมื่อเกิดภัยแล้งในเดือนธันวาคม 2561 จนถึง รัฐบาลประยุทธ์ 2 ที่กำลังแถลงนโยบายต่อรัฐสภา เป็นการทำงานที่แย่มากทีเดียว
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้ออกบทวิเคราะห์สถานการณ์ภัยแล้งที่เกิดขึ้นว่า ส่งผลกระทบต่อความสูญเสียทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น เป็นการซ้ำเติมรายได้เกษตรกรให้แย่ลงไปอีก โดยเฉพาะ “ข้าวนาปี” เนื่องจากตรงกับฤดูกาลเพาะปลูกพอดี ผลผลิตข้าวนาปีส่วนใหญ่จะอยู่ในภาคอีสาน คิดเป็นสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 46.4 ของผลผลิตข้าวนาปีทั้งประเทศ และ พื้นที่ปลูกข้าวนาปีในภาคอีสาน ส่วนใหญ่จะอยู่ภายนอกเขตชลประทานมากถึงร้อยละ 90 ทำให้ต้องพึ่งพาน้ำฝนตามธรรมชาติเป็นหลัก ความเสียหายของผลผลิตข้าวนาปีจะเป็นแรงกดดันต่อภาพรวมของรายได้เกษตรกร
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า มูลค่าความสูญเสียทางเศรษฐกิจในช่วงภัยแล้ง นอกฤดูกาล (พฤษภาคม-กรกฎาคม 62) ซึ่งประเมินจากความเสียหายของ “ข้าวนาปี” เป็นหลัก ไม่ต่ำกว่า 15,000 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.1 ของจีดีพี ถ้ารวมความเสียหายของพืชเกษตรอื่น อาจมากกว่าที่ประเมินไว้ นายกฯพล.อ.ประยุทธ์ สบายดีนะครับ.
“ลม เปลี่ยนทิศ”