พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. ที่เป็นผู้ว่าฯ กทม. จาก การแต่งตั้งของ คสช. เพิ่งให้สัมภาษณ์สื่อ เมื่อวันที่ 6 มิถุนายนว่า ได้เตรียมความพร้อมไว้ทุกด้าน เพื่อรับมือกับสถานการณ์ฝนในปีนี้ มีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 800 ตัว มีการขุดลอกท่อระบายน้ำ (ไม่รู้จริงหรือไม่ เพราะไม่เคยเห็นในย่านนี้) ขุดลอกคูคลอง เชื่อว่าสถานการณ์ฝนปีนี้ไม่มีปัญหา สามารถรับมือได้ ประชาชนได้ฟังท่านผู้ว่า กทม.พูดแล้วก็อุ่นใจแต่คำพูดของ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. ฟ้าฝนกลับพิสูจน์ว่าไม่จริงบ่ายสองวันรุ่งขึ้น 7 มิถุนายน ฝนตกลงมาห่าใหญ่ทั่ว กทม. เพียงชั่วโมงเดียวก็เกิดน้ำท่วมถนนหลายสิบสายทั่ว กทม. รวมทั้งจุดเสี่ยง 20 จุด ถนนทุกสายใน กทม.เป็นอัมพาตไปเกือบ 6 ชั่วโมง เพื่อนฝูงที่ไปงานออกจากบ้านตั้งแต่บ่าย 4 เผื่อเวลาไว้แล้ว ยังนั่งหน้าเหี่ยวในรถ 3–4 ชั่วโมงกว่าจะไปถึงงาน สร้างความเดือดร้อนแสนสาหัสไปทุกหย่อมหญ้าใน กทม. โดยเฉพาะคนที่เลิกงานช่วงเย็นต้องกลับบ้านหรือไปรับลูกพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่า กทม. ที่คุยโม้ว่าปีนี้รับมือกับฝนได้ไม่มีปัญหา เพราะได้เตรียมพร้อมสารพัด ไม่กล้ารับโทรศัพท์จากผู้สื่อข่าว ได้แต่โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กว่า ปัญหาน้ำท่วมขัง เป็นเพราะสถานีสูบน้ำรัชดาฯ วิภาวดี และอุโมงค์บางซื่อ ใช้ได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ เพราะกระแสไฟที่จ่ายเข้าไปสำหรับเดินเครื่องมีปัญหา ทำให้ระบายน้ำไม่ทัน (โทษไฟฟ้าแทน) แต่ กทม. แก้ปัญหาด้วยการใช้สถานีสูบน้ำเดิมที่วัดแก้วฟ้า ซึ่งมีเครื่องสูบน้ำอยู่ 16 ตัว และ ขอโทษประชาชนในความไม่สะดวก โดยทาง กทม. ได้สั่งทุกเขตจัดรถเทศกิจรับส่งประชาชนที่ติดอยู่ตามท้องถนน (เพราะรถเมล์ รถแท็กซี่ ไม่มีติดน้ำท่วมกันหมด) ระดับน้ำค่อยๆลดลงสู่ภาวะปกติในช่วงค่ำฝนเริ่มตกในช่วงบ่าย 2 พอเวลา 15.45 น. คุณสรรเสริฐ เรืองฤทธิ์ หัวหน้ากลุ่มงานในสำนักการระบายน้ำ กทม. ก็ได้ทวีตข้อความว่า “ข่าวร้าย อุโมงค์ระบายน้ำบางซื่อไฟดับ ทำให้การระบายน้ำแถบเขตลาดพร้าว จตุจักร พญาไท ดินแดง บางซื่อ มีปัญหาอยู่ระหว่างแก้ไข” ประเด็นที่น่าสงสัยก็คือ อุโมงค์ระบายน้ำบางซื่อ เป็นอุโมงค์ระบายน้ำขนาดใหญ่ เพื่อใช้เร่งระบายน้ำในช่วงวิกฤติ ทำไมไม่มีระบบไฟฟ้าสำรอง พอไฟฟ้าดับเครื่องสูบน้ำก็ดับไปด้วยอุโมงค์ยักษ์ระบายน้ำบางซื่อ มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 5 เมตร ยาว 6.4 กม. สามารถระบายน้ำได้ 60 ลบ.ม.ต่อวินาที เพื่อระบายน้ำจากพื้นที่ 6 เขต 56 ตารางกิโลเมตร คือ ดุสิต บางซื่อ พญาไท จตุจักร ดินแดง ห้วยขวาง ไปลงแม่น้ำเจ้าพระยา ใช้เงินก่อสร้างเกือบ 2,500 ล้านบาท พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. เพิ่งไปทำพิธีเปิดใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2560 ปีเศษที่ผ่านมา แต่หน้าฝนปีที่แล้วก็ใช้การไม่ได้ หน้าฝนปีนี้ก็ใช้การไม่ได้ ด้วยข้ออ้างที่รับไม่ได้ว่าไฟฟ้าดับ เพราะระบบแบบนี้ต้องมีเครื่องปั่นไฟฟ้าสำรองสองเดือนก่อน กทม.ของบประมาณใหม่อีก 13,800 กว่าล้านบาท จาก ครม. เพื่อสร้างอุโมงค์ยักษ์ระบายน้ำเพิ่ม วันนี้ กทม.มีอุโมงค์ยักษ์ 2 แห่ง ยาว 32 กม. ตามข้อมูลระบุว่า สามารถระบายน้ำได้ 215 ลบ.ม.ต่อวินาที สามารถนำน้ำออกจากสระว่ายน้ำได้ภายใน 12 วินาที แต่ในชีวิตจริง ทุกครั้งที่ฝนตกไม่ว่ามากหรือน้อย น้ำก็ท่วมกรุงเทพฯทุกที รถติดกันมากมาย สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินและเศรษฐกิจอย่างมหาศาลนับเฉพาะฝนบ่ายวันศุกร์ที่ 7 มิถุนายนก็แล้วกัน น้ำท่วมถนนหลายสิบสาย (ไม่นับที่ท่วมในตรอกซอกทั่ว กทม.) ทำให้รถติดวินาศสันตะโรทั่วกรุงเทพฯทุกสาย ถูกบล็อกไปหมดจนเคลื่อนตัวไม่ได้ แต่ละคนติดแหงกอยู่ในรถคนละ 3–4 ชั่วโมง ถ้านับความเสียหายทางเศรษฐกิจ การค้าขายไม่ได้ของพ่อค้าแม่ค้า น้ำมันที่ถูกเผาผลาญจากรถติดนับล้านๆคัน ความเสียหายทางจิตใจของคนที่ติดอยู่ในรถ ฯลฯ มากมายจนนับมูลค่าไม่ถูกแทนที่จะขอโทษประชาชนผ่านเฟซบุ๊ก พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ควรจะ แสดงความรับผิดชอบต่อหน้าที่ ด้วยการ ลาออกจากผู้ว่าฯ กทม. ตามลูกพี่เก่า ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ุ บริพัตร ไปเสียจะดีกว่า เผื่อจะได้คนเก่งกว่ามาบริหาร กทม.แทน.“ลม เปลี่ยนทิศ”