หนังสือ “ภูมิบ้านนามเมือง” คำใคร ไทย–มอญ–เขมร เล่ม 1 (สำนักพิมพ์มิตรสุวัณภูมิ 2562) ที่ ประสิทธิ์ ไชยชมพู ใช้เวลาค้นคว้า 15 ปี (คอลัมน์ประจำในทางอีศาน)...ผมสะดุดเรื่องบางกะปิ

เดิมที...บางกะปิเป็นถิ่นที่อยู่ของครัวเชลย ลาวเขมรและกูย ที่เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) นำมาจากเวียงจัน จำปาสัก

หนึ่่งในสามข้อสันนิษฐานที่มาชื่อ บางกะปิ เครื่องปรุงอาหาร กะปิ น่าเชื่อถือที่สุด จะหนักแน่นยิ่งขึ้น ถ้าพิสูจน์ได้ถึงนัยสำคัญ คือพบหลักฐานเคยเป็นแหล่งผลิต หรือเคยเป็นแหล่งซื้อขายกะปิ

แต่ก็ยังไม่พบ งานวิจัยภาษา เชิงประวัติ หรือภูมินามวิทยาบ่งบอกว่า กะปิ มาจากบางกะปิ

ประสิทธิ์ ไชยชมพู ชักชวนให้ศึกษาพิสูจน์ทราบประวัติศาสตร์และทางนิรุกติศาสตร์

กะปิ เคยเป็นเรื่องใหญ่ในสมัย ร. 3 มีการตั้งภาษีกะปิ กรมหมื่นสุรินทรรักษ์ รับสั่งเจ้าพนักงานพระคลังสินค้าว่า จะเขียนตราตั้งและบาญชี อย่าให้ออกชื่อว่า “กะปิ” เป็นของหยาบคายต่ำช้า ให้ยักเขียนและกราบทูลเสียว่า “งาปิ”

ตั้งแต่นั้นมา “งาปิ” ก็เป็นภาษาราชการ

ครั้นถึงสมัย ร. 4 มีผู้กราบทูล ออกชื่อ “งาปิ” ก็ไม่โปรด ว่าเหตุใดจึงต้องไปเปลี่ยนชื่อที่คนเรียกกันมาช้านาน พระรัตนโกษาทูลว่า ของอันนี้มีผู้ถูกดูแคลนอยู่...ถ้าไม่โปรด ก็ขอรับพระราชทานชื่ออื่นที่สมควร ลงในท้องตรา

มีพระบรมราชโองการดำรัสว่า ถ้าจะแปลงก็ควรแปลงให้หมด มิใช่แค่ครึ่งๆกลางๆ

จึงโปรดให้ใช้คำ “เยื่อเคย” แทน

แล้วสั่งให้พระยามณเฑียรออกประกาศว่า ถ้าจะกราบทูลเรื่องกะปิ จะเรียกกะปิอย่างเดิมก็ได้ หรือถ้ารังเกียจก็ให้ใช้ว่า “เยื่อเคย” ก็ได้

ส.พลายน้อย อ้างความเห็นศาสตราจารย์ ฉ่ำ ทองคำวรรณ ว่ากะปิ น่าจะเป็นคำที่คนไทยไปยืมคำมอญ-พม่ามาใช้ เพราะคำว่าปลา ภาษามอญเรียก “กะ” พม่าเรียก “งา” ไทยเอาคำมอญผสมคำพม่า มาใช้ กลายเป็น “กะปิ”

...

เปิดสอบทานกับศัพท์เขมร ได้ความตรงกัน กาพิ กาปิ=กะปิ มีศัพท์เขมรที่น่าจะเกี่ยวข้องกันคือ ก็อมปิส์ กอมปิส=กุ้งฝอย

สรุปสันนิษฐานเบื้องต้นน่าจะเป็น

1.กะปิใช้เรียกมาตั้งแต่ก่อนสมัยกรุงอโยธยา เป็นคำธรรมดา ต่อๆมากลายเป็นสแลง คำหยาบ แล้วถูกเบี่ยงเบนแทรกคำพม่า
(งาปิ) ในสมัย ร. 3 เพราะเดียดฉันท์

2.เป็นคำมอญโบราณ ไทยสยามเรียกพ้องตาม ดั้งเดิมทำจากปลาเล็กผสมกุ้งเคย ต่อมาแยกเป็นกะปิปลา กะปิกุ้ง กะปิเคย ศัพท์มอญรุ่นหลังเรียก พะร้อกเที่ยะเมี่ยง (กะปิ)

3.กาพิ (เขมร) =กะปิ เกี่ยวเนื่อง ก็อมปิส์ เขมร=กุ้งฝอย อาจยืมศัพท์มอญโบราณไปเรียก

น่าเชื่อว่า “บางกะปิ” เมื่อกว่าร้อยปีขึ้นไป เคยเป็นแหล่งผลิตกะปิหรือตลาดรับซื้อขายกะปิจนลือเลื่อง แต่บรรพชนรุ่นถัดมาพยา
ยามลืม

เหตุผลที่ทำให้คนพยายามลืม เพราะเป็นคำสแลง กะปิ=อวัยวะเพศหญิง

ที่เรียกสแลง เพราะศัพท์จริงของมอญเรียก อวัยวะเพศหญิง “กะปิ๊” คำ “ปิ๊” คำเดียว วันนี้ก็ยังใช้กัน

เหตุที่ประวัติชื่อบางกะปิ พร่าเลือนลงไป เพราะเดียดฉันท์ในสแลงอันแสลงใจคำนี้นี่เอง

ผมอายุมากกว่า ประสิทธิ์ ไชยชมพู เรียกผม “ท่านพี่” อ่านหนังสือภูมิบ้านนามเมืองแล้ว คลี่ความสงสัยคาใจเดิมๆได้กระจ่าง ตามศักดิ์ของภูมิความรู้นั้น ผมต้องใช้คำเรียกประสิทธิ์เสียใหม่

คนที่เขียนหนังสือ ให้เชื่อได้ว่าเป็นผู้รู้ และรู้จริงๆนั้น มีน้อยคน ประสิทธ์ิ ไชยชมพู ผมเรียก “ท่านครู” เต็มปากได้อีกหนึ่งคน.

กิเลน ประลองเชิง